ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
EdenChildren แก๊งป่วนก๊วนพิทักษ์โลก

ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 16 ภารกิจ

  • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 56



       ช่วงเวลาอันแสนสงบสุขนั้นได้ฟื้นฟูจิตใจอันอ่อนล้าของเด็กน้อยได้เป็นอย่างดี การได้พบเจอผู้คนและสถานที่ใหม่ได้ทำให้เด็กน้อยคนหนึ่งพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้มากทั้งจิตใจและสติปัญญา ในตอนนี้ดวงอาทิตย์อันสดใสได้กลับคืนมาอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่สงบสุขตลอดสามเดือนนั้นคือลมสงบก่อนที่พายุจะเข้า แต่เด็กน้อยกับผองเพื่อนจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน

ต้นเดือน เมษายน ค.ศ.2011

      
"ขอแสดงความยินดีกับทุกคนด้วยนะจ๊ะ ที่ผ่านการเรียนปรับพื้นฐานไปได้อย่างด้วยดี" อาจารย์ไดลาน่าพูดอย่างยิ้มๆต่อหน้าหมู่นักเรียนที่สลบฟุบโต๊ะอย่างเหนื่อยอ่อน ทุกคนใช้ไม่ได้กันเลยน้า

       "ต่อจากนี้ไปจะเป็นการออกไปปฏิบัติภารกิจจริงกันแล้ว ขอให้หัวหน้ากลุ่มทุกคนมารับข้อมูลด้วย" หัวหน้ากลุ่มทั้งสามคนเดินออกไปรับข้อมูลภารกิจที่หน้าห้องพอกิตติเดินกลับมาผมก็รีบปีนหลังไหล่เขาชะเง้อมองข้อมูลบนกระดาษแบบเพ่งสายตาสุดๆ

       "เขียนว่าอะไรหรอคับๆ"

       "ปะ...ปราบกองทัพซอมบี้ที่รอยต่อประเทศ ไทย-ลาว" กิตติพูดด้วยเสียงสั่น หน้าเขาซีดเผือดเหมือนกับหิมะ

       "กรี้ด!!!" ยูมิร้องลั่นสลบลงไปที่โต๊ะของตัวเอง ซอมบี้คงจะเป็นอะไรที่น่ากลัวมากเลยสินะ แต่ผมไม่กลัวหรอก เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะผมไม่รู้จักซอมบี้น่ะสิ

       ทั้งสามกลุ่มต่างก็ได้รับภารกิจต่างๆกันไป กลุ่มของเออร์วินไปค้นหาหญ้าแมนเดรก ส่วนกลุ่มของคุณวิคตอเรียต้องไปปราบเยติคลั่ง ทุกคนกลุ่มต่างก็กลับบ้านเพื่อวางแผนสำหรับภารกิจที่พวกตัวเองต้องไปทำ

       "ขนม ขนม ผมเอาไปด้วยได้ไหมคับ นะคับๆ" ผมถามกิตติในขณะที่หยิบซองขนมจากในตู้ใส่ลงไปในกระเป๋าจนมันพองโต

       "ไม่ต้องหรอก ที่นั่นก็มีขาย" กิตติบอกพร้อมกับที่จับแขนของโซน่าที่กำลังยัดซองมันฝรั่งทอดอันโตลงใส่กระเป๋า

       "นะคับ/นะคับ" ผมปั้นหน้าอ้อนเขาโดยมีโซน่าผสมโรงด้วย เมื่อกิตติถูกพวกผมอ้อนเข้ามากๆก็ยอมตกลงให้พวกเราเอาขนมไปด้วยได้นิดหน่อย

       "ลูเซ่ก็ว่าไปอย่าง แต่โซน่าตอนนี้นายอายุสิบสี่แล้วนะ" กิตติดึงตัวโซน่าเข้าไปกอดไว้ โซน่าได้แต่ทำแก้มป่องเพราะไม่สามารถหลุดไปจากการกอด(หรือรัด?)ของกิตติได้

       "สิบสี่ยังไม่ถือว่าโตสักหน่อย ผมยังเป็นเด็กอยู่นะ" อย่างที่กิตติพูดในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาโซน่าครบรอบวันเกิดอายุสิบสี่แล้ว แถมเขายังตัวสูงขึ้นมากจนจะเท่าซีลอยู่แล้ว เขสบอกว่าที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะกินนมกับเล่นบาส เป็นข้ออ้างที่ทำให้เขาหนีออกไปเล่นบาสบ่อยๆ ถ้าผมอยากสูงผมก็ต้องทำแบบเขาสินะ

       ในเวลาสามเดือนที่ผ่านมานั้น ผมได้รู้อะไรต่างๆมากขึ้นอีกเยอะเลย อย่างเรื่องที่ซีลแอบออกไปข้างนอกคนเดียวบ่อยๆ เรื่องที่ยูมิต้องออกไปหางานพิเศษทำเพราะใช้เงินซื้อของจนกระเป๋าฟีบ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่กิตติที่โตที่สุดจะมีนิสัยเด็กที่สุด ผู้คนนั้นไม่สามารถดูได้จากภายนอกเพียงอย่างเดียว ทุกคนต่างก็มีสิ่งข้างในที่ต่างกันออกไป ในโลกนี้ยังคงมีเรื่องต่างๆมากมายที่เด็กอย่างผมคงต้องเรียนรู้ต่อไปในกาลข้างหน้า


.....................................................................................................................................................

       ในเช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดทะมัดทะแมงอย่างคนเดินป่า ยกเว้นแต่กิตติเท่านั้นที่ใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นบวกรองเท้าแตะอีกหนึ่งคู่ กิตติออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับการไปทำภารกิจ พวกเรามีเวลาเพียงแค่สิบห้าวันในการทำภารกิจให้สำเร็จกิตติจึงรีบให้ออกเดินทางตั้งแต่วันนี้

       "ประเทศไทยนี่อยู่ตรงไหนหรอคับ?"

       "อยู่ในทวีปเอเชีย ถือว่าไกลจากที่นี่พอสมควรเลยล่ะ" ซีลเป็นคนที่ตอบคำถามของผม เพราะตอนนี้ยูมินั่งสั่นกลัวอยู่ในบนโซฟาด้วยความกลัวภารกิจในครั้งนี้

       "แฮ่!!!"

       "กรี้ด!!!" โซน่ากระโดดออกมาจากด้านหลังโซฟาเพื่อแกล้งยูมิ เธอร้องลั่นแล้วหยิบกระบองข้างตัวฟาดไปที่ซอมบี้โซน่าเต็มแรง

       "กล้าฟาดขนาดนี้แล้วเจ้ายังต้องกลัวอีกเรอะ" ลูซิเฟอร์บ่นออกมา จากที่ผมสังเกตุมาช่วงนี้เขาเงียบลงไปมากจนแทบไม่ได้พูดกับผมเลยด้วยซ้ำ

       "ทุกคน รอกิตตินานไหม" กิตติเดินกลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนผิดปกติจนดูน่ากลัว

       "ออกมากันเร็วเราจะไปกันแล้ว" กิตติกวักมือใส่พวกเราอย่างกับแมวกวัก พวกเราสะพายกระเป๋าของตัวเองขึ้นมายืนพร้อมกันอยู่หน้าบ้าน

       "เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลา กิตติได้หาทางที่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งก็คือ วาร์ปไปนั่นเอง" กิตติชูมือขึ้นฟ้าด้วยความมั่นใจ แต่ทุกคนต่างก็ไม่ค่อยเชื่อใจเขาสักเท่าไหร่

       "ต้องขอบคุณ ผู้เชี่ยวชาญที่สอนวิธีการแหวกมิติให้กับกิตติ งั้นไปกันเลยเถอะ Let's Go !!!"

       บรรยากาศรอบข้างค่อยๆสั่นไหว เสียงแรงสูงดังขึ้นมาจนผมหูอื้อ ในขณะนั้นโซน่าที่ฉุกคิดขึ้นได้ว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญที่กิตติพูดถึงกำลังจะตะโกนให้เขาหยุด แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว

       "ขอผืนฟ้าโปรดเบิกทาง ทะลุผ่านทางวิธี โปรดส่งข้าไปทันที สู่วิธีที่ต้องการ ไปกันเลย!!!"รอยร้าวค่อยๆปริแตกออกในอากาศ มันค่อยๆดูดพวกเราขึ้นไปเหนือพื้น

       โลกทั้งโลกหมุนอย่างน่ากลัวเหมือนรถไฟเหาะ เสียงร้องลั่นของทุกคนดังระงมในห้วงมิติที่เริ่มมืดมิด จะมีก็แต่กิตติเท่านั้นที่หัวเราะร่าด้วยความสนุก

       มีรอบปริแตกปรากฏออกมาอีกครั้ง ผมโล่งใจขึ้นมาเพราะถ้าต้องอยู่ในนี้อีกไม่นานผมคงต้องอ้วกแน่ๆ ผมถูกดูดเข้าไปในรอยร้าวนั่นแล้วตกก้นกระแทกลงมายังพื้นอย่างแรง

       "เจ็บจัง" ผมค่อยๆลุกแล้วปัดฟุ่นที่ก้นออกไป "คราวหน้าไม่เอาแล้วนะคับกิตติ เอ๋?ทุกคน?"
ผมมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เจอใคร มองเห็นก็แต่ป่าที่มีต้นไม้รายล้อม

       "ทุกโคน!!! กิตติ! โซน่า! ซีล! ยูมิ!" ไม่มีใครตอบผมเลยสักคน รู้สึกว่าจะไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ผมจะทำยังไงดีนะ แย่จัง


.................................................................................................................................


       "ว้ายๆ!!! เสื้อสวยๆเต็มเลย"สาวน้อยผมทับทิมร้องตะโกนอย่างดีใจท่ามกลางฝูงชนในตลาดนัดแห่งหนึ่ง

       "แหม เสื้อผ้าที่นี่ถูกจริงๆเลย"


       "สวยจังเลยเนอะ"เด็กหนุ่มสูดหายใจยาวรับอากาศอันแสนสดชื่นพร้อมกับกล่าวชมความสวยงามของแม่น้ำ

       "แต่ก่อนดีกว่านี้เยอะ" ดาบข้างกายแย้งเบาๆ

       ทั้งสองพูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคนระหว่างเดินชมธรรมชาติอยู่ริมแม่น้ำสายยาวที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

       "นี่! ขอเล่นด้วยคนสิ" เด็กน้อยที่ใกล้จะไม่น้อยแล้ววิ่งเข้าไปยังสนามบาสที่มีคนกำลังเล่นกันอยู่

       "พวกนายพูดอะไรกันน่ะฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลย ช่างเถอะ เล่นบาสกันดีกว่า" ถึงจะพูดไม่รู้เรื่องแต่กีฬาก็ทำให้พวกเขาเข้าใจกันได้


       "เฮ้อ... แย่จริงๆเลยนะ ทุกคนเนี่ยหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ เฮ้อ..." ชายร่างอ้วนถอนหายใจขณะกำลังนั่งกดคอมพิวเตอร์อยู่ในโรงแรมเล็กๆที่สะดวกสบายโดยไม่ได้ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองทำ ระหว่างที่นั่งอย่างสบายใจเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

       "ไงเพื่อน ไม่ได้คุยกันตั้งนาน พอดีกลับมาทำธุระนิดหน่อยนะ คราวหน้าไปหาแน่นอน  แป๊ปนะน้องโทรมา" เขากดรับสายซ้อนที่ดังเข้ามา

       "เฮียมาก็ไม่บอกเลยนะ อยู่ไหนเนี่ย!!! คราวหลังบอกหนูก่อนสักเดือนสิ! แล้วซื้อของฝากมาให้หนูป่าวเนี่ย! แว้ดๆๆ!!!" เสียงความถี่สูงดังออกมาจากมือถือเรื่อยๆไม่ได้หยุดทำให้ผู้รับต้องขอโทษอยู่เป็นระยะๆ

.......................................................................................................................................................

       ผมพยายามแหวกฝ่าดงต้นไม้ออกมาแต่ก็ไม่พบใคร "ร้อนจังแหะ" ผมปาดเหงื่อที่ซึมไหลอยู่บนหน้าผาก ถึงว่าทำไมกิตติถึงใส่เสื้อผ้าแบบนั้น ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาใส่เสื้อตัวอื่นกับกางเกงขาสั้นแล้วแต่ก็ยังร้อนอยู่ดี เหงื่อไหลโชกเต็มตัวจนรู้สึกเหนียว แต่ด้วยความพยายามของผมทำให้ผมเจอบ้านคนจนได้

       "เอ่อขอโทษคับ ที่นี่ที่ไหนคับ" ผมเข้าไปถามชาวบ้านที่เดินไปมาอยู่แถวนั้นแต่ก็ไม่มีใครตอบผม ผมเลยต้องเดินหาทุกคนไปเรื่อยๆด้วยตัวเอง แต่ด้วยอากาศที่ร้อนอย่างผิดปกติทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวจนหน้ามืดล้มลงไป

       สายลมอ่อนพัดผ่านใบหน้าผมให้ความรู้สึกชื่นใจ กลิ่นสมุนไพรหอมๆทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็พบกันหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่โตกว่าผมสักสองสามปีกำลังใช้พัดโบกไปมาให้ผมอยู่

       หญิงสาวมีผมยาวดำสยายรับกับดวงตาสีเปลือกไม้อ่อนภายใต้แว่นตากรอบดำหนา  ผิวสีเหลืองอ่อนไม่ถึงกับดำแบบคนเอเชีย เธอรู้ว่าผมตื่นแล้วจึงยิ้มน้อยๆให้ผมแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กๆภายในกระท่อมเพื่อหยิบขวดน้ำให้ผมดื่ม

       "น้องโหลงทังมาหรอ"ภาษาอังกฤษแปร่งๆของเธอทำให้ผมต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจบ้างแต่ผมและเธอก็สามารถคุยกันได้รู้เรื่อง

        ที่นี่ที่ไหนหรอคับ

        นี่เปนเกสเฮ้าที่ฉานพักอยู่นาจ๊ะ น้องมาจากหนายหรอจ๊ะคราวนี้เธอพูดอย่างช้าๆเพื่อให้ผมจับใจความของสิ่งที่เธอพูดได้

        ผมมาจาก...ขณะที่ผมจะบอกกับเธอท้องผมก็ร้องเสียงก่อน ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี

        ปายหาอารายกินกันก่อนเถอะข้างนอกกระท่อมนั้นยังมีกระท่อมแบบเดียวกันอยู่อีกหลายหลังโดยมีเลขกำกับไว้

       เธอพาผมไปนั่งกินข้าวที่ร้านข้างทางแห่งหนึ่ง ผมที่ไม่รู้จะสั่งอะไรก็ได้แต่มองเมนูไปมา เธอเห็นว่าผมยังไม่สั่งอะไรก็รู้ทันทีว่าผมอ่านไม่ออก เธอจึงเป็นคนสั่งให้ผมเอง

        น้องชื่ออาไรหรอ พี่ชื่อ แบม นะเธอเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง แล้วก็ชี้มาทางผมบ้าง

        ชื่อลูเซ่คับ สิบขวบผมก็ชี้ตัวเองกลับไปบ้างทำให้เธอยิ้มออกมา เมื่ออาหารยกมาเสิร์ฟผมก็รีบกินทันที สิ่งที่ผมกินคือช้าวกับไข่อย่างที่กิตติเรียกว่า ไข่เจียว ระหว่างที่ผมกินพี่แบมก็ชวนผมคุยถึงเรื่องต่างๆซึ่งผมก็พอตอบไปได้บ้างโกหกบ้าง

        มาเที่ยวแล้วหลงกับเพื่อนหรอ น่าสงสารจางเธอตอบผมพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกใต้แว่นกรอบหนา ที่ผมบอกเธอไปอย่างนั้นก็เพราะกิตติกำชับเอาไว้ว่าอย่าพูดเรื่องผีหรืออะไรแปลกๆกับคนที่นี่เด็ดขาด ให้เก็บภารกิจไว้เป็นความลับ    

        พี่เป็นคนแถวนี้หรอคับ

        พี่ม่ายใช่คนแถวนี้หรอก มาสืบอะไรนิดหน่อยน่ะ

        เรื่องอะไรหรอคับ

        เรื่องซอมบี้นาสิ ลือกานกระฉ่อนเลยว่ามีจริงๆ

       กิตติคับ ผมว่าภารกิจนี้คงไม่ได้เป็นความลับหรอกนะคับ ขนาดเด็กผู้หญิงธรรมดาๆยังรู้ แล้วมันจะเหลืออะไรไว้ให้เก็บเป็นความลับอีกล่ะคับ ผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ

จบบท

 
ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×