คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่10 ของกำนัล2
ประกาศ! นิยายเรื่องนี้มีฉบับอีบุ๊คแล้ว
|
ซือเร่อใช้เวลาอาบน้ำครู่หนึ่งจึงเตรียมตัวเข้านอน แม้ว่าจะยังไม่ดึกมาก แต่นางเป็นคนรักษาสุขภาพยิ่งชีพ
ไม่ต้องพูดถึงการทำงานหนัก แค่หยิบจับอะไรเล็กๆ น้อยๆ นางยังไม่ยอมทำเอง การขยับร่างกายจนเหงื่อออกอันเป็นการสลายความหอมแห่งเรือนร่างยิ่งไม่มี
ซือเร่อคือสตรีชั้นสูงที่รักสบายรักอำนาจรักเงินทอง ไม่ประสงค์ให้ตนเองต้องลำบากจนผิวหยาบกร้านแม้แต่น้อย การนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ผิวนวลเนียนมีริ้วรอย
จังหวะกำลังจะดับเทียนเพื่อเตรียมเข้านอนตั้งแต่พลบค่ำ พลันมีสาวใช้ส่งเสียงจากด้านนอกว่าเจิ้งเทียนฉีต้องการพบนาง
ซือเร่อขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นสวมชุดคลุมอีกชั้นแล้วเดินออกไปตามคำสั่งทันที
เมื่อมาถึงห้องรโหฐานของตำหนักอ๋อง พบว่าชินอ๋องเองก็ยังไม่เข้านอนเช่นกัน เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะมุมโปรด โดยมีบ่าวชายคนสนิทยืนอย่างสงบเสงี่ยมเยื้องไปทางด้านหลังเพื่อรอรับใช้ไม่ห่างกาย
ภายใต้แสงเทียนส่องสว่าง ดวงหน้าของชายชรานิ่งสงบ สายตาที่มองกวาดตัวอักษรในหนังสือเรียบเฉยไม่เผยความรู้สึก แต่ซือเร่อก็ยังพอจะมองออกว่าเจิ้งเทียนฉีกำลังรอนางอยู่ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อย ทั้งยังต้องการพูดคุยเรื่องสำคัญ
เรื่องนั้นคงไม่พ้นเรื่องคู่ครองที่ชินอ๋องหมายมั่นให้นาง
“ท่านพ่อบุญธรรม”
เสียงเรียกอ่อนหวานของเด็กสาวดังขึ้น ยังผลให้อ๋องเฒ่าต้องละสายตาจากหนังสือขึ้นมอง
“กลับมาแล้วหรือหยี่ซิน?”
“เพคะ”
แม่นางน้อยเดินเข้าห้องมาด้วยกิริยานอบน้อมนุ่มนวล
“นั่งลงก่อน”
สิ้นเสียงของชายชรา ซือเร่อจึงนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม สาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ห่างเดินเข้ามารินน้ำชาส่งให้อย่างพินอบพิเทา
ความเงียบครอบงำชายหญิงต่างวัยทั้งสองอยู่ชั่วขณะ ครู่หนึ่งอ๋องเฒ่าจึงเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ข้าได้ข่าวว่าวันนี้เสี่ยวเล่อมอบขนจิ้งจอกหิมะให้เจ้า”
คำถามนี้ทำซือเร่อถึงกับคิ้วกระตุก
เจิ้งเทียนฉีถามต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าขนจิ้งจอกหิมะหมายถึงสิ่งใด”
ซือเร่อกะพริบตาปริบๆ “พ่ะ...เพคะ”
แน่นอนว่านางรู้ แต่นางไม่ต้องการยอมรับ
เมื่อนึกถึงรัชทายาท นางจึงมิได้คำนึงถึงคุณค่ามหาศาลอันหาที่เปรียบมิได้ของมันดั่งที่ควร
นางคิดแค่ว่ามันเป็นสัตว์อนุรักษ์ชนิดหนึ่งที่เอาไว้เพื่อให้เชื้อพระวงศ์ชายไล่ล่า ใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องมันได้ก็เท่านั้น
แต่ถึงมันจะมีมูลค่าพิเศษปานนั้น จะอย่างไรก็ยังคงเป็นเพียงซากสัตว์ที่นางต้องการหนีห่าง
เด็กสาวยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดในใจ
อ๋องเฒ่าเหลือบมองเล็กน้อย เห็นสีหน้าของซือเร่อเผยความไม่ยินยอมออกมา
“ทำไมหรือ? เจ้าไม่ชอบ?”
เด็กสาวเม้มปาก
เจิ้งเทียนฉีขมวดคิ้ว “เสี่ยวเล่อมิใช่บุรุษโลเล เดิมทีเขามิใช่ชายหนุ่มเจ้าสำราญที่จักพึงใจสตรีใดง่ายๆ กำแพงในหัวใจยังสูงชันปานนั้น แต่เขาชอบเจ้า จิ้งจอกหิมะเป็นเครื่องยืนยันได้”
ซือเร่อยิ่งหลุบตาขบริมฝีปากจนแก้มพอง
หากนางมิได้พบพานกับองค์รัชทายาทเจิ้งซงหยวน ก็คงหลงใหลใจระเริงต่อเจ้าของซากสัตว์นั่นอยู่หรอก หึ!
เจิ้งเทียนฉีเห็นกิริยาเช่นนั้นของซือเร่อพลันนึกถึงหลานชายอีกคนขึ้นมาทันควัน วันนั้นทั้งสองมองหน้ากันไปมาด้วยดวงตาเปล่งประกาย
“เจ้าชอบรัชทายาท?”
แววตาซือเร่อสว่างวาบทั้งแวววาวสั่นระริกยากระงับ
และนั่นย่อมเพียงพอแล้วสำหรับคำตอบ
ชินอ๋องจึงมีสีหน้าบึ้งตึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตลอดเวลาหลายปี มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าไม่เคยขัดใจเจ้า สิ่งใดที่คิดว่าดีที่สุดย่อมนำมามอบให้เจ้าโดยไม่เกี่ยงว่ายากเย็น มีเพียงเรื่องแต่งงานเท่านั้นที่บิดาเช่นข้าไม่อาจไม่เคร่งครัดจัดหา ยิ่งไม่อาจไม่ดูแลจัดการให้ เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเล่อพึงใจในตัวเจ้า และที่สำคัญที่สุด เขายังเป็นบุรุษที่ดีอันดับหนึ่งที่ข้าหมายตาเอาไว้ให้กับเจ้า ถึงขั้นรวบรัดให้เขาได้เป็นบุรุษของเจ้า เจี้ยนอ๋องไม่เหมือนรัชทายาท ในสายตาข้า เขาสุขุมหนักแน่น พึ่งพาได้ หากรักแล้วย่อมมั่นคงไม่แปรผัน ภายภาคหน้าหากข้าไม่อยู่แล้ว เขาจะดูแลเจ้าอย่างดี การแต่งงานระหว่างพวกเจ้าทั้งสองต้องเกิดขึ้นไม่อาจเปลี่ยนแปลง เข้าใจหรือไม่?”
ซือเร่อได้ฟังก็ได้แต่นึกค้านในใจ รัชทายาทเจิ้งซงหยวนต่างหากถึงจะเป็นบุรุษที่ดีเลิศในปฐพี เหมาะสมกับนางที่สุด
แม้ใจคิดเช่นนั้น หากแต่ภายนอกกลับรักษาสีหน้าสงบ ไร้ซึ่งคำใด
เมื่อกลับเข้ามาในห้องส่วนตัว ซือเร่อก็เก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ค่อยอยู่
ยามเจอเรื่องขัดใจอะไรมา จากที่เคยนุ่มนวลอ่อนโยนก็จะเกรี้ยวกราดให้ได้เห็นในห้องส่วนตัว
นางขว้างชุดถ้อยชาสำริดตกกระแทกพื้นอย่างแรง สิ่งของในห้องกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด
ทั้งจื่อซิ่วและเสี่ยวชุ่นล้วนชาชินและเข้าใจนายสาว พวกนางรีบเข้ามาเก็บกวาดพลางปลอบใจยกใหญ่
เสี่ยวชุ่นเอ่ยก่อน “ท่านหญิงใจเย็นเจ้าค่ะ”
จื่อซิ่วรีบปลอบ “ใช่เจ้าค่ะ อาละวาดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา มิสู้ใช้เวลาที่มียามนี้ระหว่างที่เจี้ยนอ๋องไปทำศึกลอบสานสัมพันธ์กับรัชทายาทให้แน่นแฟ้นดีกว่า เมื่ออีกฝ่ายกลับมา ท่านจะได้มีรัชทายาทช่วยงัดข้อปะไร”
เมื่อได้ยินวาจานั้น ดวงตาคู่งามของซือเร่อพลันสว่างวาบ
เรื่องความเคลื่อนไหวของบุคคลสำคัญในราชสำนักมักรวดเร็วเสมอ เรื่องที่เจี้ยนอ๋องได้รับราชโองการไปปราบศึกซยงหนูก็มิใช่ความลับอะไร จื่อซิ่วจึงล่วงรู้และนำมาบอกกล่าวต่อเจ้านายของตนได้ทันที
ซือเร่อได้ยินถึงว่าที่คู่หมั้นไม่อยู่ในเมืองหลวงจึงสงบสติแล้วนั่งลงที่ขอบเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ แววตาของนางแดงก่ำ ใบหน้ายังระบายโทสะไม่เจือจาง
จื่อซิ่วเข้ามากระซิบอีกคราว่า “รัชทายาทยังอยู่ทั้งคน อำนาจของคนผู้นี้เป็นรองเพียงฮ่องเต้ หากท่านหญิงเข้าหาเขา สานสัมพันธ์กับเขา ต่อไปท่านจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังซือเร่อจึงเริ่มสบายใจ “จริงด้วย...”
นางเหยียดยิ้มมุมปาก ระบายลมหายใจ เริ่มคลายโทสะ ค่อยๆ ล้มตัวลงนอน ก่อนหลับตาพักผ่อนทว่ายังมิวายครุ่นคิดหนักหน่วง
นางไม่ต้องการแต่งงานกับเจิ้งเซียวเล่อจริงๆ
นางกำลังหมายมาดตำแหน่งพระชายาเอกในรัชทายาท มิใช่พระชายาในอ๋องมัจจุราชฉายากลืนเมือง
วันนี้นางได้ท่องเที่ยวกับรัชทายาท ได้เห็นน้ำพระทัยอันงดงามของเขา พระองค์ไม่เย่อหยิ่งถือตัวว่าตนเป็นบุรุษสูงศักดิ์เลยสักนิด เปรียบเทียบกับชายอีกคนช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
เจิ้งเซียวเล่อแม้หล่อเหลาคมคายแต่เย็นชาเย่อหยิ่งถือตัวทั้งยโสทะนงตน ท่าทางของเขาบ่งบอกชัดเจนว่ามีกำแพงสูงลิบ ไม่ต้องการให้ใครเข้าถึงโดยง่าย
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับชายหนุ่มผู้สุภาพอ่อนโยนเข้าถึงง่ายอย่างเจิ้งซงหยวน จึงแตกต่างกันมากมายยิ่งนัก
หากนางมิได้เจอรัชทายาทย่อมไม่เห็นชัดขนาดนี้
บุรุษผู้หนึ่งทั้งหล่อเหลางามสง่าทั้งสุภาพอ่อนโยนอบอุ่นเปี่ยมเสน่ห์น่าคบหา ยังมีตำแหน่งสูงส่งเทียมฟ้าปานนั้น
และที่สำคัญที่สุด ซือเร่อยังล่วงรู้มาว่ารัชทายาทยังไม่มีกระทั่งอนุชายา แม้แต่สาวงามก็ยังไม่มีเหมือนเจี้ยนอ๋องผู้นั้น
ดูเถิดทั้งสูงส่งและบริสุทธิ์เกินจะกล่าว
มิน่าเล่าถึงมีแต่หญิงสาวหมายปองทั่วเมือง
หากนางได้ครอบครองบุรุษผู้นี้จักดีสักเพียงใด
เห็นทีคงชักช้ามิได้แล้ว ต้องรีบหาตัวเฟิงลี่ให้เจอแล้วพานางมาที่นี่โดยไว
ยิ่งคิดซือเร่อยิ่งรู้สึกอึดอัดร้อนรุ่มเอ่ยคำใดไม่ออก จึงได้แต่นอนหลับตาเงียบงันปล่อยให้สาวใช้เก็บกวาดห้องและปรนนิบัตินางเข้านอน
นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค คลิก>>>
|
ความคิดเห็น