ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
ALL OF MY FICTION [DoubleB Nielong]

ลำดับตอนที่ #15 : SVT [SoonHoon] - HoZi [+%]

  • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 58


24 ต.ค. 58
+% 14 พ.ย. 58


















- - - HoZi - - -

















เสียงฟ้าร้องและสีของท้องฟ้าที่ดูมืดครึ้มบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าในไม่ช้านี้ฝนจะตกลงมา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้จีฮุนรีบร้อนที่จะเดินเข้าไปในที่ร่มเพื่อหลบฝนเลย


ในที่สุดหยดน้ำฝนก็ตกลงมาพร้อมกับน้ำตาของเขา


จีฮุนทิ้งตัวลงนั่งชันเข่าบนฟุตบาทข้างทาง ซุกหน้าลงบนเข่าตัวเอง กระเป๋ากีตาร์ที่สะพายคล้องอยู่ที่แขนหล่นลงบนพื้น กระเป๋าเอกสารกองอยู่ข้างๆ เจ้าของมันไม่ได้ใยดีกระดาษที่ปลิวว่อนตามแรงลมเลยแม้แต่น้อย


ผู้คนที่หลบฝนอยู่แถวนั้นได้แต่จ้องมองเขา ไม่มีใครจะสนใจมาเรียกเขาให้เข้าไปหลบฝนในร่มเลยสักคน แต่นั่นแหละ จีฮุนไม่อยากให้คนอื่นเห็นหรอกว่าเขาร้องไห้


อย่างน้อยการร้องไห้กลางสายฝนคงดูน่าเกลียดน้อยกว่า

จีฮุนเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกผิดปกติที่อยู่ๆ เม็ดฝนก็หยุดตกลงมา ไม่ใช่ฝนที่หยุดตก แต่เป็นร่มของใครสักคนที่ยื่นมาบังฝนให้เขา จีฮุนเอื้อมมือไปรับคันร่มเมื่ออีกคนยังคงยื่นมันให้เขา ส่วนเจ้าของร่มนั้นก็เดินตากฝนตามเก็บแผ่นกระดาษาที่ปลิวออกมาจากระเป๋าแล้วยัดมันคืนลงไป


"ร้องไห้กลางฝนคิดว่าเท่นักรึไง" เจ้าของร่มว่าพลางถอนหายใจ ยัดกระเป๋าคืนใส่มือจีฮุนก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งฝ่าฝนเข้าไปในตึกฝั่งตรงข้าม






























มือขาวขยี้หัวสีชมพูของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้หัวเขาไม่แล่นเลย อยากจะเขียนเพลงแต่ดันคิดอะไรไม่ออก ละสายตาจากกองกระดาษไปมองแก้วกาแฟที่มีคราบกาแฟเลอะติดที่ปากแก้ว เขากินกาแฟไปแก้วเดียว แต่ชงใส่แก้วเดิมไปสามรอบแล้ว ถ้าเขาขืนชงกินอีกแก้วมีหวังต้องตาค้างข้ามวันแน่ๆ จะว่าไปตอนนี้เขาก็ไม่ง่วงหรอกนะ


เบนสายตาไปมองนาฬิกาที่ผนังห้องที่ตอนนี้บอกเวลาตีสองกว่าๆ จะให้นอนก็คงไม่หลับ แต่จะให้นั่งจุมปุ๊กเขียนเพลงต่อก็ไม่ไหวเหมือนกัน


จีฮุนวางดินสอไม้ลงบนโต๊ะ หยิบเสื้อหนังสีดำมาสวมทับเสื้อยืด ยัดกระเป๋าเงินกับมือถือลงกางเกง ก่อนจะออกมาจากห้อง


แม้ตอนนี้จะเกือบจะตีสามแล้ว แต่ย่านนี้ก็ยังคงมีร้านค้าที่ยังเปิดให้บริการ มีคนเดินผ่านไปมาบ้าง เขาเดินผ่านร้านทำผมที่ได้ใช้บริการเมื่ออาทิตย์ก่อน ที่จริงเป็นซึงกวานลากมาต่างหากล่ะ 

ซึงกวานบอกว่าตัดผมใหม่ ทำสีใหม่ จะได้เริ่มต้นใหม่ เขาก็ถามนะว่าทำไมต้องสีชมพู ซึงกวานก็ให้เหตุผลประหลาดๆ กลับมาว่า


'ลูกผู้ชายแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องสีชมพู'


เหมือนจะเคยได้ยินประโยคคล้ายๆ แบบนี้ในรายการไหนสักที่เลยนะ


นั่นแหละ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าผมสีชมพูของเขานี้เป็นความคิดของใคร 


เอาเถอะ สีผมใหม่ เผื่อจะเจออะไรใหม่ๆ ดีๆ อย่างที่มันว่าก็ได้


จะได้เลิกจมกับอดีตสักที...ล่ะมั้ง


นี่ก็สามเดือนมาแล้วนับจากวันนั้น วันที่โดนทิ้งแบบไม่ถูกใยดีสักนิด วันที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นบ้าทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีนั่งร้องไห้กลางสายฝน คิดๆ ย้อนไปแล้วก็น่าอายจริงๆ ทำลงไปได้ยังไง น่าขายหน้าสุดๆ


พอคิดถึงวันนั้นแล้วก็อดจะขย้ำหัวตัวเองอีกรอบไม่ได้ วันนั้นเขากลับห้องพักหลังจากตั้งสติได้ เอากระดาษที่เปียกฝนมากางตากในห้อง ดีที่ตัวหนังสือมันไม่เลือนหายไปซะหมด แต่ก็ต้องหัวเสียเมืื่อพบว่ามันหายไปแผ่นนึง แล้วดันเป็นแผ่นที่เขียนใกล้เสร็จแล้วด้วย ทั้งเนื้อและทำนอง


เฮ่อ...


ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ จะบอกว่าเขียนเอาใหม่ก็ได้แหละ แต่มันไม่เหมือนกันน่ะสิ ความรู้สึกที่สื่อออกมามันไม่ถึงครึ่งของแผ่นนั้นซะด้วยซ้ำ


จีฮุนเดินเข้าไปชงโกโก้ร้อนในมินิมาร์ทพร้อมขนมปังใส้ครีมห่อสุดท้ายของร้าน จ่ายเงินแล้วออกมานั่งจิบโกโก้แก้หนาวอยู่ใกล้ๆ ทางเข้า


สอดสายตาไปรอบๆ ก็สะดุดตาเข้าให้กับกลุ่มเด็กผู้ชายหัวหลากสีประมาณสี่ห้าคนกำลังเดินมาทางนี้ และเดินผ่านเขาเข้าไปในร้าน เด็กพวกนั้นพูดคุยกันเสียงดัง ได้ยินเสียงร้องเรียกหาของกินกันระงม เหมือนจะได้ยินบางคนร้องเรียกหาขนมปังใส้ครีมด้วยแหละ เขาหัวเราะเบาๆ ให้เสียงนั้น น่าสงสารจริงๆ อดไปซะนะ


สักพักกลุ่มเด็กพวกนั้นก็ยกโขยงออกมาแย่งที่นั่งตรงหน้าร้าน เพราะตรงนี้มีเก้าอี้อยู่สองตัว ตัวนึงนั่งได้แค่สองคน บางคนในกลุ่มนั้นเลยต้องยืน บางคนก็นั่งชันเข่าบนพื้น บางคนได้รามยอน บางคนได้แฮมเบอร์เกอร์ แต่ส่วนใหญ่จะกินของคนอื่นเสียมากกว่า


"หิวว่ะ"


"ก็บอกให้ซื้ออย่างอื่น"


"ก็อยากกินใส้ครีมนี่หว่า"


จีฮุนนั่งเงียบๆ ฟังบทสนทนาของเด็กพวกนี้ที่คุยกันเสียงดังไม่มีทีท่าว่าจะเกรงใจคนอื่นเลยสักนิด คนอื่นที่ว่าก็ตัวเขานี่แหละ


แต่เอาเถอะ มันก็ไม่ได้เสียงดังจนน่ารำคาญขนาดนั้นหรอกนะ


นั่งจิบโกโก้ไปเงียบๆ พลางฟังกลุ่มเด็กพวกนี้คุยกันไปสักพัก เขาก็พอจับประเด็นได้ว่าเด็กกลุ่มนี้เพิ่งซ้อมเต้นกันมา และเมื่อกี้ก็มีพวกมาเพิ่มอีกสองคนด้วย ดูเหมือนว่ากินเสร็จแล้วก็ยังตัองกลับไปซ้อมกันต่ออีก


เขาหันไปมองข้างตัวนิดหน่อยเมื่อมีคนมานั่งชิดเสียจนไหล่ชนกัน อีกฝ่ายผงกหัวเป็นเชิงขอโทษที่นั่งลงโดยไม่ได้กะระยะ เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกลับมาสนใจอ่านข้อความบนห่อขนมปังอย่างไม่มีอะไรจะทำ


"เอาใส้สังขยาก่อนไหม?" ใครบางคนถามขึ้นเสียงดัง


จีฮุนหันมองข้างตัวอีกครั้งเมื่อคนข้างๆ ขยับตัวเอนลงบนพนักพิงปิดเปลือกตาตัวเองก่อนจะเอ่ยปากพูด


"จะเอาใส้ครีมม" แถมยังทำท่างอแงลากเสียงยาวอีกต่างหาก


จีฮุนก้มมองขนมปังใส้ครีมในมือตัวเอง


"ไม่กินไม่มีแรงซ้อมนะโว๊ย!" ใครบางคนตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง


เพื่อนๆ พากันบ่นตัวปัญหาที่ไม่ยอมกินอย่างอื่น แถมยังทำตัวงอแงเหมือนเด็กที่จะกินแค่ใส้ครีมอย่างเดียว


"กินเข้าไป ของอ้วนๆ นั่นน่ะ"


จีฮุนหันมองคนพูดที่กำลังยัดเบอร์เกอร์เข้าปาก โอเค เขาจะไม่สนใจประโยคเมื่อกี้ก็ได้เพราะหมอนั่นควรเพิ่มน้ำหนักให้ตัวเอง


เขาอดเหลือบมองคนข้างตัวไม่ได้ ตอนนี้เจ้าตัวยังคงหลับตาอยู่แบบเดิม


"ฉันต้องการพลังงานนี่" ว่าขึ้นเสียงอ่อนก่อนจะลืมตาขยับมานั่งตัวตรง


จีฮุนทำหน้าเหลอหลาเพิ่งมารูัสึกตัวว่าตัวเองมองอีกคนอยู่ก็เมื่ออีกฝ่ายหันมามองตอบเขา คนนั้นเลิกคิ้วมองเขาอย่างสงสัย จีฮุนจึงส่ายหัวช้าๆ ก่อนหันหน้าหนี เขาก้มมองขนปังในมืออีกครั้งก่อนจะยื่นมันไปให้คนข้างๆ


"อ่ะ" เขาเอ่ยขึ้นเมื่ออีกคนมองเขางงๆ "...เอาไปกิน ต้องการพลังงานไม่ใช่รึไง" ว่าแล้วก็ยัดขนมปังใส่มืออีกคน เจ้าตัวก็รับมันไว้แบบงงๆ


จีฮุนถือโอกาสสำรวจใบหน้าอีกฝ่ายไปในที อีกคนมีผมสีขาวทองหรืออะไรสักอย่างจากการกัดของสารเคมี ผมหน้าม้าถูกมัดเป็นกระจุกอยู่ข้างบน เผยให้เห็นหางตาที่ชี้ขึ้น จมูกรับกับปาก อีกคนดูมีแก้มนิดๆ ทั้งที่ก็ดัดฟันอยู่ แต่เจ้าตัวไม่ได้อ้วนอะไรออกจะดูดีด้วยซ้ำ


"ขอบคุณครับ"  อีกคนเอ่ยขึ้นมาเรียกให้เขาต้องเลิกสำรวจอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้าให้ เจ้าตัวอ่านหน้าซองขนมปังก่อนจะแกะห่อแล้วยัดมันเข้าไปคำใหญ่ๆ เขาเบ้ปากใส่ภาพนั้นก่อนจะหันมายิ้มบางๆ ให้ปลายรองเท้าตัวเอง


จีฮุนหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอพโน๊ตบันทึกข้อความที่เขาเขียนเพลงค้างไว้ ปกติเขาชอบเขียนใส่กระดาษมากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าช่วงนี้เขาเขียนใส่แอพโน๊ตบ่อยๆ เพราะมันสะดวกกว่า


หันไปมองข้างตัวอีกครั้งเมื่อเด็กหัวขาวยื่นหน้ามามองจอมือถือเขาอย่างไร้มารยาท


"คุณแต่งเพลงเป็นด้วยเหรอ?"


"อือ" ว่าแล้วก็ปิดแอพก่อนเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง "...แต่ตอนนี้คิดไม่ออก"


"ผมช่วยคิดเอาป่ะ"


"ไม่อ่ะ"  จีฮุนส่ายหัวก่อนจะลุกขึ้นยืน แต่เพราะเสียงเรียกจากคนหัวขาวทำให้เขาต้อถอนหายใจและหันกลับไปมอง


หมอนี่ก็ไม่ได้สูงสักเท่าไร แต่มันคงไม่น่าเศร้ามากมายนักถ้าเขาไม่ได้เตี้ยกว่าแบบนี้


"ผมชื่อซุนยองนะ คุณอายุเท่าไร"


เดี๋ยวนะ บางทีหมอนี่อาจจะเข้าใจอะไรผิดไป แทนที่จะถามชื่อเขากลับถามอายุแทนเนี่ยนะ


"ไม่คิดจะถามชื่อหน่อยรึไง?"


"ก็ถ้าคุณไม่อยากบอกชื่อ ผมก็จะได้เรียกคุณได้ถูกไงเผื่อคุณอาจจะเด็กกว่า"


จีฮุนเลิกคิ้ว


"ฉันดูเด็กกว่านายรึไง?"


"ก็...คุณคงโมโหแน่ถ้ารูัคำตอบ"


เขาอาจจะโมโหถ้าคำตอบคือเขาดูเหมือนคนแก่ แต่ก็คงโมโหเหมือนกันถ้าหมอนี่บอกว่าเขาดูเด็กกว่า


คนหัวขาวหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนที่กำลังเดินกลับไปทางเก่าที่เดินมา อีกคนโบกมือบอกให้ไปก่อนแล้วหันมาทำหน้าอยากรู้อยากเห็นใส่เขาจนเขาเบื่อหน่าย


เฮ่อ...


"21"


บอกออกไปก่อนที่อีกคนจะอ้าปากทำท่าว่าเข้าใจแล้ว


"สวัสดีครับฮยอง" อีกคนส่งยิ้มตาปิดมาให้เขาก่อนจะเดินถอยหลังตามเพื่อนไป


"ขอบคุณสำหรับขนมปังนะครับ แล้วเจอกันครับ!" วิ่งถอยหลังไปพลางตะโกนบอกเขาไปจนสะดุดล้ม แต่ก็ไม่วายหันมาส่งยิ้มแหยให้เขาส่งท้ายก่อนจะหันหลังวิ่งตามเพื่อนๆ ไป


จีฮุนส่ายหัวก่อนจะเดินไปอีกทางที่เขาเดินมา มุมปากยกยิ้มน้อยๆ อย่างนึกขำกับท่าทางของคนหัวขาวนั่น


มันใช่เรื่องดีๆ แบบที่ซึงกวานว่าไหมนะ อาจจะใช่ล่ะมั้ง เพราะนี่เป็นยิ้มแรกจากความรู้สึกในรอบสองสามเดือนนี้เลยนะ


ชื่ออะไรนะเด็กคนนั้น ซุนยอง...รึเปล่านะ เด็กหัวขาวคนนั้นน่ะ


'แล้วเจอกันครับ!' ...งั้นเหรอ


มันไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง



























เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว เต็มที่คือสองครั้ง และครั้งนี้ก็คงจะบังเอิญอีกนั่นแหละ


"พี่ผ่านแถวนี้เวลานี้ตลอดเลยเหรอ?" เด็กหัวขาวคนนี้ ชื่ออะไรนะ...ยุนยอง? นั่นแหละมั้ง นั่นแหละ หมอนั่นถามเขาระหว่างทางเดินไปมินิมาร์ท


เขาเดินผ่านทางนี้ทุกวันหลังกลับจากไปทำงานพิเศษที่ผับของพี่ชายของซึงกวาน แต่วันนี้เขาเจอเด็กนี่วิ่งลงมาจากตึก ชนเขาจนล้มลงไปนั่งกับพื้น กระเป๋าใส่กระดาษเขียนเพลงก็หลุดจากมือ กระเป๋ากีตาร์ที่สะพายมาก็หลุดจากไหล่เกือบหล่นกระแทกพื้น ดีนะที่เพื่อนหมอนั่นถลาตัวมารับกีตาร์เขาไว้ทัน เขาก้มมองสภาพตัวเองยังไม่ทันได้เงยหน้าไปโวยวายอะไรหมอนั่นก็นั่งลงตรงหน้าเขาพร้อมยิ้มตาปิดอวดเหล็กดัดฟันสีฟ้า


'พี่ใส้ครีม เจอกันอีกแล้ว'


แทนที่จะขอโทษหมอนี่กลับเรียกเขาว่าใส้ครีม ถอนหายใจอีกรอบก่อนจะพยักหน้ายินยอมให้เด็กนี่กับเพื่อนช่วยเขาเก็บของที่หล่นลงพื้นขึ้นมา เป็นเพื่อนของหมอนั่นที่เอ่ยปากขอโทษแทนเจ้าตัว


เขาบอกไปจนเมื่อยปากว่าให้เลิกเรียกใส้ครีมแต่หมอนั่นกลับบอกว่ายังไม่อยากรู้จักชื่อเขา ก็เลยทำมึนเรียกใส้ครีมอยู่แบบนั้น 


"พี่ใส้ครีมทำงานอะไรอ่ะ ทำไมถึงมีกีตาร์ด้วย" ถามพลางพยักเพยิดสายตาไปทางกีตาร์ที่เพื่อนของหมอนี่อาสาพายกระเป๋ากีตาร์ให้เขา


เด็กผมดำที่ตัวสูงเท่าเขาคนนี้ชื่อชานๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ จำได้แค่ว่าเด็กกว่าเด็กหัวหงอกนั่น


"เล่นดนตรี"


"ที่ผับตรงซอยถัดไปเหรอครับ?" จีฮุนเลิกคิ้วมองเด็กหัวขาวนั่นอย่างสงสัย ทำไมหมอนี่รู้จักที่นั่นด้วยล่ะ


เขาเบ้ปากเลิกคิ้วมองอีกคนอย่างพิจารณา หมอนี่น่าจะเรียนมอปลาย ทำไมถึงไปที่แบบนั้นได้ล่ะ เด็กเกเรหรือยังไงกันนะ


"...ผมกับเพื่อนเคยไปโชว์ที่นั่นหรอก อย่ามองอย่างนั้นดิ"


"รูัได้ไงว่าที่นั่น?"


"นี่ไง" เด็กหัวขาวชี้มาที่ข้อมือเขามีตราประทับของร้านประทับอยู่


จีฮุนยักไหล่อย่างไม่สนใจ หยิบมือถือมาดูเวลาก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า ตอนนี้ตีห้า เขาเพิ่งออกจากที่ทำงาน แล้วเด็กพวกนี้มาทำอะไรแถวนี้กันแต่เช้า เขาอยู่แถวนี้มานานพอสมควร บริเวณที่เด็กนี่วิ่งลงมามันไม่น่าจะใช่หอพักหรืออะไรจำพวกนั้นเลยสักนิด


"พวกนายมาทำอะไรกันแต่เช้า?" หันไปถามเพื่อนของเด็กนั่นแทน เนื่องจากเด็กหัวขาวนั่นวิ่งไปหยิบขนมปังใส้ครีมลงตะกร้าตรงโซนขนมปังนั่นแล้ว


"ซ้อมเต้นครับ"


"แต่เช้า?" อีกคนพยักหน้า


จีฮุนก็ได้แต่สงสัยว่าจะซ้อมกันไปขนาดนั้นทำไม คราวนั้นที่เจอกันก็ตีสามยังพากันกลับไปซ้อมต่ออีก แล้วนี่ก็ตั้งแต่เช้า เอาเวลาไหนไปพักกัน


"มีงานเหรอถึงซ้อมหนักขนาดนั้น" เขาถามขึ้นพลางหยิบแผ่นซีดีเพลงขึ้นมาดู เด็กผมดำคนนั้นนิ่งคิดนิดหน่อยก่อนพยักหน้าตอบกลับแล้วหันไปตั้งใจหอบถ้วยรามยอนลงตะกร้าไปหลายถ้วย


"ผมอยากให้พี่ไปดูนะ" เด็กหัวขาวนั่นพูดขึ้นมาจากอีกฝั่งของชั้นก่อนจะหันไปมองเด็กผมดำที่ชูซีดีขึ้นเหนือหัวเป็นเชิงว่าอยากได้นะ แต่อีกคนกลับเอ่ยปฏิเสธแบบดุๆ ว่าไม่ซื้อ


จีฮุนเลิกคิ้วมองใบหน้ำง้ำงอของเด็กผมดำนั่นพลางหัวเราะเบาๆ เขาเดินไปขอกระเป๋ากีตาร์คืนก่อนจะยกตะกร้าไปจ่ายเงินแล้วเดินออกมา ไม่สนใจเสียงเรียกตะโกนที่ตามหลังมาสักนิด


"ถ้าเจอกันอีกรอบพี่ต้องบอกชื่อผมนะ"


ไม่ได้สนใจเลยสักนิด




























เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นได้แค่ครั้งหรือสองครั้ง หลังจากนั้นเรียกจงใจ อย่างเช่นที่หมอนั่นทำตอนนี้


วันนี้ ตอนตีห้ากว่าๆ เขาเดินผ่านทางนี้หลังจากเลิกงานที่ผับ เห็นหัวขาวๆ ที่มองแว๊บเดียวก็จำได้ว่าใครนั่งคุยอยู่กับใครสักคนที่ไม่ใช่เด็กเมื่อคราวนั้นอยู่ตรงบันไดทางเข้าตึก พอเขากำลังเดินผ่านหน้าตึกเท่านั้นแหละ เด็กนั่นก็วิ่งพรวดลงมาดักหน้าเขาพร้อมด้วยประโยคที่ว่า


'เจอกันอีกแล้วพี่ใส้ครีม'


และมันมาพร้อมรอยยิ้มตาปิดอย่างที่เขาเห็นบ่อยๆ แล้วเจ้าของรอยยิ้มนั้นก็เดินเป็นเพื่อนเขามาที่มินิมาร์ท...อีกแล้ว


"พี่ชื่ออะไรยังไม่บอกผมเลย" คนหัวขาวที่วันนี้ที่แย่งกระเป๋ากีตาร์ของเขาไปสะพายเองถามขึ้นมา


"จีฮุน" เขาบอกไปเสียงเรียบ


"เพราะดี" อีกคนว่าขึ้น


"โหลจะตาย"


ชื่อเขาคืออีจีฮุน มีนักร้องที่ชื่อพโยจีฮุนด้วย ไหนจะ จองจีฮุน จอนจีฮุน บลาบลาบลาจีฮุนทั้งหลายแหล่


"มันเพราะเพราะมันเป็นชื่อพี่" เด็กหัวขาวนั่นว่าขึ้นอีกครั้งพลางหยิบซีดีเพลงของไมเคิล แจ็คสันโยนใส่ตะกร้าที่เพื่อนถืออยู่พร้อมบอกว่าจะเอาไปให้คนที่ชื่อชานๆ อะไรนี่แหละ


"ชานชอบเอ็มเจมากเลยแหละ"


คนที่ชื่อชานนี่...ใครนะ?


"ทำหน้าแบบนี้นี่จำไม่ได้เหรอ?" เขาหันไปมองเด็กหัวขาวอย่างสงสัย "...คนที่พายกีตาร์ให้พี่เมื่อคราวก่อนไง"


จีฮุนพยักหน้ารับด้วยสีหน้างงๆ


"ฉันมีปัญหากับการจำชื่อคน" บอกออกไปเสียงหน่ายๆ


"พี่จำได้ไหมเนี่ยว่าผมชื่ออะไร?" อีกคนถามขึ้นพลางจ้องเขาอย่างจับผิด


อ่า...น่ากลััวนิดๆ นะ เพราะเขาก็ดันมีผิดให้จับซะด้วย ก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าการที่จำชื่อของคนอื่นที่ไม่ได้ยินดีจะรู้จักเท่าไรมันผิดตรงไหน


ว่าแต่ว่าหมอนี่ชื่ออะไรนะ ยุนซอง? หรือยุนยอง?หรืออะไร...?


"ผมชื่อซุนยอง คราวหน้าถ้าเจอกันพี่ต้องเรียกชื่อผมด้วยนะ"


จีฮุนพยักหน้าตอบไปส่งๆ ดึงกระเป๋ากีตาร์มาพายไว้ ก่อนจะบอกลาเด็กสองคนนั้นแล้วออกมาจากมินิมาร์ทเพื่อกลับหอพัก


ถ้าจำได้จะเรียกก็แล้วกันนะ ซุนยอง :)




























จีฮุนร้องวู๊วออกมาก่อนจะโดดลงนอนบนฟูกหลังจากได้รับอีเมล์ตอบกลับเกี่ยวเพลงของเขาว่าผ่านการพิจารณาและจะนำไปใช้และให้ลิขสิทธิ์เพลงว่าเขาเป็นคนแต่ง แถมยังมีการจ้างงานต่ออีกด้วย คร่าวๆ คืออยากให้เขาแต่งเพลงให้กับกลุ่มศิลปินที่กำลังจะเดบิวท์ให้ทางบริษัท


อ่านมาถึงบรรทัดนี้จีฮุนก็ถอนหายใจออกมา เขาไม่อยากจะยุ่งกับพวกไอดอลหรือทำงานเกี่ยวกับวงการพวกนี้เท่าไร ใช่ว่าคนพวกนั้นนิสัยไม่ดี แต่มันเป็นอคติส่วนตัวไปแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ตอบตกลงจะทำเพลงให้ศิลปินกลุ่มนี้


ตอนนี้สิบโมงกว่าแล้ว เมื่อวานเขาไม่ได้ไปเล่นดนตรีเพราะไม่สบาย พอได้นอนพักตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินและมือถือติดตัวมา


วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งเหมาะแก่การเดินเล่น แต่จีฮุนเลือกที่จะเดินเข้ามาในสนามเด็กเล่น นั่งลงบนชิงช้าก่อนจะใช้ขายันพื้นให้ชิงช้าแกว่งไปมาเบาๆ สายตาจดจ้องที่หน้าจอ พิมพ์อะไรลงไปมั่วๆ แล้วก็ลบทิ้ง ทำอย่างนั้นจนเบื่อก็เลยยัดมันลงกระเป๋าแล้วเริ่มแกว่งชิงช้าแรงขึ้น


เมื่อวานเขาไม่ได้ไปทำงานแถมช่วงนี้ยังต้องมีเรื่องให้ทำเลยต้องกลับห้องทางอื่นเลยไม่ค่อยได้ผ่านหน้าตึกซ้อมเต้นของ...ซุนยองมาเกือบๆ อาทิตย์แล้ว เด็กนั่นจะมานั่งรอเขาแบบทุกวันไหมนะ


ลึกๆ แล้วก็แอบหวังอยู่บ้างว่าเด็กนั่นจะนั่งรอเขา


ก็ไม่อยากจะยอมรับเท่าไร แต่ถ้าวันไหนที่เขากลับจากที่ทำงานแล้วเจอเด็กนั่นเขาจะไม่รู้สึกเหงาเลย ถึงเด็กนั่นจะแค่เดินเป็นเพื่อนถึงแค่มินิมาร์ทก็ตาม เจอแบบนั้นบ่อยๆ จนเริ่มชิน มีบ้างบางวันที่ไม่มีเด็กนั่นมาเดินข้างๆ มันก็เงียบๆ อยู่บ้างล่ะนะ


นับๆ ไปแล้วนี่ก็เกือบสองเดือนได้แล้วมั้งที่...เรียกว่ารู้จักได้ไหมนะ นั่นแหละ ที่เขามีซุนยองเดินเป็นเพื่อนตอนกลับบ้านเกือบทุกวัน


"นั่งเหม่อแบบนี้คิดถึงผมเหรอ?" เกือบสะดุ้งตกชิงช้าเมื่อมีเสียงดังขึ้นมาข้างๆ


ทำไมหมอนี่ถึงมาแถวนี้ได้ล่ะ สนามเด็กเล่นที่นี่ไม่ได้ใกล้กับตึกซ้อมนั่นเสียหน่อย


"ไม่ซ้อมเต้นรึไง?"


"ให้พวกผมพักบ้างเถอะ" ว่าจบก็หัวเราะเบาๆ แล้วแกว่งชิงช้าเล่น มองดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนดูเด็กๆ เลยแหะ แต่หมอนี่ก็เด็กแหละ


เด็กโข่ง


"พี่กินข้าวยัง?" อีกคนถามขึ้น เขาส่ายหัวตอบ "... ไปกินข้าวกันเถอะ"


ว่าแล้วก็กระโดดลงจากชิงช้า ยื่นมือมาตรงหน้าเขา จีฮุนมองมือนั้นก่อนจะลงจากชิงช้า เอื้อมมือยกขึ้นไปจิ้มหน้าผากอีกคนแล้วเดินนำออกมา เขาได้ยินเสียงซุนยองหัวเราะเบาๆ


"ซุนยอง"


น่าแปลกนิดหน่อยที่ตอนนี้เขาจำชื่อของอีกคนได้แล้ว ที่จริงเขาจำได้หลังจากที่อีกคนบอกให้เขาจำชื่อเจ้าตัวให้ได้นั่นแหละ ปกติเขาต้องใช้เวลาในการจำชื่อคนอื่น ถ้าเจอบ่อยก็จะจำได้เร็วขึ้น แต่สำหรับซุนยองที่เจอกันแค่สองหรือสามครั้ง แล้วแต่ละครั้งที่เจอก็แป๊บเดียวนี่ถือว่าเร็วมากเลยล่ะ


"ครับ?"


"จะกินอะไร?"


"ที่จริงอยากกินเนื้อย่าง"


จีฮุนเลิกคิ้วกับคำตอบเบาๆ นั้น มองแก้มของอีกคนที่เหมือนจะหายไปนิดหน่อยก่อนจะยักไหล่


"คอล เนื้อย่าง" ว่าแล้วก็เดินนำออกมา จีฮุนยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินเสียงร้อง 'เยส' ดังมาจากคนข้างหลัง


อีกคนไม่ได้มาเดินข้างเขาแต่กลับเดินตามหลังแทน บ่อยครั้งที่เจอกัน ช่วงหลังๆ มานี้ซุนยองมักจะเดินตามหลังเขาตลอด ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็อดรู้สึกดีไม่ได้ มันเหมืิอนกับกำลังถูกปกป้อง มันทำให้เขารูัสึกอุ่นใจ จีฮุนเคยรู้สึกแบบนี้เมื่อนานมาแล้ว และตอนนี้เขากำลังรู้สึกถึงมันอีกครั้ง


เดินไปเงียบๆ โดยมีเสียงฮึมฮัมเพลงจากซุนยองคลอตามหลังมาเบาๆ เป็นเพลงอะไรก็ไม่รู้แต่เขาเคยฟังอยู่เหมือนกัน


จีฮุนเอี้ยวหน้าไปมองข้างหลังซุนยองก็ส่งยิ้มมาให้ เขาลืมสังเกตไปเลยว่าวันนี้ซุนยองดูดีกว่าทุกวัน ปกติที่เจออีกคนมักจะใส่เสื้อยืดย้วยๆ กางเกงวอร์มบ้าง กางเกงขาสั้นบ้าง กับรองเท้าผ้าใบ แต่วันนี้อีกคนสวมเสื้อยืดสีดำสกรีนลายกราฟฟิก กับกางเกงยีนส์พอดีเข่าและสวมรองเท้าแตะ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องแฟชั่นอะไรเท่าไร แต่งซุนยองดูดีนะในชุดลำลองสบายๆ แบบนี้


เดินเข้ามาในร้านเนื้อย่างใกล้ๆ มินิมาร์ท มีลูกค้าอยู่สองสามโต๊ะ แต่เสียงกลับดังเซ็งแซ่มาจากโต๊ะในสุด ตรงนั้นมีวัยรุ่นแค่สี่คน แต่กลับส่งเสียงดังที่สุดในร้าน


"ซุนยอง!" หนึ่งในสี่คนจากโต๊ะในสุดส่งเสียงโหวกเหวกพลางกวักมือเรียกคนหัวขาวที่เดินตามหลังเขามา


"อ้าว"


ซุนยองเดินเลยเขาไปหาเพื่อนแต่ก็ไม่ลืมที่จะจูงข้อมือเขาให้เดินตามไปด้วย


"คนนี้อ่ะนะ?" คนผมยาวหน้าหวานหันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนก่อนจะหันมาถามคำถามกับซุนยองพลางพยักเพยิดมาทางเขา ซุนยองเองก็พยักหน้ากลับพร้อมยิ้มกว้างโชว์เหล็กดัดฟันสึแดง


ทีแรกเขาคิดว่าคนนี้เป็นผู้หญิงเสียอีก ถ้าไม่นับรวมเสียงทุ้มกับไรหนวดบางๆ นั่นน่ะนะ


คนผมยาวคนนั้นค้อมหัวทักทายเขาก่อนจะลุกไปนั่งอีกฝั่ง คนอื่นๆ เองก็เอ่ยทักทายเขาพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน ซุนยองนั่งลงบนที่เดิมของเพื่อนก่อนจะบอกเขาให้นั่งลงด้วยกัน


"แฟนเหรอ?" สำเนียงเกาหลีแบบแปลกๆ ดังขึ้นจากคนที่นั่งตรงข้ามกับเขา หน้าตาอีกคนดูคล้ายๆ  นักร้องวงไหนสักวงเลยล่ะ


"ไม่ใช่แฟนๆ" ซุนยองตอบเสียงดังออกมาทันที แถมยังยกมือโบกไปมาเป็นการยืนยันอีกขั้นว่า 'ไม่ใช่แฟน'


มันคือความจริงแต่เขากลับรูัสึกแปลกๆ กับคำตอบนั้น นั่งโหวงกับประโยคแรกได้ไม่นาน ประโยคต่อมาของอีกคนก็ทำให้เขากลั้นยิ้มเอาไว้แทบไม่อยู่


















"แต่กำลังจีบอยู่"









คำพูดนี้ของอีกคนเรียกเสียงแซวจากเพื่อนได้ดี และมันก็จุดรอยยิ้มบนมุมปากของเขาได้ด้วยเหมือนกัน


ก็ไม่มีอะไรน่าดีใจสักหน่อย แต่เขายิ้มทำไมกันนะ


นั่งกินนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่คือเรื่องเต้นและการคิดท่าเต้นของซุนยอง เขาเพิ่งรู้ว่าซุนยองเป็นคนออกแบบท่าเต้นให้ทีม


นั่งไปสักพักสี่คนนั้นก็ขอตัวกลับก่อนโดยช่วยกันหารเงินส่วนของตนแล้วรวมไว้ที่ซุนยอง ก่อนจะรีบออกไปด้วยบอกว่ามีธุระด่วน ดูก็รู้ว่าตั้งใจหนี ก็ทำท่าล้อเลียนพวกเขาซะขนาดนั้น


"พี่" ซุนยองเรียกเขาเบาๆ จีฮุนเองก็ตอบรับเสียงเรียกนั้นด้วยเสียงอืออึงพลางคีบเนื้อเข้าปาก


บรรยากาศตอนนี้มันไม่ได้อึดอัดแต่แค่ทำตัวไม่ถูกเท่านั้นเอง ถึงไม่รู้ว่าอีกคนพูดเล่นหรือพูดจริงก็ตาม แต่ก็ยอมรับล่ะนะว่าเขารู้สึกดีกับประโยคนั้น


"ผมกำลังจีบพี่อยู่จริงๆ นะ"


อ่า...เพราะนั่งหน้าเตานานไปแน่ๆ หน้าเขาเลยร้อนแบบนี้


"อือ" ตอบรับเบาๆ พลางคีบเนื้อจุ่มลงไปในถ้วยน้ำจิ้ม


"พี่โกรธผมรึเปล่า?" ซุงยองถามขึ้นเสียงอ่อยจนจีฮุนต้องปรายตามอง แต่สายตาเขาคงดูดุไปหน่อยอีกคนเลยยิ้มบางๆ พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงไปพลิกเนื้อบนเตา


"นี่" เรียกอีกคนเสียงห้วน เจ้าตัวเองก็หันมาหาเขาด้วยใบหน้าหงอยๆ


จีฮุนมองใบหน้านั้นก่อนจะจัดการยัดเนื้อเข้าปากซุนยองเข้าไปคำโต
















"จะได้มีแรงจีบฉันต่อ"









หมอนี่จะรู้ไหมเนี่ยว่าเขาใจเต้นกับคำพูดของตัวเองมากขนาดไหน และใจเขาก็เต้นแรงขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มตาปิดมาให้





มันเต้นแรงมาได้สักพักแล้วแหละเวลาที่เขามีซุนยองอยู่ข้างๆ น่ะ




























ใกล้กำหนดส่งเพลงแล้ว แต่เขายังคิดอะไรไม่ออกเลย บริษัทไม่บอกโจทย์อะไรมาให้เขาเลย บอกแค่ว่าวัยรุ่น ขอบคุณครับท่านๆ หัวข้อกว้างขนาดนี้ เขาควรเขียนอะไร?


เดินก้มหน้าก้มตาเตะฝุ่นตามพื้นไปอย่างเซ็งๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็หยุดอยู่หน้ามินิมาร์ทนี้แล้ว รู้สึกเหงาแปลกๆ ที่ซุนยองไม่ได้เดินมาด้วย


นี่ก็สามสี่วันมาแล้วหลังจากวันที่ซุนยองบอกเขาว่ากำลังจีบเขาอยู่ มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยจากเดิม ซุนยองยังคงเดินเป็นเพื่อนเขามาที่มินิมาร์ททุกวัน บางวันที่อีกคนไม่ได้มีซ้อมก็จะมานั่งเล่นคุยกันที่สวนสาธารณะใกล้ๆ มินิมาร์ท พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ส่วนใหญ่คงเป็นซุนยองที่เล่าเรื่องต่างๆ ให้เขาฟัง ซึ่งเขาก็ชอบแบบนี้นะ


ซึงกวานทักว่าช่วงนี้เขายิ้มเยอะ


'ยิ้มทีี่หมายถึงว่ายิ้มมีความสุขจากใจน่ะ' ...อีกคนบอกว่ายังงั้น


คงเป็นเพราะซุนยองนั่นล่ะมั้ง


"ก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจผมเลยอ่ะ น้อยใจนะเนี่ย" เสียงคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ หันขวับไปมองก็แทบผงะเมื่อใบหน้าอีกคนอยู่ใกล้เกินคาด


จีฮุนจิ้มหน้าผากอีกคนก่อนจะดันออกไป ไม่อยากจะบอกว่าทั้งเขินทั้งตกใจ ก็หันไปเมื่อกี้จมูกมันชนกันนี่นา ใครไม่เขินก็แปลกแล้ว อ้อ! ยกเว้นเด็กหัวขาวนี่ไว้คนนึง เพราะอีกคนดูท่าจะชอบใจเอามากๆ


"มาตอนไหน?" ถามออกไปพลางหยิบขนมปังใส้ครีมโยนให้อีกคน เลือกซื้อของกินกับน้ำมานั่งแกะกินกันตรงหน้ามินิมาร์ท


"ก็พี่ก้มหน้าก้มตาเดินขนาดนั้น คิดอะไรอยู่เหรอ?"


"แต่งเพลงไม่ออก" ตอบออกไปพลางเอนหัวนอนราบลงกับโต๊ะ เหลือบตามองคนหัวขาวที่ตอนนี้โคนผมมีสีดำงอกออกมาแล้ว


ซุนยองส่งยิ้มให้เขานิดหน่อยก่อนจะเอื้อมมือมาจิ้มหลังมือเขา


"ผมอยากช่วยพี่นะ" อีกคนว่าเบาๆ


จีฮุนนอนมองอีกคนที่หยิบกระดาษกับปากกาเขามาขีดเขียนเล่นๆ ก็คล้ายจะนึกอะไรออก เขาแย่งดินสอจากมืออีกคนมาจดลงบนกระดาษก่อนจะส่งไปให้อีกคนที่ดูจะอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน



구름 속을 파고드는 듯

ราวกับขุดเข้าไปในก้อนเมฆ 


내 맘을 가볍게 제껴내

คุณค่อยๆ เข้ามาในใจผมอย่างช้าๆ



ซุนยองอ่านประโยคนั้นเบาๆ ก่อนจะเผยยิ้มออกมา


"เหมือนผมใช่ไหมล่ะ?"


เจ้าของประโยคมองหน้าจีฮุนอย่างล้อเลียนจนคนโดนล้อขมวดคิ้วมุ่นมุดหน้าลงกับแขนตัวเอง


ถึงจะทำหน้าว่าหงุดหงิด แต่แก้มแดงๆ ของจีฮุนนั้นซุนยองมองเห็นอยู่นะ


"พี่..." อีกคนเรียกเขาให้เงยหน้าขึ้นมอง เจ้าตัวยิ้มกว้างก่อนจะพูดต่อ "แต่งเพลงให้ผมร้องสักเพลงดิ"


จีฮุนหัวเราะหึพลางส่ายหัวเบาๆ อีกคนยู่ปากแต่ก็ยิ้มออกมาไม่คิดมากอะไร


ซุนยองไม่ได้เร่งความสัมพันธ์นี้ของพวกเขา อีกคนค่อยๆ ขยับเข้ามาช้าๆ ไม่ได้รุกจนทำให้เขารู้สึกอึดอัดหรือรักษาระยะจนเขารู้สึกห่าง เพราะแบบนั้นจีฮุนถึงได้ยอมให้อีกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเขาได้อย่างง่ายดาย


ความสัมพันธ์แบบเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งรีบและอีกฝ่ายก็ไม่ได้เร่งเร้าเขา เขาชอบมัน





















มะรืนนี้เป็นวันเกิดของซุนยอง ที่เขารู้เพราะเจ้าตัวบอก แต่ถ้าเอาความจริงคือเขาเกือบลืมไปแล้วถ้าชานไม่คาทกมาถามว่าจะไปวันเกิดอีกคนไหม


เขาจำชานได้เพราะชอบไปไหนมาไหนกับซุนยองบ่อยๆ เลยเจอกันบ่อยๆ เขาสนิทกับกลุ่มเพื่อนของซุนยองบ้างแล้ว แต่ยังจำชื่อไม่ค่อยได้เท่าไร ที่จำได้คือชาน เด็กผมดำที่สะพายกีตาร์ให้เขาคราวก่อนโน้น แล้วอีกคนคือผู้ชายหน้าหวานผมยาวคนนั้นชื่อจองฮัน



Group  ?????..?

LeeChan ft.MJ : อาทิตย์หน้าวันเกิดซุนยองฮยอง
LeeChan ft.MJ : จีฮุนฮยองจะมาป่ะ
Di8 : มาอยู่แบ้ว
J_HAN : 'แล้ว' ไหมล่ะ
ที่ไหน? : zihoon
J_HAN : คงแถวๆ ตึกซ้อมมั้ง



หลังจากนั้นเด็กพวกนั้นก็พากันคุยอะไรก็ไม่รู้ เขาเลยไม่ได้เข้ากรุ้ปแชทอีกเลยตั้งแต่วันนั้น


จีฮุนไม่รู้ว่าจะให้อะไรอีกคนเป็นของขวัญ สิ่งที่เขาทำได้คือแต่งเพลง จีฮุนไม่ใช่คนที่แต่งเพลงเก่งนัก ดังนั้นเพลงเพราะๆ หลายเพลงที่เขาเขียนออกมานั้นต้องใช้เวลา แต่น่าแปลกว่าเวลาที่เขาอยู่กับซุนยอง ในหัวของเขากลับปลอดโปร่ง คิดโน่นนี่ได้แบบไม่มีอะไรติดขัด


เขาชอบแต่งเพลงตอนเช้ามืดหลังจากที่กลับมาถึงห้องแล้ว เพราะเวลานั้นสมองของเขาจะแล่นกว่าเวลาอื่น


อาจเป็นเพราะคนที่อาสาเดินมาส่งเขาที่หน้าห้องในช่วงนี้ล่ะมั้ง เพราะซุนยองทำให้เขามีไอเดียในการแต่งเพลง


อย่างเช่นตอนนี้ิ บนหน้ากระดาษของเขาเต็มไปด้วยตัวหนังสือ เพียงแค่นึกถึงซุนยองทั้งหัวทั้งมือก็ทำหน้าที่ของมันเองมารู้สึกตัวอีกทีเขาก็เขียนเพลงจบไปแล้วสองเพลง แถมเนื้อเพลงยังดีใช้ได้ เขาแต่งเพลงสองเพลงจบได้ในเวลาเพียงสามวัน ทุบสถิติสามวันหนึ่งเพลงของแฟนเก่าเชียวล่ะ


หันกลับมาสนใจคีย์บอร์ดตรงหน้าก่อนจะลองเล่นเพลงที่ตัวเองเพิ่งแต่งทำนองลงไป


เขาไม่ได้จะอวยตัวเองหรอกนะ แต่เพลงนี้มันเพราะจริงๆ เพลงที่สื่อถึงคนที่พยายามต้องซ่อนความรู้สึกต่างๆ ไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองชอบ


เพลงที่เขาแต่งจากตัวของเขาเองเวลาที่อยู่ต่อหน้าซุนยอง


ส่วนอีกเพลงดนตรีจะหนักนิดหน่อยเขากำลังตัดสินใจว่าจะส่งเพลงนี้ให้บริษัทดีไหม


เสียงออดหน้าห้องเรียกความสนใจของจีฮุนไปจากคีย์บอร์ดทันที หัวเสียนิดหน่อยเวลามีคนมาขัดจังหวะตอนเขากำลังทำเพลง


ตะโกนบอกแขกหน้าห้องให้รอสักครู่ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหยิบเสื้อมาใส่ ใช้มือสางผมแบบลวกๆ แล้วส่องตาแมวดูว่าใครมา เหมือนคนนอกห้องจะรู้เลยเอามือปิดช่องนั้นไว้


จีฮุนถอนหอยใจพลางยิ้มออกมาบางๆ แล้วกลับมาตีหน้านิ่งก่อนจะเปิดประตู


"มาทำไม?" ถามขึ้นเสียงเรียบ ไม่มีความคิดจะเชิญแขกเข้ามาในห้องแม้แต่น้อย ซุนยองเองก็ไม่เคยเอ่ยขอเข้าห้องเขาด้วยเหมือนกัน


"คิดถึงพี่"


เจ้าของห้องถอนหายใจออกมาอย่างจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน


จีฮุนมองสำรวจอีกคนที่วันนี้แต่งตัวซะหล่อเนี้ยบ เหมือนเจ้าตัวแต่งหน้าด้วยแหละ เขาก็สงสัยนั่นแหละว่าไปทำอะไรมาช่วงนี้ถึงดูดีแปลกๆ แต่เขาไม่อยากถามให้อีกคนรู้หรอกว่าเขาก็สนใจเรื่องของอีกฝ่ายเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าที่เคยไปถามเรื่ิองซุนยองกับชาน หมอนั่นจะไปบอกเจ้าตัวเขารึเปล่านะ


"ขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยได้ไหม อยากล้างหน้าด้วยอ่ะ" ซุนยองหันหลังให้ดูว่าตนสะพายเป้มาด้วย จีฮุนพยักหน้าก่อนจะบอกให้รอหน้าห้องเพื่อเข้าไปเก็บห้องก่อน จีฮุนไม่ใช่คนสกปรกหรอกนะ แต่ช่วงนี้ยอมรับเลยว่าขี้เกียจ


หลังจากเก็บของในห้องแบบลวกๆ แล้วเขาก็อนุญาตให้ซุนยองเข้ามา ห้องพักที่นี่ไม่ได้ดูหรูหราเพราะว่าเป็นห้องเช่าถูกๆ แต่ก็ดูดีเกินราคา แบ่งสัดส่วนเป็นระเบียบ


ห้องรับแขกที่ไม่กว้างมากนักแต่ก็ไม่ได้แคบอะไร ตรงเข้าไปเป็นห้องนอน ตรงใกล้ๆ ประตูทางเข้าคือโซนครัว แล้วตรงข้ามครัวคือห้องน้ำ


ซุนยองมองโต๊ะทำงานอีกคนที่มีกระดาษวางเต็มโต๊ะ ข้างๆ กันนั้นมีคีย์บอร์ดหนึ่งตัว กระเป๋ากีตาร์พิงอยู่ข้างฝาข้างๆ ทีวี มีร่มสีแสบตาแขวนอยู่ข้างกัน


เขาเห็นจีฮุนหยิบกรอบรูปที่วางอยู่หลังทีวีมามองก่อนจะโยนมันลงถังขยะ


"ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะครับ" เสียงของซุนยองดังขึ้นมาเรียกให้จีฮุนหลุดจากภวังค์ เจ้าของห้องพยักหน้าก่อนจะเดินไปเก็บแผ่นเนื้อเพลงที่วางเกะกะอยู่บนโต๊ะใส่แฟ้ม แล้วเดินเข้าครัวไปรินน้ำใส่แก้วมาวางรอไว้


จีฮุนเงยหน้าจากมือถือมามองซุนยองที่เปลี่ยนเป็นชุดลำลองสบายๆ อีกคนล้างหน้าด้วยเลยทำให้ผมข้างหน้าเปียกนิดหน่อย จีฮุนเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กในตู้เสื้อผ้ามาให้เจ้าตัวเช็ดหน้า ซุนยองดูเหนื่อยๆ ใต้ตาที่พอล้างเมคอัพออกก็เห็นชัดเลยว่าคล้ำขนาดไหน อีกคนดูโทรมนิดหน่อยคงเพราะไม่ได้นอน ซุนยองบอกว่าช่วงนี้ยุ่งๆ เพราะต้องเตรียมตัวอะไรสักอย่าง


เขาหันมองนาฬิกาที่บอกเวลาหกโมงเช้า ก่อนจะหันมองซุนยองที่นั่งลงเอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วหลับตา อีกคนดูเหนื่อยเสียจนเขาเป็นห่วง


"นอนก่อนไหม?"


"ของีบสักพักแล้วกันครับ" อีกคนตอบเนือยๆ พลางเอนหัวพิงไหล่เล็กของเขา


"ไปนอนในห้องดีๆ" เขาเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัว แต่กับซุนยองคงไม่เป็นไร


ก็อีกคนก้าวเข้ามาในเขตต้องห้ามตั้งครึ่งนึงแล้วนี่นา


"ผมอยากกอดพี่นะ" อีกคนงัวเงียลืมตาขึ้นมามองเขายิ้มๆ จีฮุนหัวเราะหึในคอก่อนจะบอกว่าไม่มีทาง


เขากึ่งจูงกึ่งลากซุนยองที่ท่าทางซะเงอะซะแงะเต็มทีให้ไปนอนบนเตียงดีๆ อีกคนเอ่ยขออนุญาตก่อนจะนอนลงบนเตียงของเขา


จีฮุนเกลี่ยผมอีกคนที่ปรกหน้าออกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ หลังจากแต่งตัวเสร็จก็เดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรทำเป็นอาหารเช้าให้ตัวเองและแน่นอนว่าต้องเผื่อให้ซุนยองด้วย


นั่งกดคีย์บอร์ดเล่นไปเรื่อยๆ หลังจากทำอะไรเสร็จแล้วเผื่อว่าจะมีไอเดียแต่งเพลงอีก อันที่จริงเขาเพิ่งกลับมาจากเล่นดนตรีเมื่อตอนตีสี่ ยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ เขานั่งกดคีย์บอร์ดไปเรื่อยจนกระทั่งเผลอหลับไป


มารู้สึกตัวอีกทีก็เกือบสิบโมง ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแบบงงๆ เขาไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน และมั่นใจว่าไม่ได้มานอนบนเตียงแน่ๆ และเขาก็ไม่ใช่คนละเมอเดินด้วย


เดินออกมาจากห้องนอนเห็นซุนยองนั่งดูทีวีอยู่ อีกคนทักเขาก่อนจะบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนอุ้มเขาไปนอนบนเตียงเอง


"อร่อยอ่ะ" ซุนยองยิ้มกว้างหลังจากตักข้าวผัดใส่ปากไปคำนึง คำชมนั้นเรียกรอยยิ้มบางๆ จากจีฮุนได้ดี


เขาเพิ่งสังเกตว่าซุนยองถอดเหล็กดัดฟันออกแล้ว มิน่าล่ะถึงรู้สึกแปลกๆ เวลาอีกคนพูด เขาถามเรื่องเหล็กดัดฟันอีกคนบอกว่าไปถอดออกเมื่อวานแบบสดๆ ร้อนๆ เลย แถมยังบ่นอีกว่ายังไม่ชินเท่าไรที่เอาเหล็กออก


หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จซุนยองก็นั่งเล่นรอเวลาที่จะกลับไปซ้อมต่ออีก จีฮุนขมวดคิ้วซะจนอีกคนหัวเราะร่วน


ยังจะมีหน้ามาหัวเราะ


"ซ้อมหนักเกินไปหรือเปล่า?"


"ก็คิดว่าหนักอยู่ บางทีผมก็เหนื่อยว่าทำไปทำไม"


"เหนื่อยก็เลิกทำ"


ซุนยองเงยหน้ามองคนตัวเล็กกว่าที่นั่งจ้องเขาอยู่บนโซฟา


"พักได้ครับ แต่เลิกไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียว"


"นายเป็นหัวหน้าทีม?"


"เปล่าหรอกครับ แต่ก็ไม่เชิง ผมแค่หัวหน้าทีมเต้นน่ะ" จีฮุนขมวดคิ้วอีกครั้ง "...ทีมของพวกผมมีสามทีมย่อย คือร้อง แร๊พ แล้วก็เต้น พวกเรามีสังกัดน่ะครับ"


เขาไม่ค่อยเข้าใจระบบทีมของซุนยองนัก ทำไมดูมีอะไรขนาดนั้น แต่ช่างเถอะ เขาเงยหน้ามองทีวีที่ตอนนี้ฉายรายการเพลงก่อนจะหยิบรีโมทเพื่อจะเปลี่ยนช่อง แต่อีกคนกลับแย่งมันไปถือไว้


"ดูเพลงกัน"


"ฉันไม่ชอบ"


"แต่พี่แต่งเพลงนี่"


"ฉันไม่ชอบไอดอล"


"หือ? ทำไมล่ะครับ?"


"อคตินิดหน่อย"


คำตอบนั้นสร้างความสงสัยให้ซุนยอง แต่อีกคนก็เลือกที่จะไม่ถามอะไร ถ้าเจ้าตัวอยากเล่าก็คงจะเล่าออกมาเอง


จีฮุนนั่งชันเข่าบนโซฟา เกยคางตัวเองกับหัวเข่า สายตามองจอทีวีที่ฉายภาพพวกไอดอลกำลังร้องเต้นกันในรายการเพลงก่อนจะเปิดปากเล่า


"แฟนฉันมันบอกเลิกฉันเพื่อไปเป็นนักร้อง" คนเล่าหัวเราะหึในลำคอ ฟังดูเป็นเสียงหัวเราะเยาะตัวเอง


จีฮุนคิดย้อนไปเมื่อวันนั้น วันที่เขารอให้ของขวัญอีกคน ของขวัญวันที่จะได้เดบิวท์


เขายื่นแผ่นกระดาษให้แฟนของเขา แต่อีกคนกลับขยำมันก่อนจะโยนทิ้งไปไว้สักมุมบนพื้นในห้องนั่งเล่น คนที่เขาเรียกว่าแฟนเดินผ่านเขาไปเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า ประโยคแรกที่อีกฝ่ายพูดกัับเขาขึ้นมาน่ะเหรอ


'เลิกกันเถอะ'


แน่นอนว่าเขาไม่ยอม เขาทั้งพยายามพูดดี และใจเย็น


'พี่จะย้ายไปอยู่หอพักของบริษัทก็ได้ แต่พี่ไม่เลิกกับผมได้ไหม?'


เขาเอ่ยขอร้อง จีฮุนไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายๆ แต่ตอนนี้น้ำตาเขาไหลลงมาเปรอะเต็มหน้า


'ไม่รู้รึไงว่าไอดอลห้ามมีแฟน' น้ำเสียงเกรี้ยวกราดยังฟังดูใจร้ายน้อยกว่าน้ำเสียงเรียบๆ แบบนี้เสียอีก อีกคนเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนเบื่อหน่ายเมื่อเขาพยายามขอร้องทั้งน้ำตาไม่ให้อีกคนเลิกกับเขา


หมดแรงแล้ว จีฮุนปล่อยแขนอีกคนไป ประโยคเดียวนั้นของอีกคนทำให้เขารู้สึกไร้ค่า ที่เขาทำมาทั้งหมดมันไม่มีความหมายอะไรเลยสินะ


"ฉันช่วยหมอนั่นทำเพลง ช่วยทุกอย่าง...ทุกอย่างจริงๆ นะ แต่..." ซุนยองเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่เริ่มพูดตะกุกตะกัก


จีฮุนกำลังร้องไห้ ริมฝีปากยกยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง


"...แล้วดูที่หมอนั่นทำกับฉันสิ"


จีฮุนปาดน้ำตาออกจากแก้มตัวเองลวกๆ ขยับตัวให้พื้นที่ซุนยองที่ลุกขึ้นมานั่งข้างเขา ลูบหลังเขาเบาๆ สัมผัสอุ่นๆ ที่แผ่นหลังมันกำลังสื่อว่าอีกคนกำลังปลอบเขาอยู่


"ถ้าพี่อยากร้องก็ร้องเถอะครับ" สิ้นเสียงของอีกคน เขาก็ซบหน้าลงกับหัวเข่าแล้วปลดปล่อยน้ำตาออกมา


ซุนยองไม่รู้หรอกว่าอีกคนรักแฟนเก่ามากขนาดไหน เขาไม่สนด้วย ขอแค่หลังจากนี้คนๆ นี้ยิ้มให้เขาอย่างสดใส มองแค่เขา สนใจแค่เขา แค่นั้นก็พอ เขาจะไม่ทำให้จีฮุนเสียใจ เขามั่นใจ


"พอร้องเสร็จแล้วพี่ต้องสนใจแค่ผมแล้วยิ้มให้ผมเยอะๆ นะ"


แต่พอได้ยินแบบนั้นคนตัวเล็กกลับร้องไห้หนักว่าเดิม


จีฮุนไม่รู้ว่าที่ตัวเองร้องไห้อยู่นี้เพราะยังเสียใจเรื่องแฟนเก่าอยู่รึเปล่า แล้วถ้าใช่ทำไมเขาถึงได้ยิ้มอยู่แบบนี้กันนะ ทำไมถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้


ในหัวของเขามีแต่คำพูดของซุนยองลอยเต็มไปหมด


'พี่ต้องสนใจแค่ผมแล้วยิ้มให้ผมนะ'


คำพูดโง่ๆ ของคนโง่ๆ


ซุนยองน่ะโง่จริงๆ










ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าตั้งแต่ที่เขารู้จักซุนยองมา เขาก็ไม่ได้มองใครอีกเลย





















เทียนถูกจุดขึิ้นหลังจากชานไปขอให้มินิมาร์ทปิดไฟหน้าร้านให้แป๊บนึง


เสียงเพลงอวยพรวันเกิดเริ่มดังมาจากจองฮัน หลังจากนั้นทุกคนก็ช่วยกันร้องจนจบเพลง


"อธิษฐานก่อนๆ" เสียงใครสักคนพูดขึ้น


ซุนยองมองจีฮุนนิดหน่อยก่อนจะหลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียน เสียงเฮดังขึ้นมาหลังจากซุนยองเป่าเทียนดับหมดแล้ว ชานจึงวิ่งไปขอบคุณคุณน้าเจ้าของร้านตอนที่บอกให้เปิดไฟได้ แถมคุณน้ายังใจดีให้ช้อนพลาสติกกับจานกระดาษมาใช้อีกต่างหาก


"อธิษฐานอะไรวะ?" คนตัวสูงหน้านิ่งถามขึ้นมาพลางป้ายเค้กลงบนแก้มจองฮัน เจ้าตัวเลยโดนคนหน้าหวานใช้มือเปื้อนเค้กละเลงหัวกลับไป


"ถ้าบอกก็ไม่สมหวังดิ" ซุนยองว่ายิ้มๆ ก่อนจะจัดการตัดแบ่งเค้ก เจ้าตัวเดินถือจานเค้กไปให้คุณน้าเจ้าของมินิมาร์ทพลางโค้งตัวจนหัวแทบชิดหัวเข่า


ตอนนี้ที่หน้ามินิมาร์ทมีเขา ซุนยอง ชาน จองฮัน คนตัวสูงหน้านิ่งที่ชานบอกว่าชื่อวอนอู แล้วก็อีกคนที่สูงกง่านิดหน่อยชื่อว่ามินกยู หน้าคล้ายกันจนคนที่จำหน้าจำชื่อคนยากแบบเขาแยกไม่ออก สองคนนี้เป็นแร๊ปเปอร์ในทีมที่เรียกว่าฮิปฮอปทีม จองฮันเป็นนักร้องหลักกับซุนยองที่ร้องเสริมควบกับเป็นหัวหน้าทีมเต้นที่มีชาน คนจีนที่ชื่อจุนกับดิเอทอยู่ในทีมด้วย


การแบ่งทีมและการรวมทีมแบบนี้เขาไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก มันดูซับซ้อนเกินกว่าจะเป็นกลุ่มเด็กธรรมดาๆ ที่รวมตัวกันทำกิจกรรมยามว่าง


เขาหันไปสนใจเค้กในจานกระดาษที่ซุนยองยื่นมาให้ เอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนจะรับมันมาถือไว้เฉยๆ


"พี่ไม่ชอบเค้กเหรอ?" ซุนยองนั่งลงข้างๆ เขาพลางตักเค้กเข้าปากคำใหญ่


"ไม่ชอบของหวาน" เขาตอบ


"แต่พี่กินขนมปัง แถมยังเป็นใส้ครีมด้วย" อีกคนแย้งขึ้นพลางตักเค้กเข้าปากอีกคำ จีฮุนมองภาพนั้นก่อนจะเบ้หน้า กินคำใหญ่ขนาดนั้นไม่เลี่ยนรึไงกัน


"ทุกอย่างมันมีข้อยกเว้นนะ"


จีฮุนว่าพลางปาดนิ้วลงบนมุมปากอีกคนเพื่อเช็ดคราบครีมออก ก่อนที่จะเช็ดนิ้วลงบนเสื้อตัวเองแต่ซุนยองกลับดึงมือเขาไว้พลางดันมันมาจนปลายนิ้วที่เปื้อนเนื้อครีมแตะลงบนริมฝีปากของเขาเอง


"ลองชิมดูสิครับ"


จีฮุนเผยอริมฝีปากก่อนจะแตะลิ้นลงบนนิ้วเพื่อชิมรสชาติเลี่ยนๆ ของครีม รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่มันไม่ได้เลี่ยนมากมายแบบที่เขาคิดไว้ ออกจะหวานมันเสียด้วยซ้ำ ไม่ได้หวานเลี่ยนเหมือนที่เคยกิน เขาพูดไม่ถูกหรอก มันก็อร่อยน่ะแหละ แต่เขาก็ยังไม่ชอบอยู่ดี


"เลี่ยนไหม?"  เขาส่ายหัวตอบ "...แล้วชอบไหม?" จีฮุนนิ่งคิดก่อนจะส่ายหัวอีกครั้ง


"มันก็ดี แต่ก็ไม่ชอบ"


"ของหวานทำให้ผมคิดอะไรออกเยอะแยะเลย"  ซุนยองว่าพลางตักเค้กในจานเขาไปกินเอง


ปาร์ตี้...มั้งนะ มันเลิกแล้ว ทุกคนเก็บขยะไปทิ้ง จัดการเก็บกวาดหน้ามินิมาร์ทให้สะอาดแบบเดิมก่อนจะพากันไปซ้อมต่อ ยกเว้นจองฮันที่ต้องไปที่อื่นก่อน วอนอูหรือมินกยูนี่แหละที่แอบกระซิบบอกเขาว่าจองฮันไปหาแฟน แฟนของจองฮันก็อยู่ในทีมด้วยเป็นลีดเดอร์ของแรปเปอร์ทีมที่ชื่ออะไรสักอย่างเรียกยากชะมัด


เขาหันมองซุนยองที่อาสามาส่งเขาที่ห้อง ทั้งๆ ที่เขาก็บอกว่ากลับเองได้ อีกคนจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวกลับ แต่ซุนยองก็ดึงดันจะมาส่งให้ได้ จนตอนนี้เดินมาถึงหน้าห้องของเขาแล้ว


"กลับดีๆ ล่ะ"  ว่าจบก็จะปิดประตูแต่อีกคนก็แทรกตัวเข้ามาด้วย


"ผมยังไม่ได้ขอของขวัญจากพี่เลย"


"ฉันว่าฉันให้นายไปแล้ว"


จีฮุนมั่นใจว่าเขาให้ของขวัญอีกคนแล้ว เนื้อเพลงแผ่นนั้นที่เขาเขียนให้ซุนยอง พร้อมกับดีดกีตาร์ร้องให้อีกคนฟังด้วยทั้งที่เขินเสียงแซวจากเพื่อนของเจ้าของวันเกิดมากเสียจนดีดกีตาร์ผิดคอร์ดร้องเพลงแทบผิดคีย์



Baby It’s all right I’ll call you mine

ไม่เป็นไรหรอกนะคนดี ผมจะเรียกคุณว่า 'ที่รัก'


밤에 달은 우릴 밝혀줘

ในคืนที่ดวงจันทร์ส่องแสงมาทางเรา


새벽을 지나 밤새서 해 보고 싶어

ผมอยากอยู่แบบนี้ทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งสาง



"ผมโลภ ผมอยากได้อีก" ซุนยองว่าขึ้นยิ้มๆ เขาไม่ไว้ใจรอยยิ้มนี้ของอีกคนเสียเท่าไร


"อยากได้อะไร?"


"เป็นแฟนกันนะ" จีฮุนตาโตมองอีกคนพลางแก้มขึ้นสี เมื่อกี้เขาหูฝาดใช่ไหม อีกคนพูดว่าไงนะ?


เขายังไม่ทันตั้งตัวเลยกับคำถามนี้ เคยคิดว่าถ้าอีกคนถามคำถามนี้เขาจะตอบว่าอะไรบ้าง แต่พอถูกถามเข้าจริงๆ กลับทำอะไรไม่ถูกซะงั้น มันกะทันหันเกินไป


"นะครับ"


"..." จีฮุนนิ่ง เขาพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะ ใจเต้นแรงขนาดนี้จนกลัวคนตัวสูงจะได้ยินมัน ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ


"ผมจะไม่สัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่เสียใจ"


"ผมจะไม่สัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ร้องไห้"


"แต่ผมจะดูแลพี่ให้ดีเท่าที่ผมทำให้ได้"


"ผมจะทำให้พี่มีความสุขมากกว่าที่พี่เคยรู้สึก"


"ผมจะทำให้พี่ยิ้มกว้างมากกว่าที่ใครเคยทำ แล้วก็..." รอยยิ้มของซุนยองที่ส่งมาให้เขามันดูอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็น


"...และผมจะรักพี่ให้มากกว่าที่ใครเคยรัก รักพี่มากกว่าที่ผมเคยรักใคร"


"บางอย่างผมอาจจะสัญญากับพี่ไม่ได้ แต่ผมจะทำมันให้ได้ถ้าพี่ต้องการ"


ซุนยองเงียบรออีกคนพูดอะไรบ้าง แต่ที่จีฮุนทำกลับเพียงแค่ส่ายหัวมองหน้าอีกคนด้วยแววตาเรียบนิ่ง นั่นทำให้ซุนยองใจแป้ว


"พูดมาก"


จีฮุนว่าเสียงเรียบ









"พูดจนไม่มีช่องว่างให้ตอบตกลงเลย"

















- - - ??% - - -

มาอัพแล้วค่ะ แต่ยังไม่จบ ช่วงนี้ยุ่งมากเลยแวะมาอัพก่อน แหะ
และคงจะยุ่งอีกเรื่อยๆ คราวก่อนบอกจะมาอัพให้จบแต่ก็ไม่จบ
แต่ครั้งหน้าจะมาอัพให้จบค่ะ สัญญาเลย

แต่...มีเรื่องน่าเศร้าอีกเรื่องค่ะ
คอมพัง ฟิคที่เคยแต่งๆ ไว้หายเกลี้ยงเลยค่ะ #ร้องไห้หนักมาก
ดีนะเรื่องนี้พิมพ์ในมือถือเอาไว้ เรื่องนี้ไม่หายค่ะ
แต่เด็กโข่งพีโอกับแทอิลฮยองที่แต่งไว้ใกล้จบนี้...บ๊ายบายไปแล้วค่ะ #ร้องไห้แรง

เห้อ~ ฟิคคู่นี้หายากอ่ะ เอาจริงหายากทั้งวง

แล้วก็...มีคนเม้นด้วยเนอะ อิอิ ดีใจค่ะ 55555555555
ไม่ค่อยซีเรื่องเม้นเท่าไร แต่ถ้ามีก็ดีเนอะ
เป็นคนชอบอ่านคอมเมนท์ค่ะ กำลังใจชั้นเยี่ยมของไรท์เตอร์ทุกคนเลย







ไม่รู้จะตีเป็นกี่เปอร์เซนต์ดีค่ะ แหะ แต่นี่ครึ่งเรื่องแล้ว (มั้ง)

ติ่งเด็กๆ หนักมากค่ะ โดยเฉพาะเด็กหัวชมพูน้องอูจีของเรา ตอนแรกที่เห็นบอกเลยค่ะว่านึกว่ามักเน่
คนอะไรตัวกระจิ๊ด ชอบมากค่ะ ติ่งคู่นี้จนทนไม่ไหว อยากอ่านมากค่ะ เลยแต่งเอง
ฟิคเรื่องนี้แต่งตั้งมาสักพักแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่จบ #ร้องไห้

แล้วทำไมโฮชิเด็กกว่าอูจีล่ะ? บอกเลยว่าเราชอบอูจีที่เงียบๆ บางครั้งดูเหมือนผู้ใหญ่ดีค่ะ
ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าโฮชิ นิดนึง 55555555555555

แล้วจะมาต่อที่เหลือให้จบนะคะ





ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
นิยายแฟร์ 2025

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

6ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

6ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture