คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 6
"คุณสวยมากค่ะ" โรซาเลียกล่าวชมจากใจจริง
เมื่อครองขวัญสวมชุดที่โรซาเลียเตรียมมาให้พร้อมเครื่องประดับ
และช่วยสอนเรื่องการแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุดที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว
โรซาเลียก็ค้นพบว่าสุภาพสตรีข้างกายอัลเฟรโด้คนนี้งดงามจริงๆ
เธอเป็นสาวไทยร่างเล็กที่รูปร่างงดงามที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
และมั่นใจเลยว่าคุณอัลเฟรโด้ของโรซาเลียก็คงรู้ดีกว่าใครว่า
ครองขวัญงดงามมากแค่ไหน
"ขอบคุณค่ะ"
ครองขวัญมองตัวเองในกระจกอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า นี่คือเธอจริงหรือไม่
เสื้อผ้าที่โรซาเลียจัดมาให้เรียบร้อยแต่หรูหราและบ่งบอกให้รู้ว่าแต่ละชุดราคาไม่ธรรมดาเลย
ที่สำคัญเครื่องประดับที่จัดมาให้เข้าชุดนั้นยิ่งทำให้ครองขวัญดูสวยสมกับเป็นผู้หญิงของอัลเฟรโด้เป็นอย่างยิ่ง
แต่นี่มันคือมายา
แค่ภาพลวงตาที่ไม่มีวันเป็นจริงได้
เธอคือโซเฟียชั่วคราวเป็นแค่ผู้หญิงแก้ขัดของเขาเท่านั้น
และคิดต่อไปอีกว่าการที่อัลเฟรโด้จัดการให้แต่งตัวแบบนี้ ก็เพราะ
ไม่อยากเห็นอะไรที่ไม่เจริญหูเจริญตาต่างหาก
"ฉันใส่แต่เสื้อผ้าดีกว่าค่ะ
เครื่องประดับพวกนี้ไม่ต้องหรอก"
หญิงสาวไม่คิดจะแตะต้องเครื่องประดับราคาแพงเหล่านั้นเลย
"แต่คุณอัลเฟรโด้สั่งให้เอาเครื่องประดับที่เข้าชุดกับเสื้อผ้าพวกนี้ให้คุณนะคะ"
ช่างเสื้อคนเก่งบอก
"สั่งอีกแล้วเหรอ
ตาบ้านี่ชอบสั่งคนอื่นอยู่เรื่อย สงสัยจะเป็นพวกเสพติดของสวยงามจนขึ้นสมอง
ถึงได้ทนเห็นอะไรที่เป็นธรรมดาของคนธรรมดาไม่ได้"
จมูกงามย่นยู่เล็กน้อยพอให้น่ารัก โรซาเลียหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยว่า
"ปกติคุณอัลเฟรโด้ก็ไม่เคยสั่งอะไรแบบนี้ให้ใครนะคะ
คุณเป็นคนแรกแล้วรู้ไหมว่าเรื่องนี้ยังเป็นความลับ
ที่บอกใครไม่ได้แม้แต่คุณลอร่า"
กว่าโรซาเลียจะเอาตัวรอดจากคำถามที่เจ้านายคนสวยอย่างลอร่า
ที่ถามถึงเรื่องเสื้อผ้าที่พี่ชายสุดที่รักขอให้ส่งมาให้ภรรยาคนสวยได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน
เพราะโรซาเลียต้องทำตามที่อัลเฟรโด้สั่งว่า ห้ามให้ใครในบ้านรู้เด็ดขาดว่า
เจ้าของเสื้อผ้าตัวจริงเป็นใคร
"ใครคือคุณลอร่าคะ"
หญิงสาวถามด้วยความสงสัย หรือว่าการหายตัวไปของโซเฟีย
จะไม่ใช่เรื่องกลุ่มมาเฟียอะไรนั่น แต่เป็นเพราะเรื่องผู้หญิงที่เหล่ามาเฟียมักมีอีหนูข้างกายไว้ประดับบารมี
"น้องสาวคนเดียวของคุณอัลเฟรโด้ไงคะ"
โรซาเลียเฉลย
ครองขวัญยิ้มรับรู้สึกว่าตัวเองหน้าแตกที่เข้าใจว่าผู้หญิงที่ชื่อลอร่าคือผู้หญิงของอัลเฟรโด้
"ขวัญขอรับแค่เสื้อผ้านะคะ
ส่วนข้าวของพวกนี้ไม่ดีกว่า" ครองขวัญยืนยันคำเดิม
"เอาไปเถอะค่ะ
ใช้หรือไม่ใช้ค่อยว่ากันอีกที
เผื่อต้องไปไหนหรือออกงานกับคุณอัลเฟรโด้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหา"
"ออกงาน ใครจะอยากไปไหนกับหมอนั่น
ชอบบงการคนอื่นอยู่เรื่อย แค่อยู่ใกล้แป๊ปๆ ก็น่าเบื่อแล้วค่ะ"
หญิงสาวแอบนินนทา
"คุณอัลเฟรโด้น่ะเหรอคะ"
โรซาเลียพูดด้วยรอยยิ้มต่อไปอีกว่า
"คุณอัลเฟรโด้เป็นคนมีเหตุมีผลและก็ใจเย็นที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
เพียงแต่ว่าอาจจะเจ้าระเบียบไปบ้าง
หรือชอบความเรียบร้อยมากไปหน่อยเพราะว่าดูแลกิจการโรงแรมของครอบครัว
มันก็จะเป็นต้องพร้อมเสมอนี่คะ"
นี่เป็นครั้งแรกที่ครองขวัญรู้ว่าอัลเฟรโด้เป็นใคร
ทำอะไร และมีนิสัยใจคออย่างไร ที่สำคัญโรซาเลียยังทิ้งไม้เด็ดไว้อีกอย่างว่า
"เคยได้ยินคุณลอร่าบอกว่า ถ้าพูดดีๆ
อ้อนหวานๆ คุณอัลเฟรโด้ก็ใจอ่อนแล้ว"
พูดดีๆ พูดหวานๆ
งั้นเหรอ ครองขวัญเบะปากเล็กน้อย ไม่เชื่อหรอกว่าพูดให้ตาย
คนบ้าอำนาจที่ชอบบงการคนอื่นอย่างอัลเฟรโด้ จะยอมทำตามง่ายๆ
โรซาเลียกลับไปแล้วพร้อมกับทิ้งเสื้อผ้าสวยงามหรูหราไว้ให้ครองขวัญหลายสิบชุด
โดยทุกชุดมีเครื่องประดับที่เข้ากันตามคำสั่งของอัลเฟรโด้ทุกประการ
นอกจากนี้ช่างเสื้อคนเก่งยังบอกอีกด้วยว่า หลังจากนี้อีกสองสามวันจะส่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับตามมาอีก
ครองขวัญฉวยจังหวะที่กลับมาห้องพักแล้วอัลเฟรโด้ยังไม่เข้ามา
รีบหาทางตั้งหลักว่าค่ำคืนนี้ตนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในห้องนี้เพียงสองต่อสองกับเขาดี
สาวน้อยหาอุปกรณ์ที่คิดว่าจะสามารถป้องกันตัวเองได้ไว้ใกล้มือที่สุด
"นี่แหล่ะ"
เตียงนอนที่ครองขวัญยึดเป็นที่มั่นก็คือโซฟาใหญ่
ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่สะดวกสบายเท่าไรนัก
แต่อย่างน้อยมันก็คงจะดีกว่าการต้องนอนร่วมเตียงกับผู้ชายฉวยโอกาสคนนั้น
ไฟฉายกระบอกใหญ่ถูกซ่อนไว้ใต้หมอน ซึ่งเป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียวที่หญิงสาวมีตอนนี้
เสียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือของครองขวัญดังขึ้น
ข้อความทางไลน์ที่ปรากฏให้เห็นบนหน้าจอทำให้หญิงสาวตาโตด้วยความตื่นเต้น
ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้รับการติดต่อกลับมาจากอีกฝ่ายเร็วขนาดนี้
'อยู่ที่ไหน เป็นอะไรหรือเปล่า
ปลอดภัยดีใช่ไหม' ครองขวัญพิมพ์ถามกลับด้วยความเป็นห่วง
'สบายดี ขอโทษที่ทำให้ตกใจ'
'ทำไมถึงทำแบบนี้ มีอะไรอยากเล่าให้ฟังไหม'
'ตอนนี้ยังไม่สะดวกจะบอก แต่ว่ามีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย'
"เรื่องอะไรนะ" ครองขวัญคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
ว่าโซเฟียให้ตนช่วยจัดการอะไรให้ จนกระทั่งนึกขึ้นมาได้ว่า
'ตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยที่ให้ขวัญจัดการให้'
'จะให้ทำอะไร' สาวน้อยรีบถามกลับ
นึกขึ้นมาได้ว่าคืนก่อนแต่งงานโซเฟียขอดูตั๋วเครื่องบินสองใบสำหรับเดินทางไปประเทศไทยหลังงานวิวาห์หนึ่งสัปดาห์
ตอนนั้นโซเฟียเห็นตั๋วแล้ว
เพียงแต่ว่านางอันนาเข้ามาขัดจังหวะขอให้ว่าที่เจ้าสาวมาเลือกเครื่องประดับที่เพิ่งนำมาส่งให้
โซเฟียจึงฝากตั๋วไว้กับครองขวัญตามเดิมและดูเหมือนว่าสองสาวจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
'รบกวนอีกเรื่องช่วยเอามันมาให้ได้ไหม'
คุณพระช่วย
ครองขวัญมือไม้สั่นไปหมดหันซ้ายหันขวาแล้วรีบวิ่งไปล็อกประตูห้องนอนก่อนเป็นอันดับแรก
เพราะกลัวว่าถ้ามีใครเปิดเข้ามาแล้วจะรู้ว่าเธอติดต่อกับโซเฟียอยู่
'ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม
คุณอัลเฟรโด้บังคับหรือทำอะไรไม่ดีกับเธอหรือเปล่า
ทำไมถึงได้หนีการแต่งงานไปแบบนี้' ครองขวัญถามตามตรง
'เรื่องนี้ขออธิบายทีหลังได้ไหม
แต่บอกก่อนว่าคุณอัลเฟรโด้เป็นคนดีมาก'
'แล้วจะให้ฉันไปเจอได้ที่ไหน' ระหว่างนั้นเองเสียงเคาะประตูห้องก็รัวดังขึ้น
ครองขวัญรีบพิมพ์ถามกลับไปอย่างรวดเร็วว่า
'จะให้เจอที่ไหนบอกมา'
'พรุ่งนี้เช้าจะบอกสถานที่และเวลาอีกทีนะ ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
ห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าฉันติดต่อมา ได้โปรดทำเพื่อฉันได้ไหม ครองขวัญ'
ครองขวัญอยากจะบ้าตาย แค่นี้เธอยังทำเพื่อเพื่อนไม่พออีกหรือ
หญิงสาวรีบพิมพ์คำว่าตกลงเพียงสั้นๆ
แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูก่อนที่คนข้างนอกจะพังประตูเข้ามาเสียก่อน
"ทำอะไรอยู่
ทำไมเพิ่งมาเปิดประตู"
สีหน้าของคนที่เดินเข้ามาในห้องบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
ครองขวัญพยายามตั้งสติปรับสีหน้าให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โทรศัพท์ที่ยังถือคาอยู่ในมือถูกยัดลงไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เพื่อไม่ให้มีพิรุธให้ใครจับได้
"เอ่อ คือ พอดีฉันเข้าห้องน้ำค่ะ
ก็เลยออกมาช้า ขอโทษด้วย" ครองขวัญหาทางเอาตัวรอด
โชคดีที่คริสเตียนเข้ามาขัดจังหวะด้วยการให้แม่บ้านนำเสื้อผ้าที่เพิ่งซักรีดเสร็จเรียบร้อยเข้ามาเก็บ
ทำให้อัลเฟรโด้หันมาคุยกับผู้ช่วยคนสนิทในเรื่องงานแทน
ครองขวัญฉวยโอกาสนี้รีบปลีกตัวไปจัดการกับเสื้อผ้าที่ถูกลำเลียงมาแขวนในตู้เสื้อผ้าแทน
กองบรรณาธิการนิตยสารกราเซีย นาโปลี
อาคารสูงใจกลางเมืองนาโปลีคือที่ตั้งของนิตยสารชื่อดังของอิตาลี
กราเซียแมกกาซีน บุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ
ส่วนใหญ่แล้วมักจะได้รับเชิญให้ขึ้นปกมาเป็นนายแบบหรือนางแบบกิตติมศักดิ์
คล้ายกับว่านิตยสารฉบับนี้จะเป็นเครื่องยืนยันความมีชื่อของพวกเขาเหล่านั้น
"รอสเซลลินีเหรอคะ"
เสียงหวานย้อนถามกลับพร้อมรับเอกสารที่เจ้านายมอบให้ด้วยท่าทีงุนงง
"ตระกูลมาเฟียอันดับหนึ่งของนาโปลี
ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวและไม่ชอบวุ่นวายกับใคร
แต่ละคนหน้าตาหล่อเหลามากความสามารถ ที่สำคัญเป็นที่หมายปองของสาวๆ
ทั่วโลกเลยก็ว่าได้"
ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมเอ่ยถึงตระกูลรอสเซลลินีด้วยน้ำเสียงชื่นชม
"เรื่องนี้ฉันไม่เถียงค่ะหัวหน้า แต่ว่าการที่จะเข้าถึงตัวพวกเขานี่
คงไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ"
"เธอทำได้แน่ ซาร่า"
หัวหน้าใจดียิ้มและพูดต่อว่า
"ถ้าเข้าถึงคนหนึ่งคนอื่นๆ
ที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องยาก
และมันจะวิเศษมากถ้าเราได้พี่น้องของตระกูลนี้มาขึ้นปกหนังสือเราเป็นที่แรก"
"ค่ะ มันต้องดีแน่"
มันจะไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร
ในเมื่อพี่น้องของรอสเซลลินีไม่เคยปรากฏตัวในฐานะนางแบบหรือนายแบบบนปกนิตยสารฉบับใดมาก่อน
แม้แต่หนังสือพิมพ์ก็ยังได้เพียงแค่รูปถ่ายจากการสัมภาษณ์ตามงานต่างๆ เท่านั้น
ถ้าหากว่าเธอทำให้พวกเขาและเธอทั้งหมด
มีรูปอยู่บนปกนิตยสารกราเซียแมกกาซีนแล้วล่ะก็
โบนัสก้อนโตปลายปีนี้คงไม่ไกลเกินฝันแน่
"งานนี้ฉันมอบหมายให้เธอทำ ซาร่า
เธอเป็นคอลัมนิสต์ฝีมือดีที่สุดของเรา แต่จำไว้นะว่า
อย่าทำให้พวกเขาโกรธหรือไม่พอใจเด็ดขาด
ไม่อย่างนั้นล่ะก็อย่าว่าแต่โบนัสที่เราจะฉลองปลายปีเลย
แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นกราเซียแมกกาซีนของเราคงเหลือแต่ชื่อแน่"
"ค่ะ หัวหน้า"
ซาร่ารับคำแต่โดยดีและคว้าเอกสารที่ได้รับมาไปนั่งอ่าน เพื่อทำความรู้จักกับบุคคลที่เธอกำลังจะเข้าไปพบเป็นคนแรก
อัลเฟรโด้ รอสเซลลินี ฉายาผู้ชายหัวใจน้ำแข็งที่เพิ่งจะเข้าพิธีวิวาห์หมาดๆ
ไปเมื่อวันก่อนนี้
คอลัมนิสต์คนเก่งรวบเอกสารทั้งหมดเก็บเข้าแฟ้มใบใหญ่
ลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าคอมพิวเตอร์คู่ชีพสะพายขึ้นบนบ่า แล้วเดินออกไปจากเก้าอี้ที่นั่งด้วยท่าทางอารมณ์ดีเหลือเกิน
แกรนด์รอสเซลโฮเต็ล เกาะซิซิลี
"ทำอะไรของเธอ
ทำไมไม่นอนเสียที"
ร่างสูงผงกศีรษะขึ้นมาดูสาวน้อยที่กำลังสาละวนจัดที่นอนของตนให้เข้าที่
ครองขวัญรื้อโซฟาที่ทำเป็นที่นอนหลายรอบแล้ว
จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ลงตัวกับที่นอนซึ่งตนเองเป็นผู้เลือกเสียที
"เสร็จแล้ว ขอโทษที่รบกวน"
หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนโซฟาที่เพิ่งจัดใหม่เสร็จ
สาเหตุที่ต้องรื้อที่นอนจัดใหม่ก็เพราะว่า
ครองขวัญต้องการหาที่เก็บข้าวของสำคัญบางอย่างที่เกี่ยวกับโซเฟียให้พ้นหูพ้นตาอัลเฟรโด้
ดังนั้นนอกจากโซฟาเพียงตัวเดียวแล้วยังมีกระเป็นเดินทางใบเล็กที่มีรหัสล็อกไว้อีกหนึ่งใบ
ทำให้พอมองไปแล้วที่นอนของเธอเหมือนบังเกอร์หลุบหลบภัยสงครามมากว่าเตียงนอนอย่างไรอย่างนั้น
"ไม่เปลี่ยนใจขึ้นมานอนบนเตียงแน่นะ"
เจ้าของห้องถามอย่างอารี
"ไม่ ขอบคุณ ฉันจะนอนแล้ว"
ครองขวัญปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย
ต่อให้ต้องนอนพื้นก็ไม่มีวันยอมนอนร่วมเตียงกับเขาแน่
"ตามใจ แล้วดึกๆ
อย่ามาร้องครางว่าหนาวล่ะ ตรงนั้นแอร์ลงพอดีมันจะเย็นมาก"
อัลเฟรโด้หลับตาลงอย่างสบายใจ
สักพักเถอะ อดทนอีกนิด รออีกสักหน่อย เขาใจเย็นรอได้
รับรองว่าแม่เจ้าประคุณนอนตรงนั้นได้ไม่นานหรอก
อัลเฟรโด้พูดไม่ผิดจริงๆ
ยังไม่ทันที่ครองขวัญจะหลับสนิท หญิงสาวก็ต้องควานหาผ้าห่มมาห่มตัวไว้
เนื่องจากบริเวณนั้นหนาวจนเย็นยะเยือก
"ปรับแอร์หน่อยดีกว่า"
สาวน้อยขยับตัวลุกขึ้น ทิศทางลมจากเครื่องปรับอากาศตรงมาที่ที่นอนของเธอพอดี
อุณหภูมิที่อยู่บนหน้าจอรีโมตลดต่ำลงมาถึงสิบแปดองศา มิน่าเล่า มันถึงได้เย็นนัก
"ทำอะไรอีก"
เสียงอัลเฟรโด้ร้องถาม
"ฉันขอปรับแอร์หน่อยได้ไหมคะ
มันเย็นเกินไปตั้งสิบแปดองศา"
"แต่ฉันร้อน"
ท่านประธานหนุ่มลุกขึ้น แล้วเดินตรงมาหยิบรีโมตกดลดอุณหภูมิให้ต่ำลงกว่าเดิมอีก
"แต่ฉันหนาว อีกอย่างห้องมันก็เย็นมากด้วย"
หญิงสาวพยายามจะแย่งรีโมตคืนมา
"แต่ฉันร้อน"
คนเจ้าเล่ห์พูดหน้าตาย
"ฉันนอนแบบนี้ทุกคืน
ก็บอกว่าให้มานอนด้วยกันบนเตียงก็ไม่เชื่อ แล้วจะบอกอะไรให้นะ
เวลาที่ร่างกายมันร้อนเพราะทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่แค่การนอนแล้วล่ะก็
แค่นี้มันไม่เย็นชื่นใจหรอก"
"คุณ ทุเรศที่สุด"
ครองขวัญอยากจะขย้ำคอคนที่ยืนยิ้มยั่วอยู่ตรงหน้าเสียจริง
ยังมีหน้ามาพูดเรื่องสองแง่สองง่ามหน้าตาเฉยให้ฟังอีก
"อะไร มาว่าฉันทำไม
รู้เหรอว่าที่พูดหมายความว่าไง" อัลเฟรโด้ลอยหน้าลอยตาถาม
"คนบ้า ไอ้โรคจิต
อยากจะเย็นมากนักใช่ไหม ได้ งั้นเชิญนอนคนเดียวให้สบายเลย"
ว่าแล้วครองขวัญก็เดินมาหอบหมอนกับผ้าห่มที่โซฟา
เตรียมตั้งท่าจะออกไปหาที่นอนที่อื่น
"จะไปไหน"
เขาถามเสียงเข้มเมื่อเห็นเธอจะออกไป
"ไปที่ไหนก็ได้ที่พ้นคนโรคจิต"
ปลายเสียงประชดเล็กน้อย
"ว่าใครโรคจิต"
ชายหนุ่มยังตามราวีด้วยการเอาตัวเองบังประตูไว้ไม่ให้เปิดได้
"ใครก็ได้ที่ทำตัวเป็นคนโรคจิต
พูดจาไม่อายฟ้าอายดิน ชอบอวดสรรพคุณความแปลกของตัวเองให้คนอื่นรู้ก็คนนั้นแหล่ะ
ถอยไป ฉันจะกลับไปนอนที่ห้องเดิม"
"ฉันสั่งแล้วใช่ไหม
ว่าเธอต้องนอนที่นี่"
"ใช่
แต่ฉันไม่ได้รับปากนี่ว่าจะนอนตลอดไป ตอนนี้ฉันนอนไม่ได้เพราะมันหนาว
เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องไปหาที่อื่นนอน" ครองขวัญโต้กลับอย่างไม่หวั่นเกรง
"รู้ไหมว่าคนขัดคำสั่งต้องได้รับบทเรียนอย่างไร"
ท่านประธานหนุ่มถาม ดวงตาคู่คมเป็นประกายเล็กน้อย ครองขวัญรีบเมินสายตาคู่นั้น
แม้จะกลัวอยู่ภายในใจแต่ก็ไม่แสดงออก
"ถามจริงๆ เถอะ วันๆ
เอาแต่สั่งคนอื่นให้ทำโน่นทำนี่ คุณเคยถามตัวเองไหมว่า
คำสั่งพวกนั้นมันไร้สาระหรือบีบบังคับคนอื่นมากแค่ไหน"
"มีใครกี่คนต้องลำบากเพราะไอ้คำสั่งบ้าๆ
ของคุณ รู้บ้างไหม"
"ไม่เห็นมีใครบอกนี่ว่าลำบาก
หรืออึดอัดใจกับสิ่งที่ฉันสั่ง"
"แต่ฉันอึดอัดและจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว"
ครองขวัญตัดสินใจที่จะต่อต้านตนเอาแต่ใจ แม้จะหวั่นเกรงว่าถ้าขัดคำสั่งแล้ว
อาจจะโดนลงโทษในแบบฉบับของอัลเฟรโด้ที่ตนเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ช่าง
"เธอไม่ต้องทนแต่ต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง
ครองขวัญ" ท่านประธานหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม รั้งร่างเล็กเข้ามาในอ้อมแขน
"ฉันไม่ทำ ปล่อยนะ คุณอัลเฟรโด้
อย่ามารุ่มร่ามกับฉัน ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันคือเพื่อนของภรรยาคุณนะ"
หญิงสาวพยายามเอามือดันตัวออกห่าง แต่พ่อเจ้าประคุณกลับรัดแน่นขึ้น
"แต่ฉันจำได้ว่า
เธอคือภรรยาที่สาบานว่าจะรักและซื่อสัตย์กับสามีคนนี้ตลอดไป"
ใบหน้าคมยิ้มยั่วแกล้งโน้มลงมาใกล้
"มันจำเป็นต่างหาก
เราแค่เล่นละครให้งานผ่านไปจำไม่ได้หรือไง" ใบหน้าหวานเบือนหนี
ครองขวัญร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวเมื่อปลายจมูกคมเฉียดผ่ามแก้มสาวไปอย่างตั้งใจ
"ไปนอนได้แล้ว" จู่ๆ
อัลเฟรโด้ก็ช้อนตัวของครองขวัญขึ้น แล้วอุ้มพาไปวางไว้ที่เตียงนอนกลางห้องทันที
"นอน"
ร่างสูงถาโถมทับลงไปไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว
"ปล่อยนะ"
ความร้อนในร่างกายของครองขวัญเหมือนกับจะเป็นไข้
ยิ่งลมหายใจอุ่นๆ จากปลายจมูกของอัลเฟรโด้ฝังลงที่ซอกคออย่างตั้งอกตั้งใจแล้วด้วย
เธอแทบจะประคองสติไว้ไม่อยู่ จิตใจเตลิดเปิดเปิงไปอย่างกู่ไม่กลับแล้ว
"จะนอนดีๆ
หรือจะให้ฉันสั่งให้นอน" เขากระซิบถามข้างหู และแระเล็มเบาๆ
ที่ปลายหูอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
"คนบ้า อย่าทำแบบนี้นะ"
ครองขวัญร้องขอเมื่อรู้สึกได้ว่า
ร่างกายของอัลเฟรโด้มีความแข็งแรงที่แนบชิดกับสะโพกสาวแนบแน่น
"จะดื้ออีกไหม"
"ปล่อยนะ"
หญิงสาวยังไม่เลิกดิ้นหนี ยิ่งดิ้นชายหนุ่มก็ยิ่งรุกรานมากขึ้น
จากที่ซอกคอหอมก็เริ่มจะเรื่อยลงมาตามเนินอก
"คุณอัลเฟรโด้"
สาวน้อยร้องเรียกชื่อเขาเสียงสั่น
"อย่านะ"
เสียงห้ามเบาราวกับกระซิบทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น
ดวงตางดงามของครองขวัญมีความหวั่นไหวปรากฎให้เห็น
ใบหน้าหวานคล้ายกับจะร่ำไห้อยู่ในที
อัลเฟรโด้คลายตัวเองลงมานอนเคียงข้างเพื่อให้สาวน้อยได้รู้สึกสบายขึ้น
เขายอมรับว่าวางแผนและแกล้งปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นจัด
อดทนรอให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ ทิศทางลมที่เจาะจงให้ไปบริเวณที่นอนของหญิงสาว
วาจาแกล้งยั่วให้เธอตอบโต้และโมโห
ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อหาเหตุผลให้ได้ใกล้ชิดและลงโทษตามอำเภอใจ
อัลเฟรโด้ไม่เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อน
ไม่เคยใช้วาจายั่วยุให้ใครโมโห หรือพูดจาออกคำสั่งมากมายเช่นนี้มาก่อน
จูบแรกของงานวิวาห์เปลี่ยนท่านประธานหนุ่มเป็นคนละคนได้ในพริบตา
จากที่ไม่เคยจดจ่ออยู่กับผู้หญิงคนไหน หรือต้องการใครมาอยู่ใกล้
แต่กับครองขวัญทุกอย่างเปลี่ยน
เขารู้ดีอยู่เต็มอกว่าเธอคือเพื่อนรักของผู้หญิงที่จะเข้าพิธีวิวาห์ด้วย
แต่ฟ้าก็เล่นตลกให้คนที่อัลเฟรโด้ควรทำเช่นนี้กลับไม่ใช่โซเฟียแต่เป็นครองขวัญ
ผู้หญิงแสนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
ซ้ำดึงความสนใจทั้งหัวใจของท่านประธานหนุ่มไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับโซเฟียแล้ว
ความรู้สึกที่มีต่อเธอเป็นไร จนถึงวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นและไม่มีวันเปลี่ยน
หลายครั้งที่เขาเพียรพยายามจินตนาการว่าการกระทำที่มีต่อครองขวัญนั้นเปลี่ยนเป็นโซเฟียแล้ว
มันไม่ปรากฏภาพ ไม่มีความรู้สึกและไม่มีความสุข ทว่าสำหรับครองขวัญ
ทุกเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ได้สัมผัส แค่มอง แค่ต่อปากต่อคำ ก็ทำให้เวลาใดๆ
ในโลกของอัลเฟรโด้ไม่มีความสุขเท่านี้อีกแล้ว สาบานว่านี่เพียงแค่จูบเดียวเท่านั้น
"หนาวเหรอ" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เมื่อสัมผัสได้ว่าร่างเล็กในอ้อมแขนสั่นเล็กน้อย
"คุณเปิดแอร์เย็นมาก
ฉันขอไปนอนที่อื่นได้ไหมคะ" ครองขวัญคงหนาวตายแน่
ถ้าหากว่าอัลเฟรโด้ชอบความเย็นมากขนาดนี้
"นอนเถอะ ฉันจะทำให้หายหนาวเอง"
ชายหนุ่มขยับตัวอีกเล็กน้อย ให้ครองขวัญอยู่ในอ้อมแขนได้สบายมากขึ้น
"ฉันนอนเองได้"
หญิงสาวพยายามเบี่ยงตัวออกห่าง
ครองขวัญตะขิดตะขวงใจในท่าทีการกระทำของเขาเสียเหลือเกิน
ถ้าอัลเฟรโด้ไม่ใช่ผู้ชายที่โซเฟียจะเข้าพิธีวิวาห์ด้วยแล้ว
เธอก็อาจจะคิดว่าถือเป็นโชคดีที่เทพบุตรผู้สมบูรณ์แบบเช่นอัลเฟรโด้ รอสเซลลินีมากระทำเช่นนี้กับตน
แต่มันไม่ใช่
ยิ่งได้อยู่ใกล้หัวใจก็ยิ่งไหวหวั่น
จูบแรกของชีวิตในครั้งนั้นเปลี่ยนหัวใจและความรู้สึกของครองขวัญไปจนหมดสิ้น
เธอพยายามผลักไสและปิดกั้นพื้นที่หัวใจไม่ให้เขาเข้ามามีอิทธิพลใดๆ
รักแรกพบมีแค่ในนิยาย ตำนานเจ้าชายกับซินเดอร์เรล่าเป็นแค่เรื่องเล่าในนิทาน
ถ้าครองขวัญไม่มาที่นี่ เธอกับอัลเฟรโด้ก็เหมือนอยู่กันคนละโลก ไม่รู้จักกัน
ไม่มีความเกี่ยวพัน และไม่ทำให้หัวใจไหวหวั่นได้มากขนาดนี้
มันต้องไม่เกิดขึ้น
ต้องไม่มีอะไรระหว่างเธอและเขาในช่วงเวลาที่หาทางให้ได้พบโซเฟียและพาตัวกลับมา
เมื่อโซเฟียกลับมาแล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามครรลองของมัน ครองขวัญต้องกลับบ้าน
กลับไปใช้ชีวิตเดิมๆ ในแบบที่ควรเป็น
และอัลเฟรโด้ก็จะทำหน้าที่สามีที่แสนดีให้กับเพื่อนสาวสุดที่รักให้มีความสุขไปอีกนานเท่านั้น
ต้องไม่ไหวหวั่นต่อการกระทำที่ใกล้ชิดเกินงาม ต้องไม่ให้เกิดอีกครั้ง แต่...
"นอนซิ"
ผ้าห่มผืนใหญ่บนเตียงถูกนำมาวางห่มร่างเล็กในอ้อมแขน
"ฉันนอนเองได้ ปล่อยเถอะค่ะ"
สาวน้อยไม่อาจหลับตาลงได้
"ถ้าไม่นอน ฉันจะกล่อมเธอเองนะ
หรือว่าอยากให้ฉันสั่งให้เธอนอนในแบบของฉัน"
'สั่งให้เธอนอนในแบบของฉัน'
คำพูดนี้ครองขวัญเดาไม่ยากว่าหมายถึงอะไร
สาวน้อยเลือกที่จะหลับตาลงทันทีและพยายามข่มใจให้หลับ
"นึกว่าอยากให้ฉันสั่งให้เธอนอนเสียอีก
ครองขวัญ" อัลเฟรโด้พูดด้วยรอยยิ้ม ก้มลงหอมที่หน้าผากนวลเบาๆ ด้วยความสุขใจ
ก่อนจะหลับตาพักผ่อนไปอีกคนโดยไม่ปล่อยให้คนในอ้อมแขนหลุดจากอ้อมกอดแม้สักวินาทีเดียว
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์
ดีใจที่มีคนรักมาเฟียคนนี้ค่า
ฝากติดตามเพจนักเขียนนะคะ
ยิปซี อิ่มอุ่น
ฝากลิงค์อีบุ๊คด้วยค่า
|
|
|
ความคิดเห็น