ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter15 : บุกบ้านลี
Chapter15 : บุกบ้านลี
ผ่านมาหนึ่งวันแล้วที่คยูฮยอนไม่เห็นอีทึกทั้งที่บริษัทและที่บ้าน เขาเองไม่ได้ติดต่อกับซองมินอีกเลยและซองมินก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเช่นกัน เวลานี้ทั้งเยซอง อึนฮยอกและทงแฮก็พากันหายตัวไปหมด ทั้งที่รู้ว่าโจกรุ๊ปกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย แต่ตัวเขาเองก็ติดต่อพวกพี่ๆไม่ได้เช่นกัน
��������������� รถของคยูฮยอนกลับมาถึงบ้านในช่วงค่ำของวัน แต่ที่หน้าแปลกคือวันนี้ไม่มีคนมาเปิดประตูให้เหมือนอย่างเคย �คนขับรถเลยต้องลงไปเปิดเอง คงเป็นเพราะลูกน้องส่วนใหญ่เกณฑ์ให้ไปเฝ้าที่บ่อนหรือบริษัทกันหมด ที่นี่จึงเลยคนงานแค่ไม่กี่คน
��������������� ขณะที่กำลังรอคนขับรถไปเปิดประตูคยูฮยอนก็เหลือบไปเห็นซองสีน้ำตาลเหน็บไว้ที่รั้วจึงเปิดประตูรถลงไปดู
��������������� “มีจดหมายมาส่งแล้วทำไมมาเหน็บไว้ตรงนี้ล่ะ” พึมพำขึ้นกับตัวเองเบาๆพลางพลิกซองนั้นไปมาก่อนจะเปิดมันออกเพราะในซองไม่ได้เขียนไว้ว่าส่งถึงใคร บอกเพียงแค่ว่าบ้านตระกูลโจ
��������������� “นี่มัน” รูปกว่าสิบใบที่อยู่ในซองถูกหยิบออกมาดู แม้ตอนนี้จะมืดแล้ว แสงสว่างของไฟที่รั้วบ้านจะไม่ได้ทำให้ส่างมากนัก แต่คยูฮยอนจำได้แม่นว่าคนในรูปนี้คือใคร แถมยังข้อความที่เหมือนกับท้าทายนี่อีก
��������������� ‘ขอแสดงความดีใจด้วยที่รู้ความจริง หายโง่กันซักทีนะ’
��������������� “พี่อีทึก!” รูปที่อยู่ในมือถูกบีบจนยับยู่ยี้ ร่างสูงทิ้งซองและรูปที่อยู่ในมือลงพื้นวิ่งกลับไปที่รถแล้วสตาร์ทออกไปทันที ส่วนคนขับรถที่ไปเปิดประตูให้นั้นก็ได้แต่ตะโกนร้องเรียก แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
��������������� คันเร่งถูกเหยียบจนแทบมิดหากไม่ติดว่าบนถนนมีรถคันอื่นขับร่วมถนนเดียวกันด้วย ความร้อนใจบวกกับความโกรธตีผสมปนเปกันมั่วไปหมด เขาไม่คิดเลยว่าครอบครัวลีจะกล้าทำถึงขนาดนี้
��������������� นับว่าเป็นครั้งแรกที่คยูฮยอนบุกมาหาศัตรูถึงบ้านแบบนี้ และเป็นครั้งแรกของครอบครัวลีเช่นกันที่มีศัตรูบุกมาหาถึงที่บ้าน เมื่อก้าวเข้ามาในห้องรับแขกก็พบกับฮีชอลที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างสบายอารมณ์ โชคดีอยู่อย่างที่ครอบครัวลีมีแม่บ้านเพียงคนเดียวและเป็นคนงานที่จ้างแบบไปกลับไม่ได้ค้างที่บ้าน
��������������� “อ้าว! ว่าไงคยูฮยอน ลมอะไรพัดมาล่ะเนี่ย มาหาซองมินเหรอจ๊ะ” คำกล่าวทักทายที่ดูเป็นกันเองแต่กลับคยูฮยอนแล้วมันฟังเหมือนเป็นการท้าทายหยอกเย้าเขาซะมากกว่า ทั้งที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแต่กลับยังยิ้มหน้าระรื่นได้ มันช่างหน้าชื่นชมจริงๆ
��������������� “พี่อีทึกอยู่ไหน!!” ตะโกนถามเสียงกร้าว รอยยิ้มบนใบหน้าของฮีชอลหายไปในทันทีเมื่อได้ฟัง ก่อนจะลุกขึ้นยืนจ้องมองมาที่คยูฮยอนด้วยสายตาเย็นชา
��������������� “นี่เหรอทายาทโจกรุ๊ป ไร้มารยาท บุกมาถึงบ้านคนอื่นแต่มาคะตอกใส่เจ้าของบ้าน” ตอบกลับเสียงเย็นซึ่งไมได้เกี่ยวกับสิ่งที่คยูฮยอนอยากรู้เลยแม้แต่น้อย
��������������� “มารยาทมันคงไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ บอกผมมาว่าพี่อีทึกอยู่ไหน ทำไมต้องทำกับพี่เขาแบบนั้น พี่เค้าไปทำอะไรให้คุณ พวกคุณแค้นพ่อผมไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องไปทำกับพี่เขา!!” บอกออกมาเสียงดังอย่างเหลืออด คยูฮยอนกำหมัดแน่น สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังโกรธจัดและพยายามระงับมันเอาไว้
��������������� “หยุดเถอะครับ สิ่งที่พวกคุณทำมาตลอดนี้มันยังไม่พออีกหรือไง หรือต้องให้พวกผมตายหมดพวกคุณถึงจะพอใจ”
��������������� “พล่ามพอใจหรือยัง!!! ถ้าฉันฆ่าพวกแกได้หมดมันก็ดีน่ะสิ” พูดพร้อมกับชักปืนออกมาขู่ทำให้คยูฮยอนเงียบไป ตาของทั้งคู่จ้องกันเขม็ง คยูฮยนหลับตานิ่งอย่างระงับอารมณ์เต็มที่และพยายามใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้
��������������� “งั้นก็ยิงผมเลยสิครับ ฆ่าผมให้ตาย แล้วเลิกทำร้ายครอบครัวผมซักที” เงียบไปซักพักคยูฮยอนจึงยื่นข้อเสนอออกมาแต่เหมือนจะเป็นการท้าทายซะมากกว่า ถ้าเขาตายแล้วครอบครัวปลอดภัยเขาก็จะยอมทำ
��������������� “ง่ายไปมั้ง” น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้คยูฮยอนหันขวับไปมองในทันที
��������������� ซองมินนั้นมาถึงบ้านหลังคยูฮยอนไม่นานและบทสนทนาทุกบทก็ได้รับรู้หมด ใบหน้าหวานใสตอนนี้นิ่งสนิทจ้องมองไปด้านหน้าไม่ได้มองคู่สนทนาแต่อย่างใด
��������������� นิ่งกันไปซักพักทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากันก่อนที่คยูฮยอนจะตัดสินใจกระชากข้อมือซองมินให้เดินออกไปขึ้นรถด้วยกันโดยที่ซองมินไม่มีท่าทีขัดขืนเลยแม้แต่น้อย ฮีชอลมองตามทั้งสองคนไปก่อนจะลดปืนลงอย่างช้าๆ เขาไม่รู้สึกห่วงเท่าไหร่ที่คยูฮยอนลากซองมินออกไปแบบนั้น เพราะเขามั่นใจว่าคยูฮยอนไม่กล้าทำอะไรซองมินอย่างแน่นอน
��������������� ขณะที่ลากจูงซองมินไปที่รถคยูฮยอนก็ก้มมองลงไปที่ข้อมือเพราะเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างสวมอยู่และมันก็คือนาฬิกาที่เขาซื้อให้ซองมิน แต่ในเวลาแบบนี้เขาไม่อยากจะให้ความสนใจกับมันมากนัก เพราะมันอาจจะเป็นแค่แผนของซองมินเท่านั้นที่ใส่นาฬิกาเรือนนี้ไว้ ซึ่งเมื่อเขาเห็นจะได้รู้สึกดีที่อย่างน้อยได้เห็นมันอยู่บนข้อมือสวยๆนั่น
��������������� ในเมื่อซองมินไม่มีปฏิกิริยาขัดขืนใดๆเลย จึงเป็นการง่ายที่คยูฮยอนจะบังคับให้ซองมินไปด้วยกันถึงแม้เขาจะยังไม่รู้จุดมุ่งหมายปลายทางก็ตาม รถคันหรูขับออกห่างจากตัวเมืองมาเรื่อยๆด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูงโดยไม่มีใครคิดที่จะเอ่ยอะไรออกมา แต่เวลาที่เดินผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าทำให้ซองมินไม่อาจจะทนนั่งอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป
��������������� “จะไปไหน” เอ่ยถามเสียงเรียบ ทำให้คยูฮยอนหยุดรถเข้าทางข้างในทันที เวลาตอนนี้ดึกพอสมควรในแถบชานเมืองแบบนี้จึงมีรถไม่มากนัก บรรยากาศอาจจะดูน่ากลัวไปซักนิด แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวของมันเลย
��������������� “ผมคิดว่าพี่จะทิ้งมันไปแล้วซะอีก” คยูฮยอนไม่ได้สนใจคำถามของซองมิน กลับพูดลอยๆออกมาโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา แต่ถึงจะไม่เอ่ยว่าสิ่งๆนั้นคืออะไร ซองมินก็รู้ดีอยู่แล้ว
��������������� ความเงียบคือคำตอบที่ได้รับ ซองมินหันหน้าออกไปอีกทางเหมือนกับไม่อยากจะคุยด้วย เรื่องที่เขาใส่นาฬิกาเรือนนี้มันไม่ได้มีเหตุผลอะไรลึกซึ้งเลย ในเมื่อเขาชอบมันแล้วจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องทิ้ง การที่ไม่ได้ติดต่อกับคยูฮยอนหลายวันมันทำให้เขาไม่ทันคิดว่าจะมาเจอคยูฮยอนอยู่ที่บ้านตัวเองแบบนี้
��������������� “เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันถึงมันจะไม่ได้มากมายก็ตาม แต่มันก็สร้างความทรงจำดีๆให้กับผมมากมาย จนตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าผมรู้สึกดีกับพี่มากๆ แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่พี่ทำกับผมทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องโกหก” คยูฮยอนเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิวเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง เรื่องที่ซองมินหวังปองร้ายครอบครัวเขามันเป็นเรื่องจริง
��������������� “ก็เพราะใครล่ะที่ทำให้ครอบครัวฉันเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่พ่อนาย! นึกว่าฉันอยากจะทำมันมากหรือไง! โกหกตอแหลแบบนั้น!” หันมาตวาดกลับด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงเมื่อได้ยินสิ่งที่คยูฮยอนพูด ใบหน้าของซองมินเหมือนกำลังข่มอารมณ์เอาไว้ไม่ให้ไปลงกับคนตรงหน้ามากนัก
��������������� “จำได้มั้ยครับเมื่อตอนเด็กๆเราเคยเล่นด้วยกัน พี่ใจดีกับผมมาก จนตอนนั้นผมอยากจะอยู่กับพี่ตลอดไปเลยด้วยซ้ำ แต่พี่ตอนนี้มันเหมือนดำกับขาวไม่มีผิด เพราะความแค้นที่ทำให้คนขาดสติได้ถึงขนาดนี้ พ่อผมไม่ได้ตั้งใจฆ่าพ่อพี่เลยซักนิด ตำรวจไม่ใช่เหรอครับที่เป็นคนวิสามันพ่อพี่น่ะ ทำไมพี่ไม่แค้นนายตำรวจคนนั้นบ้างล่ะครับ” คยูฮยอนสาธยายออกมายาวยืด ตั้งแต่รู้ความจริงเขาก็เก็บเรื่องนี้มาคิดตลอด จนมันฝังอยู่ในสมองไปเสียแล้ว
��������������� “ก็เพราะพ่อนายไม่ใช่หรือไงพ่อฉันถึงโดนยิงตาย!! อย่าพยายามโยนความผิดไปให้คนอื่นเลยคยูฮยอน!!” เถียงกลับเสียงดัง ใบหน้าที่กำลังโกรธจัดไม่ได้ทำให้คยูฮยอนหวาดกลัวเลยซักนิด
��������������� “ผมไม่ได้โดยนความผิด!” ตัวของซองมินถูกกระชากเข้ามาจนติดหน้าอกของคยูฮยอน ใบหน้าของร่างสูงดูจริงจังขึ้นมาก แต่ในขณะเดียวกันซองมินก็ชักปืนออกมาจ่อที่ขมับของคยูฮยอน แต่ก็ใช่ว่าคยูฮยอนจะหวาดกลัวกับการกระทำนี้ เพราะวันนี้มีคนยกปืนขึ้นมาจ่อยิงเข้าเป็นรายที่สองแล้ว
��������������� “ยิงเลยสิครับ เรื่องจะได้จบ ทีนี่พี่จะได้เลิกทำร้ายครอบครัวผมซักที” ท้าทายแบบเดียวกับที่บอกฮีชอล ทั้งสองคนจ้องหน้ากันนิ่งโดยไม่มีใครยอมใคร
��������������� มือที่ถือปืนของซองมินเริ่มสั่นระริกกับสายตาที่แข็งกร้าวนั้น แต่อยู่ๆจากสายตาของคยูฮยอนกลับเป็นเปลี่ยนไปมันดูอ่อนโยนและเหน็ดเหนื่อย �ริมฝีปากหน้าเผยยิ้มออกมาบางเบาก่อนจะขยับใบหน้าเข้าใกล้ซองมินเรื่อยๆ จนริมฝีปากของทั้งคู่แนบสนิทกัน
��������������� ซองมินสะดุ้งเล็กน้อยทำท่าจะผละออกแต่โดนคยูฮยอนล็อกตัวเอาไว้พร้อมกับแย่งปืนจากมือมาแล้วโยนไปไว้เบาะหลัง ร่างเล็กในอ้อมกอดขัดขืนเล็กน้อยคยูฮยอนจึงออกแรงกอดให้มากขึ้น จนสุดท้ายแล้วซองมินก็หยุดดิ้นไป
��������������� ริมฝีปากที่สัมผัสกันเพียงผิวเผินในตอนแรกเริ่มล้ำลึกมากขึ้น คยูฮยอนใช้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากซองมินเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายเปิดทางให้จึงสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากที่โหยหามานาน แขนทั้งสองข้างที่เคยใช้ผลักไสบัดนี้กลับยกขึ้นมาคล้องคอคยูฮยอนไว้ เพราะความวาบหวามที่ถูกมอบให้ทำให้อารมณ์ความรู้สึกเตลิดเปิดเปิงไปหมด
��������������� มอบความหวานให้กันอยู่นานกว่าคยูฮยอนจะผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ซองมินที่เพิ่งจะได้สติกลับมาผลักคยูฮยอนออกแล้วเดินลงจากรถไป ยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองไปด้วยความสับสน ถึงชีวิตนี้เขาจะถูกปลูกฝังให้เย็นชาโหดร้าย ทั้งพี่ชายและพี่เขยต่างสร้างความคุ้นเคยเรื่องพวกนี้ให้กับเขา รวมไปถึงเรื่องบนเตียงก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่เขากลับยังไม่เคยสัมผัสกับมันจริงๆเลยซักครั้ง
��������������� “พี่ซองมิน” คยูฮยอนวิ่งตามซองมินลงมาก่อนจะรั้งข้อมือไว้ไม่ให้ซองมินเดินหนีไปได้ แต่ถึงแม้จะหยุดเดินซองมินก็ไม่ยอมหันมาคุยกับคยูฮยอนอยู่ดี
��������������� “พี่อยากทำเรื่องแบบนี้เหรอครับ ต้องฆ่าคนที่เขาไม่รู้เรื่องด้วยแบบนี้” คยูฮยอนเอ่ยถามเสียงอ่อน เขาอยากให้ซองมินเลิกทำเรื่องไม่ดีเหล่านี้ซะ มือคู่นี้ไม่สมควรเปื้อนเลือดอีก
��������������� “ฉันต้องทำ เพราะมันคือการแก้แค้น” ตอบโดยไม่หันมามองคู่สนทนา ซองมินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น คยูฮยอนเองก็ไม่ยอมปล่อยข้อมือซองมินออกเช่นกัน
��������������� “แต่มันมากเกินพอแล้ว พี่ฆ่าคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ทำร้ายพี่อีทึก มันมากพอแล้ว” คำพูดและน้ำเสียงของคยูฮยอนเหมือนอยากจะขอร้องให้ซองมินหยุดทำร้ายครอบครัวของตนซะ เพราะเขาเองไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับซองมิน อยากให้ความสัมพันธ์เป็นไปในทางที่ดีกว่านี้
��������������� “มันไม่มีวันพอหรอกคยูฮยอน ถ้าพ่อนายยังไม่ตาย” หันหน้ากลับมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ใบหน้าหวานนั้นกลับดูเหนื่อยล้าเต็มที
��������������� “หยุดเถอะครับ ผมขอร้อง” คยูฮยอนดึงซองมินเข้ากอดไว้แน่น ซุกใบหน้ากับไหล่บางเหมือนกับต้องการที่พักพิง ซองมินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่กล้าขยับตัวไปไหน คยูฮยอนจึงกระชับกอดให้แน่นเข้าไปอีก
��������������� “ไม่มีประโยชน์หรอก” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่แข่งกันอวดแสงระยิบระยับ ใบหน้าที่มีแต่ความสับสน เรื่องนี้เขาไม่สามารถตัดสินอะไรได้ ในเมื่อเขาเองก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่ถูกบ่งการปลูกฝังให้ทำ
��������������� �“อย่าฆ่าคนอีกเลยครับ ถ้าพี่แค้นมากฆ่าผมแทนก็ได้ ยังไงซะผมก็เป็นลูกของเขานี่” อารมณ์ของคยูฮยอนเริ่มแสดงออกมาอย่างหลากหลาย จากความโกรธ ความสับสนวุ่นวายที่เคยมี ตอนนี้เขากลับรู้สึกน้อยใจในโชคตะชา ถึงจะเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่ทุกอย่างที่ได้มานั้นมันกลับไม่บริสุทธิ์ ไม่มีความถูกต้อง จนมันย้อนกลับมาทำร้ายเขาในตอนนี้
��������������� “ไม่ใช่นายโจคยูฮยอน แต่เป็นพ่อนายโจฮยอนจิน” คำตอบของซองมินทำให้คยูฮยอนคลายอ้อมกอดออกอย่างช้าๆ แต่มือยังคงจับที่หัวไหล่เอาไว้หลวมๆ
��������������� “ผมคงไม่ยอมให้พี่ฆ่าพ่อผมแน่” จ้องหน้าซองมินนิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นที่เอ่ยเหมือนเป็นการเปิดศึกกันกรายๆ เพียงแค่คยูฮยอนอยากปกป้องครอบครัวตนเองเท่านั้น ไม่ต้องการต่อสู้ฆ่าฟันกับใคร
��������������� ซองมินนิ่งไปไม่พูดอะไรออกมาอีก หันหน้าหนีคยูฮยอนพร้อมกับบิดตัวเล็กน้อยเพื่อให้มือของคยูฮยอนที่จับอยู่หลุดออก แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
��������������� “พี่ครับ คืนนี้อยู่กับผมได้มั้ย แค่คืนนี้เท่านั้น ผมจะไม่ข้อร้องและไม่ห้ามพี่อีกต่อไปแล้ว” ยื่นคำขอสุดท้ายไปด้วยน้ำเสียงขอร้อง แต่ซองมินยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย
��������������� “พี่ครับ” เอ่ยน้ำเสียงอ่อยออกมาอีกครั้ง เขายังคงเชื่อว่าคนที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ย่อมจะให้อภัยกันได้เสมอถึงแม้เรื่องเล่านั้นจะร้ายแรงเพียงใด ความผูกพันจะทำให้เราตัดกันไม่ขาด
��������������� “แค่คืนนี้ใช่มั้ย”
��������������� “ท่านครับ มีคนส่งรูปกับข้อความนี้มา คุณคยูฮยอนเห็นแล้วเพิ่งขับรถออกไปเมื่อซักครู่นี้เองครับ” คนขับรถนำซองสีน้ำตาลที่หล่นอยู่ตรงหน้าประตูรั้วซึ่งคยูฮยอนดูก่อนหน้านี้มาให้ฮยอนจิน พร้อมกับอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
��������������� ฮยอนจินรับของทั้งหมดมา รูปกับข้อความที่ปรากฏต่อสายตาทำให้รูปเหล่านั้นถูกขยำจนเละ ก่อนจะถูกปาลงพื้นอย่างไม่ใยดี �มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น เส้นเลือดเต้นตุบๆที่ขมับเพราะความโกรธจัด
��������������� “มันจะมากไปแล้ว!” เค้นเสียงต่ำหน้ากลัว สายตากวาดมองหาลูกน้องที่อยู่แถวนี้ก่อนจะตะโกนสั่งเสียงกร้าว
��������������� “เตรียมรถกับคนให้มากที่สุด!! �เดี๋ยวนี้!!”
��������������� ใช้เวลาไม่นานนักฮยอนจินกับเหล่าลูกสมุนของโจกรุ๊ปก็บุกมาถึงบ้านครอบครัวลี บ้านที่เงียบสงบบัดนี้จึงดูโกลาหลวุ่นวายขึ้นทันตา ฮยอนจินเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับการ์ดและลูกน้องที่เดิมตามหลังอีกหลายคน เมื่อเข้ามาก็พบกับฮีชอลกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์อยู่ในห้องรับแขก
��������������� “ฮีชอล!” เอ่ยเรียกเสียงแข็ง แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มหน้าระรื่นกลับมาให้
��������������� “อ้าว! ว่าไงครับคุณฮยอนจิน แหมๆ วันนี้มาเยี่ยมทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะครับ” คำพูดที่ดูทีเล่นทีจริงยิ่งความความโมโหให้ฮยอนจิน
��������������� “ฉันจะขอตกลงกับพวกนายดีๆ ส่งตัวอีทึกคืนให้ฉัน แล้วฉันจะไม่เอาเรื่องพวกนาย” ฮยอนจินพยายามระงับสติอารมณ์อย่างที่สุด พยายามพูดไปในทางที่ดีแต่เขาก็รู้ดีว่าคนเหล่านี้คงไม่ยอมง่ายๆอยู่แล้ว
��������������� “พูดง่ายนะฮยอนจิน” เป็นเสียงของลีฮโยริที่ตอบกลับมา ก่อนที่เธอจะก้าวลงมาจากบันได ใบหน้าที่ยังสาวต่างกับอายุจริงนิ่งเรียบ สายตาวาวโรจน์ด้วยความแค้นที่ยังคงฝังใจไม่จางหาย
��������������� “พวกเราสัญญาครับว่าจะไม่ฆ่าเลขาคนสวยนั่นเด็ดขาด” ฮีชอลพูดเสริม เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าอีทึกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แถมเป้าหมายตัวจริงยังยืนอยู่ตรงหน้านี้แล้วด้วย
��������������� “สัญญาจากพวกนายมันเชื่อได้หรือไง ฮโยริคืนตัวอีทึกให้ฉัน แล้วหยุดทำเรื่องแบบนี้ซะ!” ฮยอนจินไม่เห็นด้วยกับคำพูดของฮีชอล ทำเพียงเท่านี้ก็เหมือนกับฆ่าอีทึกทั้งเป็นแล้ว คำพูดของคำบ้านนี้ไม่มีความหายกับเขาเลยเวลานี้
��������������� “ฉันบอกแล้วไงว่ามันง่ายไปฮยอนจิน” จบคำพูดของฮโยริเสียงปืนก็ดังขึ้น กระสุนพุ่งเฉี่ยวการ์ดที่ยืนประกบข้างฮยอนจินจนเซล้มลงไป เลือดบริเวณขาที่โดนยิงไหลซึมออกมา ยังดีที่แค่เฉี่ยวเท่านั้น
��������������� “ฮโยริ!” เรียกชื่อคนยิงดังสนั่นก่อนฮยอนจินจะถูกการ์ดดึงตัวให้หลบเพราะฮีชอลเองก็ชักปืนออกและเล็งยิงมาที่ฮยอนจิน
��������������� เสียงปืนดังต่อเนื่องอีกสองสามครั้งก่อนจะเงียบไป ครอบครัวลีเล็งยิงไปที่ฮยอนจิน ส่วนฝ่ายโจกรุ๊ปก็ยิงสกัดไว้เพราะยังไม่มีคำสั่งจากฮยอนจินให้ฆ่า แต่ถ้าหากจำเป็นก็คงเลี่ยงไม่ได้เพื่อความปลอดภัยของเจ้านาย
��������������� “ถ้าใครในครอบครัวฉันต้องเสียเลือดล่ะก็ อย่าหวังว่าอีทึกกับเยซองจะได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปเลย” เสียงของฮโยริดังออกมาจากที่หลบ ทำเอาฮยอนจินชะงักไป เพราะเยซองที่หายตัวไปก็ถูกครอบครัวลีจับมาเช่นกัน ทำไมเขาถึงไม่เอะใจตั้งแต่แรก
��������������� “เรามาคุยกันดีๆเถอะฮโยริ ให้ฉันได้พบพวกเขา” เมื่อรู้ว่าอีทึกกับเยซองอยู่กับครอบครัวลีทั้งคู่ฮยอนจินจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขอร้อง เขาไม่อยากให้คนดีๆอย่างทั้งสองคนต้องมาจบชีวิตเพราะเขาเป็นต้นเหตุแบบนี้
��������������� “ทำไม! อยากจะเจอกันตอนตายหรือไง” ฮโยริค่อยๆเดินออกจากที่หลบเช่นเดียวกับฮีชอล และตอนนี้ทั้งคังอินและเรียวอุกก็ยืนอยู่บนชั้นสองของบ้านเพราะได้ยินเสียงปืนที่ดังขึ้น
��������������� “อย่าฆ่าเขา” ฮยอนจินบอกเสียงเบาหวิว
��������������� “ฉันไม่ได้หมายถึงสองคนนั้นหรอกฮยอนจิน ฉันหมายถึงนายต่างหาก” หยอกย้อนกลับน้ำเสียงเย็นชา ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มร้าย จนเหล่าลูกน้องของโจกรุ๊ปต้องยกปืนขึ้นมาตั้งการ์ดไว้เพื่อปกป้องหากมีการปะทะอีก
��������������� ฮยอนจินไม่พูดอะไรออกมาอีก สายตาที่เริ่มพร่าเลือนจ้องไปมองไปที่อดีตเพื่อนรักที่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นศัตรู
��������������� “แต่ถ้าอยากเจอฉันก็จะสนองให้ คังอิน ฮีชอล ไปพาตัวอีทึกกับเยซองออกมา”
��������������� เมื่อได้รับคำสั่งฮีชอลจึงเดินไปยังห้องเก็บของที่ขังตัวเยซองไว้ คังอินก็เดินเข้าห้องไป ส่วนเรียวอุกนั้นได้แต่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ชั้นบน เพราะคนตัวเล็กของบ้านนั้นไม่ถนัดการใช้ปืน จะเป็นก็แต่ศิลปะการป้องกันตัวเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
��������������� ร่างของลูกน้องทั้งสองถูกพาออกมา สภาพนั้นดูย้ำแย่จากที่ฮยอนจินเคยเห็นก่อนหน้านี้มาก อีทึกดูเหมือนคนไม่มีแรง ริมฝีปากซัดเซียว ดวงตาบวมช้ำ ส่วนเยซองนั้นก็มีสภาพไม่ต่างกัน แต่ดูแย่กว่าอีทึกก็ตรงที่มีแผลบวมช้ำที่ใบหน้า ข้อมือและข้อเท้า
��������������� “อีทึก เยซอง” ครางชื่อลูกน้องตัวเองออกมาเบาๆเมื่อทั้งสองปรากฏตัวขึ้นด้วยสภาพที่เขาเองก็คาดไม่ถึง ฝ่ายเยซองเองก็เพิ่งจะรู้ว่าอีทึกถูกจับมาที่นี่ เช่นเดียวกับอีทึกที่เพิ่งรู้เช่นกัน
��������������� “ไหนห้าปีที่แล้วนายบอกจะช่วยฉันไงฮยอนจิน แล้วนายหายหัวไปไหน! ฉันพยายามติดต่อนาย! แต่นายกลับไม่เคยติดต่อกลับมาเลย! นายมันคนโกหก! เสียดายที่เป็นเพื่อนกันมานาน ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่านายมันสารเลว ทิ้งเพื่อนได้ลงคอ!” เพราะความผิดหวัง ความโกรธ ในตัวฮยอนจินทำให้ฮโยริเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมาให้กับมิตรภาพที่เสียไป ถึงซองวอนจะหายไปแต่ถ้าหากฮยอนจินทำตามอย่างที่สัญญาไม่ทิ้งกันไปแบบนี้ เธอคงไม่คิดโกรธแค้นถึงขนาดนี้
��������������� ฮยอนจินนิ่งเงียบไปเพราะไม่คิดจะเถียงอะไรออกมา เขายอมรับทุกอย่างที่ฮโยริพูด เพราะเขาผิดจริงๆ
��������������� “งั้นก็ฆ่าฉันเลยสิฮโยริ ฆ่าฉันถ้ามันจะทำให้เธอหายแค้น”
��������������� “ไม่นะครับ อย่า!” อีทึกร้องค้านออกมาเสียงแหบพร่า พยายามออกแรงดิ้นจะกลับไม่มีส่วนไหนของร่างกายยอมขยับเลยซักนิด
��������������� “จริงสิครับ ตอนนี้คยูฮยอนก็อยู่กับซองมิน คุณฮยอนจินก็อยู่กับเราแล้ว จะฆ่าพร้อมกันทั้งพ่อลูกก็ไม่เลว” ฮีชอลพูดขึ้นก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย คำพูดนี้ทำให้คนของโจกรุ๊ปเริ่มเดือด ใครกันจะยอมให้ฆ่าคนที่รักเราและนับถือไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้
��������������� “ผิดแล้วฮีชอล เราจะฆ่าแค่ฮยอนจินเท่านั้น” ปืนของฮโยริถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง
การปะทะได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ฮยอนจินถูกดึงให้ไปหลบที่หลังเสาบ้านต้นใหญ่ คังอินพาอีทึกกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิม เรียวอุกรีบวิ่งลงมาจากชั้นบนเพื่อรับตัวเยซองพากลับไปยังห้องเก็บของเหมือนเดิม ส่วนฮีชอลนั้นไปช่วยฮโยริปะทะกับพวกโจกรุ๊ป
เสียงของกระสุนปืนดังสนั่นไปทั่วตัวบ้าน ฮโยริกับฮีชอลได้แต่ยืนหลบอยู่ฉากหลังเพราะฝ่ายโจกรุ๊ปสาดกระสุนเข้ามาชุดใหญ่ จนได้จังหวะจึงหันกลับไปยิงโดนลูกน้องโจกรุ๊ปได้รับบาดเจ็บไปอีกคนสองคน
“ทางนี้ครับท่าน นายพาท่านนี้ไปก่อนนะทงแฮแล้วฉันจะตามไป” ปะทะกันได้ไม่นานนักมือปืนฝีมือดีของโจกรุ๊ปทั้งสองที่หายตัวไปก็ปรากฏตัวขึ้น อึนฮยอกสั่งให้ทงแฮพาฮยอนจินหนีออกไปก่อน ส่วนตัวเองนั้นคอยดูเหตุการณ์และคอยควบคุมเหล่าลูกน้องที่เหลือ
ทงแฮพาตัวฮยอนจินออกไปขึ้นรถได้โดยง่ายเพราะฝ่ายครอบครัวนั้นมีเพียงแค่สองคนทำนั้นทำให้ง่ายต่อการหนี ส่วนอึนฮยอกก็สั่งให้ลูกน้องถอยออกมาเรื่อยๆ จนเหลือการ์ดฝีมือดียิงสกัดไว้สี่ห้าคน
“ขึ้นรถ!” สั่งเสียงดังเมื่อลูกน้องคนหนึ่งขับรถมาจอดใกล้ การ์ดที่เหลือรีบขึ้นรถก่อนจะออกตัวไปทันที ส่วนอึนฮยอกนั้นยิงสกัดไว้อีกสองถึงสามนัดก่อนจะขึ้นรถที่ทงแฮขับมาจอดรับ แล้วเหยียบคันเร่งออกไปจากบ้านครอบครัวลีทันที
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นครับเนี่ย” เมื่อขับออกมาได้ไกลพอสมควรทงแฮจึงภามขึ้นเพราะตัวเองนั้นยังไม่รู้เรื่องราวนี้เลยซักนิด ที่เขากลับมกโพไปต้องมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเป็นแน่
“เรารู้ตัวจริงของคนร้ายที่ลอบทำร้ายคนของโจกรู๊ปแล้ว คนพวกนั้นคือครอบครัวลี ครอบครัวของคุณซองมินที่คุณคยูฮยอนพามาที่บ่อนวันนั้นนายจำได้มั้ย” อึนฮยอกหันไปมองฮยอนจินก่อนจะเริ่มเล่า แล้วเรื่องราวทุกอย่างก็ถูกถ่ายทอดออกมาจากคำพูดของอึนฮยอก ทั้งบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องของที่ใช้สังหาร เพียงแต่ไม่มีข้อมูล รูปภาพ เอสการต่างๆประกอบเท่านั้น
“คิมคิบอมงั้นเหรอ” ทงแฮแทรกขึ้นเมื่อชื่อคนที่เขาคุ้นเคยถูกเอ่ยออกมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะใช่คิมคิบอมที่เขารู้จัก เพราะคนชื่อนี้มีไม่รู้ตั้งกี่คนในประเทศ
“ใช่ ตอนนี้คนที่ทางเรารู้ก็มีซองมิน คิบอม ส่วนผู้ชายอีกคนที่เราเห็นเมื่อกี้....” อึนฮยอกพยักรับคำพูดของทงแฮแต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร ชื่อของผู้ต้องสงสัยถูกเอ่ยออกมา จนมาถึงอีกคนที่อึนฮยอกไม่รู้จัก
“คิมฮีชอล ส่วนผู้หญิงคนนั้นคือลีฮโยริ และยังมีผู้ชายอีกสองคนที่ฉันไม่รู้จัก แต่ฉันรู้ว่าเขาชื่อคังอินคนหนึ่ง” ฮยอนจินเสริมต่อคำพูดของอึนฮยอก เขาไม่รู้หรอกว่าคนที่เหลือนั้นเป็นใครมาจากไหน แต่จำได้ว่าฮโยริเรียกชื่อคนที่ชื่อคังอินให้ไปพาตัวอีทึกออกมา
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปครับ” ทงแฮถาม
“เรื่องนี้ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” ฮยอนจินตอบด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเหนื่อยเต็มที เหนื่อยทั้งใจ เหนื่อยทั้งกาย เขาควรจะหาทางออกให้เรื่องนี้อย่างไรดี ถึงจะยุติธรรมทั้งสองฝ่าย
-------------------------------------------------------
kr...Talk
สวัสดีจ้าเพื่อน อ๊ากกๆๆทำงัยดี
เลยวันคยูมินมาแล้วอ่ะ
แค่20นาทีก็แอบเครียด
มาตามนัดไว้
พ่อกี้ก็ไปบุกบ้านแล้ว เกือบจะยิงกันตายแล้วเชียว
ทงแฮรู้ชื่อแล้วนะ แต่ยังไม่เห็นหน้า
ถ้ารู้จะเป็นงัยเนี่ย พี่เย่กับพี่ทึกน่าสงสาร
อดไปดูวอนเฮพรุ่งนี้เลย ไม่น่าติดเรียน
แต่รอพี่ๆมาเยอะๆ จะไม่พลาดทันที
ขอบอกว่าคนส่งปกเรื่องนี้มาน้อยมาก
คนนึงสามารถทำได้หลายปกนะ ถ้ามีเวลากัน
รีบๆนะ ก่อนไรเตอร์จะปิดรับ
เจอกันครั้งหน้าจ้า

37ความคิดเห็น