ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
☾ guerilla.

ลำดับตอนที่ #15 : 09 – idyllic. (2)

  • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 65


               
   



          การสร้างกล้ามเนื้อเป็นไปด้วยความรวดเร็วอิทธิพลของประเภทต้นตระกูลอาจมีส่วน ด้วยโครงสร้างที่ถูกกำหนดมาให้รองรับพลังงานมหาศาลได้ ด้วยเหตุนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจสำหรับพัฒนาการของโทปาซ เมื่อบวกกับการที่เจ้าหล่อนมักทุ่มสุดตัวก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย


          น่าแปลกที่พวกมิกซ์ไม่ได้ดูข้อมูลต้นตระกูลเท่าไหร่เสียงหวานดังขึ้นใบหน้าซึ่งถูกชโลมด้วยน้ำแร่กำลังรับลมจากมุมริมหน้าต่างอย่างเงียบสงบ กระทั่งบางอย่างกระตุ้นความสงสัยอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย


          ผ้าขนหนูผืนเล็กคือคำตอบแรกของเขา...


          ส่วนใหญ่จะเน้นเทรนพื้นฐานกับอิงผลลัพธ์จากการทดสอบมากกว่าน่ะ เรื่องยิบย่อยมันละเอียดอ่อนเกินไป และหน้าที่หลักของพวกเขาก็เกี่ยวกับพวกนักกีฬามากกว่าด้วย


          ชุดวอร์มที่เริ่มสูญเสียประสิทธิภาพของมันไปในทุกๆวันกำลังถูกบดบังโดยสองมือซึ่งพยายามเช็ดหน้าอย่างระมัดระวังเส้นเลือดที่เด่นชัดและกรงเล็บนั่นดึงดูดความสนใจของเขาบ่อยเกินความจำเป็น


          พูดถึงพวกนักกีฬา... บางทีฉันควรจะถามพวกเขาว่าควรใช้ชุดวอร์มของที่ไหนเธอถอนหายใจ คงรับรู้ได้เช่นเดียวกับเขาเรื่องเครื่องแต่งกาย


          อยากให้มันโคกับคำสาปมากกว่านี้?


          ก็ส่วนหนึ่ง ความจริงมันเอนไปทางความสะดวกมากกว่า ปรับให้เข้ากับคำสาปมันง่ายมาก ถ้าเทียบกับตารางฝึกที่เป็นนรกของคนไม่เคยออกกำลังกายน่ะ


          ตอนทดสอบสมรรถภาพก็ดันใส่เต็มแรงเลยนี่


          อึ๋ย...ริมฝีปากน้อยๆนั่นเบะออก


          แสงซึ่งตกกระทบผ่านอัญมณีหักเหออกห่างจากดวงตาเขาความสนใจทางสายตาแปรเปลี่ยน แม้ว่าส่วนอื่นของร่างกายจะตอบสนองตรงกันข้าม


          “ปกติออก” แอรีสกล่าวเสริม


“อย่าเพิ่งแสนดี นึกถึงกี่รอบฉันก็อายจะตายชัก”


ตอนแรกก็ว่าไม่ใช่เรื่องจริงจัง... แต่เขาอาจคิดน้อยไปในเรื่องนี้


กรงเล็บซึ่งทิ้งร่องรอยไว้ ณ กางเกงวอร์มสีหวานกำลังเคลื่อนไปตามมือที่กลายเป็นเครื่องระบายอารมณ์ ท่ามกลางความเงียบงันของมุมหนึ่งในโรงยิมก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดเล็กน้อย- เสียงในลำคออันแผ่วเบานั่นชัดเจนพอที่จะทำให้สายตาเขาเคลื่อนลงมองมือตนเอง


ปลายนิ้วของถุงมือเคลื่อนไปตามแรงดึงดูด...


เพียงเสี้ยววินาทีที่ใกล้กว่าควร ความสนใจซึ่งปรารถนาก็ส่งสัญญาณว่าตัวเขาสามารถชักมันกลับได้


“ขอโทษนะ” แอรีสกล่าว มองอีกคนที่ค่อยๆผูกโบระหว่างคิ้วตนเองพลางระมัดระวังภาษากาย


"อะไรเล่า?" ปลายเล็บเธอแตะลง ณ ถุงมือเขา— แลกเปลี่ยนสัมผัสเล็กๆน้อยๆที่ได้รับไปเมื่อครู่ด้วยวิธีของตนเอง


“ไม่ต้องหรอก ต่อให้ไม่ใช่นายมันก็ต้องมีคนพูดถึงอยู่ดี”


"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ—"


"I'm cringe, but I am free"


“...”


“ให้เวลาสักนาทีหนึ่งก็ดีขึ้นเองแหละน่า”


ถ้าคิดแบบนั้นล่ะก็...


ชายหนุ่มผงกหัวตอบรับไป แล้วจึงเอนศีรษะพิงผนังปล่อยตัวสบายยามไม่มีเรื่องต้องกังวล ดื่มด่ำบรรยากาศที่แม้จะไม่ตรงตามมาตรฐานของความผ่อนคลาย กระนั้นก็หาได้ย่ำแย่ในสายตาของคนที่เพิ่งผ่านตารางฝึกในวันพิเศษ


เพราะว่าหนึ่งในบุคลากรมีธุระด่วนช่วงนี้ จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร...


เขาโบกมือให้คนรู้จักเมื่อสบตากับอีกคน ณ ฟากหนึ่งของโรงยิม


แต่ดูเหมือนพวกนักกีฬาจะไม่ลำบากเท่าแฮะ


          จะทำอะไรหลังจากนี้ไหม?


          หมายถึงฝึก?


          ก็ถามโดยรวมน่ะนะ... ต่อให้อยากฝึกเองต่อก็ทำได้นี่


          ขอร้อง ใครมันจะบ้าพลังขนาดนั้น?


          เอ้า เขากลั้วหัวเราะ 


          ใครจะไปรู้ อะดรีนาลีนของเธออาจถูกกระตุ้นด้วยความมุ่งมั่นก็เป็นได้? เขาในตอนแรกก็เผชิญกับสภาพเช่นนั้นนี่นะ...


          อำนาจในการควบคุมตนเองที่กลับมาอยู่ในกำมือมันหอมหวานเป็นสัมผัสซึ่งอาจสูญเสียอิทธิพลของมันไปในปัจจุบัน ทว่าก็ไม่อาจลืมเลือนได้


          ตามบทแล้วฉันต้องเป็นคนที่ถูกเตือนมากกว่าไม่ใช่เหรอ?


          หืม? มันไม่มีกฎตายตัวสักหน่อยนี่ เราผลัดกันก็ได้


          โอ้ พ่อดาร์กไซด์ เอางั้นก็ได้


          การกลอกตาที่ตามมาด้วยมุมปากซึ่งกระตุกขึ้นนั้นหลอกล้อเขาพอๆกับน้ำเสียงฉายาเฉพาะตัวอันแปรเปลี่ยนทำให้แอรีสอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน เขาตระหนักได้ว่าเจ้าหล่อนไม่มีความคิดยกยอด้าน แสนดี นั่น และเหตุการณ์นี้ก็รองรับข้อเท็จจริงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี


          ในสายตาของคนเจ้าคิดเจ้าแค้นคนหนึ่งน่ะ ไม่ว่าอย่างไรโทปาซก็ดูเข้าข่ายนิยามของมันมากกว่า...


          แต่นี่ไม่น่าใช่จังหวะที่เหมาะสมแก่การขัดอารมณ์


          ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...แอรีสกล่าว เตรียมเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องสัพเพเหระเข้าสู่หัวข้อสำคัญ


“เอาแบบนี้ดีกว่า”


          แบบนี้?


          ไปบ้านฉันไหม?


          สกายบลูโทปาซสะท้อนผ่านนัยน์ตาเขาปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อความสนใจเบนกลับมายังจุดจุดเดียว ดำรงอยู่เช่นนั้นราวกับกำลังพินิจบางอย่างอยู่ ซึ่งหากไม่ใช่ใบหูที่ขึ้นสีระเรื่อของเขาก็คงเป็นเนื้อความของสารที่เอ่ยออกมา


          หมายถึงเรื่องเอกสาร?โทปาซเลิกคิ้ว


          ใช่ ถือเสียว่าไปดูคร่าวๆก่อน เรายังไม่ได้นัดวันกันเลยนี่


          อ้อ


          ด้วยสถานการณ์แล้ว... การจะตีความเป็นอย่างอื่นนั้นก็คงเป็นเพียงการจับประเด็นผิดจุดเท่านั้น


         ทว่าสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าตนเองเผลอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

 


___

         


          เนื่องด้วยการนัดหมายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันแทรกซ้อนขึ้นมาท่ามกลางความวุ่นวายซึ่งซาลงด้วยการอุบัติของเหตุใหม่ในเวลาใกล้เคียง ความเตรียมพร้อมของพวกเขาจึงแทบไม่มีตัวตนในการศึกษาเอกสารมากมายภายในห้องส่วนตัว


          ชายหนุ่มอ่านทวนเนื้อหาที่จำได้อย่างขึ้นใจ ในห้วงความคิดเต็มไปด้วยคำสำคัญคาดหวังว่าจะเน้นย้ำด้วยปากกาให้อีกฝ่ายจับประเด็นหลักที่ถูกนำมาบูรณาการกับทฤษฎีส่วนตัว


          นุ่มอ่ะ


         แต่แล้วมันก็ถูกกลบด้วยอารมณ์ขบขันไปเสียหมด


          เสียงหัวเราะกระตุ้นให้ริมฝีปากน้อยๆของเธอเบะออกมามือซึ่งกอดตุ๊กตาแกะตัวกลมอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้นยามใบหน้าที่ย่นลงจากปฏิกิริยาของเขา แสร้งทำเป็นไม่พอใจดั่งทุกการหลอกล้อในอดีต


          มุมปากยกขึ้นแทนที่หน้ากระดาษของเอกสาร แล้วมันก็ถ่ายทอดความรู้สึกเอ็นดูออกมาเมื่อคราวแสดงความเห็น    

   

          อย่าขโมยแกะฉันสิต่อให้มันจะกลายเป็นหมอนที่ถูกทับจนแบนทุกค่ำคืน ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้คนอื่นครอบครองได้ข้าวของที่ทนทานต่ออิทธิฤทธิ์ของคำสาปยิ่งน้อยๆอยู่ อีกทั้งเขายังไม่มีแนวโน้มจะบริจาคในเร็วๆนี้ด้วย


         ถึงภาพตรงหน้าจะจรรโลงใจขนาดไหนก็เถอะ


แต่ฉันรักเขา


          งั้นหรอกเหรอ?


          อืม หยุมสนุกมาก


ทุกการเคลื่อนไหวเข้าสู่โสตประสาทได้อย่างง่ายดาย— ภายใต้ความเงียบนั้นคือบางสิ่งบางอย่างที่พร้อมปะทุทุกเมื่อ เรียงร้อยออกมาเป็นวลีหลากคำในหัวยามความสนใจถูกเบี่ยงเบน


อ่า...


"ดูหน่อย" เสียงซึ่งถูกเอ่ยออกมาประหนึ่งงัวเงียดังขึ้นเคียงข้าง ดวงตาที่มองข้ามไหล่เขามายังเอกสารในมือลอบสังเกตบริเวณเลือดฝาดเป็นระยะๆ พยายามรักษาความห่างอย่างแนบเนียนที่สุด


"เห็นไหม?"


"อ-อืม"


          อันนี้เป็นพวกสรุปข้อมูลสำหรับต้นตระกูลที่เข้าข่ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เข้าข่ายของเธอด้วย ถ้าไม่นับตรงพืชปรสิตน่ะนะ


          น่าจะ ฉันคิดว่าอาการคลุ้มคลั่งของมันมาจากการที่ร่างจริงยังได้สติอยู่


          สอดคล้องกับการได้รับขนานนามว่าเป็นสายพันธุ์ที่พยศที่สุด— 'แอนเดรีย' เป็นสกุลของวงศ์ตระกูลอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจและพละกำลังตั้งแต่ระดับพลังงานเวทมนตร์ของสมาชิกไปจนถึงตำแหน่งในแวดวงสังคม


ถึงจะไม่ได้เข้าข่ายธุรกิจพันล้าน แต่ภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามนั่นก็อีกเรื่อง...


เมื่อนำมารวมกับข้อมูลบางส่วนที่ได้จากหนังสือและงานวิจัยอ้างอิงแล้วจึงเข้าใจกลไกการวิวัฒนาการ— ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสมเหตุสมผลจากมุมมองของผู้อยู่เหนือทุกอย่าง


การปั่นป่วนของไม้ปรสิตสอดคล้องกับพลังงานซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างสูงและผันแปรไปตามอารมณ์...


ทฤษฎีของโทปาซอาจเป็นความจริง— ต้นเหตุอาการคลุ้มคลั่งนั่นคืออำนาจในการควบคุมตนเองซึ่งสลายไปเรื่อยๆ


เธอแค่นหัวเราะ อารมณ์ตลกร้ายคงถูกกระตุ้นด้วยความเห็นที่ถูกเชื่อมโยงอย่างง่ายดาย


น้ำหนักที่ทิ้งลงบนเตียงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย...


"แบบนี้น่าจะถนัดกว่า" เขาเอ่ย


พื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอกำลังส่งผลกระทบต่อตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลง— มันทุลักทุเลประมาณหนึ่งในคราวที่ชายหนุ่มขยับตัวเข้าไปใกล้ ปลายนิ้วแตะกันในจังหวะที่ระยะห่างลดลง และสัมผัสซึ่งทอดทิ้งไออุ่นบนใบหน้าก็ได้สร้างรอยยับให้แก่แผ่นกระดาษในมือ


"อ่าฮะ"


เขาโคลงศีรษะ อิงหลังกับหัวเตียงในเวลาต่อมาอย่างแนบเนียน


แต่คำถามคือ... ตัวต้นตระกูลมันคือตัวที่โดนปรสิตสิงหรือว่าตัวปรสิต?


Yes


"..."


"มันเป็นไปได้"


แต่ความจริงจังของเธอน่ะตรงกันข้ามเลยไม่ใช่หรือไง?


กล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ถูกกระตุ้นเล็กน้อยนั่นได้เรียกความพึงพอใจจากโทปาซ— มันเกิดขึ้นอีกครั้งยามเห็นว่าอ้อมกอดนั้นถูกกระชับแน่นขึ้น เสียงแค่นหัวเราะคราหนึ่งเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากยามเผลอเอื้อมมือไปยังเรือนผมที่เริ่มจะยุ่งเหยิง


ไม่สิ...


"เป็นด้านดีกับด้านร้ายว่างั้น?"


"มันไม่ใช่ฉัน มันคือฝาแฝดตัวร้าย— อีกคนหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงแอนดี้”


          การพยักหน้าในจังหวะเดียวกับที่มือหักออกจากทิศทางเดิมไปยังอุปกรณ์เวทมนตร์อาจไม่แนบเนียนความอบอุ่นบริเวณแก้มของแอรีสกำลังถูกกระตุ้นด้วยจังหวะหายใจที่ไม่เป็นธรรมชาติ เขาพยายามให้ความสนใจกับบทสนทนาเป็นหลัก ทว่าความว้าวุ่นใจกลับเป็นอุปสรรคเกินที่คาดหมายไว้  


         เกือบไป...     


          แอรีส


          ครับ?


กอดแกะไหม?


          องศาคางเขาเปลี่ยนยามช้อนขึ้นมองก็เห็นแววตาซึ่งกระตุ้นให้ยิ้มแห้งออกมา ความกังวลของโทปาซกำลังถูกแสดงออกมาให้รับรู้ ริมฝีปากเม้มแน่นหลังเอ่ยด้วยความประหม่า ดวงตาสลับมุมมองระหว่างใบหน้าเขาและฟูกเตียง ปลายเล็บฝังลงเนื้อตุ๊กตาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว


          ไม่เขาสูญเสียความสามารถในการปกปิด หรือเธอดันสังเกตกันอยู่ตลอด...


          แต่ว่ากอดอยู่ไม่ใช่เหรอ?


          นั่นมันสำคัญที่ไหนกันเล่า?


          แอรีสใช่ว่าจะไม่ชินกับการจัดการพลังงานลบของตนเอง เพียงแต่การย้ำเตือนข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นแลดูไม่มีประโยชน์ความกังวลมันห้ามกันไม่ได้ สภาพจิตใจเขาอ่อนไหวขึ้นจากการย้อนความและเรียบเรียงมันออกมาในรูปแบบสื่อ และต่างคนต่างก็รับรู้ถึงเรื่องข้างต้นทั้งหมด


          สมองนั้นไม่พร้อมสำหรับการใช้หลักการดังกล่าวเอาเสียเลย...


          สุดท้ายก็มีแต่คำอธิบาย ไม่ได้ช่วยผ่อนความเคร่งเครียดได้


          เขาหัวเราะแก้เก้อ สวมใส่เครื่องแต่งกายที่พัฒนามาเป็นองค์ประกอบสำคัญของตนเองระหว่างนั้นย้ำเตือนความไม่ชินชาต่อการสัมผัสผู้คนโดยตรงอีกครา


         แต่ก็ทำได้แค่ยอมรับมันนี่


          แล้วภาพซึ่งสะท้อนผ่านดวงตามีการแปรเปลี่ยนไปตามความคิดที่เริ่มตกตะกอนของเธอ...


          ริมฝีปากเตรียมจะเปิดออกเพื่อเป่าความขุ่นมัวนั่นออกเขารู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีความจำเป็นว่าจะต้องจริงจัง กระนั้นก็ไม่มีประสบการณ์การควบคุม ด้วยจำนวนครั้งที่ทำตามใจสนองซึ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน



          งั้นเอาแบบนี้


ทว่าโทปาซนั้นเร็วกว่า


          จุ๊บ!


          เขานิ่งการตอบสนองรวนราวกับกระแสไฟฟ้านับล้านซึ่งถูกสร้างจากคำสาปโลดแล่นไปแทบทุกส่วน สร้างรอยสีระเรื่อไว้ ณ ทุกแห่งที่ผ่าน ในขณะเดียวกันก็ขโมยสัมปชัญญะไปชั่วครู่


          ส่วนหนึ่งของเตียงยวบลงกระแสซึ่งตาเปล่ามองไม่เห็นดึงพวกเขาออกห่างกัน อุณหภูมิอันเนื่องมาจากเลือดที่สูบฉีด ร่วมกับเสียงลมหายใจติดขัดซึ่งดังก้องไปทั่วโสตประสาทแล้วก็หักล้างทุกอิทธิพลของเครื่องปรับอากาศ


เฮ้...เขาเอ่ยเสียงกระเส่า สายตาไม่ละออกจากตัวการที่กำลังคั่นกลางระหว่างโทปาซและองค์ประกอบอื่นของบรรยากาศ


ให้ตายเถอะ


ทั้งๆที่เป็นแค่ตุ๊กตาแกะแท้ๆ...


นั่น... มันอะไรกันน่ะ?


          มันร่อนตัวลงขยับไปตามมือซึ่งแสดงออกถึงสภาพอารมณ์อีกฝ่ายกลายๆ ขณะดวงตาซึ่งสะท้อนราวอัญมณีคู่นั้นหลุบลงมองมือเขาแทนใบหน้า


          จิตวิญญาณ Girl Boss ในตัวฉันที่หายไปภายในเสี้ยวนาที...เธอกล่าวตอบ น้ำเสียงคล้ายมองว่าเป็นเรื่องขบขันและน่าอายไปในขณะเดียวกันเสียงหัวเราะแห้งดังขึ้นเล็กน้อยช่วงท้ายวลี


         การทำตามสัญชาตญาณคงกระตุ้นให้สติสัมปชัญญะเลือนหายไปครู่หนึ่งมันเป็นครั้งคราวที่คนเราจะเกิดความคิดยกเลิกอดีตในทันทีที่มันผ่านพ้นมาแล้ว เธอที่บัดนี้กำลังปิดใบหน้าด้วยตุ๊กตาก็คงรู้สึกตามนั้น


          ริ้วแดงบริเวณปลายหูโทปาซกำลังเลียนแบบสีของจิวใบโพแดงซึ่งสวมใส่อยู่ กอปรกับโทนสีอ่อนๆของเกราะกำบังนุ่มนิ่มนั่นแล้วก็ยิ่งเด่นชัดกว่าเดิม ไร้ซึ่งประสิทธิภาพในการปกปิดตัวตนจากความเขินอายที่แทบจะกลืนกิน


          มุมปากเขาเผลอยกขึ้นอีกคราคงไม่วายโดนเอ็ดในอนาคต แม้ว่าแท้จริงแล้วจะอยู่เหนือการควบคุมไปโดยปริยายก็ตาม


          สรุปว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันล่ะ?


          นี่ เดี๋ยวเหอะ...


          สีหน้าซึ่งไม่ได้เห็นบ่อยนั้นบันเทิงกว่าความคาดหมาย ตั้งแต่นาทีที่ภาษากายเธอเปลี่ยนก็หลงลืมความเก้อเขินในคราแรกไปเสียสนิท มันถูกแทนที่ด้วยความเอ็นดูซึ่งไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้


         ราวกับว่าเป็นโอกาสในการแหย่กลับอย่างไรอย่างนั้น...


          แอรีสยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากตนเองที่ยังส่งเสียงออกมาเบาๆ


          งั้นจะเอาน้องกลับไปก่อนไหม?


          แบบนั้นเธอก็จะไม่มีโล่บังหน้านะ


          “แอรีส!”


          เขาทรุดลงเล็กน้อยหลุดหัวเราะออกมาเต็มเสียงเสียจนโทปาซแทบคำรามใส่


         มันอดไม่ได้จริงๆ

 


___

 


ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะเคร่งเครียดอีกครั้ง— ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นเทียบเทียนสภาพเมื่อตอนเช้า ทว่าก็ไม่สามารถปฏิเสธว่ามันไม่มีอิทธิพลอะไร


เสียงถอนหายใจเป็นสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบเป็นช่วงๆ...


แค่ต้องอยู่กับมัน เดี๋ยวก็จะคลี่คลายเอง


แกะประดิษฐ์บนตักขยับเล็กน้อยเมื่อท่านั่งเปลี่ยน— มันทำหน้าที่ประหนึ่งสิ่งจรรโลงใจยามถ่ายทอดเรื่องราวผ่านปากกาสไตลัส ลดหย่อนความแข็งกร้าวทางอารมณ์ทุกครั้งที่เอื้อมมือลงไปสัมผัส ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งเคาะจังหวะเมื่อการเรียบเรียงชะงักงัน


เอสธาร์ยังคงหลับอยู่ในห้อง และโทปาซก็กลับไปจัดการเรื่องบทความลงวารสารของตนเองต่อ- มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การทบทวนตนเอง


การจะสร้างประเด็นอย่างแนบเนียนจำเป็นจะต้องใช้กลยุทธิ์การค้า— บอกใบ้ความเป็นไปได้ที่ส่วนใหญ่จะมองข้าม แทรก Easter Egg ไว้ประปราย เช่นเดียวกับการเปิดเรื่องหลอกคนดู


โทนเรื่องจะต้องดีในช่วงแรก...


และจะดีแค่ในช่วงนั้น


'ส่งดราฟท์หนึ่งของ Act แรก ถ้าผ่านแล้วบอกก่อนส่งต่อให้ชมรมการละครนะ'


          ข้อความจากชมรมวรรณกรรมผ่านแอปพลิเคชันสื่อสารกำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา— เผยแพร่อิทธิพลของปัญหาส่วนตัวไปสู่ส่วนอื่นของร่างกาย และถูกรับรู้ได้โดยการเกร็งหัวไหล่พร้อมกับกำหนดลมหายใจ


          ยามเสียงกดเมาส์ดังขึ้นอีกครา ทัศนียภาพโดยรวมก็แคบลงทันที


          ท่วงทำนองซึ่งคลอไปกับเสียงเครื่องปรับอากาศอาจช่วยชโลมใจเขาได้— ตามคำแนะนำของนักบำบัดในอดีตก็ควรเป็นเช่นนั้น หากแต่ตัวเขาไม่เคยทดสอบมันกับประสบการณ์ส่วนนี้


          การกล่าวถึงแบบคร่าวๆน่ะย่อมมีอยู่บ้าง แต่การเผชิญหน้าโดยตรงก็เป็นอีกเรื่อง


         คงเป็นหนึ่งในน้อยสิ่งซึ่งชายหนุ่มไม่อาจเอาชนะด้วยเหตุผลได้


          สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือความสอดคล้องกับการโฆษณาที่อาจเบี่ยงเบนจากประเด็นหลักออกมาเล็กน้อย— แม้จะเป็นส่วนแรกเริ่ม แต่ก็ต้องนำเสนอให้เห็นถึงแนวโน้มการผันแปรของเรื่องราว พวกเขาต้องร่วมส่งต่อมันไปสู่คนดูให้ได้มากที่สุด


          ยังดีที่ส่วนรายละเอียดอาจละเว้นไว้ให้คนจากชมรมซึ่งเชี่ยวชาญกว่าจัดการได้...


          ชายหนุ่มรวบรวมความคิด มือบรรจงพิมพ์คำสำคัญที่ต้องการคำนึงถึงในการตรวจหนีบปากกาสไตลัสไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางไปในขณะเดียวกัน มันจะมีประโยชน์ในตอนที่บันทึกรายละเอียดสำคัญซึ่งลำบากเกินกว่าจะพิมพ์ลงในไฟล์


          หลังจากนั้นก็—


          ติ๊ง!


          แอรีสสะดุ้ง


         หืม?


ดวงตามหาสมุทรคู่นั้นเหลือบมองเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์— เลิกคิ้วพลันเห็นว่าเป็นการคอลกลุ่มจากคนที่สนิทด้วย ความสงสัยทวีคูณยามตระหนักได้ว่าช่องแชทดังกล่าวนั้นหาใช่ของชมรม


         ‘กลุ่มงานวรรณกรรม เดี๋ยวก็ลบ เชื่อดิ’


         มีใครคิดเปลี่ยนตั้งแต่ขึ้นเกรด 10 จริงๆด้วยแฮะ...


ใช้เวลาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับมือซ้ายไปยังปุ่มเข้าสายปิดกล้องทันทียามการเชื่อมต่อสำเร็จ แล้วจึงกลับสู่งานที่ทำค้างไว้


          [อ้าว— พี่ ดีฮะ]


          “ว่าไง”


[ตรวจอยู่เหรอ? พยายามอย่าอินมากนะ] รุ่นน้องเขาทัก— ประสาทการได้ยินคงทำประโยชน์ให้กับเอพริล เพียงเสียงคีย์บอร์ดที่เกิดขึ้นถี่ๆก็ดึงสมมติฐานขึ้นมามีตัวตนในหัว และด้วยอุปนิสัย หากจะไม่พูดออกมาก็คงแปลก


          เขายกปลายนิ้วขึ้นจากคีย์บอร์ด ก่อนจะเอ่ยตอบไปด้วยอย่างราบเรียบ


"พูดมันง่ายกว่าทำอยู่แล้วนี่"


[เฮ้ย เราทุกคนเชื่อมั่นในแอรีส โจนาห์]


[อันนี้กวนตีนหรือพูดจริง?]


[อย่าช็อตฟีลดิพี่ เนี่ย บรรยากาศเสียหมด]


[เอพริล ไอ้—]


          ความวุ่นวายขนาดย่อมเรียกเสียงหัวเราะได้จากเขาและทากิฮิโระ— รายนั้นพยายามกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดสู่สายและเปิดโปงตนเองว่าที่จริงแล้วชอบใจเวลาเห็นนิมูเอลหงุดหงิด


          [เออ คือแค่จะแว๊บมาบอกว่ามีคนไม่พอใจเฉยๆ มันต้องซุบซิบ]


          [เรื่อง?]


          [งาน บอกว่าเหมือนโดนจับไปร่วมกับคนที่ไม่ชอบ]


          คิ้วเขาเลิกขึ้น


          “แต่ก็รับสินะ” แล้วเสียงหลุดหัวเราะก็เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก


          [พี่มันสายไม่เลือกงานไม่ยากจน แต่ให้พูดตรงๆก็เหมือนอคติไตเติลมากกว่าตัวบุคคลน่ะนะ ยิ่งเป็นประเภทที่พอไปยุ่งก็อาจมีเรื่องกับอาจารย์ได้ง่ายสุดๆด้วย แถมรายนั้นก็นะ— พ่อโรบินฮู้ดที่ไม่ได้ชอบเมดแมเรียน ลุคแสบๆร้ายๆ ฟรีแลนซ์แบบมี Devil Contract เป็นสัญญาว่าจ้าง ]


          อิมิเลียง แบงส์รู้ดีว่าสาเหตุที่ตนเองถูกแนะนำนั้นไม่มีเรื่องการแก้แค้นเข้ามาเกี่ยว มันดำเนินไปเช่นกันด้วยคุณสมบัติและเรทราคาของงานที่เหมาะสมกับรายนั้นเสียด้วยซ้ำ ใช่ว่าเขาจะหาเรื่องคนที่ไม่มีประเด็นบาดหมางกับตนเอง— ความเจ้าคิดเจ้าแค้นกับมิตรนั้นเป็นเพียงการเอาคืนเล็กๆ เขามีขอบเขตชัดเจนที่ปฏิบัติตามอยู่แล้ว


          อย่างไรก็เถอะ... คงต้องไถ่โทษที่ดันแนะนำไปให้คนซึ่งไม่น่าจะถูกคอด้วย


          อาจจะเกลี้ยกล่อมให้ลดอคติกับแอนโธนี่ไประหว่างนั้นด้วย— จากนิสัยก็ใช่จะขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง แค่มีบทบาททางสังคมภายในโรงเรียนแตกต่าง


         บางทีก็อาจจะเข้ากันได้มากกว่าที่คิด


          [ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!]


          [อุ๊ย! ธุระเข้า]


          [แกก็ไปไวเหลือเกินนะ]


          [ม้าเพิ่งเคาะประตูเรียกเมื่อกี้เนี่ย จะอยู่เป็นเพื่อนรีสก็ไม่ได้ มีหวังโดนบ่นหูชา]


          [ไปชวนงานม้าเถอะเอพริล เดี๋ยวคุมๆแอรีสให้]


          [เออ ทำตัวกตัญญูบ้าง คราวก่อนเพิ่งทำจานน้าเขาแตกไปนี่]


          [เคจ้า บายนะพี่ๆ ขอให้โชคดี]


          สิ้นเสียงแจ้งเตือนออกจากการโทรของเอพริล ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบ— ท่วงทำนองที่แพร่ผ่านลำโพงนั้นยังดำรงอยู่ในสาย เพียงแต่ทากะฮิโระและนิมูเอลต่างก็ไม่เปิดบทสนทนาใหม่


          ราวกับว่ารอคอยให้เขาแสดงสัญญาณอะไรออกมาก่อน...


          ราวกับว่ารู้ใจ  


          หางตาที่เหลือบเห็นว่าต่างคนต่างเปิดกล้องขณะทำกิจกรรมของตนเองชวนให้นึกถึงความทรงจำในอดีต เมื่อเวลาผ่านไปการหาเวลานัดทำอะไรแบบนี้ร่วมกันก็ยากขึ้น ยิ่งกอปรกับปัจจัยละเอียดอ่อนบางประการก็ยิ่งทำให้เจอกันจริงๆแค่ตอนเข้าชมรมเท่านั้น— เขาไม่ชอบบังคับคนด้วยนี่นะ


          แอรีสได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะทุเลาลงยามเปิดม่านโรงละคร— อย่างน้อยก็สมานบาดแผลของทากะฮิโระและยับยั้งไม่ให้ความร้ายแรงของมันกระทบส่วนอื่นซึ่งเจ้าตัวรัก ปีการศึกษาสุดท้ายไม่เหมาะสมกับอะไรทำนองนั้น


          “อย่าเงียบสิ” เขากลั้วหัวเราะ


          [แล้วใครคนเงียบก่อน?]


          “เอพริล”


          [ทากะ ดูมัน— ดูหน้าที่ต่อให้ไม่เปิดกล้องก็เห็นว่ากำลังนิ้มไร้เดียงสาอยู่ของมัน]


          [เออ ภาพในหัวชัดมากพวก... แต่ถ้าเครียดก็บอกพวกฉันด้วย อันนั้นไม่เปิดกล้องก็ไม่เห็นหรอกนะ


          “อืม รู้แล้ว” แอรีสผงกหัวกับตนเอง


          เขากลับไปจดจ่ออยู่กับหน้าจอ ตัวอักษรมากมายจมลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทรพร้อมกับท่วงทำนอง— สมาธิซึ่งถูกทำลายเป็นช่วงๆด้วยเสียงขีดเขียนบนกระดาษของนิมูเอลนั้นไม่มากพอที่จะดึงความสนใจไปเสียหมด มันป้องกันไม่ให้ตัวเองดำดิ่งลงไปเสียด้วยซ้ำ มีประสิทธิภาพกว่า


          ความทรงจำซึ่งได้รับการกระตุ้นผ่านข้อความส่งผลโดยตรงแก่การหายใจ กระนั้นเพียงทำจิตให้สงบสักนาทีก็ช่วยเหลือได้พอประมาณ— เสียงดังกล่าวคงเข้าสู่โสตประสาทของเพื่อนทั้งสองเป็นแน่แท้ ถึงได้มีประเด็นสัพเพเหระแทรกเข้ามา


          แอรีสค่อนข้างโล่งใจที่มุมมองของเขาถูกนำเสนอเพียงส่วนเดียวในเรื่องราวทั้งหมด...


          มันมีจุดประสงค์แค่เพื่อเปรียบเทียบมาตรฐานของเคนเนดี้ จะมีพื้นที่มากหรือน้อยก็ไม่สำคัญเทียบเท่าผลกระทบของมันแก่คนดู...


          เป็นนาทีการตรวจสอบที่คุ้มค่าอย่างบอกไม่ถูก


          เขาจิบน้ำหลังกดปิดไฟล์ลง— พยายามชโลมใจด้วยมันระหว่างพิจารณาข้อความที่จะพิมพ์ตอบกลับอีเมลไป



          ปกติแล้วอีเมลมันมีรูปแบบเฉพาะนี่นะ...


          หากเป็นการติดต่อเรื่องงานอาจต้องใช้รูปแบบเป็นทางการ ทว่าด้วยระดับภาษาของอีกฝ่ายและความจริงจังของงานในส่วนนี้แล้ว การจะทำเช่นนั้นคงสร้างความรู้สึกกระอักกระอ่วนก็เป็นได้


         อืม— แบบธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ


         [นี่ เสร็จยัง?] ทากะฮิโระโพล่งขึ้น


          “เหลือแค่ตอบเมล เขาเขียนตรงตามบรีฟเลยไม่มีอะไรต้องแก้น่ะ”


          [ดีแล้ว]


          “ก็นะ... ฝากพวกบรีฟกับผู้กำกับแทนด้วยล่ะ”


          [อืม]


         แล้วปลายนิ้วเขาก็กดลง ณ ปุ่มส่งอีเมล


‘เรียบร้อย ไม่มีส่วนไหนต้องแก้นะ’


          ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทางโทปาซเบนออกจากอำนาจการควบคุมของเคนเนดี้ ผู้อำนวยการรับทราบเรื่องการร้องเรียนอาจารย์ที่ปรึกษา ชมรมที่ปรึกษาได้ความร่วมมือจากอีกสองชมรม และทางกรรมการนักเรียนก็เพิ่งจะประกาศเรื่องชมรมไปด้วย


อีกไม่นานแล้วสิ...


 [สรุปคือเป็นไง?] นิมูเอลเอ่ยถาม


คำตอบแรกของเขาคือเสียงหัวเราะเบาๆค่อนไปทางสับสน ด้วยอารมณ์หลายอย่างที่รู้สึกในคราวเดียวกัน


แปลก... เหมือนทริกเกอร์นิดๆ แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ก็อยากตรวจเองอยู่ดี


ชักรู้สึกเหมือนตัวร้ายชอบกล...


บางทีมุกดาร์กไซด์นั่นอาจเป็นจริงขึ้นมาล่ะมั้ง


 

                   

          

 

ตอนนี้อาจจะเห็นได้ชัดเจนสุดว่า dynamic เริ่มเปลี่ยนตอนที่เอามาเทียบกับช่วงแรกๆ แหละนะคะ

พอสนิทกันมันก็เผยตัวตนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างแสดงด้านที่เพื่อนสนิทเห็นกันออกมา

ของปาซนี่เวลาเป็นกันเองก็สังเกตได้ว่าเป็นประเภทที่แสดงความกล้าแบบ ride or die ค่ะ ถ้าครั้งไหนเริ่มครินจ์หรือเขินก็จะ regret ทันที

 ในขณะที่รีสจะเน้นแสดงออกแบบเนิบๆ ถึงจะไม่มาก แต่ก็ชัดเจนว่าทรีตแตกต่างจากคนอื่น

เครสชอบแต่งโมเม้นต์เวลาเขาพึ่งพากันมากๆ เลยล่ะค่ะ ความรักที่มีมิตรภาพร่วมด้วยมันนุ่มฟู ;;

อีกอย่างก็คือเครสเลือกนำเสนอทั้งสองคนผ่านมุมมองที่ต่างกันด้วย ไม่แน่ใจว่าเห็นกันรึเปล่านะคะ

เพราะเริ่มจาก pov ของปาซเลยจะเห็นส่วนข้อเสียก่อนข้อดีของยัยน้อง เพราะเจ้าตัวโฟกัสอันนั้นมากกว่า

ส่วนของแอรีสจะเป็นตรงกันข้าม แรกเริ่มจะเป็นในมุมมองโทปาซ พอเริ่มเปิดความคิดเค้าก็จะเห็นว่าเจ้าตัวมีข้อเสีย

แต่ออกแนวพยายามปรับตัวให้ดีขึ้นเสมอ ไม่โฟกัสส่วนดีหรือส่วนเสียเป็นพิเศษ


และใช่ค่ะ เครสช้าอีกแล้ว รอบนี้มาปลายปีเลยด้วย ยังไงก็สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ขอให้พบเจอเรื่องดีๆ

และทิ้งสิ่งแย่ๆ ไว้ในปีเก่ากันนะคะ เครสเองก็หวังว่าจะแว๊บมาแต่งได้บ่อยขึ้น

( แต่ว่าตอนนี้ขอเคลียร์เรื่องมหาลัยก่อนค่ะ ติดเถอะนะ ผลงานเยอะขนาดนี้แล้ว อ้ากกสกสส ;; )


ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×