ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่14 หมอสิงห์อย่าดุนักสิ!!!
บทที่14 หมอสิงห์อย่าดุนักสิ!!!
และแล้วก็ถึงวันที่อริสาต้องไปหาสีหราชเป็นเพื่อนนลินญา แม้อยากจะบ่ายเบี่ยงทว่าก็ทำไม่ได้ ท่าทีจริงจังของสาวแว่นสะกดให้เธอพูดอะไรไม่ออก แม้จะไม่บ่ายเบี่ยงแต่ลึก ๆ ในใจอริสากลัวไม่น้อยว่าสีหราชจะรู้ว่าเธอท้อง อยากจะภาวนาให้ชายหนุ่มยุ่งขึ้นมากะทันหันจนมาเจอไม่ได้แต่ทว่าภาวนาก็ไม่ได้ช่วยอะไร...ช่วงนี้รู้สึกเธอจะดวงไม่ดี
ครั้งที่แล้วไม่อยากเจอสีหราชก็ดันเจอ ครั้งนี้ยิ่งไม่อยากเจอยิ่งเจอ...แถมไม่เจอคนเดียวด้วย เจอแม่ของอีกฝ่ายเข้าให้อีก
พระศุกร์จะเข้าพระเสาร์จะแทรกอะไรขนาดนี้นะ
“นี่แม่ไม่เจอหนูสองคนนานแล้วนะ เที่ยงนี้ไปทานข้าวกันมั้ยจ๊ะ แม่คิดถึงหนูสองคนอยากจะเม้าท์ด้วย ว่าไงจ๊ะ ตกลงมั้ย?” คุณหมอกานต์รวีถามสองสาวสวยที่เดินเข้ามาในห้องตรวจของลูกชายหลังจากที่ทักทายสอบถามกันไปพอสมควร
“ตกลงค่ะ” นลินญาเป็นฝ่ายตอบ “แต่คุณแม่ต้องเลี้ยงพวกเรานะคะ”
“แน่นอนจ้ะ อยากกินอะไรสั่งได้ไม่อั้นเลย หมอสิงห์พร้อมเปย์”
“อ้าว ทำไมกลายเป็นผมพร้อมเปย์ล่ะครับแม่?” คนถูกพาดพิงถามเสียงหลง เขารึก็นั่งเงียบอยู่ตั้งนานนึกว่าคนเป็นแม่จะลืมเขาไปแล้วเสียอีก ทำไมอยู่ ๆ ก็หวยมาออกที่เขาล่ะ
“ก็สิงห์ต้องไปด้วยไง แล้วสิงห์ก็เป็นผู้ชายสิงห์ต้องจ่ายสิลูก” คนเป็นแม่ชี้แจง
“อ้าว แล้วผมบอกเมื่อไหร่ว่าไปด้วยน่ะครับ?”
“ก็ไม่บอกหรอกแต่แม่สั่งสิงห์ก็ต้องทำ อย่าขัดใจแม่แบบเสือนะ ไม่งั้นแม่จะเหวี่ยงให้เหมือนที่เหวี่ยงตาคนนั้นเลย” ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในบ้านและนอกบ้านเอ่ยก่อนจะขอไปทำงานเมื่อเห็นว่าได้เวลาที่นัดกับคนไข้ไว้แล้ว
แม้จะแต่งงานมีลูกมีเต้าจนลูกโตหมดแล้วแต่คุณหมอกานต์รวีก็ยังทำงานในโรงพยาบาลไม่ได้หยุดพัก เพราะไม่อยากให้สิ่งที่เรียนมาเปล่าประโยชน์บุคลากรทั่วไปของโรงพยาบาลจึงได้เห็นคุณหมอกานต์รวีและคุณหมอสีหราชทำงานอยู่ด้วยกันในโรงพยาบาลเสมอ ๆ
ทันทีที่คนเป็นแม่ออกจากห้องไปแล้วคนเป็นลูกก็หันมาจ้องอริสาด้วยสายตาคาดคั้น
“มะ มา มามองอะไรฉันเล่าหมอ โน่น คนมีธุระกับแกน่ะคนโน้น” บก.สาวเอ่ยด้วยเสียงติด ๆ ขัด ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นก่อนจะรีบกระทุ้งแขนคนมีธุระกับหมอให้เริ่มธุระสักที อย่าให้อีตาหมอที่หน้าตาเหมือนคนที่เธอไม่อยากนึกถึงมาจ้องเธอนาน ๆ ได้มั้ย
“หมอสิงห์...” สาวแว่นเอ่ยเรียกคุณหมอหนุ่มด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“มีธุระอะไรก็ว่ามา” สีหราชทำเสียงเข้มข่มขวัญคนทั้งคู่พร้อมหันสายตาจากอริสามาที่นลินญา “ถ้าจะมาพูดเรื่องวันนั้นล่ะก็ไม่ต้อง ฉันไม่ให้อภัยง่าย ๆ หรอก”
“โธ่หมอสิงห์อะ มันเป็นอุบัติเหตุนะหายโกรธฉันเถอะนะ” สาวแว่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “นะ นะ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันทำหมดเลย แต่แกหายโกรธฉันนะ”
“แกต้องรับผิดชอบที่แกเห็น...เห็นตัวฉัน” คนเป็นหมอหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเฉย ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องชวนอับอาย “ต้องรับผิดชอบ”
“ได้ ๆ รับผิดชอบ ว่าแต่รับผิดชอบยังไงล่ะ”
“แก” สีหราชเรียกพร้อมกับชี้ระบุตัวก่อนจะเอ่ยต่อ “ต้องมาเป็นแฟนฉัน”
“เป็นแฟน ได้สิ ได้” นลินญาตอบรับโดยไม่ทันคิด ก่อนจะต้องอุทานเมื่อคิดทบทวนคำพูดอีกฝ่ายดี ๆ “หา อะไรนะ?”
“เขาบอกว่าแกต้องไปเป็นแฟนเขา” คนที่นั่งฟังอยู่แทรกบอก หลังจากที่หายใจหายคอได้เพราะทำตัวเป็นอากาศอยู่พักใหญ่“ท่าทางจะจบสวย ตกลงอีกครั้งสิแก”
“เอ่อ เอ่อ ดะ ได้” ในที่สุดนลินญาก็ตกลงทั้งที่สมองยังคงมึนงง เธอตั้งใจมาจีบเขานี่ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
“จบสวย งั้นฉันกลับนะ” อริสาบอกพร้อมกับทำท่าจะลุกออกจากห้องปล่อยให้คู่รักหมาด ๆ ได้กระหนุงหระหนิงกัน
“ยังไม่จบ” ทว่าเสียงเข้ม ๆ ของคุณหมอหนุ่มกลับดังขึ้นก่อนที่อริสาจะได้ออกจากห้อง
“แกน่ะนั่งลงเลย ฉันยังมีเรื่องจะคุยกับแก” สีหราชกดเสียงให้ดูน่ากลัวกว่าเดิมพร้อมกับส่งสายตาให้แฟนหมาด ๆ ของตัวเองจับอริสาไว้
คนอยากรีบออกจากห้องไปเสียกลับมานั่งด้วยใบหน้าอยากจะร้องไห้ “มีอะไร”
“แกท้องใช่มั้ย?” หมอหนุ่มถามตรงประเด็นเสียจนสองสาวในห้องแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
“ท้อง?” สาวแว่นอุทานพร้อมกับหันมาสำรวจอริสา
“เอ่อ...เอ่อ...เอ่อ...คือ” โดนถามมาตรง ๆ แบบนี้อริสารู้สึกไปไม่เป็นขึ้นมาเฉย ๆ หญิงสาวรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ในตอนนี้จริง ๆ อึดอัดจนอยากจะอ้วก
บก.สาวยกมือขึ้นปิดปากทันทีเพราะไม่แค่รู้สึกแต่น้ำขม ๆ มันมาจุกที่ลำคอแล้ว
“ทางซ้าย” สีหราชก็ยังคงเป็นสีหราชที่รอบรู้อาการของเพื่อน ชายหนุ่มบอกทางไปห้องน้ำให้ก่อนที่อริสาจะพุ่งเข้าห้องน้ำไปในทันที นลินญาตามไปติด ๆ ด้วยความเป็นห่วงขณะที่หนุ่มเจ้าของห้องยังคงนั่งนิ่งพร้อมกับมองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่แสดงสัญญาณว่ามีสายสนทนาอยู่
“วางได้แล้วมั้ง หรือว่ายังไม่ชัวร์พอ”
“ยัง” ปลายสายตอบมาก่อนจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแต่ก็ไม่ได้วางสายไป สีหราชถอนใจพรืดรอสองสาวที่หายเข้าไปในห้องด้วยที่ใบหน้าที่เข้มและดุดัน
รอไม่นานสองสาวก็กลับออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียว อริสาแทบจะอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุง ให้ตายเถอะ เธอรู้สึกว่าในท้องเธอเป็นตัวแสบอารมณ์รุนแรงใช้ได้เลย
“สารภาพมาดี ๆ อย่าให้ต้องคาดคั้น” น้ำเสียงที่ทั้งดุดันและน่ากลัวของสีหราชพาลให้อริสารู้สึกอยากจะร้องไห้ เธอก็อารมณ์อ่อนไหวอยู่แล้วนะ อีตานี่อย่าดุนักจะได้มั้ย
“หมอสิงห์อย่าดุนักสิ!!!” นลินญาเอ่ยเสียงเข้มกลับ “อีกอย่างนะจะท้องไม่ท้องมันก็เรื่องของอลิน หมอสิงห์ไม่เกี่ยวสักหน่อยอย่าคาดคั้นอลินนะ”
“ใช่ ๆ ไม่เกี่ยวกับแกเลย” เมื่อมีเพื่อนช่วยอริสาก็มีแรงสู้ขึ้นมา ยังไงนลินญาก็อยู่ข้างเธอ ถือว่าได้เปรียบ โดยสาวแว่นปรามขนาดนี้สีหราชต้องยอมแพ้แน่
“แน่ใจ?”
“นะ แน่” อริสาตอบพร้อมกับกอดแขนนลินญาไว้เป็นโล่กำบัง
“คืนนั้นแกอยู่กับใคร?” สีหราชถามทว่าไม่ได้เปิดโอกาสให้อริสาตอบเพราะชายหนุ่มตอบให้เสร็จสรรพ “ไอ้เสือ ฉันพูดถูกมั้ย?”
“หา” เป็นนลินญาที่ตกตะลึงและที่ยิ่งกว่านั้นคืออริสาที่นิ่งอึ้งไป
“ฉันจะไม่ยุ่งเลยนะอลินถ้าในท้องแกไม่ใช่หลานฉันน่ะ ยอมรับมาเสียดี ๆ หรือจะให้ฉันโทรเรียกไอ้เสือมา?”
“เออ เออ ฉันยอมรับก็ได้ ใช่คืนนั้นฉันเมายาปล้ำพี่ชายแก พอใจรึยัง” อริสาระเบิดอารมณ์ออกมาในที่สุดก่อนที่ทั้งห้องจะเงียบสนิทไป นลินญานิ่งเพราะตกตะลึงส่วนอีกสองคนกำลังคิดว่าควรจะพูดอะไร
และในที่สุดอริสาก็หาสิ่งที่จะพูดได้เจอหญิงสาวถอดใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงที่เหนื่อยอ่อน “ในเมื่อรู้แล้วแกสองคนก็ต้องช่วยฉันปิด ไม่อย่างนั้นเลิกคบ”
“หมายความว่ายังไง แกจะไม่บอกไอ้เสือว่าแกท้องงั้นเหรอ?”
“ทำไมต้องบอกเล่า”
“แต่ไอ้เสือเป็นพ่อ มันควรรู้ดิว่ามันกำลังจะมีลูก ในเมื่อมันทำแกท้องมันต้องรับผิดชอบสิ”
“รับผิดชอบ? แกจะให้นายนั่นมารับผิดชอบในสิ่งที่ฉันเป็นคนเริ่มงั้นเหรอ? ไม่เอาหรอกเสียหน้าจะแย่” อริสาเอ่ยเสียงจริงจัง “อีกอย่างจะให้ฉันไปเรียกร้องจนนายนั่นต้องเลิกกับแฟนฉันทำไม่ได้หรอกนะ มันไม่เวิร์ค ฉันไม่โอเค แกเข้าใจป่ะ ฉันถูกแย่งแฟนเพราะยัยน้ำเน่านั่นท้อง ชาตินี้ทั้งชาติฉันจะไม่ไปแทรกกลางความรักของใครแบบยัยเด็กนั่น”
“แกไม่ต้องพูดว่าถึงไม่ยอมให้รับผิดชอบอย่างน้อยก็แค่บอกให้รู้ว่ามีลูก ไม่ มันเป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะมันจะทำให้แฟนนายนั่นระแวง มันส่งผลในระยะยาว ทางที่ดีคือไม่ให้รู้ ไม่ให้มาข้องแวะกับลูกเลยดีกว่าทุกอย่างมันจะได้จบสวย ฉันเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกได้” หญิงสาวพูดอย่างมาดมั่นเอาแต่ใจจนสีหราชและนลินญาไม่กล้าจะพูดขัดอะไร
ชายหนุ่มเหลือบมองสมาร์ทโฟนที่หน้าจอสว่างขึ้นและดับลงบ่งบอกว่าอีกคนที่อยู่ในสายได้ตัดการสนทนาไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะพ่นหายใจหนัก ๆ ก็สมควรตัดไปอยู่หรอก อยู่ ๆ ก็ถูกหาว่ามีแฟนทั้งที่โสดสนิทมาตลอดก็ต้องมีงงและหงุดหงิดบ้างล่ะ
“แกมันขี้มโน ไอ้เสือมันมีแฟนที่ไหนกัน” หมอหนุ่มแก้ตัวแทนพี่ชายแล้วก็ทอดถอนใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ “ถ้ามันมีแฟนแม่คงยุให้แต่งงานไปแล้ว แต่นี่ไม่มี และไม่เคยเห็นแม้แต่เงาแม่ถึงชอบว่ามันชอบขัดใจแม่ไง”
“ฉันยืนยันได้แก ว่าง ๆ มันยังชวนฉันไปกินข้าวเป็นเพื่อนเพื่อกันผู้หญิงไม่ให้มาเกาะแกะเลย ถ้ามีแฟนมันควรไปกับแฟนมั้ย ไม่ใช่กับเพื่อน?” นลินญาเสริมคำพูดของสีหราชพร้อมกับเสนอความคิดเห็นเมื่อตั้งสติได้แล้ว “ฟังนะแก ต่อให้แกเก่งเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกได้ดีขนาดไหนลูกก็ยังรู้สึกขาดอยู่ดีนั่นล่ะ ลึก ๆ เขาต้องอยากรู้จักว่าพ่อเป็นใคร อยากมีโมเม้นต์ได้อยู่กับทั้งพ่อและแม่บ้างล่ะ ในฐานะที่ฉันมีแค่แม่ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันขอบอกเลยว่าการเป็นซิงเกิลมัมน่ะมันไม่ได้เวิร์คร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก หลานฉันต้องไม่มีโมเมนต์เดียวกับฉัน แกต้องบอกเสือ ถ้าแกไม่บอกฉันบอกเอง”
“ไม่! ห้ามบอกนะ ถ้าพวกแกคนใดคนนึงบอกนายนั่นหรือบอกคนอื่นฉันจะหนีไปให้ไกลเลย ลองดูสิ” อริสาพูดอย่างเอาแต่ใจก่อนจะกอดอกแน่น “ฉันจะหนีไปให้ไกล ๆ ไม่ติดต่อมาอีกเลย ฉันพูดจริง ๆ นะ”
“เฮ้อ!!” สองหนุ่มสาวถึงกับพูดไม่ออกและสุดท้ายก็ได้แต่ต้องยอมจำนน แต่อริสาไม่รู้หรอกว่าถึงทั้งคู่จะไม่พูดแต่ศารทูลก็รู้อยู่แล้ว สีหราชได้แต่ลอบยิ้มน้อย ๆ
ผึ้งน้อยอลินไม่มีทางรู้เลยล่ะว่าความแตกตั้งแต่ยังไม่ได้ปิด กว่าจะรู้ก็คงโดนจับเข้ากรงเสือโคร่งไปแล้วล่ะ...เขาเดาไม่ผิดหรอก
8ความคิดเห็น