ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
จิวอวงยี้ ตีนแมวเทวดา

ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 16.1

  • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 49


จิวอวงยี้ ตอนที่ 16

           

            ท้องฟ้าเริ่มรุ่งสาง อรุโณทัยเริ่มฉายแสง หากแต่จิวอวงยี้ยังคงแบกพยุงร่างลู่ซุนก้าวทยานไปข้างหน้าโดยมิได้หยุดพัก คนหนึ่งอ่อนล้า คนหนึ่งสาหัสปางตาย แต่ทั้งสองกลับไม่อาจผ่อนปรนฝีเท้าให้เชื่องช้าแม้เพียงก้าวเดียว ยามใดที่จิวอวงยี้คิดหมายหยุดพักผ่อนเอาแรงหรือคิดพักรักษาพยาบาลลู่ซุนให้บรรเทา เสียงขลุ่ยจักต้องแว่วมาให้ได้ยินรบกวนประสาทอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าสตรีชาวเปอร์เซียผู้นั้นยังคงเฝ้าติดตามอยู่ไม่ห่าง

            จวบจนตัดผ่านข้ามเขาลูกหนึ่ง ทอดตาไปยังเบื่องหน้าเห็นเป็นบึงใหญ่ขวางทางไว้ บึงนี้กล่าวไปประหลาดนักระดับน้ำตื่นเขินอย่างยิ่งแทบแนบชิดผิวดินใต้น้ำ อีกทั้งผิวดินยังมีลักษณะเป็นดินเลนสีดำสนิท และเป็นเช่นนี้ตลอดสุดสายตา จิวอวงยี้ทดลองนำกิ่งไม้วัดระดับความลึก กลับพบว่าเวิ้งว้างไร้ขอบเขต ถึงกลับอุทานพึมพำ หากมีผู้ใดพลั้งตกลงไป ไยไม่ใช่ถูกเลนดำนี้กลืนกินจนมิดหาย เมื่อไม่อาจหาทางข้ามไปได้ ได้แต่ตัดใจนำพาลู่ซุนลัดเลาะไปตามริมบึงหวังพบพานไต่ถามผู้คนถึงเส้นทาง

            เพียงไม่นานพลันพานพบบ้านชาวบ้านปลูกโดดเดี่ยวอยู่ไม่ห่างจากริมบึงเท่าไร ตนเองทั้งอ่อนล้าโรยแรง อีกทั้งร่างกายลู่ซุนเย็นยะเยียบสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง หากไม่หาที่พักรักษาบรรเทาอาการไม่แน่ว่าไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ จิวอวงยี้จำต้องกู่ร้องเรียกคนในบ้านเอ่ยปากขอพักพิง ไม่คาดว่าชาวบ้านสองผัวเมียพอเปิดประตูออกมาเห็นหญิงสาวในชุดบุรุษท่าทางซัดเซอดโซ อีกทั้งยังพยุงหามบุรุษอาการปางตาย เข้าใจว่าเป็นชาวยุทธจักรหลบลี้หนีภัยมา มันไม่อยากแส่หาความเดือดร้อน จึงปิดประตูตะโกนขับไล่ให้ไปยังที่อื่น จิวอวงยี้ร้อนใจในอาการของลู่ซุนอีกทั้งยังโดนขับไล่ราวสุนัขสุกรสร้างความเดือดดาลอย่างยิ่ง พลันใช้เท้าถีบพังประตูโถมเข้าไปในบ้าน ลงมือทุบตีทำร้าย  

            ผัวเมียทั้งสองต้องร่ำร้องอ้อนวอนขอชีวิต ลู่ซุนแม้สมองอื้ออึงตาพร่าพรายด้วยฤทธิสัตว์พิษแต่ยังพอรับรู้เรื่องราว เห็นจิวอวงยี้ลงมือทำร้ายคนต้องเค้นเสียงร้องห้ามอย่างยากเย็น

"เซียวโกวเนี้ย อย่าได้ทำร้ายผู้คน หากสองท่านนี้มิเต็มใจให้เราพัก ยังคงไปยังที่อื่นเถอะ"

พอกล่าวจบก็แทบจะทรุดลงกับพื้น ไม่อาจพยุงตัวไว้ได้ จิวอวงยี้ต้องรีบเข้าไปโอบประคองไว้ ลู่ซุนกลับยังคงกล่าววาจาอย่าทำร้ายคนราวกับพ่ำเพ้อ จิวอวงยี้กริ่งเกรงมันเกินความไม่สบายใจพาอาการทรุดหนัก จึงไม่อาจลงมือทำร้ายต่อคนทั้งสอง พลันลวงสิ่งมีค่าในตัวที่มีวางลงบนโต๊ะ กล่าวน้ำเสียงกราดเกรี้ยว

"พวกเจ้านำสิ่งของเหล่านี้ไป ถือว่าเราซื้อบ้านนี้ต่อพวกเจ้า"

สองผัวเมียความจริงคิดว่าต้องตายเป็นแน่แล้ว กลับได้รับการไว้ชีวิตอีกทั้งยังได้ของมีค่าติดตัวต้องรีบก้มลงคุกเข่ากราบกราน ขอบคุณไม่ขาดปาก ก่อนจะรีบหยิบข้าวของจากไปอย่างเร่งรีบ

            จิวอวงยี้รีบปิดประตู หน้าต่างลงกลอนแน่นหนา จัดแจงหาวิธีบรรเทาพิษให้มันอย่างเร่งรีบ  วิชาพิษที่นางร่ำเรียนมาล้วนถูกนำมาหาทางแก้พิษให้กับมัน แต่นางสามารถทำได้แค่เพียงประคองชีวิตของมันให้ยืดยาวออกไปเพียงเท่านั้น กลับไม่สามารถขับพิษของมันออกมาได้ มันไม่เพียงโดนพิษร้ายแรงหลายชนิด อีกทั้งยามโดนพิษยังโคจรพลังวัตรอย่างหักโหม เป็นเหตุให้พิษแล่นจู่โจมชีพจรทั่วร่างกาย ยากแก่การถอดถอน ดีที่มันมีพลังวัตรกล้าแข็งจึงไม่เสียชีวิตในบัดดล คาดเดาว่าผู้ที่สามารถขับพิษให้มันได้ในโลกนี้คงมีเพียงซาซือแป๋ของตนเท่านั้น แต่หุบเขาสิ้นชีพยามนี้อยู่ห่างไกลนัก ไหนเลยไปได้ทันการณ์ มันอย่างมากก็มีชีวิตได้อีกเพียงเจ็ดวัน ครุ่นคิดถึงกลับทอดอาลัยน้ำตาหลั่งไหล กุมมือมันขนาบแก้มกล่าวอย่างท้อแท้สิ้นหวัง

"ตั่วกอ หากท่านตายข้าพเจ้าก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ ท่านต้องการพบจิวม่วยม่วย จิวม่วยม่วยของท่านอยู่ยังที่นี้แล้ว"

ลู่ซุนแม้สติเลือนลางแต่พอคำว่าจิวม่วยม่วยกระทบโสดประสาท ต้องพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น  เห็นเป็นดรุณีน้อยอายุแปดเก้าปี อาภรณ์สวยสดงดงาม ต้องร้องออกมาอย่างยินดี

"จิวม่วยม่วย จิวเสียวเจี๊ยเป็นท่านรึ ข้าพเจ้าพบท่านแล้ว ข้าพเจ้าตามหาท่านเนินนานปีในที่สุดก็ได้พบ อภัยต่อข้าพเจ้าที่ไม่อาจอยู่ปกป้องท่าน ปล่อยให้ท่านพลัดลงหายไป..."

จิวอวงยี้แย้มยิ้มทั้งน้ำตากล่าวว่า

"เป็นข้าพเจ้า อภัยที่ปิดบังท่าน ข้าพเจ้าทราบแล้วว่าท่านห่วงใยข้าพเจ้าเพียงใด ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่จากท่านไปไหนอีกแล้ว"

ลู่ซุนพลันร้อง เอ๊ะ ภาพดรุณีน้อยค่อยๆลางเลือนพร่าพราย ที่พบเห็นยามนี้กลับกลายเป็นหญิงสาวที่คุ้นตา ต้องกล่าวอย่างตกประหลาด

"ไม่ใช่ ท่านไม่ใช่จิวม่วยม่วย ท่านเป็นเซียวโกวเนี้ย จิวม่วยม่วยข้าพเจ้าไปยังที่ใดแล้ว"

จิวอวงยี้รับฟังอย่างแตกตื่น เห็นมันประกายตาแตกซ่านยังพร้ำเพ้อเรียกหาจิวม่วยม่วยอยู่อีกหลายคำ ที่แท้มันกลับพร่ำเพ้อไร้สติ ไม่ได้จดจำออกว่าตนคือจิวอวงยี้ ภายหลังมันจึงค่อยหมดสติไป จิวอวงยี้รู้สึกสะทกสะท้อนใจ ยามนี้แม้ว่าตนจะบอกความจริงว่าเป็นผู้ใด มันก็หาได้รับรู้ไม่

            เป็นเวลาหลายชั่วยามที่ลู่ซุนหลับไหลไม่ได้สติ จิวอวงยี้เฝ้าดูมิได้ห่าง แม้หิวโหยสาหัส จัดปรุงอาหารมารับประทาน กลับรับประทานได้เพียงครึ่งคำ ก็ไม่สามารถรับประทานได้อีก ภายหลังอ่อนล้าโรยแรงถึงกลับผลอยหลับไป

            เวลาผ่านไปเนินนานเท่าไรไม่อาจทราบได้ จิวอวงยี้พลันต้องสะดุ้งตื่นอย่างตระหนก โสดประสาทกลับได้ยินเสียงขลุ่ยขึ้นอีกครา ทราบดีว่าสตรีชาวเปอร์เซียผู้นั้นติดตามมาถึงแล้ว ที่แรกยังประหวั่นพรั่นพรึง แต่พอคิดถึงตั่วกอไม่อาจมีชีวิตรอด ตนเองก็ไม่อาลัยในชีวิต พลันตัดสินใจเสี่ยงชีวิตกับนางดูสักครา พลันเข้าไปยังห้องครัว นำน้ำมันปรุงอาหารสาดเทโดยรอบภายในบ้าน นำฟืนฟางสุมทับไว จัดแจงใช้แหตาข่ายดักปลามาทำกลไกลกับดักตามที่เคยเรียนรู้ในหมู่มิจฉาชีพ ในหมู่มิจฉาชีพมีวิธีทำกับดักหลุมพลางร้อยแปดประการจากสิ่งของใกล้ตัว นางคลุกคลีอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ตั้งแต่เยาว์วัยร่ำเรียนรู้มาไม่น้อย ยามนี้นับว่าไม่เสียเปล่า ขอเพียงหลอกล่อให้นางเข้ามาจะจัดการกับนางด้วยกับดักกลไกลเหล่านี้

            เสียงขลุ่ยยิ่งมายิ่งชัด ภายหลังหยุดชะงักเปลี่ยนเป็นเสียงหัวร่อสดใส กล่าวปนหัวร่อว่า

"หลานศิษย์เอ๋ย เจ้าใช่อยู่ไนนั้นหรือไม่ เรามาแล้วไฉนจึงไม่ออกมาน้อมคำนับ"

จิวอวงยี้เงียบงันไม่ส่งเสียง คอยสอดส่องมองผ่านช่องประตู เห็นสตรีชาวเปอร์เซียผู้นั้นยืนโดดเดี่ยวอยู่หน้าประตูห่างไกลออกไปไม่มาก ไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามา จะอย่างไรนางก็ชำชองในยุทธภพ เห็นประตูหน้าต่างปิดมิดชิด เงียบสงัด ย่อมไม่พลีพลาม ได้ยินนางกล่าวต่อไปว่า

"เจ้าไม่ส่งเสียง หรือเข้าใจว่า ซือโกวไม่ทราบว่าเจ้าอยู่ในนั้น ทางที่ดีออกมาพบซือโกวเจ้าสักครา"

จิวอวงยี้เห็นนางยังยืนเรียบเฉยไม่เข้าใกล้ตัวบ้านคล้ายระแวงการซุ่มซ่อนทำร้าย คิดหลอกล่อนางให้เข้ามา พลันร้องตอบออกไปว่า

"ท่านเมื่อมาถึงแล้ว ไฉนจึงไม่เข้ามา"

สตรีชาวเปอร์เซียเค้นยิ้มอย่างเท่าทัน กล่าวว่า

"เราเป็นถึงซือโกวเจ้า กลับเรียกเราเข้าไปพบ หลานศิษย์ผู้นี้ออกจะเสียมารยาทรไปแล้ว"

จิวอวงยี้กล่าวกับมาว่า

"ท่านอ้างตัวเป็นซือโกวข้าพเจ้ายึดถือข้าพเจ้าเป็นหลานศิษย์ ไฉนถึงได้ติดตามรังควานราวภูติผีมิได้ไปผุดไปเกิด หากท่านเป็นซือโกวข้าพเจ้า ก็เห็นแก่หน้าซือแป๋ข้าพเจ้าอย่าได้ติดตามรังควานแล้ว"

สตรีชาวเปอร์เซียหัวร่อร่วนร่า กล่าวว่า

"เห็นแก่หน้าซือแป๋เจ้านั้นไม่อาจทำได้ ต่อให้ซือแป๋เจ้ามาคุกเข่าอ้อนวอนก็ไม่อาจรับปาก ขอเพียงเจ้าคล้อยตามเรา ไม่เพียงรักษาชีวิตน้อยๆเอาไว้ได้ เรายังคิดรับเจ้าเข้าวังพิษเก้าฟ้าอีกด้วย"

จิวอวงยี้ฟังนางหลบหลู่ซือแป๋ตนต้องบังเกิดโทสะ นางอ้างว่าเป็นซือโกวของเรา ซาซือแป๋เราเท่ากับเป็นซือเจ้ของนาง ไฉนต้องให้ผู้เป็นซือเจ้มาคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นซือม่วย เช่นนี้ไยไม่ใช่เป็นการหลบหลู่ศักดิ์ศรีกันเกินไป แต่ต้องข่มเพลิงโทสะไว้กริ่งเกรงเสียแผนการ เห็นนางยังยืนเรียบเฉยไม่เข้าใกล้ตัวบ้าน จึงคิดถ่วงเวลาหาวิธี กล่าวเสียงราบเรียบออกไปว่า

"วังพิษเก้าฟ้า เป็นค่ายสำนักใด ซือแป๋ข้าพเจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับวังพิษเก้าฟ้า ท่านไฉนจึงคิดรับข้าพเจ้าเข้าวังพิษเก้าฟ้า ขอให้บ่งบอก"

สตรีชาวเปอร์เซียกล่าวเล่าว่า

"วังพิษเก้าฟ้า ยิ่งใหญ่เกรียงไกรในแถบเปอร์เซียตั่งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เจ้ากลับไม่เคยได้ยินมา นี่ไม่อาจโทษว่ากล่าว ซือแป๋เจ้านับว่าเป็นศิษย์ทรยศย่อมไม่กล่าวเล่าให้เจ้าฟัง พลังฝีมือที่เจ้าร่ำเรียนย่อมเป็นวิชาของวังพิษเก้าฟ้า เจ้านับว่าเป็นคนของวังพิษเก้าฟ้าแล้ว หากเจ้ายินยอมติดตามเรา เราย่อมยินยอมรับเจ้าเป็นศิษย์เข้าวังพิษเก้าฟ้า"

จิวอวงยี้พลันหัวเราเยาะแฝงแววเย้ยหยันกล่าวว่า

"เกรงว่านี้กลับไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงกระมัง ท่านลงมือลอบสังหารเอ็กเป่งไจ๋ ทั้งยังไล่ติดตามข้าพเจ้าไม่ลดล่ะ คงไม่ใช่เพียงแต่ต้องการตัวข้าพเจ้าเข้าวังพิษเก้าฟ้า ที่แท้ท่านต้องการสิ่งใด"

สตรีชาวเปอร์เซียต้องหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแย้มกล่าวว่า

"หลานศิษย์เรานับว่าชาญฉลาดอย่างยิ่ง เช่นนั้นเราจะไม่ปิดบัง บุรุษที่มากับเจ้านั้นเราทราบว่าเป็นมือปราบวังหลวง ระยะหลังองค์ไท่จือเสด็จมายังกังหนำมันเป็นผู้ให้การอารักขา ขอเพียงมันยอมนำพาไปพบองค์ไท่จือ ประกันว่าเราจะไถ่ถอนพิษให้กับมัน"

จิวอวงยี้ต้องตะหนกเล็กน้อย ที่แท้นางต้องการหาตัวเทียนอี้ ไม่ทราบว่านางมีเรื่องแค้นเคืองอันใดกับองค์ไท่จือ เช่นนี้ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเรา ขอเพียงนำพานางไปตั่วกอก็อาจมีทางรอด ไม่ทันที่จะเอ่ยปาก เสียงบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงพลันดังขึ้น

"ท่านติดตามหาองค์ไท่จือมีประสงค์สิ่งใด"

ที่แท้เสียงขลุ่ยไม่เพียงปลุกจิวอวงยี้ หากแต่ยังปลุกลู่ซุนให้ตื่นจากผวัง เพียงแต่ห้วงสมองยังมึนงงสะลึมสะลือ ได้ยินเสียงผู้คนสนทนา พยายามปลุกปลอบเรียกสติสดับฟัง จวบจนรับฟังถึงองค์ไท่จือก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ รวบรวมกำลังฝืนสู้พิษร้าย กล่าวเสียงออกมา

 

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture