ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : SCHOOL : CHAPTER12
CHAPTER12
[ SEHUN PART]
"ไหวไหมมินซอก" ลู่หานกระซิบถามคนรักเบาๆ ไม่ได้หวังให้เจ้าตัวตอบแต่เพียงแค่พูดเพื่อให้กำลังใจเท่านั้น
"..." คนฟังไม่ได้โต้ตอบอะไร ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงไปซะแล้ว
พวกเราเดินลงบันไดทีละขั้นมาอย่างยากลำบาก มันใช้เวลาไม่น้อยเลยในการเดินลงบันไดแต่ละขั้น
เพราะอกแกร่งของลู่หานมีร่างอวบของมินซอกฮยองรั้งไว้อยู่
"ผมว่าผมอุ้มเองดีกว่าฮะ"
ผมที่เห็นอยู่นานเริ่มจะทนไม่ไหว ตัวเองก็ใช้ว่าจะมีแรงอะไรมากมาย ยังจะมาทำอะไรแบบนี้อีก
แต่แทนที่ลู่หานจะตอบรับความหวังดีของผม ร่างบางกลับทำไมสนใจราวกับผมไม่ได้พูดมันออกมา
"นี่ ฮยองอย่าดื้อสิฮะ" ผมยื่นมือไปประคองมินซอกฮยองแต่ลู่หานก็ปัดมือผมทิ้ง
"ฉันดูแลมินซอกได้น่า" ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมต้องหวงขนาดนั้น ผมอุตสาร์จะช่วยแท้ๆ
แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็นั่นแฟนเขานี่ คนเป็นแฟนกันต้องอยากปกป้องด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ความจริงผมไม่ได้อยากจะเสร่อเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นไม่เข้าท่า แต่ผมแค่อยากจะช่วยเท่านั้น
ในเมื่อมินซอกฮยองเป็นคนที่ลู่หานรัก ผมก็ควรจะรักเขาในฐานะพี่ชายคนนึงเหมือนกัน
และผมก็ตัดสินใจไปแล้ว ผมจะช่วยลู่หาน เราจะก้าวผ่านคืนนี้ไปด้วยกัน ผมไม่อยากเป็นแค่มักเน่ขี้กลัวที่คอยเอาแต่เดินตามลู่หานลงมา ผมอยากช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง ลู่หานผ่านอะไรมาเยอะไม่ต่างกับผม
เลขชั้นตัวใหญ่บ่งบอกว่าตอนนี้พวกเราเดินมาถึงชั้น2แล้ว และแน่นอนว่าระหว่างทางที่เดินลงมาพวกเราเจออะไรมาหลายอย่างทีเดียว ผมช็อคตั้งแต่เจอ'ศพ'ซูโฮฮยองแล้ว ผมไม่รุ้ว่าสาเหตุการตายเขาคืออะไร แต่ลู่หานรู้ ...เขาแค่ไม่บอกผม
"เซฮุน นายช่วยเดินนำและดูต้นทางหน่อยได้ไหม"
ลู่หานถามหวาดๆเมื่อเราเดินใกล้ชั้นล่างเข้ามาเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น
ยิ่งใกล้ทางออกก็ยิ่งอันตราย จริงไหม?
ผมทำตามแต่โดยดี ถึงแม้ในใจจะหวั่นไม่ต่างกันก็ตาม แต่ถ้าลู่หานอยากให้ผมช่วยผมก็ต้องช่วย
ผมค่อยๆก้าวทีละก้าวลงบันไดไปทีละขั้นและพยายามลงน้ำหนักระหว่างเดินให้น้อยที่สุด
ชะเง้อมองลงไปข้างล่างก็เห็นเงาทะมึนบางอย่างอยู่หน้าประตูทางออก ผมรีบเดินกลับมาหาลู่หานทันที
"ผมว่าเราออกทางนี้คงไม่ปลอดภัยแน่ๆฮะ" ผมพูดไปตามความจริง มองลู่หานก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน เพราะคนรักของตนอาการกำลังย่ำแย่
"เราไม่มีทางเลือกเลยเหรอ ฉันว่าเราน่าจะรีบวิ่ง.."
"อย่าเสี่ยงเลยฮะ ข้างล่างมีผีอยู่" ผมพูดขัดเมื่อรู้ทันว่าลู่หานต้องการจะทำอะไร ร่างบางหน้าซีดทันทีที่ได้ยินคำนั้น
"แล้วเราจะทำยังไงกันดี" คิดสิคิด ไอเซฮุน มันต้องมีทางอื่นที่ไม่ใช่ข้างล่างนี้สิ...
ในที่สุดผมก็นึกอะไรได้ ถึงแม้จะยังไม่แน่ใจกับมันก็เถอะ
"ลู่ฮานฮยอง ตอนอยู่ปีหนึ่งผมจำได้ว่ามันมีทางเดินทะลุไปหลังโรงเรียนไม่ใช่เหรอฮะ"
"..." ร่างบางขบคิดชั่วครู่ก่อนจะยิ้มกว้าง
"ใช่แล้วล่ะ ฉันเคยโดดเรียนด้วยทางนั้นจนอาจารย์จับได้ แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะโดนทุบทิ้งหรือยังนะ"
"ยังไงก็ต้องลองดูแล้วล่ะฮะ เหลืออยู่ทางเดียวแล้ว" ผมส่งสายตาแน่วแน่ไปให้
ลู่หานชั่งใจอยู่นานก่อนจะก้มมองคนรักที่หอบหายใจรวยริน
"อ..อื้ม"
--SCHOOLHORROR--
ตรงหน้าผมตอนนี้คือประตูเหล็กขนาดกลางที่สนิมกินไปเกือบครึ่ง นี่ถ้าลู่หานไม่บอกและชี้ให้ดูผมก็คงมองไม่เห็นว่ามันอยู่ตรงนี้ เป็นที่ที่ใครต่อใครก็คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ผมจำได้ว่าเดินผ่านทางนี้มาเกินสิบรอบแล้วในเวลาเรียน
ผมลองใช้มือหนาของตัวเองผลักๆมันดูแต่ก็ไม่ขยับ ผมจึงใช้หลังกระแทกดูบ้าง มันขยับเพียงน้อยนิด
แค่ดูเหมือนว่าขยับเท่านั้น เห็นทีว่าเราจะลำบากกันตั้งแต่ยังไม่ออกไปแล้วล่ะ
"นายถีบสิ" ลู่หานออกคำสั่ง ผมเดินถอยสองสามก้าวก่อนจะใช้เท้าถีบตามที่ร่างบางบอก
เอี๊ยดดด!
มันได้ผล ประตูเหล็กส่งเสียงเอี๊ยดอาดตามสภาพของมัน เผยให้เห็นช่องทางเดินแคบๆที่พาให้ตรงไปข้างหน้า
ทั้งสองฝั่งเป็นผนังสูงทึบ มันแคบชนิดที่ว่าเดินได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถตีคู่ได้
"ฮยองเดินไปก่อนเลยฮะ เดี๋ยวผมคุมหลังให้เอง" ผมอ้อมไปยืนข้างหลังลู่หานแล้วดันให้ร่างบางเดินเข้าไปเร็วๆ
ข้างในทั้งเหม็นอับและเหม็นเน่าในคราเดียวกัน เหมือนจะมีซากของสิ่งมีชีวิตเล็กๆอย่างเช่นพวกหนูหรือแมลงสาปรวมกันอยู่ในนี้ นี่ยังไม่รวมถึงฝุ่นและอยากไย่ที่ระโยงระยางไปมาน่ารำคาญ
มันคงจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับผมหากเพดานข้างบนมันสูงกว่านี้
ยิ่งพวกเราเดินลึกเข้าไปเพดานก็ยิ่งต่ำลงมาเรื่อยๆเหมือนถูดสร้างให้เป็นลูกเล่นสะดุดตา
ผมได้กลิ่นไอดินและกลิ่นของธรรมชาติไม่ใกล้ไม่ไกล รู้สึกถึงทางออกที่อยู่ข้างหน้า
ในขณะที่กำลังจะก้าวขาเดินอย่างเร่งรีบลู่หานก็หยุดเดินขึ้นมากระทันหัน
"มีอะไรเหรอ?"
"มินซอกๆ นายได้ยินฉันไหม" ลู่หานตบแก้มคนรักเบาๆให้รู้สึกตัว มินซอกฮยองตอนนี้ดูซีดเซียวเป็นอย่างมาก
ผมไม่แน่ใจว่าจะพาเขาออกไปทันเวลา
"รีบวิ่งเถอะ ทางออกอยู่ข้างหน้าแล้ว" ผมรบเร้าและดันหลังลู่หานให้เดินต่อไป แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงแปลกๆจากข้างหน้า มันเป็นเหมือนเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหววูบ ซึ่งไม่ใช่ลู่หานหรือมินซอกฮยองที่เคลื่อนไหว
มันมีสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพวกเราอยู่ในนี้...
เสียงมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนกระทั่ง...
"มินซอก!"
เท่าที่ผมรับรู้ได้ในตอนนี้คือลู่หานพยายามยื้อตัวมินซอกฮยองไว้จากบางอย่างที่กำลังดึงขามินซอกไป
"ลู่หานช่วยด้วย!" คนโดนลากจับมือลู่หานไว้แน่นแต่แรงส่วนข้อเท้ามีมากกว่า จึงเกิดการยื้อขึ้น
"เซฮุน!" ลู่หานตะโกนเรียกผมให้รู้ตัวว่าควรจะทำอะไร ทันทีที่ตั้งสติได้ผมก็เอื้อมมือฉุดแขนมินซอกฮยองอีกข้างให้กลับมา
ผมยื้อสุดแรงเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว ทั้งผมและลู่หานต่างก็ล้มลงไปข้างหลัง
"มินซอก อย่าไป" ร่างบางร้องไห้ตัวโยน มือนุ่มพยายามจับแขนมินซอกฮยองไว้แต่ก็ได้เพียงปลายนิ้ว
"มินซอก!"
"ลู่หานอย่า"
ผมคว้าเอวลู่หานให้กลับมาเมื่อร่างบางกำลังจะวิ่งตามคนรักไป
"ปล่อยฉัน ฉันจะไปหามินซอก" ลู่หานทั้งจิกทั้งขวนผมให้ปล่อยเขา
"ใจเย็นๆสิฮะ ขืนวิ่งออกไปเดี๋ยวก็โดนเหมือนมินซอกฮยองหรอก"
"ฉันไม่สน ฉันจะไปช่วยเขา" ลู่หานที่ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนผลักผมจนหัวไปกระแทกกำแพงข้างๆ
"โอ้ย" ร่างบางไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยของผมสักนิดเมื่อเลือดซึมออกมาจากแผลเก่า
"ฮยอง ..อย่าไป"
สุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ผมคนเดียว เมื่อลู่หานวิ่งตรงไปทางเดียวกับที่มินซอกฮยองถูกลากออกไป
เขาไม่หันกลับมาสนใจผมเลยสักนิด อาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ผลักน้องคนนี้ไปกระแทกกำแพงอย่างแรงจนหัวแตกอีกรอบ แต่เรื่องแค่นี้มันคงไม่สำคัญสำหหรับเขาหรอก
ในเมื่อตอนนี้ในความคิดลู่หานมีแค่มินซอกฮยองเท่านั้น...
"..." ผมกัดฟันทนกับความเจ็บปวดไว้ แผลแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก
ทั้งๆที่กำลังจะออกไปได้แล้วแท้ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ฮยองฮะ ถ้าไม่มีพี่ ผมก็จะไม่ออกไป
ผมตัดสินใจยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งตามลู่หานไป น่าแปลกที่ดูเหมือนว่าระยะทางมันไกลมากขึ้นกว่าเดิม
และยิ่งวิ่งเข้าไปเรื่อยๆมันก็ยิ่งมืดจนแทบมองไม่เห็น ในเมื่อแสงจากหลอดไฟตอนแรกมีเพียงปากทางเข้าประตูเท่านั้น
"ลู่หานฮยอง!" ผมป้องปากตะโกนเรียกเมื่อรู้ตัวเองว่าวิ่งมาไกลขึ้นทุกที
ทั้งๆที่มันน่าจะถึงหรือทะลุออกไปได้แล้ว แต่นี่ผมวิ่งมาหลายนาทีแล้วทำไมมันยังเป็นทางเดินให้วิ่งไปได้เรื่อยๆอีกเหมือนไม่มีทางออก บางทีก็เหมือนเป็นทางโค้งคดเคี้ยวไปมา
มันเหมือนผมวิ่งอยู่ในเขาวงกตยังไงยังงั้น
"..."
ผมหยุดกึกเมื่ออยู่ดีดีทางตรงที่ผมกำลังวิ่งกลับกลายเป็นทางแยกสองฝั่ง
ทางสองทางนี้ผมจำมันได้ ผมมักเดินผ่านบ่อยๆเวลาเปลี่ยนคาบเรียน
มันเป็นทางแยกไปห้องวิทย์กับห้องคณิต ...
ทางแยกนี่อยู่ที่ชั้น3 แต่... ทำไมผมถึงมาโผล่ชั้นสามได้ล่ะ
ผมยืนหอบหายใจพักเหนื่อย ในหัวก็คิดไปด้วยว่าจะทำยังไงต่อดี
ผมควรจะวิ่งไปทางซ้าย...หรือขวา ?
หรือจะเดินกลับ?
คิดได้ดังนั้นก็หันหลังกลับไปมอง มันเป็นชั้นสามอย่างที่คิดจริงๆ
แปลก...มันแปลกมากๆ
ผมวิ่งมาเรื่อยๆแล้วทะลุมาชั้นสามซะงั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะจริงไหม
'กึก!!'
"..!!" ผมชะงักนิ่งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงอะไรแปลกๆใกล้ๆตัว มันเป็นเสียงเคลื่อนไหวอีกแล้ว
ความกลัวแล่นเข้ามาเกาะกินในใจช้าๆ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันหวิวชอบกล
ผมตัดสินใจเลี้ยวซ้ายไปอย่างช่วยไม่ได้ ผมไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้คิดอย่างนั้น
ผมแค่ไม่อยากจะยืนอยู่ตรงทางแยกนานนัก มันรู้สึกไม่ดี เหมือนมีคนจับจ้องอยู่
"..."
ตึกๆ
"...!" ผมหันขวับเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครเดินตามอยู่ข้างหลัง
แต่ก็ไม่มีอะไร...
ผมวิ่งต่อไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่น่าแปลกที่เสียงวิ่งนั้นไม่ได้มีเสียงของผมคนเดียว
ตึกๆๆ
"...!" ผมหันหลังกลับไปอีกครั้ง คราวนี้หันไปเต็มๆตัว แต่ก็ไม่เจออะไรอีกเช่นเคย
ฟิ้วว~
"ค..ใครน่ะ!" ผมหันซ้ายเมื่อรู้สึกว่าใครเดินผ่านตัวผมไป ลมที่ไหวพลิ้วบ่งบอกว่ามีคนผ่านไปจริงๆ
ผมเหลือบเห็นชายผ้าขาวหายเข้าไปในห้องน้ำเมื่อกี้
จะใช่คนเดียวกับที่ผ่านตัวผมไปหรือเปล่านะ?
ต้องใช่แน่ๆ..
และลู่หานก็ใส่เสื้อสีขาวด้วยไม่ใช่หรือไง บางทีอาจจะเป็นลู่หานก็ได้!
"ลู่หานฮยอง!" ผมตะโกนเรียกและวิ่งตามเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็ต้องอึ้งเมื่อ..ไม่พบใครอยู่ในห้องน้ำเลย!!
แล้ว...แล้วใครที่เข้ามาในห้องน้ำเมื่อกี้ล่ะ!
คิดแล้วขนก็ลุกซู่ขึ้นมาด้วยความกลัว นี่หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่าเจอดีเข้าแล้ว
"เซฮุน~"
"!!!"
เสียงลู่หานเรียกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ผมสะดุ้ง
"เซฮุน~" ผมเงี่ยหูฟังได้ยินแว่วๆเหมือนมาจากห้องวิทยาศาสตร์ ไม่ผิดแน่..ห้องวิทย์
"ลู่หานฮยอง" ผมตะโกนกลับไป เสียงเรียกนั้นเงียบลง
ผมวิ่งตรงไปยังห้องวิทย์ทันที ต้องขอบคุณหลอดไฟสว่างจ้าที่ติดอยู่ตลอดทาง
ไม่อย่างนั้นผมคงจะนึกภาพไม่ออกเลยถ้าต้องเดินในที่มืดๆแบบนี้คนเดียว
ประตูห้องวิทย์ถูกเปิดค้างไว้เหมือนมีใครเข้าไปก่อนหน้านี้แล้ว และนั้นคงจะไม่ใช่ใครที่ไหน ต้องเป็นลู่หานแน่ๆ
ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อมองหาร่างบาง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อ...ไม่มีใครอยู่
"เซฮุน~"
เสียงเรียกนั่นมาอีกอีกแล้ว แต่คราวนี้ดังชัดเจนมาจากห้องข้างๆ ซึ่งผมจำได้แม่นว่าเป็นห้องเก็บของเก่า
และแน่นอนว่ามันต้องถูกล็อคกลอนจากข้างนอกเพราะอาจารย์ไม่ให้นักเรียนเข้าไป
"เซฮุน~"
ผมเงี่ยหูฟังกับประตูห้องเก็บของก็ได้ยินเสียงของลู่หานชัดเจน ผมไม่เข้าใจว่าลู่หานไปอยู่ในนั้นได้ยังไง
แต่ในตอนนี้มันงไม่ใช่เวลาจะมาสงสัยอะไรทั้งนั้น ผมเขย่าประตูรัวทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเปิดไม่ได้
พลันสายตาก็มองหาสิ่งของที่สามารถปลดล็อคแม่กุญแจอันใหญ่ได้
ผมวิ่งกลับเข้ามาในห้องวิทย์อีกครั้งแล้วเปิดตู้ทุกตู้ที่เก็บของทดลองไว้
เพล้ง!
"เฮือก!" ผมก้าวหนีด้วยความตกใจเมื่อมือเผลอพลั้งไปปัดโหลแก้วอะไรบางอย่างตกลงมาแตก
ส่งกลิ่นเหม็นฉุนจนอยากจะอาเจียนให้รู้แล้วรู้รอด
เมื่อเพ่งดูก็พบก้อนเนื้อขนาดกลางที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับ...มนุษย์...ดิ้นไปดิ้นมา
!!!
มันคือเด็กในขวดโหล!
แต่ที่ผมหวาดผวาไม่ใช่เพราะเป็นของทดลอง แต่เพราะว่าตัวเด็กขนาดจิ๋วนั่นกำลังดิ้นไปมาต่างหาก!
มันตะเกียกตะกายไต่ขาผมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ราวกับผมเป็นของเล่นของมันอย่างนั้น
"ออกไป อย่าเข้ามา!" ผมปัดป่ายไปทั่วด้วยความกลัวจนลืมไปว่าควรทำอะไรในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ
เพล้ง เพล้ง เพล้ง!!!
โหลแก้วที่ตั้งอยู่ข้างๆตกลงมาเรื่อยๆตามลำดับ เผยให้เห็นเด็กรูปร่างคล้ายๆกันคลานยั้วเยี้ยไปหมด
แล้วทุกตัวต่างก็พยายามไต่ตัวผมขึ้นมา!!
ผมใช้มือทั้งสองข้างผลักเด็กผีออกไปจากตัว บ้างก็กระเด็นไปติดฝาผนังด้วยฝีมือของผมจนหัวสมองเละตุ้มเปะ
ทันทีที่สะบัดเด็กทุกตัวออกจากตัวได้ก็วิ่งออกมาจากตรงนั้นและผลักตู้ให้ล้มลงมาทับเด็กผีทั้งหมดทันที
"..." ผมปาดเหงื่อโล่ง เกือบ...เกือบไปแล้วไอเซฮุน
ในที่สุดผมก็เจอของที่ต้องการ มันอยู่ใกล้ๆกับประตูนี่เอง ถ้าผมสังเกตุดีกว่านี้คงจะไม่ต้องมาขวัญเสียกับเด็กผี
ผมคว้าไขควงขนาดเล็กบนโต๊ะมาแล้ววิ่งออกไปทันทีโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูให้อย่างแน่นหนา
กลัวว่าไอผีลูกกรอกนั่นจะคลานออกมาอีก
"ลู่หานฮยองรอผมแปปนึงนะ" ผมตะโกนเข้าในห้องแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
ผมลงมือปลดล็อคแม่กุญแจอยู่สักพัก ในที่สุดมันก็สะเดาะออกอย่างง่ายดาย
ภายในห้องมืดสนิท ผมค่อยๆเดินเข้าไปและคลำหาสวิตไฟแล้วเปิดมัน แต่...มันไม่ติด
"..." ไฟอาจจะเสีย ผมไม่แปลกใจเท่าไรนักเพราะห้องนี้ก็ไม่มีใครใช้มานานอยู่แล้ว
ผมจึงต้องเดินทั้งๆที่มืดๆแบบนี้ มือก็ใช้ให้เป็นประโยชน์โดยการคลำข้างหน้าไปเรื่อยๆ
"ลู่หานฮยอง!"
"..."
"ฮยองได้ยินผมไหม" ผมตะโกนลั่นห้องแต่เสียงที่ตอบกลับมาคือความเงียบ
ให้ตายเถอะ ถ้าไฟในห้องติดผมคงจะเห็นอะไรๆง่ายกว่านี้ นี่ยังดีที่ว่าสามารถอาศัยแสงสลัวจากไฟทางเดินได้
ผมเดินสะเปะสะปะไปทั่วจนกระทั่งไปเหยียบโดนอะไรบางอย่างที่ขวางทางอยู่
"โอ๊ย!" เบื่อตัวเองจริงๆเลยให้ตาย ทำไมถึงได้ล้มง่ายขนาดนี้นะ...
ผมพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นโดยการเอามือยันพื้นไว้แต่มันผิดคาด
เพราะสิ่งที่ผมยันอยู่ไม่ใช่พื้น แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ผมน่าจะสะดุดเมื่อกี้...
ผมคลำๆดู พบว่ามันเป็นผ้าหยาบอะไรสักอย่างที่ห่อของไว้ ...ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ผมเปลี่ยนตำแหน่งมือและยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาแต่ก็ต้องสะดุดกับของสิ่งนั้นอีกครั้ง
"!!!"
ไม่สิ ผมไม่ได้สะดุดอันเดิม แต่ผมสะดุดอีกอันนึงที่วางอยู่ข้างๆ!
ผมลุกขึ้นนั่งและวาดมือไปสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างใกล้ๆตัว ผมสัมผัสได้เพียงผ้า และผ้า!
มันเป็นผ้าหยาบที่ห่อหุ้มอะไรบางอย่างไว้ มันแข็งและเหม็นสาบ
ผมรู้สึกเหมือนกับว่านั่งอยู่ท่ามกลางของสิ่งนี้นับสิบ
แต่...มันคืออะไร!?
แสงไฟสลัวจากทางเดินข้างนอกไม่ได้ช่วยผมให้มองเห็นพวกนี้เลยสักนิด ผมจำต้องคลำเอาเองด้วยความอยากรู้
ผมกระชากผ้าหยาบนั้นออกและสัมผัสสิ่งของข้างใน
สิ่งแรกที่ผมสำผัสได้คือเส้นผมสากๆ...
อย่างที่สองคือผิวหนังหยาบกร้าน...
อย่างที่สามคือลูกกระตา...
อย่างที่สี่คือปาก...
ใช่...ไม่ผิดแน่...
มันคือศพ!!!
"อ๊ากกกกกกกก"
ผมร้องลั่นด้วยความกลัว สาบานได้ว่าไม่เคยหวาดผวามากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต มันน่ากลัวกว่าเด็กผีในห้องวิทย์ มัน...มัน..มันทำให้ผมสติแตก!!!
ผมลุกขึ้นหมายจะวิ่งออกไปจากห้องทันทีแต่เสียงประตูก็ปิดลงดังสนั่น
ปัง!
"...!!" ประตูห้องปิดลงอย่างไม่มีสาเหตุ ผมตะบี้ตะบันทุบประตูอย่างแรงแต่ก็ไม่เป็นผล
ผม..ถูกขังอีกแล้ว ถูกขังเป็นครั้งที่สอง...
แต่ครั้งนี้ลู่หานคงจะมาช่วยผมไม่ได้อีกแล้วสินะ
ผมดิ้นพล่านอยู่ในห้องท่ามกลางศพมากมายที่ผมเคยเหยียบโดยไมได้ตั้งใจ
ทำไม...ศพแบบนี้ถึงมาอยู่ในโรงเรียนได้!
เป็นคุณคุณจะสติแตกไหมครับ อยู่ในห้องมืดๆท่ามกลางศพพวกนี้
ถ้าเป็นผมคงบอกได้คำเดียวว่า...มากจริงๆ!!
ไหนจะลู่หาน คนที่ผมรัก
ไหนจะชีวิตตัวเอง ที่ใครๆก็รักอีกเช่นกัน
ผมไม่รู้จะช่วยอันไหนก่อนดีในเมื่อตกอยู่ในสภาพแบบนี้
คงจะมีทางเดียว...ที่ผมสามารถหนีปัญหาและเรื่องสยองขวัญนี้ได้...
"..." ผมปาดน้ำตาบนใบหน้าออกไปอย่างรังเกียจ เกลียดตัวเองที่่อ่อนแอ เกลียดมากๆ
สมองก็สั่งการให้ก้าวขาข้ามร่างทั้งหลายที่นอนเกลื่อนกลาดไปอย่างยากลำบาก
ผมเดินมาอยู่ที่ที่ลึกสุดของห้อง ก่อนจะใช้มือผลักบานหน้าต่างที่มีอยู่บานเดียวในห้องให้กว้างที่สุด
ทางเดียว...ก็คือโดดลงไป!
ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องขจัดปัญหาด้วยวิธีนี้เลย ถ้าผมคิดจะทำก็คงจะโดดไปนานแล้วเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าหน้าต่างมันมีอยู่ทุกห้องอยู่แล้ว
ยิ่งก้มมองลงไปข้างล่างใจก็ยิ่งโหว่ง...มันสูงเกินไป
และแน่นอนว่าถ้าโดดลงไปผลลัพท์ก็คือตายสถานเดียว
พ่อฮะ แม่ฮะ เซฮุนขอโทษ เซฮุนรักทั้งสองคนมากนะฮะ
ฮยองทั้งสิบเอ็ดคน..ผมขอบคุณที่คอยเป็นทั้งเพื่อนและพี่นะฮะ
ถึงแม้จะเจอไคฮยองวันนี้วันแรกแต่ผมก็นับถือฮยองเหมือนกับคนอื่นๆไม่แพ้กันเลย
ลู่หาน...ผมขอโทษที่ทำอย่างที่บอกไม่ได้ ผมตัดใจจากฮยองไม่ได้ แต่...ผมรักฮยองและจะรักตลอดไปนะฮะ
ลาก่อน...!
--SCHOOL HORROR--
[LUHAN PART]
ผมวิ่งตามมินซอกไปอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งๆที่วิ่งตามมาติดๆแท้ๆแต่ผมกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของคนรัก
เมื่อวิ่งมาเรื่อยๆก็พบกับทางแยกที่แสนคุ้นเคย มันเป็นทางแยกของชั้น3
ผมไม่มีเวลามาคิดอะไรเกี่ยวกับทางแยกนี้ ในหัวผมมีแค่มินซอกเท่านั้น
"อ๊ะ!"
อยู่ดีดีเชือกปริศนาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็พันรอบคอผมแน่นพร้อมกับดึงตัวผมขึ้นไปข้างบน
"ป..ปล่อย!" ผมพยายามสะบัดมันให้หลุดแต่กลับกลายเป็นตัวผมเองที่แกว่งไปมากลางอากาศ
ผลสุดท้ายร่างของผมก็ถูกห้อยอยู่ข้างบนทางแยกโดยมีเชือกกับคอเป็นตัวยื้อเอาไวไม่ให้ตก
ช..ช่วยด้วย! คอผมกำลังจะหัก...
ตึกๆ
เสียงวิ่งของใครบางคนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมก้มลงไปมองก็พบว่าเป็นเซฮุน
ร่างสูงหอบหายใจอยู่ข้างล่างตัวผม ไม่ได้สังเกตุเลยว่าฮยองของนาย..อยู่ข้างบนนี้
"..."
ผมพยายามอ้าปากตะโกนออกไปให้เซฮุนได้เงยหน้าขึ้นมาซะที แต่มันก็ทำไมได้
ผมจึงกขยับตัวไปมากลางอากาศให้เกิดเสียง แต่มันกลับยิ่งทำให้ร่างสูงกลัวมากขึ้น...
ไม่..เซฮุน อย่าไป!!!
ร่างสูงหันซ้ายหันขวาก่อนจะวิ่งเลี้ยวไปทันที โดยไม่สนว่าผมยังอยู่ข้างบนนี้
เซฮุน...ถ้านายเงยหน้าขึ้นมาอีกสักนิด มันก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้
--SCHOOL HORROR--
93ความคิดเห็น