ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ลัดเลาะสู่อิสระภาพ(-_-)
“ศาสตราจารย์ครับ”
“........................…”
“นี่เป็นเพลงสำหรับฤดูใบไม้ผลิ ศาสตราจารย์ลูปินบอกผมว่ามันเป็นเพลงที่ดังก้องในงานวันแต่งงานของพ่อกับแม่” แฮร์รี่กระซิบที่ข้างหูของเซเวอรัสอย่างอ่อนโยนที่สุดแม้จะรู้อยู่แต็มอกก็ตามว่าอีกฝ่ายไม่สามารถที่จะได้ยินสิ่งใดๆ ได้อีกแล้ว “แม่ชอบมันมาก พ่อถึงได้เลือกมันเป็นเพลงสำหรับวันอันแสนวิเศษ”
...........วันที่ทั้งคู่แต่งงานกัน.............
แล้วเสียงเพลงอันไพเราะก็ขับขานออกมาจากกล่องดนตรี แฮร์รี่พูดช้าๆ ราวกับกำลังจะหมดพลัง เมื่อสิ่งที่ตอบกลับมาคือร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติง “แต่วันนี้ผมได้รู้แล้วว่าแม่ไม่ได้ชอบเพลงนี้เพราะตัวของแม่เอง แต่แม่ชอบมันเพราะอาจารย์ชอบต่างหากล่ะ”
เซเวอรัสยังคงเงียบ และเพราะอะไรบางอย่าง รอน จินนี่ เฮอร์ไมโอนี่ เนวิลล์ และ เดรโกที่ยืนล้อมเตียงของเซเวอรัสก็ถึงคราวบ่อน้ำตาตื้นร้องไห้ออกมาตามๆ กัน เดรโกออกไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่หันกลับมาอีก แต่คนอื่นๆ กลับยังคงอยู่รอบๆ เตียงจนกระทั้งนาฬิกาข้อมือของแฮร์รี่บอกว่า หลังเที่ยงคืนแล้ว
.............9 มกราคม..............
แฮร์รี่ยกมือขึ้นไปปัดผมที่ปรกหน้าซีดจัดจนกลายเป็นสีเทาเหมือนรูปปั้นหินที่ถูกทิ้งให้ไร้ค่าอยู่ริมน้ำออกให้อย่างอ่อนโยน “สุขสันต์วันเกิดครับอาจารย์ อายุ 39 ปีแล้วนะ ยินดีด้วย”
บางที อาจจะเป็นเพราะว่าสัมผัสนั้นของแฮร์รี่ มันถ่ายทอดความเอื้ออาทรอย่างที่เซเวอรัสไม่เคยได้รับที่ไหนมาก่อนก็เป็นได้ น้ำตาของร่างบางจึงไหลออกมา เป็นการบอกให้รู้ว่าความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ของแฮร์รี่ได้ส่งผ่านไปหาเค้าแล้ว ตอนนั้นเองที่น้ำตาของแฮร์รี่ไหลออกมาบ้าง ในที่สุดร่างสูงผอมของเด็กหนุ่มก็ก้มลงไปโอบกอดร่างอันปรักหักพังที่กำลังจะกลายเป็นศพไปด้วยน้ำมือของเค้า
คุณจะต้องอยู่ เพราะการมีชีวิตอยู่ของคุณเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาความรวดร้าวในใจของผมได้......................
คุณจะต้องอยู่ เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่ผมสามารถยึดไว้เป็นที่พำนักในยามเจ็บปวดได้..............
คุณจะต้องอยู่ เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่จะทำให้ผมสามารถยืนหยัดอยู่ต่อไปได้....................
สำหรับผม ผมยินดีจะเยียวยาบาดแผลทั้งทางร่ายกายและจิตใจของคุณด้วยการเอาใจใส่ดูแลอย่างสุดกำลัง และสุดหัวใจที่มีอยู่............. เพื่อให้คุณได้ลืมความจริงอันทรมาน เพื่อให้คุณได้ด่ำดิ่งอยู่แต่ในความทรงจำที่แสนหวาน ให้สมกับความรักที่คุณมีให้แม่ของผมมานานแสนนาน...................
ไม่ใช่นกน้อยในกรง แต่เป็นนกที่บินสู่ท้องฟ้าที่สว่างไสวหลังพายุใหญ่.......................!!!
“เธอมีเวลาถึงแค่ 6 โมงเย็น” เฮอร์ไมโอนี่ทบทวนแผนให้แฮร์รี่ฟังอีกครั้ง “เพราะถ้าช้าว่านี่ ชั้นเชื่อว่าศาสตราจารย์สเนปคงจะรอไม่ได้อีกแล้วล่ะ.......... ชั้นรู้ว่ามันยาก แต่ว่า นี่เป็นทางเดียวที่เค้าจะสามารถมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องอยู่ในสภาพของคนพิการ............ เธอโอเคมั้ย แฮร์รี่”
“ชั้นไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่ เธอแน่ใจนะ............... เซเวอรัสจะลุกขึ้นมานั่งหรือเดินเหินได้อีกครั้งน่ะ”
“ไม่มีอะไรที่จะพิสูจน์ได้หรอก แต่........... มันเป็นทางเลือกเดียว......... แล้วก็เราจะให้ยาเค้าตอน 6 โมงเช้า เพราะถ้าให้ตอนที่เราจะผสมยาอีกชุดให้มันอาจจะไม่ได้ผลก็ได้ เพราะมันเป็นยาชุบกำลังที่มีฤทธิ์แรงมาก เพราะมันไม่ใช่ยาฟื้นกำลังแบบที่เราให้ตามปกติ มันเป็นยากึ่งยาพิษเลยทีเดียว เพราะการที่จะทำให้ศาสตราจารย์สเนป กลับมายืนหรือเดินได้ มันดึงพลังจากทั้งหมดที่เค้ามีออกมาเลยเชียวล่ะ พูดง่ายๆ คือเค้าจะตายเร็วขึ้นแน่นอน”
“แต่ระหว่างนั้น............เค้าจะสามารถมารถได้ยินเสียงของชั้นได้ใช่มั้ย”
“อืม.......…”
“แล้วก็จะพูดกับเราได้ใช่มั้ย”
“อื้อ..........…”
“งั้นฝากด้วยนะ เฮอร์ไมโอนี่”
สิ้นเสียง แฮร์รี่ก็ออกไปจากโรงพยาบาล สู่ป่าต้องห้าม เค้ารู้ดีว่าสิ่งที่เค้าเลือกนั้นเป็นหนทางอันตราย แต่เมื่อมันเป็นทางเลือกเดียว ยังไงเค้าก็ต้องแลก
*****************************************************
“เดรโก..........…”
“ครับ...............ผมเอง” เด็กหนุ่มผมเงินตอบพลางเช็ดน้ำตา “พวกเราปรุงยาขนานนี้ขึ้นมาเพื่อให้อาจารย์สามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง อาจารย์รออีกนิดนะครับ ไม่เกิน 6 โมงเย็น ยาสำหรับช่วยอาจารย์ก็คงจะพร้อม อาจารย์อยู่กลับเราตลอดไปนะครับ”
เซเวอรัสค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ และขณะที่ยันตัวลุกขึ้น เดรโกก็รีบพยุงให้ลุกขึ้น แม้บาดแผลและรอยช้ำจะหายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก แต่เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความผอมบางของอีกฝ่าย รึอาจจะเป็นเพราะร่างนี้ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้เสื้อคลุมหนาๆ เลยทำให้เค้าไม่ได้สังเกตกันนะ
ไม่สิ ไม่ใช่............. เพราะเค้าเคยเห็นอาจารย์ใส่ชุดนอนมาก่อน แม้จะผอมบอบบางมากเพียงใด แต่ก็ไม่น่าสลดใจเท่ากับตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะแฮร์รี่ พอตเตอร์ต่างหาก
แฮร์รี่ พอตเตอร์.......... ชื่อที่แทบจะทำให้เค้ากระอักเลือดเมื่อคิดถึง..............
“เดรโก”
“ครับ” เด็กหนุ่มตื่นจากภวังค์ “อาจารย์อยากได้อะไรรึเปล่าครับ”
“ชั้นอยากได้เสื้อผ้าของชั้นคืน.......... เมื่อ 5 ปีก่อน ชั้นเคยได้ไปพักที่บ้านของเธอ........... พ่อของเธอให้ชั้นใส่เสื้อผ้าของเค้ากลับไปแล้วไม่ได้คืนเสื้อผ้าให้ชั้นเลย บางทีอาจจะยังอยู่ที่บ้านของเธอก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจ ชั้นขอคืนได้มั้ยนะ”
เดรโกปรบมือ แล้วเอลฟ์ประจำบ้านเพศเมียก็มาปรากฏข้างๆ เด็กหนุ่มสั่งอะไรบางอย่างที่ข้างหูใหญ่ๆ เบาๆ และตอนนั้นเองที่เอลฟ์ตัวนั้นหายไป ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับชุดเสื้อคลุมพ่อมดสีดำเรียบๆ แต่เนื้อดีเยี่ยมหนึ่งตัว แล้วพยุงเซเวอรัสให้ลุกขึ้น
เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่เค้าอาบน้ำเอง........... แม้จะงุ่มง่ามและลำบากยากเย็นเพราะมือทั้งสองข้างเย็นลงอย่างรวดเร็วจนแทบจะเป็นตะคิว และเซเวอรัสก็ช่วยตัวเองจนสำเร็จ ร่างบางก็จัดการแต่งกาย แต่มือทั้งสองกลับชาจนกระดิกแทบจะไม่ได้ เดรโกยืนดูเพียงพักเดียวเท่านั้นก็จัดการช่วยติดกระดุมเสื้อให้จนเสร็จ ก่อนจะเป่าลทร้อนใส่มือคู่นั้นเพือให้มันอุ่นขึ้นมา
“ชั้นอยากกลับไปที่สวนลับของชั้นกับลิลี่อีกซักครั้ง”
เดรโกเบิกตากว้างอย่างพิศวง “อะไรนะครับ”
“ชั้นจะไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อกับแม่ ลิลี่กับเจมส์ แล้วก็ไปที่สวนลับของชั้นกับลิลี่ สวนที่เราเคยสัญญาว่าจะกลับไปที่นั่นอีกครั้งเมื่อเราแต่งงานกัน” เซเวอรัสยิ้มจางๆ “เราไม่ได้แต่งงานกัน ทำให้ชั้นไม่ได้กลับไปที่นั่นอีก แต่ชั้นคิดว่ามาถึงตอนนี้ชั้นน่าจะกลับไปได้แล้วล่ะ”
“แต่อาจารย์ครับ!!!” เดรโกร้องตกใจ “อาจารย์กำลังป่วยอยู่นะครับ!! ถ้าออกไปตอนนี้อาจารย์อาจจะไม่สามารถรอแฮร์รี่ไหวก็ได้นะครับ!!!”
“ทำไมชั้นต้องรอเด็กคนนั้นล่ะ”
“เพราะแฮร์รี่น่ะ กำลังไปหาเลือดยูนิคอนมาครับ อาจารย์ครับ เค้ายอมทำขนาดนี้เพื่อให้อาจารย์มีชีวิตอยู่”
“งั้นเหรอ.........…”
“ครับ.......... เค้าบอกว่า ถ้าจอมมารสามารถมีความสุขกับชีวิตที่ถูกสาปได้ อาจารย์ก็ต้องมีได้เหมือนกัน”
เซเวอรัสเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มจางๆ “ช่วยพาชั้นไปจากที่นี่ได้มั้ย”
“อาจารย์!!!!!”
“เดรโก........... เธอรู้มั้ยว่า......... เด็กผู้ชายในบทกวีน่ะ............ แม้แต่ชีวิตทั้งชีวิตก็ไม่มีทางที่จะชดเชยอะไรให้เค้าได้........... แต่ถ้าเป็นสวนลับนั้น เค้าอาจจะไม่รู้สึกว่าชั้นเคยทำอะไรร้ายๆ ใส่เค้าก็เป็นได้” เซเวอรัสยกยาเสริมกำลังขึ้นมาดื่มช้าๆ “พาชั้นไปหน่อยนะ”
“ผมทำไม่ได้”
“เดรโก”
“ผมทำไม่ได้!!!” เดรโกพูดเสียงแข็ง “อาจารย์อาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานสุดแค่สามทุ่มเท่านั้นเอง.......... แล้วผมจะทำให้อาจารย์เผาผลาญพละกำลังที่เหลืออยู่ให้หมดไปได้โดยเร็วได้ยังไง”
“แล้วเธอแน่ใจได้ยังไงว่าแฮร์รี่จะทำได้สำเร็จ”
คำพูดนี้ละม้ายคล้ายกับดาบแหลมที่พุ่งแทงอกของเด็กหนุ่มเข้าจังๆ “อย่า........... อย่าพูดแบบนี้.........…”
“ได้โปรดเถอะ.......…” เซเวอรัสที่นั่งบนเตียงล้มตัวลงนอน “ไม่งั้นเธอคงต้องทำกับชั้นแบบที่แฮร์รี่ทำแล้วล่ะ เพราะชั้นจะไปด้วยตัวเองให้ได้ ถ้าใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็เดินออกไป ถ้าเดินไม่ได้ก็จะคลานออกไป......... ถ้าเธอมัดชั้นไว้ ชั้นก็จะเป็นอิสระจากร่างกายให้ได้ เพราะชั้นจะไม่อยู่ในกรงอีกต่อไปแล้ว........…”
“อาจารย์ครับ.......... เราค่อยไปด้วยกันหลังจากอาจารย์หายก็ได้นี่ครับ” เดรโกก้มลงกอดเซเวอรัส “แล้วตอนนั้นอาจารย์อยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่ตอนนี้ผมยังไม่หายดี เลยยังใช้เวทมนตร์ไม่ค่อยได้ อาจารย์ก็เหมือนกัน ถ้าออกไปทั้งแบบนี้อาจารย์จะแย่นะครับ”
“เดรโก........ เธอเลิกหลอกตัวเองเหมือนเด็กพวกนั้นเถอะ” เสียงของอดีตอาจารย์สอนปรุงยามีรอยแห่งความตายแฝงอยู่อย่างเจือจาง “...........เธอก็รู้ว่ายาที่เธอปรุงให้ชั้นนะเป็นยาอะไร แล้วยาที่เกรนเจอร์กำลังจะปรุงเป็นยาอะไร ..........มันไม่ได้มีเปอร์เซ็นต์แค่ 1 ใน 10 อย่างที่พวกเธอคิดจะเสี่ยง แต่เป็น 1 ใน 100 เพราะร่างกายของชั้นเป็นแบบนี้แล้ว และที่สำคัญ ยาพิษได้แทรกซึมไปทั่วทุกอณูแล้ว.....…”
“ถึงมันจะแค่ 1 ใน 100 แต่มันก็ยังเป็นโอกาส ที่สำคัญอาจารย์ไม่รู้ซักนิดว่าเราปรุงยาอะไรให้อาจารย์ แล้วจะปรุงยาอะไรอีก” เสียงของเดรโกมีรอยโศกศัลย์ แต่เซเวอรัสหัวเราะอย่างแผ่วเบา
“เดรโก........ ชั้นน่ะเป็นคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปรุงยาที่เก่งที่สุดในรอบพันปีนับตั่งแต่เฮลก้า ฮัพเฟิลพัฟจากโลกนี้ไปเลยนะ........... ไม่จำเป็นต้องไปนั่งเฝ้าหรอก....... แค่กลิ่นยาที่เธอเอามาให้กับกลิ่นที่ติดกับมาเสื้อเธอชั้นก็รู้แล้ว ว่าพวกเธอกำลังปรุงยาต้องห้ามอยู่....... แล้วคนที่มีหัวพอจะทำได้ก็มีแต่เกรนเจอร์ ที่สำคัญ...... ตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่เกือบจะสมบูรณ์แล้ว จะขาดก็แต่เลือดยูนิคอนเท่านั้น.......... ชั้นพูดถูกมั้ย”
เด็กหนุ่มอึกอักจนพูดอะไรไม่ออก แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจร้องไห้ออกมา..................... และหลังจากนั้น เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่เข้ามาเพื่อดูแลเซเวอรัส ทั้งคู่ก็ไม่พบอะไรนอกจากประตูระเบียงที่เปิดอ้าพร้อมกับสายลมที่โบกพัด
ท่ามกลางสายลมเย็นและหิมะที่ขาวโพลน ร่างสองร่างเดินเคียงข้างกันไปโดยไม่พูดอะไรมาก............. สีหน้าของเซเวอรัสดูแย่ลงเรื่อยๆ จนทำให้เดรโกน้ำตาไหลอย่างควบคุมไม่ได้ ทว่า ภายใต้ภาระอันหนักหน่วงนี้ เด็กหนุ่มก็ยังจูงข้อมือบางจนน่าใจหายนี้เดินต่อไปด้วยความรู้สึกหดหู่
ความคิดเห็น