ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะวันเหนืออสงไขย ภาคลบล้างคำสาปต้นตระกูล

    ลำดับตอนที่ #15 : แม้จะกลัวแต่พวกเขาก็ยังมานี่แหละน้ำใจเพื่อน(รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 66


    “หนูว่าพวกเราไปช่วยกันถางหญ้ากันเถอะจ้ะ เพราะจะได้ตัดอ้อยมาเก็บไว้ เพื่อเอามาทำน้ำตาลอีกไม่กี่วันก็ใกล้จะวันพระพวกเราจะได้ลองทำขนมหวานไปถวายพระที่วัดดีหรือไหมจ๊ะ” เด็กหญิงตะวันถามความเห็นของคนในครอบครัวหลังจากที่พวกเขาลิ้มรสอ้อยกันหมดแล้ว ยกเว้นสองผู้เฒ่าที่ฟันไม่ดีจึงทำได้เพียงดูดเอาน้ำหวานเพียงเท่านั้น

    “ปู่จ๋า ย่าจ๋า เอาไว้หนูจะทำที่คั้นน้ำอ้อยให้นะจ๊ะ รับรองว่าปู่กับย่าได้กินอย่างสบายใจเลยไม่ต้องมาเคี้ยวแบบนี้” เด็กหญิงกล่าวเอาใจผู้สูงวัย

    ทำให้ผู้เฒ่าชราทั้งสองยิ้มให้กับหลานสาวตัวน้อยอย่างรักใคร่ในความเอาใจใส่ที่เด็กหญิงตัวน้อยมีให้คนแก่อย่างพวกตน

    อีกด้านฝั่งตรงข้ามของเรือนหมอผีตาคงทิดจันทร์ที่อยู่เรือนของตน เมื่อเห็นว่าน้ำปีนี้มีมากกว่าทุกปีขนาดบ้านของเขาที่เป็นพื้นที่ดอนน้ำยังปริ่มถึงขั้นบันได

    แล้วบ้านของผู้มีพระคุณจะเป็นอย่างไรเวิ้งนั้นยิ่งเป็นแอ่งทั้งหมด “จิก น้องดูลูกไปคนเดียวก่อนนะพี่จะแวะไปดูบ้านทิดหาญ เสียหน่อยไม่รู้ว่าน้ำท่วมมากแค่ไหน” คนเป็นสามีสั่งความพร้อมเดินไปที่เรือเล็กที่ยามนี้ได้เอามาผูกติดอยู่ใกล้ขั้นบันได

    “พี่ระวังตัวด้วยนะ” เมียสาวบอกสามีหนุ่มระหว่างที่กำลังไกวเปลกล่อมลูกน้อย

    “จ้ะ” ชายหนุ่มรับคำสั้น ๆ ก่อนจะแจวเรือลำน้อยมาทางบ้านของคนที่ตัวเองเป็นห่วง เมื่อมาถึงยังที่ตั้งของเรือนหลังนี้เขาก็เห็นแต่น้ำที่เอ่อล้นจนท่วมถึงตัวเรือน

    “เป็นอย่างที่คิดจริงเสียด้วย แล้วพวกทิดหาญไปอยู่ที่ไหนกันหรือว่าจะไปอยู่บ้านตาคง” ทิดจันทร์พูดกับตัวเองแม้ใจเขาจะนึกหวาดกลัวแต่ด้วยความเป็นห่วงผู้มีคุณ ชายหนุ่มจึงคิดว่าลองไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยจะดีกว่า

    เมื่อคิดได้แบบนี้ชายพ่อลูกอ่อนจึงได้พายเรือลำน้อยตรงไปยังบ้านหมอผีอันโด่งดังเมื่อครั้งอดีตทันที

    ทิดจันทร์ตอนนี้ลอยเรือของตนอยู่ห่างจากเรือนไม้ขัดเงาหลังใหญ่พอสมควรด้วยความหวาดกลัวในคำเล่าลือถึงเรื่องความเฮี้ยนในเรื่องภูติผีวิญญาณของเรือนหลังนี้แม้กระทั่งคนเป็นลูกเจ้าของเรือนยังไม่กล้าอยู่

    หนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงทำได้แค่เพียงมองหาคนภายในเรือนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ สุดท้ายจึงลองส่งเสียงของตนออกไป “ทิดหาญ ไอ้เสือ พ่อเฒ่า แม่เฒ่าอยู่ที่นี่ไหมขอรับ”

    รักที่รับรู้ถึงการมาของทิดจันทร์ วิญญาณของเธอจึงได้มาบอกกับน้องสาวผู้ที่กำลังหัดน้องชายเขียนตัวอักษรอยู่ภายใต้ร่มไม้หลังจากที่ผู้ใหญ่ภายในบ้านต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน

    “น้องตะวันทิดจันทร์มาจ้ะ ตอนนี้แกลอยเรืออยู่ห่างจากเรือนเราพอสมควรน้องออกไปดูหน่อยเถอะ” 

    “ขอบคุณจ้ะพี่รัก” เด็กหญิงกล่าวพร้อมกับเตรียมตัวจะลุกขึ้นยืน

    “อรุน ไปกับพี่ที่ท่าน้ำเถอะอาจันทร์มา” เด็กหญิงเอ่ยชวนน้องชายที่นั่งอยู่กับตนเพียงสองคน คนเป็นน้องก็ไม่อิดออดรีบลุกตามพี่สาวทันที

    ทั้งสองพี่น้องเมื่อเดินมาถึงท่าน้ำก็เห็นอาจันทร์พายเรืออยู่ห่างจากศาลาพอสมควรก็รู้สึกแปลกใจ ‘จอดเรืออยู่เสียไกลว่าแล้วทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงเรียก’ เด็กหญิงคิด

    ทิดจันทร์เมื่อเห็นเด็กสองคนเดินมาทางศาลาเขาก็เพ่งมองเพื่อต้องการให้แน่ใจว่าเด็กหญิงสองคนนี้ใช่ลูกของทิดหาญหรือไม่

    “ตะวันนั่นหลานใช่ไหม” ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนตะโกนถาม

    “ใช่จ้ะหนูเอง อาพายเรือเข้ามาที่ท่าน้ำสิจ้ะทำไมไปรออยู่เสียไกลเลย” เด็กหญิงโต้ตอบพร้อมกวักมือเรียก

    “ไม่เป็นไรอาอยู่ตรงนี้ได้ว่าแต่ทุกคนย้ายมาอยู่ที่นี่กันหมดไหม อาแวะไปที่บ้านหนูมาเวิ้งนั้นน้ำท่วมทั้งทุ่งเลย” จันทร์ยังคงส่งเสียงตะโกนต่อไป

    “ใช่จ้ะ อาจันทร์จะเข้าบ้านไหมจ๊ะทุกคนกำลังจะไปถางหญ้ากัน” เด็กหญิงเองก็ตะโกนตอบกลับ

    “พี่สาวทำไมอาจันทร์ไม่เข้ามาบ้านเราล่ะ จอดเรืออยู่เสียไกลต้องตะโกนคุยกันทำไมหนูงง” เด็กชายผมแกละถามพี่สาวด้วยความไม่เข้าใจ

    “ก็เขากลัวยังไงล่ะน้องอรุณ” ยมที่มายืนอยู่ข้างน้องชายตอบออกมาแทน

    “พี่ยมหรือ ว่าแต่อาจันทร์กลัวอะไรครับ” เด็กชายหันไปถามพี่ชายที่ปรากฎตัวออกมายืนข้างตนอย่างสงสัย

    “พี่เองก็ไม่รู้ นั่นอาจันทร์พายเรือจ้ำอ้าวไปแล้ว” ยมส่ายหน้าก่อนจะชี้นิ้วให้น้องชายเห็นคนที่กำลังเอาพายจ้วงน้ำไปยังทางที่ตนจากมาอย่างรวดเร็ว

    ตะวันได้แต่คิดว่านี่ทั้งสองไม่รู้กันจริง ๆ ใช่ไหมว่าอาจันทร์รีบกลับเพราะอะไร ย้อนกลับไปตอนที่จันทร์กำลังสนทนาอยู่กับตะวันจู่ ๆ สายตาเจ้ากรรมก็ดันเห็นเด็กชายผมจุกคล้องสร้อยสังวาลย์ไม่สวมเสือคุยกับอรุณ

    เพียงเท่านี้ชายหนุ่มลูกหนึ่งก็หันเรือของตนอย่างไวแล้วก็รีบพายเรือจากไปอย่างรวดเร็ว

    เมื่อแขกผู้มาเยือนจากไป ตะวันก็พาน้องชายเดินไปหาผู้ใหญ่ภายในบ้านที่เตรียมอุปกรณ์พร้อมกันหมดแล้วแม้แต่อากระถินที่ท้องแก่ใกล้คลอดก็ต้องการจะไปด้วย

    น้องเมฆที่ได้ไปสำรวจรอบบ้านมาแล้วก็ค่อย ๆ เยื้องย่างออกมาจากกอหญ้าที่สูงท่วมหัวของเจ้าตัว

    “พี่เมฆตัวพี่เต็มไปด้วยดอกหญ้าแล้วมาหาอรุณเร็ว ข้าจะเอาออกให้” เด็กชายตัวเล็กที่โดนเจ้าแมวน้อยขู่อยู่หลายรอบกล่าวอย่างเอาใจสัตว์ตัวเล็ก

    เจ้าแมวน้อยก็ไม่ขัดศรัทธาของคนที่ตกเป็นทาสของตนดังนั้นเจ้าอรุณจึงได้อุ้มแมวตัวน้อยนี่สมใจอยาก

    ทางด้านทิดจันทร์แม้เขาจะหวาดกลัวต่อสิ่งที่เห็น แต่เมื่อฉุกคิดได้ว่าสมาชิกในครอบครัวของบ้านหลังนั้นมีผู้ชายแข็งแรงแค่สองคน

    การทำงานใช้แรงแบบนั้นอีกกี่วันถึงจะเสร็จ ไอ้เรารึก็คนบวชเรียนมาตั้งหลายปี ในเมื่อเราไม่คิดร้ายก็คงไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายได้หรอกเขาคิด

    ก่อนที่ชายผู้นี้จะมุ่งตรงไปยังบ้านของเกลอผู้เป็นชายฉกรรจ์อีกสี่คน ซึ่งแต่ละคนก็ต่างเป็นเกลอของหาญและเสือ อีกทั้งคนพวกนี้ยังได้รับการช่วยเหลือจากพ่อเฒ่าในเรื่องการรักษากันทั้งนั้น

    เรือนหลังแรกที่ทิดจันทร์ตัดสินใจไปหาคือเรือนของทิดชมที่อยู่ห่างจากตรงนี้ไปไม่ไกล

    เมื่อมาถึงหน้าเรือนของเกลอชายหนุ่มก็ตะโกนเรียกเพื่อนของตนทันทีบ้านของทิดชมน้ำก็ท่วมถึงขั้นบันไดเหมือนกันกับบ้านของเขา

    “อ้าวทิดจันทร์มาถึงบ้านข้าเชียว เอ็งมีเรื่องอะไรหรือเปล่าบอกมาได้เลย” ทิดชมถามเกลอที่ร่วมเรียนมาด้วยกัน

    “ข้าจะมาชวนเอ็งแล้วก็จะเลยไปชวนไอ้สามคนที่เหลือด้วยคือว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้...” ทิดจันทร์กล่าวจุดประสงค์ของตนออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม

    “ไปสิวะ พวกเราเป็นเกลอกันมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านโว้ย ทิดหาญก็กระไรไม่มาบอกเพื่อนฝูง ข้าไปเอาเรือก่อนเอ็งแยกไปบอกทิดน้อยนะ ส่วนข้าจะไปบอกทิดขำกับทิดมั่นเองหลังจากนั้นพวกเราก็ไปเจอกันที่บ้านตาคงเลย” ทิดชมกล่าวอย่างรวบรัด

    “ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้าไปล่ะ” ทิดจันทร์ตอบรับก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเรือนของเกลอคนที่อยู่ไกลกว่าคนอื่น

    “ทิดน้อยเอ็งอยู่หรือเปล่าข้าทิดจันทร์มาหา” ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง

    ซึ่งเรือนของทิดน้อยนั้นไม่ได้ถูกน้ำท่วมเหมือนเรือนของคนอื่นเพราะอยู่บนที่สูงพอ ๆ กับเรือนของตาคง

    “อ้าวทิดจันทร์มีธุระกระไรมาถึงนี่หรือว่าจะมาชวนข้าไป..” ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดผิวคล้ำทำท่ายกไหเข้าปาก

    “เอ็งนี่จะเมาแต่หัววันเชียว เดี๋ยวนางขามก็แหกอกเอาหรอกยิ่งกำลังท้องกำลังไส้” ทิดจันทร์ว่าเพื่อนผู้ชื่นชอบการดื่ม

    “นิดหน่อยน่าพอเป็นกระษัย ว่าแต่เอ็งมาทำไมหรือ” ทิดน้อยแก้ตัว

    “คือข้าจะมาชวนเอ็งไป...” ทิดจันทร์กล่าวออกมาเหมือนกับที่เขาพูดกับทิดชมทุกประการ

    “ไปสิวะ ข้าเอาเรือไปเองก็แล้วกัน ตอนกลับจะได้ไม่ต้องเทียวส่งกันไปมา เอ็งรอข้าสักประเดี๋ยว ข้าขอไปหยิบเครื่องไม้เครื่องมือก่อน” ทิดน้อยกล่าวกับเพื่อนแม้ว่าเขาจะชอบดื่มแต่เรื่องเพื่อนถึงไหนถึงกันจะกลัวอะไรกับสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น

    ทางด้านเรือนบ้านตาคงขณะนี้ตะวันได้บอกกับทุกคนแล้วว่าที่เรือนหลังนั้นตอนนี้น้ำท่วมไปแล้วตามที่รู้มาจากอาจันทร์

    เสือกับกระถินที่ได้ยินก็รู้สึกโศกเศร้า เพราะกว่าที่เขาจะหักร้างถางพงที่ตรงนั้นมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และหากครั้งนี้น้ำท่วมก็มีแน้วโน้มว่าปีต่อไปน้ำก็คงจะท่วมอีก

    “อาเสือกับอากระถินไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ ที่ดินด้านข้างบ้านหลังนี้ยังไม่มีใครเป็นเจ้าของเพราะไม่มีคนกล้ามาอยู่พวกเราก็แค่ต้องไปช่วยกันถางหญ้าตัดต้นไม้สักหน่อย อาก็จะได้มีบ้านอยู่รั้วติดกันกับเรือนหลังนี้แล้ว” เด็กหญิงปลอบอาทั้งสองคน

    “จริงหรือตะวันถ้าอย่างนั้นหลังจากอาช่วยหลานตัดอ้อยแล้วอาค่อยไปจัดการกับที่ดินฝั่งนั้นก็แล้วกัน” เสือกล่าวออกมาอย่างดีใจที่ตนยังจะได้อยู่ใกล้ครอบครัวตัวเองเหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องรบกวนที่ดินของตาคง

    ในระหว่างที่คนในครอบครัวกำลังคุยกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนมาเรียกอยู่บริเวณท่าน้ำ หาญจึงได้เดินออกไปดูและก็เห็นว่าคนพวกนั้นเป็นเกลอของตนทั้งหมด

    “ทิดชม ทิดขำ ทิดมั่น พวกเอ็งมาได้ยังไง” หาญช่วยเพื่อนผูกเรือในระหว่างที่ถามสหายทั้งสาม

    “ก็ทิดจันทร์ไปตามพวกข้าที่บ้านให้มาช่วยเอ็งถางหญ้านะสิ เอ็งก็กระไรพวกเราเป็นเกลอกัน มีอะไรก็ไปบอกสิวะ” ทิดชมเป็นคนตอบแทนสหายอีกสองคน

    “อ้าวสองคนนั้นมาพอดี” ทิดขำเมื่อผูกเรือของตนเสร็จก็เห็นสหายอีกสองที่กำลังพายเรือเข้ามาเทียบข้างเรือเล็กของตน

    “ข้าขอบใจพวกเอ็งมากนะที่มีน้ำใจมาช่วย” หาญกล่าวกับเพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจ เหตุที่เขาไม่กล้าบอกเพื่อนก็เพราะกลัวว่าเกลอของตนจะกลัวต่อชื่อเสียงของเรือนหลังนี้

    “ทิดจันทร์ข้าขอบใจนะที่เอ็งเป็นธุระไปตามพวกนี้มาช่วยข้า” หาญกล่าวกับสหายที่เคยบวชเรียนมาด้วยกันอย่างจริงใจ

    “เอ็งจะเกรงใจอะไร พวกเราได้เอ็งกับครอบครัวช่วยไว้ตั้งหลายครั้งเรื่องแค่นี้เรื่องเล็กรีบไปทำงานกันเถอะ เอ็งบอกได้เลยว่าจะให้ช่วยตรงไหน” ทิดน้อยกล่าวตัดบทด้วยเพราะรู้นิสัยเพื่อนของตนดี

    “ก็อย่างที่ทิดน้อยบอกนั่นแหละ พวกเราเป็นเกลอกันมีอะไรก็บอก แม้จะไม่มีเงินทองแต่เรื่องแรงไม่มีหวั่น” ทิดมั่นพูดออกมาพร้อมเอามือตบไหล่หาญเพื่อนผู้ขี้เกรงใจแต่น้ำใจล้นปรี่

    คนทั้งหกก็พากันเดินเข้ามาภายในลานบ้านอันร่มรื่นหลังนี้ตอนแรกพวกเขานึกว่าเรือนหลังนี้จะมีบรรยากาศน่ากลัวแต่ที่ไหนได้กลับแตกต่างไปจากที่คิดไปมากโข

    อีกทั้งยังดูร่มรื่นเย็นสบายนี่จะเป็นเรือนผีสิงที่ใดกัน แปลกที่ผู้มาใหม่ต่างคิดเหมือนกัน

    ตะวันเองก็ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้จากพี่รัก พี่ยม ถึงความมีน้ำใจจากสหายของคนเป็นพ่อ

    ดังนั้นเด็กหญิงจึงได้จดจำน้ำใจของคนเหล่านี้เอาไว้และคิดจะตอบแทนเมื่อมีโอกาสอย่างแน่นอน

    “เสือเอ็งดูสิใครมา” หาญส่งเสียงเรียกน้องชาย

    เสือเดินมาตามเสียงเรียกของพี่ชายก็เห็นทิดขำเกลอของตนมากับเกลอของพี่ชายก็เดินเข้ามาทักทาย เนื่องจากพวกเขาอายุใกล้เคียงกันจึงเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน

    ผู้มาใหม่ก็ได้ไปกล่าวทักทายผู้อาวุโสของบ้าน ส่วนเด็กทั้งสองก็ต่างยกมือไหว้แขกผู้มาใหม่เช่นเดียวกัน

    เมื่อมีคนมาเยอะขึ้นการหักร้างที่ดินอันรกร้างก็ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วจนมาถึงดงอ้อยที่อยู่ข้างดงกล้วยตานี

    “พวกเอ็งฟังข้านะ ข้าต้องการตัดต้นอ้อยพวกนี้ลักษณะแบบนี้ระวังใบของมันบาดมือ พวกเอ็งควรใส่ถุงมือที่ข้าให้” หาญกล่าวกับเพื่อนอย่างจริงจัง

    “เอ็งจะเอาต้นหญ้ายักษ์ไปทำอะไรวะ หรือจะเอาไปทำฟืน” ทิดน้อยถามเพื่อนตามประสาคนปากไว

    “ความลับเอาไว้ข้าค่อยบอกตอนนี้รีบลงมือก่อนเถอะ หากพวกเอ็งรู้ว่าทั้งต้นและใบมันทำอะไรได้นะข้ารับรองว่าเอ็งจะดูแลมันดียิ่งกว่าลูกเมียอีก” หาญสัพยอกเนื่องจากลูกสาวตัวน้อยเพิ่งจะมาบอกเพิ่มเติมว่าใบของอ้อยสามารถนำไปทำถ่านอัดแท่งได้

    คราแรกเขาก็งงเพราะรู้จักแต่ถ่านซึ่งใช่ว่าใครจะเผามาขายก็ได้ ลูกสาวตัวน้อยจึงได้อธิบายออกมาให้ฟังว่าถ่านทั้งสองแบบแตกต่างกันยังไง

    ทั้งเขาและคนในครอบครัวเมื่อได้ฟังก็ห่อปากตาโต เพราะถ้าหากทำได้จริง อนาคตของพวกเขาย่อมไม่ลำบากอย่างแน่นอน

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×