ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #16 : ข้ามิได้ชอบท่าน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 16 ข้ามิได้ชอบท่าน

    มนตรารอไม่นานใต้เท้าฉู่ก็กลับมาพร้อมโฉนดที่ดินในมือ อีกทั้งเขายังแต่งตั้งให้ม่านอวี้เป็นผู้ใหญ่บ้านคนใหม่เรียบร้อยแล้ว

    เธอตัดสินใจแล้วว่าจะต้องคุยกับชายหนุ่มตรงหน้าให้รู้เรื่อง ชีวิตเธอเองยังวุ่นวายนัก ตอนนี้ไม่พร้อมจะรับใครเข้ามาในชีวิตหรอก อีกอย่างเขามีภรรยาอยู่แล้ว เธอยิ่งไม่ต้องการไปเป็นเมียน้อยหรือคนที่ทำให้ครอบครัวของผู้อื่นเขาแตกแยกกัน

    หญิงสาวพูดคุยกับบิดาและพี่ชายอธิบายชัดเจนว่า เธอไม่ได้มีใจให้ใต้เท้าฉู่จึงขอโอกาสให้เธอคุยปรับความเข้าใจกับเขาก่อน

    "ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ท่านยืนรออยู่ตรงนี้ข้าใช้เวลาไม่นาน"

    พูดจบหญิงสาวก็เดินไปหาชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าเรือนตามที่หญิงสาวร้องขอเอาไว้ก่อนหน้า

    "ใต้เท้าฉู่ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องรอ"

    ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ คิดว่าหญิงสาวจะสารภาพรักกับตนจึงตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ

    "ไม่เป็นไร..แม่นางมีเรื่องอะไรจะคุยกับข้าหรือ"

    มนตราไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เธอเข้าประเด็นทันทีระหว่างที่พูดก็คอยสบตากับฝ่ายตรงข้ามเสมอ เพื่อให้เขารู้ว่านางพูดเรื่องจริงไม่ได้เล่นแง่ใด ๆ

    "ใต้เท้าฉู่ข้ารู้ว่าท่านชอบพอข้า แต่ข้าไม่ได้มีใจให้ท่านแม้แต่น้อย ข้าจะไม่เปิดรับใครเข้ามาในชีวิตทั้งสิ้น ยามนี้ชีวิตข้ายังไม่ดีพอหรือพร้อมที่จะเป็นคู่ชีวิตของใครได้ อีกอย่างท่านไม่ใช่บุรุษแบบที่ข้าชอบเลยสักนิด"

    ชายหนุ่มทำสีหน้าอ่านยากไม่เข้าใจว่าตนไม่ดีตรงไหน..

    "ข้ามีอำนาจและมีเงิน เหตุใดเจ้าถึงไม่มองข้าบ้าง"

    ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชายตรงหน้าเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่เขายึดติดและมั่นใจในตนเองมากเกินไป

    "ถึงท่านจะมีตำแหน่งใหญ่โตฐานะมั่นคง แต่ท่านมีภรรยาอยู่แล้ว ในใจสตรีทุกคนคงไม่อยากให้สามีตนมีหญิงอื่น แต่ด้วยความกดดันเรื่องสถานะทางสังคม ภรรยาจำต้องยอมตามใจสามีทุกอย่าง แม้ตนจะต้องเจ็บปวดใจมากเพียงใดก็ตาม"

    หญิงสาวเห็นชายหนุ่มยืนนิ่งไปจึงไม่ได้เอ่ยอะไรต่ออีก ปล่อยให้เขาตัดสินใจเองไปเงียบ ๆ

    ทางฝั่งใต้เท้าฉู่เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ภรรยาคนปัจจุบันเป็นบุตรสาวพ่อค้าใหญ่ นางเป็นสหายเพียงคนเดียวที่คบหากันมาตั้งแต่วัยเยาว์ที่เหลืออยู่..ผู้ใหญ่เห็นดีเห็นชอบจึงจัดงานแต่งให้ ทุกครั้งที่เขาพาอนุคนใหม่เข้าจวนนางมักจะยิ้มรับเสมอ จนทำให้เขาหลงลืม

    "ข้าเชื่อมั่นว่าท่านเองก็รักภรรยาของท่านเช่นกัน ลองคิดดูเถิดหากวันใดวันหนึ่งนางเลิกรากับท่านไปแต่งกับชายอื่นบ้าง ท่านจะรู้สึกอย่างไร"

    ชายหนุ่มแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ใต้เท้าฉู่หยุดนิ่งไปสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

    "ข้าคิดทบทวนดูดี ๆ แล้ว ข้าไม่ได้ชอบเจ้าดั่งที่ชายหญิงมีใจให้กัน ข้าเพียงชอบเจ้าที่เจ้ากล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับความกลัว กล้าก้าวข้ามกรอบเดิม ๆ ที่ไม่มีสตรีใดกล้าทำมาก่อน เจ้า..เจ้ามาเป็นสหายกับข้าได้หรือไม่"

    ในฐานะอดีตนักธุรกิจมนตราย่อมยินดีตอบรับแน่นอน การมีสหายเป็นถึงขุนนางใหญ่โตใครจะไม่ชอบกันเล่า อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

    "ได้..ข้าเป็นสหายกับท่านก็ได้ แต่เตือนไว้ก่อนว่ามีข้าเป็นสหายชีวิต ในวันข้างหน้าของท่านจะไม่มีวันได้พบเจอกับความสงบสุขแน่นอน"

    "ข้ารู้...เจ้าเป็นสตรีที่ซุกซนกล้าได้กล้าเสีย ข้าต้องขอตัวกลับไปหาภรรยาของข้าแล้ว เอ้า..นี่โฉนดที่ดินที่เจ้าต้องการ ที่ดินหนึ่งร้อยหมู่เป็นของเจ้า"

    จิตวิญญาณของมนตรากำลังดีใจจนเนื้อเต้น นี่มันเป็นจำนวนที่ดินที่มากกว่าที่นางคาดการณ์ไว้เสียอีก

    "ขอบพระคุณท่านมากใต้เท้าฉู่"

    ชายหนุ่มไม่ชอบใจเมื่อถูกเรียกเช่นนั้น นางตกลงเป็นสหายกับเขาแล้วทำไมถึงยังเรียกว่าใต้เท้าอยู่อีกเล่า

    "เรียกใหม่..ไหนลองเรียกข้าว่าท่านพี่สิ"

    "ท่านอายุมากกว่าข้าก็จริง แต่ข้าไม่อยากเรียกท่านว่าท่านพี่นี่ ถ้าเช่นนั้นข้าเรียกท่านว่า...ว่านหลงดีหรือไม่"

    "ตามแต่ใจเจ้าแล้วกัน..ข้าไปก่อน มีเวลาว่างเช่นนี้ข้าอยากจะพาภรรยาไปเดินเที่ยวเล่นในตลาดเสียหน่อย หากมีโอกาสข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมเยียนภรรยาของข้านะ"

    "เข้าใจแล้ว ท่านรีบไปเถิด"

    หญิงสาวยืนส่งสหายคนใหม่จนเขาขี่ม้าไปไกลแล้ว เธอถึงจะเดินกลับเข้าบ้านของตน ทว่าเพียงแค่หันหลังกลับเธอก็ต้องผงะ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบิดาและพี่ชายพร้อมกับอาเยี่ยนตัวน้อยนั่งยอง ๆ แอบฟังที่เธอคุยกับใต้เท้าฉู่อยู่หลังกำแพง อ่า...ไม่สิ จากนี้ต้องเรียกเขาว่าว่านหลงแล้ว

    พอถูกจับได้สองพ่อลูกก็ส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้

    "เจ้าคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ"

    ร่างเล็กไม่นึกโกรธกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ

    "พวกท่านได้ยินหมดแล้วนี่ ต่อไปนี้อย่าไปขวางทางว่านหลงเขาอีกเล่า เขาเป็นสหายของข้าแล้ว ไม่ได้ตามเกี้ยวข้าเหมือนก่อนหน้าอีก"

    "พ่อเข้าใจแล้ว ว่าแต่เจ้าจะทำอย่างไรต่อ พวกทหารเขาอาสาจะอยู่ช่วยสร้างจวนใหม่ตามที่เจ้าต้องการให้ ท่านเจ้าเมืองก็อนุมัติแล้ว"

    ระหว่างรอว่านหลงจัดการเรื่องที่ดินให้ มนตราก็ชวนทุกคนไปเดินเล่นแถวเรือนร้าง เธอบอกความต้องการให้บิดาทราบว่าต้องการสร้างจวนอยู่บนเขาติดริมลำธาร

    เหล่าทหารหลวงต่างหันมองหน้ากัน พวกเขาติดใจฝีมือทำอาหารของอี้เทียนจึงหาเรื่องอยู่ต่อ โดยการอาสาช่วยสร้างจวนให้กับหญิงสาว

    มนตราในร่างเด็กน้อยฉินฉินกำลังวาดแบบจวนที่ต้องการให้แก่ทหารอาสา เธอพยายามนึกถึงภาพบ้านเรือนในโลกเดิมตามแบบที่ชอบ แล้วจัดการวาดรูปแบบให้เหมาะกับบรรยากาศธรรมชาติโดยรอบ

    จวนในฝันของเธอเลือกรูปแบบที่ไม่ทันสมัยเกินไปแต่ดูดีงดงามแปลกตา และต้องมีหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้มองจากห้องนอนแล้วเห็นทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวจวนต้องทำจากไม้ทั้งหมด ยุคนี้ยังไม่มีเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ เธอจึงคิดว่าจะให้ทหารเข้าไปตัดไม้ในป่ามาสร้างจวน

    มนตรากางแบบที่วาดไว้ให้ทุกคนดู ก่อนจะอธิบายสิ่งที่เธอต้องการให้พวกเขาฟัง

    "ว่าอย่างไรเล่าพวกท่านพอจะทำได้หรือไม่"

    "ได้สิแม่นาง ข้าเคยเป็นช่างไม้มาก่อน เจ้าวาดได้ละเอียดมากพอแล้ว ถึงตัวเรือนจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่ยังพอจินตนาการภาพออกได้ คาดว่าใช้เวลาแค่ครึ่งเดือนก็คงสร้างเสร็จแล้ว"

    "ถ้าเช่นนั้นรบกวนพวกท่านด้วยนะเจ้าคะ ข้ายินดีจ่ายค่าเสียเวลาให้พวกท่านทุกคนอย่างงาม"

    "แม่นางไม่ต้องเกรงใจไป พวกข้าได้เงินจากหลวงอยู่แล้ว ขอเพียงอาหารสองมื้อจากท่านอี้เทียนก็พอ"

    มนตรารู้สึกลำบากใจ เธอไม่อยากรบกวนบิดาบุญธรรมมากนัก ไหนจะร้านอาหารที่บิดาเป็นพ่อครัวหลักอีก

    "ท่านพ่อไม่ต้องเปิดร้านหรือ"

    อี้เทียนฟังคำลูกสาวแล้วส่ายหน้า

    "ไม่แล้ว พ่อปิดร้านถาวรแล้ว เงินเก็บพ่อมีเยอะพอจะเลี้ยงดูเจ้าสองพี่น้องได้ ส่วนพี่ใหญ่ของพวกเจ้าให้เขาทำงานหาเงินใช้เองไปเถิด"

    "ถ้าเช่นนั้นข้าก็วางใจ ฝากท่านพ่อดูแลเรื่องงานก่อสร้างด้วยนะเจ้าคะ ส่วนร้านอาหารของท่านข้าเสียดายนัก ท่านจะว่าอะไรหรือไม่หากข้าจะขอทำร้านอาหารนั้นแทนท่านเอง”

    “ฉินฉิน...”

    “ฟังก่อนเจ้าค่ะ ท่านพ่อเคยได้ยินชื่ออาหารไก่ขอทานมาก่อนหรือไม่"

    อี้เทียนส่ายหน้า เขาทำครัวมาสามสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

    มนตราแอบซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้ใบหน้าใสซื่อของฉินฉิน เธอคิดหาช่องทางทำเงินได้แล้ว ด้วยการตั้งใจเปิดร้านขายไก่ขอทานประเดิมเป็นร้านแรก

    "ถ้าเช่นนั้นฉัน...เอ่อ...ข้าขอให้ทุกท่านช่วยชิมไก่ขอทานที่ข้าจะทำให้ที หากไม่อร่อยพูดตรง ๆ ได้เลยเจ้าค่ะ ข้าพร้อมปรับปรุง”

    “มันจะดีหรือฉินฉิน พ่อเลี้ยงเจ้าได้จริง ๆ นะ”

    “ไม่เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าอยากยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเอง ถ้าเช่นนั้นทางนี้ข้าขอฝากให้ท่านพ่อจัดการ ข้าขอตัวไปจ่ายตลาดในเมืองก่อน"

    "เอาเถิด เช่นนั้นก็พาพี่ชายเจ้าไปด้วยพ่อจะอยู่ช่วยทุกคนถางหญ้าที่นี่"

    หญิงสาวยิ้มรับคำแล้วเดินไปขอเช่าเกวียนจากลุงหวังหนึ่งวัน เธอคิดคำนวณอย่างดีว่าเงินสร้างบ้านก็ไม่ต้องจ่าย ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยมีมาก แต่เธอต้องเดินทางบ่อยครั้ง คงจะดีหากยอมลงทุนซื้อเกวียนวัวไว้ใช้เอง จะได้สะดวกเวลาเดินทาง

    สุดท้ายสามพี่น้องก็พากันเดินทางเข้าตัวเมือง..การค้าครั้งแรกในโลกใบใหม่ของมนตราในร่างของเด็กน้อยฉินฉินได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×