คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 14 : โซนิคปรากฏตัว
เวลาประมาณตี 5 รถขยะสามคันได้แล่นเข้าไปในเขตโกดังของหน่วย UNASO เมื่อพวกเขามาถึงเขตตรวจซึ่งอยู่หน้าโกดัง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กำลังยืนดักรออยู่ที่หน้าด้านเพื่อค้นรถ และเมื่อรถจอด เจ้าหน้าที่พวกนั้นก็ค้นรถอย่างรวดเร็ว แต่จู่ๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปค้นที่เก็บขยะด้านหลัง ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ก็หยุดนิ่งกันหมด เพราะเวียนได้ใช้พลังจิตของเธอควบคุมสมองของยามพวกนั้น
“สวัสดีครับ เชิญด้านในได้เลยครับ!!”
เจ้าหน้าที่พูดขึ้น จากนั้นก็สั่งให้มีการเปิดประตูให้รถขยะพวกนั้น รถขยะสามคันค่อยๆขับไปจอดที่ด้านหลังโกดังอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก พวกของนาวินซึ่งแอบมาอยู่ด้านหลังรถก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันและวางแผนกันต่ออย่างรวดเร็ว
“ภาภิน สถานการณ์ด้านในเป็นยังไงบ้าง??” นาวินวอถามภาภินทางวิทยุไป
“ตอนนี้พวกมันกำลังจะเปลี่ยนกะกันมี พี่มีเวลาแค่ตอนนี้เท่านั้น ถ้าพี่เข้าไปได้ ผมจะพยายามดับระบบกล้องวงจรปิดของพวกมันครับ”
“อืม ถ้าอย่างงั้นเราก็น่าจะบุกเข้าไปได้” เวียนพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เจอใครก็ฆ่าแม่งให้หมดเลย ไอ้พวกระยำนี่” อากิระพูดขึ้น
“ช่วยอัญชันให้ได้ก่อน แล้วค่อยฆ่าพวกมันเลย” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“ว่าแต่ เราจะต้องไปที่ไหนอย่างงั้นเหรอคะ??” พัตติยาถามอย่างสงสัย
“ดูจากแผนที่โกดังที่ภาภินทำมา อัญชันน่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากหรอก” ฮารุพูดขึ้น
“แต่ว่าพวกมันมีกำลังเต็มอัตราเลย ทำอะไรก็คงต้องระวังหน่อยหล่ะ” ลูโดวิกพูดขึ้น
“ถึงพวกมันจะมีมาก แต่ก็สู้พวกเราไม่ได้หรอก ส่วนใหญ่ยังเมาขี้ตากันด้วย” โลร็องต์พูดขึ้น
“งานนี้เราคงต้องไปเงียบๆ เพราะถ้ากระโตกกระตาก พวกมันอาจจะเอาตัวอัญชันหนีไปที่อื่นอีก” โจไซอาห์พูดขึ้น
“นั่นสิ ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องลุยกันเงียบๆแล้วหล่ะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ดันเต้ก็หยิบเอาอุปกรณ์สะเดาะประตูด้านหลังอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว โดยที่ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่สองคนกำลังยืนอยู่แถวนั้น
“เฮ้ย ใครวะ??”
“ปิ้วๆๆๆ!!” ซีโร่และลันโทสใช้ปืนเก็บเสียงยิงเข้าใส่ทั้งสองคนไป
“เฮ้อ เกือบไปแล้วมั้ยหล่ะเนี่ย” ลาลินถามอย่างสงสัย
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะอยู่กันเต็มไปหมดเลย” ลันโทสพูดขึ้น
“เราจะแบ่งกำลังเข้าไปดีหรือเปล่าครับ??” ซีโร่ถามไป
“ไม่ต้องหรอก ทางเดินในโกดังคงไม่ซับซ้อนอะไรมากหรอก” ดันเต้พูดขึ้น
“งานนี้เราคงต้องเข้าเร็วออกเร็วแล้วหล่ะ ไม่งั้นเราตายแน่” นายลุ้นพูดขึ้น
“เอาหล่ะ ถ้าอย่างงั้นเราจะบุกเข้าไปเลย หน้าที่ของพวกเรามีแค่ช่วยอัญชันออกมา จากนั้นก็รีบหนีกลับมาขึ้นโดรนกัน เอาหล่ะ รีบไปเถอะ ภาภิน จัดการเลย!!” นาวินพูดกับทุกคนและบอกกับภาภินผ่านทางวิทยุด้วย จากนั้นพวกเขาก็ทำการบุกเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว โดยให้ลันโทสทำลายระบบไฟฟ้าของประตูนิรภัยให้ประตูเปิดออกมา พวกเขาเดินไปตามเส้นทางแผนที่เรื่อยๆ แล้วก็จัดการเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านในตามรายทางไปด้วย
“อยู่นิ่งๆสิโว้ย!!” นาวินจับมันคนหนึ่งล็อคคอไปจากนั้นก็ค่อยๆบีบคอมันจนสลบไป
“มาเลย!!” เสี่ยวหลงเตะเข้าที่ก้านคอของมันคนหนึ่งจนมันล้มลงอย่างรวดเร็ว
“ตายซะไอ้ระยำ!!” อากิระชักมีดของเขาออกมาและปาดคอของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตายไป และในตอนนั้น เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องพักก็รีบหยิบอาวุธออกมาดูอย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น
“ย้าก เข้ามาเลย!!” เวียนพูดขึ้นและฟาดพวกนั้นด้วยร่มสีดำของเธอ โจไซอาห์ใช้กรงเล็บครุฑของเขาฉีกร่างของมัน ส่วนอินเนสซ่าก็พ่นพิษนาคใส่ทหารพวกนั้นไป
“งานนี้ได้ตื่นกันทั้งโกดังแน่” โจไซอาห์พูดขึ้น
“นั่นสิ แล้วทำไมพวกมันถึงยังไม่เตือนภัยกันเลยหล่ะ??” อินเนสซ่าถามอย่างสงสัย
“พี่วิน ตอนนี้ผมตัดสัญญาณเตือนภัยและระบบกล้องวงจรปิดแล้ว แต่อีก 1 ชั่วโมงมันจะกู้ระบบกลับมาได้ พวกพี่มีเวลาแค่นั้นนะพี่”
“เฮ้อ แค่นั้นก็เกินพอแล้วหล่ะ” ฮารุพูดขึ้น จากนั้นก็ปาดาบเพลิงของเธอเข้ากลางอกของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตายคาที่
“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนแล้วครับเนี่ย??” นายลุ้นถามอย่างแปลกใจ
“เดี๋ยวพวกฉันสองคนไปดูก่อน รอเดี๋ยวนะ!!” โลร็องต์พูดขึ้น จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปพร้อมกับลูโดวิกเพื่อสอดแนมพื้นที่โกดังอย่างรวดเร็ว และไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่ก็รีบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ทุกคน ตอนนี้ดูเหมือนพวกมันจะจัดกำลังคนเฝ้าที่ห้องด้านนั้นไว้เยอะเลย” ลูโดวิกพูดขึ้น
“หนูว่า พวกมันต้องเอาพี่อัญชันไปไว้ที่นั่นแน่นอนค่ะ” ลาลินพูดขึ้น
“ก็คงจะเป็นอย่างงั้น แต่เราจะฝ่าพวกมันไปได้ยังไงหล่ะ??” ซีโร่ถามอย่างสงสัย
“ถ้าไม่งั้นก็ทำให้พวกมันสลบกันให้หมดเลยสิ” ลันโทสพูดขึ้น
“พวกมันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ยังไงก็ต้องไปดูที่หน้างานก่อน” ดันเต้พูดขึ้น
“ถ้ายิงกับพวกมัน เราอาจจะเสียเปรียบก็ได้นะคะ” พัตติยาพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราจะไปดูกันก่อนดีกว่าว่าพวกมันจะมีเยอะแค่ไหน แล้วเราค่อยหาทางกันอีกที” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบบุกเข้าไปยังที่ห้องขังของอัญชันอย่างรวดเร็ว
และทางด้านของฮาเวิร์ด ในตอนนั้นตัวของเขาและกองกำลังของเขาก็พยายามเดินลาดตระเวนอยู่ละแวกพื้นที่โกดัง และในตอนนั้น ตัวของเขาก็พยายามวอคุยกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆไปด้วย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครตอบกลับเลย ทำเอาตัวของเขาถึงกับแปลกใจเล็กน้อย
“เอ๊ะ ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ตอบกลับเลยหล่ะ ผิดสังเกตแล้วแหะ??” ฮาเวิร์ดถามอย่างสงสัย
“นั่นสิ ฉันว่าเราไปที่ห้องควบคุมดีกว่า” เวอร์รีนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็รีบเดินไปยังห้องควบคุมอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพวกเขาทั้งสามคนเปิดประตูเข้ามาด้านใน พวกเขาก็พบว่าเจ้าหน้าที่ด้านในกำลังนอนสลบอยู่ จากนั้นภาพจากกล้องวงจรปิดก็เกิดดับไป
“เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย??” รูกี้ถามไป
“เวอร์รีน ไปดูพวกนั้นหน่อยสิ!!” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น และในตอนนั้น ตัวของเธอก็พยายามจะไปปลุกเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรตอบสนองเลย และในตอนนั้นเธอก็รีบไปกดสัญญาณเตือนภัย แต่ก็ไม่มีการตอบสนองเลย
“เวรเอ้ย สัญญาณกดไม่ได้เลย!!” เวอร์รีนพูดขึ้น
“รีบไปบอกคนอื่นๆเถอะ ดูเหมือนพวกมันมาแล้ว แล้วก็ใช้สัญญาณสำรองด้วย!!” รูกี้พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ชักปืนออกมาแล้วเดินออกไปด้านนอกทันที
ที่ห้องขังของอัญชัน ในขณะที่ตัวของอัญชันและเพี้ยนกำลังนอนพักอยู่ในห้องกัน จู่ๆ ตัวของวูฟก็เดินดุ่มๆเข้ามาและรีบเปิดประตูกรงขังอย่างรวดเร็ว ทำเอาทั้งตัวอัญชันและเพี้ยนถึงกับตกใจมาก
“เฮ้ย อย่ามาทำซกม๊กแบบนี้สิ!!” เพี้ยนพูดขึ้น แต่ในตอนนั้น วูฟก็กระชากตัวเพี้ยนขึ้นมาและเหวี่ยงเพี้ยนกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นตัวของเขาก็รีบเข้าไปหาอัญชันในทันที
“นี่ แกจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ!!” อัญชันตะโกนออกมาแล้วก็ชักมีดออกมา แต่ในตอนนั้นวูฟก็จับแขนเธอแล้วดึงเอามีดออกแล้วโยนทิ้งไป
“มาสนุกกันดีกว่านะจ๊ะที่รัก”
วูฟพยายามจะปลุกปล้ำอัญชัน อัญชันขัดขืนอย่างสุดชีวิต แต่ในตอนนั้น แสงจันทร์ที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาก็กลับมาพอดี เขาเห็นเหตุการณ์ดังนั้นจึงชักปืนออกมาในทันที จากนั้นก็ยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่
“ไอ้วูฟ ปล่อยเธอนะเว้ย!!”
“ไม่โว้ย แน่จริงมึงยิงเลยสิไอ้หนู!!” วูฟพูดขึ้นมา แต่ในตอนนั้นอัญชันก็ถีบเข้าเป้าของวูฟและพยายามหนีออกมา แต่วูฟก็พยายามกระชากเธอเอาไว้ ในตอนนั้นแสงจันทร์เลยวิ่งเข้าไปช่วย แต่วูฟก็ต่อยหน้าแสงจันทร์จนกระเด็น
“ตุ๊บ!!”
“โร่ว์!!” อัญชันตะโกนออกมาและพยายามไปช่วยเขา ในตอนนั้นเพี้ยนที่ได้สติขึ้นมาก็รีบวิ่งไปหาวูฟอย่างรวดเร็ว
“นี่ ไอ้หมาบ้า อย่าหวังเลยว่าแกจะได้แอ้มเธอหน่ะ เพราะจะมีคนมาช่วยเธอ”
“พูดบ้าอะไรของมึงวะ อย่าโดนเหรอ??” วูฟตะโกนออกไป และในตอนนั้น รูกิที่เดินมาเยี่ยมแสงจันทร์ก็เกิดแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นี่มันเกิดบ้าอะไรกันเนี่ย??” รูกิถามอย่างแปลกใจ
“นี่ มาก็ดีแล้ว นังนี่มันพยายามจะแย่งคนของเธอไป ฉันพยายามจะช่วยแก้แค้นให้เธอยังไงหล่ะ ไม่ดีเหรอ??” วูฟตะโกนถามไป
“รูกิ ถ้าเธออยากจะช่วยมันก็ได้ แต่ฉันไม่ยอมให้เธอทำอะไรอัญชันหรอก” แสงจันทร์พูดขึ้น ในตอนนั้นรูกิก็ยังคงนิ่งอยู่
“คิดดีๆนะจ๊ะพี่สาว” เพี้ยนพูดขึ้น และไม่นานนัก รูกิก็ตัดสินใจเล็งปืนของเธอใส่วูฟในทันที
“เลิกบ้าซะทีเถอะ” รูกิพูดขึ้น ทำเอาวูฟถึงกับยกมือขึ้น
“จะไปไหนก็ไปเลยไป!!” รูกิพูดต่อ แต่ในตอนนั้นเองวูฟก็รีบปัดปืนของรูกิอย่างรวดเร็ว และพยายามจะตะปบเธอ แต่ในตอนนั้นจ่าชัยและพวกก็เข้ามาในห้องได้ก่อน แล้วยิงขู่วูฟ
“ปัง!!”
“พอทีเถอะไอ้ระยำ!!” จ่าชัยตะโกนออกมา ทำให้ตัวของวูฟรีบถอยไปในทันที
“รู้แล้วว่าคนอย่างมึงมันต้องทำอะไรระยำแบบนี้” ยูริพูดขึ้น และในตอนนั้น จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินสัญญาณเตือนซึ่งดังไปทั่ว
“มีผู้บุกรุก!!”
“เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย??” กาลีน่าตะโกนออกมา และในตอนนั้น อัญชันได้ใช้จังหวะที่ทุกคนกำลังตกใจหนีออกมาอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้นแสงจันทร์ก็พยายามจะตามอัญชันไป
“บ้าเอ้ย พวกมันคงมาแล้วหล่ะ รีบไปเร็ว!!” กาลีน่าพูดขึ้น
“ไอ้วูฟ มึงอยู่นี่หล่ะ ไม่ต้องไปไหนเลย” จ่าชัยพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็วิ่งตามคนอื่นไปด้วย
“เราต้องรีบไปเตือนคนอื่นด่วนเลย” ยูริพูดขึ้นจากนั้นก็ชักปืนของเขาออกมา จากนั้นรูกิก็รีบตามคนอื่นๆไปด้วยส่วนวูฟในตอนนั้นได้แต่เตะของที่อยู่แถวนั้นระบายอารมณ์ไป แล้วก็ชี้หน้าใส่เพี้ยนไปหนึ่งที จากนั้นก็รีบวิ่งไล่ตามแสงจันทร์ในทันที
“อืม ดูเหมือนว่าจะมีอะไรสนุกๆแล้วสินะไรท์” เพี้ยนพูดขึ้น
ที่กลุ่มของนาวิน ในตอนนั้นพวกเขาก็บุกเข้ามาใกล้จะถึงห้องขังของอัญชันแล้ว แต่ในตอนนั้นกลุ่ม UNASO ได้กดสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉิน จนในตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็หยิบอาวุธและรีบออกมาคุ้มกันพื้นที่
“ทุกคน ระวัง!!” นาวินตะโกนออกมา จากนั้นก็ยิงสกัดเจ้าหน้าที่ที่บุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกมันถึงมีสัญญาณเตือนหล่ะ??” ฮารุถามอย่างสงสัย จากนั้นเธอก็ยิงลูกไฟใส่เจ้าหน้าที่พวกนั้น
“สงสัยว่าพวกมันคงจะมีสัญญาณเตือนภัยสำรองหน่ะ” เวียนพูดไป
“แบบนี้เราเข้าถึงตัวอัญชันไม่ได้แน่ๆ” โจไซอาห์พูดขึ้นในขณะที่ยิงปืนตอบโต้พวกนั้น
“ถ้าอย่างงั้น ฉันจะลองไปตามหาเองค่ะ” พัตติยาพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบวิ่งอ้อมไปทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว พัตติยา รอด้วยสิ!!” เสี่ยวหลงพูดขึ้นจากนั้นก็วิ่งไล่ตามพัตติยาไป
“พี่วิน รอผมอยู่ที่นี่ก่อนนะ” อากิระพูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งไล่ตามเสี่ยวหลงไปบ้าง
“ดูเหมือนไอ้พวกนี้มันจะมากันทั้งกรมาเลยเนี่ย” โลร็องต์พูดในขณะที่ยิงสกัดพวกมัน และในตอนนั้น ลูโดวิกก็ปาระเบิดใส่พวกมันไป
“ตู้ม!!”
“แดกระเบิดซะพวกมึง” ลูโดวิกพูดขึ้น
“งานนี้พวกมันน่าจะเรียกตำรวจมาเสริมด้วย พวกเราไม่รอดแน่” อินเนสซ่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ภาภินก็ติดต่อนาวินเข้ามาทางวิทยุอย่างรวดเร็ว
“พี่วิน ตอนนี้พวกมันวอเรียกตำรวจมาแล้ว ผมยื้อเวลาได้แค่ 20 นาทีนะพี่ ถึงตอนนั้นพวกพี่ต้องหนีแล้ว”
“ได้ๆ แค่นั้นก็เกินพอแล้ว!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ยิงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตายคาที่
“แล้วนี่พวกพี่อากิระเมื่อไหร่จะมาเนี่ย??” นายลุ้นถามอย่างสงสัย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงพวกเขาต้องมาแน่ๆ” ดันเต้พูดขึ้น ในขณะที่ยิงแท่งน้ำแข็งใส่พวกมัน
“พวกมันมีเยอะเกินไป แบตปืนของผมจะหมดแล้วเนี่ย??” ลันโทสพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น ผมจะไปช่วยคุ้มกันคุณอากิระนะครับ” ซีโร่พูดขึ้น จากนั้นก็รีบวิ่งตามไปช่วยอากิระอย่างรวดเร็ว
“หวังว่าพวกพี่เขาจะรีบกลับมานะคะ!!” ลาลินพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ปาระเบิดควันใส่พวกนั้นไปในทันที
ทางด้านของฮาเวิร์ด ในตอนนั้นพวกเขาก็รีบนำกำลังออกมาแล้วไล่ตามกวาดล้างพวกของนาวิน พวกเขานำกำลังปิดทางเข้าออกโกดังนี้อย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกัน กลุ่มของจ่าชัยก็รีบมารวมตัวกับฮาเวิร์ดอย่างรวดเร็วเพื่อมาคุ้มกันโกดังแห่งนี้
“เฮ้ย แล้วนี่แสงจันทร์กับไอ้หมาบ้านั่นมันไปไหน??” ฮาเวิร์ดถามจ่าชัยไป
“ผู้หญิงหนีไปแล้ว เราพยายามเอาตัวเธอมาอยู่” จ่าชัยพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ยังไงพวกมันก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว เราติดต่อตำรวจในพื้นที่ให้นำกำลังมาแล้ว!!” เวอร์รีนพูดขึ้นในขณะที่ยิงปืนกลซัดกับพวกนั้น
“เออ เอาเถอะ ไหนๆมันก็เข้ามาถ้ำเสือแล้ว ก็ฆ่าพวกมันเลย!!” รูกิพูดขึ้นและยิงปืนเลเซอร์ตอบโต้กับคนพวกนั้น
“เราควรจะปิดทางเข้าออกให้หมด” ยูริพูดขึ้นในขณะที่กำลังใส่กระสุนตับใหม่
“เฮ้อ ยังไงพวกมันก็หนีไม่รอดหรอก” กาลีน่าพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้ปืนสไนเปอร์เพื่อตอบโต้กับพวกของนาวิน
“เออ ขอให้มันจริงเถอะ!!” รูกี้พูดขึ้นพลางใส่กระสุนในปืนลูกโม่ของเขาแล้วยิงตอบโต้ ในตอนนี้สถานการณ์การปะทะเป็นไปอย่างดุเดือด
ทางด้านของอัญชัน ตัวของเธอวิ่งตุปัดตุเป๋หาทางออกอย่างชุลมุน ในขณะที่แสงจันทร์และวูฟก็พยายามตามหาเธอ อัญชันวิ่งมาเรื่อยๆ จนเธอมาเจอกับเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งดักเธอไว้
“เฮ้ย หยุดนะ!!”
“ปังๆๆๆๆ!!”
กระสุนปืนปริศนายิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ของพวกนั้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาพวกนั้นถึงกับตายคาที่ อัญชันลืมตาขึ้นมาก็พบกับพัตติยา อากิระ เสี่ยวหลงที่กำลังวิ่งมาหาเธอ
“คุณอัญชัน!!” พัตติยาพูดขึ้นพลางวิ่งเข้ามากอดเธอ
“อัญชัน เธอปลอดภัยแล้วนะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ แสงจันทร์ก็มาเจอเธอเข้า เขาเห็นภาพที่อัญชันกอดกับอัญชันก็ถึงกับนิ่งไป อากิระที่เห็นแสงจันทร์ก็พยายามจะยิงเขา
“ไอ้ระยำ ตายซะ!!” อากิระพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นอัญชันก็ห้ามเขาเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยว นั่นเพื่อนฉัน อย่าทำอะไรเขาเลย” อัญชันพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นเราไปกันเถอะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แสงจันทร์ในตอนนั้นก็พยายามจะเล็งปืนใส่ และตอนนั้นวูฟก็ไล่ตามเขามาพอดี
“ยิงมันสิโว้ย!!”
แสงจันทร์เล็งปืนใส่ที่ด้านหลังของพัตติยา แต่ตัวของของเขาเกิดนึกอะไรขึ้นก็ไม่รู้ เขาลดปืนลงพื้นแล้วยิงมันไปในทันที
“ปัง!!”
“เฮ้ย ยิงบ้าอะไรของแกวะ??” วูฟตะโกนถามไป จากนั้นก็พยายามวิ่งไล่ตามพวกของอัญชัน ในขณะที่แสงจันทร์ก็ได้แต่มองพวกเขาอยู่ด้านหลังและนิ่งเงียบไป
ทางด้านของนาวิน ในตอนนั้นพวกเขาก็พยายามจะยิงเพื่อถ่วงเวลาพวกนั้นให้นานที่สุด และรอให้พวกของอากิระกลับมา ไม่นานนัก พวกของอากิระก็รีบพาอัญชันกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำเอานาวินและคนอื่นๆก็ถึงกับโล่งใจ
“พี่ พวกเราพาอัญชันกลับมาแล้วครับ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นรีบไปจากที่นี่เถอะ ภาภิน คุ้มกันการถอนกำลังที!!” นาวินพูดกับภาภินทางวิทยุอย่างรวดเร็ว
“ได้เลยพี่ ตอนนี้โดรนกำลังไปรับอยู่ครับ!!”
“พวกมันคงปิดทางเข้าออกหมดแล้วหล่ะค่ะ” เวียนพูดขึ้นในขณะที่พยายามจะหนีไป
“นั่นสิ พวกมันคงปิดประตูไม่ให้เราออกแล้วหล่ะ” ฮารุพูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็วิ่งกลับไปที่เดิมที่พวกเขามา ซึ่งในตอนนั้นประตูได้ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว
“คุณลันโทส เปิดประตูที!!” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นลันโทสก็ใช้พลังไฟฟ้าของเขาลัดวงจรระบบประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็รีบเปิดออกในทันที
“มีเวลา 30 วินาที รีบไปเร็ว!!” ลันโทสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันหนีออกไปจากโกดังนั้นในทันที และในตอนนั้นลันโทสก็ใส่กระแสไฟมากขึ้นเพื่อทำอะไรบางอย่าง
“คุณลันโทส เย็นไว้นะครับ” ซีโร่พูดปรามเขาไว้ จากนั้นไม่นานลันโทสก็รีบผละตัวออกมา ในขณะเดียวกัน ไฟทั้งโกดังก็เกิดช็อตและดับไป จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งหนีไปที่กำแพงซึ่งอยู่ด้านหลังโกดังอย่างรวดเร็ว
“เราต้องฝ่าไปทางนั้นนะคะ!!” ลาลินขึ้น จากนั้นก็ยิงลูกไฟใส่กำแพงจนแหลก จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
“ตำรวจน่าจะกำลังมาแล้ว ต้องรีบแล้วหล่ะ” โจไซอาห์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็เห็นแสงอะไรบางอย่างกำลังลอยมาทางพวกเขา และนั่นมันก็ทำให้พวกเขารู้ว่ามันคืออะไร
“นั่นไง โดรนมารับเราแล้ว!!” อินเนสซ่าพูดขึ้นพลางชี้ขึ้นไป
“เราต้องรีบกลับบ้านแล้วหล่ะครับ ไม่งั้นตำรวจแห่มาแน่” นายลุ้นพูดขึ้น จากนั้นไม่นานโดรนก็ค่อยๆลงจอด และเปิดประตูรับพวกเขา และไม่นานนัก พวกเขาก็รีบขึ้นไปบนโดรนอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ UNASO บางส่วนก็บุกออกมาไล่ตามพวกเขา
“ระเบิดเหลือโว้ย เอาไปกินซะ!!” โลร็องต์ตะโกนออกมา จากนั้นก็ปาระเบิดใส่พวกมันที่เหลืออย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานโดรนก็ค่อยๆบินขึ้นเพื่อออกเดินทางในทันที
“เฮ้อ เกือบไปแล้วนะพวกเรา” ลูโดวิกพูดขึ้น และไม่นานนัก โดรนของพวกเขาก็ค่อยๆบินกลับไปยังฐานที่มั่นของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ฐานที่มั่นของหน่วย UNASO ฮาเวิร์ดและคนอื่นๆก็พากันตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยที่ในขณะเดียวกัน คริสเตียลที่ยังพักฟื้นได้ไม่เต็มที่ก็ออกมาดูสถานการณ์ด้วย รวมถึงลีน่าที่เพิ่งจะออกมาจากห้องของเธอ พวกเขาทุกคนมารวมตัวกันและคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที
“เสียหายไปเท่าไหร่??” คริสเตียลถามอย่างสงสัย
“เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 9 บาดเจ็บอีก 20 กว่าค่ะ” เวอร์รีนพูดขึ้น
“ผมว่า เราควรจะแจ้งไปที่หน่วยของเรานะครับ ว่าให้ทำการกวาดล้างพวกมันเลย” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น
“ฉันไม่แนะนำให้ทำแบบนั้น อย่าลืมสิ พวกเรากำลังทำภารกิจนอกกฎหมายอยู่ จะไปแจ้งได้ยังไงหล่ะ??” ลีน่าพูดขึ้น
“นี่คุณ ออกมาช่วยพวกเราก็ยังไม่ออกมา แล้วนี่คุณจะยังมาพูดอะไรอีกคะ??” รูกิถามไป
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน วันนี้ 10 โมงเช้า รบกวนเตรียมตัวกันไว้ เราจะไปต้อนรับคนที่สนามบินสุวรรณภูมิกันค่ะ” ลีน่าพูดขึ้น
“ห่ะ นี่เราแทบจะเละกันมาทั้งคืน ยังต้องไปต้อนรับใครอีกงั้นเหรอ??” วูฟตะโกนถามอย่างสงสัย
“ยังไงก็เตรียมตัวให้พร้อมนะคะ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อฉัน โทรไปถามทางแพนตาก้อนก็ได้ ยังไงก็อย่าลืมเตรียมตัวหล่ะ” ลีน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินออกไปจากบริเวณอย่างไม่ใยดี ในตอนนั้นตัวของกาลีน่าก็แทบจะเดินไปชกหน้าลีน่าอยู่แล้ว
“อีระยำเอ้ย มึงเป็นใครวะมาสั่งกู??”
“เย็นไว้น่า เราทำอะไรเธอไม่ได้หรอก” ยูริพูดขึ้น
“เกลียดคำนี้ชิบเป๋ง ที่ว่าทำอะไรไม่ได้เนี่ย” จ่าชัยพูดขึ้น
“แบบนี้ เราก็ต้องเตรียมตัวไปรับคนใช่หรือเปล่าครับเนี่ย??” แสงจันทร์ถามพลางเกาหัวแกรกๆ
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้บ้านั่นมันใหญ่มาจากไหน” รูกี้พูดขึ้น
“เอาเถอะ เราไม่มีทางเลือกแล้วนี่ ให้เจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บพักรักษาตัวที่นี่ก่อน ส่วนที่เหลือก็ตามที่เธอบอกก็แล้วกัน” คริสเตียลพูดขึ้น ปากของเขาออกคำสั่ง แต่ในใจของเขามันเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น แต่ตัวของเขาก็ทำอะไรไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง ลีน่าซึ่งในตอนนั้นเดินไปยังเขตห้องขัง ในตอนนั้นลีน่าเดินดุ่มๆไปโดยที่มีลูกน้องคนสนิทของเธอไม่กี่คน และเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องขัง เธอก็พบกับเพี้ยน รวมถึงเบลที่เพิ่งจะถูกจับมา
“อ้อ นี่จะจับเขามาให้กับนายคุณสินะ!!” เพี้ยนพูดขึ้น
“อยากจะทำอะไรก็ทำ แล้วไปลงนรกซะ!!” เบลตะโกนใส่ลีน่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รับรองว่าคุณจะได้ลงนรกก่อนฉันแน่ๆ” ลีน่าตอบกลับไป
“นี่ไม่รู้เหรอเจ๊ ว่ามีคนกำลังตามช่วยเหลือเขาอยู่ แล้วอีกอย่าง คิดเหรอว่าคนของเจ๊จะจัดการผู้เกิดใหม่ที่นี่ได้ เสียใจด้วยนะ!!” เพี้ยนพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลีน่าก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เพี้ยนอย่างรวดเร็ว แล้วก็เอาหน้าเข้ามาใกล้กับเพี้ยนด้วย
“อืม ดูเหมือนว่าที่รักของฉันจะตาแหลมนะที่จับแกมาเนี่ย เอาเถอะ ถึงยังไงก็อยู่ให้รอดถึงตอนจบนะ” ลีน่าพูดขึ้น
“เฮ้อ กูไม่กลัวตายหรอก ไปบอกนายมึงด้วย อยากทำอะไรก็เชิญ!!” เบลพูดขึ้น
“เฮ้อ ไรท์ตา ไม่เห็นต้องให้เสียงดังขนาดนี้เลย” เพี้ยนพูดขึ้น ทำเอาเบลถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“เฝ้าพวกมันสองคนไว้ เก็บมันไว้จนกว่าที่รักของฉันจะมา” ลีน่าออกคำสั่งไป
และที่ด้านนอกโกดัง หลังจากที่เกเบรียลและคนอื่นๆพยายามตามเบลมาเพื่อที่จะช่วยเหลือเขา จนพวกเขาเดินทางมาถึงโกดังเป้าหมายซึ่งเป็นแหล่งกบดานของหน่วย UNASO พวกเขาดักซุ่มดูสถานการณ์อยู่ที่โกดังข้างๆ โดยที่ไคก็ได้แต่ถ่ายภาพเหตุการณ์เอาไว้ด้วย
“อืม เดินลาดตระเวนกันแถวนี้ นี่ต้องเป็นรังลับของพวกมันแน่ๆ” ไคพูดขึ้น
“ว่าแต่ พวกมันเอาตัวคุณเบลมาทำไมกันหล่ะ??” แก้วถามอย่างสงสัย
“ก็คงต้องดูกัน แต่ไอ้เสียงโครมครามที่เราเพิ่งจะได้ยินไม่ใช่เสียงธรรมดาๆแน่ๆ” เกเบรียลพูดขึ้น
“นั่นสิ แสดงว่าด้านในต้องมีอะไรแน่ๆ แต่เอาเถอะ อีกไม่นานเราก็คงจะรู้คำตอบแน่นอน” ไคพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของเธอก็เอาโทรศัพท์ที่เธอมาถ่ายรูป เอามาชาร์จแบตอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้ทำการสอดแนมพื้นที่นั้นมานานทั้งคืน
“เฮ้อ ไม่รู้เราจะช่วยเขาได้ยังไงนะคะ” แก้วพูดขึ้น
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกมันมีปัญญาเฝ้าเขาตลอด 24 ชั่วโมงหน่ะ” เกเบรียลพูดขึ้น
“อืม ฉันว่าโกดังนั่นมันต้องมีอะไรที่เรายังไม่รู้แน่ๆ” ไคพูดขึ้น
“นั่นสิคะ ถ้าเกิดเราเข้าไปด้านในได้ เราก็น่าจะเจออะไรดีๆนะคะ” แก้วพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาได้ยินเสียงขบวนรถดังมาจากด้านนอก ในตอนนั้นเกเบรียลที่ได้ยินก็บอกกับไคในทันที
“ไค มีรถมา!!”
ไคได้ยินดังนั้นจึงรีบเอาโทรศัพท์ของเธอที่ยังชาร์จแบตได้ไม่ทันไรออกมา จากนั้นก็พยายามบันทึกภาพที่เธอเห็น ซึ่งภาพที่เธอเห็นก็คือนายทหารไทยคนหนึ่งได้เดินทางไปที่นั่น จากนั้นก็ไปคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในโกดังนั้น จากนั้นเธอก็รีบถ่ายรูปเจ้าหน้าที่สองคนนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
“ทหารไทยมาทำอะไรที่นี่นะ??” ไคถามอย่างสงสัย
“นั่นสิคะ พวกเขามาทำงานอะไรกันหรือเปล่า??” แก้วถามอย่างสงสัย
“แต่เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องถูกกฎหมายแน่ๆ ฉันเอาหัวเป็นประกันเลย” เกเบรียลพูดขึ้น และผ่านไปซักพัก เจ้าหน้าที่สองคนก็กลับออกมา จากนั้นพวกเขาก็จับมือกันไปด้วย โดยที่ไคได้เป็นคนถ่ายภาพเหตุการณ์เอาไว้ทุกอย่าง จากนั้นเธอก็เอาโทรศัพท์ไปชาร์จแบตอย่างรวดเร็ว
“เอาหล่ะ แบบนี้แสดงว่าคนในกองทัพต้องรู้เห็นเป็นใจอะไรบางอย่างแน่ๆ” ไคพูดขึ้น
“ถ้าเป็นอย่างงั้น ฉันจะลองส่งเรื่องให้หลานของฉันจัดการดู” แก้วพูดขึ้น
“ห่ะ นี่คุณมีหลานอย่างงั้นเหรอ??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย
“ฉันมีชีวิตอยู่มาตั้งหลายร้อยปีแล้วหล่ะคุณ พวกเรามันก็ผู้เกิดใหม่ไงหล่ะ” แก้วพูดขึ้น
“จริงด้วยสินะ ถ้าอย่างงั้น หนูฝากเรื่องนี้ให้คุณก็แล้วกันนะคะ” ไคพูดขึ้น
“ฉันว่าไอ้พวกนี้มันต้องเป้นพวกเดียวกับที่ออกตามล่าเราแน่ๆ” เกเบรียลพูดขึ้น
“อาจจะเป็นไปได้ ตอนนี้อะไรมันก็เป็นไปได้ทุกอย่างนั่นหล่ะค่ะ” แก้วพูดขึ้น
“ตอนนี้พวกมันยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ฉันว่าเราไปพักกันก่อนเถอะค่ะ รอดูว่าพวกมันจะทำอะไรต่อ” ไคพฦดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบเอาโทรศัพท์มาชาร์จแบตอย่างรวดเร็ว
“ยังดีนะที่ที่นี่ยังมีน้ำให้ใช้ มีไฟให้ใช้” เกเบรียลพูดขึ้นจากนั้นก็เอนหลังนอนแถวนั้นไป
กลับมายังแหล่งกบดานของดันเต้ ซึ่งตอนนี้พวกเขาได้ย้ายฐานที่มั่นมาอยู่ใต้ดินแล้ว สำหรับกรณีฉุกเฉิน อีสครินน่าและพรรคพวกของเธอได้เดินทางลงมายังห้องพักรับรองใต้ดินตามที่ดันเต้ได้บอก แต่ในตอนนี้อีสครินน่าได้ออกมาเดินเล่นด้านนอกเพื่อแก้เบื่อ โดยที่มีลูอีสตามมาด้วย เธอเดินมาเรื่อยๆก็เห็นนายลืมกำลังนั่งเศร้าอยู่แถวนั้น ตัวของเธอรีบเดินเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
“นี่น้อง มาทำอะไรแถวนี้จ๊ะ??”
“ผมไม่รู้ ผมไม่แน่ใจว่ามาทำอะไรเหมือนกัน” นายลืมพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง อีสครินน่าเลยลองเอามือวางไว้ที่หัวของนายลืม และในไม่นานนัก ตัวของนายลืมก็เกิดหลับไป และดูจากสภาพของเขาแล้ว ตัวของเขาก็กำลังนอนหลับอย่างสบายใจด้วย
“อืม ให้คนพาเขาไปนอนพักหน่อย” อีสครินน่าพูดขึ้น จากนั้นลูอีสก็สั่งคนของเขาให้แบกนายลืมไปในทันที
“เป็นอย่างที่ฉันเดาไว้จริงๆ พวกเขาคือคนที่ฉันตามหา” อีสครินน่าพูดขึ้น
“ครับ ตอนนี้เราคงต้องรอให้พวกเขากลับมาครับ”
“นั่นสินะ ฉันเชื่อว่ายังไงพวกเขาต้องกลับมาแน่” อีสครินน่าพูดขึ้น
“ครับผม ว่าแต่ถ้าพวกเขากลับมา คุณจะทำยังไงต่อหล่ะครับ??” ลูอีสถามอย่างสงสัย
“ฉันจะจัดการเอง ไม่ต้องห่วงไปหรอก” อีสครินน่าพูดขึ้น ในขณะที่ตัวของเธอก็ยืนกำกุญแจอะไรบางอย่างไว้กับตัว จากนั้นก็พูดขึ้น
“ในที่สุดมันก็มาถึงแล้วสินะ”
ณ คอนโดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร สมุนของเบ็ตตี้ได้พามิกิมาที่คอนโดเพื่อพักผ่อน และรอเวลาที่จะเดินทางไปยังสนามบินอู่ตะเภาและไปที่มาเก๊า ลูกน้องของเบ็ตตี้พามิกิมาส่งที่ห้องๆหนึ่ง จากนั้นเขาก็ให้กุญแจห้องกับมิกิในทันที
“คุณพักที่นี่ไปก่อนนะครับคุณมิกิ ถ้าคุณจะติดต่อใคร ขอให้คุณแน่ใจว่าคุณพรางตัวแล้ว ไม่อย่างงั้น ตัวของคุณจะเดือดร้อน”
“ค่ะ แล้วคุณเบ็ตตี้หล่ะคะ??” มิกิถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้เธอกำลังมีธุระหน่ะครับ เธอต้องรีบกบดานก่อนที่ตัวใหญ่ของ UNASO จะเดินทางมาถึง เอาเป็นว่าคุณพักผ่อนให้สบายนะครับ” สมุนของเบ็ตตี้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ปิดประตูห้องให้มิกิอย่างรวดเร็ว มิกิรีบเดินไปที่โต๊ะทำงานตัวหนึ่ง จากนั้นตัวของเธอก็เอาโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาไถเล่นอย่างรวดเร็ว เพื่ออ่านข่าวว่ามีอะไรคืบหน้าบ้าง
“อืม วันนี้จะประชุมสภาแล้วสินะ”
มิกิพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของเธอก็เกิดไอเดียอะไรบางอย่างขึ้นมา เธอรีบพรางสัญญาณโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็ว จากนั้นตัวของเธอก็รีบโทรหาใครบางคนอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล นั่นใครหน่ะ??”
“สวัสดีสุภา นี่ฉันมิกิเอง”
“มิกิ โทรมาปลุกฉันอะไรตอนนี้ ฉันกับเธอไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วนี่??”
“วันนี้เธอจะเข้าอภิปรายไม่ไว้วางใจนี่ ฉันจะส่งข้อมูลอะไรบางอย่างให้เธอ เพื่อเป็นการไถ่โทษก็แล้วกัน”
“นี่ เธอคิดยังไงถึงได้..”
“ไม่ต้องพูดมาก ใช้มันให้เป็นประโยชน์ก็พอ”
“ฉันไม่ยกโทษให้เธอหรอกนะ”
“ก็ไม่ได้ขอให้ยกโทษนี่” มิกิพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ส่งข้อมูลอะไรบางอย่างให้กับสส.คนนั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งข้อมูลที่เธอส่งให้นั้นมีเยอะมาก
“ส่งแล้ว!!”
“ขอให้โชคดีกับการประชุมนะ!!” มิกิพิมพ์ข้อความส่งท้ายให้กับ สส. คนนั้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบโทรหาใครบางคนต่ออย่างรวดเร็ว
“สวัสดี นี่ฉันเองมิกิ ฉันขอเงินดีๆ ไม่ชอบ คุณบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้ ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ” มิกิพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบวางสายอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็เปิดเพลงจาก Youtube แล้วก็นอนลงบนเตียงของห้องคอนโดนั้นอย่างสบายอารมณ์
“มาดูกันว่าใครจะชนะ”
ณ บ้านร้างหลังหนึ่งบริเวณย่านรังสิต หลังจากที่เซนและคิฮาระหนีจากตำรวจที่บุกเข้ามาได้ ในตอนนั้นเซนได้หามร่างคิฮาระที่เลือดท่วมตัว ไปนั่งพักบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินไปเปิดน้ำในห้องน้ำอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบว่าน้ำไหลหรือเปล่า
“เยี่ยม น้ำยังไหลอยู่ คิฮาระ รีบมาล้างตัวก่อนเร็ว” เซนพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบแบกร่างของคิฮาระไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะถอดเสื้อของเธอออกเพื่อล้างเลือด แต่ดูเซนยังไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่
“ถอดเถอะ ยิ่งกว่านี้เราสองคนก็ทำมาแล้วนี่” คิฮาระพูดขึ้น และไม่นานนักเซนก็ถอดเสื้อคิฮาระออกแล้วพยายามล้างเลือดให้เธอ จากนั้นไม่นานเขาก็ลองไปหาเสื้อใหม่แถวตู้เสื้อผ้า และไม่นาน เขาก็เจอกับเสื้อตัวหนึ่ง เขารีบหยิบมันมา จากนั้นก็ใส่ให้กับคิฮาระอย่างรวดเร็ว
“นี่ เสื้อยืดนี่ใส่ไปก่อนนะ” เซนพูดขึ้น คิฮาระรีบคว้าเสื้อมาใส่อย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ ไม่มีเสื้อสวยๆใส่เลยเหรอ??” คิฮาระถามอย่างสงสัย
“ถ้าเข้ากรุงเทพเดี๋ยวซื้อให้ แล้วอีกอย่าง เธอใส่ตัวไหนก็สวยอยู่แล้วนี่” เซนพูดขึ้น ทำเอาคิฮาระถึงกับแอบยิ้มไป และในตอนนั้น ตัวของเธอก็เหลือบไปเห็นแผลของเซน เธอเลยรีบไปดูแผลของเขาอย่างรวดเร็ว
“นี่ แผลของนาย”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันก็หายแล้ว” เซนตอบกลับไป
“แต่ทำแบบนี้เดี๋ยวมันก็ติดเชื้อหรอก” คิฮาระพูดปรามไป
“เฮ้อ ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ตายหรอก เพราะพวกเรามันตายไปแล้วนี่ แล้วอีกอย่าง ที่นี่มันมียาที่ไหนหล่ะ” เซนถามไป และในตอนนั้น ตัวของเซนก็ไปนั่งที่โซฟาแถวๆนั้นอย่างรวดเร็วเพื่อพักผ่อน
“เฮ้อ เหนื่อยจริงๆ ขนาดตายไปแล้วยังเหนื่อยเลย” เซนพูดขึ้น
“อืม ว่าแต่ นายจะเอายังไงต่อไปหล่ะ??” คิฮาระถามอย่างสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เซนตอบกลับไป
“นายคิดว่าไอ้บ้านั่นมันจะให้เงินนายจริงๆเหรอ??” คิฮาระถามอย่างสงสัย
“ฉันไม่ได้หวังเงินจากมันหรอก แต่เอาจริงๆ ฉันอยากจะกลับเข้ากรุงเทพเหมือนกัน” เซนพูดขึ้น
“นี่ จะกลับไปจริงๆเหรอ พวกนครบาลเต็มไปหมดเลยนะ??” คิฮาระถามอย่างสงสัย
“ฉันว่า ฉันอยากจะไปเล่นงานไอ้พวกที่มันตามล่าเราหน่ะ” เซนพูดขึ้น
“อืม เอาเถอะ แต่ถ้าจะกลับไป ต้องฝ่าด่านตำรวจด้วย พวกนั้นตั้งด่านกันให้ตรึมเลย” คิฮาระพูดขึ้น
“ฉันพอจะมีวิธีหน่ะ ไม่ต้องห่วงไปหรอก” เซนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็หยิบเอาปืนพกของเขามา แล้วหยิบเอากระสุนมาใส่อย่างรวดเร็ว
“อืม จะว่าไป จะมีคนแบบพวกเราที่ถูกตามล่าหรือเปล่านะ??” คิฮาระพูดขึ้น
“ฉันว่ามี น่าจะเยอะด้วย งานนี้เราคงจะได้เจอคำตอบที่เราตามหาอยู่หน่ะ” เซนพูดไป
“อืม ถ้าอย่างงั้นฉันของีบหน่อยก็แล้วกันนะ” คิฮาระพูดขึ้น จากนั้นก็นอนที่โซฟาตัวหนึ่งในห้องอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตัวของเซนก็นั่งใส่กระสุนปืนไปโดยไม่พูดอะไรเลย
กลับมายังสถานทูตสหรัฐในประเทศไทย ซูซาคุในตอนนั้นก็นอนงีบอยู่บนเก้าอี้เอนหลังสุดหรูของเธอ ในขณะที่เธอกำลังพักผ่อนอยู่ จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เครื่องหนึ่งติดต่อเข้ามา ในตอนนั้นเธอรีบตื่นมารับอย่างรวดเร็ว
“ซูซาคุพูด”
“คุณซูซาคุครับ ผมเจคอปนะครับ”
“อ้าว เจคอปงั้นเหรอ มีอะไรหรือเปล่า??”
“ตอนนี้เป้าหมาย VIP กำลังจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเช้านี้ครับ”
“ห่ะ จริงเหรอ นายรู้ได้ยังไงหล่ะ??” ซุซาคุถามอย่างตกใจ
“เจ้าหน้าที่ที่สนามบินติดต่อมาทางผมครับ”
“อืม ได้เลย แล้วมีข่าวอะไรอีกหรือเปล่า??”
“มีข่าววงในมาว่าหัวหน้าใหญ่ UNASO จะเดินทางมาที่เมืองไทยครับ”
“งั้นเหรอ ดูเหมือนว่าที่นี่กำลังจะต้องรับศึกใหญ่เลยสินะ เอาเถอะ ยังไงก็ขอบใจมาก” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว ตัวของเธอนอนนึกอะไรไปซักพัก จากนั้นเธอก็เอาโทรศัพท์ของเธอติดต่อกับใครบางคนในทันที
“ฮัลโหล ฮันเตอร์ ขอโทษนะคะที่โทรมาปลุก”
“ครับ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ??” ฮันเตอร์ถามอย่างสงสัย
“งานนี้เราคงต้องสืบเรื่องของ VIP ที่จะมาที่นี่แล้วหล่ะ”
“อืม ดูเหมือนว่าเขาจะมาไวกว่าที่คิดนะครับ”
“งานนี้มันต้องมีอะไรรุนแรงแน่ๆ แล้วกรุงเทพก็คงจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ หรือว่าฉันคงต้องติดต่อกับกลุ่มใต้ดินดี” ซูซาคุพูดขึ้นมา
“ห่ะ นี่คุณจะเอาแบบนี้จริงๆเหรอครับ??”
“อืม ฉันคิดแบบนั้น ยังไงก็ต้องรอดูกันต่อ ถ้าเกิดคุณมาทำงานเมื่อไหร่ คุณมาที่ห้องทำงานของฉันในทันทีเลยนะคะ” ซูซาคุพูดขึ้น
“รับทราบครับผม” ฮันเตอร์ตอบไป จากนั้นตัวของเขาก็วางสายไป ส่วนตัวของซูซาคุมองเห็นนาฬิกาที่เพิ่งจะเช้า ตัวของเธอก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำของเธอ จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำไปในทันที
กลับมายังถ้ำของวิบัติ ในตอนนั้นตัวของวิบัติได้เกณฑ์กำลังวิญญาณของเขาเพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือสิ่งปริศนาที่พยายามติดต่อกับเขา เพราะในตอนนี้ตัวของเขารู้สึกได้ว่าสิ่งปริศนานั้นใกล้เข้ามาถึงตัวเขาแล้ว
“หากมันเหยียบลงบนแผ่นดินนี้เมื่อใด พวกเจ้าก็จัดการมันได้เลย” วิบัติออกคำสั่งไป
“รับทราบขอรับนายท่าน!!”
“ดี ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันกำลังจะใกล้เข้ามาแล้ว” วิบัติพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ตัวของเขาก็เกิดภวังค์อะไรบางอย่างขึ้นมา จากนั้นตัวของเขาก็ไปนั่งลงบนแท่งนั่งของเขาอย่างรวดเร็ว
“นี่นายจะเอาแบบนี้จริงๆเหรอ??”
“เออ กูอยากจักรู้ว่ามึงจะแน่ซักแค่ไหน” วิบัติพูดขึ้น
“ฉันว่าบอกให้พวกมันอยู่เฉยๆจะดีกว่า”
“เฮ้อ มีปัญญาก็ลองดูสิวะ” วิบัติตอบไป
“เอาเถอะ ถ้าอยากจะลองก็ลองดู แต่ถึงยังไง มันก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“เฮ้อ มันทำไม่ได้ แต่กูอาจจะทำได้นะเว้ย” วิบัติตอบไป
“ทำได้อย่างงั้นเหรอ ก็ลองดู แต่ฉันจะยังไม่ฆ่าแกหรอก เพราะฉันมีข้อแลกเปลี่ยนกับนาย”
“ข้อแลกเปลี่ยนอันใดของมึงวะ??” วิบัติพยายามจะถามกลับไป แต่ในตอนนั้น เสียงปริศนามันก็หายวับไปแล้ว ทำเอาตัวของเขาได้สติขึ้นมาอีกครั้ง
“จักเอาเยี่ยงไรต่อขอรับนายท่าน??”
“ยังไม่ต้องไป อยู่ที่นี่ก่อน พวกเจ้าสู้มันมิได้ดอก” วิบัติพูดขึ้น
“มันพูดอันใดกับนายท่านขอรับ??”
“มันบอกมันจะมีข้อตกลงกับข้า แต่เอาเถอะ ข้าจักคอยดู ว่ามันจะทำอย่างไรต่อ” วิบัติพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็กลับไปที่แท่นนั่งของเขาต่อ
กลับมายังเครื่องบินพาณิชย์ซึ่งพา The Green และคณะวิทยาศาสตร์ของเธอเดินทางมายังประเทศไทย ในตอนนั้นแอร์ประจำเครื่องก็รีบเดินมาหา The Green และก็เอาอาหารเช้ามาให้กับเธอด้วย
“อาหารเช้าค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ วางไว้ตรงนั้นเลยค่ะ” The Green พูดขึ้น จากนั้นแอร์คนนั้นก็วางอาหารไว้ที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
“ในตอนนี้ เราคาดว่าจะถึงประเทศไทยในช่วงเที่ยงวันค่ะ”
“อืม ดี แล้วมีปัญหาดีเลย์หรือเปล่า??” The Green ถามไป
“ไม่มีค่ะ ตอนนี้ทุกอย่างปกติค่ะ”
“อืม ดี ไปได้แล้วหล่ะ” The Green พูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก ตัวของเธอก็นั่งลงบนที่นั่งของเธอที่มีโน๊ตบุ๊ตวางอยู่ จากนั้นตัวของเธอก็เข้าไปในโปรแกรมแชทอย่างรวดเร็ว
“เราใกล้จะถึงกรุงเทพแล้ว”
“ครับผม ไม่ทราบว่าคุณจะทำอะไรต่อครับ??”
“ก่อนอื่นเลยต้องรีบติดต่อกับคริสเตียลกับหน่วยของเขา” The Green พิมพ์ไป
“ครับผม ตอนนี้พวกเขากำลังรอคุณอยู่ครับ”
“แล้วเรื่องโรงแรม คุณจัดการได้หรือยังหล่ะ??” The Green ถามไป
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณเช็คอินเข้าวันนี้ได้เลยครับ”
“อืม ดี ถ้าเกิดฉันไปถึงแล้วจะไปที่โรงแรมก่อนเลย” The Green ตอบไป
“ครับผม แล้วผมจะส่งคนไปคุ้มกันนะครับ”
“เอาเถอะ เรื่องนี้ต้องเงียบที่สุด หวังว่าจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะคะ” The Green พิมพ์ทิ้งท้ายไป จากนั้นตัวของเธอก็หยิบเอาอาหารเช้าที่แอร์ให้เธอมานั่งทานอย่างรวดเร็ว
กลับมายังเซฟเฮ้าส์ของสส.สุรสิงห์ ในตอนนั้นตัวของเขาก็แต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าประชุมสภาในวันนี้ หลังจากที่ใส่สูทตัวเก่งของเขาเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาหาเขา จากนั้นตัวของสิงห์ก็หยิบมันมารับสายในทันที
“ฮัลโหล ว่ายังไงผู้พัน??”
“เมื่อเช้าผมเพิ่งจะติดต่อกับคนในหน่วย UNASO พวกเขาบอกว่ากำลังจะปิดฉากกลุ่มผู้เกิดใหม่ในไทยครับ”
“ให้มันได้อย่างงั้นจริงๆเถอะผู้พัน ตอนนี้ผมกำลังจะซวยแล้ว” นายสิงห์พูดขึ้น
“ผมเข้าใจครับท่าน”
“แล้วเรื่องสส.ฝ่ายค้านที่หายตัวไป คุณจะอธิบายกับผมยังไง??” นายสิงห์ถามไป
“ท่านครับ ทางผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยจริงๆนะครับ”
“วันนี้เรากำลังจะโดนอภิปรายกันเรื่องนี้แล้ว ถ้าเกิดพวกนั้นโจมตีเราเรื่องนี้ได้ พวกเราได้ตายกันหมดแน่ คุณรู้หรือเปล่า??” นายสิงห์ถามไป
“ผมจะระดมคนช่วยกันหาเองครับ”
“เออ เอาเถอะ คุณต้องรีบจัดการแล้ว เพราะไม่ใช่ผมที่จะจบ คุณเองก็จะจบด้วยเหมือนกัน ได้ยินว่าท่าน ผบ.ทบ. กำลังระแคะระคายเรื่องนี้แล้วนี่” นายสิงห์พูดขึ้น
“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้น่าครับ”
“เอาที่คุณสบายใจเลย แต่เรื่องมันต้องรีบจบ ไม่อย่างงั้นได้ซวยกันหมดแน่ เอาเป็นว่าผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณก็แล้วกัน” นายสิงห์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็วางสายโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้น ตัวของเขาก็รีบโทรศัพท์ติดต่อหาใครบางคนอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล ลูกฉันเป็นยังไงบ้าง??”
“ครับท่าน คุณแสนกำลังนอนอยู่ครับ”
“แกแน่ใจนะ ว่าลูกฉันมันไม่ทำอะไรโง่ๆหน่ะ??” นายสิงห์ถามอย่างสงสัย
“แน่ใจสิครับท่าน”
“เออ จับตาดูมันไว้ด้วย อย่าให้มันทำอะไรบ้าๆเด็ดขาด” นายสิงห์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วางสายในทันที และในขณะเดียวกัน เลขาของเขาก็เดินเข้ามาในห้องของเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านคะ เอกสารเตรียมพร้อมแล้วค่ะ”
“อืม ดี ฉันกำลังเบื่อๆเลย” นายสิงห์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ถอดกางเกงออกอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวเลขาของเขาก็เดินมาหาเขาราวกับว่าเธอรู้ดีกว่าต้องทำอะไรต่อ
กลับมายังห้องพักของนายแสน ซึ่งในตอนนี้ตัวของเขากำลังนอนอยู่บนเตียงหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมานาน โดยที่บอดี้การ์ดของเขาก็ยังคงอารักขาเขาอย่างเต็มกำลัง และในขณะเดียวกันนั้นเอง พยาบาลคนหนึ่งก็เข้ามาในห้องๆนั้น จากนั้นก็เข็นอะไรบางอย่างมาให้ไว้ที่เตียงของนายแสน จากนั้นก็พูดขึ้น
“อาหารเช้าค่ะ”
“คุณพยาบาล รบกวนช่วยชิมก่อนได้หรือเปล่าครับ??” บอดี้การ์ดถามไป
“มันเป็นระเบียบค่ะ ฉันทำไม่ได้ค่ะ” พยาบาลพูดขึ้น จากนั้นตัวของบอดี้การ์ดก็เอาหลอดทิ่มลงไปที่ถ้วยโจ๊ก จากนั้นก็เอาเข้าปากในทันที
“อืม ไปได้แล้ว” บอดี้การ์ดพูดขึ้น จากนั้นพยาบาลก็เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ ไม่รู้ว่าคุณหนูจะฟื้นเมื่อไหร่ จะเอายังไต่อดีหล่ะ??” บอดี้การ์ดคนหนึ่งถามเพื่อนของเขา
“ก็คงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปหน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก เรายึดอาวุธคุณหนูมาหมดแล้วนี่” บอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งพูดเสริม
กลับมายังสถานที่กบดานของดันเต้ หลังจากที่โดรนขนส่งพากลุ่มของนาวินกลับมาหลังจากการทำภารกิจ โดรนลำนั้นก็ค่อยๆจอดบริเวณซากตึกซึ่งดันเต้ได้ทำลายทิ้งเพื่อปกปิดหลักฐาน พวกของนาวินรีบเดินไปยังประตูบังเกอร์ซึ่งถูกปิดบังไว้ด้วยซากตึก ดันเต้ไปเปิดประตูโดยใช้รหัสของเขา จากนั้นก็รีบเข้าไปยังห้องใต้ดินในทันที พวกเขาเดินลงมายังห้องใต้ดินเรื่อยๆ ไม่นานนัก พวกเขาก็พบกับอีสครินน่าที่กำลังยืนรอพวกเขาอยู่ พัตติยารีบวิ่งไปหาอีสครินน่าอย่างรวดเร็ว
“อีสครินน่า มารอตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย??”
“ก็ซักพักแล้วหล่ะ ดีแล้วที่พวกคุณปลอดภัยกลับมา” อีสครินน่าพูดขึ้น และในตอนนั้น นายลืมที่ได้เห็นอัญชันก็รีบมาหาอัญชันอย่างรวดเร็ว
“พี่อัญชัน พี่กลับมาแล้ว!!”
“อืม ไม่เป็นไรแล้วนะนายลืม” อัญชันพูดขึ้น
“เอาหล่ะ วันนี้พวกเราเล่นงานพวกมันจนราบคาบเลยแหะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ภาภินก็เดินออกมาจากห้องๆหนึ่ง แล้วรีบเดินมาหานาวินอย่างรวดเร็ว
“พี่วิน ดีที่พี่ปลอดภัยกลับมา ผมลองตามความเคลื่อนไหวของสายการบินที่คุณดันเต้บอก พบว่ามันจะจอดที่สุวรรณภูมิวันนี้ ก่อนเที่ยงครับ” ภาภินพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่ามันจะมาเร็วกว่าที่คิด ยังไงเราก็ต้องเตรียมรับศึกใหญ่แล้วหล่ะ” ดันเต้พูดขึ้น
“เฮ้อ มันจะแน่ซักแค่ไหนเชียวไอ้บ้านั่นหน่ะ??” ฮารุถามไป
“อย่าประมาทมันก็แล้วกัน ถ้าคุณดันเต้พูดแบบนี้ แสดงว่ามันต้องมีดีแน่ๆ” เวียนพูดขึ้น
“จะว่าไป พวกคุณกลับมาก็ดีแล้วหล่ะ ฉันมีเรื่องที่จะบอกพวกคุณทุกคน” อีสครินน่าพูดขึ้น
“ห่ะ เรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอครับ??” นายลุ้นถามอย่างสงสัย
“เรื่องทั้งหมด มันเกิดอะไรขึ้น แล้วจุดเริ่มต้นว่ามันเป็นยังไง แต่พวกนายต้องไม่เชื่อเรื่องนี้แน่ๆ” อีสครินน่าพูดขึ้น ทำเอาทุกคนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“ห่ะ นี่คุณรู้เหรอครับว่าพวกเราเป็นแบบนี้ได้ยังไง??” โลร็องต์ถามอย่างสงสัย
“ใช่ค่ะ แล้วก็คุณนาวิน เรื่องนี้คุณต้องรู้ให้เยอะหน่อย ถ้าอยากจะรับมือกับไอ้คนที่จะมาที่นี่ได้” อีสครินน่าพูดขึ้น
“หมายถึงไอ้โซนิคนั่นหน่ะเหรอ เราไม่กลัวไอ้ระยำนั่นหรอก” อากิระพูดขึ้น
“นี่ ลองฟังเธอก่อนสิ ไอ้คนที่เรากำลังจะปะทะกับมัน อาจจะมีดีกว่าที่เราคิด” ลูโดวิกพูดขึ้น
“อืม จะว่าไป เรื่องผู้เกิดใหม่ทั้งหมดนี่ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน” โจไซอาห์พูดขึ้น
“ว่าแต่ มันคืออะไรกัน ที่บอกว่าคุณรู้จุดเริ่มต้นหน่ะ??” อินเนสซ่าถามอย่างสงสัย
“ความจริงแล้ว พวกคุณเป็นแค่ความผิดพลาดหน่ะ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานหลายหมื่นปีแล้ว ตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกใบนี้หน่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น
“ห่ะ พระเจ้าสร้างโลก หมื่นปีงั้นเหรอ นี่ตกลงพระเจ้าสร้างโลกนี้จริงๆเหรอเนี่ย??” ลันโทสถามอย่างสงสัย
“เออ นั่นสิครับ ผมนี่ตื่นเต้นแล้วนะครับเนี่ย??” ซีโร่ถามไป
“แล้วยังไงต่อหล่ะคะ หนูก็อยากรู้ค่ะ” ลาลินพูดเสริม
“อืม คุณนาวิน คุณตั้งใจฟังที่ฉันพูดให้ดีนะคะ ฉัจอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย” อีสครินน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นนาวินก็ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“คุณคือความหวังที่จะกู้สถานการณ์นี้ได้” อีสครินน่าพูดขึ้น
“ผมอย่างงั้นเหรอ??” นาวินถามอย่างแปลกใจ
ณ ลานบินแห่งหนึ่ง สนามบินสุวรรณภูมิ กองกำลังของคริสเตียลได้เดินทางมารับใครบางคนตามที่ลีน่าได้สั่ง ลีน่าในตอนนั้นรีบคุยแชทเพื่อติดต่อกับใครบางคน ส่วนลูกน้องของคริสเตียลก็ยืนรอกันอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ในขณะที่ตัวของคริสเตียลกำลังยืนอยู่แถวนั้น คริสเตียลก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งเข้ามา เขาเดินปลีกววิเวกไปอีกด้านหนึ่งของพื้นที่ จากนั้นก็รีบสายในทันที
“ฮัลโหล”
“คุณจำเสียงนี้ได้หรือเปล่าคะ??”
“อ่า ครับ จำได้ครับผม” คริสเตียลตอบกลับไป
“ตอนนี้ฉันมาเมืองไทยนะคะ”
“อ้อ ครับ คุณมาถึงหรือยังครับ ผมจะไปรับ??”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยว VIP ของคุณจะสงสัยเอา”
“อ้อ จริงด้วยสิครับ ถ้าอย่างงั้น คุณจะมาที่นี่หรือเปล่าครับ??”
“ฉันเช่าโรงแรมอยู่ในกรุงเทพ ไม่ต้องห่วงค่ะ ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้คุณรายงานฉันทุกอย่าง”
“รับทราบครับผม ผมจะทำตามนั้นครับ”
“แล้วเรื่องไอ้ VIP นั่น ตอนนี้ก็แกล้งเออออกับมันไปก่อน แล้วค่อยมารายงานฉันว่ามันเคลื่อนไหวอะไรบ้าง เบื้องบนสั่งเก็บมันให้ได้ ไม่ว่าจะยังไง”
“รับทราบครับผม ผมรับรองว่ามันไม่รอดแน่ๆ”
“เอาไว้ ฉันจะติดต่อคุณไป ถ้ามีอะไรนะ” ปลายสายนั่นพูดทิ้งท้าย จากนั้นก็วางสายไปในทันที และไม่นานนัก ตัวของเขาก็รีบเดินไปสมทบกับคนอื่นอย่างรวดเร็ว
“อ้าว ท่านครับ ไปไหนมาครับ??” ฮาเวิร์ดถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก ไว้ฉันจะนัดคุยกับพวกนาย” คริสเตียลตอบกลับไป
“เฮ้อ แล้วนี่เราต้องยืนรออีกนานแค่ไหนเนี่ย??” เวอร์รีนถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง ลีน่าก็เดินมาหาพวกเขาในทันที
“ทุกคน เตรียมตัวไว้ พวกเขาจะมาแล้ว”
“ครับ รับทราบครับผม” จ่าชัยตอบกลับไป
“เฮ้อ หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย” กาลีน่าแอบบ่นไป
“ก็บอกให้ซื้ออะไรกิน ทำไมไม่ซื้อหล่ะแม่คุณ??” รูกี้ถามไป
“เอาเถอะ เดี๋ยวไปกินตอนเที่ยงก็ได้นี่” รูกิพูดขึ้น
“อืม แล้วนี่เมื่อไหร่พวกนั้นจะมาถึงหล่ะ??” แสงจันทร์ถามอย่างสงสัย
“คงอีกไม่กี่นาทีหล่ะมั้ง??” ยูริพูดไป
“ไม่กี่นาทีก่อน พวกมึงก็บอกว่าอีกไม่กี่นาที” วูฟพูดขึ้น และไม่นานนัก เครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่งก็ค่อยๆลงจอดที่รันเวย์ กลุ่มของคริสเตียลในตอนนั้นได้แต่ยืนรอให้เครื่องบินมาจอด
“เอี๊ยด!!”
“นี่ รีบไปเอาบันไดไปรับเขาเร็ว!!”
ลีน่าออกคำสั่งไป จากนั้นไม่นานบันไดก็ไปจอดรับที่ประตูเครื่องบิน จากนั้นประตูเครื่องก็ค่อยๆเปิดออก ลีน่ารีบวิ่งไปบนเครื่อง พร้อมกับอุปกรณ์ที่เธอขโมยมาจากดันเต้ไปด้วย และไม่นานนัก เธอก็เจอกับคนที่เธอต้องการเจอ
“ที่รักขา คิดถึงจังเลยค่ะ!!”
ลีน่าหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นไม่นาน เธอแล้วก็ชายปริศนาในชุดฮู้ดก็ปรากฏตัวให้กลุ่มของคริสเตียลได้เห็น
===================================================================
โซนิคปรากฎตัวแล้ว สงครามจะดำเนินต่อไปอย่างไร และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย
ความคิดเห็น