ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : + Cruel + Number Ten
Number Ten
“อย่าเข้ามานะ!” ตะโกนร้องห้ามอย่างสุดเสียง มือเรียวควานหาสิ่งของที่พอจะช่วยป้องกันตัวได้อย่างลนลาน สิ่งเดียวที่แบคฮยอนเห็นในตอนนี้คือมีด หม้ออาหารที่กำลังเดือดปุดๆ แบคฮยอนกำลังกลัวจนตัวสั่น เขาไม่อยากทำร้ายใคร
วิ่งหนีสิแบคฮยอน วิ่ง!
สิ่งเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือการวิ่งหนีเอาตัวรอด แบคฮยอนเพียงคนเดียวจะไปมีแรงสูงคนพวกนี้ได้อย่างไร? สองขาเรียวพยายามพาตัวเองวิ่งหนีจากรุ่นน้อง แต่ใครบางคนก็คว้าลำตัวแบคฮยอนไว้ ร่างบางพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอด สุดท้ายแบคฮยอนก็ล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย!”
“อย่าดิ้นรนให้จับตัวเปล่าเลยพี่ มาสนุกกันดีกว่า”
“ฮึก! ไม่นะ อย่า!” กรีดร้องหาคนช่วยเหลือทั้งๆ ที่ยังไงก็ไม่มีใคร มือหยาบกร้านของรุ่นน้องคนหนึ่งจับเอวบางและกดให้คว่ำหน้าลงกับพื้น ส่วนอีกคนพยายามปลดตะขอกางเกงแบคฮยอนอย่างเร่งรีบ สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าแบคฮยอนคือทางเข้าห้องครัวที่มีน้ำยาขัดพื้นวางอยู่
น้ำยาขัดพื้นงั้นเหรอ?
.
.
.
.
ถ้าเราตายเราจะไม่ต้องทนกับเรื่องเลวร้ายอีกต่อไปใช่ไหม?
คิดได้แบบนั้นก็ไม่รีรอที่จะเอื้อมมือคว้าขวดน้ำยาอันตราย รีบเปิดฝาหวังจะดื่มให้หายไปจากโลกนี้ให้ร้แล้วรู้รอด
“เฮ้ยจะทำอะไรวะ!” เสียงของรุ่นน้องคนหนึ่งที่จับเอวเขาอยู่เลื่อนขึ้นมายื้อแย่งน้ำยาขัดพื้นไป ด้วยความที่แบคฮยอนไม่เหลือทางออกแล้วจึงยื้อแย่งไว้สุดแรง แต่ท้ายสุดก็ทนแรงของคนที่ตัวใหญ่กว่าไม่ไหวเผลอปล่อยหลุดมือไป
“อ๊อก!” ปากขวดที่ถูกเปิดออกไปก่อนหน้านั้นพุ่งเข้าใส่คนที่แย่งสุดแรงจนกระแทกเข้ากับริมฝีปากหนาของตนเอง เพราะความตกใจจึงทำให้คนถือเผลอกลืนน้ำอันตรายในขวดเข้าไป น้ำยาขัดพื้นถูกปล่อยลงพื้นไม่ห่างจากตัวแบคฮยอนมากนัก
“เฮ้ยไอ้ดงวู!” โฮวอนที่กำลังปลดกางเกงแบคฮยอนออกรีบปล่อยตัวแบคฮยอนแล้วรีบเข้าไปดูอาการเพื่อนตนเองทันที ดงวูที่เผลอกลืนน้ำยาขัดพ้นมีอาการดิ้นรนอย่างทรมาณ คนตัวเล็กถือโอกาสนั้นคว้ากางเกงที่ถูกปลดออกไปใส่เข้าเข้าที่
แบคฮยอนกำลังจะหนี แต่โฮวอนที่ปล่อยดงวูทิ้งไว้กลับพุ่งเข้าใส่ตัวแบคฮยอนอีกครั้ง และครั้งนี้อาวุธที่คิดจะใช้มันกับตนเองถูกสาดเข้าใส่รุ่นน้องอย่างไม่ได้ตั้งใจ
...แบคฮยอนแค่อยากป้องกันตัว...
น้ำยาขัดพื้นกลับถูกสาดเข้าดวงตาของโฮวอนเต็มๆ แบคฮยอนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่กลับถูกใครอีกคนคว้าตัวไว้
“เล่นอะไรกันอยู่สามคน ผมเล่นด้วยดิ” เสียงพูดงึมงำจากปากของซองยอลที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากตอนแรกที่เมาจนล้มพับไป ซองยอลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกลับนึกว่าเขาสามคนกำลังเล่นกันอยู่ ซองยอลผลักแบคฮยอนอย่างแรงจนร่างเล็กเซไปชนอีกฝั่ง แขนเรียวเผลอไปโดนหม้อซุปร้อนๆ จนเผลออุทานออกมา
“โอ๊ย...” ยังไม่ทันได้มองดูท่อนแขนที่ถูกความร้อนดวงตาเรียวรีก็เบิกกว้างกับซองยอลที่พุ่งเข้ามาอย่างแรงหวังจะจับตัวเขา แบคฮยอนตกใจและวิ่งหลีกไปอีกทางทำให้คนเมาไม่ได้สติอย่างซองยอลโถมตัวเข้าใส่หม้อซุปด้านหลังแบคฮยอนอย่างจัง
โ ค ร ม ! ! !
.
.
.
.
หม้อซุปร้อนๆ คว่ำหกใส่ผนังห้อง น้ำต้มที่เดือดปุดๆ กระฉอกและตีกลับใส่คนชนทันที!
“อ๊ากกกกก” ซองยอลหวีดร้องและล้มลงนอนดิ้นอย่างทรมาณ แบคฮยอนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ขาเรียวก้าวถอยหลังหนีน้ำซุบที่เจิ่งนองบนพื้นจนออกมายืนอยู่บนพื้นต่างระดับหน้าห้องครัว
“ฮึก...” ความกลัวและความตกใจแล่นเข้าสู่จิตใของแบคฮยอในที่สุด ก้าวถอยหลังมาได้ไม่กี่เก้าห็ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง
“พี่...พี่ทำอะไรพวกมันน่ะ!”
“เฮือก!!!” เสียงตวาดจากด้านหลังทำให้แบคฮยอนรู้ว่าที่เขาชนเมื่อครู่นี้คือน้องรหัสของเขาเอง จงอินที่หลบออกไปซื้อของที่มินิมาร์ทแถวคอนโดกะว่ากลับมาจะได้ต่อจากเพื่อนๆ ได้เลย แต่ผิดคาด แบคฮยอนไม่ได้ถูกข่มขืนอย่างที่ตั้งใจ แต่กลับกลายเป็นเพื่อนๆ ของเขาเองที่นอนอย่างหมดสภาพภายในห้องครัว
“จะ จงอิน...พะ พี่...พี่...”
“แก...แกฆ่าพวกมนอย่างนั้นเหรอแบคฮยอน!” น้ำเสียงที่เคยอบอุ่นกลับแปรเปลี่ยนมีแต่วามแข็งกร้าว คิมจงอินบีบไหล่บางอย่างแค้นเคือง มือหนากอบกำรอบคอของพี่รหัสตัวเองด้วยโทสะ
“อ๊อก...จะ จงอิ...จงอิน...” แบคฮยอนพยายามแกะมือของรุ่นน้องตัวสูงออก แบคฮยอนอยากจะอธิบาย แต่เรงบีบที่จงอินส่งมาทำให้แบคฮยอนทนไมไหว แขนเรียวส่งกำปั้นเล็กๆ ตามแรงที่มีทุบตีอกแกร่งของคนตรงหน้าอย่างเอาตัวรอด จงอินตัดสินใจผลักแบคฮยอนออกจนร่างเล็กถลาไปชนขอบโซฟาแล้วล้มลง ส่วนจงอินเองที่เป็นคนผลักก็เซถอยหลังเพราะออกแรงมากเกินไป
และเพราะจงอินก้าวถอยหลัง ทำให้เขาคิดได้ว่าไม่ควรผลักแบคฮยอนออกไป
สัมผัสร้อนที่ปลายเท้าทำให้จงอินตกใจเผลอก้าวถอยหลังมากขึ้นไปอีก และสะดุดตัวของเพื่อนสักคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นจนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับชั้นวางของในห้องครัวก่อนจะหงายหลังล้มลงไป ฉับพลันชั้นวางมีดปลายแหลมที่สั่นคลอนเพราะแรงกระแทกก็พลิกตัวแล้วปักลงสู่ด้านล่างตามแรงโมถ่วง
ฉึก!!!
ปลายมีดปักลงที่อกด้านซ้ายของจงอินทันที
“ม่ายยยยย!” แบคฮยอนกรีดร้องด้วยความตกใจ ด้วยความที่ถูกผลักออกมาไกลจนจุกจึงลุกขึ้นวิ่งเข้าไปจับแขนไม่ให้จงอินล้มลงไปได้ทัน แบคฮยอนส่ายหน้ากับภาพตรงหน้าช้าๆ หยดน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างช่วยไม่ได้ ความเงียบปกคลุมกับกายบางที่สั่นไปด้วยความกลัว
แขนเรียวพยายามหาที่ยึดเกาะก่อนที่ร่างกายของตนเองจะทรุดลงไป ได้แต่เผยอปากหอบหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อประคองสติไว้ นิ้วเรียวสวยสั่นระริกจิกลงที่อกเพราะรู้สึกเหมือนถูกบีบรัด แบคฮยอนหาเสียงตนเองไม่เจอ เหตุการณ์ที่เกิดทำให้แบคฮยอนช็อคจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
แบคฮยอนไม่ได้ทำร้ายใครใช่ไหม?
ไม่รู้เลย ไม่อาจรู้
ว่าผู้ชายสี่คนที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้า
ใครกันแน่ที่เป็นคนพรากลมหายใจพวกเขาไป...
มันเป็นเช้าที่ย่ำแย่มากๆ อีกหนึ่งวันในชีวิตของบยอนแบคฮยอน เพราะไม่ว่าเขาจะขยับตัวไปไหน เดินไปที่ใดก็มีแต่คนมองหน้าและซุบซิบนินทากันให้เห็นจะๆ แบคฮยอนนึกอยากจะโกรธเพื่อนร่วมคณะที่บังเอิญอยู่แถวห้องเช่าห้องใหม่ที่แบคฮยอนอยู่เซ้าซี้ให้เขามาเรียนให้ได้เพราะบอกว่าอาจารย์เป็นห่วง
โดคยองซู เพื่อนข้างห้องแสนรู้ที่เห็นว่าเขาเอาแต่ขุดคู้อยู่ในห้องมาสามวันเต็มหลังเกิดเหตุที่บ้านจงอิน เอาแต่คอยมาเคาะห้องเอาขนมและการบ้านมาฝาก แบคฮยอนล่ะอยากจะถามจริงๆ เลยว่าที่มาทำดีกับเขาเนี่ยไม่ได้รับรู้เรื่องราวฉาวโฉ่ของเขาในคณะเลยใช่ไหม?
แต่จะบอกว่าไม่รับรู้เลยคงไม่ใช่ ข่าวที่บอกว่าเขาเลิกกับเซฮุนเพราะเป็นชู้กับคริสนั้นออกจากดังไปทั่ว ใครๆ ก็ตราหน้าว่าเขาเป็นพวกไม่รู้จักพอ แต่คิดวาคงเป็นเพราะคยองซูเลือกที่จะมองข้ามมันไปเสียมากกว่า นึกแล้วก็คงต้องขอบคุณคยองซูที่ยังหยิบยื่นมิตรภาพดีๆ มาให้เขา หากแต่คยองซูก็ยังคงไม่รู้ว่าเบื้องหลังของการเงียบหายไปของชานยอลและไคกับเพื่อนๆ อีกสามคนที่หายไปนั้นแบคฮยอนมีส่วนเกี่ยวข้องล่ะก็ แบคฮยอนไม่อยากจะคิดเลยว่าคยองซูยังจะหยิบยื่นความใจดีส่งมาให้เขาอีกไหม
แล้วถ้าคุณถามถึงจงอินกับพรรคพวกของเขาล่ะก็ แบคฮยอนก็คงตอบได้ว่า ‘เหมือนเดิม’ เขาปล่อยทุกอย่างไว้หมือนเดิมเฉกเช่นที่ทำกับชานยอล เขาวิ่งหนีความจริงทุกอย่างออกมา อย่างๆ น้อยเรื่องก็คงไม่ถึงตำรวจจนกว่าจะมีแม่บ้านเข้ามาพบศพ ซึ่งก็คงเป็นตอนที่เจ้าของคอนโดเงียบหายไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟจนมีคนสงสัยล่ะนะ
“ฉันไม่คิดว่าการที่ตื้อให้นายมาเรียนตามคำขอของอาจารย์จะทำให้นายโดนสายตาน่ารังเกียจของคนพวกนี้เลยนะ” เพื่อนตัวเล็กเอ่ยกล่าวกับผมทันทีที่ก้าวเข้ามาสู่ห้องเรียนในคลาสแรก
“ไม่เป็นไรหรอก นายควรจะกลับไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนนายได้แล้วนะคยองซู” แบคฮยอนเอ่ยปากเป็นเชิงไล่กลายๆ คงต้องยอมรับว่าตนเองหัวเสียกับสายตานับร้อยที่จ้องมองมา แต่ความจริงก็คือความจริง แบคฮยอนหลีกหนีไม่พ้นหรอก
“สวัสดีคุณบยอน” เป็นเสียงของอึนจองคนเดิมที่เข้ามาพูดจาถากถางแบคฮยอนอีกแล้ว
“สวัสดี” ...ก็ไม่ได้อยากตอบเท่าไรนัก แต่คงเลี่ยงไม่ได้ แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆ ให้อย่างไม่เต็มใจแล้วก้มหน้าลงไม่สบสายตาใคร
“หายไปไหนมาสามวันล่ะ นี่ฉันนึกว่านายจะกลับบ้านเกิดไปอยู่กับชานยอลแล้วนะเนี่ย”
“...”
“นึกว่าจะเขี่ยพี่คริสทิ้งแล้วตามไปเอาอกเอาใจเพื่อนสนิทสุดหล่อของตัวเองเสียอีก”
“!!!” เงยหน้ามองคนฝีปากร้ายที่พูดจาร้ายกาจใส่ตนเอง คนตัวเล็กได้แต่กำมือแน่นกักเก็บความโกรธเคืองไว้ในใจ ถึงจะโมโหอย่างไรคนไม่รู้ก็ย่อมไม่ผิด ฮัมอึนจองไม่รู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน ฮัมอึนจองไม่รู้ ฮัมอึนจอง...ไม่ผิด
“อึนจอง~ พูดจาอะไรระวังหน่อยสิ เดี๋ยวแบคฮยอนโมโหแล้วฆ่าเธอจะทำยังไง” เสียงของมินอาที่แทรกเข้ามาทำเอาหัวใจแบคฮยอนกระตุกวูบ ทำไมต้องพูดถึงเรื่องแบบนี้ด้วย?
“ตายจริง! น่ากลัวนะเนี่ยมินอา ดูสิ แบคฮยอนตัวสั่นไปหมดเลย คงจะโกรธน่าดู แต่ดูแล้วก็ทำอะไรใครไม่ได้หรอก ดูท่าตุ้งติ้งหนุมหนิมแบบนี้น่ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะเดินกลับไปยังที่นั่ง แบคฮยอนถอนหายใจอย่างโล่งอก
แบคฮยอนนึกว่ามีคนรู้...
“เอาล่ะ ตั้งใจเรียนกันให้ดีเพราะวันนี้มีทำควิซท้ายคาบ ใครส่งไม่ทันไม่รับ” ความคิดฟุ้งซ่านหยุดลงเมื่ออาจารย์ประจำวิชาก้าวเข้ามาสอน แบคฮยอนคิดว่าเรื่องแย่ๆ จะผ่านพ้นไปแต่เปล่าเลย
“หนึ่งนาทีสุดท้าย ใครยังไม่ส่งรีบส่ง ไม่อย่างนั้นอาจารย์จะไม่รับแล้ว” สิ้นเสียงของอาจารย์แบคฮยอนวางปากกาลงเพราะทำเสร็จได้ทันเวลา ขาเรียวก้าวออกจากโต๊ะเพื่อเดินไปส่งงานหน้าห้อง
แกร๊ง~ เสียงสิ่งของบางอย่างหล่นกระทบพื้นห้อง แบคฮยอนคงจะรีบร้อนเกินไปหน่อยจนเผลอชนกับเพื่อนคนหนึ่งเขา แบคฮยอนคงต้องบอกให้เธอรอเขาส่งงานเสร็จก่อนแล้วจะรีบมาเก็บของให้เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ทันส่งงานอาจารย์แน่
“ขอโทษนะ แต่ว่ารอ...”
“เก็บซะ”
“!?” น้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมรอยยิ้มมุมปากฉุดให้แบคฮยอนรู้สึกโกรธเคือง
ฮั ม อึ น จ อ ง แกล้งเขาอีกแล้วงั้นเหรอ?
“ขอโทษนะอึนจองเดี๋ยวฉันมาเก็บ...”
“เก็บ...” เธอพูดแค่นั้นพร้อมกับส่งมือขาวๆ ที่ตัดกับสีเล็บสีแดงสดมาจับแขนแบคฮยอนเอาไว้แน่น ร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มลงเก็บของให้เธอ แค่รีบเก็บรีบคืนแล้วก็รีบไปส่งงานก็คงทันใช่ไหมล่ะ? แต่เก็บดินสอที่กระจายตามพื้นได้แค่สองเท่านั้นฮัมอึนจองก็นั่งลงตรงหน้าแล้วเอื้อมมือมาจับเขาให้หยุดการกระทำนั้นลง
“นายจะไปส่งงานก่อนก็ได้นะ แล้วค่อยมาเก็บ” คิ้วบางขมวดชนกันอย่างงุนงงพลางคิดไปว่าบางทีเธออาจจะเป็นวันนั้นของเดือน เธอเลยมีอารมณ์แปรปรวนแบบนี้
แต่เปล่าเลย นี่มันเป็นแผนของเธอชัดๆ...
แบคฮยอนเพิ่งรู้ตัวว่าเสียเวลามองหน้าอึนจองนานไปหน่อย...
“หมดเวลาค่ะ ใครส่งไม่ทันไม่ต้องส่งแล้วนะคะ อาจารย์ไม่รับแล้วไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น” รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าลงตรงหน้า...แค่เสี้ยววินาทิเท่านั้น ถ้าแบคฮยอนเลือกที่วิ่งไปส่งงานก่อนค่อยมาสนใจคนที่เขาชนตั้งแต่แรกล่ะก็ ควิซที่เขาตั้งใจเขียนซะยาวเหยียดขนาดนี้ก็คงส่งทันอาจารย์อยู่หรอก
“โง่จัง แบคฮยอนนา~” ทิ้งไว้แค่คำพูดจาร้ายกาจก่อนจะเก็บของที่หล่นกระจายตามพื้นขึ้นมาเองแล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
“เรียบร้อยนะคะพี่ลู่หาน นายนั่นส่งงานไม่ทันอาจารย์ค่ะ”
ไม่มีที่นั่งสำหรับบยอนแบคฮยอนในโรงอาหาร...หลังจากรู้สึกแย่ที่ส่งงานอาจารย์ไม่ทันแล้วยังต้องรู้สึกเหมือนเป็นตัวน่ารังเกียจ เพราะไม่ว่าเก้าอี้ในโรงอาหารแห่งนี้จะว่างกี่ที่ก็ตามก็กลับไม่ใช่ที่นั่งของแบคฮยอน เมื่อเขาเดินไปหวังจะจับจองที่นั่ง คนที่อยู่แถวนั้นกลับเอ่ยปากห้าม อ้างว่ามีคนนั่งบ้างล่ะ เดี๋ยวเพื่อนมาบ้างล่ะ จะเอาไว้วางของบ้างล่ะ วางเท้าวางขาตัวเองก็มี หนักสุดก็คงเป็น...
“ขอร้องล่ะแบคฮยอน ฉันไม่อยากให้นายนั่งข้างฉันจริงๆ นะ”
ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรนักหนากับชีวิตที่เคยมีแต่ความสุขของเขา หรือว่านี่เป็นเพียงความกลั่นแกล้งของซาตานกัน? เพราะแบคฮยอนไม่เชื่อว่าเรื่องราวร้ายๆ นี้จะเป็นมาจากพระเจ้า...ขอพระองค์ช่วยเหลือลูกด้วย
“ไม่มีใครยอมให้นั่งด้วยงั้นเหรอเด็กน้อย?” เสียงทุ้มที่จำได้ดีว่าเป็นเสียงแหงความโชคร้าย เสียงของคนที่แบคฮยอนเกลียด เสียงของคนที่ทำให้ชีวิตของแบคฮยอนต้องเป็นแบบนี้
เสียงของ ‘ค ริ ส’
“เฮ้ จะเดินหนีไปไหนล่ะเด็กน้อย ไม่คิดจะหันหน้ามากล่าวทักทายสามีหน่อยหรือยังไง?”
“เลิกยุ่งกับผมสักที!” ว่าจะไม่ตอบโต้ ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่คำว่า ‘สามี’ ที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกขยะแขยงและรับไม่ได้
“โอ๊ะโอ...ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีแฮะ” คริสกลั้วหัวเราะเล็กน้อยกับปฏิกิริยาที่ได้เห็น แบคฮยอนที่ตั้งท่าหยิ่งผยองไม่ยอมหันหน้ามาคุยกับเขาก็หันหน้ามาสักที ถึงแม้ว่าจะหันมาด้วยใบหน้าท่แสนจะโกรธเคืองเขามากก็ตาม
“ผมเลิกกับเซฮุนแล้ว มันเป็นเพราะพี่ พี่ทำร้ายจนพอใจรึยัง? แผนของพี่มันสำเร็จแล้วนะ เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับผมเถอะ ผมขอร้อง” พูดออกไปทั้งที่กำมือแน่นระบายความเจ็บปวด แบคฮยอนไม่อยากยอมรับนักหรอกว่าตัวเองต้องยอมแพ้กับเรื่องเลวร้ายแบบนี้ แต่จะให้ดึงดันต่อไปทำไมในเมื่อสิ่งที่เสียไปไม่อาจเรียกกลับคืนมา
“นั่นแผนเหรอ? เปล่านี่ ฉันไม่ได้ทำตามแผนอะไรทั้งสิ้น ทั้งหมดที่ฉันทำเพราะฉันแค่หมั่นไส้นายเท่านั้นแหละแบคฮยอน”
“วะ ว่าไงนะ!?” แบคฮยอนกำลังโกรธจนตัวสั่น เขาอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยหน้าคริสแรงๆ สักสี่ห้าที
“แค่หมั่นไส้ ชัดไหม? แค่อยากลองดูว่านายมีอะไรดีเซฮุนถึงได้หลงนักก็แค่นั้น”
“!!!”
“ข้างหลังของนายมันแน่นดีนะว่าไหม ฉันคิดถึง...”
“ฮึ่ย!” สบถด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไมต้องมาพบเจอกับคนแบบนี้ด้วย แต่ก่อนที่คริสจะได้พูดจนจบประโยค แบคฮยอนก็ส่งหมัดที่อดกลั้นมานานใส่หน้าของคนตรงหน้า แต่โชคร้ายคริสจับมันได้และกระชากตัวแบคฮยอนเข้ามากอดแทน
“อ๊ะ! ทะ ทำอะไร ปล่อยผมนะ!” ตาเรียวสวยเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้รับ ปลายจมูกโด่งได้รับของคนตัวสูงซุกลงที่ซอกคอเรียวระหงส์สูดดมความหอมเข้าเต็มปอด แบคฮยอนดิ้นขลุกขลักและร้องขอให้คนช่วยแต่กลับได้สายตาเย้ยหยัยกลับมาแทน
คนที่นี่เป็นอะไรกันไปหมด!?
“ไม่!” คนในอ้อมแขนดิ้นสุดแรงเกิดเพื่อหาทางรอดจนคริสรำคาญ เขาผลักตัวแบคฮยอนออกอย่างอารมณ์เสียจนร่างบางเซถลาไปชนเข้ากับใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตนเอง
เคร้ง!~ ถาดอาหารในมือของคนที่เขาชนคว่ำหกใส่หลังแบคฮยอนจนหมด
เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนเฝ้าถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันคืออะไร
เขาทำผิดอะไรถึงได้ต้องมาพบเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้
และวูบหนึ่งในความรู้สึก
...คิดถึงชานยอลจัง...
“ตายจริง ทำไมนายซุ่มซ่ามแบบนี้ล่ะแบคฮยอน?” เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังทำให้แบคฮยอนรู้สึกเสียวาบ...ฮัมอึนจองอีกแล้วเหรอ?
“อึน.../ซ่า!!!” เพียงแค่ตัดสินใจจะหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนอย่างอึนจองก็กลับโดนน้ำอัดลมเย็นๆ สาดใส่หน้าจนสำลักน้ำ
“อ๊ะ...ขอโทษด้วยนะมือลื่น” ริมฝีปากสวยเอ่ยทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะก้าวขาเดินหันหลังกลับไป แบคฮยอนได้ยินเสียงหัวเราะกลายๆ จากผู้คนในโรงอาหาร...แบคฮยอนไม่มีที่พึ่งเลยสักคน
“หยุดนะ นั่นพวกเธอทำอะไรกัน!” เสียงประกาศิตจากอาจารย์คนหนึ่งดังขึ้น เสียงที่เหมือนกับระฆังชีวิตที่มาช่วยให้แบคฮยอนหลุดพ้นจากความอับอาย อาจารย์สาวคนนั้นรีบวิ่งมาหาเขาหลังจากที่คริสพ่นลมหายใจหงุดหงิดแล้วเดินหนีไป
“คุณบยอนไหวไหม? ลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วมาพบฉันที่ห้องแล้วกัน ฉันคิดว่าคุณคงมีเรื่องอยากให้ฉันช่วย” เธอกล่าวหลังจากที่นั่งลงตรงหน้านักศึกษาในคณะของเธอแล้วพบว่าดวงตาเรียวสวยกำลังเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสที่เจ้าตัวคงกำลังกลั้นไว้อย่างเต็มที่
“คยองซู...” ร่างเล็กพึมพำชื่อของเพื่อนใหม่ออกมาเมื่อเห็นว่าคยองซูนั้นกำลังแอบยืนมองเขาหลังเสาด้วยสายตาเป็นห่วง
“อ่า...ใช่แล้ว คุณคยองซูวิ่งไปเรียกฉันที่ห้อง เพราะเขาไม่กล้าเข้ามาช่วยคุณ คุณคงต้องขอบคุณเพื่อนคนนั้นแล้วล่ะ” อาจารย์กล่าวไว้แค่นั้นแล้วตัดสินใจพยุงตัวลูกศิษย์อย่างไม่รังเกียจ เสี้ยววินาทีที่แบคฮยอนเดินผ่านเสาที่คยองซูยืนหลบอยู่ เขาได้แต่ส่งคำพูดไร้เสียงไปจากใจและหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจมัน
“ขอบคุณนะ”
คยองซูก้าวออกมาจากที่ซ่อนแล้วลอบยิ้มอย่างดีใจ เขาเองไม่กล้าเข้าไปช่วยแบคฮยอนเพราะได้รับคำสั่งจากเพื่อนๆ หลายๆ คนว่าห้ามเข้าใกล้แบคฮยอน ไม่อย่างนั้นจะเดือดร้อน คยองซูแค่อยากมอบความรู้สึกดีๆ ให้แบคฮยอน เพราะเขารู้สึกว่าแววตาของแบคฮยอนเจือไปด้วยความเจ็บปวดอยู่เสมอ แค่นั้นจริงๆ
ขอให้หลุดพ้นจากเรื่องเลวร้ายนี้เร็วๆ เถอะนะ บยอนแบคฮยอน
“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันไหม?” อาจารย์คนสวยนั่งมองลูกศิษย์ของเธอที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาหลังจากทำความสะอาดตัวเสร็จ
“คุณบยอน ฉันเป็นที่ปรึกษาของคุณนะ ฉันได้ข่าวมาว่าปาร์คชานยอลเพื่อนสนิทของคุณลาออกกลับไปอยู่บ้านเกิดตามที่คุณบอกอึนจองมา ฉันค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่มาแจ้งทางมหาวิทยาลัยให้เป็นเรื่องเป็นราว”
“...”
“แล้วดูเหมือนว่าคุณจะมีปัญหากับผู้คนรอบข้างนะ”
“...”
“ข่าวคราวของคุณ ฉันก็พอจะได้ยินมาจากพวกนักศึกษาช่างเม้าท์มาบ้าง แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน เพราะฉันเชื่อว่าคุณเป็นนักศึกษาที่ดีคนหนึ่งตามที่ฉันได้เคยสังเกตุคุณมา”
“...”
“แต่เรื่องวันนี่ฉันเห็นทำให้ฉันสงสัยจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่...”
“...”
“คุณช่วยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม? เผื่อฉันจะหาทาง...”
“ผมขอลาออกครับ”
“หืม?” อาจารย์ที่ปรึกษาเลิกคิ้วระคนตกใจกับคำตอบที่ได้รับ เธอไม่ได้ต้องการฟังำตอบแบบนี้ เธอแค่อยากทราบเรื่องราวเพื่อจะหาทางช่วยเหลือ
“ใจเย็นๆ นะคุณบยอน ฉันว่า...”
“ได้โปรดเถอะครับ...”
“...”
“ผมอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ”
“คุณบยอน...”
“ได้โปรด...ฮึก...ช่วยปล่อยผมไปจากเรื่องเลวร้ายซักที...” เพียงเท่านี้น้ำอุ่นๆ ก็เอ่อล้นเต็มดวงตาเรียวสวยและพรั่งพรูออกมาจนอีกฝ่ายตกใจ ลูกศิษย์ที่รักของเธอคงจะพบเจอกับเรื่องบอบช้ำเสียใจเกินเยียวยา เธอลุกขึ้นและเดินเข้าไปมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นแก่ลูกศิษย์และภาวนาให้เด็กน้อยคนนี้หลุดพ้นจากสิ่งที่กำลังหนีอยู่เสียที
“ไม่เป็นไรนะคุณบยอน...มันจะดีขึ้นเชื่อฉัน...”
“ฮึก...คิดถึง...อึก...ชะ ชานยอล...ฮึก....ขอโทษ...ตัวเล็กขอโทษ”
อยากโกหกตัวเองเสียเหลือเกินว่าชานยอลยังอยู่...
ชานยอลยังคงรอเขาอยู่ที่คอนโด...
ชานยอลยังคงรัก...
และเป็นของเขาเพียงคนเดียวอย่างที่ผ่านมา...
แต่ความจริงคิอเขาเองที่ปล่อยมือจากชานยอล...
และทิ้งชานยอลด้วยมือของตัวเอง...
สิ่งที่เสียไปไม่อาจกลับคืน...บยอนแบคฮยอน...คนโง่
-------------------------------------------------------------------------
น้องหมาขอเห่า!~ : ปุ้ง!~ ครบร้อยเปอร์ตามสัญญาแล้วครับผม
อยากจะบอกจากใจเลยว่าเขียนยากมากถึงมากที่สุด เพราะหมาน้อยเลี่ยงเนื้อหาจริงๆ ออกมาเยอะ
ไม่อยากเขียนให้น้องแบคเป็นฆาตกรรมฆ่าใครอีกแล้วจริงๆ #กลัวนักอ่านจะเกลียด
มันอาจเป็นเพราะเนื้อเรื่องมันไม่ได้ออกแนวฆาตกรรมโรคจิตแต่แรกเนอะ
พอมาหักมุมฆ่าคน ทารุณจิตใจกันตอนท้ายนี่คงจะไม่เข้ากับเนื้อหา
จากฟิคดราม่ากลายเป็นฟิคดาร์ก 5555555555555
ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าตอนหน้ามีคนตายอีกแล้วนะ #ผ่างงงง ก็ฟิคมันจะจบแย้วววว
ต้องรีบกำจัดตัวละครออกไปให้หมด #ห้ะอะไรนะ
ใครคิดถึงชานยอลก็รอหลังตอนจบนะคะ ขอย้ำอีกทีว่าสเปตอนจบเป็นบันทึกรักชานแบคและย้อนวันวานตอนฮุนจีบแบคนะคะ หวานกันเลยทีเดียว #ทำไมอีนี่ชอบเขียนอะไรไม่เข้ากัน?
#ficcruel
20ความคิดเห็น