ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Episode 18
ฮันบินเดินผ่านผู้คนมากมายก่อนจะขึ้นไปที่ห้องเรียนของตัวเองเพราะเขานัดเจอกับจุนฮเวที่นั้น คนตัวเล็กเห็นที่หน้าประตูโรงเรียนจะมีคนคอยตอนรับ บ้างคนจะโดนสะกดจิตก่อนจะได้เข้ามาในโรงเรียน พวกนักท่องเที่ยวทุกคนที่เข้ามาจะโดนแบบนี้ เพราะถ้าเรื่องในวันนี้แพร่กระจายออกไปมีหวังเมืองนี้ต้องเต็มไปด้วยนักข่าวแน่นอน
ร่างบางพาตัวเองมาอยู่ที่หน้าห้องก่อนจะมองเข้าไปด้านในก็เห็นจุนฮเวกับจินฮวานกำลังแย่งของอะไรกันอยู่
จุนฮเวชูของในมือขึ้นจนสุดแขนทำให้คนตัวเล็กอย่างจินฮวานต้องเขย่งตัวขึ้นก่อนจะยื่นมือไปจนสุดแต่ก็ไม่ถึงอยู่ดี
จนจินฮวานต้องกระโดดขี่คอจุนฮเวนั้นล่ะถึงจะแย่งมาได้
“เอ้าๆ
หวานกันให้เกรงใจผมหน่อยสิ” ฮันบินบอกพร้อมกับยิ้มมองทั้งสองคนตรงหน้า
“อะไร! หวานอะไร ไม่มีเหอะ” จุนฮเวรีบปฏิเสธก่อนที่จินฮวานจะลงจากหลังของเขา
“ใช่
ใครหวานอะไรกัน ไม่มีเนอะ” จินฮวานบอกพลางยิ้มเขิน
“อ่า.. ไม่มีก็ไม่มี มาถึงกันนานยังครับ?”
“ก็ก่อนหน้าฮันบินมาแปปเดียวนี้ล่ะ
วันนี้พี่ว่างก็เลยอยากมาดูงานโรงเรียนด้วย” จินฮวานตอบก่อนจะเดินเข้ามาหาฮันบิน
“งั้นลงไปข้างล่างกันเถอะ
ใกล้ได้เวลาที่ผอ.จะเปิดงานแล้ว” ฮันบินก้มมองนาฬิกาก่อนจะมองทั้งคู่
ทั้งสามคนพยักหน้าก่อนจะเดินลงไปที่สนามใหญ่
งานโรงเรียนจะเป็นยังไงบ้างนะ
พอลงมาถึงนักเรียนในโรงเรียนกับบุคคลภายนอกก็อยู่กันเต็มสนามไปหมด
ฮันบินกับจุนฮเวขอทางเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนในห้องของพวกเขา
ส่วนจินฮวานก็ขอตัวไปยืนกับยุนฮยอง
ฮันบินกวาดสายตาไล่ไปทั่วสนามก่อนจะสบตาเข้ากับจีวอนที่ตอนนี้กำลังมองมาที่เขา
คนตัวเล็กเห็นจีวอนยืนอยู่กับยุนฮยอง ดงฮยองและจินฮวาน
ยุนฮยองพอเห็นฮันบินก็ยกมือโบกให้ด้วยรอยยิ้ม ดงฮยองก็ทำตามเหมือนกัน
ร่างบางก็เลยยกมือโบกตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ยินดีตอนรับทุกคนเข้าสู่โรงเรียนของผม” เสียงของผอ.พูดออกไมค์ทำให้ทุกคนหันมองที่หน้าเวที
“วันนี้เราได้จัดงานแสดงเอาไว้มากมายหวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับมันนะครับ
และวันนี้ผมก็ขอเปิดตัวหุ้นส่วนในโรงเรียนของเราเพียงคนเดียวให้เขาขึ้นมาเปิดงานกับผมด้วย
คนๆนั้นคือ ซิโค่ เชิญขึ้นมาบนเวทีเลย”
พอได้ยินชื่อนั้น
จีวอนถึงกับต้องยกยิ้มมุมปากขึ้นมาก่อนจะมองไปที่ซิโค่กำลังเดินขึ้นเวทีไป
เช่นเดียวกับยุนฮยองที่ทำหน้าเหมือนไม่ตกใจอะไรมากนัก
มินโฮกับบีไอที่เพิ่มมาถึงยังไม่ตกใจเลยสักนิด
เหมือนกับว่าทุกคนรู้กันหมดแล้ว
ซิโค่โค้งให้ทุกคนบนเวทีก่อนจะไปยืนอยู่ข้างผอ.
นักเรียนในโรงเรียนผู้หญิงทุกคนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความหล่อของซิโค่
ส่วนฮันบินก็มองซิโค่นิ่งๆไม่ได้คิดอะไร
เพราะอาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้อยู่แล้วว่าซิโค่เป็นหนึ่งในพี่น้องต้นตระกูลของจีวอน
และอีกอย่างยุนฮยองเคยบอกว่าซิโค่ไม่น่าคบหาด้วยเขาก็เลยไม่ใส่ใจเท่าไร
ร่างสูงบนเวทีมองลงมาหาจีวอนที่ยืนอยู่ด้านล่าง
พลางส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยมาให้
จีวอนได้แค่ยืนล้วงกระเป๋ามองนิ่งๆก่อนจะยกยิ้มแล้วชูนิ้วกลางไปให้ซิโค่
ในบรรดาพี่น้องจีวอนไม่ถูกกับซิโค่มากที่สุด
จะว่าเกลียดก็ไม่ใช่เพราะยังไงก็ครอบครัว
“ฉะนั้นผมขอเปิดงานโรงเรียน
ณ บัดนี้ครับ”
สิ้นเสียงของผอ.ก็มีพลุหลากหลายสีจุดขึ้น
ฮันบินเงยหน้ามองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้
พอพลุหมดทุกคนก็พากันไปเดินชมตามบูทที่จัดไว้ให้ชม ส่วนฮันบินก็ต้องไปเฝ้าอยู่หน้าเมืองกระจกโดยทำหน้าที่คอยตรวจบัตรเข้าชม
“ฮันบินนนน
ไปเดินด้วยกันไหม?” ยุนฮยองเดินเข้ามาหาฮันบินที่ตอนนี้กำลังจะไปเฝ้าบูทของตัวเองอยู่
“ผมไปไม่ได้หรอกครับ
ต้องไปช่วยงานที่ห้องน่ะ” ฮันบินบอกยิ้มๆ
“น่าเสียดายแฮะ
ถ้างั้นเดี๋ยวจะแวะไปเล่นด้วยนะ” ยุนฮยองบอกก่อนจะเดินไปกับดงฮยองและจินฮวาน
“ถ้างั้นไปกันเถอะ” จุนฮเวบอกฮันบินที่มัวแต่มองจีวอนที่เดินผ่านเขาไป
ฮันบินพยักหน้าก่อนจะเดินตามจุนฮเวไปทันที
เดี๋ยวก็คงมาหาเองล่ะมั้ง
เมื่อมาถึงที่บูธห้องตัวเองฮันบินก็พบว่าคนที่เข้ามาชมสนใจในบูธของห้องพวกเขาเยอะเหมือนกัน
จากที่ดูจากแถวที่ยาวเหยียดทำให้รู้ว่าเมืองกระจกของพวกเขาได้รับความนิยมไม่น้อยเลย
ฮันบินรู้มาอีกว่ามินอาที่เป็นแม่มดได้ร่ายคาถาใส่กระจกไว้
คนที่เข้าไปจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองที่อยู่ลึกลงไปในจิตใจสะท้อนออกมาให้เห็น
เมื่อกี้จุนฮเวก็ลองเข้าไปเล่นแล้วก็ออกมาบอกว่า เขาเห็นตัวเองเป็นหมาป่าสีเทาตัวใหญ่
ก็แน่ล่ะ
จุนฮเวเป็นหมานิ
เสียงกรีดร้องอย่างสนุกสนานดังออกมาเป็นระยะ
ฮันบินได้คุยเล่นกับคนที่มายืนต่อแถวอยู่บ้างมันเลยทำให้เขาไม่เบื่อเท่าไร
มีผู้หญิงบ้างคนเข้ามาขอเขาถ่ายรูปด้วย
สายตาของฮันบินมองไปทั่วก่อนจะเห็นจีวอนยืนอยู่ที่มุมหนึ่งที่ไม่ห่างไกลจากบูธของเขามากนัก
เดี๋ยวก็คงไปล่ะมั้ง
แต่เปล่าเลย
จีวอนยังคงมองฮันบินจากตรงไหน
ไม่ว่าฮันบินจะหันไปมองตรงที่จีวอนยืนก็ยังเห็นจีวอนยืนอยู่ตรงนั้นแล้วก็มองมาทางเขา
มีบางครั้งที่ฮันบินหันไปยิ้มให้จีวอนแล้วคนตัวสูงยกยิ้มมุมปากกลับมาให้
อยู่ดีๆก็รู้สึกดีแฮะ
ตอนนี้เป็นเวลาช่วงพักของจุนฮเวและฮันบินหลังจากที่ทำหน้าที่เป็นคนตัวตั๋วมาเกือบครึ่งค่อนวัน
ทั้งสองคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ที่บูธๆหนึ่งก่อนจะตกลงกันว่ากินเสร็จจะไปเดินดูตามบูธต่างๆเพราะมินอาให้พวกเขาพักถึงช่วงเย็น
“มองหาอะไรวะ?” จุนฮเวถามเมื่อเพื่อนของตัวเองมองไปรอบๆเหมือนกำลังหาใครอยู่
“เปล่า
แค่ดูว่าจะไปไหนก่อนดี” ฮันบินตอบก่อนจะตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก
“งั้นไปตรงนั้นป่ะ
นายชอบดาวนิ”
จุนฮเวบอกพลางชี้ไปทางบูธหนึ่งที่ทำเป็นห้องกาแลกซี่
“เออ
กำลังจะบอกว่าไปตรงนั้น แต่ขอไปเข้าห้องน้ำแปป”
คนตัวเล็กบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปทางที่ห้องน้ำ
แต่ตรงนี้คนเยอะเกินไปฮันบินก็เลยตัดสินใจว่าจะไปเข้าบนตึก ขาเรียวเดินขึ้นบนไดไปบนตึกที่ในเวลานี้ไม่มีคนอยู่เลยเพราะลงไปที่จัดงานกันหมด
ร่างบางหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำยังไม่ทันได้เปิดเข้าไปจมูกสวยก็ได้กลิ่นคาวอย่างกับกลิ่นของเลือด
หน้าสวยขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะคิดว่ามันไม่มีอะไรแล้วเปิดเข้าไป
!!!
ทันทีที่เปิดเข้าไปฮันบินก็เจอเข้ากับแวมไพร์สาวตาสีแดงสดที่กำลังกัดคอชายหนุ่มคนหนึ่งก่อนจะดูดกินเลือดจนตัวผู้ชายคนนั้นขาวซีดไปหมด
เธอเงยหน้าขึ้นมาหาฮันบินแล้วแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะเลียเลือดที่เลอะอยู่ตรงมุมปากของตัวเองแล้วเดินมาหาฮันบิน
“คุณ! อย่าเข้ามานะ!” หัวสมองสั่งให้วิ่งหนีแต่ขากลับไม่มีเรียวแรงเลยสักนิด
คนตัวเล็กยืนนิ่งด้วยความกลัวในขณะที่เธอกำลังก้าวเข้ามา
ฉึก!
แล้วอยู่ๆลูกหน้าไม้ก็ผ่านหน้าของฮันบินไปก่อนจะปักเข้าตรงกลางหัวของแวมไพร์สาว
เธอนิ่งไปก่อนจะมีไฟมาเผาไหม้ตัวของเธอให้เป็นจุล
ร่างบางมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างตกใจก่อนจะรีบหันไปหาว่าใครเป็นคนทำ
ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดก่อนจะใส่เสื้อแจ็คเก็ตทับลงไปอีกชั้น
น่าตาของเขาดูเหมือนไม่ใช่พวกที่จะมาทำอะไรแบบนี้ได้เลยสักนิด ใบหน้าที่ขาวดูหล่อและน่ารักในเวลาเดียวกัน
โครงหน้าที่สมบูรณ์แบบ จมูกโด่งเป็นสัน ฮันบินมองผู้ชายคนนั้นที่เดินไปเก็บลูกหน้าไม้ของตัวเองใส่กระเป๋า
เขาไม่เคยเห็นหน้าคนๆนี้ และไม่รู้ว่าเป็นใคร
“คุณ! ขอบคุณนะที่มาช่วยผม”
ฮันบินเรียกเขาไว้เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเดินออกไป
ใบหน้าหล่อหันมาหาฮันบินก่อนจะยิ้มให้
“ไม่เป็นไร
มันเป็นหน้าที่ฉันที่ต้องจัดการสวะพวกนี้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกฮันบินก่อนทำท่าจะเดินไปอีก
“คุณชื่ออะไรหรอ?” ปากเร็วกว่าความคิดฮันบินตะโกนถามชื่อของชายคนนั้น
“จอง
แจวอน ฉันไปล่ะนะ”
ชายคนนั้นหันมาตอบก่อนจะเดินจากฮันบินไปแล้วโบกมือให้โดยไม่หันมามอง
จองแจวอนงั้นหรอ …
บ๊อบบี้จะรู้จักแจวอนมั้ยนะ …
*****
ตอนนี้เป็นเวลาช่วงเย็นของวันแล้ว
ฮันบินกับจุนฮเวก็ต้องกลับมาประจำหน้าที่หลังจากที่ทั้งสองคนไปเดินเล่นชมบูธต่างๆมา
บูธที่ฮันบินชอบที่สุดก็คงจะเป็นห้องกาแล็คซี่นั้นล่ะ
คนตัวเล็กอยู่ในนั้นนานเกือบชั่วโมง ยังไม่พอให้จุนฮเวถ่ายรูปให้อีกสิบกว่ารูป
ภายในห้องนั้นมันเป็นเหมือนกับว่าเราได้ไปยืนอยู่บนท้องฟ้าก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นกาแล็คซี่หลายรูปแบบ
เหมือนอยู่บนสวรรค์
ฮันบินคิดแบบนั้น
เวลานี้ผู้คนเริ่มไม่เยอะมากเหมือนตอนกลางวันแล้ว
เรียกได้ว่าไม่ค่อยมีคนเลยมากกว่า ฮันบินยิ้มให้นักท่องเที่ยวผู้หญิงที่ยื่นตั๋วมาให้เขาตรวจพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยที่เขาจูงมา
ฮันบินฉีกตั๋วให้พวกเธอด้วยรอยยิ้มก่อนจะยื่นมือไปยีหัวเด็กหญิงเบาๆ
เธอยิ้มให้เขาก่อนคนเป็นแม่จะพาเข้าไปด้านใน
“คู่นี้คงเป็นคู่สุดท้ายแล้วมั้ง” จุนฮเวพูดก่อนจะมองไปรอบๆที่ตอนนี้ไม่มีใครมาซื้อตั๋วหรือต่อแถวรอจะเข้าไปด้านใน
“จะว่าไปคนที่มาเล่นก็เก่งเหมือนกันนะ
ได้รางวัลไปตั้งเยอะแหน่ะ”
“เออดิ
แต่ฉันกว่าจะออกมาได้คล่ำทางอยู่ตั้งนาน
ถ้าไม่มีแผนที่ที่ยัยมินอาให้มาคงออกมาช้ากว่านี้แน่ๆ”
“โถ่
โง่จริงๆเพื่อน”
“อะไร
แกว่าใครโง่วะ?”
“ว่าหมา”
“ฉันก็หมานะเว้ย!”
“ฮันบิน
นายเข้าไปช่วยคนที่เพิ่งเข้าไปหน่อยสิ เหมือนจะหลงอ่ะ เห็นกดปุ่มขอความช่วยเหลือ” มินอาสั่งผ่านมาทางว.สื่อสารที่พวกเขาใช้
“โอเค
ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ฮันบินตอบกลับไปก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
“ต้องไปด้วยป่ะ?”
“ไม่ต้อง
ฉันฉลาดกว่าแกวะ”
ฮันบินบอกก่อนจะยิ้มกวนไปให้ทำให้จุนฮเวไล่เตะเขา
ร่างบางหัวเราะอย่างร่าเริงก่อนจะวิ่งผ่านประตูที่ใช้เป็นผ้าสีดำเข้ามาด้านใน
ภายในห้องจะดูเงียบลงไปเลยถ้าไม่มีเสียงเพลงสบายๆที่เปิดผ่านลำโพงไว้
ร่างบางเดินเข้ามาด้านในที่ตอนนี้ทั้งสองข้างของเขาเป็นกระจก
มันสะท้อนเงาของเขาให้เห็นทั้งสองข้าง ฮันบินเดินมาเรื่อยๆจนถึงทางแยกไปซ้ายกับขวา
ยังดีที่เขาจำแผนที่ของมินอาให้มาได้บอกว่าต้องไปทางขวา
ขาเรียวเดินเลี้ยวไปทางด้านขวาก่อนจะเดินไปตามทางเรื่อยๆที่มีแต่กระจก
“มินอา
สัญญาณขอความช่วยเหลืออยู่ตรงห้องใหญ่ใช่มั้ย?” ฮันบินว.ถามมินอา
ตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปที่นั้น
“ใช่ๆตรงนั้นล่ะ
ถ้า..ไป..จะ..เจอ”
“อะไรนะ?” ฮันบินถามซ้ำเพราะเสียงของมินอาขาดๆหายๆไป
“นาย…ยิน…ไหม?”
“มินอาเสียงขาดๆหายๆมากเลย” ฮันบินหยุดเดินก่อนจะว.ตอบมินอาไป
“น่า..ไม่..สัญ..โอ๊ย..ซ่า” และแล้วเสียงซ่าที่เหมือนสัญญาณขาดหายก็ดังขึ้น ทำให้ฮันบินรู้เลยว่าเขาคงติดต่อกับคนภายนอกไม่ได้แล้ว
ในนี้ไม่น่าจะไม่มีสัญญาณนะ
คนตัวเล็กสะบัดความคิดร้ายๆออกจากหัวก่อนจะเดินไปตามทางที่จะพาไปห้องใหญ่
ห้องนั้นจะเต็มไปด้วยกระจกรอบด้าน มันเป็นด่านสุดท้ายที่จะได้ออกไปจากที่นี้
ถ้าเปิดบานกระจกไปถูกทางมันจะพาไปเจอทางออกได้อย่างง่ายดาย
ทำไมไม่เห็นมีใครเลยล่ะ?
ใบหน้าเรียวขมวดคิ้วขึ้นเมื่อมาถึงที่ห้องใหญ่แล้วไม่พบใครสักคน
ร่างบางลองเข้าไปผลักกระจกดูแต่มันกลับไม่เปิดให้
ทั้งๆที่ตรงนี้กระจกต้องเปิดได้ทุกบาน ความกลัวเริ่มเข้ามาครอบง่ำจิตใจฮันบิน
ในหัวหยุดคิดเรื่องร้ายๆไม่ได้เลย
“หึ..ฮิ” แล้วอยู่ๆเสียงหัวเราะของใครสักคนก็ดังขึ้นแทนเสียงเพลงที่เปิดอยู่
คนตัวเล็กเริ่มหันไปมารอบตัวอย่างระแวง
“ฮ่ะๆ..หึ..หึ”
“คุณเป็นใคร?!”
“มอง..มองเข้าไปในกระจกสิ แล้วเธอจะเห็นฉัน” น้ำเสียงที่แหบดูน่าขนลุกตอบกลับมาหาฮันบิน
คนตัวเล็กค่อยๆลดใบหน้าที่เงยอยู่ลงมามองที่กระจก
!!!
ฮันบินเห็นเหมือนกับในความฝันที่ฝันอยู่ทุกวัน
แต่ตอนนี้ต่างกันแค่เขายังไม่ได้นอนหลับ
ร่างของชายคนหนึ่งที่มีปีกขนาดใหญ่งอกออกมาจากกลางหลัง เขาคู่หนึ่งงอกออกมาจากผมที่ยาวสลวย
ร่างกายกำยำถูกผ้าปกปิดไว้แค่ท่อนล่างเท่านั้น
“ค..คุณเป็นใคร!?”
ร่างบางถามออกไปก่อนจะมองชายคนนั้นที่กำลังกอดเขาจากด้านหลังในกระจก
“ดูสิที่รัก
เราเหมาะสมกันมากแค่ไหน”
ไม่พูดเปล่าเล็บที่แหลมยาวไล้ไปตามโครงหน้าของร่างบาง
ฮันบินกำลังเห็นตัวเองในกระจกที่ไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป
ใบหน้าของเขาในกระจกกำลังยกยิ้มร้ายราวกับปีศาจ ปีกสีขาวกำลังสยายออกมาจากทางด้านหลังของเขา
เส้นผมยาวลงมาถึงกลางแผ่นหลัง เขาสีขาวงอกออกมาจากศรีษะของเขา
เล็บมือที่เคยสั้นตอนนี้มันกลับยาวแหลมออกมา
มันเหมือนกับเขา
เหมือนกับเขาที่อยู่ตรงนี้กับฮันบิน
ฮันบินกลัว
กลัวตัวเองในร่างนั้น
“มาเถอะ
ไปกับฉันแล้วเราจะสร้างโลกใหม่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน”
เสียงแหบกระซิบตรงใบหูของร่างบางพลางสูดดมซอกคอขาวนั้น
ฮันบินหลับตาแน่นพร้อมกับตัวที่สั่นด้วยความหวาดกลัว
เสียงในหัวใจกำลังเรียกหาใครอีกคนที่ต้องการเจอมากที่สุดในตอนนี้
‘บ๊อบบี้
คุณอยู่ไหน ได้ยินผมไหม?’
“หึ.. มีฉันอยู่ตรงนี้แล้วเธอยังจะเรียกหาคนอื่น
น่าสมเพช!” ตัวของฮันบินพูดเหวี่ยงเข้ากับกระจกจนแตกก่อนที่ร่างบางร่วงลงมาสู่พื้น
ตุบ!!
“บอกฉันสิ
ว่าเธอจะเป็นของฉัน จะไปกับฉัน แล้วเราจะมีความสุขด้วยกัน” คางของฮันบินถูกบีบให้มองดูใบหน้านั้น
“ไม่! คุณจะพาผมไปไหนไม่ได้! ผมจะไม่ไปกับคุณ!” ฮันบินมองใบหน้านั้นก่อนจะตอบออกมาอย่างชัดเจนทำให้เขาโดนเล็บยาวๆนั้นข่วนลงไปที่ใบหน้า
“หัวใจดวงนี้มันเป็นของฉัน
ฉันต้องได้ มันเป็นของฉัน”
เล็บที่ยาวแหลมจิกเข้าไปในตำแหน่งหน้าอกด้านซ้าย
ตรงที่หัวใจ มันค่อยๆจิกเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ มือของเขากำลังจะล้วงเข้าไปด้านในตัวของฮันบิน
เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาตามเสื้อ ร่างบางหายใจถี่ก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“อ๊ากกกกกก!!!”
‘ได้โปรดเถอะ
บ๊อบบี้ มาช่วยผมที’
ฮันบินยังคงเรียกหาอีกคนด้วยลมหายใจที่เริ่มแผ่วเบา
จนตอนนี้เขาถูกมือนั้นเข้าไปกุมหัวใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เลือดสีแดงสดยังไหลออกมาไม่หยุด
ฮันบินรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย น้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บ
ตาสวยปรืออย่างไร้เรียวแรงแทบจะปิดเต็มที
ในหัวที่เหลือสติอันน้อยนิดพยายามเรียกหาอีกคน ลิ้นที่หยาบดูน่าขนลุกกำลังเลียเลือดที่มาจากแผลรอยข่วนบนหน้า
“อย่าแตะต้องของๆฉัน!” เสียงที่แหบทุ้มดังขึ้นพร้อมกับเตะเข้าไปที่ชายคนนั้นแต่เขาหายตัวไปพอดี
“นี่! ได้ยินไหม?!”
จีวอนถามร่างบางตรงหน้าก่อนที่ฮันบินจะพยักหน้าเป็นคำตอบช้าๆ
คนตัวสูงประคองร่างเล็กให้ยืนขึ้น
ฮันบินยืนโงนเงนเพราะใกล้กำลังจะหมดสติเต็มทีจนจีวอนต้องกอดเอวเล็กนั้นไว้
จีวอนได้ยินเสียงฮันบินเรียกตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจ แต่ด้วยจินฮวานไปเจอสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับเขาคนนั้น
กับเลือดของจีวอนที่ไหลผ่านเสื้อออกมาและเสียงเรียกของฮันบินที่ดูเจ็บปวดนั้นล่ะ
จีวอนก็ออกตามหาฮันบินแล้วให้จินฮวานโทรถามจุนฮเว ถึงได้รู้ว่าฮันบินอยู่ที่ไหน
“เธอเป็นของฉัน
ของฉันตลอดไป!”
เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้อง
ก่อนจะเกิดเป็นพายุลูกเล็กๆที่ทำให้บานกระจกตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าพากันล้มลงมา
เศษกระจกที่แตกพากันลอยขึ้นก่อนจะพุ่งเข้ามาหาตัวจีวอนและฮันบิน
ร่างสูงใช้ตัวเองเป็นที่กำบังให้กับคนตัวเล็กโดยการที่กอดฮันบินไว้ในอ้อมกอดแล้วเอาตัวเองเป็นที่รับเศษกระจกแทน
ฉึก!!!
เศษกระจกนับหลายร้อยชิ้นพากันพุ่งเข้าใส่ตัวจีวอน
มันบาดไปทั่วแผ่นหลังของเขา มีบ้างชิ้นที่ทิ่มอยู่ที่หลัง แต่จีวอนไม่เจ็บเลยสักนิดกลับกันเขารำคาญมากกว่า
เมื่อเห็นเหตุการณ์สงบลงแล้วร่างสูงก้มลงมาดูคนในอ้อมกอดก่อนจะพบว่า
เศษกระจกอันใหญ่ทิ่มอยู่ที่คอของฮันบิน
ร่างบางหายใจแผ่วเบาลงไปทุกที
เช่นเดียวกันกับจีวอนที่เขาก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน มือหยาบยื่นไปดึงเศษกระจกออกพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากแผล
ตัวของร่างบางกระตุกแรงขึ้น จีวอนกัดข้อมือตัวเองก่อนจะแนบลงไปที่ปากของฮันบิน
มืออีกข้างที่ว่างพยายามกดแผลห้ามเลือดเอาไว้แต่มันไม่ง่ายเลย
“กินสิ! กินเข้าไป!”
คนตัวสูงพูดเสียงดังอย่างห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้
มือหยาบบีบเกร็งให้เลือดของตัวเองหยดเข้าไปในริมฝีปากบางนั้น
“โถ่เว้ย!”
จีวอนตะโกนออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะทรุดตัวลงนั่งโดยมีฮันบินอยู่บนตัก
มือที่ยังกดแผลให้ร่างบางก็ยกกดอยู่แบบนั้น ในเวลานี้เขาไม่ได้ยินเสียงหัวใจของฮันบินเพราะหูอื้อไปหมด
คงเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นของฮันบินในตอนนี้
คิมฮันบินกำลังจะตาย
ฮันบินพยายามประคองสติตัวเองไม่ให้ดับลงแม้ว่าตาของเขาจะปิดแล้วก็ตาม
ตัวของฮันบินช้าไปหมดแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีก หัวใจที่เคยเต้นปกติในเวลานี้มันช้าเหมือนจะหยุดเต้น
ฮันบินรู้ดีว่ายังมีอีกคนที่รู้สึกแบบเดียวกับเขา
จีวอนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก
สายตาเริ่มพลามัวมองอะไรไม่ชัด เปลือกตากำลังจะปิดลง
จากนั้นลมหายใจก็เริ่มติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จีวอนก็ยังสู้กับอาการที่เกิดขึ้น
จีวอนกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายอีกครั้ง
คนตัวสูงล้มตัวลงไปนอนทับเศษกระจกที่เกลื้อนอยู่โดยไม่สนใจเลยว่ามันจะบาดผิวของเขาเพิ่มหรือไม่
มือไม้เริ่มอ่อนลง ขาแขนเริ่มไม่มีแรง เปลือกตานั้นปิดลงราวกับว่ามันหนักอึ้ง มือของร่างสูงค่อยๆเลื่อนไปจับนิ้วมือของร่างบางเบาๆ
เหมือนลมหายใจที่เหลืออยู่ครั้งสุดท้ายกำลังจะจากไป
ตุบๆ
ตุบ!
และแล้วหัวใจของคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนตักเขาก็กลับมาเต้นอีกครั้ง
จีวอนหอบหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นมา เขาไม่รู้สึกแบบก่อนหน้านั้นอีกแล้ว
ร่างสูงก้มลงไปเอาหูแนบอกของฮันบินเพื่อฟังว่าหัวใจของคนตัวเล็กเต้นเป็นปกติแล้วจริงๆใช่ไหม
จีวอนยกยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กในท่าเจ้าหญิงก่อนจะพาออกจากที่นี้
พอออกไปด้านนอก จินฮวาน จุนฮเว ยุนฮยอง
มินโฮและบีไอที่กำลังยืนรอทั้งคู่อยู่ก็ต่างตกใจกับภาพที่เห็น
ตอนแรกพวกเขากะจะเข้าไปช่วยแล้วแต่ทำยังไงก็เข้าไปไม่ได้ จินฮวานกับจุนฮเวรีบเข้ามาดูฮันบินพอจีวอนวางคนตัวเล็กไว้ที่สนามหญ้า
“เขามา
จะมาเอาตัวฮันบิน”
“ว่าไงนะ
เขามาปรากฏตัวแบบนี้ได้ยังไง?” ยุนฮยองพูดเสริมก่อนจะดึงเศษกระจกที่ตัวจีวอนออก
“ปกติไม่ได้นะ
แล้วทำไม..”
“อ่าบ๊อบบี้
ฉันทำนายเกือบตายอย่างนั้นหรอ?”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่จีวอนคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของจินฮวาน
ทั้งหมดมองไปตามเสียงเรียก ใบหน้าที่คุ้นเคย รูปร่างที่เคยเห็น
ทำให้จีวอนจำได้ทันทีว่าเธอเป็นใคร เธอยืนอยู่ตรงหน้าบูธของฮันบิน
ร่างบางสวยนั้นกำลังสวมชุดเดรสสีชมพูที่ดูสดใส
“ไง
คิดถึงฉันไหมทุกคน?”
เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
พร้อมกับโค้งตัวเป็นการทักทายทุกคน จีวอนยกยิ้มก่อนจะมองใบหน้าสวยนั้น
คิม
จีซู
“เธอก็คือหัวหน้าพวกนอกรีตคนปัจจุบันสินะ” มินโฮพูดก่อนจะเดินเข้ามาหาจีวอน
“ฉลาดนิมิโน
ยินดีที่ได้พบนะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“อ่า.. ให้ตายสิ ฉันไม่ค่อยว่างเลยแฮะ ไว้เรามานั่งทานข้าวเย็นด้วยกันดีมั้ย” จีซูพูดก่อนจะหันหลังกลับเตรียมจะเดินออกไป
“แล้วก็นะบ๊อบบี้
ครั้งนี้เธออาจจะช่วยเด็กคนนี้ได้ แต่ครั้งหน้าไม่ได้แน่” เธอพูดก่อนจะหัวเราะคิกคักในลำคอก่อนจะเดินจากไป
จินฮวานร่ายคาถาโจมตีจีซูที่กำลังจะหนีไปแต่เธอก็หายตัวได้อย่างรวจเร็วพร้อมกับร่ายคาถาสะท้อนกลับแต่ดีที่จินฮวานเสกคาถาป้องกันไว้มันเลยทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ครั้งนี้จีซูทำให้พวกเขารู้แล้วว่าเธอมาอย่างเป็นศัตรูแน่นอน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขารู้เหมือนกันนั้นก็คือจีซูยังไม่รู้เรื่องของจีวอนและฮันบิน
ต่อจากนี้ไปมันจะเป็นสงครามที่แท้จริง
สงครามที่มีฮันบินฉนวน
ครั้งหน้าจะช่วยฮันบินไม่ได้งั้นหรอ
หึ
ก็ลองดูแล้วกัน
To Be Continued
Talk ::
มาแล้ววววววววว
เห็นอะไรในตัวจีวอนไหมคะ ถ้ายังไม่เห็นเดียวจะเห็นเอง -.-
ตกลงฮันบินเป็นอะไรกันแน่ แล้วเขาคนนั้นคือใคร
เป็นตอนแรกที่มีตัวละครใหม่เข้ามาพร้อมกันสองตัวเลย
แจวอนมาทำอะไร มาเป็นศัตรูหัวใจรึป่าว?
ส่วนจีซูเคยมีความสัมพันธุ์กับจีวอนยังไง ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ
เม้นเถอะ ทวิตก็ได้ อยากอ่านว่ารีดเดอร์รู้สึกยังไงกัน ด่าได้แต่อย่าแรงนะ 5555555
ขอบคุณมากๆนะคะ
ความคิดเห็น