ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : เรื่องโกหก
“คุณพ่อจะไม่ไปช่วยเธอหรอ” เสียงหวานใสของ คานาโอะได้ดังขึ้น
“ช่วยสิ… แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้… ให้เธอนั้นพบเจอกับความอ่อนแอของตัวเองชักหน่อย” เสียงของชายหนุ่มผิวซีดได้ดังขึ้นตอบคำถามของเด็กสาว
“สมุนไพรพร้อมนะ คานาโอะ เพราะการต่อสู้นั้นใกล้จะจบแล้ว”
“ค่ะ”
.
.
.
“ช่างแข็งแกร่งจังเลยนะครับ~” อสูรที่สวมชุดแดงแต่งตัวคล้ายพระได้พูดขึ้นก่อนจะสะบัดพัดในมือ
“เจ้าหญิงแห่งความหนาวเหน็บ” ทันใดนั้นก็ได้ศีรษะของหญิงสาวสองคนที่เป็นน้ำแข็งได้โผล่ออกมาและพ่นไอเย็นออกมาทั่วบริเวณ
“อั๊ค!” ทันทีที่สิ้นเสียงของหญิงสาวก็ได้มีเลือดจำนวนหนึ่งได้ไหลออกมาจากทางปากของหญิงสาว
‘เมื่อกี้หลบพ้นแน่ๆ แต่ทำไม… ฉันพลาดตั้งแต่ตรงไหนกัน อึก! หรือว่าเพราะไอเย็นพวกนี้เข้าสู่ปอด!’ คานาเอะ ในสภาพบาดเจ็บหนักได้พยายามคิดถึงสิ่งที่เธอสงสัยจนได้คำตอบ
“แหม่~ ทำหน้าแบบนั้นคงรู้แล้วสินะครับ ใช่แล้วแหละครับ~ และตอนนี้ปอดคุณกำลังจะพัง” โดมะ ได้พูดออกมาและเริ่มเดินเข้าหาตัวของ คานาเอะ ที่ตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้
“แต่คุณเนี้ย~ ก็เก่งมากเลยนะครับสู้กับผมได้ตั้ง 4 ชั่วโมง แม้จะไม่สามารถทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งกับผมได้ก็ตาม”
โดมะ ได้พูดออกมาก่อนที่จะหันไปมองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ขึ้นมาและตามมาด้วยเสียงร้องของหญิงสาวที่เรียกหา คานาเอะ
“พี่คานาเอะ!!” เสียงของชิโนบุที่อยู่ห่างไกลจากคานาเอะได้ร้องเรียกเมื่อเห็นว่าพี่สาวนั้นหมดสภาพในการต่อกรกับอสูร
“งั้นไว้เจอกันใหม่วันหลังนะครับสุดสวย~ ท่าหากคุณรอดไปได้อ่ะนะ” พูดจบโดมะก็ได้หายไปจากตรงนั้นทันที
แต่หลังจากที่โดมะหายไปก็ได้มีอีก 2 ร่างได้เดินมาอยู่ตรงหน้าคานาเอะร่างสูงของอสูรผิวซีดไม่มีหน้าตาใส่เสื้อสีขาวและอีกร่างที่เหมือนกันแค่เตี้ยกว่าร่างแรก
“พี่คานาเอะหนีไป!!” ชิโนบุร้องตะโกนออกมาอย่างนั้นแม้จะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์แต่ก่อนที่ชิโนบุจะถึงตัวพี่สาวร่างสูงนั้นได้ทำการใช้มือจับไปที่คอของคานาเอะและค่อยๆ ยกขึ้นก่อนที่จะมีเสียงที่ร้องออกมาอย่างทรมารของคานาเอะได้ดังขึ้น
“พี่คานาเอะ!!! เพิ่งจิตรวมปราณ!!!” ชิโนบุที่เห็นแบบนั้นก็ได้รีบพุ่งหาร่างที่ยกร่างพี่สาวของตนด้วยความรวดเร็วแต่เหมือนจะไม่ทัน
“พี่คานาเอะ!!!!!” เสียงร้องของชิโนบุได้ดังขึ้นพร้อมร่างของคานาเอะที่แขนทั้งสองข้างร่วงลงมาแนบลำตัวอย่างไร้แรงต้าน ก่อนที่ร่างไร้หน้าผิวสีขาวซีดทั้งสองจะหันมาหาชิโนบุและได้หายตัวไปพร้อมร่างของคานาเอะ
“อ๊าก!!!!!!!!! ฮือ….อึก…” ชิโนบุ ได้ร้องออกมาอย่างดังด้วยความเศร้าโศกและใช้กำปั้นทุบลงพื้นอย่างแรงหลายครั้งจนเสาหลักแห่งความรักต้องเข้ามาปลอบ
.
.
.
“แล้วคิดว่าการแสดงของฉันเป็นไงบ้างล่ะ คานาเอะ” ชายหนุ่มที่ไร้หน้าได้ถามกับหญิงสาวที่อยู่บนบ่าของตน
“เล่น…แรง…ไป..นะ” คานาเอะ ได้ตอบคำถามของชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงและใบหน้าที่แสดงความเศร้าโศกออกมา
“หนูเห็นด้วยกับคุณ คานาเอะ นะคะคุณพ่อ” คานาโอะ ที่ตอนนี้ถอดหน้ากากไร้หน้าออกแล้วหันมาพูดกับ เคนตะ
“นั้นสินะคงเป็นแผลใจไปจนกว่าจะตายเลยมั้ง” ร่างของ เคนตะ ได้พูดก่อนจะวางร่างของ คานาเอะ ไว้ที่พื้นข้างถนนก่อนจะเริ่มยัดสมุนไพรเข้าปากของหญิงสาว
.
.
“ตอนนี้น่าจะดีขึ้นแล้วนะ” เคนตะ ได้พูดก่อนจะมองไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้มองเขาด้วยความโกรธ
“คุณทำแบบนี้ทำไม” คานาเอะ ได้ถามออกมาด้วยความโกรธ
“กระตุ้นความโกรธของชิโนบุไง”
“อันนั้นฉันรู้แต่ทำไม” หญิงสาวที่ตอนนี้เกือบจะกลับเป็นเหมือนปกติได้พูดออกมา
“ไม่เคยได้ยินหรอว่า ความสูญเสียคือตัวกระตุ้นที่ดีที่สุดในการต่อสู้” เคนตะ ได้พูดออกด้วยใบหน้ายิ้มเหมือนเดิม
“ชิโนบุ อ่อนแอเกินไปเอาจริงตั้งแต่เจอพวกเธอครั้งแรกฉันก็รู้แล้วว่าพวกเธอนั้นแข็งแกร่งแต่มีบางอย่างขัดขวางการเติบโตของพวกเธอ” เคนตะ ได้พูดขึ้นก่อนจะยกตัวหญิงสาวขึ้นบ่าอีกครั้งและเริ่มออกวิ่งเข้าป่าก่อนที่ดวงอาทิตย์จะเผาเขาจนหมดตัว
“…” คานาเอะ ที่ตอนนี้ยังขยับได้ไม่มากก็ไม่มีท่าทีขัดขืนก่อนที่ เคนตะ จะได้พูดขึ้นอีกครั้ง
“เธอน่ะ ไม่มีอะไรคอยขัดขวางเธออีกแล้วเพราะเธอมั่นใจว่าน้องเธอแข็งแกร่งเธอเลยเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดดไง แต่ชิโนบุน่ะไม่ใช่ ชิโนบุในหัวของเธอคิดแค่ว่าต้องแก้แค้นและปกป้องพี่สาวให้ได้และบวกกับร่างกายที่อ่อนแอ ชิโนบุเลยเลือกที่จะไปพัฒนาพิษโดยไม่นึกถึงการพัฒนาตนเองเลยหยุดอยู่แค่นั้นแต่ตอนนี้ยัยนั้นคงรู้แล้วแหละว่าตัวเองต้องพัฒนาทั้งสองด้านเพื่อให้ช่วยเหลือคนที่รักได้” เคนตะ ได้พูดถึงสิ่งที่เขานั้นแถขึ้นมาด้วยใบหน้าจริงจัง เพราะเขาแค่ไม่ได้คิดเหตุผลที่ทำแบบนี้ต่อหน้าชิโนบุ
“…” คานาเอะ ได้แต่ฟังคำพูดของอสูรที่แบกเธอไว้บนบ่าก่อนจะคิดตาม
“อ่อแล้วก็ขอโทษนะที่ตอนนั้นฉันบีบคอเธอแรงไปหน่อย… ฉันขอโทษด้วย” เคนตะ ได้พูดออกมาพร้อมก้มหน้าสำนึกผิด
“…ไม่เป็นไร แล้วทีนี้นายจะทำยังไงต่อล่ะ” คานาเอะ ได้พูดขึ้น
‘เธอเชื่อแหะ การแถของเรานี้มัน 100+ จริงๆ’
“ฉันก็จะไปตามกำหนดการเดิมคือไปหาคางายะ”
คานาเอะ ที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาทันที
“นายจะไปไหนนะ!”
“หูหนวกรึไงฉันก็บอกไปแล้วนะว่าจะไปหาคางายะ”
คานาเอะ ที่ได้ยินอีกครั้งก็แสดงสีหน้าหลากหลายแบบทันที
“เอาล่ะเราจะพักที่นี้กัน คานาโอะ ฝากดูพี่เขาด้วยนะ” เคนตะ ได้พูดก่อนจะวางร่างของหญิงสาวให้นั่งลงพิงกับต้นไม้
“ได้ค่ะ”
“….” คานาเอะ จ้องมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามเด็กสาว
“ทำไมเธอถึงมาอยู่กับอสูรตนนั้นได้ล่ะ และตอนนี้เขาไปไหน”
“หมายถึงคุณพ่อหรอค่ะ เขามาช่วยหนูออกมาจากสลัมน่ะคะ ส่วนที่ว่าไปไหนคงไปหาล่าสัตว์ป่าแถวนี้แหละค่ะ” เด็กสาวได้พูดออกมาพร้อมถือกิ่งไม้มาเต็มมือ
“พ่อหรอ?” คานาเอะที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดออกมา
“ไม่ใช่พ่อแท้ๆ หรอกค่ะเขาแค่ซื้อตัวหนูมากจากไอ้ปีศาจนั้นเท่านั้นเอง” เด็กสาวตอบออกมาก่อนจะไปเดินยกหินขนาดใหญ่มา
“ไอ้ปีศาจที่ว่านี้พ่อแท้ๆ หรอ- เดี๋ยวแล้วเธอยกหินขนาดใหญ่นั้นด้วยมือเดียวได้ไง!” คานาเอะ ได้ถามถึงสิ่งที่ตนสงสัยแต่ก็มีสิ่งที่หน้าแปลกให้เธอเห็นทันที
“คำถามแรกใช่ค่ะ คำถามที่สองคุณพ่อสอนมาดีค่ะ” เด็กสาวได้พูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังจากตอบคำถามที่สอง
“มาแล้วจ้า~” เคนตะ จู่ๆ ก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าคานาเอะและคานาโอะทันที
‘มะ เมื่อกี้ เกิดอะไรขึ้นแล้วหมอนี้มาไง…. ใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีกลิ่นอายหรืออะไรเลยขนาดตอนนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็สัมผัสถึงตัวตนไม่ได้… นี้มัน…. อะไรกัน’ คานาเอะ ได้แสดงสีหน้าสับสนออกมาทันทีที่มีชายหนุ่มผิวซีดมาอยู่ตรงหน้าเธอ
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะคุณพ่อแล้วนี้ไปเอาไก่ป่าและกระต่ายป่ามาแต่ไหนเนี้ย” คานาโอะ ได้พูดถามขึ้น
“ตรงนู้น” เคนตะ ได้พูดขึ้นพร้อมชี้นิวไปทางป่าอีกแห่ง
“เอาล่ะ มาเตรียมอาหารกันเลย” เคนตะ ได้พูดขึ้นก่อนจะเริ่มก่อไฟและนำสัตว์ป่าที่ล่ามาล้างทำความสะอาดกับแม่น้ำใกล้ๆ ส่วน คานาเอะ ก็เหมือนอากาศธาตุตลอดการทำอาหารเพราะเธอบาดเจ็บจึงช่วยไม่ได้
.
.
.
“อาหารยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะคุณพ่อ” คานาโอะ ได้พูดขึ้นก่อนจะมองไปหญิงสาวอีกคนที่กำลังกินแบบมารยาทงามสุดๆ (อันนี้ไม่ได้ประชดนะ) คานาเอะ ที่เห็นแบบนั้นก็ได้ยิ้มกลับมาและพูดชมอาหารฝีมือของ เคนตะ เช่นกัน
“เดินทางกันต่อไหมค่ะ คุณพ่อหรือจะพักอีกชักวันสองวัน” คานาโอะ หลังจากที่หันไปหาคานาโอะก็ได้เริ่มพูดกับเคนตะ
“เดินไหวไหม” เคนตะ ได้หันไปถามกับ คานาเอะ
“ก็….. ไหวอยู่” หญิงสาวได้สำรวจตัวเองก่อนจะพูดออกมา
“งั้นเดินทางกันต่อเลย” พูดจบ เคนตะ ก็ได้ดับไฟก่อนจะเดินไปพยุงคานาเอะ หญิงสาวที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“นี้ขอถามหน่อยสิ” เคนตะ ได้หันไปหา คานาเอะ
“หืม…มีอะไรหรอ”
“เธอเชื่อคนง่ายเกินไปไหม”
“ก็แค่สถานะการณ์นี้เท่านั้นแหละ เพราะต่อให้ไม่เชื่อแต่ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ”
“ก็จริง” เมื่อจบบทสนทนาทั้งสามก็เริ่มเดินทางไปที่หน่วยพิฆาตอสูรทันที
“นายรู้ทางหรอ?” คานาเอะ ได้พูดขึ้น
“แน่นอนไม่งั้นฉันจะส่งจดหมายเรื่องอสูรไปให้พวกเธอยังไงล่ะ”
“นายเป็นคนส่งจดหมายนั้นเองหรอ!” คานาเอะ ได้พูดขึ้นด้วยความตกใจเพราะคนที่พยุงเธออยู่ตอนนี้คือคนที่ทำให้เด็กใหม่หลายคนในหน่วยพิฆาตอสูรและน้องสาวของเธอรอดเพราะจดหมายที่เขาส่งมานั้นมีทั้ง ชื่อ ความสามารถ และอดีตของอสูรตนนั้น
“แต่ก่อนไปเอาชุดนี้ไปเปลี่ยน เพราะตอนนี้ โคโจ คานาเอะ ได้ตายไปแล้ว” เมื่อจบคำพูดของ เคนตะ ก็ได้มีชายในชุดดำสนิทที่โผล่มาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ยื่นเสื้อมาให้
“ห่ะ! มาตั้งแต่ตอนไหน” คานาเอะ ได้แสดงสีหน้าตกใจออกมา
“ก็ตามมาตั้งแต่เข้าป่าแล้วค่ะ” คานาโอะ ได้ตอบข้อสงสัยของ คานาเอะ
“!!!” คานาเอะ ยังคงตกใจอยู่ดี
“เอาน่า เดินๆ ไปเถอะค่อยไปเปลี่ยนตอนถึงเมืองถ้าอยากเรียนเดี๋ยวฉันสอน” เคนตะ ได้พูดขึ้นและสร้างความตกใจให้ โคโจ คานาเอะ อีกครั้ง
******************************************************************************************************
ความคิดเห็น