ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : SCHOOL : CHAPTER14
Chapter14
ปัง!!
เสียงปืนดังลั่นไปทั้งชั้น ทำเอาคู่รักที่กำลังวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายสะดุ้งสุดตัว ชานยอลมั่นใจได้ว่าเป็นเสียงปืนที่ดังมาจากชั้นข้างล่างที่พวกเขายืนอยู่ และมันจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากพวกเพื่อนๆที่เหลือรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้
ร่างสูงไม่รอช้า กระชับมือหนาให้เข้ากับมือเล็กของแบคฮยอนแล้วพาวิ่งตรงไปยังต้นเสียงทันที
จุดประสงค์ของร่างสูงตอนนี้คือคยองซูเท่านั้น คยองซูเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องเพชร และคนที่รู้วิธีการนำมันไปคืนในที่ที่ถูกต้องก็คงจะเป็นคยองซูอีกเช่นกัน ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาคิดอยางนั้น
แต่ผู้ต้องสงสัยรายแรกที่ชานยอลคิดว่าเป็นคนขโมยเพชรไปคือคยองซู...
แบคฮยอนวิ่งโงนเงนตามหลัง หากไม่ติดที่ชานยอลคอยจับมือลากไว้ละก็ ร่างบางต้องล้มไปแล้วแน่ๆ
แรงลากที่ไม่ปราณีทำให้ขาทั้งสองข้างของร่างบางพันกันมั่วไปหมด
"ชานยอลอย่าวิ่งเร็วนักสิ ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ" แบคฮยอนพูดหอบ หากแต่ร่างสูงก็ยังไม่สนใจ
ทั้งคู่วิ่งลงบันไดมาถึงชั้นที่เกิดเหตุ
ชานยอลวิ่งวนรอบชั้นแต่น่าแปลกที่ไม่เห็นใครเลย จะเห็นก็เพียงแต่หยดเลือดตามทางเดิน
"น..นั่น" แบคฮยอนกระตุกชายเสื้อให้แฟนตัวเองหันไปมอง ระเบียงด้านนอกอาคารที่ยื่นออกมามีเลือดกระจายอยู่เต็มไปหมด คาดได้ว่าสาเหตุหยดเลือดตามทางน่าจะมาจากตรงนี้
แบคฮยอนหลับตาปี๋ด้วยความกลัว เขาเห็นเลือดจำนวนมากๆทีไรจะรู้สึกเหมือนสติวูบทุกที ถึงแม้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเขาจะมีเลือดกระจายหลายส่วนอยู่ก็เถอะ ขนาดร่างกายตัวเองเขายังทำใจมองไม่ได้เลย
ผิดกับชานยอลที่อยากรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ร่างสูงเดินเข้าไปสังเกตุใกล้ๆโดยปล่อยแบคฮยอนให้ยืนรอตนอยู่ที่เดิม
แสงวิบวับที่สะท้อนกับไฟนีออนทำให้เขาต้องก้มลงไปดูในกองเลือด เมื่อหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่ามันคือเข็มกลัดรูปกวาง เขาจำได้ดีว่ามันเป็นของลู่หาน..ไม่สิ เคยเป็นของลู่หานต่างหาก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซฮุนเคยนำเข็มกลัดอันนี้มาอวดเขาและบอกว่าลู่หานเป็นคนให้
ถ้าอย่างนั้นเจ้าของเข็มกลัดอันนี้ก็น่าจะเป็นเซฮุน
คำถามคือ ทำไมมันถึงมาอยู่ตรงนี้?
"ชานยอลพอเถอะ ฉันกลัวแล้ว" แบคฮยอนลูบแขนตัวเองไปมาพลางมองซ้ายมองขวา
ร่างบางรู้สึกหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมองไปทางไหนก็เห็นแต่เลือดก็ยิ่งลมจับ
"แต่เข็มกลัดนี่เป็นของเซฮุน มันจะเป็นไปได้ไหมที่เลือดนี้ก็เป็นของเซฮุนเหมือนกัน" ชานยอลทำท่าครุ่นคิด
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปตามหาพวกนั้นกันเหอะ ฉันกลัวจริงๆนะชานยอล" ร่างเบะหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกคราจนชานยอลรีบกุลีกุจอพาออกไปจากตรงนี้
ตั้งแต่เจอกันบนชั้นแปด ชานยอลคิดว่าร่างบางดูจะเปลี่ยนไป ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่ได้อ่อนแอขนาดนี้
พูดก็ไม่เคยพูดแบบนี้ ปกติจะขึ้นเสียงใส่เขาตลอด อะไรกันนะที่ทำให้ร่างบางเป็นได้ขนาดนี้?
ทั้งสองเดินตามทางตรงมาเรื่อยๆ พยายามไม่หันมองห้องเรียนต่างๆที่อยู่ข้างๆ บ้างก็เปิดไฟบางห้อง บางก็ไฟติดๆดับๆ บางก็มีเก้าอี้ดังเสียงครืดคราด
'หืมมมมม ~~ '
"..." ทั้งคู่หยุดกึกอย่างกะทันหัน ต่างคนต่างได้ยินเสียงแปลกๆฮัมข้างหู
ภาพนัยน์ตาเริ่มพร่ามัวจนมองเห็นทุกอย่างเป็นสีขาวดำ เห็นเงามากมายกำลังถาโถมเข้ามาราวกับจะดึงตัวพวกเขาไป
เขาได้ยินเสียงแบคฮยอนกรี๊ดลั่นด้วยความกลัว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย..
ร่างสูงตั้งสติและหลับตาลง นึกถึงสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้
ใช่...ตอนนี้เขาอยากเจอคยองซู เขาอยากเจอพวกเพื่อนๆที่แยกย้ายกันไป เขาอยากออกไปจากที่นี่...
"..."
ชานยอลรู้สึกเหมือนมีมือปริศนามากมายนับสิบดึงร่างเขาเข้าไปหาก่อนจะผลักออกไปให้ไกล
สิ่งสุดท้ายที่เกิดขึ้นคือร่างสูงล้มกระแทกพื้นเหมือนมีใครผลักมา เมื่อหันมองรอบๆก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่เดิม
"โอยย"
"แบคฮยอน เป็นอะไรไหม" ชานยอลหันไปดูอาการคนข้างๆที่นั่งกุมท้องตัวเองหน้าเหยเก
"จุกอะ เมื่อกี้เหมือนโดนเหวี่ยงมากระแทกอย่างแรงเลย" หนำซ้ำยังโดนแผลเก่าที่ยังไม่หายอีกต่างหาก...
ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับโล่งอกที่คนรักไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่ตัวเองกลัว
"ทนหน่อยนะ เดี๋ยวเรื่องนี้ก็จะจบแล้วล่ะ" ชานยอลดึงมือแบคฮยอนให้ลุกขึ้น
"เซฮุน...เขายิงตัวตายทำไม!"
"..." เสียงแหลมเล็กทำให้ชานยอลหันขวับ พบว่าเจ้าของเสียงคือบุคคลที่เขาตามมหาอยู่นั่นเอง
แต่ประโยคสนทนาเมื่อครู่ทำให้เขาใจหายวาบ...นี่เรื่องจริงเหรอ
ชานยอลไม่รอช้ารีบจูงมือแบคฮยอนเข้าไปหาทันที
"พวกนาย..เกิดอะไรขึ้น?" ทันทีที่ชานยอลและแบคฮยอนปรากฏตัว ทั้งคู่ที่ยืนอยู่ก่อนแล้วก็สะดุ้งทันที
คนที่มีชนักติดหลังอย่างพวกเขาจะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรล่ะ ทำกับเขาไว้เยอะนี่นา...
"ชานยอล..ม..มาได้ไง" ร่างเล็กก้าวถอยไปอยู่ข้างหลังไคโดยอัตโนมัติ แต่ใช่ว่าจะพ้นในเมื่อชานยอลก็ก้าวมาประชิดตัวอยู่ดี
"ฉันอยากเจอนายอยู่พอดีคยองซู นายน่ะ...ขโมยเพชรไปใช่มั้ย!" ร่างสูงเขย่าตัวคยองซูจนสั่นไปหมด
"อย่าพูดแบบนั้นนะ คยองซูไม่ได้เอาเพชรไปสักหน่อย!" ไคแทรกทันควัน
"..." ทุกสายตาต่างก็พร้อมใจกันจับจ้องไคทันทีไม่เว้นแม้แต่คยองซู
ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นสูงราวกับจะถามว่าพูดปกป้องทำไม?
นั่นสินะ... เขาจะช่วยคยองซูทำไมล่ะ!
"ม..มองอะไรกันเล่า ฉันก็แค่พูดไปตามความคิดตัวเอง" ไคพูดอึกอักในลำคอก่อนสายตาจะหลุกหลิกไปมาแล้วหยุดที่แบคฮยอน คนถูกจ้องสะดุ้งสุดตัวรีบหันหลบหลังชานยอลทันที
ไคขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนแรกเขาคิดว่าชานยอลจะวิ่งมาหาเรื่องเขาเรื่องแบคฮยอนซะอีก
แต่ผิดคาดที่เป้าหมายกลับไปอยู่ที่คยองซูซะอย่างนั้น แต่ก็ดีแล้ว แบคฮยอนรักษาคำพูด...
ไคจ้องแบคฮยอนเขม็งราวกับจะส่งคำขู่ไปทางสายตา ร่างบางไม่กล้าแม้จะมองหน้าไคด้วยซ้ำ
"ทำไมยังไม่ตายอีกวะ"
"นายว่าใคร!"
ไคสะดุ้งเฮือกเมื่อชานยอลดันได้ยินคำพูดที่เขาเผลออุทานขึ้นมา และคนที่พูดถึงคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแบคฮยอนที่เขาเคยทิ้งไว้กับผีบนชั้นแปด
"ฉันด่าเทาน่ะ เห็นหมอนั่นขยับนิ้ว" ไคพยักเพยิดไปทางบุคคลที่สามที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างหลัง
ชานยอลละจากคยองซูแล้วหันมองรอบๆอย่างที่ไคบอก เห็นร่างของเซฮุนและเทาที่จมกองเลือดอยู่คนละฝั่ง!
"เซฮุน เทา!"
น่าแปลกที่ตอนเดินเข้ามาเขาไม่เห็นทั้งคู่ อาจจะเป็นเพราะว่าสนใจแต่คยองซูก็ได้เลยเดินดุ่มๆเข้ามาโดยไม่สนใจอะไรเลย ผิดกับแบคฮยอนที่เห็นมาได้สักพักแต่ไม่กล้าทักท้วงหรือมองร่างพวกนั้นเป็นครั้งที่สอง ...เลือดอีกแล้ว...เลือดทั้งนั้นเลย แบคฮยอนกลัวเลือด
ร่างสูงกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดก่อนจะตรงเข้ามากระชากคอเสื้อคยองซูอย่างแรงจนตัวเอน
"เพราะนายคยองซู นายเป็นต้นเหตุที่ทำให้สองคนนี้ตาย!"
"อะไรของนายเนี่ย อย่ามาพูดบ้าๆได้ไหมฉันไม่รู้เรื่อง" ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุดจากข้อมือใหญ่นั่นแต่มันก็ยากเต็มทีถ้าเทียบกับอารมณ์ของชานยอลตอนนี้
"ถ้าอย่างนั้นนายมองที่คอฉันสิ มองสิ!" "เห็นอะไรมั้ย!?" ร่างสูงตะคอกแล้วกระชากตัวคยองซูให้เข้ามาใกล้
คนถูกกระชากเบิกดวงตากว้างเมื่อเห็นแสงแวววับสะท้อนของสร้อยเพชร
"พ..เพชร!" ทั้งคยองซูและไคต่างก็โพลงออกมาพร้อมกัน
ถึงแม้ว่าไคจะไม่เคยเห็นมัน แต่เขาก็มั่นใจได้โดยไม่ต้องมีใครบอกว่านี่คือเพชรที่ทุกคนตามหาจริงๆ
"ใช่...มันคือเพชร"
"ฉันเจอมันหน้าลิฟท์ชั้นไหนสักชั้นนี่แหละ"
"..."
"ฉันคิดว่านายเข้าใจนะคยองซู ว่าฉันตามหานายทำไม" ชานยอลมองคยองซูนิ่ง นิ่งเสียจนร่างบางกลืนน้ำลายฝืดคอ
ตอนนี้เขารู้แล้ว รู้ว่าคยองซูมีอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องดีปิดไว้อยู่ คยองซูไม่ใช่เพื่อนเขา...
แต่คยองซูเป็นฆาตกร เป็นคนขโมยสร้อยเพชร เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง...เขาคิดว่าอย่างนั้นนะ
"เข้าใจเรื่องอะไร? นายคิดว่าฉันเป็นคนทำเหรอ" ร่างบางทำหน้าเหรอหรา
ในขณะที่ชานยอลและคยองซูเถียงกันไปมา ไคและแบคฮยอนก็เล่นสงครามประสาทไม่แพ้กัน ไคข่มขู่ทางสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ในความคิดร่างสูงคือชีวิตเขาเหมือนอยู่ในกำมือแบคฮยอน
ตราบใดที่ร่างบางยังไม่บอกเรื่องนี้กับใครก็จะไม่มีอะไร แต่ถ้าเวลาไหนแบคฮยอนเกิดเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับเขาล่ะ? ถ้าเกิดว่าร่างบางเอาเรื่องนี้ไปบอกชานยอลล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้น!?
"อย่ามาทำเป็นไม่รู้ นายคิดอะไรอยู่กันแน่คยองซู"
"..." คำพูดของชานยอลทำให้ไคสนใจขึ้นมาบ้าง มันตรงกับคำถามที่เขาอยากรู้พอดีเลยน่ะสิ
"จริงด้วย ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน นายขโมยเพชรอย่างที่ชานยอลบอกจริงๆเหรอ แล้วเรื่องศพนามิล่ะ? นายจะเผาทำไมกัน แล้วสรุปเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่!?"
"โอ้ยยยยย เลิกถามมากได้แล้วไค!" ร่างบางที่เริ่มจะทนไม่ไหว สะบัดมือชานยอลออกจากคอเสื้อตัวเองแล้วก้าวถอยทันที
"ถ้าอย่างนั้นก็ยอมรับมาซะสิว่านายขโมยไป แล้วก็เอามันไปคืนด้วย" ชานยอลผ่อนเสียงลงเมื่อเห็นคยองซูเริ่มชักสีหน้าตาม
"ตอนนี้ใครจะเป็นคนขโมยไปมันไม่สำคัญแล้วไม่ใช่หรือไง ยังไงซะเพชรมันก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว มันอยู่ที่ว่าจะเอาไปคืนยังไงต่างหากล่ะ" ไคพูดแทรกอีกครั้ง แต่นั่นกลับทำให้คยองซูเยียดยิ้ม
..ให้ตายเถอะคยองซูยิ้มแบบนี้อีกแล้ว เขาไม่ชอบรอยยิ้มที่ดูเหนือกว่าแบบนั้นเลย...
"ใครว่าไม่สำคัญล่ะ...!"
"..." ทั้งสามคนหันมองคยองซูพร้อมกันด้วยความสงสัย แต่ผลสุดท้ายร่างบางก็ไม่พูดอะไรออกมา
"มีอะไรก็พูดมาซิวะมัวแต่ยิ้มอยู่ได้ โธ่เว้ย!!" ชานยอลสบถเสียงดัง ใจจริงอยากจะกระชากคอเสื้อเจ้าตัวมาถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่เกรงว่าคนรู้มากคนนี้จะไม่ยอมเปิดปากพูดนี่สิ
"ไม่บอกดีกว่า ปล่อยให้พวกนายเครียดจนเส้นสมองแตกตายไปเนี่ยแหละ สนุกดี :) "
"คยองซู!" ชานยอลและไคตวาดพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้ ขนาดไคที่ดูเหมือนจะอยู่ฝ่ายคยองซูยังต้องซักถามขนาดนี้ จะเอาอะไรกับคนนอกอยย่างชานยอลในตอนนี้ล่ะจริงไหม
"ไหนนายบอกว่าจะช่วยฉันจะร่วมมือกับฉันไง แล้วทำไมถึงเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวล่ะ" ไคเริ่มจะไม่พอใจขึ้นมาบ้าง
"..." ร่างบางไม่ตอบ ดูเหมือนจะจงใจเล่นสงครามประมาทกันมากกว่า
"นี่ก็จะเช้าแล้วอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทำไมเราไม่มาช่วยกันล่ะคยองซู แค่นายบอกเรื่องที่รู้มาพวกเราก็จะช่วยกันแก้ปัญหาในคืนนี้ได้"
เมื่อข่มขู่แล้วไม่ได้ผลก็ต้องใช้เหตุผลเข้าหา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สีหน้าของคยองซูเปลี่ยนไปเลยสักนิด
"นายไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า มันไม่มีประโยชน์หรอก"
"งั้นก็บอกมาสักทีซิว่าต้องทำยังไงกับไอสร้อยบ้านี่!"
ชานยอลคะตอกใส่ร่างเล็กก่อนจะถอดมันแล้วปาใส่หน้าคยองซูอย่างแรง
"ในเมื่อรู้มากนักละก็ไปคืนเองเลยเถอะ ฉันกับแบคฮยอนจะรอเวลาให้ถึงเช้าแล้วออกไปจากที่นี่"
ร่างสูงตัดบทและคว้าข้อมือแบคฮยอนเดินเลี่ยงไปอีกทาง หากแต่จำต้องชะงักเท้าเมื่อคยองซูพูดขึ้นมาซะก่อน
"ฉันเอาไปคืนไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันไม่ได้เป็นคนขโมยเพชรไปแต่แรก"
"หมายความว่าไง?" ชานยอลหันกลับมาขมวดคิ้วยุ่ง
"ก็หมายความว่าคนที่จะเอาไปคืนได้ต้องเป็นคนที่หยิบมันออกมาตั้งแต่แรกน่ะสิ" คยองซูตีหน้านิ่ง
"ถ้าอย่างนั้นก็นายนั่นแหละที่ต้องเอาไปคืน เพราะนายขโมยมันไป"
"นี่! ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้เอาไป ทำไมถึงไม่เชื่อกันหะ!?" คนถูกกล่าวหาชักสีหน้าหงุดหงิดอีกรอบ
ชานยอลขมวดคิ้วปมอีกครั้ง เขาไม่เคยคิดหนักขนาดนี้เลยแฮะ ทำไมเรื่องมันถึงซับซ้อนขนาดนี้
"ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะใครล่ะ แล้วถ้าเกิดว่าคนที่ขโมยไปแต่แรกคือหนึ่งในเพื่อนๆเราที่ตายไปแล้ว เราไม่ต้องปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นมาคืนหรือไง!"
"เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้" คยองซูเพียงแต่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดไร้สาระนั่น
ไคมองทั้งสองคนสลับกันไปมา ยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกว่าสองคนนี้พูดถึงอะไรกันแน่ ทำไมต้องไปใส่ใจเพชรด้วย ในเมื่อถ้าเราหาศพนามิเจอแล้วเผาเรื่องก็จะจบแล้ว จริงไหม?
แต่ติดที่ว่าชานยอลและคนอื่นๆยังไม่รู้เรื่องนามินี่สิ หรือนี่อาจจะเป็นจุดประสงค์ของคยองซู
ไครู้ดีว่าพูดแทรกอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ สู้ยืนฟังพวกเขาเถียงนิ่งๆเสียยังดีกว่า คิดซะว่าเก็บข้อมูล
ชานยอลขบกรามแน่นกับท่าทางกวนโมโหของคยองซู นี่ไม่คิดจะช่วยกันเลยใช่ไหม สร้อยเพชรอยู่ในมือแล้วนะ!
"ฉันจะเชื่อนายได้ยังไงว่าต้องคืนด้วยวิธีนั้นจริงๆ ที่วิญญาณตามล่าฆ่าพวกเราอยู่ตลอดเวลานี้ก็เพราะว่าต้องการของๆมันคืนไม่ใช่หรือไง--"
"--นี่ไงของที่มันต้องการทวงคืน ในเมื่อมันอยู่ตรงหน้าลิฟท์แล้วทำไมมันยังไม่เอาไป? ทำไมเรื่องมันยังไม่จบล่ะ?"
"..." นี่คือคำถามที่ทุกคนต้องการคำตอบมากที่สุด
ร่างสูงหันมองคยองซูที่มีท่าทีเหม่อลอยราวกับจิตหลุดไปเสียแล้วเมื่อเขาร่ายคำถามนั่นออกไป
"นายไม่เชื่อฉันก็ตามใจ เอาไปคืนเองละกัน แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน"
ร่างบางโยนสร้อยเพชรกลับไปให้ชานยอลและเดินดุ่มๆไปอีกทางโดยไม่สนใจใคร
"อ่าว เดี๋ยวสิคยองซู แล้วฉันล่ะ!" ไคตะโกนไล่หลังแล้ววิ่งตามไปอย่างทุลักทุเล
ปล่อยให้ทั้งคู่ยืนอยู่อย่างนั้นท่ามกลางศพเพื่อนๆทั้งสอง
ทันทีที่เดินพ้นจากตรงนั้นมาได้ไคก็วิ่งมาขนาบข้างทันที
"นายคิดจะทำอะไรกันแน่หะคยองซู" ร่างสูงคว้าไหล่ร่างเล็กให้หันหน้ามาหาตนแล้วตอบคำถาม
"ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ แค่ชานยอลมันรูู้มากไปหน่อยเท่านั้นเอง" คยองซูเบ้หน้า
ไคถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ดีแล้วล่ะที่หมอนั่นมาหาเรื่องนายไม่ได้หาเรื่องฉัน--"
"--นายรู็ไหมว่าฉันเคยเกือบฆ่าแบคฮยอนด้วยนะ!"
ร่างบางมีสีหน้าอึ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเยียดทีละน้อยและพูดประโยคที่ทำให้คนฟังต้องขนลุกออกมา
"แล้วอยากจะฆ่าเป็นรอบที่สองอีกไหมล่ะ !?"
แบคฮยอนสะอื้นมองเพื่อนและรุ่นน้องของตนด้วยความเสียใจ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้แต่พวกเขาก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ทำได้แค่ขอให้ทั้งคู่ไปสู่สุขติ
"เซฮุน..." ชานยอลเดินเข้าไปหาร่างของเด็กหนุ่มที่มีเลือดเจิ่งนองเต็มหน้าผากลามมาทั้งหน้า สีหน้าเซฮุนช่างสงบเหลือเกิน...ราวกับว่าสบายใจที่ได้จากโลกนี้ไป
ชานยอลบีบหัวไหล่รุ่นน้องคนสนิทเบาๆ หวังให้ได้รับรู้ถึงความเสียใจที่ส่งไปให้
หันไปมองแบคฮยอน ร่างบางยืนร้องไห้อยู่ที่เดิม ไม่กล้าที่จะเดินมาเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าอยากจะร่ำลารุ่นน้องมากแค่ไหน แต่...เขายังไม่หายดีกับอาการที่เป็น เขากลัว....
ชานยอลลุกขึ้นยืนและหันไปอีกทางเมื่อคิดว่าร่ำลาเซฮุนจนพอแล้ว ร่างสูงนั่งลงตรงหน้าเทาและสำรวจบาดแผลฉกรรจ์ที่อยู่ตรงหน้าอกข้างซ้ายพอดี ร่างของเทาเกร็งไปทั้งตัว ร่างสูงรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนคนนี้ตายทรมาณขนาดไหน
...อาจจะยังไม่ทันได้รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
"ไปกันเถอะแบคฮยอน..."
--SCHOOLHORROR--
[CHANYEOL PART]
ผมพาแบคฮยอนมานั่งพักริมระเบียงแถวๆห้องพักครู ที่นี่ดูจะปลอดภัยสุดแล้วในความคิดของผม เพราะมีหลอนไฟนีออนเปิดไว้ตั้งสามสี่ดวง อย่างน้อยความสว่างก็ทำให้พวกเราอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง
แบคฮยอนบ่นเจ็บตั้งแต่เดินมา ใจจริงผมอยากจะพาไปห้องพยาบาลให้รู้แล้วรู้รอดแต่เกรงว่าจะทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะระยะทางมันเสี่ยงและไกลเกินกว่าที่จะดันทุรังไป
แต่อย่างน้อยห้องพักอาจารย์ก็น่าจะมีอะไรให้พวกผมประทังชีวิตตัวเองได้บ้างนอกจากหนังสือและคอมพิวเตอร์ เรื่องอินเตอร์เน็ตน่ะตัดไปได้เลย เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ทางโรงเรียนกำลังปรับปรุงอะไรหลายๆอย่าง
"คอแห้งจัง..." แบคฮยอนลูบคอตัวเองไปมา แล้วผมจะไปเอาน้ำมาจากไหนล่ะเนี่ย
"รออยู่นี่แปปนะ ฉันจะเข้าไปเอาน้ำมาให้" ผมบอกร่างบางและดันประตูกระจกเข้าไปข้างในห้องพักอาจารย์
อย่างน้อยผมคิดว่าน่าจะมีน้ำอยู่บ้างนะ หรือไม่ก็อาจจะมีพวกยาหรือแอกลฮอล์ทำแผลที่อาจารย์ทั้งหลายไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
ผมกวาดสายตามองรอบๆห้องอย่างระเอียด ริมห้องมีตู้เย็นเซส์มินิตั้งอยู่จริงๆด้วย ผมไม่รอช้ารีบเปิดมันดูและสำรวจของข้างใน มีเพียงน้ำเปล่าสองขวดเท่านั้น แต่มันก็ทำให้ผมจุดยิ้มบางๆได้
ผมหันหลังกลับหมายจะเดินไปเปิดประตูเพื่อออกไปหาแบคฮยอนที่นั่งรออยู่ข้างนอก แต่เสียงหวีดลั่นทำให้ผมใจเสีย
ฉึก!
"!!!"
"ช..ชานยอล ช่วย...ด้วย!"
ผมได้ยินเสียงคนรักร้องเรียก....
"แบคฮยอน!" ขาทั้งสองข้างวิ่งเร็วโดยอัตโนมัติ มือหนาผลักประตูออกมาดูก็ต้องตะลึง!
ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าเข่าผมก็อ่อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น ร่างกายมันชาไปหมดราวกับโดนแช่แข็ง
สมองมันตีพันกันยุ่งจนประมวลผลอะไรติดๆขัดๆ ส่งผลให้หยดน้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำก๊อก
"แบค..ฮยอน" ตัวผมล้มลงไปพร้อมๆกับร่างกายของคนรักที่ทรุดฮวบลงพร้อมกับกองเลือด
และยิ่งไปกว่านั้นที่เด่นชัดที่สุดก็คงจะเป็นมีดด้ามขนาดกลางที่ปักตรงกลางหน้าผากทะลุไปอีกฝั่งหนึ่งดูน่าสยดสยอง
ไม่...มันต้องไม่ใช่แบบนี้ แบคฮยอนต้องไม่ตาย!!
มันเป็นแคเรื่องล่้อเล่น แบคฮยอนแค่แกล้งเขา!!
"แบคฮยอนนายยังไม่ตาย นายยังไม่ตายใช่มั้ย ฮือออ" ผมคว้าร่างบางเข้ามาก่อนในสภาพจมกองเลือด
ถึงแม้เสียงหอบหายใจจะเงียบไปแล้ว แต่ผมรู้...ผมรู้ว่าเขายังไม่ตาย เขายังอยู่กับผม
เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ผมพยายามรวบรวมสติแล้วคิดหาหนทางรักษาแบคฮยอน แต่มันไม่มีเวลาแล้ว...ผมต้องทำอะไรสักอย่าง
มือหนาอุ้มร่างแบคฮยอนไว้และมุ่งหน้าไปยังห้องแลปอีกฝั่งหนึ่ง มันเป็นทางเดียวที่ผมคิดได้ในตอนนี้
ผมจะทำให้สุดความสามารถ ..แบคฮยอนต้องฟื้นมาอยู่กับผม..เราจะต้องอยู่ด้วยกัน
เมื่อวางร่างบางลงกับโต๊ะตัวใหญ่ได้ ผมก็ค่อยๆดึงมีดที่ปักอยู่กลางหน้าผากออกมา แต่มันก็แน่นเสียเหลือเกิน ยิ่งผมดันทุรังดึงมันออกมามากเท่าไรเลือดก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น มันไหลเต็มหน้าแบคฮยอนเสียจนแดงฉานไปหมด
ผมล้มเลิกความคิดที่จะดึงมีดนั่นออกแล้วปล่อยคาไว้แทน พลันสายตาก็มองเห็นอะไรบางอย่างแล้วค้นมันขึ้นมาด้วยใจที่ร้อนรน
มันคือสายไฟกับแบตเตอร์รี่เก่าๆ...
ไม่รอช้า ผมทำทุกอย่างไปตามสัญชาติญาณ ใช้ความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาประกอบมันไปมั่วซั่วไปเรื่อยๆจนออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ผมไม่แน่ใจกับมันนักแต่ผมไม่มีเวลาแล้ว
ผมตัดสินใจช็อตตัวแบคฮยอนให้ชีพจรกลับมาเต้นหรือกระตุกสักครั้ง...ก็ยังได้
ได้โปรดเถอะ ผมรักแบคฮยอน ผมขาดเขาไม่ได้ เขาคือชีวิตของผม...
"ฟื้นสิแบคฮยอน ได้โปรด" ผมเกลี่ยแก้มใสคนรักเบาๆหวังให้รู้สึกตัว แต่เปล่าเลย...มันไร้ประโยชน์
"ฮึก..นายไม่ฟื้น"
ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่และช็อตมันไปหลายรอบจนคิดว่าตัวเองสติหลุดไปเสียแล้ว
ผมร้องไห้ฟูมฟายไม่ต่างกับคนบ้าไร้สติที่ทำอะไรงี่เง่า ผมช็อตทุกส่วนของร่างกายแบคฮยอน
แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย...
ทำได้เพียงนั่งกุมหัวตัวเองอย่างหมดหนทาง
หมดแล้ว ไม่มีอีกแล้ว แบคฮยอนคงจะไม่รอดแล้ว...ไม่สิ มันยังไม่จบแค่นี้
ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างที่แน่นิ่งของคนรักอย่างมีความหวัง
"มันต้องมีสักทาง ฉันจะทำให้นายฟื้นขึ้นมาให้ได้แบคฮยอน"
ผมลุกขึ้นเต็มความสูงและควานหาของทุกอย่างในห้องที่ดูมีประโยชน์ ห้องนี้เป็นห้องแลปสำหรับทดลองอะไรหลายๆอย่าง ไว้ใช้สำหรับอาจารย์เท่านั้น ผมไม่เคยเข้ามาในนี้เพราะเป็นห้องหวงห้ามสำหรับอาจารย์ที่ทดลองยาอะไรมากมาย
ผมไล่เปิดเก๊ะที่ละชั้นๆที่มีตัวหนังสือเขียนกำกับเป็นภาษาอังกฤษที่ผมอ่านไม่ออก พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเข็มฉีดยานับสิบอยู่ข้างในเก๊ะ
มันเป็นเข็มที่ยังไม่เคยถูกใช้สักครั้ง เป็นเข็มใหม่ที่พวกอาจารย์คงจะเก็บไว้ใช้ทดลอง
ผมหยิบมันขึ้นมาดูและหันมองแบคฮยอนสลับกัน... มันต้องมีวิธีสิ
ขวดยาหลากสีวางเรียงรายกันอยู่ในลิ้นชักฝั่งB และผมก็อ่านไม่ออกแีกเช่นกันเพราะมันเป็นภาษาอังกฤษที่เป็นศัพท์ชั้นสูงของพวกนักทดลองอะไรทั้งหลายแหล่ ผมเปิดดูน้ำสีขาวใสของมันข้างในและตัดสินใจดูดมันขึ้นมาโดยเข็มที่เตรียมไว้
ผมไม่รู้ว่ามันคือยาอะไรและทำอะไรได้บ้าง แต่ผมรู้แค่ว่าต้องทำให้แบคฮยอนฟื้น แม้จะต้องทำวิธีใดก็ตาม
น้ำใสๆในหลอดเข็มถูกฉีดเข้าเส้นเลือดใหญ่แบคฮยอนโดยฝีมือผม ทันทีที่เข็มแรกผ่านไป
ตัวแบคฮยอนเหมือนจะกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย ผมใจชื้นขึ้นมาทันที
ได้ผล...แบคฮยอนฟื้นแล้ว!!
ผมวิ่งไปเติมน้ำใสๆนั่นอีกและฉีดเข้าตัวแบคฮยอนไปนับสิบเข็มเท่าที่จะมีได้ จนกระทั่งยาในขวดหมดเกลี้ยง
ผมถอดเข็มออกและยืนมองผลงานของตัวเอง
'กร๊อบบบ'
"!!!" ร่างของแบคฮยอนค่อยขยับไปมาอย่างเชื่องช้าจนเกิดเสียงเหมือนกระดูกที่เสียดสีกัน
ดวงตาค่อยๆลืมขึ้นอย่างแข็งๆโดยไม่กระพริบสักครั้ง สีหน้าดูนิ่งภายใต้เลือดบนหัวที่เจิ่งเต็มหน้า
"แบคฮยอนนายฟื้นแล้วจริงๆ!" ผมโผเข้ากอดร่างบางด้วยความดีใจ ถึงแม้จะไม่ได้รับปฏิกริยาตอบกลับมาขณะกอดเลยก็เถอะ แต่ผมก็ได้แบคฮยอนคืนมา...มันน่าอัศจรรย์จริงๆ
ร่างบางลุกขึ้นมาด้วยท่าทางที่แข็งผิดปกติ สายตาก็ดูเลือนลอยราวกับไม่ได้สนใจว่าผมยังอยู่ตรงนี้
แต่ใครสนกันล่ะ ยังไงซะผมก็ได้คนรักกลับมาแล้ว
"อืออ..." แบคฮยอนครางในลำคอโดยที่ไม่ได้อ้าปาก นายหิวน้ำสินะ
"เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ เดี๋ยวฉันจะเอาน้ำให้นายกิน" ผมพูดยิ้มๆแล้วจูงมือร่างบางให้เดินตามมา
โดยที่แบคฮยอนก็เดินตามมาอย่างว่าง่าย แต่ว่านะ...
ดูๆไปแบคฮยอนก็ดูแปลกไปจริงๆ ทั้งนัยน์ตาที่แข็งและเลื่อนลอยมองตรงแต่ข้างหน้า
หน้าผากที่มีมีดปักคาอยู่และปลายมีดทะลุไปข้างหลังขมับ การเดินที่แข็งและเฉไปมา
แต่ไม่ว่าแบคฮยอนจะเป็นอะไรก็ตาม เขาก็จะยังรักร่างบางเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
60%
"กินหน่อยสิ ไหนตอนแรกนายบอกหิวไง"
"..."
ผมจำต้องวางขวดน้ำลงอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อแบคฮยอนไม่แยแสมันสักนิด แตกต่างจากตอนแรกที่บ่นกระหายน้ำเสียเหลือเกิน
ผมก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะ คนเพิ่งจะฟื้นคงไม่มีกะจิตกะใจมาดื่มน้ำดับกระหายหรอก เป็นผมคงช็อกตายไปอีกรอบตั้งแต่เห็นมีดบนหัวแล้วล่ะ
ตอนนี้ผมพาแบคฮยอนมากินน้ำในตู้เย็นห้องพยาบาล แต่เจ้าตัวไม่ยอมกิน งั้นผมจะเริ่มทำแผลเลยล่ะกัน
ผมดึงมือร่างบางให้นั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆตัวและเริ่มลงมือดึงมีดเจ้าปัญหาออกมา
"อ๊ากกกกกกก" แบคฮยอนร้องลั่นทันทีที่ผมจับมีด นี่ผมยังไม่ได้ดึงอะไรมันเลยสักนิดนะ
"โอเคๆ ฉันไม่ดึงมันออกแล้วก็ได้" แบคฮยอนมองผมเคืองๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ผมทำได้เพียงทำแผลส่วนอื่นให้เงียบๆเท่านั้น
ผมเริ่มจะชินกับตัวตนใหม่ๆของแบคฮยอนแล้วล่ะ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาแบคฮยอนก็ไม่พูดอะไรเลยนอกจากร้อง หรือส่งเสียงออกมาแบบเมื่อกี้นี้
แบคฮยอนจะไม่ค่อยกระพริบตา เวลาทำอะไรหรือเดินไปไหนเจ้าตัวจะชอบทำตาแข็งราวกับไม่มีเปลือกตาอยู่ตลอดเวลา จนเบ้าตามันแห้งและแดงเพราะไม่ได้กระพริบเป็นเวลานาน ต้องผ่านไปสักสิบห้านาทีแบคฮยอนจะกระพริบตาครั้งนึง
และที่แปลกไปจากนี้คือ แบคฮยอนชอบมองผมด้วยสายตาแปลกๆและไม่เหมือนเดิม แต่มันก็เป็นแค่บางครั้งเท่านั้น เวลาที่ผมแตะต้องตัวหรือยุ่มย่ามกับร่างบางมากเกินไปแบคฮยอนก็จะจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ยิ่งพักหลังๆตอนที่ผมพาเจ้าตัวเดินเข้ามาในห้องนี้ ผมรู้สึกว่าแบคฮยอนยิ่งไม่เหมือนแบคฮยอนเข้าไปทุกที
แววตามันดูแข็งกร้าวมากขึ้น ผมพูดอะไรก็เหมือนจะไม่ค่อยรู้เรื่อง บางทีก็แววตาเลื่อนลอยและมองข้ามผมไปราวกับผมไม่มีตัวตนเสียอย่างนั้น
แต่อาการแปลกๆที่เห็นชัดที่สุดก็คงจะเป็น'การกิน'นี่แหละครับ ผมไม่อยากนึกถึงมันเมื่อก่อนหน้านี้เลย นับครั้งแบคฮยอนเหมือนจะไม่ใช่คนมากทุกที่ ร่างบางไม่กินอะไรเลยที่คนปกติกิน แต่ผมไม่ได้อยากคิดมากอะไรหรอก เพราะถ้าเป็นผมตกอยู่ในสภาพแบบแบคฮยอนก็คงไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น
แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือการกินอะไรที่มันไม่ปกตินี่สิ...
คนตรงหน้าผมตอนนี้กิน...กินหนู! กินแมลงสาบ! กินสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ผ่านตาในระหว่างเดิน
ผมทำได้แค่มองมันอย่างขยะแขยง มองแบคฮยอนดึงหางสีชมพูของมันและเคี้ยวอย่างช้าๆ
ผมรู้ว่าแบคฮยอนเป็นอะไร...แบคฮยอนไม่ใช่คน
แต่คนที่ทำให้เจ้าตัวเป็นแบบนี้ก็คือผม ผมต้องรับผิดชอบ!
ผมเป็นคนทำให้ร่างบางฟื้นขึ้นมาด้วยสภาพแบบนี้ ผมเป็นคนทำทุกอย่าง
และเหตุผลทั้งหมดที่ทำก็เพราะคำว่ารักเท่านั้น...ผมรักแบคฮยอน
รักมากจนไม่อยากจะคิดถึงความสูญเสีย ถ้าไม่มีแบคฮยอนผมจะอยู่ยังไงล่ะ
ไม่ว่าเจ้าตัวจะเป็นอะไรผมก็จะยอมรับมันและค่อยๆแก้ไขให้ดีขึ้นและกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
แค่แบคฮยอนฟื้นขึ้นมาก็ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้วล่ะ
จากทฤษฎีในหนังซอมบี้ที่ผมดู อาการมันตรงกับคนรักผมตอนนี้เลย ผมไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่ถ้าไม่ใช่ซอมบี้ผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเป็นอะไร ผีดิบเหรอ?
หรือถ้าคิดจากความเป็นจริง แบคฮยอนโดนมีดแทงสมองอาจจะกลับหรือพิการแล้วเปลี่ยนชีวิตการเป็นอยู่ก็เป็นได้ เพราะในหนังซอมบี้ที่ผมดู มันต้องกินคนนิ ใช่ไหม...!?
ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาผมก็ไม่เห็นเจ้าตัวกินอะไรเลยนะ นอกจากพวกสัตว์เล็กสัตว์น้อยทั้งหลาย ถ้าเป็นซอมบี้จริงๆมันต้องกินคนไม่ใช่เหรอ? แล้วผมล่ะ ทำไมผมถึงไม่ดดนแบคฮยอนกัดหรือกิน?
หรือว่า.... จะยังไม่ออกอาการ
"ฉันจะไม่ปล่อยให้นายตกอยู่ในสภาพนี้นานแน่ เมื่อเราคืนเพชรนี้ได้และเรื่องทุกอย่างจบ ฉันจะพานายไปรักษานะ นายต้องหาย"
ผมยิ้มให้แบคฮยอน แต่ร่างบางกลับไม่มองผมซะอย่างนั้น เจ้าตัวเอาแต่หันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรบางอย่างและสูดกลิ่นรอบๆตัว
"นิ่งๆได้ไหม ฉันกำลังทายา...เฮ้ นายจะไปไหนน่ะแบคฮยอน" ผมชะงักมือที่กำลังจะทายาค้างไว้เมื่อแบคฮยอนวิ่งโซซัดโซเซออกไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
"นายจะไปไหน รอฉันด้วย" ผมวิ่งไล่หลัง แวบเดียวที่ผมเห็นสายตาแบคฮยอนตอนที่หันกลับมามอง
มันช่างดูน่ากลัว...น่ากลัวกว่าทุกที นัยน์ตาแดงก่ำ ผิวขาวซีดกว่าปกติ และเริ่มเดินหรือวิ่งไม่ตรง
ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมนึกกลัวขึ้นมาจับใจ กลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิด อาการมันยิ่งเหมือนขึ้นเรื่ิอยๆ
ผมต้องหยุดเขา ต้องไม่ให้แบคฮยอนเป็นมากกว่านี้ ต้องรักษาให้ทันท่วงที
ร่างบางวิ่งห่างไปแล้ว รู้สึกว่าจะวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน ให้ตายเถอะ เห็นโซซัดโซเซอย่างนี้แต่ไวจริงเชียว!
ผมวิ่งขึ้นบันไดตามไปอย่างรวดเร็ว จะว่าบ้าก็ช่างเถอะ แต่ที่ผมรู้ว่าแบคฮยอนขึ้นบันไดไปน่ะ เพราะกลิ่นเหม็นเน่าที่ออกมาจากตัวแบคฮยอนต่างหาก กลิ่นมันทวีความรุนแรงเรื่อยๆตั้งแต่ฟื้นมาได้สักพักแล้ว
ผมตามกลิ่นมาเรื่อยๆจนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างในห้องเรียนที่สอง มันเหมือนเสียงคนที่กินอะไรอย่างมูมมาม เสียงเคี้ยวแจ็บๆ เสียงซูดปาก ใช่ ผมได้ยินอย่างนั้นจริงๆ
ใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย บางทีแบคฮยอนอาจจะจับหนูกินเหมือนครั้งก่อนก็ได้
แต่ทำไมเสียงกินมันถึงได้ดังขนาดนี้! แถมยังส่งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งมาด้วย!
ไวเท่าความคิด ผมสาวเท้าเข้าไปในห้องทันทีด้วยความอยากรู้ กลิ่นคาวๆเหม็นๆลอยมาเตะจมูกจนแทบจะอ้วก
"!!!"
"แบคฮยอน!"
ผมแทบกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นคนรักกำลัง... กำลังกินซากศพของเพื่อนตัวเอง!!!
"แบคฮยอนหยุดเดี๋ยวนี้ นั่นเพื่อนนายนะ!" ผมตรงเข้าไปกระชากแขนขาวซีดนั่นให้รู้สึกตัวและหยุดการกระทำของตัวเองเสียที หากแต่เจ้าตัวกลับหันมามองตาขวางและขู่ใส่ผมในลำคอ
นัยน์ตาแดงก่ำจ้องผมเขม็ง มุมปากเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆของมนุษย์ ผมแทบทนดูไม่ได้
นี่น่ะเหรอคนรักของผม นี่น่ะเหรอแบคฮยอนที่ชอบโวยวายและขี้หึง นี่น่ะเหรอแบคฮยอนที่น่ารักในสายตาของผม
ตอนนี้แบคฮยอนเป็นตัวอะไร? แทนที่ผมจะดีใจ แต่ทำไมผมถึงเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา นึกโทษตัวเองที่เป็นคนทำให้แบคฮยอนเป็นอย่างนี้...
ผมหันหน้าหนีภาพตรงหน้าที่ชวนสยอง มองเห็นหัวมินซอกแวบๆที่กระเด็นกระดอนออกมาอยู่มุมห้อง
ส่วนช่วงตัวนั้นอยู่ภายใต้ร่างแบคฮยอนที่กำลังคร่อมอยู่
"..."
ผมยืนมองคนรักกัดแทะศพของเพื่อนด้วยความอนาจใจ
ทำไมผมไม่ห้าม? ทำไมน่ะเหรอ? ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ในเมื่อแบคฮยอนเป็นแบบนี้ แบคฮยอนเป็นซอมบี้!
คนรักของผมเป็นผีดิบที่กินคน...กินมนุษย์ กินสัตว์ กินสิ่งมีชีวิต ผมห้ามไม่ได้หรอก
มือหนาของผมยื่นมาตรงหน้าแบคฮยอน เจ้าตัวเงยมองหน้าผมอย่างฉงน
"กินซิ กินฉันซิแบคฮยอน ฉันก็เป็นคน เป็นอาหารของนายไง"
"..."
ผมยืนนิ่งมองอาการของแบคฮยอน สายตาดุร้ายยังคงจ้องมาที่มือและผมสลับกันไปมา
"ทำไมไม่กินล่ะ นายหิวไม่ใช่หรือไง"
ที่ผมทำไปก็เพื่อลองใจเท่านั้น ว่าแบคฮยอน...ยังเหลือความเป็นแบคฮยอนอยู่บ้างไหม
ในใจร่างบางจะยังมีเยื่อใยต่อผมบ้างหรือเปล่า หรือตอนนี้หัวสมองมันว่างเปล่า..ผมมันก็แค่เศษอาหารของซอมบี้
แต่ถ้าเป็นอย่างที่สอง ถ้าแบคฮยอนลืมมันไปแล้วจริงๆ ลืมว่าเราเคยรักกัน ลืมว่าเราเคยมีความรู้สึกดีดีต่อกัน ผมก็ยอม ผมยอมเป็นไอโง่ที่ถวายร่างกายให้ซอมบี้แทะกิน
ในเมื่อแบคฮยอนที่ผมรักตายไปแล้ว เหลือแค่แบคฮยอนที่เป็นซอมบี้ ผมก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร
"..."
แบคฮยอนมองผมด้วยสายตานิ่งๆและหันกลับไปสนใจอาหารอันโอชะของตัวเองต่อ ก่อนจะเริ่มแทะกินมันอีกครั้ง เจ้าตัวไม่แม้จะหันมาแยแสมือของผมอีก
แต่ว่า สายตาแบบนั้น ผมรับรู้ได้ มันไม่ใช่สายตาแบบตอนแรก ถึงแม้ว่ามันจะแดงกล่ำเหมือนสีของเลือด แต่มันก็สั่นระริกและเจ็บปวด
ข้างในแววตามันสะท้อนเป็นรูปของผม เราสื่อถึงกัน...
"พอได้แล้ว ไปกันเถอะ"
เมื่อปล่อยให้แบฮยอนกินจนหนำใจก็ลากร่างอันซีดเซียวเดินเลี่ยงออกมาทันที เกรงว่าจะเปลี่ยนใจและหาศพอื่นๆกินต่อ
"ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ฉันไม่อยากให้นายเป็นมากกว่านี้" ผมพูดในขณะที่จูงมือมาด้วย ถึงแม้จะรู้ว่ายังไงร่างบางก็ไม่ตอบอยู่ดี หรืออาจจะฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ
แต่ผมก็จะใช้วิธีของผม ผมจะพยายามพูดกรอกหูให้แบคฮยอนฟัง ให้ภาษาการพูดของคนเราซึมซับ ให้แบคฮยอนได้รู้ว่าเราควรจะทำยังไง ต้องเดินแบบไหน และการชีวิตแบบคนทั่วไปมันเป็นยังไง
ดูเหมือนว่าการเป็นซอมบี้หรือผีดิบของแบคฮยอนจะเป็นไปตามระยะ ตอนนี้แบคฮยอนยังเป็นเต็มที่ ร่างบางยังจำได้ว่าผมเป็นใคร ยังหลงหลือความทรงจำบางอย่างที่ฝังใจอยู่ในหัวสมอง
แต่ผมจะปล่อยไว้อย่างนี้นานไม่ได้ อีกไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่นาที แบคฮยอนจะเป็นผีดิบเต็มตัว
และเขาคงจะเห็นผมเป็นแค่อาหารเท่านั้น...
"จะไปไหนอีกเล่า!" ผมจะสบถเป็นรอบที่ร้อยเมื่อตัวปัญหาเริ่มจะวิ่งอีกแล้ว ผมคิดว่าน่าจะได้กลิ่นหรือเจออาหารอันโอชะอีกคราว แต่ผิดคาด...มันคือคยองซูกับไค!
"อย่านะแบคฮยอน นั่นคยองซูกับไค!" ผมรู้ว่าแบคฮยอนกำลังจะทำอะไร ร่างบางกำลังจะกินสองคนนั้น!
แบคฮยอนไม่สนใจคำพูดของผม วิ่งตรงเข้าไปหาไคที่หันหลังอยู่อย่างรวดเร็ว
"ฮ..เฮ้ย แบคฮยอน" โชคดีที่ไคหันกลับมาได้และหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเมื่อแบคฮยอนยังไม่ยอมหยุด
"ทำไมแบคฮยอนเป็นแบบนี้ นายตายไปแล้วไม่ใช่หรือไง!?" คยองซูร้งเสียงหลงเมื่อแบคฮยอนเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นตนแทน
แบคฮยอนในสภาพดวงตาแดงกล่ำ ผิวขาวซีด มีเส้นเลือดฝอยมากมายโผล่ตามหน้าผากและข้างแก้ม รวมทั้งมีดสั้นที่ปักกลางหน้าผากทะลุไปข้างหลัง กำลังขู่คยองซูเสียงดัง
"มันจะเป็นไปได้ยังไง..ในเมื่อฉันกับไคเป็นคนปักมีดนั่นเอง แต่ทำไม..ทำไมไม่ตาย!"
คยองซูพูดอะไรบางอย่างกับตัวเอง ซึ่งผมฟังไม่รู้เรื่องเพราะดูเหตุการณ์อยู่ไกลจากสองคนนั้นมากพอสมควร
"แบคฮยอนกำลังจะกินพวกเรา แบคฮยอนอย่างกับผีดิบเลย" ไคพูดในขณะที่กำลังวิ่งหนีอยู่ด้วย
ทั้งคู่วิ่งวนกันชุลมุน คงจะตกใจและกลัวน่าดู ในเมื่อแบคฮยอนออกอาการซะขนาดนั้น
"แบคฮยอนอย่าทำอย่างนั้น นั่นเพื่อนเรานะ!" ผมที่ทนไม่ไหวตัดสินใจตะโกนออกไป แต่มีหรือที่แบฮยอนจะยอมฟัง เขาไม่เคยเชื่อผมอยู่แล้ว ร่างบางคร่อมตัวไคและตั้งท่าจะกัดทันที แต่ก็ต้องชะงัก
"แบคฮยอน ฉันไคไง ไคเพื่อนใหม่นาย จำฉันไม่ได้เหรอ" ไคกลืนน้ำลายอึกใหญ่ในขณะที่คยองซูยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลัง
แบคฮยอนขมวดคิ้วยุ่งราวกับกำลังครุ่นคิด เพียงชั่ววิเดียวก่อนสายตาจะแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายมากขึ้น!
"!!!" แบคฮยอนคำรามเสียงดังด้วยความโกรธและจ้องไคอย่างเคียดแค้น
ผมไม่รู้ว่าสองคนนี้เคยมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อกันยังไง แต่รู้แค่ว่ามันต้องทำให้แบคฮยอนเจ็บปวดและโกรธแค้นมากแน่ๆ ยิ่งจำได้เหมือนจะยิ่งโกรธเกลียดมากขึ้น
"ไค ปืน!" คยองซูโยนปืนส่งให้ไครับได้อย่างพอดิบพอดีก่อนจะถูกจ่อมาที่หน้าผากแบคฮยอน
"อย่ายิงแบคฮยอน! ไค อย่ายิงเขา!!!"
ไม่...ผมต้องรีบห้าม ไคจะฆ่าคนรักของผม!
ฉับพลัน แบคฮยอนกลับทำให้สิ่งที่ไม่คาดฝัน ร่างบางใช้ปากกัดแทะกระบอกปืนในมือไคอย่างรวดเร็ว
ไคหน้าซีดเผือดราวกับรู้ชะตาตัวเองในคราต่อไปเมื่อปืนเละไม่เหลือชิ้นดี
หากแต่ผมคว้าตัวแบคฮยอนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะทำอะไรมากกว่านี้
"พอได้แล้วแบคฮยอน ฉันทนไม่ไหวแล้ว!"
ผมลากร่างอันขาวซีดออกมาจากตรงนั้นให้ไกลที่สุดและผลักเข้าไปในห้องเรียนห้องหนึ่งทันที
ผมพาแบคฮยอนและตัวเองเข้ามาข้างในก่อนจะกดล็อกห้องอย่างแน่นหนา
ผมจำเป็นจะต้องขังเขาไว้ จะอยู่ในนี้จนกว่าจะถึงเช้าไม่ให้เจ้าตัวไปก่อเรื่องที่ไหนอีก
ผมจะไม่ให้เขาเป็นซอมบี้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว... นายต้องสงบสตินะแบคฮยอน
--SCHOOLHORROR--
อยากจะชี้แจงเรื่องที่แบคเป็นซอมบี้
จะว่าซอมบี้ก็ไม่เชิงหรอก แต่ไรต์จะสื่อประมาณว่า แบคอะตายไปแล้ว ตายตั้งแต่มีดปักหัวอะ
แต่ชานยอลเป็นคนปลุกร่างเปล่าๆของแบคขึ้นมา อารมณ์แบบ ไปกระตุ้นร่างกายให้มันฟื้นอ่าา งงเปล่า
ไอยาที่ยอลฉีดมันไม่ได้มีไรหรอก ไม่ใช่เชื้อซอมบี้ไรทั้งนั้น คิดซะว่ายอลไปทำอีท่าไหนไม่รู้ ปลุกแบคขึ้นมาละกัน 55
ช่วงนนี้ของดอัพนะคะ วันจันทร์สอบแล้ว ต้องอ่านหนังสือ T^T
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่คอยคอมเมนต์ให้เรานะคะ ถึงแม้จะน้อยลงเรื่อยๆก็เหอะ TT
ความคิดเห็น