ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Episode 15
จีวอนได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องของตัวเองในเวลาเช้ามืดบอกว่ามีเรื่องด่วน
เลยทำให้เขาวางหนังสือในมือก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เตรียมที่จะออกจากบ้าน
ร่างสูงเดินผ่านห้องของฮันบินก่อนจะมองไปที่ห้องของยุนฮยองก็พบว่าเจ้าของห้องไม่ได้กลับมาบ้านในวันนี้
พอนึกไปถึงว่าจะพาคนตัวเล็กไปซื้อเสื้อผ้าเตรียมไปงานแต่งงานของเพื่อนตัวเองจีวอนเลยเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“ลุกเร็ว” จีวอนเดินเข้าไปปลุกฮันบินที่ตอนนี้นอนกอดตุ๊กตามิกกี้เม้าส์อยู่บนเตียง
แต่เสียงของจีวอนทำให้ฮันบินแค่ขยับตัวเท่านั้น
“ตื่นได้แล้ว!” จีวอนลองเขย่าตัวฮันบินเบาๆ
ดูเหมือนมันจะได้ผลนะ
“ขออีกห้านาทีนะฮะแม่” ฮันบินตอบมาด้วยเสียงที่งัวเงียพลางซุกหน้าลงไปที่พุงของตุ๊กตา
จีวอนยกข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูนาฬิกาก่อนจะดูว่ามันครบห้านาทีตามที่อีกคนบอกแล้ว
“ลุก!” จีวอนปลุกฮันบินอีกครั้ง
“ขออีกสิบนาทีนะฮะ”
อีกสิบนาทีหรอ
…
ไม่ได้แล้วฮันบิน
จีวอนนึกสนุกในใจก่อนที่จะอยากแกล้งคนที่ปลุกไม่ยอมตื่น
ร่างสูงจัดการก้มหน้าลงไปที่ลำคอของคนที่นอนอยู่ก่อนจะหายใจลดต้นคอขาว
ร่างบางขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะส่งมือมาดันหน้าจีวอนให้ห่างออกไปทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
หึ..
ยิ่งคนตัวเล็กทำแบบนั้นยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งมากกว่านี้
จีวอนเลยขึ้นคร่อมฮันบินไว้ก่อนจะก้มลงไปใช้ปลายจมูกเขี่ยไล้ไปมากับปลายจมูกอีกคนที่ตอนนี้ยังคงนอนนิ่งอยู่
ริมฝีปากหนากดจูบริมฝีปากอีกคนอย่างแผ่วเบาก่อนที่ร่างสูงจะไล้เลียริมฝีปากบางแล้วกัดมันย้ำๆ
มันนิ่มราวกับเยลลี่ที่มีรสหอมหวาน
จีวอนใช้ลิ้นดันให้ปากของคนใต้ร่างเผยอออกก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากอย่างชำนาญ
หยอกล้อกับลิ้นเล็กพลางดูดดุนอย่างเร้าร้อนแล้วจากนั้นรสจูบก็เริ่มรุนแรงขึ้นตามแรงอารมณ์
“อือ..”
!!!
ฮันบินตื่นเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังหายใจไม่ออก
แต่ตื่นมาก็ตกใจยิ่งกว่าเพราะเจอจีวอนกำลังขึ้นคร่อมเข้าอยู่และจูบเขาอยู่
“ถ้าอีกนิดนายไม่ตื่นฉันจะกินนายเป็นอาหารเช้าแล้วจริงๆ”
จีวอนลุกออกจากตัวฮันบินแล้วเปลี่ยนมานั่งข้างๆบนเตียงแทน
ฮันบินรีบเด้งตัวขึ้นก่อนจะถอยหนีจีวอนจนเกือบจะตกเตียง
“ปลุกผมดีๆก็ได้”
“ฉันปลุกนายดีๆแล้วตื่นซะที่ไหน
ขออีกห้านาทีสิบนาทีอยู่นั้นล่ะ!”
“แล้วคุณมีอะไรรึป่าว
วันนี้วันหยุดผมนะ”
“ไปแต่งตัวซะ
ฉันจะพานายไปข้างนอก”
ในเมื่อจีวอนสั่งฮันบินก็ต้องทำตาม
ร่างบางรีบลุกไปหยิบผ้าขนหนูก่อนจะเข้าห้องน้ำไปแล้วล็อกประตูให้แน่นหนา
คนตัวเล็กยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก รอยที่จีวอนเคยทำที่คอมันหายไปแล้วเหลือแต่ที่ตามตัวเท่านั้น
ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ปากที่บวมเจ๋ออยู่ตอนนี้สงสัยจะไม่ดีแน่ๆ
ฮันบินยังคงยืนเหม่ออยู่หน้ากระจกในหัวคิดอยู่ว่าจีวอนจะพาเขาไปไหน
“ถ้านายไม่ออกมาภายในสิบนาที ฉันจะเข้าไปช่วยนายอาบ!” เสียงของจีวอนที่ดังอยู่หน้าห้องน้ำทำให้ฮันบินหลุดจากการเหม่อลอยก่อนจะลงมืออาบน้ำทันที เขาไม่อยากให้อีกคนเข้ามาช่วยอาบหรอกนะ
“โตแล้ว
อาบเองได้” ฮันบินพึมพำเบาๆในห้องน้ำ
และแน่ใจว่าเสียงเขาไม่ลอดออกไปถึงหูจีวอนแน่นอน
เขาไม่กล้าจะตะโกนให้จีวอนได้ยินเพราะไม่อยากเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีก
เลยทำได้แต่เถียงในใจเท่านั้น
ตอนนี้ฮันบินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ฮันบินเลือกที่จะแต่งตัวสบายๆในวันหยุด ถึงจะยังไม่รู้ว่าจีวอนจะพาเขาไปไหนก็เถอะ
ทั้งคู่เดินออกจากบ้านมาแล้ว จีวอนเลือกที่จะไม่ใช้รถก็เพราะว่าที่จะไปอยู่ใกล้ๆ
เวลาเช้าแบบนี้ยังไม่ค่อยมีใครตื่นกันซักเท่าไร ฮันบินเงยหน้ามองท้องฟ้าก็พบว่ามันเป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นวันใหม่กำลังมาเยือน
“จะไปไหนกันหรอครับ?” ฮันบินถามจีวอนหลังจากที่ทั้งคู่ไม่พูดอะไรด้วยกันตั้งแต่เดินออกจากบ้านแล้ว
“เดี๋ยวถึงแล้วนายก็รู้เองล่ะ” จีวอนตอบ ฮันบินได้แต่ลอบถอนหายใจออกมา
หลังจากที่เดินกันมาสักพัก
จีวอนก็หยุดอยู่ที่หน้าร้านดอกไม้ซึ่งตอนนี้มันเปิดอยู่
ลูกน้องของจีวอนยืนเฝ้าประตูไว้ก่อนที่จะเปิดให้คนที่เป็นนายเข้าไปในร้าน
ฮันบินเดินตามจีวอนเข้าไปทั้งๆที่ยังสงสัยว่าพามาที่นี้ทำไม
เมื่อเข้าไปถึงก็เจอกับศพสี่ศพวางเรียงกันอยู่ที่กลางร้าน
ทั้งมีอยู่ศพเดียวที่ไม่เหมือนศพอีกนั้นก็คือรอยกัดที่คอกับคราบเลือด
“ศพนั้นเจอที่ผับพวกเลือดใหม่เป็นคนทำ
แต่อีกสามศพเจอที่หน้าร้านนี้ล่ะโดนแขวนคออยู่” ยุนฮยองโผล่มายืนข้างจีวอนก่อนจะเล่าให้ฟัง
“พวกเลือดใหม่?” จีวอนท้วนคำของยุนฮยองอีกครั้ง
“อ่าฮะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันมาจากไหน แล้วใครเป็นนายของพวกมัน”
“ผู้ต้องสงสัยก็มีอยู่คนเดียวนั้นล่ะ”
“แต่ก็ไม่น่าจะเอานักท่องเที่ยวมาแขวนคอแบบนี้นะครับ” ฮันบินออกความคิดเห็นบ้าง
“นั้นสิ
เพราะถ้าข่าวนี้กระจายออกไปมีหวังตำรวจได้เข้ามาในเมืองนี้แน่ๆ” ยุนฮยองบอก
“แล้วถ้าคนที่สร้างพวกเลือดใหม่กับพวกที่แขวนคอคนพวกนี้ไม่ใช่พวกเดียวกันล่ะ” จีวอนพูดขึ้นมาบ้าง
“แล้วคนพวกนั้นจะทำไปเพื่ออะไรล่ะ?”
“อยากได้เมืองนี้เป็นของตัวเองคนเดียวล่ะมั้ง”
เสียงของมินโฮดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาในร้านโดยที่มีบีไอกับจินฮวานมาด้วย
ฮันบิพอเห็นบีไอก็เลี่ยงมายืนที่มุมหนึ่งของร้านก่อนจะหันมองออกไปนอกร้านเพราะบีไอหันมายิ้มบางๆให้เขา
ฮันบินไม่อยากจะสนิทกับบีไอเลยสักนิด อาจจะเกลียดขี้หน้าไปเลยด้วยซ้ำ
“ฉันไปรับจินฮวานมาให้ช่วยดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เลยมาช้า ไม่ต้องมามองแบบนี้”
มินโฮรีบบอกเมื่อเห็นจีวอนและยุนฮยองมองเขาสลับกับบีไอ
จินฮวานเดินเข้าไปใกล้ศพแรกที่นอนอยู่ก่อนจะร่ายคาถาแล้วภาพเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตรงหน้าทุกคน
ในภาพเหตุการณ์ที่ฉายขึ้นมาพวกเขาพบว่าคนที่เป็นคนทำเห็นได้แค่เป็นเงาดำๆเหมือนกับที่จีวอนเห็นในภาพเหตุการณ์ของฮันบิน
ไม่เห็นหน้า ไม่เห็นรูปร่างลักษณะ
มันเลยทำให้พวกเขาไม่รู้ได้เลยว่าคนทำนั้นเป็นใคร
“แล้วแบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นคนทำ” จีวอนพึมพำขึ้นมา
“เป็นไปได้มั้ยว่าเป็นพวกนอกรีต
เพราะพวกนายไปคุยกับพวกเขามาแล้วตกลงกันไม่ได้ไม่ใช่หรือไง?”
พอยุนฮยองพูด
มินโฮกับจีวอนก็นึกไปถึงตอนที่จะทำข้อตกลงกับพวกนอกรีตนี้คือสิ่งพวกนั้นจะคุกคามงั้นหรอ
“เผาศพพวกนี้ทิ้งซะ
แล้วเรื่องนี้อย่าบอกให้ใครรู้” จีวอนสั่งโดยเฉพาะประโยคหลังหันไปมองหน้าบีไอเหมือนกับว่าจะต้องการพูดเน้นกับบีไอยังไงแบบนั้น
“แล้วเราจะเอายังไงต่อ?” ยุนฮยองถามพลางมองหน้ามินโฮแล้วจีวอน
“พวกเลือดใหม่ฉันจัดการเอง
ส่วนเรื่องพวกนอกรีตพี่แล้วกันมิโน”
จีวอนบอกพร้อมกับทำท่าจะเดินออกจากร้าน
“เฮ้ย
แล้วฉันล่ะ?” ยุนฮยองรีบโวยวายเมื่อไม่ได้ยินชื่อของตัวเองในคำสั่ง
“ก็เลือกเอาแล้วกันว่าอยากจะไปกับฉันหรือว่ามิโน
ไปกันได้แล้ว” จีวอนหันไปเรียกฮันบินก่อนที่ฮันบินจะเดินไปกอดลาจินฮวานแล้วเดินตามจีวอนออกไป
“จะให้ฉันไปส่งมั้ย?” มินโฮหันไปถามจินฮวาน
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวจุนฮเวมารับ” จินฮวานบอกยิ้มๆเลยทำให้มินโฮกับบีไอขอตัวออกไปก่อนจะทิ้งให้ยุนฮยองและจินฮวานอยู่ด้วยกัน และยุนฮยองเป็นฝ่ายเริ่มชวนจินฮวานคุย
“ไม่แปลกใจเลยหรอ?”
“หืม? เรื่องบีไอน่ะหรอ?” ยุนฮยองพยักหน้าหงึกๆ
“ไม่หรอก
ผมรู้อยู่แล้วว่าฮันบินจะต้องมีดอพเพลแกงเกอร์ของตัวเอง”
“รู้ได้ยังไงน่ะ? สามารถเห็นอนาคตล่วงหน้าได้งั้นหรอ?”
“แค่บางส่วนเท่านั้นล่ะครับ” จินฮวานบอกยิ้มๆ
“เพราะแบบนี้ใช่มั้ยคุณดาร่ากับนายก็เลยไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร?”
ยุนฮยองถามจินฮวานอีก
จินฮวานเลยพยักหน้าตอบกลับไป แล้วทั้งคู่ก็นั่งคุยอะไรกันไปเรื่อยๆ
สักพักจุนฮเวก็มารับจินฮวานออกไปทำให้เหลือยุนฮยองแค่คนเดียว
เขาต้องคิดแล้วสินะว่าจะไปกับจีวอนหรือมินโฮดี แต่สองคนนี้ฝ่ายในน่าจะสนุกกว่ากันนะ
*****
หลังจากที่เดินออกจากร้านนั้นมา
ความเงียบก็ปกคลุ้มทั้งคู่อีกครั้ง จีวอนพาฮันบินมาที่ร้านตัดชุดร้านหนึ่งที่มีอยู่ในเมือง
พี่น้องต้นกระกูลของเขาชอบมาตัดสูทกันที่ร้านนี้
จีวอนเปิดประตูเข้าไปตามด้วยฮันบิน เมื่อเข้าไปถึงฮันบินก็เจอกับมัดผ้าที่มีอยู่หลายสีวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
“สวัสดีครับคุณบ๊อบบี้
มีอะไรให้รับใช้หรอครับ?” ฮันบินคิดว่าคนที่ออกมาตอนรับพวกเขาคนนี้คงจะเป็นเจ้าของร้านแน่ๆ
เขาออกมาตอนรับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“ฉันอยากจะให้ช่วยตัดสูทให้เขาคนนี้หน่อย” จีวอนพูดพลางชี้มาที่ฮันบินเจ้าของร้านเลยหันมามอง
“งั้นเดี๋ยวผมพาไปวัดตัวนะครับ
คุณบ๊อบบี้จะเลือกผ้าเองมั้ย?” เจ้าของร้านหันมาถามจีวอนก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วเจ้าของร้านก็พาฮันบินเข้าไปในห้องวัดตัว
เขาบอกให้ฮันบินรออยู่กลางห้อง มันเป็นห้องที่ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก
ข้างในประกอบไปด้วยกระจก
สายวัดตัวที่ห้อยระโยงระยางกับโต๊ะตัวหนึ่งที่มีประดาษหลายแผ่นวางเรียงกันอยู่
“เอาล่ะ
คุณ…?” เจ้าของร้านหันไปหยิบสายวัดมาไว้ในมือก่อนจะหันมาหาฮันบิน
“ผมฮันบินครับ” ฮันบินตอบอย่างสุภาพพร้อมกับรอยยิ้ม
“โอเคครับคุณฮันบิน
ผมจะวัดตัวคุณแล้วนะ” เจ้าของร้านบอกยิ้มๆ
ก่อนจะเริ่มวัดตัวฮันบิน
เขาวัดทุกส่วนที่ใช้เป็นส่วนในการที่จะตัดชุดสูท
ระหว่างที่วัดตัวไปเจ้าของร้านจะชวนฮันบินคุยไปด้วยมันเลยทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดซึ่งฮันบินชอบมาก
ทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงเรื่องนี้
“คุณฮันบินเป็นอะไรกับคุณบ๊อบบี้หรอครับ?” เจ้าของร้านถามพลางจดสัดส่วนของฮันบินลงไปในกระดาษ
“เอ่อ…พอดีคุณแม่ผมมาฝากให้เขาดูแลน่ะครับ” ฮันบินตอบก่อนจะยิ้มแห้งๆ ก่อนที่เจ้าของร้านจะส่งยิ้มมาให้แล้วบอกว่า
“ถ้างั้นเขาคงดูแลคุณดีเป็นพิเศษเลยสินะครับ คุณคงเป็นคนพิเศษสำหรับเขาแน่ๆ เอาล่ะผมวัดตัวเสร็จแล้ว เราไปข้างนอกกัน” เจ้าของร้านบอกก่อนจะเดินนำฮันบินไป ทิ้งให้เขางงกับสิ่งที่เจ้าของร้านพูด
คนพิเศษบ้าบออะไร
ไม่ใช่หรอ …
ฮันบินเดินตามเจ้าของร้านออกไปก่อนจะเดินมาอยู่ข้างจีวอน
เจ้าของร้านเดินไปที่กองผ้ากองหนึ่งก่อนจะจับๆดูแล้วเดินมาหาพวกเขา
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?” จีวอนถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ
จะให้ผมไปส่งที่บ้านหรือว่าจะมารับเองครับ?” เจ้าของร้านถาม
“ไปส่งที่บ้านแล้วกัน
อีกสามวัน” จีวอนตอบพลางจ่ายเงิน
เจ้าของร้านรับมันก่อนจะนำใบเสร็จมาให้
“ฉันเลือกผ้าไว้แล้ว
กองที่นายจับนั้นล่ะ ฝากด้วยล่ะ” จีวอนพูดก่อนจะเดินออกจากร้านไปตามด้วยฮันบิน
แต่ก่อนจะออกจากร้านฮันบินได้หันไปมองหน้าเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านขยิบตาให้ฮันบินก่อนที่ฮันบินจะส่งยิ้มให้แล้วรีบเดินตามจีวอนไป
“หิวหรือยัง?”
หลังจากที่เดินออกมาจากร้านจีวอนก็หันมาถามฮันบินที่เดินอยู่ข้างกัน
เวลานี้เป็นเวลาเกือบๆเก้าโมงเช้าของวันใหม่แล้ว
ตั้งแต่ตื่นมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องฮันบินเลยสักอย่าง
มันไม่แปลกหรอกที่จะไม่หิว แต่ด้วยความที่ยังไม่อยากกินฮันบินเลยบอกจีวอนไปว่า
“ผมยังไม่หิวครับ”
จ๊อกกก!!
พอฮันบินพูดจบ
ท้องเจ้ากรรมของเขาดันร้องขึ้นมา
คนตัวเล็กลูบท้องตัวเองเบาๆก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มแห้งๆให้จีวอนที่ยืนมอง
จีวอนมองกลับมาด้วยสายตาที่นิ่งเฉยก่อนจะนำหน้าเดินต่อตามด้วยฮันบิน
คงยังไม่ได้กินตอนนี้หรอกมั้ง
…
ฮันบินเดินตามหลังจีวอนพลางคิดในใจไปด้วย
ระหว่างที่เดินคิดอะไรเพลินๆนั้นจีวอนก็หยุดเดินก่อนจะเข้าไปในร้านกาแฟที่อยู่ตรงหัวมุมถนน
เขาเลือกโต๊ะที่อยู่ด้านในสุดที่ไม่ค่อยโดนแสงแดดมากเท่าไร
จีวอนนั่งลงบนเก้าอี้และฮันบินนั่งตัวตรงข้ามกับเขา พนักงานเอาเมนูมายื่นให้
จีวอนสั่งเพียงแค่กาแฟร้อนเพียงอย่างเดียว
“สั่งอะไรมากินซะ
ท้องของนายมันร้องจนน่าหนวกหู” จีวอนบอกกับฮันบินที่กำลังจะสั่งแค่โอวันตินร้อนมากินทำให้เขาต้องก้มลงไปดูเมนูอีกครั้งก่อนจะสั่งโอวันตินร้อนกับชุดอาหารเช้ามาแทน
ตลอดเวลาที่รออาหารมาเสิร์ฟทั้งคู่ไม่พูดคุยกันเลยซักนิด
จีวอนเอาแต่มองไปด้านนอกร้าน ส่วนฮันบินก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นโทรศัพท์
คนภายนอกมองอาจจะดูอึดอัด แต่ทั้งคู่ไม่อึดอัดเลยซักนิด
เพราะต่างคนก็สนใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำไม่มีเวลามาสนใจกันเองมากกว่า
ฮันบินเองก็ไม่อยากจะชวนจีวอนคุยซักเท่าไร
จีวอนเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะชวนฮันบินเลยด้วยซ้ำ
หลังจากนั่งรอไปสักพัก
อาหารที่พวกเขาสั่งไปก็มาเสิร์ฟจีวอนนั่งดื่มกาแฟไปเงียบๆแต่สายตาของเขากับมองคนตรงหน้าจนฮันบินเริ่มรู้สึกประหม่า
ระหว่างที่กินไปก็เหลือบมองจีวอนไปด้วย ในใจได้แต่คิดว่ามองเขาทำไม
“โอ๊ย”
แล้วอยู่ๆฮันบินก็ร้องขึ้นมาเบาๆก่อนจะปล่อยมีดที่ใช้กินอาหารในมือทิ้งลงบนพื้นพร้อมกับเงยฝ่ามือขึ้น
มันปรากกฎให้เห็นแผลที่เหมือนรอยกรีดของมีดพร้อมเลือดที่ไหลออกมาแล้วยังจะมีอีกรอยเกิดขึ้นมาทับกันอีก
จีวอนยกมือของตัวเองขึ้นดูก็พบว่ามีรอยนั้นเหมือนกันกับฮันบินเหมือนกัน
“มันเกิดอะไรขึ้นกับผม?”
ฮันบินพูดของมาด้วยแววตาที่ตื่นตระหนก เขามองรอยกรีดนั้นบนฝ่ามือเขาที่มีเพิ่มขึ้นมาอีก เลือดเต็มฝ่ามือของฮันบินไปหมด จีวอนจะนึกอะไรบ้างอย่างออก เขาดึงมือของฮันบินข้างที่มีแผลไปก่อนจะเอามือของตัวเองข้างที่เป็นเหมือนฮันบินมาประกบกับมือฮันบินไว้พร้อมกับสอดประสานนิ้วทั้งสิบนิ้วไว้อย่างแนบแน่น
มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่น
อบอุ่นมากจนอยากจะให้มือนี้อยู่ดูแลเขาตลอดไป
ฮันบินได้รับความรู้สึกแบบนี้จากจีวอนเป็นครั้งแรก
และหวังว่าจะได้รับมันอีก
“อย่ามามองฉันด้วยสายตาโง่ๆแบบนั้น
ฉันกำลังช่วยนาย”
แค่มองก็ด้วยความสงสัยก็มาหาว่าโง่
เหอะ ...
ฮันบินไม่รู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือแล้ว
จีวอนปล่อยมือออกก่อนที่ฮันบินจะดึงมือตัวเองกลับออกไปก็พบว่าแผลที่เห็นในตอนแรกนั้นไม่มีแล้ว
มันหายไป เลือดของเขาด้วยเหมือนกัน มันหายไปทั้งหมดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี้มันเรื่องบ้าอะไร”
ฮันบินพูดพร้อมกับขมวดคิ้วมองมือของตัวเองสลับกับหน้าของจีวอน
“นายคงโดนพวกนอกรีตเล่นงานแล้วล่ะ”
*****
จุนฮเวกับจินฮวานตกลงกันว่าจะแวะทานอาหารเช้าก่อนจะไปที่บ้าน
ทั้งคู่พากันเดินเข้าร้านอาหารร้านหนึ่งที่ดูเหมือนจะเพิ่งเปิด
จินฮวานเลือกโต๊ะที่อยู่ติดริมกระจกพอมองให้เห็นถนนด้านนอกได้
จินฮวานรับเมนูจากเจ้าของร้านมาเปิดดู
จุนฮเวเป็นคนอาสามารับจินฮวานเองเพราะว่าเขาไปที่บ้านของดาร่าในตอนเช้าแล้วพบว่าจินฮวานไม่อยู่
ก็เลยส่งข้อความมาถามจินฮวานแล้วบอกว่าจะมารับ
จุนฮเวนั่งมองจินฮวานที่กำลังตั้งใจดูเมนูตรงหน้าก่อนที่สายตาจะเห็นรอยแผลที่เป็นเหมือนโดนอะไรข่วน
“เลือกได้หรือยังว่าจะกินอะไรจุนฮเว?”
“ห๊ะ
ครับ ผมเอาอันนี้” จุนฮเวจิ้มลงไปบนเมนูก่อนที่จินฮวานจะเรียกเจ้าของร้านมารับออเดอร์ไป
“แขนพี่
ไปโดนอะไรมา?”
“อ๋อ
โอบังข่วนน่ะ เผลอเข้าไปหามันตอนกำลังกินข้าวอยู่ มันก็เลยข่วนเข้าให้” จินฮวานตอบพลางยิ้มแห้งๆ
ยังไงเขาก็จะไม่บอกจุนฮเวหรอกว่ารอยแผลนี้เจ้าตัวเป็นคนทำ
“มันข่วนพี่ด้วยหรอ
ผมว่าไม่ใช่มั้ง” จุนฮเวพูดอย่างไม่เชื่อ เขาไม่มีทางเชื่อเพราะในคือพระจันทร์เต็มดวงสิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือจินฮวานมาหาเขา
“ข่วนสิ
หมาน่ะ ข่วนได้ทุกตัวนั้นล่ะ”
“ผมก็หมานะ
พี่บอกมาเถอะว่าผมเป็นคนทำ ไม่ต้องปิดบังขนาดนั้น” จินฮวานเลยพยักหน้าเบาๆ
จุนฮเวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“พี่ทำเพราะอยากจะช่วยนาย
ฉะนั้นไม่ต้องมาทำท่าจะดุพี่ นายต้องฟัง” จินฮวานทำท่าทางจริงจังจนจุนฮเวต้องปิดปากฟัง
“ที่พี่ไปเรียนมาบอกไว้ว่าในคืนพระจันทร์เต็มดวงเราจะสามารถควบคุมหมาป่าที่คลุ้มคลั่งได้
โดยการที่ถ้าเราสามารถดึงจิตใจที่แท้จริงออกมาได้
หมาป่าตัวนั้นก็สามารถควบคุ้มตัวเองได้ในคืนพระจันทร์เต็มดวง”
“แล้วมีใครเคยทำได้มั้ยล่ะ?” จินฮวานสายหัวแทนคำตอบทำให้จุนฮเวต้องสายหัวออกมาอีกครั้ง
“แต่พี่เชื่อว่าพี่ทำได้
พี่อยากช่วยนายนะ!”
“ช่วยผมงั้นหรอ? แล้วเห็นสิ่งที่ผมทำกับพี่ไหม? แล้วถ้าเกิดว่าผมเผลอฆ่าพี่จะทำยังไง”
“ก็ถ้านายควบคุมตัวเองได้
นายก็จะไม่ฆ่าพี่ไงจุนเน่” จินฮวานยังคงยืนยันคำเดิมด้วยรอยยิ้ม
ทำให้จุนฮเวหาคำที่มาเถียงด้วยไม่ออก
“ก็ได้
..
แต่ผมมีข้อแม้ว่าถ้าผมเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วจะฆ่าพี่
พี่ต้องเป็นฝ่ายฆ่าผมก่อน”
สีหน้าของจุนฮเวจริงจังมากจนจินฮวานไม่รู้จะพูดยังไงได้แต่พยักหน้ารับกลับไป
แต่ถ้าเมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆเขาเองก็ทำแบบนั้นไม่ลงหรอก
อีกอย่างเขาจะไม่ให้มีวันนั้นด้วย
“อาหารมาแล้ว
กินกันเถอะพี่หิ๊วหิว”
จินฮวานพูดขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของร้านยกออเดอร์ที่สั่งไปนั้นมาเสิร์ฟ
ทั้งคู่ลงมือรับประทานอาหารเช้าด้วยกันพลางคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย
การที่ได้อยู่กับพี่ชายตัวเล็กแบบนี้เขาก็มีความสุขมากพอแล้ว จุนฮเวคิด
*****
To Be Continued
*****
Talk ::
ตอนนี้สั้นไปหน่อยขอโทษด้วยนะคะ หวังว่าคงจะฟินกันเนอะ
เป็นอันรู้กันแล้วว่าจินฮวานอาจจะเห็นอนาคตของฮันบินล่วงหน้า ไม่แน่ว่าจินฮวานอาจจะรู้ก็ได้ว่าสุดท้ายแล้วฮันบินจะเป็นยังไง
ยังไงก็ฝากติดตามต่อกันด้วยเน้อ
เม้นเถอะนะ เป็นกำลังใจให้หน่อยนะคนดี
หรือไม่ก็ติดแท็กในทวิตก็ได้คะ
ขอบคุณมากงับ
ความคิดเห็น