ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #17 : EPISODE 16

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 67


    EPISODE 16

    “ขอโทษนะที่ต้องเสียมารยาท” วินพูดขึ้นขณะที่มือกำลังปิดปากฉันไว้แน่น ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันซะจนฉันต้องเบือนหน้าหนี แถมสภาพในตอนนี้ก็ค่อนข้างล่อแหลม

    ฉันไม่รู้เลยว่าตอนไหนกันที่ชุดคลุมอาบน้ำเลื่อนลงมาจากไหล่ คล้ายวินจะสังเกตเห็นเขาจึงหลุบสายตาไปทางอื่น ใบหน้าหล่อแดงเรื่อจนอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้

    “ถ้าปล่อยสัญญานะว่าจะเงียบไม่ส่งเสียง” วินเอ่ย เขากระแอมไอเล็กน้อย มองฉันที่ตอนนี้พยักหน้ารัวๆ ฝ่ามือหนายอมผละจากริมฝีปากฉันแต่โดยดี

    “ฮุ่ว~ ค่อยยังชั่ว” หลังเป็นอิสระฉันก็รีบหายใจเอาอากาศเข้าไปในปอด สองเท้าก็ค่อยๆ เขยิบไปที่หน้าประตูห้องน้ำ เขาต้องการลักพาตัวฉันสินะ ตะโกนร้องตอนนี้จะเป็นไรไหม

    “จะหนีไปไหน” วินตรงมาคว้าข้อมือฉัน

    “ปล่อยนะ!” ราวกับเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ ฉันสะบัดมือออกจากการจับกุมทันที ไม่ยอมให้วินถูกตัวได้เป็นครั้งที่สอง แขนข้างที่ถูกตรึงก่อนหน้า เป็นรอยแดงเถือก วินที่เห็นดังนั้นก็มองมันราวกับตกใจ

    “โทษที กะแรงใช้กับมนุษย์ไม่ถูก” วินพูดขึ้น ก่อนจะยกมือลูบท้ายทอยตัวเอง เพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไงให้ดูดี เท้าที่กำลังจะก้าวมาหาฉันจึงยอมหยุดชะงักแต่โดยดี

    “สาบานได้ว่าฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”

    “ถ้าอย่างนั้นนายบุกเข้ามาในนี้ทำไม”

    อย่าคิดว่าฉันจะลืมคำพูดของวินเมื่อคราวก่อน ทั้งน้ำเสียงและท่าทีในตอนนั้นแสดงออกชัดเจนว่าต้องการเป็นศัตรูกับฮารุโตะ ไหนจะวิธีการที่วินใช้เข้าหาฉัน สายตาจาบจ้วงโลมเลียนั่น วันนี้กลับบอกว่าไม่ต้องการทำร้ายฉัน บอกตามตรงว่าไม่เมคเซ้นส์

    “ฉันแค่ต้องการช่วยเธอเท่านั้น” วินยังคงพูดต่อ เขายกมือทั้งสองขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีเจตนาลงมือกับฉัน รู้สึกว่าช่วงนี้มีแต่คนที่อยากช่วยฉันเหลือเกิน พวกเขาไม่ดูตัวเองเลยเหรอ ว่าพวกเขานั่นแหละที่เป็นอันตรายกับตัวและชีวิตฉันที่สุด

    “ช่วยจากอะไรล่ะ จากแวมไพร์คนอื่น หรือจากฮารุโตะ” ฉันถาม ค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ พูดตามตรงถ้าวินจะใช้กำลังเข้าชาร์จตัวฉันตอนนี้ก็ทำได้ แต่เขากลับไม่ทำ คงเพราะต้องการซื้อใจสินะ

    “ทั้งสอง” ตอบได้หนักแน่นดี

    “นายดีกว่าฮารุโตะตรงไหน ดีกว่าแวมไพร์คนอื่นยังไงทำไมฉันต้องเชื่อนายวิน”

    จบคำพูดนั้นฉันก็ปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าวิน พร้อมกับเลื่อนชั้นเหล็กขนาดกลางที่ใช้เป็นที่วางของมาดันประตูเอาไว้ ฉันไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าของแค่นั้นไม่สามารถขังแวมไพร์แบบพวกเขาได้ ขอเวลาแค่ 3 วิเท่านั้น!

    “ช่วยด้วย!!” ฉันร้องตะโกนไปสุดเสียง เนื่องจากห้องนี้ค่อนข้างเก็บเสียงได้ระดับหนึ่ง จึงไม่มั่นใจว่าแวมไพร์ที่อยู่ข้างนอกจะได้ยินมั้ย ตอนนี้ได้แต่หวังว่าประสาทสัมผัสของ 2 คนนั้นจะไวพอรับรู้ได้ว่าฉันต้องการความช่วยเหลือ ขอร้องล่ะ!

    ปึง! สิ้นเสียงของฉัน ประตูห้องน้ำก็พังลงด้วยฝีมือของวิน เขาตวัดสายตามองฉันอย่างคาดโทษ มือหนาเอื้อมแตะไหล่เบาๆ

    “ฉันประมาทเธอไปจริงๆ” วินเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ราวกับเป็นเรื่องขำขัน เขาจับแขนฉันไว้แน่น ก่อนจะเดินไปที่ใจกลางห้องนั่งเล่น เสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ข้างนอก ทำให้รู้ได้ทันทีว่ากำลังมีคนเดินเข้ามา

    “คุณอันนา!” แวมไพร์คนแรกพุ่งเข้ามา หมายจะคว้าตัวฉัน แต่วินก็จับข้อมือนั้นไว้ได้

    กร๊อบ! “อ๊ากก!” เขาหักข้อมือนั้นอย่างง่ายดาย เสียงกรีดร้องดังกล่าวทำให้ร่างกายฉันแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจหรือส่งเสียง

    “ไม่ต้องกลัว บอกแล้วไงจะไม่ทำอะไรเธอ”

    วินเหลือบมองฉัน มุมปากยกยิ้มออกมาเล็กน้อย มือที่คว้าแขนฉันไว้ยอมปล่อย ร่างสูงกระโจนเข้าไปเล่นงานแวมไพร์อีกคน คราวนี้ไม่ง่าย เพราะทักษะการต่อสู้ค่อนข้างสูสี ที่แตกต่างคงแค่ด้านพลังกาย

    “คุณอันนาวิ่งครับ!”

    แวมไพร์คนนั้นหันมาตะโกนบอก เขาพยายามยื้อตัววินไว้แน่น ในขณะที่วินก็ใช้จังหวะนั้นเตะไปที่ซี่โครงเขา ฉันเม้มปากพยักหน้า ก่อนจะวิ่งไปที่หน้าประตูห้อง อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันต้องรีบบอกทุกคนในหอ จำได้ว่ามีกริ่งสัญญาณเตือนภัย ใกล้ๆ กับลิฟต์

    ตึก! ตึก!

    เสียงฝีเท้าของฉันยังดังอย่างต่อเนื่อง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าชั้นนี้ ทั้งกว้างและใหญ่ ยิ่งรีบมากเท่าไหร่ ยิ่งดูเชื่องช้า ฉันไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือใครได้ เนื่องจากนี่เป็นชั้น VlP ซึ่งหมายความว่ามันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของฮารุโตะ แวมไพร์คนอื่นไม่สามารถขึ้นมาได้ถ้าไม่จำเป็น

    ปึง! ปึง!

    เสียงการปะทะกันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ให้เดาวินคงจะหมดความอดทน เขาคิดไม่ถึงสินะว่าแวมไพร์คนนั้นจะมีฝีมือพอฟัดเหวี่ยงกับตัวเอง ฉันพอรู้ว่าทำไมวินถึงออมแรงจนถึงเมื่อกี้

    เพราะเขาไม่อยากแสดงพลังของตัวเองไงล่ะ แวมไพร์เวลาต่อสู้กันจริงๆ รุนแรงแค่ไหนทำไมฉันจะไม่รู้ ถ้าวินเอาจริงนั่นเท่ากับเป็นการเผยตัวตนว่าเขาอยู่ที่นี่

    “อันนา เกิดอะไรขึ้น ทำไมวิ่งออกมาทั้งชุดคลุมอาบน้ำล่ะ”

    ลิฟต์ตรงหน้าถูกเปิดขึ้น ลินดากับเพลงเพลินมองฉันด้วยความงง แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบาย ฉันชี้ไปที่กริ่งแจ้งเตือนข้างๆ ลินดา

    “กดมันเดี๋ยวนี้! มีแวมไพร์บุกเข้ามา”

    ฉันร้องตะโกน ลินดาที่ได้ยินก็รีบวิ่งไปกดกริ่งทันที “พี่อันนาไม่เป็นไรนะ” เพลงเพลิงลูบหลังฉันเบาๆ เสียงสัญญาณแจ้งเตือนเริ่มดังไปทั่วทั้งตึก

    “ฉันว่าเรารีบลงไปข้างล่างก่อนดีกว่า”

    ลินดาเอ่ย เธอเดินมาช่วยพยุงฉันที่ตอนนี้นั่งหอบอยู่กับพื้น ฉันไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้าเห็นด้วย ทว่าก่อนที่เราจะเข้าไปในลิฟต์ ร่างของแวมไพร์ที่เคยต่อสู้กับวินก็ลอยมากระแทกกับประตูลิฟต์ดังตึง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พวกเรายืนนิ่งค้างตัวเกร็ง

    “ทุกคนไปได้ แต่ต้องไม่ใช่อันนา!” ชั่วพริบตาวินก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเรา เขายืนขวางประตูลิฟต์ จ้องทั้งสองคนที่อยู่ข้างฉันเขม็ง ทำให้ลินดากับเพลงเพลินถอยมาหลบด้านหลังฉันโดยอัตโนมัติ

    “ฉันดีกว่าไอ้ฮารุโตะตรงไหน เดี๋ยวเธอจะได้รู้อันนา” วินยิ้มมุมปาก เขารวบตัวฉันไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะก้าวฉับๆ ไปที่ห้องนอน หมอนี่จะทำอะไร

    “ปล่อยอันนา/ปล่อยพี่อันนา” ฉันได้ยินเสียงลินดากับเพลงเพลินดังแทรกเข้ามาแค่เสี้ยววิ เพราะตอนนี้เขากำลังเร่งฝีเท้าเต็มสปีด เร็วจนไม่สามารถมองภาพตรงหน้าได้ชัดเจน รับรู้ได้เพียงเสียงดัง ‘เพล้ง’ ของเศษกระจกที่แตกละเอียด

    “นี่มันบ้าชัดๆ” ฉันส่ายหน้า ไม่มีโอกาสได้กรีดร้องด้วยซ้ำ ใครจะคิดว่าร่างสูงจะใช้เท้าเตะประตูหน้าต่างจนพัง หลังจากนั้นก็กระโดดลงมาทั้งอย่างนั้น

    หัวใจฉันเต้นรัวมองไปที่วินอย่างอึ้งๆ ทันทีที่ปลายเท้าแตะกับพื้นคอนกรีต เขาก็วิ่งออกจากอาณาเขตของตระกูลที่ 1 มุ่งสู่ตระกูลที่ 5 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นอณาจักรของตัวเอง

    2 วันก่อนหน้านี้

    หญิงสาววัยกลางคนกำลังมองเหม่ออยู่นอกหน้าต่าง ที่ซึ่งปกติจะมีเหล่านักศึกษานับพันเดินสวนไปมา ตอนนี้กลับเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า มีเพียงใบไม้ที่ค่อยๆ ร่วงหล่น กับสายลมเย็นเฉียบ ท้องฟ้ามืดครึ้มทั้งที่เป็นฤดูร้อน โลกของมนุษย์เธอถูกเรียกว่าท่านอธิการบดี แต่ในโลกแวมไพร์นั้นเธอคือ…

    “องค์ราชินี หัวหน้าตระกูลที่ 5 มาถึงแล้วครับ” ชายแก่รูปร่างสมส่วน ท่าทางดูภูมิฐานค้อมตัวบอก แม้จะอายุหลายพันปี ราวกับชายแก่ชราที่ไม่มีเรี่ยวแรง แต่ใครจะรู้ว่านี่คือมือสังหารที่ชอบทำตัวเลียนแบบเป็นพ่อบ้านเท่านั้น

    “วินมาแล้วเหรอ? ”

    “ครับท่าน”

    “ดี เตรียมของสิ่งนั้นให้เรา เกมนี้วินต้องชนะเท่านั้น ทำทุกวิถีทางให้เขาได้เปรียบ” เธอเอ่ยด้วยความกระตือรือร้น รีบวางแก้วไวน์ เดินตรงไปหาลูกชายทันที

    “ไม่ได้เจอกันนาน ลูกชินกับเมืองนี้หรือยัง หอพักเป็นยังไงบ้าง ไม่สะดวกตรงไหนบอกแม่ได้นะ” ใบหน้าที่มักเย็นชาอยู่เสมอเผยรอยยิ้มน้อยๆ นิ้วมือเรียวยกขึ้นรินชาชั้นดี

    “ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับองค์ราชินี”

    “ที่นี่มีแค่เรา ลูกเรียกแม่เหมือนเดิมก็ได้”

    คำพูดห่างเหินทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ผู้หญิงเย็นชาคนนี้ในใจกำลังสั่นคลอน ลูกชายทั้งหมดของเธอไม่เคยมีใครได้เห็นมุมนี้ และไม่เคยมีคนไหนเรียกเธอว่าแม่อย่างจริงใจ เธอไม่ได้คาดหวังความรักจากลูกเหมือนอย่างมนุษย์ทั่วไป

    “กระหม่อมชินกับคำว่าราชินีมากกว่า”

    “เอ่อ…ถ้างั้นก็ไม่เป็น เรียกตามที่ลูกต้องการเถอะ” เด็กคนนี้ก็ปฏิเสธคำเรียกพวกนั้นอีกแล้วสินะ ไม่เป็นไร ขอแค่พวกเขาพอใจกับสิ่งที่เลือกก็ดีแล้ว

    “แม่ได้ข่าวว่าลูกสนใจดอกไม้ของฮารุโตะ” เธอถามลองเชิง ลอบมองปฏิกิริยาจากคนตรงหน้า เป็นอย่างที่คิด เขาสนใจผู้หญิงคนนั้นจริงๆ

    “ครับ ผมอยากได้เธอ”

    “แต่คงเป็นเรื่องยาก ลูกคงคิดแบบนี้” เธอยกชาขึ้นจิบ ฮารุโตะแข็งแกร่ง ฉลาด บวกกับกำลังพลที่มีอยู่ การจะล้มลูกชายคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะล่าสุดที่ไปร่วมมือกับอีก 2 ตระกูล

    “แม่ช่วยลูกได้ ถ้าลูกต้องการ” เธอยื่นข้อเสนอ พร้อมกับยิ้มออกมา

    “พระองค์ต้องการสิ่งใดเป็นข้อแลกเปลี่ยน”

    “แค่รับดอกไม้ที่เหลือ แล้วขึ้นเป็นราชาองค์ต่อไปเถอะ ลูกจะเอาแค่ผู้หญิงที่ชื่ออันนาก็ได้ ที่เหลือให้ถือว่าเป็นแค่ของบรรณาการแม่ก็ไม่ขัด ลูกเป็นคนเดียวที่แม่วางใจยกบัลลังก์นี้ให้เท่านั้น” เธอยกมือขึ้นบีบไหล่ลูกชายเบาๆ สายตาแน่วแน่จริงใจทำให้นัยน์ตาเข้มวูบไหว ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆ ลูกชายคนนี้ก็หวังในอำนาจเช่นกัน

    การได้ตำแหน่งราชาไม่เพียงแต่ได้เป็นใหญ่เหนือผู้อื่น มันหมายถึงการได้ครอบครองบางอย่างที่เราต้องการได้ตามใจชอบ มีอำนาจมากพอที่จะปกป้องหรือทำลายทิ้ง

    “ท่านแน่ใจแล้วเหรอครับที่จะให้ท่านวินสืบทอดตำแหน่งราชา” อัลเบิร์ตเอ่ยถามนายเหนือหัว หลังจากที่ผู้นำตระกูลที่ 5 เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ

    “แน่ใจสิ ถึงจะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม”

    “องค์ราชินีทรงหมายถึง? ”

    “เขาจะต้องตายหลังจากได้ครอบครองดอกไม้พวกนั้น คำสาปจะต้องจบลงในยุคของเรา! เราจะไม่ยอมให้ลูกๆ ของเราต้องมีเหตุการณ์นองเลือดอีก”

    ผู้หญิงพวกนั้นเป็นอันตรายต่อเหล่าแวมไพร์ ดอกไม้อะไรกัน ก็แค่ผู้หญิงต้องสาปของแม่มด ทั้งราชาและแวมไพร์ชายรุ่นก่อนคิดอะไรอยู่ ถึงได้อยากครอบครองของอันตรายเหล่านี้ มีพลังแล้วอย่างไรสุดท้ายผู้ที่ได้ถือครองไม่ตายเพราะพวกเธอชีวิตก็ต้องพังพินาศ ไม่ได้! เธอต้องกำจัดหน่อเนื้อร้ายออกไปให้หมด!

    @ตระกูลที่ 5 [ก่อนวันสุดท้ายของเกม]

    ฉันลืมตาขึ้นมาบนเตียงสีดำสนิท เพดานสีครีม เฟอร์นิเจอร์ที่ดูแปลกตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่ไม่ใช่หอที่ฉันเคยอยู่ ภาพความฝันที่เคยเห็นไหลเข้ามาในหัวไม่หยุด เกิดคำถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง ‘ฉันต้องเป็นเหมือนพวกเธอใช่ไหม’ มีชีวิตอย่างทรมาน

    ไม่สิ ต้องไม่เป็นแบบนั้น ฮารุโตะจะต้องมาช่วยฉันแน่นอน เขาสัญญาไว้แล้ว ฉันยิ้มออกมานิดๆ ราวกับกำลังปลอบใจตัวเอง มองไปรอบห้อง อย่าว่าแต่หนีเลย มดสักตัวก็ไม่น่าเข้ามาได้ ขนาดหน้าต่างที่ไว้สูดอากาศสักบานก็ยังไม่มี มีแค่เครื่องปรับอากาศตัวเดียวเท่านั้น

    “อย่างน้อยเปลี่ยนชุดสักหน่อยก็ยังดี” ฉันหยิบเดรสสีขาวที่วางไว้บนโต๊ะมาใส่ ไม่รู้ว่าของใคร แต่ก็ดีกว่าใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่แบบนี้

    ห้องนี้นอกจากกว้างแล้ว ก็ไม่มีอะไรเลย แม้แต่นาฬิกา ทีวี ตู้เย็น ไม่มีเลย ฉันเลยไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ฮารุโตะจะรู้มั้ยว่าวินเป็นคนลักพาตัวฉันมา ลินดากับเพลงเพลินจะปลอดภัยหรือเปล่า ขณะที่มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ เสียงร้องอันคุ้นหูก็ดังขึ้นจากห้องข้างๆ

    “กรี๊ดดด! ปล่อยฉัน ไอ้พวกปีศาจปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ออกไปนะ!!”

    “ฮื่อ! ปล่อยพี่ลินดาเดี๋ยวนี้!”

    ฉันแนบหูเข้ากับกำแพงข้างๆ น้ำเสียงนั้นชัดเจนขึ้นทุกที ฉันยื่นมือทุบประตูห้อง ทำไมพวกเธอมาอยู่นี่ได้ วินพาแค่ฉันมาไม่ใช่เหรอ หรือจะเป็นฝีมือลูกน้องคนอื่นของเขา

    เสียงร้องโวยวายดังต่อเนื่องราว 10 นาทีได้ โดยที่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากยกมือขึ้นปิดหูตัวเองแน่น ไม่อยากได้ยินเสียงกรีดร้อง ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ขาอ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น เหมือนในฝันเข้าไปทุกทีเพียงแค่ตอนนี้ยังไม่ถึงตาฉัน

    “อันนาเกิดอะไรขึ้น” ประตูห้องถูกเปิดออก เป็นวินที่เดินเข้ามา เขาพยายามพูดบางอย่างกับฉัน แต่ฉันไม่ยอมพยายามสะบัดตัวให้พ้นจากวิน

    “นายทำอะไรเพื่อนฉัน บอกมาเดี๋ยวนี้!”

    “ไม่มีอะไรแล้วอันนา ฉันจัดการไอ้พวกขัดคำสั่งหมดแล้ว” วินดึงตัวฉันไปกอดแน่น แม้จะพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ ฉันยอมลดมือลง ก่อนจะฟาดไปที่หน้าวินเต็มๆ “ปล่อยฉัน!” เอ่ยความต้องการ ร่างสูงตรงหน้าก็ยังไม่คลายกอด คราวนี้ฉันเลยฟาดไปที่แก้มวินอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนฝ่ามือตัวเองเริ่มแดง

    “คุณวิน!” ลูกน้องเขาทำท่าจะเดินเข้ามา เมื่อเห็นฤทธิ์ของฉัน ทว่าวินก็ยกมือห้าม

    “ไม่ต้องเข้ามา ฟีโรโมนของเธอกำลังแรง ออกไปแล้วปิดประตู”

    แวมไพร์คนดังกล่าวโค้งตัว ปิดประตูให้แต่โดยดี ในที่สุดวินก็ยอมปล่อยตัว ฉันก้าวถอยหลังออกไปจนชิดผนังห้อง สายตามองไปที่พื้น เลี่ยงที่จะสบตากับวินตามตรง

    “ที่บอกว่าจะช่วยฉันไม่ได้โกหก เธอพอใจเหรออันนาที่อยู่กับไอ้ฮารุโตะ”

    “ถ้างั้นก็ปล่อยฉันไปสิ”

    “ตอนนี้ยังไม่ได้ ฉันยอมปล่อยเธอ แต่ไอ้ฮารุโตะมันไม่ยอมปล่อยหรอกนะ” ที่วินพูดมาก็ถูก ฉันไม่เถียง แต่เขาไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าไว้ใจอยู่ดี

    “ช่วยฉันแล้วนายจะได้อะไร”

    “ได้ความประทับใจจากเธอ” วินตอบทันที ได้ยินดังนั้นฉันก็แทบจะหัวเราะดังๆ ออกมา ไร้สาระที่สุด คิดว่าฉันจะยอมรับแวมไพร์อย่างพวกเขาได้เหรอ? ชายคนนี้ไม่เคยได้รับมันจากฉันเลยเถอะ ไอ้ความประทับใจบ้าๆ นั่น

    “หึ! ล้อเล่นน่ะ ฉันก็แค่อยากได้ตำแหน่งราชา รู้ไหมว่าตระกูลไหนที่รวบรวมดอกไม้ได้เยอะที่สุดจะได้เป็นราชาคนต่อไป” พอเห็นสายตากึ่งดูถูกของฉัน วินก็ยอมสารภาพออกมา แบบนี้นี่เอง เขาแค่ต้องการอำนาจ “หลังจากนั้นจะปล่อยฉันอย่างที่พูดหรือเปล่า” ฉันถาม อยากรู้ชะตากรรมตัวเองเหมือนกัน

    “ก็อาจจะ”

    “หมายความว่าไง” หมอนี่มันจอมปลิ้นปล้อน

    “อย่างที่บอก ปล่อยเธอไปไอ้ฮารุโตะมันก็ตามไปเก็บเธอกลับมาอยู่ดี ไม่สู้เก็บไว้เองไม่ดีกว่าเหรอ” วินตอบหน้าตาย รู้สึกฉุนแฮะที่เขาเรียกแทนตัวฉันเหมือนกับสิ่งของ มันบ่งบอกได้ดีเลยล่ะ แวมไพร์พวกนี้มองเราแบบไหน

    “ทำไมหน้างอ” วินถาม เขาเอียงคอมองฉันด้วยความสงสัย มือก็ยกขึ้นปิดจมูกตัวเองแน่น ถ้ากลิ่นฉันแรงขนาดนี้ ไสหัวออกไปไม่ง่ายกว่าเหรอ

    “เรื่องของฉัน ว่าแต่นายคงไม่ทำอะไรต่ำๆ กับฉันใช่ไหม” ถามออกไป รู้สึกแคลงใจนิดหน่อย วินไม่มีท่าทีคุกคามฉันก็จริง แต่เมื่อกี้ก็เล่นดึงฉันไปกอดซะแน่น ผู้ชายคนนี้ทำเอาเดาทางไม่ถูกเลยแฮะ บางครั้งดูหวังดีจนน่าใจหาย บางครั้งดูร้ายกาจเกินไป

    “ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ถึงจะน่าจับกินแค่ไหนก็ตาม” อ่า…เขาว่าแบบนั้นแหละ ถือว่าสัญญาแล้วได้มั้ย ฉันยิ้มเจื่อนไม่รู้จะพูดอะไรดี เอาเถอะอย่างน้อยร่างกายและสภาพจิตใจก็ยังปกติ ขอให้ฉันผ่านเรื่องนี้ไปเร็วๆ ด้วยเถอะ

    “นี่ก็เริ่มดึกแล้ว ไว้พรุ่งนี้ฉันจะมาเล่นด้วยแล้วกัน” วินยกมือขึ้นโบกไปมา ทำท่าเดินออกไป

    “เดี๋ยวก่อน ฉันต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”

    “จนกว่าเกมจะจบลง หรือไอ้ฮารุโตะมาพาเธอออกไปนั่นแหละ” พูดจบวินก็ปิดประตูทันที ฉันทำได้แค่ถอนหายใจซ้ำไปมา อึดอัดเหลือเกิน ภายในห้องมีแต่ความเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงแอร์ ขืนอยู่ที่แบบนี้นานๆ สักวันฉันคงได้สติแตก

    “ฮารุโตะนายอยู่ไหน รีบมาช่วยฉันไวๆ สิ” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ ในขณะที่กำลังนั่งชันเข่ากับตัวเอง ไม่ชอบเลยบรรยากาศเงียบแบบนี้

    “นายโง่หรือไงถึงไม่รู้ว่าฉันอยู่นี่” เอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนที่ฉันจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา ทำไมเวลาอยู่ห่างจากเขาถึงอ่อนไหวง่ายจังนะ ทั้งที่คิดว่าตัวเองก็แกร่งไม่น้อยไปกว่าใครแท้ๆ 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×