ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #16 : CHAPTER 11 :: ความตายกับความลับ

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 56


    CHAPTER 11 :: ความตายกับความลับ

     

    1994.01.14

    1990.03.26

     

    [Baekhyun]

    สิ้นเสียงของลู่หานมินซอกก็ร้องตะโกนลั่นอีกครั้ง ชานยอลและจุนมยอนเป็นคนล็อกแขนมินซอกกลับมาที่ชายหาดหน้าบ้านพัก เรามัดติดเขาติดกับเก้าอี้ มินซอกจ้องมาที่ผมอย่างเคียดแค้น


    “เราจะเอาไงต่อไป?”

    ชานยอลถามขึ้นเสียงแผ่ว ผมรู้ว่าเขาเองก็กลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขาคงกลัวที่จะต้องฆ่ามินซอก แต่เอาเข้าจริงผมก็ใจหายเหมือนกัน แค่ผมตกปลาก็รู้สึกผิดแทบแย่แล้ว แต่นี่มันไม่เหมือนกัน! นี่มันคน!


    ผมมองไปที่มินซอก เขาบิดตัวไปมาเพราะรู้สึกเจ็บ เลือดยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง ลู่หานนั่งซึมอยู่มุมห้อง สายตาของเขาทอดยาวไปข้างหน้า




    ก็ต้องฆ่าเขาอยู่แล้วสิ




    จุนมยอนเอากระดาษทรายถูช้อนไปมา เขาเป่าฝุ่นที่เกิดจากการฝนช้อนออก

    “ฉันจะจัดการเอง”

    จุนมยอนพูดขึ้นมา เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ชายหาดอย่างรวดเร็ว ผม ชานยอล และลู่หานรีบวิ่งตามเขาไปก่อนที่เขาจะทำอะไรไม่ยั้งคิด


    “เราไม่ฆ่าเขาไม่ได้เหรอ?” ลู่หานพูดขึ้นเสียงสั่น

    “มันฆ่าพวกเราไปตั้งเท่าไหร่แล้ว แค่เราฆ่ามันเรื่องทุกอย่างก็จะจบ จะไม่มีใครตายอีก!


    หน้าของมินซอกซีดเผือด เป็นเพราะเลือดที่ไหลออกมามากกเกินไปของเขา เขาจ้องพวกเราทีละคนด้วยแววตาที่น่ากลัว




    “พวกมึง! ตายๆกันไปให้หมด! ตาย! ตายกันไปให้หมด!!!



    เสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศพุ่งตรงมาที่ท้องของมินซอก จุนมยอนแทงมินซอกโดยไม่รออะไร เขาถอนมันขึ้นมาแล้วแทงลงไปอีกซ้ำๆหลายรอบ เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด เสียงร้องโหยหวนของมินซอกทำเอาผมใจแป้ว พวกเราช็อกกับสิ่งที่จุนมยอนทำจนทำอะไรไม่ถูก



    “ตายห่ากันไปให้หมด ให้เหมือนที่พวกมึงทำกับกู!!!



    เสียงขู่ของมินซอกน่ากลัวจนเกินจะบรรยาย จุนมยอนผลักเก้าอี้ให้ล้มลงไป มินซอกทั้งกรีดร้องโหยหวนและสาปแช่งซ้ำๆจนผมกลัว

    “พอๆ พอได้แล้ว”

    ลู่หานวิ่งเข้าไปคว้าตัวจุนมยอนออกมา มือและหน้าของเขาชุ่มไปด้วยเลือดของมินซอกที่กระเด็นมาเปื้อน แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่พอใจ


    “ปล่อยฉัน!!!


    จุนมยอนดิ้นไปมา มือที่ถือของแหลมของเขาโบกไม่หยุด ผมเข้าไปช่วยลู่หานจับเขาไว้ ชานยอลเองก็เป็นคนไปแย่งช้อนแหลมออกมาจากจุนมยอน


    “ดูนั่น! เขากำลังจะหนีไปแล้ว”


    ผมหันไปมองมินซอกที่กำลังคลานหนีไป ผมปล่อยมือจากจุนมยอนแล้ววิ่งเข้าไปจับเขาไว้ มินซอกดิ้นแต่ดูเหมือนการเสียเลือดจะทำให้เขาหมดแรง เขานิ่งไปแต่เขายังไม่ตายเพราะผมรู้สึกได้ถึงชีพจรที่เต้นอยู่แม้มันจะแผ่วลงแล้วก็ตาม

    เมื่อจุนมยอนเริ่มสงบเราก็มัดมินซอกติดกับต้นไม้ตายยืนต้นต้นหนึ่ง มันเป็นต้นไม้ที่ตายทั้งๆที่ยังไม่ล้ม ผมเป็นเวรเฝ้าผลัดหนึ่งและลู่หานกับชานยอลผลัดสอง ส่วนจุนมยอนถูกยกเว้นในงานนี้


    ผมนั่งเฝ้ามินซอกที่หมดเรี่ยวแรงนั่นจนเป็นเวลาตีหนึ่ง และผมก็รอให้ชานยอลกับลู่หานมาเปลี่ยนเวร







    “รู้อะไรไหม?”

    ผมหันไปตามเสียงแหบแห้งของมินซอก เขามองตาผมด้วยแววตาที่เยาะเย้ย




    “พวกแกมันโคตรน่าสมเพชเลยว่ะ...”

    “พูดอะไรของแก?”

    ผมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับเขา มินซอกหัวเราะเบาๆอีกครั้งก่อนจะถ่มน้ำลายใส่พื้นทรายตรงหน้าผม


    “รีบฆ่าฉันเถอะ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่...”


    ผมเองก็หัวเราะบ้าง แต่เป็นเสียงหัวเราะที่งี่เง่าที่สุด ผมเดินกลับเข้าบ้านโดยไม่สนใจว่ามินซอกจะหนีไปหรือเปล่า พอลู่หานและชานยอลเห็นผมเขาก็เดินออกไป ผมนอนฟุบหลับอยู่บนโซฟาข้างๆจุนมยอน ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนจะผล็อยหลับไป


    เสียงตะโกนโหวกเหวกดังอยู่ข้างนอก ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตาเหลือบไปมองนาฬิกา ตอนนี้ตีสามกว่าอยู่เลย ผมได้นอนไปสองชั่วโมงแถมยังลืมถอดแว่นอีกต่างหาก ผมก้าวลงจากโซฟาและเปิดไฟ ผมกวาดสายตาไปรอบๆห้อง...จุนมยอนหายไป! มีแสงไฟสีส้มมาจากข้างนอก ผมรู้สึกได้ว่ามันต้องมีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ


    เมื่อผมเดินออกมาข้างนอกผมก็ได้กลิ่นเหม็นของเนื้อไหม้ เสียงร้องโหยหวนดังมาจากกองสีส้มนั้น จุนมยอนยืนจ้องกองไฟสีส้มสวยนิ่ง ในมือของเขาถือขวดอะไรบางอย่างอยู่ ชานยอลนอนหลับอยู่ที่พื้นทรายส่วนลู่หานนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆชานยอล เขาเอามือปิดปากแล้วส่ายหน้าไปมา


    ผมรีบวิ่งเข้าไปเหวี่ยงจุนมยอนลงพื้น ร่างในกองไฟบิดเร่าด้วยความเจ็บปวดทรมานที่เปลวไฟโลมเลีย ผมถอดเสื้อออกแล้วตบลงบนเปลวไฟหวังให้มันดับ แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน ร่างนั้นแน่นิ่งไป เหลือเพียงแต่กลิ่นเหม็นของเนื้อไหม้อบอวลไปทั่วบริเวณ


    “ทำอย่างนี้ทำไม! ทำทำไม!?

    ผมหันไปตะโกนใส่จุนมยอนที่มองเปลวไฟด้วยสีหน้านิ่ง เขามองผมด้วยแววตาเรียบเฉย















    “..............มันจบแล้วแบคฮยอน มันจบแล้ว”



    ผมกระชากเสื้อเขาขึ้นมาแล้วต่อยไปหมัดหนึ่งเต็มๆ จุนมยอนล้มลงไปคลุกกับทราย เขาไม่ได้ตอบโต้และยังปล่อยให้ผมชกเขาไม่ยั้ง

    “พอแล้วๆ”

    ลู่หานคว้าผมกลับไป จุนมยอนใช้หลังมือปาดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก เขาเอาลิ้นดุนกระพุงแก้มไปมาแล้วกลั้วหัวเราะ




    “พอเหรอ? คำว่าพอมันไม่เหมาะสำหรับคนอย่างเขาหรอก เขาฆ่าคนนะ!” ผมตะโกนตอบลู่หานด้วยความโกรธ จุนมยอนกลั้วหัวเราะเบาๆแล้วถ่มเลือดปนน้ำลายลงพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม



    “แล้วไอ้นี่มันไม่ฆ่าคนเหรอไง! เยจิน ครูแทยอน แทมิน จงแด จื่อเทา ไหนจะคยองซูอีกล่ะ เพื่อนรักนายไม่ใช่เหรอ ก็ไอ้นี่แหล่ะที่ฆ่าเขา จำไม่ได้เหรอไง!?



    สิ้นเสียงของจุนมยอนผมก็หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง หูอื้อไปหมด ชานยอลที่พึ่งจะตื่นก็ร้องลั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จุนมยอนและลู่หานอาสาจัดการกับศพของมินซอกเอง ผมพาร่างที่อ่อนแรงของตัวเองกลับมาฝังอยู่ที่เตียง ชานยอลเดินตามผมมาเงียบๆ


    เมื่อฟ้าเริ่มสางผมก็ออกมาข้างนอกอีกรอบ จุนมยอนกับลู่หานกำลังกลบดินอยู่บริเวณที่ฝังศพขนาดย่อม ชานยอลเดินตามผมมาเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร


    “นายคิดว่าการที่เราทำอย่างนี้มันถูกหรือเปล่า?”


    ผมพูดขึ้นระหว่างยืนดูจุนมยอนกับลู่หานฝังศพมินซอก ชานยอลไม่ได้ตอบกลับมา เขาเงียบเหมือนคนไม่มีตัวตน เหมือนคนเป็นใบ้ ผมเหลือบตามองเขา เขาดูเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นและมันก็ไม่เหมาะกับคนอย่างเขาเอาเสียเลย ผมกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งและอาบน้ำ ผมรู้สึกยังเจ็บข้อเท้าอยู่ แผลที่เป็นรอยยาวนั้นเริ่มมีหนองสีขาวขุ่นขึ้นบริเวณรอบๆแผล ผมเบะปากด้วยความขยะแขยงก่อนจะรีบแต่งตัวลงมาข้างล่าง ผมหยิบกล่องปฐมพยาบาลในตู้ยามาแล้วค้นหาอุปกรณ์ล้างแผล แล้วมันควรใช้ยังไงเนี่ย?



    “ทำแผลเหรอ?”



    ลู่หานเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ผมพยักหน้าให้เขา ลู่หานมองแผลผมก่อนจะทำหน้าขยะแขยงเช่นกัน โอเค ผมเข้าใจแล้วว่ามันน่าขยะแขยงจริงๆ ลู่หานดึงกล่องยาเข้าไปหาตัว เขาหยิบอุปกรณ์ล้างแผลขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว เขายกขาข้างที่เป็นแผลของผมขึ้นไปวางตักเขาแล้วลงมือทำแผลลู่หานใช้น้ำยาอะไรสักอย่างเช็ดบนแผลผม หนองถูกกัดออกไปจนหมด มันกลายเป็นฟองและดูดหนองออกหมดเลยโดยที่ผมไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็ล้างแผลตามปกติแล้วใช้ผ้าพันแผลปิดแผลไว้



    “คราวนี้เราก็ควรติดต่อคนข้างนอกได้แล้ว”


    จุนมยอนพูดขึ้น พวกเราร้องเฮกันโดยลืมความเศร้าทั้งหมด ชานยอลรีบเดินเข้าไปในห้องหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาตำรวจทันที แต่สักพักสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากเริงร่าเป็นเรียบเฉยและซีดเผือด

    “มันยังโทรไม่ติด...เหมือนเดิม”

    พวกเราจิตตกกันอีกครั้ง อะไรกัน? มินซอกก็ตายไปแล้ว หมาป่าตายไปแล้ว อะไรทุกอย่างที่มันสะกดหรือทำอะไรไว้มันก็ควรตายไปกับมันแล้วสิ


    “นี่มันอะไรกัน? อะไร!?


    ลู่หานพูดขึ้นด้วยความโมโห จุนมยอนปามือถือใส่โซฟาแล้วนั่งลงกุมขมับ ผมเองก็ไม่ต่างไปจากทุกคน ผมทรุดตัวลงนั่งกับโซฟา ชานยอลเองก็ยืนเงียบและมองคนอื่นทีละคน


    “หรือว่ามินซอกจะไม่ใช่หมาป่าตัวจริง...?”

    “มันนั่นแหล่ะหมาป่า!!!


    จุนมยอนพูดขึ้นทันทีที่ชานยอลพูดจบ ลู่หานยกมือขึ้นห้ามชานยอลและจุนมยอน ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังค้างคาใจผม...หมาป่ามีกี่ตัวกันแน่!


    เราพยายามต่อสายเรื่อยๆ ตาก็โทรหาใครไม่ติด ทุกคนปิดเครื่องหมด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เรานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมจนสาย










    “ฉันคิดว่าฉันคงเข้าใจผิด...”

    ลู่หานพูดขึ้นเบาๆ เขาก้มหน้ามองพื้นด้วยความรู้สึกผิด เรามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ลู่หานยกมือขึ้นพนมแล้วถูไปมา


    “ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ มินซอกทำร้ายฉันจริงๆนะ แต่เขาไม่ได้มาในรูปของหมาป่า แต่ฉันคิดว่าเขาต้องใช่แน่ๆ ขอโทษ...”

    ผมมองหน้าจุนมยอน เขาเงียบและสงบมาก

    “ไม่หรอก มินซอกนั่นแหล่ะที่เป็น เขาเป็นคนเปิดเผยตัวเองและสิ่งที่เขาทำมันก็บ่งบอกได้ดี”

    ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผลของจุนมยอน มินซอกขังคยองซูล็อคประตูบ้านตอนปล่อยให้เซฮุนเข้ามาทำร้ายพวกเรา เอามีดไปซ่อน และยังเปิดเผยตัวเองว่าเป็นหมาป่าอีก เขาเป็นหมาป่านั่นแหล่ะถูกแล้ว


    “งั้นแสดงว่าหมาป่าไม่ได้มีตัวเดียว...”

    “แล้วนายคิดว่าใครล่ะที่เป็นหมาป่า” ลู่หานมองจุนมยอนแล้วถามคำถาม ใจของผมจดจ่ออยู่กับคำพูดของจุนมยอน

    “หนึ่งในคนที่ไม่ได้อยู่กับเราในตอนนี้...”


    ผมเรียบเรียงชื่อคนที่หายตัวไปในสมอง ลู่หานและชานยอลเองก็นับนิ้วเช่นกัน ผมเองก็ยกมือขึ้นมานับนิ้วบ้าง

    “อย่าบอกนะว่า...”

    จุนมยอนยิ้ม ตาของเขามองไปที่หน้าต่างที่หันไปทางป่า


    “คริส จงอิน เลย์ ไม่ใครก็ใครคนใดคนหนึ่งในนั้นนั่นแหล่ะ...เป็นหมาป่าตัวจริง

     

    ***

     

    ผมเดินไปรอบๆหาดเพื่อหาทางออก เรามาที่นี่นานเกินสัปดาห์จนผมสงสัยว่าจะไม่มีใครสักคนรู้สึกสะกิดใจแล้วมาช่วยเราเลยหรือยังไง แล้วทางออกของเกาะนี่มันอยู่ตรงไหนกัน ผมเดินเตะทรายมาเรื่อยๆจนเจออะไรบางอย่าง...ขาของใครบางคนที่ห้อยลงมาจากต้นไม้

    ผมพยายามมองขึ้นไป แต่มองจากสีผิวแล้วก็รู้ว่าเขาคือจงอิน เขานั่งอยู่บนง่ามไม้และกำลังผล็อยหลับ ทำไมเขาถึงไม่เข้าไปหาพวกเราล่ะทั้งๆที่ตรงที่เขานอนนั้นไม่ได้ห่างจากพวกผมเลย


    หรือเขาจะเป็นหมาป่า!!


    ผมถอยหลังแล้วรีบออกวิ่งทันที ผมวิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับมาที่บ้านพัก ทุกคนไม่ได้สนใจผมและผมก็ตัดสินใจจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะผมเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่จากที่ฟังจุนมยอนพูด ผมคิดว่าถ้าเขาเห็นจงอินเขาต้องทำกับจงอินแบบที่ทำกับมินซอกแน่


    ตกบ่ายผมก็ลองย้อนกลับไปที่ต้นไม้นั่นอีกครั้งโดยไม่ลืมที่จะเอาช้อนแหลมไปด้วย แต่เมื่อไปถึงจงอินก็ไมได้อยู่บนต้นไม้นั่นแล้ว!

    ซวบ!

    จู่ๆมือหนึ่งก็ปิดปากผมจากด้านหลัง ผมชูของแหลมในมือขึ้นโดยสัญชาตญาณ

    “เดี๋ยวๆ แค่นี้ก็จะแทงกันตายเลยเหรอ?”


    มือหนาปล่อยผมเป็นอิสระ เมื่อผมหันกลับไปก็เป็นจงอินอย่างที่คิดไว้ เขาดูอิดโรยและอายุเกินวัย เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวแล้วพยายามยิ้มออกมา ดูเหมือนเขาจะไม่สบายเพราะปากของเขาซีดเผือดและแห้งผาก


    “นะ..นายเป็นอะไร?”


    จงอินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทราย เขาเอามือกุมไหล่ด้านขวา เขายกมือข้างขวาขึ้นมาเสยผมแล้วทิ้งตัวนอนลงไป


    “ฉันโดนมันทำร้ายมานะสิ ง่ายๆเลย”


    ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขาแล้วเอื้อมมือไปถลกแขนเสื้อเขาเพื่อดูแผลที่ไหล่ขวา แต่เขาปัดมือผมทิ้งแล้วทำหน้าดุใส่


    “อย่านะ! กลับไปหาเพื่อนๆนายเถอะ แล้วอย่าคิดจะชวนฉันเข้ากลุ่มนะ”


    ผมรู้สึกหน้าเสียที่ถูกไล่ แต่จงอินก็ดูเหมือนจะไม่ชอบขี้หน้าผมแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว...เขานะเหมือนจะคบกับแทมินอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ชอบมาเกาะแกะกับคยองซูจนผมทนไม่ไหวปรามเขาไปหลายครั้ง เขาย้ายโรงเรียนมาเพราะเรื่องไม่ดีแถมยังจะมาทำให้เพื่อนทะเลาะกันอีก นิสัยแย่จริงๆ


    “คนจะช่วยยังจะมาวางฟอร์มอีก”

    “...ไม่เคยต้องการความช่วยเหลือจากใคร”


    จงอินเบือนหน้าหนี ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่รู้สึกว่าเขาเป็นหมาป่าเลยสักนิด จงอินลุกขึ้นนั่งชันเข่าแล้วไม่ได้พูดอะไรกับผมอีก ผมนั่งลงข้างๆเขา จงอินขยับหนีนิดหน่อย

    “คยองซูเป็นไงบ้าง?” จงอินถามขึ้น ผมรู้สึกตัวเย็นวูบวาบ ปากแห้งผาก ต่อมผลิตน้ำลายหยุดทำงาน ผมควรจะตอบเขายังไงดีล่ะว่าคยองซูนะตายไปแล้ว




    “....เขาไม่อยู่แล้ว”

    จงอินหันมามองผมทันที เขาเอื้อมมือมาเขย่าไหล่ผม

    “นายปล่อยให้เขาตายได้ยังไง! เป็นเพื่อนกันประสาอะไร นายทำไมไม่ปกป้องเขา!!

    ผมผลักจงอินออกไป เขามองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง เขาจะก้าวเข้ามาหาผมอีกครั้งแต่ผชูของแหลมในมือขึ้นใส่เขาก่อน จงอินหยุดชะงัก


    “ฉันไม่ได้อยากให้เขาตายเลยสักนิด! มันเป็นความผิดฉันจริงๆ ฉันขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอ...โทษ...”


    จงอินเอามือกุมขมับ เขาหันไปด้านข้างแล้วเตะทรายระบายอารมณ์

    “เขาตายยังไง?”

    ผมมองตาจงอินเพื่อเดาอารมณ์ สายตาเขาดูสับสน เขาใช้ลิ้นดุนกระพุงแก้มไปมาแล้วกรอกตาขึ้นลงรอคำตอบ


    “...ถูกขังไว้ในตู้”

    “เวรเอ้ย!


    จงอินเตะทรายอีกรอบ เขาเดินเข้ามาซัดหมัดใส่หน้าผม น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาเองเพราะความเจ็บที่โหนกแก้มผม ผมเซตามแรงต่อยมาหลายก้าว ช้อนกระเด็นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ จงอินเดินตามเข้ามาต่อยอีกรอบที่โหนกแก้มอีกข้าง คราวนี้ผมล้มลงและจงอินก็ก้าวเข้ามาจะต่อยผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมหลบทันและสวนเขาไปอีกหมัด ตามด้วยอีกหมัด และก็รู้สึกเหมือนข้อมือซ่น จงอินล้มลงกองกับพื้น ผมเองก็หมดแรง ทั้งเจ็บที่หน้าและมือ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมต่อยคนอื่นนอกจากการเล่นฮับกิโด



    “ขอสารภาพตรงนี้เลยละกันนะ...เรื่องแทมินกับคยองซูน่ะ”



    ผมมองจงอินที่ยังคงปล่อยให้ตัวเองนอนบนพื้นทราย เขามีเลือดซึมออกจากมุมปากเล็กน้อย ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเองทิ้งก่อนที่เขาจะเห็นแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา




    “ฉันไม่เคยคิดจะจีบแทมินมาก่อนเลย...”

    “ไอ้เลว!



    ผมรีบปรี่เข้าไปกระชากเสื้อเขาแล้วต่อยเขาไปอีกหมัดหนึ่ง แต่จงอินไม่ขัดขืนหรือตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เขาปล่อยให้ผมต่อยเขาซะด้วยซ้ำ


    “ฟังก่อนดิวะ”

    ผมปล่อยเขาและนั่งสงบอารมณ์พยายามฟังให้จบ จงอินเช็ดเลือดที่มุมปากอีกครั้งแล้วเริ่มเล่าต่อ


    “แทมินกับฉันไม่เคยตกลงเป็นแฟนกัน เขาคิดไปเองทั้งนั้นแล้วก็ไปเล่าให้พวกนายฟัง แต่ที่จริงแล้ว...ฉันน่ะ ชอบคยองซูต่างหาก”


    ผมต่อยเขาไปอีกรอบหนึ่ง จงอินปล่อยให้ผมชกจนพอใจและผมเองก็เริ่มหมดแรงจึงหยุด แต่ระหว่างที่กำลังนั่งพักหายใจคำพูดหนึ่งของคยองซูก็ผุดขึ้นมา










    เพราะอย่างน้อยถ้าตายก็ได้ตายเพราะคนที่ฉันรัก...ฉันจะไม่หนีเด็ดขาด! ’






    ผมมองจงอินอีกครั้งด้วยความไม่อยากเชื่อ ไม่หรอก เขาไม่เหมือนเลยสักนิด ไม่ใช่เขาหรอก!

    “นายกับคยองซู...คบกันเหรอ?”

    ผมถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เท้าของผมเตรียมวิ่ง แผลที่ข้อเท้าเจ็บแปลบ จงอินยิ้มมุมปาก เขาก้มหน้ามองพื้นทราย

    “ไม่หรอก คยองซูไม่ได้ชอบฉัน เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

    ผมเผลอถอนหายใจออกมา รู้สึกโล่งใจที่จงอินไม่ใช่คนที่คยองซูชอบ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่คยองซูชอบอาจอยู่ในกลุ่มพวกเรา!



    “แล้วนายรู้ไหมว่าคยองซูชอบใคร?” จงอินยิ้ม แววตาของเขาเศร้าสร้อย

    “มันเป็นความลับระหว่างฉันกับคยองซู”


    จงอินยิ้มเบาๆ ผมต้องอดใจไม่ให้ต่อยเขาอีกยกด้วยการลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับบ้านพัก


    “หายไปไหนมาตั้งนาน?”



    ลู่หานทักผมขึ้น เขานั่งอยู่หน้าบ้านกับชานยอลสองคน รู้สึกว่าพักนี้สองคนนี้จะสนิทกันเป็นพิเศษ ชักจะสนิทกันเกินไปแล้วนะ ชานยอลมองผมแล้วหลบตา เขาเป็นอะไรอีกล่ะนั่น


    “ไปเดินเล่นมาน่ะ” ลู่หานยังคงมองผมเขม็ง เขามองที่หน้าและตามตัวผม

    “ดูเหมือนนายจะไปสู้กับอะไรมานะ ตัวนายเปื้อนทราย แถมเหมือนถูกใครชกมาด้วย นายไปเจออะไรมากันแน่?”


    ผมกลืนน้ำลายที่ฝืดคอแล้วพยายามหาข้ออ้างที่จะไม่ให้คนอื่นรู้ว่าจงอินอยู่ไม่ห่างจากเราเท่าไรนักเพราะเขาไม่ใช่หมาป่าแน่นอนและจุนมยอนก็อาจจะพลั้งฆ่าเขาอีก


    “ฉันไปนอนเล่นด้วยน่ะ ส่วนแผลนี่ฉันก็ล้มบ้างชนต้นไม้บ้างตามประสาคนซุ่มซ่ามเป็นธรรมดา แหะๆ”


    ผมเกาท้ายทอยแก้เก้อแต่ลู่หานก็ยังมองผมด้วยความสงสัยอยู่ดี ชานยอลมองผมหัวจรดเท้าบ้างแล้วขมวดคิ้วสงสัย


    “นายมีพิรุธนะ ตกลงนายไปเจออะไรมากันแน่?”

    “ไม่มีจริงๆ ฉันบอกนายด้วยความบริสุทธิ์ใจเลยนะ”

    ลู่หานมองผมอีกครั้ง แววตาของเขาทำให้ผมขนลุก สุดท้ายเขาก็หลบตาผมแล้วพูดอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ และผมก็ไม่ได้ยินที่เขาพูดแต่ชานยอลเบิกตาโพลง เขาดุลู่หานยกใหญ่จนลู่หานต้องเอ่ยปากขอโทษ จุนมยอนที่อยู่ในบ้านยืนมองพวกเรา ผมหลบตาเขาแล้วเดินเข้าบ้านไป



    ผมเผลอหลับไปอีกนาน ตอนที่ตื่นขึ้นมาลู่หานเป็นคนวิ่งเข้ามาปลุกผม ตาของเขาดูหวาดกลัว แน่นอนมันต้องมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นอีกแน่ ผมรีบสวมแว่นแล้ววิ่งตามลู่หานออกไป ลู่หานวิ่งนำไปตามหาดทราย และผมก็ใจแป้วทันทีเพราะทางที่ลู่หานวิ่งนำไปคือทางที่จงอินซ่อนตัวอยู่!


    แค่มองจากที่ไกลๆ ผมก็รู้แล้วว่าจุนมยอนหาเขาเจอจนได้ จุนมยอนกำลังใช้ไม้ท่อนใหญ่ทุบจงอินที่นอนขดอยู่กับพื้น ชานยอลยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้าพลางร้องตะโกนโหวกเหวกขอให้จุนมยอนหยุด ผมรีบวิ่งเข้าไปให้เร็วที่สุด ผมคว้าตัวจุนมยอนออกมาแล้วเหวี่ยงเขาลงพื้น


    “ทำอะไร? ตีเขาทำไม? เขาไม่ได้เป็นไอ้ตัวบ้านั่นสักหน่อย!

    จุนมยอนที่ท่าทางจะโดนเล่นงานหนักไม่ใช่ย่อยลุกขึ้นมา เขาทิ้งไม้นั่นลงพื้นแล้วเดินเข้าไปกระชากจงอินที่นอนขดตัวด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา เขาถลกแขนเสื้อข้างขวาของจงอินขึ้น แล้วชี้ที่แผลเหวอะหวะให้ดู


    “เห็นนี่ไหม? นี่แหละเหตุผลที่ฉันต้องฆ่าเขา”

    ผมมองไปที่แผลเหวอะหวะบนแขนขวาของจงอิน แผลนั่นเป็นรอยบางอย่างที่ผมเคยเห็นมาก่อนบนตัวของเซฮุน




    “รอยกัด...”





    จุนมยอนผลักจงอินลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง จงอินไม่ลืมตาแล้ว แต่เขายังไม่ตายผมจับชีพจรที่ข้อมือของเขาดู ชีพจรเขายังคงเต้นอยู่แม้มันจะแผ่วลงแล้วก็ตาม ผมตบแก้มเขาเบาๆ




    “จงอิน...จงอินตื่นสิ”

    “ไม่ต้องปลุกมัน อยากให้มันเป็นแบบเซฮุนอีกหรือไง?”


    ผมถูกจุนมยอนกระชากออกจากจงอิน ผมเห็นจงอินปรือตาขึ้นมามองเล็กน้อย ตาหรี่เล็กของเขามองเห็นผม เขามองผมด้วยแววตาเศร้าหมอง มือของเขาชี้ไปที่แต่ละคน และสุดท้ายเขาก็ชี้มาที่ผม!



    ผมพยายามจะเข้าไปช่วยชีวิตเขาด้วยการปั๊มหัวใจแต่จุนมยอนสั่งให้ลู่หานจับตัวผมไว้ และลู่หานก็ทำตามอย่างว่าง่าย


    “ปล่อยฉันนะลู่หาน เขากำลังฆ่าคนอยู่นะ!

    “ฉันเองก็กลัวตายเหมือนกันแบคฮยอน ขอโทษนะ” ลู่หานล็อกแขนผมแน่น ชานยอลที่ยืนอยู่ตรงข้ามวิ่งตรงมาและผลักลู่หานออกจากผม


    “อย่าทำแบคฮยอนนี่นะ!


    ลู่หานหลบหน้าชานยอล เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และชานยอลก็บังผมจากลู่หานไว้ สายตาของเขาแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมรีบวิ่งเข้าไปช่วยจงอิน แต่จุนมยอนกระชากผมไปแล้วเราก็ต่อยกันอย่างที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้น ผมกับจุนมยอนแลกหมัดกันสักพักจนมือผมเริ่มระบม เสียงชานยอลกับลู่หานก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากเรา



    เมื่อผมหันไปมอง จงอินก็กำลังลุกขึ้น สามสิบวินาทีแรกผมรู้สึกดีใจที่เขายังพอมีแรงลุกขึ้นได้ แต่หลังจากนั้นผมก็รู้ว่าเขาจะไม่ใช่จงอินคนเดิมอีกต่อไป...ตาของเขาเป็นสีขาวโพลน


    “เขาเป็นแบบเซฮุนแล้ว...”



    ชานยอลตะโกนขึ้นแล้วถอยออกห่างจงอินที่ตอนนี้เริ่มมีอาการเหมือนเซฮุนไม่มีผิด เขามีขนขึ้นตามร่างกาย เขาจิกมือลงที่พื้นทราย เวลาไม่กี่นาทีตัวของเขาก็เต็มไปด้วยขนปกคลุมทั่วร่างกาย ตัวจงอินสั่นไม่หยุด เสียงครางขู่ดังขึ้นในลำคอ เขาคลานอย่างรวดเร็วไปหาลู่หานแล้วกระโจนเข้าใส่



    “ออกไปนะ! ช่วยฉันที”



    ลู่หานกรีดร้องออกมา ทุกคนช็อกจนไม่มีใครขยับ ผมหยิบไม้ที่จุนมยอนใช้ตีเขาทีแรกวิ่งเข้าไปแล้วฟาดลงที่หลังเขาอย่างแรง เขาหันมาทางผมและลู่หานก็หนีออกไปได้ เขาคลานช้าๆเข้ามาหาผม


    “ทำอะไรบ้างสิ!


    ผมตะโกนออกไปขณะที่กำลังจ้องตากับจงอินในร่างของตัวประหลาด คนอื่นลนลานและไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี

    “ช้อน! เอาช้อนมา”

    จุนมยอนตะโกน มีเพียงเขาและชานยอลเท่านั้นที่วิ่งจ้าละหวั่น ส่วนลู่หานเป็นลมล้มพับไปแล้ว จงอินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ เขาคงจำผมไม่ได้แล้ว เขาคงลืมความเป็นมนุษย์ไปแล้ว...


    ฉึก!


    เสียงร้องโหยหวนของจงอินดังขึ้น เขาหอนเสียงดังและน่าขนลุกที่สุด ร่างของเขาฟุบลงกับทรายและแน่นิ่งไป เมื่อเขาไปดูใกล้ๆก็รู้ว่าจงอินตายสนิทแล้ว



    ทำไมมันง่ายจัง?



    “ได้ผลจริงๆด้วย หมาป่ามันจะตายถ้าโดนโลหะหรือเงินแทง”

    ผมพูดขึ้นเบาๆ จงอินค่อยๆกลับสู่สภาพเดิม นี่เป็นอีกศพสินะที่เราจะต้องฝัง ผมนั่งมองจงอินที่เปลือกตาปิดสนิท ผิวของเขายามต้องแสงแดดมันส่องเป็นประกายระยิบ เขาจากไปพร้อมกับความลับ...


    ตอนนี้หลุมฝังศพเรียงรายกันจนน่ากลัว มันกลายเป็นสุสานขนาดย่อมได้เลย ผมขนลุกกับความคิดแปลกๆของตัวเอง ชานยอลเป็นคนขุดหลุม แล้วเราก็ฝังจงอินลงไปอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เราเอาก้อนหินมาทับหลุมของเขาไว้



    “แสดงว่าที่เราคิดไว้ก็ถูกสินะ” จุนมยอนพูดขึ้น เรามองไปที่จุนมยอนแล้วหยุดเดินเพื่อฟังเขา


    “ถ้าถูกหมาป่ากัดและยังไม่ตายในทันทีเราจะเป็นหมาป่า”

    “แสดงว่าตอนนั้นเซฮุนยังไม่ตายเลยใช่ไหม?” ชานยอลถามขึ้น จุนมยอนก็เงียบไปอีกครั้ง แล้วเขาก็พยักหน้า


    “น่าจะใช่ ก็ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่เห็น” จุนมยอนอารมณ์เสีย เขามองพวกเราเหมือนเราจ้องจะจับผิดเขา สายตาของเขาหวาดระแวง

    “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น และฉันก็ไม่ได้โกหก เข้าใจไหม?” พูดจบจุนมยอนก็ถอยหลังออกห่างพวกเรา แล้ววิ่งเข้าบ้านไป เขาพูดเหมือนเขารู้อะไรอีกแล้ว...

     

    ***

     

     

    “ขอโทษอีกครั้งนะ...”

    ลู่หานเดินมานั่งข้างๆผม เขายิ้มแห้งๆก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เก้อ


    “ขอโทษเรื่องอะไร?”

    ลู่หานเงียบไป เขาก้มหน้างุดแล้วใช้มือลูบตะเข็บกางเกงไปมา เสียงของเขาเบาเสียจนผมต้องเงี่ยหูฟัง



    “ก็เรื่องมินซอก...ฉันคิดว่าเราเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”


    ผมรู้สึกตัวชาและหูอื้อขึ้นมาทันทีที่เข้าใจเรื่องที่ลู่หานต้องการจะสื่อถึง ถ้าเรื่องมินซอกเป็นเรื่องเข้าใจผิดไม่ว่าด้วยกรณีใดๆก็ตามแสดงว่าเขาตายเปล่า...ผมหายใจไม่ออกเพราะเผลอกลั้นหายใจเมื่อคิดถึงเรื่องดังกล่าว ตัวผมเริ่มสั่นและเสียงสะอึกสะอื้นก็ออกมาจากปาก



    “เราฆ่าเขาเพราะเข้าใจผิดงั้นเหรอ...เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เราฆ่าเขาทำไม?”


    ลู่หานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขายกมือขึ้นถูกันไปมาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างล่าง เขาก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาผม ไหล่ของเขาสั่นไหว


    “ฉันคิดว่ามินซอกอาจจะไม่ได้เป็นหมาป่า เขาแค่อยากเอาคืนที่เราบางคนเคยแกล้งเขา นั่นมันอาจจะเป็นแค่ความแค้นส่วนตัวก็ได้”


    “ไม่หรอก! เขานั่นแหละหมาป่า! เขาตายไปแล้วแต่มันยังมีหมาป่าอีกตัว” ลู่หานเงยหน้าขึ้นมองผม เขาส่ายหน้าและรีบพูดขึ้น

    “มินซอกไม่ใช่หมาป่า และหมาป่ามีตัวเดียว!

    “ไม่จริง! หมาป่ามีสองตัว ตัวหนึ่งตาสีทองกับอีกตัวตาสีแดง!

    ลู่หานส่ายหน้า เขาขมวดคิ้ว ตอนนี้กลายเป็นว่าเราทั้งคู่กำลังตะคอกใส่กัน ไม่สิ! ผมคนเดียวต่างหาก!




    “หมาป่ามีตัวเดียวคือคริส!



    “ว่าไงนะ...เขาช่วยชีวิตนายนะ ถ้าเขาเป็นหมาป่าจริงๆ เขาคงฆ่านายไปแล้ว คงไม่พานายไปให้เขาลำบากหรอก” ลู่หานส่ายหน้า สีหน้าของเขาดูกล้ำกลืน ตาที่แดงก่ำเพราะกำลังกลั้นน้ำตาของเขามองมาที่ผม







    “ทุกครั้งที่ไอ้หมานั่นมาทำร้ายฉัน คริสจะไม่อยู่ แต่พอเขากลับมา หมาป่าก็ไม่เคยโผล่มาเลยสักครั้ง แม้แต่เสียงที่ไม่ได้ยิน ส่วนเรื่องที่เขาพาฉันไปด้วยนั้นฉันก็ไม่รู้ แต่คราวนี้ฉันมั่นใจว่าจริงๆแล้วคริสคือหมาป่า”





    ผมมองลู่หาน เขาดูไม่เหมือนคนโกหก ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นความคิดของเขาจริงๆ เขามองผมด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังว่าผมจะเชื่อเขา...แต่ผมก็กลัวเขาพลาดอีก ผมจะไม่เชื่อเขาอีกแล้ว

    “นายเคยบอกฉันว่ามินซอกทำร้ายนาย...”

    “มินซอกมาในรูปแบบของคนตลอด ฉันเลยคิดว่ามินซอกเป็นหมาป่าแน่ๆ แต่ลืมคิดเรื่องของคริสไป...ฉันผิดจริงๆ”




    ผมมองไปที่ข้างนอกอีกครั้ง จุนมยอนนั่งอยู่ข้างๆหลุมศพจงแด เขากำลังปักดอกเดฟโฟดิลรอบๆหลุมศพ ถ้าจุนมยอนอยู่ตรงนี้และได้ยินเรื่องพวกนั้นเขาต้องบีบคอลู่หานตายคามือไปแล้วแน่ๆ


    “เชื่อฉันสักครั้ง...แล้วคราวนี้เรื่องทุกอย่างจะจบ..นะ”


    ผมหันกลับมามองลู่หานอีกครั้ง สายตาอ้อนวอนของเขาทำให้ผมต้องรีบปฏิเสธก่อนที่จะใจอ่อน พอกันทีกับคนคนนี้...











    ไม่มีครั้งที่สองสำหรับใครหรอกลู่หาน

     

    [Baekhyun]

     

    หวัดดีอ่ะวัยรุ่น ยิ่งแต่งก็ยิ่งยาวอ่ะ 5555

    CHAPTER 1 นี่ 1,656 ตัวอักษรเองนะ

    แล้วก็เพิ่มเรื่อยๆๆๆๆๆ จนตอนล่าสุดนี่ 5,401 ตัวอักษร #fantasticbaby

    รู้สึกเหมือนคนอ่านหายๆเนอะ ก็เข้าใจนะ ;___;

    ก่อนฟิคจบก็อยากได้สัก 1,000 เม้นไง

    ทุกครั้งที่เริ่มท้อก็จะคิดว่า ทุ่มเทกับมันมากเกินไปหรือเปล่านะ

    จนไม่อยากแต่งต่อเลย ใครที่หลบๆอยู่ออกมาเถอะค่ะ

    เหนื่อยมากๆ จนไม่อยากทำอะไรแล้วทุกอย่างตีปนกันไปหมด

    ว่าจะไม่ทอล์กยาวล่ะ ไปล่ะ จุ้บปริ๊

    My twitter @SuperJONGin

    Twitter & facebook tag :: #ficThatWolf

    thanks'  @SSChaNom

     
    Ha.ha

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×