ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 16 ภารกิจ
ช่วงเวลาอันแสนสงบสุขนั้นได้ฟื้นฟูจิตใจอันอ่อนล้าของเด็กน้อยได้เป็นอย่างดี การได้พบเจอผู้คนและสถานที่ใหม่ได้ทำให้เด็กน้อยคนหนึ่งพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้มากทั้งจิตใจและสติปัญญา ในตอนนี้ดวงอาทิตย์อันสดใสได้กลับคืนมาอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่สงบสุขตลอดสามเดือนนั้นคือลมสงบก่อนที่พายุจะเข้า แต่เด็กน้อยกับผองเพื่อนจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน
ต้นเดือน เมษายน ค.ศ.2011
"ขอแสดงความยินดีกับทุกคนด้วยนะจ๊ะ ที่ผ่านการเรียนปรับพื้นฐานไปได้อย่างด้วยดี" อาจารย์ไดลาน่าพูดอย่างยิ้มๆต่อหน้าหมู่นักเรียนที่สลบฟุบโต๊ะอย่างเหนื่อยอ่อน ทุกคนใช้ไม่ได้กันเลยน้า
"ต่อจากนี้ไปจะเป็นการออกไปปฏิบัติภารกิจจริงกันแล้ว ขอให้หัวหน้ากลุ่มทุกคนมารับข้อมูลด้วย" หัวหน้ากลุ่มทั้งสามคนเดินออกไปรับข้อมูลภารกิจที่หน้าห้องพอกิตติเดินกลับมาผมก็รีบปีนหลังไหล่เขาชะเง้อมองข้อมูลบนกระดาษแบบเพ่งสายตาสุดๆ
"เขียนว่าอะไรหรอคับๆ"
"ปะ...ปราบกองทัพซอมบี้ที่รอยต่อประเทศ ไทย-ลาว" กิตติพูดด้วยเสียงสั่น หน้าเขาซีดเผือดเหมือนกับหิมะ
"กรี้ด!!!" ยูมิร้องลั่นสลบลงไปที่โต๊ะของตัวเอง ซอมบี้คงจะเป็นอะไรที่น่ากลัวมากเลยสินะ แต่ผมไม่กลัวหรอก เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะผมไม่รู้จักซอมบี้น่ะสิ
ทั้งสามกลุ่มต่างก็ได้รับภารกิจต่างๆกันไป กลุ่มของเออร์วินไปค้นหาหญ้าแมนเดรก ส่วนกลุ่มของคุณวิคตอเรียต้องไปปราบเยติคลั่ง ทุกคนกลุ่มต่างก็กลับบ้านเพื่อวางแผนสำหรับภารกิจที่พวกตัวเองต้องไปทำ
"ขนม ขนม ผมเอาไปด้วยได้ไหมคับ นะคับๆ" ผมถามกิตติในขณะที่หยิบซองขนมจากในตู้ใส่ลงไปในกระเป๋าจนมันพองโต
"ไม่ต้องหรอก ที่นั่นก็มีขาย" กิตติบอกพร้อมกับที่จับแขนของโซน่าที่กำลังยัดซองมันฝรั่งทอดอันโตลงใส่กระเป๋า
"นะคับ/นะคับ" ผมปั้นหน้าอ้อนเขาโดยมีโซน่าผสมโรงด้วย เมื่อกิตติถูกพวกผมอ้อนเข้ามากๆก็ยอมตกลงให้พวกเราเอาขนมไปด้วยได้นิดหน่อย
"ลูเซ่ก็ว่าไปอย่าง แต่โซน่าตอนนี้นายอายุสิบสี่แล้วนะ" กิตติดึงตัวโซน่าเข้าไปกอดไว้ โซน่าได้แต่ทำแก้มป่องเพราะไม่สามารถหลุดไปจากการกอด(หรือรัด?)ของกิตติได้
"สิบสี่ยังไม่ถือว่าโตสักหน่อย ผมยังเป็นเด็กอยู่นะ" อย่างที่กิตติพูดในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาโซน่าครบรอบวันเกิดอายุสิบสี่แล้ว แถมเขายังตัวสูงขึ้นมากจนจะเท่าซีลอยู่แล้ว เขสบอกว่าที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะกินนมกับเล่นบาส เป็นข้ออ้างที่ทำให้เขาหนีออกไปเล่นบาสบ่อยๆ ถ้าผมอยากสูงผมก็ต้องทำแบบเขาสินะ
ในเวลาสามเดือนที่ผ่านมานั้น ผมได้รู้อะไรต่างๆมากขึ้นอีกเยอะเลย อย่างเรื่องที่ซีลแอบออกไปข้างนอกคนเดียวบ่อยๆ เรื่องที่ยูมิต้องออกไปหางานพิเศษทำเพราะใช้เงินซื้อของจนกระเป๋าฟีบ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่กิตติที่โตที่สุดจะมีนิสัยเด็กที่สุด ผู้คนนั้นไม่สามารถดูได้จากภายนอกเพียงอย่างเดียว ทุกคนต่างก็มีสิ่งข้างในที่ต่างกันออกไป ในโลกนี้ยังคงมีเรื่องต่างๆมากมายที่เด็กอย่างผมคงต้องเรียนรู้ต่อไปในกาลข้างหน้า
.....................................................................................................................................................
ในเช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดทะมัดทะแมงอย่างคนเดินป่า ยกเว้นแต่กิตติเท่านั้นที่ใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นบวกรองเท้าแตะอีกหนึ่งคู่ กิตติออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับการไปทำภารกิจ พวกเรามีเวลาเพียงแค่สิบห้าวันในการทำภารกิจให้สำเร็จกิตติจึงรีบให้ออกเดินทางตั้งแต่วันนี้
"ประเทศไทยนี่อยู่ตรงไหนหรอคับ?"
"อยู่ในทวีปเอเชีย ถือว่าไกลจากที่นี่พอสมควรเลยล่ะ" ซีลเป็นคนที่ตอบคำถามของผม เพราะตอนนี้ยูมินั่งสั่นกลัวอยู่ในบนโซฟาด้วยความกลัวภารกิจในครั้งนี้
"แฮ่!!!"
"กรี้ด!!!" โซน่ากระโดดออกมาจากด้านหลังโซฟาเพื่อแกล้งยูมิ เธอร้องลั่นแล้วหยิบกระบองข้างตัวฟาดไปที่ซอมบี้โซน่าเต็มแรง
"กล้าฟาดขนาดนี้แล้วเจ้ายังต้องกลัวอีกเรอะ" ลูซิเฟอร์บ่นออกมา จากที่ผมสังเกตุมาช่วงนี้เขาเงียบลงไปมากจนแทบไม่ได้พูดกับผมเลยด้วยซ้ำ
"ทุกคน รอกิตตินานไหม" กิตติเดินกลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนผิดปกติจนดูน่ากลัว
"ออกมากันเร็วเราจะไปกันแล้ว" กิตติกวักมือใส่พวกเราอย่างกับแมวกวัก พวกเราสะพายกระเป๋าของตัวเองขึ้นมายืนพร้อมกันอยู่หน้าบ้าน
"เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลา กิตติได้หาทางที่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งก็คือ วาร์ปไปนั่นเอง" กิตติชูมือขึ้นฟ้าด้วยความมั่นใจ แต่ทุกคนต่างก็ไม่ค่อยเชื่อใจเขาสักเท่าไหร่
"ต้องขอบคุณ ผู้เชี่ยวชาญที่สอนวิธีการแหวกมิติให้กับกิตติ งั้นไปกันเลยเถอะ Let's Go !!!"
บรรยากาศรอบข้างค่อยๆสั่นไหว เสียงแรงสูงดังขึ้นมาจนผมหูอื้อ ในขณะนั้นโซน่าที่ฉุกคิดขึ้นได้ว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญที่กิตติพูดถึงกำลังจะตะโกนให้เขาหยุด แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
"ขอผืนฟ้าโปรดเบิกทาง ทะลุผ่านทางวิธี โปรดส่งข้าไปทันที สู่วิธีที่ต้องการ ไปกันเลย!!!"รอยร้าวค่อยๆปริแตกออกในอากาศ มันค่อยๆดูดพวกเราขึ้นไปเหนือพื้น
โลกทั้งโลกหมุนอย่างน่ากลัวเหมือนรถไฟเหาะ เสียงร้องลั่นของทุกคนดังระงมในห้วงมิติที่เริ่มมืดมิด จะมีก็แต่กิตติเท่านั้นที่หัวเราะร่าด้วยความสนุก
มีรอบปริแตกปรากฏออกมาอีกครั้ง ผมโล่งใจขึ้นมาเพราะถ้าต้องอยู่ในนี้อีกไม่นานผมคงต้องอ้วกแน่ๆ ผมถูกดูดเข้าไปในรอยร้าวนั่นแล้วตกก้นกระแทกลงมายังพื้นอย่างแรง
"เจ็บจัง" ผมค่อยๆลุกแล้วปัดฟุ่นที่ก้นออกไป "คราวหน้าไม่เอาแล้วนะคับกิตติ เอ๋?ทุกคน?"
ผมมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เจอใคร มองเห็นก็แต่ป่าที่มีต้นไม้รายล้อม
"ทุกโคน!!! กิตติ! โซน่า! ซีล! ยูมิ!" ไม่มีใครตอบผมเลยสักคน รู้สึกว่าจะไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ผมจะทำยังไงดีนะ แย่จัง
.................................................................................................................................
"ว้ายๆ!!! เสื้อสวยๆเต็มเลย"สาวน้อยผมทับทิมร้องตะโกนอย่างดีใจท่ามกลางฝูงชนในตลาดนัดแห่งหนึ่ง
"แหม เสื้อผ้าที่นี่ถูกจริงๆเลย"
"สวยจังเลยเนอะ"เด็กหนุ่มสูดหายใจยาวรับอากาศอันแสนสดชื่นพร้อมกับกล่าวชมความสวยงามของแม่น้ำ
"แต่ก่อนดีกว่านี้เยอะ" ดาบข้างกายแย้งเบาๆ
ทั้งสองพูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคนระหว่างเดินชมธรรมชาติอยู่ริมแม่น้ำสายยาวที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
"นี่! ขอเล่นด้วยคนสิ" เด็กน้อยที่ใกล้จะไม่น้อยแล้ววิ่งเข้าไปยังสนามบาสที่มีคนกำลังเล่นกันอยู่
"พวกนายพูดอะไรกันน่ะฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลย ช่างเถอะ เล่นบาสกันดีกว่า" ถึงจะพูดไม่รู้เรื่องแต่กีฬาก็ทำให้พวกเขาเข้าใจกันได้
"เฮ้อ... แย่จริงๆเลยนะ ทุกคนเนี่ยหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ เฮ้อ..." ชายร่างอ้วนถอนหายใจขณะกำลังนั่งกดคอมพิวเตอร์อยู่ในโรงแรมเล็กๆที่สะดวกสบายโดยไม่ได้ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองทำ ระหว่างที่นั่งอย่างสบายใจเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
"ไงเพื่อน ไม่ได้คุยกันตั้งนาน พอดีกลับมาทำธุระนิดหน่อยนะ คราวหน้าไปหาแน่นอน แป๊ปนะน้องโทรมา" เขากดรับสายซ้อนที่ดังเข้ามา
"เฮียมาก็ไม่บอกเลยนะ อยู่ไหนเนี่ย!!! คราวหลังบอกหนูก่อนสักเดือนสิ! แล้วซื้อของฝากมาให้หนูป่าวเนี่ย! แว้ดๆๆ!!!" เสียงความถี่สูงดังออกมาจากมือถือเรื่อยๆไม่ได้หยุดทำให้ผู้รับต้องขอโทษอยู่เป็นระยะๆ
.......................................................................................................................................................
ผมพยายามแหวกฝ่าดงต้นไม้ออกมาแต่ก็ไม่พบใคร "ร้อนจังแหะ" ผมปาดเหงื่อที่ซึมไหลอยู่บนหน้าผาก ถึงว่าทำไมกิตติถึงใส่เสื้อผ้าแบบนั้น ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาใส่เสื้อตัวอื่นกับกางเกงขาสั้นแล้วแต่ก็ยังร้อนอยู่ดี เหงื่อไหลโชกเต็มตัวจนรู้สึกเหนียว แต่ด้วยความพยายามของผมทำให้ผมเจอบ้านคนจนได้
"เอ่อขอโทษคับ ที่นี่ที่ไหนคับ" ผมเข้าไปถามชาวบ้านที่เดินไปมาอยู่แถวนั้นแต่ก็ไม่มีใครตอบผม ผมเลยต้องเดินหาทุกคนไปเรื่อยๆด้วยตัวเอง แต่ด้วยอากาศที่ร้อนอย่างผิดปกติทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวจนหน้ามืดล้มลงไป
สายลมอ่อนพัดผ่านใบหน้าผมให้ความรู้สึกชื่นใจ กลิ่นสมุนไพรหอมๆทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็พบกันหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่โตกว่าผมสักสองสามปีกำลังใช้พัดโบกไปมาให้ผมอยู่
หญิงสาวมีผมยาวดำสยายรับกับดวงตาสีเปลือกไม้อ่อนภายใต้แว่นตากรอบดำหนา ผิวสีเหลืองอ่อนไม่ถึงกับดำแบบคนเอเชีย เธอรู้ว่าผมตื่นแล้วจึงยิ้มน้อยๆให้ผมแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กๆภายในกระท่อมเพื่อหยิบขวดน้ำให้ผมดื่ม
"น้องโหลงทังมาหรอ"ภาษาอังกฤษแปร่งๆของเธอทำให้ผมต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจบ้างแต่ผมและเธอก็สามารถคุยกันได้รู้เรื่อง
“ที่นี่ที่ไหนหรอคับ”
“นี่เปนเกสเฮ้าที่ฉานพักอยู่นาจ๊ะ น้องมาจากหนายหรอจ๊ะ”คราวนี้เธอพูดอย่างช้าๆเพื่อให้ผมจับใจความของสิ่งที่เธอพูดได้
“ผมมาจาก...”ขณะที่ผมจะบอกกับเธอท้องผมก็ร้องเสียงก่อน ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี
“ปายหาอารายกินกันก่อนเถอะ”ข้างนอกกระท่อมนั้นยังมีกระท่อมแบบเดียวกันอยู่อีกหลายหลังโดยมีเลขกำกับไว้
เธอพาผมไปนั่งกินข้าวที่ร้านข้างทางแห่งหนึ่ง ผมที่ไม่รู้จะสั่งอะไรก็ได้แต่มองเมนูไปมา เธอเห็นว่าผมยังไม่สั่งอะไรก็รู้ทันทีว่าผมอ่านไม่ออก เธอจึงเป็นคนสั่งให้ผมเอง
“น้องชื่ออาไรหรอ พี่ชื่อ แบม นะ”เธอเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง แล้วก็ชี้มาทางผมบ้าง
“ชื่อลูเซ่คับ สิบขวบ”ผมก็ชี้ตัวเองกลับไปบ้างทำให้เธอยิ้มออกมา เมื่ออาหารยกมาเสิร์ฟผมก็รีบกินทันที สิ่งที่ผมกินคือช้าวกับไข่อย่างที่กิตติเรียกว่า ไข่เจียว ระหว่างที่ผมกินพี่แบมก็ชวนผมคุยถึงเรื่องต่างๆซึ่งผมก็พอตอบไปได้บ้างโกหกบ้าง
“มาเที่ยวแล้วหลงกับเพื่อนหรอ น่าสงสารจาง”เธอตอบผมพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกใต้แว่นกรอบหนา ที่ผมบอกเธอไปอย่างนั้นก็เพราะกิตติกำชับเอาไว้ว่าอย่าพูดเรื่องผีหรืออะไรแปลกๆกับคนที่นี่เด็ดขาด ให้เก็บภารกิจไว้เป็นความลับ
“พี่เป็นคนแถวนี้หรอคับ”
“พี่ม่ายใช่คนแถวนี้หรอก มาสืบอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องอะไรหรอคับ”
“เรื่องซอมบี้นาสิ ลือกานกระฉ่อนเลยว่ามีจริงๆ”
กิตติคับ ผมว่าภารกิจนี้คงไม่ได้เป็นความลับหรอกนะคับ ขนาดเด็กผู้หญิงธรรมดาๆยังรู้ แล้วมันจะเหลืออะไรไว้ให้เก็บเป็นความลับอีกล่ะคับ ผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ
จบบท
ความคิดเห็น