ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Just for you [4] จบ
เรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างความฝันที่ถูกสายลมพัดพาไป เสียงระฆังบนยอดหอคอยของโบสถ์สีขาวดังก้องกังวานในพิธีงานศพของคนคนหนึ่งซึ่งหลับใหลอย่างสงบอยู่ภายในโลงไม้ห้าเหลี่ยมสีดำที่ถูกปิดผนึกอย่างดี
บาทหลวงเริ่มการทำหน้าที่ของตนโดยการกล่าวคำไว้อาลัยให้กับผู้ที่นอนหลับอย่างสงบอยู่ภายใน เสียงร่ำไห้อย่างเศร้าสร้อยผสมผสานกับเสียงระฆังที่ดังอยู่ตลอดเวลาความรู้สึกโศกเศร้าแผ่ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณจนน่าอึดอัด
“คุณชิอากิคะ......” เสียงแหลมเล็กถามเจ้านายสาวที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนเดิม
“มีอะไรเหรอ?” ผู้ที่ถูกเรียกตอบกลับด้วยใบหน้าที่หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย
“ทำไมเค้าถึงต้องตายด้วย....ล่ะคะ” ทาช่ากำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น
“อย่าร้องไห้เลยน่า ยังไงเค้าก็ไปอย่างสงบไม่ใช่เหรอ?” ชิอากิยกมือขึ้นมาลูบหัวสัตว์เลี้ยงของตนเล็กน้อย
“นั่นสิ ก็เด็กคนนั้นน่ะ..” “นี่! อายะ อย่าร่วมแจมพูดอะไรเลยดีกว่านะ” ก่อนที่อายาโกะจะพูดก็ถูกใครบางคนพูดขัดคอขึ้นมาก่อน
“แหม ไม่สงสารเด็กคนนั้นรึไงกันน่ะ นานะ” ร่างบางหันไปพูดกับอีกฝ่ายที่นั่งรถเข็นไฟฟ้าอยู่ข้างๆ
“สงสารสิ ใครว่าไม่สงสารล่ะ แต่เด็กคนนั้นเค้าเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดตั้งแต่เกิดนี่นา” นานะตอบพลางก้มหน้าลงต่ำ
“เหรอ... นั่นสินะ เห็นตอนช่วงที่เธออยู่ในโรงพยาบาลก็เห็นสนิทกันดีนี่นะ” ว่าแล้วอายาโกะก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วยิ้มเล็กน้อย
แต่ก่อนที่อายาโกะหันกลับไปก็ถูกมือของอีกฝ่ายดึงชายเสื้อสเว็ทเตอร์เอาไว้เสียก่อน พอหันกลับไปถามถึงเหตุผลก็ได้แต่คำตอบที่เป็นเพียงการส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเท่านั้น
ชิอากิที่ยืนมองดูสถานการณ์อยู่ใกล้ๆก็ทำท่าเหมือนกับจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงได้คลี่ยิ้มมุมปากอย่างเคยตัวก่อนที่จะสะกิดเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆให้โน้มตัวลงมาและพูดอะไรกันบางอย่างที่เป็นเหมือนการตกลงกันอย่างลับๆ
“เอ่อ คุณอายาโกะคะ ชั้นกับคุณชิอากิขอตัวไปก่อนนะคะ” ทาช่าเป็นฝ่ายเข้าไปพูดตามที่ชิอากิบอก
“อืม งั้นเดี๋ยวชั้นพานานะกลับไปที่พักเองก็แล้วกัน” อายาโกะตอบพลางมองไปทางชิอากิที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“จะกลับแล้วเหรอ? ชิอากิ” อายาโกะเอ่ยถามอีกฝ่าย
“อืม ก็ชั้นมาอยู่ที่นี่นานแล้วนี่นาแถมตอนนี้ก็ไม่อยากที่จะอยู่เป็นก้างขวางคอคนแถวนี้ซักเท่าไหร่” ชิอากิตอบพลางยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยที่มองไปยังคนเจ็บที่นั่งรถเข็นเหมือนรู้ทันความต้องการของอีกฝ่ายจนอายาโกะร้องหาออกมาด้วยความงุนงง
“ม..ไม่มีอะไรหรอก อายะ ชิอากิแค่อยากแกล้งพวกเราเล่นน่ะ...อ่า...เดินทางดีๆนะ ชิอากิ ทาช่า” ฝ่ายจำเลยนามนานะร้อนตัวรีบแก้ตัวต่อผู้พิพากษาตรงหน้าที่พร้อมจะเปลี่ยนคำตัดสินได้ทุกเมื่อ
“โอเคๆ ไปก็ได้ ไม่เห็นต้องไล่กันเลยนี่นา ไปกันเถอะทาช่า” ชิอากิตัดบทสนทนาโดยการคว้ามือสัตว์เลี้ยงของตนและหันหลังเดินไปด้วยท่าทีที่ยากจะคาดเดาความคิด ส่วนตัวทาช่าเองก็ได้แค่เดินแต่เดินตามหลังไปโดยไม่ลืมที่จะเอ่ยคำกล่าวลาอย่างสุภาพตามนิสัย
“เมื่อกี้ชิอากิหมายความว่าไงกันจ้ะ นานะ”เมื่ออายาโกะกับนานะอยู่กันตามลำพังฝ่ายอายาโกะก็ถามอีกฝ่ายแทบจะในทันทีและเริ่มดึงแก้มของอีกฝ่ายทั้งสองข้าง
“ปละ...เปล่านี่นา ก็บอกแล้วไงว่าชิอากิเค้าล้อเล่นน่ะ” นานะรีบแก้ตัวโดยไม่มีข้อแก้ต่าง
“..........งั้นเหรอ..........ถ้างั้นชั้นกลับดีกว่า...” “เดี๋ยวสิ! อายะ” ท่าทางการตอบสนองของนานะเป็นไปตามที่อายาโกะคาดการณ์เอาไว้จนเจ้าตัวอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ทำให้ฝ่ายที่นั่งรถเข็นแสดงสีหน้าเหรอหราออกด้วยความงุนงงและตามไม่ทัน
“อะไรเหรอ? นานะ” อายาโกะถามกลับไปด้วยสีหน้าที่ดูสนุกสนาน
“..........ชั้น....อยากจะอยู่กับเธอตามลำพัง...โดยที่ไม่มีชิอากิกับทาช่า...ไม่ได้เหรอ?” นานะขมวดคิ้วแล้วเบ้ปากเล็กน้อยก่อนที่จะตอบอีกฝ่ายไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ทำไมล่ะ ตอนนี้เธอก็ไปไหนมาไหนคนเดียวได้แล้วนี่นา” อายาโกะยังคงแกล้งอีกฝ่ายอย่างไม่เลิกรา
“ไม่เอาอ่ะ! ก็คนที่ชั้นอยากจะอยู่ด้วยมีแค่เธอนี่นา อายะ....หรือว่าเธอรังเกียจชั้นล่ะ” นานะเริ่มทำการออดอ้อนที่ไม่สมตัวออกมา ในตอนนี้ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่อายาโกะล่ะก็อาจจะมีการเสียเลือดเกิดขึ้นเนื่องจากการตวัดขาฟาดเข้าใส่ใบหน้าเข้าง่าย
“....................” อายาโกะมองหน้านานะอย่างตาไม่กระพริบก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงมาจูบที่ริมฝีผากคนตรงหน้าเบาๆอย่างกะทันหันจนนานะไม่ทันตั้งตัว
“.....นี่เป็นคำตอบของชั้นไงล่ะ” อายาโกะคลี่ยิ้มหวานผิดกับนานะที่หน้าแดงจนเหมือนลูกมะเขือเทศและแข็งทื่อกับเหตุการณ์อันแสนหวานเมื่อครู่นี้
“.......ขี้โกง....” นานะพูดเบาๆเหมือนกับกำลังนินทาอีกฝ่ายซึ่งๆหน้าอย่างไม่กลัวว่าตนอาจจะถูกฝังเอาไว้ที่สถานที่แห่งนี้
“อืม จะว่าชั้นขี้โกงก็ได้ ถ้าหากเธออยากจะแก้แค้นคืนเธอก็รีบเรียนให้จบแล้วก็สอบเป็นหมอประจำตัวชั้นสิ.....แล้วตอนนั้นชั้นถึงจะยอมให้เธอทำมากกว่าการจูบนะ” เสียงพูดของอายาโกะเริ่มค่อยลงเรื่อยๆเมื่อถึงประโยคหลังสุดแต่ก้ไม่อาจจะที่จะหลบโสตประสาทการได้ยินของนานะไปได้
“อายะจ๋า ที่พูดน่ะจริงเหรอ? พูดแล้วไม่คืนคำแน่นะ?” นานะฉีกยิ้มกว้างด้วยใบหน้าอันยียวนกวนประสาทและน้ำเสียงที่ถามอย่างต้องการความจริง
“คิดว่าไงล่ะ? ชั้นไม่พูดอีกรอบหรอกนะ” ร่างบางคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปอย่างอารมณ์ดีและไม่รีรออีกฝ่ายที่นั่งรถเข็นและเร่งความเร็วตามไมได้อย่างที่คิด
“อาย๊-า รอด้วยสิ รอด้วยๆ” ถ้าหากนานะสามารถวิ่งได้คงจะวิ่งแล้วกระโจนใส่ร่างของสาวตรงหน้าไปแล้ว เสียแค่ว่าตอนนี้ขาเจ้ากรรมยังคงเข้าเฝือกและขยับแทบจะไม่ได้
รู้งี้น่าจะเรียนช่างกลแทนการเป็นหมอแทนแฮะ จะได้ดัดแปลงเอาเครื่องยนต์รถแข่งมาใส่ไอ้ขนเข็นไฟฟ้าคันนี้ให้เร็วสมใจ ความคิดบ้าๆเช่นนี้แอบแว่บเข้ามาในหัวของนานะก่อนที่จะโดนหลังมือของอายาโกะเคาะลงกลางกระหม่อมไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้อพยพออกไปแทบไม่ทัน
“คิดอะไรบ้าๆอยู่ยะ นานะ ถ้าหากไม่รีบมาชั้นจะไปจริงๆนะ” อายาโกะแสดงตัวเป็นเหมือนแม่ที่ต้องคอยดูแลลูกน้อยยังไงยังงั้น
“........จ้า อายะ” นานะลูบหัวไปมาก่อนที่จะตอบรับกลับด้วยรอยยิ้มอย่างยียวนตามแบบฉบับและยื่นมือไปจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้
“...........แล้วชั้นจะรอนะ นานะ” “อืม ชั้นไม่ให้เธอรอนานแน่” หลังจากบทสนทนานี้ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกลับไปถึงยังที่พัก
จนถึงตอนนี้นานะก็มีเรื่องที่ไม่กล้าพูดออกมา นั่นก็คือ เรื่องที่นานะรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนที่ตนนอนอยู่ในห้อง ICU ในตอนแรกที่คิดว่ามันเป็นเพียงความฝันที่คิดไปเองแต่เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ได้รับรู้ว่าสิ่งที่ตนเห็นและได้ยินนั้นเป็นความจริงทั้งหมด แต่ที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เพราะความกลัวที่มีต่อชิอากิที่ไม่รู้ว่าจะคิดแผนการอันน่าสยดสยองอะไรมาเล่นงานตนในหลายๆข้อหาที่เคยทำเอาไว้แบบรวบยอด
แต่ที่ทั้งคู่รับรู้ตอนนี้ก็คือ เส้นแบ่งกั้นบางๆที่เคยอยู่ระหว่างกลางพวกตนได้สลายหายไปแล้ว ตอนนี้ได้เพียงแค่รอความกล้าที่จะก้าวไปหาอีกฝ่ายให้มากกว่าที่เคยเพียงเท่านั้น
ของเพียงแค่มีเธอ......ชั้นก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว....ในโลกใบนี้
ความคิดเห็น