ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
Lilo & Stitch Reboot Fanfic : ลิขิตรักข้ามจักรวาล

ลำดับตอนที่ #17 : Mission 16 : ความจริงที่เป็นภัยถึงชีวิต I

  • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 62


MISSION 16

ความจริงที่เป็นภัยถึงชีวิต (Part 1)



               บ้านคุณแอนตั้น

               รถเต่าคันสีขาวของครูมีนาจอดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านหรูหลังหนึ่ง  ซึ่งลีโล่จำได้ดี... ว่าเคยมาเปิดตัวเป็นเพื่อนใหม่ของคาลี่ให้โอฮาน่าได้ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้

               "ให้ครูเข้าไปช่วยหามั้ย"  ครูมีนาถาม

               "ไม่ต้องค่ะครู  หนูกับฟลุทรู้ที่เก็บเครื่องเล่นดี  แป๊บเดียวก็เจอค่ะ"  คาลี่ตอบออกมาด้วยความมั่นใจ

               "แน่ใจเหรอว่าจะไม่ให้เราเข้าไปช่วยหา"  ลีโล่ถาม

               "แน่ใจสิ  ของทุกชิ้นที่เป็นของผมกับคาลี่จะไม่มีวันหลงอยู่ในห้องของใครเป็นอันขาด"  ฟลุทยืนยันน้ำเสียงเฉียบขาดก่อนที่เขากับเพื่อนรักจะเปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าลงไปกดกริ่งเรียกใครสักคนที่อยู่ในบ้านออกมาต้อนรับ

               เป็นไปตามที่คาดไว้ไม่มีผิด

               "หนูคาลี่!!"  เป็นป้าดาร์ลีนที่ออกมาเห็นเข้า... จึงรีบเปิดประตูรั้วพาคาลี่กับฟลุทเข้าไปกอดในทันทีที่พบกันอีกครั้ง  "ป้าเป็นห่วงเหลือเกิน  หนูกับฟลุทอยู่ดีกินดีบ้างรึเปล่าจ๊ะ"

               "สบายดีค่ะป้า  หนูก็คิดถึงป้าเหมือนกันค่ะ"  คาลี่กอดป้าแม่บ้านผู้เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคารพรักด้วยความคิดถึงเช่นกัน

               "ใช่ครับ... ผมนี่คิดถึงซูเฟล่โอ๊ตมีลสูตรป้าใจแทบขาดตั้งแต่ถูกไล่ออกจากบ้านแล้วครับ!  ไม่มีมื้อเช้าที่ไหนอร่อยเท่ามื้อเช้าฝีมือป้าจริง ๆ"  ฟลุทประจบจนเรียกเสียงหัวเราะจากป้าดาร์ลีนได้ดี  ก่อนที่ป้าแม่บ้านกับสองเพื่อนรักนักดนตรีตัวน้อยจะคลายอ้อมกอดของกันและกัน

               "หนูจะมาเอาเครื่องเล่นเทปค่ะ  ไม่ได้ถูกโยนออกมาพร้อมเสื้อผ้า  ไม่ทราบว่าห้องหนูยังเหมือนเดิมอยู่รึเปล่าคะ"  คาลี่บอกจุดประสงค์การกลับมาบ้านในครั้งนี้ให้อีกฝ่ายรับทราบ

               แต่สีหน้าของป้าดาร์ลีนดูสลดลง  เมื่อเด็กน้อยพูดถึงของรักของเธอ

               "เป็นอะไรรึเปล่าครับ  สีหน้าป้าดูเศร้า ๆ"  ฟลุทเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง

               "คือ... ป้าเข้าไปทำความสะอาดตามปกติ  และหนูก็รู้ว่าป้าก็เป็นอีกคนที่รู้ที่เก็บเครื่องเล่นเทปดี  แต่พอหนูถูกไล่ออกจากบ้าน... เครื่องเล่นก็หายไปแล้ว"  ป้าดาร์ลีนถึงกับน้ำตาไหลพรากที่ต้องรายงานเรื่องของหายให้เด็กน้อยรับรู้  ยิ่งเป็นของสำคัญที่ป้าแม่บ้านรู้ว่าเป็นของรักของหวงที่คาลี่กับฟลุทรักยิ่งชีพ  ป้ายิ่งรู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักษาของให้เด็กน้อยที่เธอรักเสมือนลูกหลานได้

               คาลี่กับฟลุทนึกรู้ในทันที... ว่าช่วงที่คาร์ล่าพาเพื่อนชั่วมาขนของออกจากห้องของคาลี่  พวกมันขโมยเครื่องเล่นเทปออกไปด้วย!

               "สารเลว"  ฟลุทกัดฟันกรอด... ก่นด่าคาร์ล่าด้วยความเคียดแค้นที่ตั้งใจทำลายเขาทุกวิถีทาง  เขารู้ซึ้งถึงก้นบึ้งของคนบางคนได้ดีก็เวลานี้

               คนอย่างนังคาร์ล่าจะต้องมีเหตุให้เลือดตกยางออกเสียบ้าง!

               "ตอนนี้พี่โคดี้อยู่บ้านรึเปล่าคะ"  คาลี่รีบเปลี่ยนเรื่อง

               "ไม่อยู่จ้ะ  คุณผู้หญิงพาคุณหนูโคดี้ออกไปข้างนอกจ้ะ"  ป้าดาร์ลีนตอบพลางทำสีหน้ากลัดกลุ้ม

               "ไปไหนคะ"  คาลี่ถามต่อ

               "ไม่รู้ว่าไปไหน  แต่ป้าสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่วันที่โรงเรียนหยุดเพราะคนร้ายบุกรมควันสลบแล้วจ้ะ"  ป้าดาร์ลีนตอบ  เธอจำได้ดี... ว่าตั้งแต่วันที่คุณบริทต้าทราบข่าวเรื่องลูกชาย  คุณผู้หญิงก็ออกความคิดจะส่งโคดี้กับคาร์ล่าไปอยู่กับคุณตาที่ฟลอริด้า  ทำให้โคดี้กับคุณผู้หญิงทะเลาะกันอย่างหนัก  ยิ่งมีข่าวลือเรื่องสติทช์ไม่ใช่หมาปะทะกับไซบอร์กแพร่สะพัด... บวกกับสืบประวัติของจัมบ้ากับพรีคลีย์ที่เป็นลุงป้าปลอม ๆ ของลีโล่  เพื่อนใหม่ที่โคดี้สนิทสนมเพราะคาลี่กับเจ้าฟลุท  คุณบริทต้าควบคุมลูกชายทุกฝีก้าวจนป้าดาร์ลีนรู้สึกไม่วางใจขึ้นมาทุกขณะจิต

               คุณป้าแม่บ้านรู้สึกได้... ว่าเรื่องวุ่นวายจะไม่ได้จบลงแค่คาลี่ถูกคาร์ล่าไล่ออกจากบ้านเพราะรับเลี้ยงเอเลี่ยนเป็นอันแน่แท้

               ซึ่งทำให้คาลี่อดกังวลไม่ได้  กลัวว่าสิ่งที่คุณป้าบริทต้ากำลังจะทำต่อจากนี้... อาจส่งผลร้ายต่อเหล่าชีวิตทดลองในอีกมิช้า  และลีโล่กับเพื่อน ๆ ที่รับเลี้ยงสติทช์และพี่น้องต่างสายเลือดของเขาจะต้องพบกับความเดือดร้อนอีกครั้ง


------------------------------------------------------------------------


               "ไม่จริง!  หมาฉันจะเป็นพวกเดียวกับหมาน่าเกลียดของนังโลเลได้อย่างไรกันคะ!?"  เมอร์เทิลวีนใส่จัมบ้าด้วยความโกรธจนถึงที่สุด  หลังจากที่ดูไฟล์ชีวิตทดลองหมายเลข 007 จากคอมพิวเตอร์ของเขา  เธอไม่มีทางเชื่อเป็นอันขาด... ว่าจีจี้เป็นหนึ่งในผลงานของจัมบ้าจริง

               "เธอคงจะคิดว่าชีวิตทดลองหมายเลข 007 คือหมาชิสุตัวอื่นที่ไม่ใช่จีจี้ของเธอสินะ"  รูเบ็นประเมินอารมณ์จากสีหน้าของอีกฝ่าย  เขารู้ดีว่ายัยเด็กหัวแดงขี้โอ่ไม่มีวันยอมรับง่าย ๆ ว่าหมาของนางเป็นเอเลี่ยน  ก็เลยคิดว่าสิ่งมีชีวิตทดลองหมายเลข 007 เป็นหมาตัวอื่น

               "ของมันแน่อยู่แล้ว  จีจี้ของฉันเป็นหมาสายพันธุ์ดีที่มีอารยธรรมในหมู่สุนัขมากกว่าพวกแกหลายร้อยพันเท่า  แต่โจรหน้าปลาดุกยักษ์ใหญ่นั่นดันตาถั่วจะเอาหมาฉันไป  พวกแกถึงได้มโนเป็นตุเป็นตะว่าจีจี้ของฉันเป็นหนึ่งในพวกแก"  เมอร์เทิลใช้ถ้อยคำค่อนขอดเสียดสีพลางมองพวกจัมบ้าด้วยสายตาดูถูก

               "พูดอย่างนี้... จะให้พิสูจน์มั้ยว่าจีจี้ของเธอเป็นอย่างที่พูดจริง!?"  สปาร์คกี้ท้าทาย  ก่อนจะแนะนำแองเจิ้ลให้เมอร์เทิลทำความรู้จักอย่างเป็นทาง-การ  "แองเจิ้ลมีบทเพลงที่ทำให้ชีวิตทดลองแบบเรากลับไปใช้โปรแกรมทำลายล้างดั้งเดิม  ถ้าจีจี้ได้ฟังเพลง... จีจี้จะหวนมาทำร้ายเธอในทันที  มีแต่รูเบ็นกับสติทช์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากบทเพลง... เพราะถูกสร้างมาทีหลัง"

               "คงจะเชื่อได้ลงอยู่หรอก  นังหมาสีชมพูน่าเกลียดตัวนี้เหรอ... จะร้องเพลงได้  ไม่แปลกใจเลย... ว่าทำไมนังโลเลคนเพี้ยนถึงได้มีเพื่อนเป็นพวกแกมากกว่าคน  เพราะทั้งนังโลเลกับพวกแกต่างก็ประหลาดพอกันทั้งนั้น!"  เมอร์เทิลโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว  คิดว่าโปรแกรมทำลายล้างกับความสามารถที่เหล่าชีวิตทดลองมีติดตัวตั้งแต่ถูกสร้างนั้น... เป็นแค่นิทานหลอกเด็กที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

               "ถ้าเธอคิดว่าเราประหลาด  เธอช่วยให้คำนิยามคำว่า... ปกติ ให้เราฟังได้มั้ยว่ามีความหมายว่าอย่างไร"  จัมบ้าตั้งคำถามวัดใจยัยหัวแดง  สีหน้าที่เขาจ้องมองเมอร์เทิลในขณะนี้... ดูบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด  ทำเอาพรีคลีย์และชีวิตทดลองทั้งสามหนุ่มสาวรู้สึกได้ว่าอัจฉริยะชั่วร้ายเริ่มจะหมดความอดทนกับยัยหนูนิสัยเสียเต็มที

               เป็นคำถามที่ทำเอาเมอร์เทิลนิ่งไปชั่วขณะ

               "คุณถามว่าไงนะ!?"  เมอร์เทิลขอทวนคำถามด้วยความงุนงง

               "เธอตอบมาก่อน!"  จัมบ้าตัดบทให้อีกฝ่ายตอบคำถามของเขาเป็นอันดับแรก

               "คำว่าปกตินะเหรอ  ก็... คนสวยที่มีเพื่อนเยอะไง  สนใจเรื่องความสวยงามและความน่ารักเป็นที่ตั้ง  ไม่เหมือนนังคนเพี้ยน... สวยก็ไม่สวย  แถมเชื่อเรื่องที่คนดี ๆ ไม่เชื่อกัน  นังนั่นถึงได้คว้าเอเลี่ยนผีสางเทวดาเป็นเพื่อน!"  เมอร์เทิลตอบคำถามด้วยความภาคภูมิใจในความเพอร์เฟ็คท์ของตัวเอง  พรีคลีย์ฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับตรรกะป่วยของนาง

               "คนสวย... ที่ทำตัวเป็นนางยักษ์จนเพื่อนเออออไปซะทุกเรื่องนะเหรอที่เรียกว่าปกติ!?"  พรีคลีย์ย้อนถาม

               "ช่าาาายยยย!!"  ชีวิตทดลองทั้งสามหนุ่มสาวผสมโรงเห็นด้วยกับพรีคลีย์  เลียนแบบก๊วนหญิงจ๋าว่าใช่ของเมอร์เทิลอย่างเห็นได้ชัด

               "ฉันขอถามเธอตรง ๆ ในฐานะที่เป็นมนุษย์ผู้มีถิ่นฐานบนดาวโลก  ทั้งชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดจนเป็นเด็กน้อยยืนว่าเราฉอด ๆ นี่... เธอเคยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมั้ย... กับการเป็นคนปกติที่กดหัวคนอื่น!?"  พรีคลีย์ตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ซึ่งเป็นคำถามที่ทำเอาเมอร์เทิลนิ่งไปอีกยก

               คราวนี้... เมอร์เทิลนิ่งจนถึงขั้นกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก  นึกไม่ถึงว่าเอเลี่ยนตาเดียวจากดาวพลอโกนอร์จะตั้งคำถามแทงใจเธอ

               "เป็นไง... อึ้งล่ะสิที่ถูกถาม!?"  รูเบ็นยิ้มแย้มขึ้นมาบ้างที่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย  "จริง ๆ มันเป็นคำถามที่ง่ายนะ  แต่เธอจะตอบหรือไม่... ก็สุดแล้วแต่เธอจะคิดนะ  เราไม่ต้องการคำตอบตอนนี้หรอก  เพราะเธอน่าจะรู้คำตอบดีกว่าใคร  กลับไปพิจารณาตัวเองดู... ว่าเธอกับลีโล่มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน  ถ้าเธอหาคำตอบที่แท้จริงไม่ได้  ก็ให้จีจี้ของเธอช่วยคิดให้  สองหัวดีกว่าหัวเดียวนะ"

               เมอร์เทิลจ้องมองรูเบ็นที่เคี้ยวแซนด์วิชแก้มตุ้ยเขม็ง  เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามหรือไม่ตอบดี  เพราะเธอเกลียดการแสดงความอ่อนแอให้คนรอบข้างเห็น  ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือเพื่อนหญิงจ๋าว่าใช่... เธอต้องการให้ทุกคนเห็นว่าเพอร์เฟ็คท์หรือมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เหนือกว่าลีโล่ทุกประการ

               เพื่อมิให้พวกจัมบ้าเห็นเมอร์เทิลในสภาพนี้อีกต่อไป  เธอจึงทำได้แค่โกรธฟึดฟัด... เดินกระแทกเท้าออกจากบ้านแล้วปิดประตูแรง ๆ ในทันที

               "คุณจัมบ้าคิดว่ายัยนั่นจะคิดได้รึเปล่าคะ"  แองเจิ้ลถาม

               "บอกตามตรง... จัมบ้าเองก็ไม่รู้  เพราะจัมบ้าไม่ใช่ยัยหนูน่ารำคาญนั่น  คิดแทนกันไม่ได้หรอก"  จัมบ้ายักไหล่

               "แบบนี้ยัยนั่นจะเข้าใจลีโล่ได้อย่างไร"  สปาร์คกี้ถามเสียงอ่อน

               "ฉันก็ไม่รู้  แต่ก็อย่างที่พรีคลีย์ว่ามาเมื่อกี้  เราไม่ต้องการคำตอบตอนนี้  เพราะกว่าที่คนเราจะเปลี่ยนใจจากคนใจแคบเป็นคนใจกว้างได้นั้น... มันต้องใช้เวลา"  รูเบ็นยืมคำพูดของเจ้าถั่วงอกตาเดียวมาเป็นคำตอบ  "เหมือนที่ลีโล่สอนสติทช์อยู่อย่างหนึ่งตอนปะทะกับพี่จีบิ๊กเบิ้มเพื่อชิงตัวเจ้าพี่น้องพ่นไฟจนติดแหง็กในถ้ำบนเกาะนีเฮา (Ni'ihau Island)  เธอบอกว่า... คนทุกคนมีด้านดีและไม่ดีอยู่ในตัว  ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะเปิดเผยตัวตนออกมาเมื่อไหร่  ก็สุดแล้วแต่ใจของพวกเขาล่ะเนอะ"

               แองเจิ้ลกับสปาร์คกี้ฟังแล้วได้แต่พยักหน้าเบา ๆ ด้วยความเข้าใจ

               "เพราะยัยหนูเห็นยัยหนูน่ารำคาญกับเจ้า 007 ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนรักกัน  ยัยหนูถึงได้มองนางเป็นเพื่อนไง  แม้อีกฝ่ายไม่เคยมองยัยหนูเป็นเพื่อนก็เถอะ  แต่จัมบ้าเชื่อ... ว่าพรสวรรค์เรื่องการดึงด้านดีของคนออกมาจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติและกาแล็คซี่ในอีกมิช้า"  จัมบ้าเสริม

               ในขณะที่เอเลี่ยนทั้งห้ากำลังพูดถึงเมอร์เทิลอยู่นั้น... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  พรีคลีย์เป็นคนยกหูรับสาย

               "ฮัลโหล... บ้านเพเลไคครับ"  พรีคลีย์ทักทายในทันทีที่รับสาย

               [พรีคลีย์เหรอ!?  โอ้ว์... ขอบคุณสวรรค์ที่คุณปลอดภัย!]  เสียงของวิคตอเรียดังเข้าหูผู้รับสาย

               "อ้าว... หนูวิคตอเรีย!  โทรหาน้า... มีเรื่องอะไรรึเปล่าจ๊ะ!"  พรีคลีย์ฟังน้ำเสียงเจ้าของปลายสาย... รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาฉับพลัน

               [เหล่าชีวิตทดลองกำลังจะตกอยู่ในอันตราย!  คือ... คุณป้าของคาลี่กำลังล่ารายชื่อเด็ก ๆ ที่เลี้ยงสัตว์ไปทั่วเมืองค่ะ!]  วิคตอเรียแจ้งข่าวร้ายให้อีกฝ่ายเตรียมรับมือ

               "ล่ารายชื่อ!?  ยังไงจ๊ะ!?"  พรีคลีย์ถึงกับหน้าซีดที่ได้ยินข่าว  แน่นอนว่าจัมบ้าและชีวิตทดลองทั้งสามหนุ่มสาวก็พลอยใจเสียไปด้วย

               คุณบริทต้าเป็นต้นเหตุให้บ้านลีโล่ตกอยู่ในอันตราย... ถือว่ามากพอแล้ว

               จะต้องเหยียบย่ำให้ไม่มีที่ยืนหรืออย่างไรกัน... ถึงจะพอใจ!?


        ------------------------------------------------------------------------


               ณ  หอประชุมโคคาอัวทาวน์

               หอประชุมแห่งนี้กลายเป็นที่รวมพลของผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมโดยปริยาย  ซึ่งคนที่เป็นต้นคิดก็มิใช่ใครที่ไหน

               คุณบริทต้า  นายกสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนที่หิ้วลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขามาร่วมประชุมเพื่อจุดประสงค์บางอย่างนั่นเอง!

               เหล่าผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมทุกคนพากันพูดคุยพร้อมกับปรายตามองคุณบริทต้าที่ยืนอยู่บนโพเดียมด้วยความสงสัย  แน่นอนว่าต้องหนีไม่พ้นเรื่องเอเลี่ยนเป็นอันแน่แท้  แต่คนเป็นนายกสมาคมจะนำเสนออย่างไรให้ฟังดูดีนั้น... ก็เป็นอีกเรื่องที่พวกเขาต้องรอฟังกันต่อไป

               ทันทีที่ไมโครโฟนถูกเปิด

               "สวัสดีผู้ปกครองทุกท่าน"  คุณบริทต้าเอ่ยปากทักทายก่อนที่จะเกริ่นนำเข้าสู่หัวข้อการประชุม  "อิฉันขอบพระคุณผู้ปกครองทุกท่านที่สละเวลามาร่วมประชุมเรื่องสำคัญที่อิฉันกำลังจะกล่าวถึงนับจากนี้  อย่างที่ทุกคนทราบ... ว่าสาเหตุที่ทำให้คนร้ายบุกรมควันสลบจนลูกหลานทุกคนตกอยู่ในอันตรายมาแล้วนั้นคืออะไร  และทุกคนต่างก็มีหลักฐานอยู่ในมือ  ทำให้อิฉันได้ข้อสรุปแล้วว่าควรทำอย่างไรต่อไป... เพื่อมิให้สิ่งที่อยู่ในคลิปนี้เป็นต้นเหตุให้เกิดความวุ่นวายเป็นครั้งที่สอง"

               ผู้ช่วยนายกสมาคม... ล้วนเป็นเพื่อนสนิทในแวดวงไฮโซได้แจกเอกสารให้ผู้ปกครองทุกคนได้อ่านและทำความเข้าใจ

               "เอ่อ... นี่มันอะไรคะ!?"  คุณนายเอ็ดมันด์  ผู้เป็นมารดาของเมอร์เทิลเอ่ยปากถามในทันทีที่ดูเอกสาร


 เอกสารสำคัญว่าด้วยเรื่อง... "สัตว์เลี้ยง" ของนักเรียน


               เหล่าผู้ปกครองพากันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดที่คนเป็นนายกสมาคมผู้ปกครองแจกเอกสารเหล่านี้  เพราะเอกสารที่คุณบริทต้าแจกให้นั้น... ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะประชุมแม้แต่น้อย

               "อย่างที่เห็น... ว่าคนร้ายในคลิปไม่ใช่คน  และคนที่สู้กับคนร้ายก็ไม่ใช่คนเหมือนกัน  กลับกลายเป็นหมาของเด็กลีโล่ที่สู้กับพวกมันได้  มันทำให้เราเชื่อ... ว่าคนร้ายที่บุกถล่มโรงเรียนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กลีโล่และสัตว์เลี้ยงประหลาดของเธอ  เพื่อมิให้ลูกหลานมีภัยจากสัตว์เลี้ยงประหลาดที่นำพาเรื่องร้าย ๆ มาสู่โอฮาน่า  เอกสารที่อยู่ในมือพวกคุณจึงถูกตีพิมพ์ขึ้นเพื่อการนี้ค่ะ!"  คุณบริทต้าชูเอกสารในมือ  จากนั้นก็ชี้แจงรายละเอียดให้ผู้ปกครองทุกคนรับทราบ  คือ... การระบุรายละเอียดสัตว์เลี้ยงของนักเรียนทุกคน

               เริ่มตั้งแต่ประวัติส่วนตัวนักเรียน  ชื่อสัตว์เลี้ยง  ประเภท  ลักษณะ  สายพันธุ์  และสุดท้าย...

               อาหารการกิน  พฤติกรรม  ความสามารถ  และที่มาของสัตว์เลี้ยง!

               "ฉันว่ามันไม่ยุติธรรมกับลีโล่และสติทช์นะคะ"  คุณแม่คนหนึ่งไม่เห็นด้วย  รู้สึกว่าหัวข้อการประชุมที่คุณบริทต้าหยิบยกขึ้นมานำเสนอนั้น... มันเป็นประเด็นโจมตีเด็กอย่างไม่เป็นธรรม  เหล่าผู้ปกครองพากันเห็นด้วย  เพราะชาวเกาะทุกคนต่างก็รู้จักลีโล่กับสติทช์ดี... ว่าทั้งคู่เป็นคู่หูที่ไม่มีพิษมีภัย  แม้ว่าเจ้าสติทช์เป็นหมาที่ไม่เหมือนหมาทั่วไปก็ตาม

               "อิฉันไม่ได้เจาะจงว่าเป็นคู่หูคู่นั้นนี่คะ  อิฉันหมายถึง... ลูกหลานทุกคนที่มีสัตว์เลี้ยงค่ะ  อย่างที่พวกคุณรู้กันดี... ว่าตลอดปีสองปีที่ผ่านมานี้  มีสัตว์แปลก ๆ ออกมาเพ่นพ่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ  และสัตว์แต่ละตัวต่างก็มีความสามารถแปลก ๆ ที่สร้างความแตกตื่นให้คนทุกคนได้ทุกเมื่อ  บางตัวกลายเป็นสัตว์เลี้ยง  บางตัวก็มีบ้านตามที่ต่าง ๆ  อิฉันจึงสันนิษฐานว่า... สัตว์เหล่านี้มีที่มาอย่างไร  ถ้าพวกคุณรู้ที่มา... ความปลอดภัยของลูกหลานก็จะมีมากขึ้นทุกวินาที"  คุณบริทต้าโน้มน้าวให้ผู้ปกครองทุกคนระลึกถึงช่วงปีสองปีที่ผ่านมา

               ซึ่งมันได้ผล... เหล่าผู้ปกครองเชื่อในสิ่งที่คุณบริทต้าชี้แจงมา  จำได้ว่าเหล่าชีวิตทดลองปรากฎตัวตามที่ต่าง ๆ  และทุกครั้งที่ชีวิตทดลองปรากฎตัว... ลีโล่กับสติทช์ก็จะเป็นคนแก้ปัญหาและหาบ้านให้พวกเขาไปพร้อม ๆ กัน

               "สิ่งที่จะต้องทำต่อจากนี้  คือ... สำรวจสัตว์เลี้ยงของลูกหลานทุกคนให้ละเอียดถี่ถ้วน  จากนั้นก็จดบันทึกแล้วส่งภายในอาทิตย์หน้าที่โรงเรียน  เพื่อสร้างความมั่นคงให้เกาะคาไวของเรา... ว่าลูกหลานคุณจะต้องได้รับความปลอดภัย  หากสัตว์เลี้ยงของคุณไม่แสดงอภินิหารใด ๆ ออกมาจนเป็นเป้าสายตาของคนร้าย  หวังว่าพวกคุณคงเข้าใจเจตนารมณ์ของคุณแม่ของบุตรหลานผู้เป็นหนึ่งในเหยื่อถูกคนร้ายบุกรมควันสลบถึงโรงเรียนนะคะ"  คุณบริทต้าได้ทีมอบหมายงานให้เหล่าผู้ปกครองทำ  คือ... การทำให้เอกสารของนายกสมาคมโรงเรียนกลายเป็นหลักฐานมีน้ำหนักมากพอ

               หลักฐานที่จะพิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้รับรู้... ว่าสัตว์แปลก ๆ บนเกาะคาไวล้วนเป็นเอเลี่ยนจริง!

               คุณบริทต้าไม่รอให้เหล่าผู้ปกครองร่วมโรงเรียนเอ่ยปากแสดงความขัดแย้งใด ๆ ออกมา  เจ้าตัวกล่าวปิดการประชุมแล้วเดินลงจากโพเดียม  ก้าวเท้าออกจากหอประชุมในทันที  เหล่าผู้ปกครองมองหน้ากัน... แอบวิพากษ์วิจารณ์นายกสมาคมผู้ปกครองคนปัจจุบันอย่างสนุกปาก  แน่นอนว่ามีผู้ปกครองแบ่งพวกตามความเห็นถึง 2-3 พวกด้วยกัน  ไม่ว่าจะเป็น... พวกไม่เห็นด้วยที่คุณบริทต้าตั้งประเด็นโจมตีลีโล่กับสติทช์  พวกสองจิตสองใจที่ห่วงลูกหลานตัวเองทั้งที่รู้ดีว่าลีโล่ไม่ผิด

               และสุดท้าย... ห่วงลูกหลานจนพลอยบ้าจี้ตามคุณบริทต้า!

               แต่คนเป็นนายกสมาคมผู้ปกครองจะรู้ตัวหรือไม่... ว่าการประชุมในครั้งนี้มีคนนอกล่วงรู้

               หรือจะเรียกว่า "คนนอก" ก็คงเรียกไม่เต็มปาก

               เพราะเด็กผู้ชายผู้เป็นลูกหัวแก้วหัวแหวนของคุณบริทต้าเข้าร่วมประชุมตามความต้องการจริง


แต่เขาไม่ใช่ตัวจริง!


               แท้จริงแล้ว... โคดี้ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนซี้ของเขา

               คีโอนี่รู้เรื่องชีวิตทดลองมาสักพัก  และเรียนรู้ความสามารถของพวกเขาบางตัว  เป็นความโชคดีที่หนุ่มนักสเก็ตรู้จักเจ้ามอร์โฟโลมิวจากค้างคาวแจม  เขาจึงยืมตัวเจ้ามอร์ฟจากร้านเสื้อผ้ามาทำภารกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ

               เจ้ามอร์ฟใช้วิชาแปลงร่างคีโอนี่เป็นโคดี้  เพื่อทำภารกิจสวมรอยและเก็บข้อมูลสำคัญ  คีโอนี่จึงนำเรื่องที่คุณบริทต้าเรียกผู้ปกครองมาประชุมเรื่องสัตว์เลี้ยงประหลาดไปแจ้งให้วิคตอเรียกับเพื่อน ๆ เตรียมรับมืออย่างเร่งด่วนถึงที่สุด

               ก่อนที่โอฮาน่าของลีโล่จะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง


   

               คุณเจมส์สันเป็นผู้ปกครองคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณบริทต้า  เพราะเขาเห็นด้วยตาตัวเอง... ว่าถึงเหล่าชีวิตทดลองจะดูประหลาดผิดแผกไปจากสัตว์ทั่วไป  แต่พวกเขาก็ไม่ทำอันตรายต่อผู้คน  แม้พวกเขามีความสามารถที่ทำเอาผู้คนทึ่งก็ตาม

               ในฐานะเจ้านายที่รู้จักและสนิทสนมกับโอฮาน่าของลีโล่  เขารู้ดีว่าลีโล่กับสติทช์เป็นคู่หูที่คลุกคลีกับชีวิตทดลองและเรียนรู้ความสามารถสุดล้ำของพวกเขาเพื่อใช้ประโยชน์ในการหาบ้านที่เหมาะสม  คุณเจมส์สันจะไม่ปล่อยให้สิ่งที่ลีโล่ทำมานั้นต้องสูญเปล่าเป็นอันขาด  นานี่กับเดวิดและคุณแม่มิโอกะจึงถูกเรียกมาประชุมลับกันที่ร้านค็อฟฟี่เฮ้าส์ในโรงแรมวิหคสวรรค์  ทำให้เขาได้ทำความรู้จักกับคุณค็อบบร้าเป็นครั้งแรก

               "โว้ว... ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้พบเจ้าหน้าที่ซีไอเอตัวเป็น ๆ สักครั้งในชีวิต!"  คุณเจมส์สันพูดออกมาด้วยความทึ่งที่เห็นร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ผู้ดูแลครอบครัวของลีโล่

               "เป็นอดีต  ตอนนี้ผมเป็นเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์เต็มตัว"  คุณค็อบบร้าพูดเสียงทุ้มต่ำประหนึ่งคนไร้ความรู้สึกเช่นเคย

               "แล้วคุณบับเบิ้ลส์มีหนทางไหนที่จะช่วยเหลือแองเจิ้ล  สติทช์  และเพื่อน ๆ ชีวิตทดลองให้พ้นจากเรื่องที่ลือกันได้บ้างคะ"  คุณมิโอกะเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง  ในฐานะที่เธอเป็นแม่ที่รักและเอ็นดูแองเจิ้ลเสมือนลูกสาวอีกคน

               "ตอนนี้เราเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่  คุณค็อบบร้าบอกว่าตามตัวคนที่ถ่ายคลิปสติทช์ได้แล้วใช่มั้ย"  เดวิดหันไปถามอดีตซีไอเอ

               "ใช่... ผมนำคลิปที่ลิ่วล้อของนายแมทธิวแอบถ่ายตอนเหตุชุลมุนที่โรงเรียนเมื่อวันจันทร์ไปให้ฝ่ายไอทีทำการตรวจสอบ  เพื่อหาความเป็นไปได้ว่าเป็นคลิปของจริงหรือคลิปตัดต่อ  หากเป็นคลิปตัดต่อ... เราจะได้เอาเรื่องพวกแมทธิวจนถึงที่สุด"  คุณค็อบบร้าตอบ

               "ให้เป็นคลิปตัดต่อจริงเถอะ  จะได้เอาหลักฐานชิ้นนี้ไปตบหน้านังนายกสมาคมนั่นสักที"  นานี่พูดน้ำเสียงเข่นเขี้ยว  คิดว่าเรื่องควรจะจบลงตรงที่น้องสาวของเธอไม่ต้องเสี่ยงไปวุ่นวายกับวายร้ายจากต่างดาวอีกครั้ง

               "ลีโล่รู้เรื่องนี้รึยัง"  คุณเจมส์สันถามถึงน้องสาวพนักงาน  

               "คิดว่าน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว  โคคาอัวทาวน์เป็นเมืองเล็ก  เหล่าชีวิตทดลองต่างก็ไปมาหาสู่กัน  และลีโล่กับสติทช์ก็ไปเยี่ยมพวกเขาทุกที่ที่เป็นบ้านขณะตามหาสัตว์ทดลองที่หลุดไป  ถึงลีโล่ไม่รู้เรื่อง... แต่ความสามารถของพวกเขาก็ทำให้ลีโล่รู้เรื่องอยู่ดี"  คุณค็อบบร้าตอบออกมาด้วยความเชื่อมั่นในตัวเหล่าชีวิตทดลองที่ผ่านการละลายพฤติกรรม... ว่าพวกเขาพร้อมใจกันปกป้องโอฮาน่าให้พ้นจากภยันตรายที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอันแน่แท้

               ทุกคนได้แต่พยักหน้าเบา ๆ ด้วยความเชื่อมั่นในตัวสติทช์และเหล่าชีวิตทดลอง... ว่าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลีโล่ปลอดภัยจนถึงที่สุด


------------------------------------------------------------------------


               ทันทีที่ลีโล่กับสติทช์ทราบเรื่องเครื่องเล่นเทปของคาลี่จากฟลุท  ภารกิจล่าของหายจึงเริ่มต้นขึ้น

               ลีโล่รู้ดี... ว่าโรงเรียนชั้นมัธยมต้นไม่ได้ถูกปิดเพราะนินจาเทคโนไร้เงาบุกลักพาตัวเธอ  ถึงคาลี่สงสัยลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายอย่างคาร์ล่าว่าต้องมีส่วนรู้เห็นเรื่องเครื่องเล่นเทปมากน้อยเพียงใด... แต่ไม่มีหลักฐาน  คาร์ล่าก็ไม่มีวันยอมรับว่าเป็นหัวขโมยอยู่ดี  ยิ่งเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านที่รับเลี้ยงดูคาลี่... แถมอาศัยอยู่รั้วบ้านเดียวกัน  ข้อหาลักทรัพย์ก็มีอันต้องหลุดพ้นไปอย่างง่ายดาย

               ต้องมีสักวิธี... ที่ผู้ร้ายปากแข็งจะยอมรับคำสารภาพบ้างสิ!

               พี่เบอร์ตั้น เป็นลูกพี่ลูกน้องคนเดียวที่คาลี่นึกออก  และคิดว่าจะช่วยเธอตามหาเครื่องเล่นเทปได้

               "ป้าพอจะรู้มั้ยคะ... ว่าพี่เบอร์ตั้นไปไหน"  คาลี่ถามป้าแม่บ้าน  เผื่อว่าท่านจะรู้ตารางงานของเขา

               "อืม... ป้าได้ยินมาว่าคุณเบอร์ตั้นเขาเป็นวิทยากรเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้พนักงานต้อนรับฝึกหัดน่ะ"  ป้าดาร์ลีนตอบ  คาลี่รู้ในทันทีว่าลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นลูกชายคนโตของเจ้าของบ้านต้องไปที่สนามบิน

               สนามบินที่เป็นบ้านของ แล็กซ์ 285  สิ่งมีชีวิตทดลองมีรูปลักษณ์เป็นนกแก้วกึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนสีม่วง  คอยยิงเลเซอร์จากเสาอากาศบนศีรษะใส่ผู้โดยสารให้เกิดอาการผ่อนคลายยามเดินทางหรือท่องเที่ยว

               พวกลีโล่จึงวานให้ครูมีนาขับรถพาไปที่สนามบินในทันที  แน่นอนว่าลีโล่ไม่ลืมทักทายเจ้าแล็กซ์และแนะนำตัวฟลุทให้รู้จักด้วย  ครูมีนาไม่แปลกใจนักที่เห็นลีโล่พูดคุยกับเหล่าชีวิตทดลองเสมือนญาติร่วมสายเลือด  เป็นเพราะเธอเห็นคุณพ่อค็อบบร้าเลี้ยงดูเจ้าชูชเป็นอย่างดี  ครูจึงได้รู้ว่าลีโล่มีภารกิจที่ยิ่งใหญ่  อันตรายถึงได้มาเยือนทุกฝีก้าว

               เมื่อถึงสนามบิน  เด็กผู้หญิงทั้งสองก็พบคุณเบอร์ตั้นที่ห้องอาหาร  ซึ่งเป็นเวลาพักเที่ยงพอดี  สี่หนุ่มสาวต่างวัยจึงรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ร้านแซนด์วิชชื่อดังแห่งหนึ่ง  ทันทีที่พบคุณเบอร์ตั้น... คาลี่ก็เข้าเรื่องที่จะสนทนากันอย่างรวดเร็ว

               "นี่คาลี่ลงทุนมาหาพี่ที่แอร์พอร์ต... เพื่อที่จะถามว่าพี่คาร์ล่าสบายดีมั้ยเหรอ!?"  เบอร์ตั้นเอ่ยปากถามด้วยความประหลาดใจยิ่งนัก... ที่ลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยถามถึงน้องสาว  เพราะรู้ดีว่าคาลี่กับคาร์ล่าเกลียดกันเข้ากระดูกดำ

               "ก็หนูคิดคำถามให้รักษาน้ำใจจนถึงที่สุดแล้วนี่คะพี่  ถ้าไม่มีเรื่อง... หนูก็จะถือซะว่าเลิกแล้วต่อกันจริง ๆ"  คาลี่ตอบ

               "แล้วคาลี่ถามหาพี่คาร์ล่า... มีเรื่องอะไรรึเปล่า"  เบอร์ตั้นถาม

               "เครื่องเล่นเทปหายค่ะ"  คาลี่ตอบพร้อมชี้แจงเหตุผลที่ต้องถามหาคาร์ล่า  "คุณแม่สอนไว้ว่า... ทุกครั้งที่หนูเป่าฟลุทและฝึกปรือเป็นบทเพลง  จะต้องมีการอัดเทปทุกครั้ง  เป็นการย้ำตัวเองเสมอ... ว่าเสียงเพลงที่หนูเป่าออกมาแทนคำร้อง  เป็นเสียงจากใจที่จะสื่อให้ผู้ฟังได้รับฟัง  หนูก็ทำตามจนนำวิธีของคุณแม่ไปสอนฟลุท"  คาลี่เล่าถึงความสำคัญของเครื่องเล่นเทปกับคุณแม่แล้ว... น้ำตาก็พานจะไหลออกมา  "จนกระทั่งคุณแม่เสีย... หนูกับฟลุทก็เอาเครื่องเล่นเพลงไปที่บ้านคุณลุงด้วย  เพลงทุกเพลงที่หนูกับฟลุทอัดเทป... รวมทั้งเพลงไททานิค  จะช่วยเราหลับฝันถึงคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่บนสรวงสวรรค์ได้ดี  ถ้าไม่มีงานแสดงความสามารถ... หนูจะเก็บมันไว้ในบ้านเป็นอย่างดี  ไม่ให้ใครมาแตะต้อง  ยกเว้นป้าดาร์ลีนที่รู้ว่าหนูเก็บไว้ที่ไหนและรับปากว่าจะรักษามันเท่าชีวิต"

               ลีโล่ฟังคาลี่เล่าที่มาของเครื่องเล่นเทปที่หายไปแล้วสะเทือนใจขึ้นมา  รู้สึกได้ว่าคาลี่เป็นคนเก็บสิ่งของทุกชิ้นที่ระลึกถึงคนที่จากไป  เช่น  เครื่องเล่นเทป  เป็นต้น  เหมือนลีโล่ที่ยังเก็บรูปตอนที่เธอกับนานี่มีพ่อแม่ไว้ใต้หมอน  และรูปแม่ตอนเด็กที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอฝึกระบำฮูล่าจนมีท่วงท่าที่งดงามจนพวกเมอร์เทิลอิจฉาตาร้อนถึงทุกวันนี้  สติทช์เห็นสีหน้าของลีโล่แล้ว... ได้แต่วางมือขวาบนบ่าของเธอเบา ๆ ด้วยความห่วงใย  เพราะเรื่องที่คาลี่เล่ามานั้น... เป็นเรื่องที่อ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง

               เบอร์ตั้นฟังแล้ว... ถึงกับตีความในใจว่าแม่กับน้องสาวมีอคติกับญาติฝ่ายพ่อ  แต่เพราะการงานที่ทำให้เขาห่างไกลจากบ้าน... ป้าดาร์ลีนจึงรับหน้าที่ดูแลคาลี่กับฟลุท  ป้ารายงานถึงปัญหาที่คาลี่มักพบในแต่ละวัน  ซึ่งส่วนมากก็หนีไม่พ้นแม่กับน้องสาวของเขาอีกเช่นเคย  แถมฟลุทมีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้งจนเพื่อนของคาร์ล่าถูกเอาคืนเกือบตาย  ถ้าไม่มีเพลงของเซลีนในเครื่องเล่นเทปของคาลี่มายับยั้งความคลุ้มคลั่งของเขา  เป็นเหตุให้คาลี่รู้ความจริงเรื่องที่มาของฟลุท... แต่เธอก็เลือกที่จะปกป้องไม่ให้ใครมาทำร้ายจนเขาสติแตกอีกเป็นครั้งที่สอง

               พูดถึงเครื่องเล่นเทปหายในวันที่คาลี่ถูกไล่ออกจากบ้านเพราะฟลุทเป็นเอเลี่ยน

               "นี่คาลี่จะบอกว่า... คาร์ล่าเป็นคนขโมยไปอย่างนั้นเหรอ!?"  เบอร์ตั้นเอ่ยปากถามอย่างไม่เชื่อหู  เขาไม่เชื่อว่าน้องสาวในไส้จะเป็นคนมือไวใจเร็วเช่นนั้น

               "Naga!  Naga!"  ฟลุทส่ายหน้าทันควัน

               "เราไม่ได้ว่าพี่คาร์ล่าขโมยไปค่ะ  เราสงสัย... เพราะวันที่พวกพี่คาร์ล่าบุกบ้านลีโล่  พี่คาร์ล่าเป็นคนจัดกระเป๋าไล่เราออกจากบ้านเองค่ะ"  คาลี่แปลภาษาของเจ้าฟลุทให้เบอร์ตั้นทำความเข้าใจ  "ถ้าพี่คาร์ล่าไม่ได้ขโมย  ก็ต้องเป็นก๊วนของแฟนพี่คาร์ล่าที่ขโมยไป  โดยเฉพาะไอ้พี่แมทธิวที่รู้ดีว่าเสียงเพลงสามารถสยบความคลุ้มคลั่งของฟลุทได้ค่ะ"  

               "แล้วเพื่อนญาติเธอจะขโมยเครื่องเล่นเทปทั้งที่รู้ว่ามีเพลงที่สามารถหยุดน้องฟลุทได้เพื่ออะไรกัน"  ครูมีนาสงสัย

               "มีเจตนาจะลองของกันค่ะครู  พวกนั้นเห็นว่าสติทช์กับญาติ ๆ เป็นสัตว์ประหลาด  ฟลุทเองก็เป็นหนึ่งในญาติของเขา  พวกเขาถึงถูกรังแกได้ง่าย  ซึ่งหนูไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเด็ดขาด"  ลีโล่พูดออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บแค้นแทนเหล่าญาติของสติทช์ที่ถูกรังแก... เพียงเพราะพวกเขาเป็นสัตว์ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนสัตว์ทั่วไป  เบอร์ตั้นฟังแล้วพยักหน้าทำความเข้าใจในทันที... ว่าเครื่องเล่นเทปที่ลูกพี่ลูกน้องถามหานั้นสำคัญกับเธอและฟลุทมาก  ในเมื่อสองคู่หูผู้รักเสียงดนตรีเป็นโอฮาน่าของกันและกัน... คาลี่ก็รู้การกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทดลองจากดาวทูโร่  และทำทุกวิถีทางไม่ให้ฟลุทตกอยู่ในอันตรายเป็นอันขาด

               "โอเค  เย็นนี้พี่ไปรับคาร์ล่าตามใบสั่งคุมความประพฤติ  เดี๋ยวพี่จะถามเขาเอง  คาร์ล่าก็รู้ว่าฟลุทพยายามควบคุมตัวเองมากน้อยแค่ไหน... เพื่อไม่ให้ฟลุทคลุ้มคลั่งทำร้ายคนที่รังแกเขากับคาลี่  ทำแบบนั้นก็เท่ากับรนหาที่ชัด ๆ"  เบอร์ตั้นพูดน้ำเสียงเข่นเขี้ยว... นึกโกรธน้องสาวในไส้ที่รู้ว่าเธอพยายามทำทุกวิถีทางที่จะแฉเจ้าฟลุทให้ถูกประณามเป็นสัตว์ประหลาดจนอีกฝ่ายไม่มีที่ยืนบนเกาะคาไวอีก

               ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำของคาร์ล่า... ที่มีทั้งแฟนกับเพื่อนผู้หวังดีประสงค์ร้ายคอยจูงจมูก  จะไม่ได้ส่งผลร้ายแค่โอฮาน่าของตนแค่กลุ่มเดียว

               อาจส่งผลถึงมนุษยชาติในภายภาคหน้า  หากเหล่าชีวิตทดลองถูกอคติของผู้คนบีบให้ขับออกจากบ้านที่เหมาะสม  และลีโล่ก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย

               ลีโล่อุตส่าห์นับญาติของสติทช์อีกหกร้อยกว่าชีวิตเป็นโอฮาน่าและหาบ้านที่เหมาะสมมานานถึง 2-3 ปี  เธอกับสติทช์ไม่มีวันยอมให้โอฮาน่าถูกขับออกจากเกาะเป็นอันแน่แท้

               เบอร์ตั้นคือความหวังสุดท้ายที่จะช่วยฟลุทนำเสียงเพลงเป็นตัวกระตุ้นให้ต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างได้

               ในขณะที่สี่หนุ่มสาวต่างวัยและสัตว์เลี้ยงต่างดาวกำลังพูดคุยอยู่นั้น... มีแขกไม่ได้รับเชิญวิ่งหน้าตาตื่นมาหาลีโล่

               "อ้าว... มาวิน!"  สติทช์หันไปทักทาย  เมื่อพบว่าเป็นเพื่อนชายที่รับเลี้ยงแองเจิ้ล  ซึ่งบัดนี้... สีหน้าของเขาทั้งร้อนรนและเหนื่อยหอบยิ่งนัก  "มีอะไรรึเปล่า... หน้าตาดูหอบเชียว!?"

               "โนซี่มีข่าวร้ายมาฝาก  แฮ่ก ๆ  สำคัญมาก!"  มาวินพูดพลางหอบหลังจากที่เขาวิ่งมาหมาด ๆ  ทำเอาลีโล่กับคาลี่เชื่อ... ว่าเรื่องที่จอมปากสว่างหมายเลข 199 ได้แจ้งจนมาวินรีบมาบอกถึงสนามบิน  ต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก

               "มันสำคัญมากแค่ไหนกัน!?"  ครูมีนาถาม

               "มากเสียจนคุณพ่อคุณแม่ทุกคนบนเกาะเริ่มจะแบ่งพรรคแบ่งพวกกันแล้วครับ"  มาวินตอบ

               "แบ่งพรรคแบ่งพวก!?  หมายความว่าไงกัน!?"  คาลี่เอ่ยปากถามทั้งที่ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเป็นอย่างยิ่ง

               "ก็คุณป้าของเธอปั่นหัวให้พ่อแม่ทุกคนบนเกาะสำรวจสัตว์เลี้ยงทุกครัวเรือนนะสิ!"  


                                                     ------------------------------------------------------------------------

 

               ภายในโรงพยาบาล  เจ้าหน้าที่ซีไอเอกำลังเฝ้าดูแมทธิวกับโมนิก้าอยู่  สองพี่น้องคู่นรกได้แต่หงุดหงิดที่ถูกจับใส่กุญแจมือล่ามติดกับราวเตียงผู้ป่วย  แถมมือถือก็ถูกยึด... ทำให้เขาไม่สามารถติดต่อคุณพ่อที่อยู่ซานฟรานซิสโกมาจัดการประกันตัวออกไปได้

               คิดผิดเสียจริง... ที่หาเรื่องเอเลี่ยนจนถูกเจ้าหน้าที่ที่เหนือกว่าตำรวจชั้นผู้น้อยมาควบคุมตัว

               ตั้งแต่เช้าจรดบ่าย... เหตุการณ์ในโรงพยาบาลยังวุ่นวายอย่างปกติสุข  เต็มไปด้วยแพทย์และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บทุกประเภท  ซึ่งเป็นภาพที่เห็นในสายตาคนทั่วไป

               แต่เพราะโรงพยาบาลเล็ก ๆ แห่งนี้ได้กักตัวผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอเลี่ยน  มีรึ... ที่โรงพยาบาลแห่งนี้จะปลอดภัยอีกต่อไป

               โรงพยาบาลแห่งนี้มีกฎไม่ให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไป

               แต่มีหมาตัวหนึ่งมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวตึกอุบัติเหตุ

               ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาล  ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรักษาไว้ให้ดี  รปภ.ทั้งหลายจึงเฝ้าประตูทางเข้า-ออกทุกจุด  ไม่ให้สัตว์จรจัดหน้าไหนเข้าไปรบกวนผู้ป่วยเป็นอันขาด

               แต่หมาเลือกที่จะก่อกวนรปภ.ที่อยู่บริเวณโรงเก็บศพหลังโรงพยาบาลอย่างไม่ทราบสาเหตุ  ทำเอารปภ.ต้องขับไล่หมาออกไป  ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าหมาอลาสกันยอมล่าถอยไปแต่โดยดี

               แต่หาได้รู้ไม่... ว่าหมาเจ้าปัญหาเป็นกลลวง

               เพราะแท้จริงแล้ว... หมาอลาสกันเจ้าปัญหาก็คือ สตีล  สิ่งมีชีวิตทดลองที่เป็นหนึ่งในผลงานของดร.พลาเจียส  มันคืนร่างเป็นสุนัขร่างใหญ่มีขนแหลมและนองอกออกมาจากจมูก  บัดนี้มันกำลังแยกเขี้ยวพร้อมจู่โจมศัตรูที่กำลังหวาดกลัวจนถึงขั้นชักที่ช็อตไฟฟ้าออกมาป้องกันตัว

               ในขณะที่รปภ.กำลังรับศึกหนักกับหมาสตีลอยู่นั้น... มีใครบางคนเปิดประตูห้องดับจิตออกมาหักคอรปภ.ตายคาที่

               กร๊อบ!    

               คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน

               ทริฟ กับ ทรีน่า  สองวายร้ายต่างดาว  สมุนตัวเอ้ของเดธแธ็กซ์ที่กำลังแปลงโฉมเป็นพยาบาลจำแลงพร้อม... "ชิงตัวนักโทษ" ในอีกมิช้า!

               สองวายร้ายสวมรอยเป็นพยาบาลเข้าไปในอาคารผู้ป่วย  ทั้งคู่รู้จุดที่แมทธิวกับโมนิก้าถูกคุมตัวดี  ด้วยแผนแทรกซึมที่ดำเนินมาแต่กลางดึกของเมื่อคืน... พวกมันจึงใช้เวลาชิงตัวนักโทษได้ไม่นาน

               พวกมันรู้ว่าเหล่าซีไอเอมีการจัดระเบียบคุมผู้ต้องหาอย่างเข้มงวดมากน้อยเพียงใด  เพื่อมิให้นักโทษจำพวกผู้ก่อการร้ายระดับประเทศหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวหลบหนี  การกำจัดแมลงหวี่แมลงวันที่ขวางทางจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ... แอนดรูว์ ไบรเซอร์  หรือ  นินจาเทคโนไร้เงา!

               แอนดรูว์มั่นใจเป็นอย่างมาก... ว่าชุดที่สวมใส่นั้นมีประสิทธิภาพมากพอที่จะล่องหนจนไม่สามารถถูกตรวจจับความร้อนได้  จึงใช้ทางหนีไฟเป็นทางเข้าไปในตึกอุบัติเหตุ  ขึ้นบันไดไปยังชั้นที่สองพี่น้องนรกผู้ล่วงรู้เรื่องเอเลี่ยนพักรักษาและถูกคุมตัวอยู่  แน่นอนว่าชั้น 3 ของอาคารเต็มไปด้วยผู้ป่วย  แพทย์  และพยาบาล  นินจาเทคโนไร้เงาจึงควักระเบิดควันออกมาแล้วถอดสลัก  โยนลงทางเดินแล้วปล่อยควันออกมา  ความโกลาหลจึงบังเกิด!

               เรียกว่าแก๊สน้ำตาก็ว่าได้  เพราะอาวุธของแอนดรูว์มีหลากหลาย  เหมาะแก่การใช้งานในแต่ละโอกาส  แก๊สน้ำตาทำให้คนทุกคนมีอาการเคืองตาและแสบตา  แน่นอนว่าควันเป็นมลพิษต่อระบบหายใจของมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด  แพทย์และพยาบาลต้องพาผู้ป่วยออกไปข้างนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์จากข้างนอกจนกว่าฝ่ายอาคารจะจัดการควันอันตรายจนหมดสิ้น  แต่พวกเขาคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

               เพราะพิษควันจากระเบิดของแอนดรูว์  ทำให้พวกมนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายถึงกับสำลักควันจนหมดแรงเป็นลมสลบไป  แน่นอนว่าพวกซีไอเอที่คุมตัวแมทธิวกับโมนิก้าต้องออกมาดูเหตุการณ์เพื่อทำการช่วยเหลือ  แต่โชคไม่ดีที่แอนดรูว์เป็นนินจาฝีมือระดับพระกาฬในหมู่มือสังหารจากต่างดาว... ซีไอเอที่ว่าแน่  ยังต้องพ่ายให้กับวิชาเทเลพอร์ตของนินจาในพริบตา

               เมื่อแอนดรูว์คว่ำพวกซีไอเอจนหมดแล้ว... ทริฟกับทรีน่าที่แปลงกายเป็นพยาบาลก็เข้ามาพาตัวสองพี่น้องนรกออกไปจากโรงพยาบาล  ทำลายกุญแจมือที่ล่ามติดกับราวเตียงแล้วโปะยาสลบ  ทำเหมือนว่าสองพี่น้องนรกเป็นผู้ป่วยที่ต้องถูกพาออกจากอาคารอย่างรวดเร็วที่สุด

               แต่การที่สามวายร้ายจะพาคนร้ายหนีออกจากโรงพยาบาลนั้น... ไม่ใช่เรื่องง่าย

               รปภ.ทุกนายแห่กันมาสกัดจับสามวายร้าย  แต่กลายเป็นรนหาที่ตาย  เพราะฝีมือไม่สามารถเทียบชั้นได้  ทริฟกับทรีน่าจึงสาดกระสุนปืนสั้นจนล้มตายระนาว  ก่อนที่จะอุ้มสองพี่น้องนรกไปที่โรงรถพยาบาล  แน่นอนว่า... เจ้าหน้าที่รถและรปภ.ตกเป็นอาหารมื้อกลางวันภาคสนามของเจ้าสตีลโดยปริยาย

               หลังจากที่สี่วายร้ายจากต่างดาวยึดรถพยาบาลไว้ใช้ขนย้ายนักโทษมาได้แล้วนั้น... ทริฟตั้งตัวเองเป็นคนขับรถหนีตำรวจ  ทรีน่าจึงงัดอาวุธของเธอออกมาสกัดทัพไม่ให้มีการตามล่าเกิดขึ้น

               นางมารในคราบมนุษย์ควักลูกบอลยางสีรุ้งลูกเล็กออกมาจากกระเป๋าถือแบรนด์เนมใบหรูมาบีบแล้วโยนใส่พวกตำรวจ  ลูกบอลยางลูกนั้นพ่นละอองหลากสีจนเป็นม่านละอองบังตาพวกตำรวจ  ทรีน่าไม่รอดูผลงานก็รู้... ว่าพวกตำรวจหน้าโง่ที่พยายามจับกุมวายร้ายต่างดาว  จะต้องพบจุดจบที่แสนโหดร้ายในอีกมิช้า

               ซึ่งเป็นไปตามที่คิด... เพราะละอองจากลูกบอลของทรีน่า  เป็นละอองเรียกผีเสื้อมาตอมพวกตำรวจ

               พวกมันไม่ใช่ผีเสื้อธรรมดา

               เมื่อพวกมันคือผีเสื้อดูดเลือด

               ฉากนองเลือดจึงบังเกิดขึ้น!



ç=================è

       

   

            





    

  

   

    


                                             

      


  


     

  

                       

               

      



                                   

           

     

               

            

          

      

     



     

  

          



    

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture