ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : 09 – idyllic. (2)
การสร้างกล้ามเนื้อเป็นไปด้วยความรวดเร็ว— อิทธิพลของประเภทต้นตระกูลอาจมีส่วน
ด้วยโครงสร้างที่ถูกกำหนดมาให้รองรับพลังงานมหาศาลได้
ด้วยเหตุนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจสำหรับพัฒนาการของโทปาซ เมื่อบวกกับการที่เจ้าหล่อนมักทุ่มสุดตัวก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย
“น่าแปลกที่พวกมิกซ์ไม่ได้ดูข้อมูลต้นตระกูลเท่าไหร่” เสียงหวานดังขึ้น— ใบหน้าซึ่งถูกชโลมด้วยน้ำแร่กำลังรับลมจากมุมริมหน้าต่างอย่างเงียบสงบ
กระทั่งบางอย่างกระตุ้นความสงสัยอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย
ผ้าขนหนูผืนเล็กคือคำตอบแรกของเขา...
“ส่วนใหญ่จะเน้นเทรนพื้นฐานกับอิงผลลัพธ์จากการทดสอบมากกว่าน่ะ
เรื่องยิบย่อยมันละเอียดอ่อนเกินไป
และหน้าที่หลักของพวกเขาก็เกี่ยวกับพวกนักกีฬามากกว่าด้วย”
ชุดวอร์มที่เริ่มสูญเสียประสิทธิภาพของมันไปในทุกๆวันกำลังถูกบดบังโดยสองมือซึ่งพยายามเช็ดหน้าอย่างระมัดระวัง— เส้นเลือดที่เด่นชัดและกรงเล็บนั่นดึงดูดความสนใจของเขาบ่อยเกินความจำเป็น
“พูดถึงพวกนักกีฬา...
บางทีฉันควรจะถามพวกเขาว่าควรใช้ชุดวอร์มของที่ไหน” เธอถอนหายใจ
คงรับรู้ได้เช่นเดียวกับเขาเรื่องเครื่องแต่งกาย
“อยากให้มันโคกับคำสาปมากกว่านี้?”
“ก็ส่วนหนึ่ง ความจริงมันเอนไปทางความสะดวกมากกว่า
ปรับให้เข้ากับคำสาปมันง่ายมาก
ถ้าเทียบกับตารางฝึกที่เป็นนรกของคนไม่เคยออกกำลังกายน่ะ”
“ตอนทดสอบสมรรถภาพก็ดันใส่เต็มแรงเลยนี่”
“อึ๋ย...” ริมฝีปากน้อยๆนั่นเบะออก
แสงซึ่งตกกระทบผ่านอัญมณีหักเหออกห่างจากดวงตาเขา— ความสนใจทางสายตาแปรเปลี่ยน
แม้ว่าส่วนอื่นของร่างกายจะตอบสนองตรงกันข้าม
“ปกติออก” แอรีสกล่าวเสริม
“อย่าเพิ่งแสนดี
นึกถึงกี่รอบฉันก็อายจะตายชัก”
ตอนแรกก็ว่าไม่ใช่เรื่องจริงจัง... แต่เขาอาจคิดน้อยไปในเรื่องนี้
กรงเล็บซึ่งทิ้งร่องรอยไว้ ณ
กางเกงวอร์มสีหวานกำลังเคลื่อนไปตามมือที่กลายเป็นเครื่องระบายอารมณ์
ท่ามกลางความเงียบงันของมุมหนึ่งในโรงยิมก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดเล็กน้อย-
เสียงในลำคออันแผ่วเบานั่นชัดเจนพอที่จะทำให้สายตาเขาเคลื่อนลงมองมือตนเอง
ปลายนิ้วของถุงมือเคลื่อนไปตามแรงดึงดูด...
เพียงเสี้ยววินาทีที่ใกล้กว่าควร
ความสนใจซึ่งปรารถนาก็ส่งสัญญาณว่าตัวเขาสามารถชักมันกลับได้
“ขอโทษนะ” แอรีสกล่าว
มองอีกคนที่ค่อยๆผูกโบระหว่างคิ้วตนเองพลางระมัดระวังภาษากาย
"อะไรเล่า?" ปลายเล็บเธอแตะลง ณ ถุงมือเขา—
แลกเปลี่ยนสัมผัสเล็กๆน้อยๆที่ได้รับไปเมื่อครู่ด้วยวิธีของตนเอง
“ไม่ต้องหรอก
ต่อให้ไม่ใช่นายมันก็ต้องมีคนพูดถึงอยู่ดี”
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ—"
"I'm cringe,
but I am free"
“...”
“ให้เวลาสักนาทีหนึ่งก็ดีขึ้นเองแหละน่า”
ถ้าคิดแบบนั้นล่ะก็...
ชายหนุ่มผงกหัวตอบรับไป แล้วจึงเอนศีรษะพิงผนัง— ปล่อยตัวสบายยามไม่มีเรื่องต้องกังวล
ดื่มด่ำบรรยากาศที่แม้จะไม่ตรงตามมาตรฐานของความผ่อนคลาย กระนั้นก็หาได้ย่ำแย่ในสายตาของคนที่เพิ่งผ่านตารางฝึกในวันพิเศษ
เพราะว่าหนึ่งในบุคลากรมีธุระด่วนช่วงนี้
จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร...
เขาโบกมือให้คนรู้จักเมื่อสบตากับอีกคน ณ
ฟากหนึ่งของโรงยิม
แต่ดูเหมือนพวกนักกีฬาจะไม่ลำบากเท่าแฮะ
“จะทำอะไรหลังจากนี้ไหม?”
“หมายถึงฝึก?”
“ก็ถามโดยรวมน่ะนะ...
ต่อให้อยากฝึกเองต่อก็ทำได้นี่”
“ขอร้อง ใครมันจะบ้าพลังขนาดนั้น?”
“เอ้า” เขากลั้วหัวเราะ
ใครจะไปรู้ อะดรีนาลีนของเธออาจถูกกระตุ้นด้วยความมุ่งมั่นก็เป็นได้?
เขาในตอนแรกก็เผชิญกับสภาพเช่นนั้นนี่นะ...
อำนาจในการควบคุมตนเองที่กลับมาอยู่ในกำมือมันหอมหวาน— เป็นสัมผัสซึ่งอาจสูญเสียอิทธิพลของมันไปในปัจจุบัน
ทว่าก็ไม่อาจลืมเลือนได้
“ตามบทแล้วฉันต้องเป็นคนที่ถูกเตือนมากกว่าไม่ใช่เหรอ?”
“หืม? มันไม่มีกฎตายตัวสักหน่อยนี่ เราผลัดกันก็ได้”
“โอ้ พ่อดาร์กไซด์— เอางั้นก็ได้”
การกลอกตาที่ตามมาด้วยมุมปากซึ่งกระตุกขึ้นนั้นหลอกล้อเขาพอๆกับน้ำเสียง— ฉายาเฉพาะตัวอันแปรเปลี่ยนทำให้แอรีสอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน
เขาตระหนักได้ว่าเจ้าหล่อนไม่มีความคิดยกยอด้าน ‘แสนดี’ นั่น
และเหตุการณ์นี้ก็รองรับข้อเท็จจริงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ในสายตาของคนเจ้าคิดเจ้าแค้นคนหนึ่งน่ะ
ไม่ว่าอย่างไรโทปาซก็ดูเข้าข่ายนิยามของมันมากกว่า...
แต่นี่ไม่น่าใช่จังหวะที่เหมาะสมแก่การขัดอารมณ์
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...” แอรีสกล่าว
เตรียมเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องสัพเพเหระเข้าสู่หัวข้อสำคัญ
“เอาแบบนี้ดีกว่า”
“แบบนี้?”
“ไปบ้านฉันไหม?”
สกายบลูโทปาซสะท้อนผ่านนัยน์ตาเขา— ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อความสนใจเบนกลับมายังจุดจุดเดียว
ดำรงอยู่เช่นนั้นราวกับกำลังพินิจบางอย่างอยู่
ซึ่งหากไม่ใช่ใบหูที่ขึ้นสีระเรื่อของเขาก็คงเป็นเนื้อความของสารที่เอ่ยออกมา
“หมายถึงเรื่องเอกสาร?” โทปาซเลิกคิ้ว
“ใช่ ถือเสียว่าไปดูคร่าวๆก่อน เรายังไม่ได้นัดวันกันเลยนี่”
“อ้อ”
ด้วยสถานการณ์แล้ว...
การจะตีความเป็นอย่างอื่นนั้นก็คงเป็นเพียงการจับประเด็นผิดจุดเท่านั้น
ทว่าสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าตนเองเผลอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
___
เนื่องด้วยการนัดหมายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน— แทรกซ้อนขึ้นมาท่ามกลางความวุ่นวายซึ่งซาลงด้วยการอุบัติของเหตุใหม่ในเวลาใกล้เคียง
ความเตรียมพร้อมของพวกเขาจึงแทบไม่มีตัวตนในการศึกษาเอกสารมากมายภายในห้องส่วนตัว
ชายหนุ่มอ่านทวนเนื้อหาที่จำได้อย่างขึ้นใจ
ในห้วงความคิดเต็มไปด้วยคำสำคัญ— คาดหวังว่าจะเน้นย้ำด้วยปากกาให้อีกฝ่ายจับประเด็นหลักที่ถูกนำมาบูรณาการกับทฤษฎีส่วนตัว
“นุ่มอ่ะ”
แต่แล้วมันก็ถูกกลบด้วยอารมณ์ขบขันไปเสียหมด
เสียงหัวเราะกระตุ้นให้ริมฝีปากน้อยๆของเธอเบะออกมา— มือซึ่งกอดตุ๊กตาแกะตัวกลมอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้นยามใบหน้าที่ย่นลงจากปฏิกิริยาของเขา
แสร้งทำเป็นไม่พอใจดั่งทุกการหลอกล้อในอดีต
มุมปากยกขึ้นแทนที่หน้ากระดาษของเอกสาร แล้วมันก็ถ่ายทอดความรู้สึกเอ็นดูออกมาเมื่อคราวแสดงความเห็น
“อย่าขโมยแกะฉันสิ” ต่อให้มันจะกลายเป็นหมอนที่ถูกทับจนแบนทุกค่ำคืน
ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้คนอื่นครอบครองได้— ข้าวของที่ทนทานต่ออิทธิฤทธิ์ของคำสาปยิ่งน้อยๆอยู่
อีกทั้งเขายังไม่มีแนวโน้มจะบริจาคในเร็วๆนี้ด้วย
ถึงภาพตรงหน้าจะจรรโลงใจขนาดไหนก็เถอะ
“แต่ฉันรักเขา”
“งั้นหรอกเหรอ?”
“อืม หยุมสนุกมาก”
ทุกการเคลื่อนไหวเข้าสู่โสตประสาทได้อย่างง่ายดาย—
ภายใต้ความเงียบนั้นคือบางสิ่งบางอย่างที่พร้อมปะทุทุกเมื่อ
เรียงร้อยออกมาเป็นวลีหลากคำในหัวยามความสนใจถูกเบี่ยงเบน
อ่า...
"ดูหน่อย"
เสียงซึ่งถูกเอ่ยออกมาประหนึ่งงัวเงียดังขึ้นเคียงข้าง
ดวงตาที่มองข้ามไหล่เขามายังเอกสารในมือลอบสังเกตบริเวณเลือดฝาดเป็นระยะๆ พยายามรักษาความห่างอย่างแนบเนียนที่สุด
"เห็นไหม?"
"อ-อืม"
“อันนี้เป็นพวกสรุปข้อมูลสำหรับต้นตระกูลที่เข้าข่ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม— เข้าข่ายของเธอด้วย
ถ้าไม่นับตรงพืชปรสิตน่ะนะ”
“น่าจะ
ฉันคิดว่าอาการคลุ้มคลั่งของมันมาจากการที่ร่างจริงยังได้สติอยู่”
สอดคล้องกับการได้รับขนานนามว่าเป็นสายพันธุ์ที่พยศที่สุด—
'แอนเดรีย'
เป็นสกุลของวงศ์ตระกูลอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจและพละกำลังตั้งแต่ระดับพลังงานเวทมนตร์ของสมาชิกไปจนถึงตำแหน่งในแวดวงสังคม
ถึงจะไม่ได้เข้าข่ายธุรกิจพันล้าน
แต่ภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามนั่นก็อีกเรื่อง...
เมื่อนำมารวมกับข้อมูลบางส่วนที่ได้จากหนังสือและงานวิจัยอ้างอิงแล้วจึงเข้าใจกลไกการวิวัฒนาการ—
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสมเหตุสมผลจากมุมมองของผู้อยู่เหนือทุกอย่าง
การปั่นป่วนของไม้ปรสิตสอดคล้องกับพลังงานซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างสูงและผันแปรไปตามอารมณ์...
ทฤษฎีของโทปาซอาจเป็นความจริง— ต้นเหตุอาการคลุ้มคลั่งนั่นคืออำนาจในการควบคุมตนเองซึ่งสลายไปเรื่อยๆ
เธอแค่นหัวเราะ
อารมณ์ตลกร้ายคงถูกกระตุ้นด้วยความเห็นที่ถูกเชื่อมโยงอย่างง่ายดาย
น้ำหนักที่ทิ้งลงบนเตียงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย...
"แบบนี้น่าจะถนัดกว่า"
เขาเอ่ย
พื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอกำลังส่งผลกระทบต่อตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลง—
มันทุลักทุเลประมาณหนึ่งในคราวที่ชายหนุ่มขยับตัวเข้าไปใกล้
ปลายนิ้วแตะกันในจังหวะที่ระยะห่างลดลง
และสัมผัสซึ่งทอดทิ้งไออุ่นบนใบหน้าก็ได้สร้างรอยยับให้แก่แผ่นกระดาษในมือ
"อ่าฮะ"
เขาโคลงศีรษะ อิงหลังกับหัวเตียงในเวลาต่อมาอย่างแนบเนียน
“แต่คำถามคือ...
ตัวต้นตระกูลมันคือตัวที่โดนปรสิตสิงหรือว่าตัวปรสิต?”
“Yes”
"..."
"มันเป็นไปได้"
แต่ความจริงจังของเธอน่ะตรงกันข้ามเลยไม่ใช่หรือไง?
กล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ถูกกระตุ้นเล็กน้อยนั่นได้เรียกความพึงพอใจจากโทปาซ—
มันเกิดขึ้นอีกครั้งยามเห็นว่าอ้อมกอดนั้นถูกกระชับแน่นขึ้น
เสียงแค่นหัวเราะคราหนึ่งเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากยามเผลอเอื้อมมือไปยังเรือนผมที่เริ่มจะยุ่งเหยิง
ไม่สิ...
"เป็นด้านดีกับด้านร้ายว่างั้น?"
"มันไม่ใช่ฉัน
มันคือฝาแฝดตัวร้าย— อีกคนหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงแอนดี้”
การพยักหน้าในจังหวะเดียวกับที่มือหักออกจากทิศทางเดิมไปยังอุปกรณ์เวทมนตร์อาจไม่แนบเนียน— ความอบอุ่นบริเวณแก้มของแอรีสกำลังถูกกระตุ้นด้วยจังหวะหายใจที่ไม่เป็นธรรมชาติ
เขาพยายามให้ความสนใจกับบทสนทนาเป็นหลัก ทว่าความว้าวุ่นใจกลับเป็นอุปสรรคเกินที่คาดหมายไว้
เกือบไป...
“แอรีส”
“ครับ?”
“กอดแกะไหม?”
องศาคางเขาเปลี่ยน— ยามช้อนขึ้นมองก็เห็นแววตาซึ่งกระตุ้นให้ยิ้มแห้งออกมา
ความกังวลของโทปาซกำลังถูกแสดงออกมาให้รับรู้
ริมฝีปากเม้มแน่นหลังเอ่ยด้วยความประหม่า ดวงตาสลับมุมมองระหว่างใบหน้าเขาและฟูกเตียง
ปลายเล็บฝังลงเนื้อตุ๊กตาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ไม่เขาสูญเสียความสามารถในการปกปิด
หรือเธอดันสังเกตกันอยู่ตลอด...
“แต่ว่ากอดอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นมันสำคัญที่ไหนกันเล่า?”
แอรีสใช่ว่าจะไม่ชินกับการจัดการพลังงานลบของตนเอง
เพียงแต่การย้ำเตือนข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นแลดูไม่มีประโยชน์— ความกังวลมันห้ามกันไม่ได้
สภาพจิตใจเขาอ่อนไหวขึ้นจากการย้อนความและเรียบเรียงมันออกมาในรูปแบบสื่อ
และต่างคนต่างก็รับรู้ถึงเรื่องข้างต้นทั้งหมด
สมองนั้นไม่พร้อมสำหรับการใช้หลักการดังกล่าวเอาเสียเลย...
สุดท้ายก็มีแต่คำอธิบาย
ไม่ได้ช่วยผ่อนความเคร่งเครียดได้
เขาหัวเราะแก้เก้อ
สวมใส่เครื่องแต่งกายที่พัฒนามาเป็นองค์ประกอบสำคัญของตนเองระหว่างนั้น— ย้ำเตือนความไม่ชินชาต่อการสัมผัสผู้คนโดยตรงอีกครา
แต่ก็ทำได้แค่ยอมรับมันนี่
แล้วภาพซึ่งสะท้อนผ่านดวงตามีการแปรเปลี่ยนไปตามความคิดที่เริ่มตกตะกอนของเธอ...
ริมฝีปากเตรียมจะเปิดออกเพื่อเป่าความขุ่นมัวนั่นออก— เขารู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีความจำเป็นว่าจะต้องจริงจัง
กระนั้นก็ไม่มีประสบการณ์การควบคุม ด้วยจำนวนครั้งที่ทำตามใจสนองซึ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
“งั้นเอาแบบนี้”
ทว่าโทปาซนั้นเร็วกว่า
จุ๊บ!
เขานิ่ง— การตอบสนองรวนราวกับกระแสไฟฟ้านับล้านซึ่งถูกสร้างจากคำสาปโลดแล่นไปแทบทุกส่วน
สร้างรอยสีระเรื่อไว้ ณ ทุกแห่งที่ผ่าน ในขณะเดียวกันก็ขโมยสัมปชัญญะไปชั่วครู่
ส่วนหนึ่งของเตียงยวบลง— กระแสซึ่งตาเปล่ามองไม่เห็นดึงพวกเขาออกห่างกัน
อุณหภูมิอันเนื่องมาจากเลือดที่สูบฉีด
ร่วมกับเสียงลมหายใจติดขัดซึ่งดังก้องไปทั่วโสตประสาทแล้วก็หักล้างทุกอิทธิพลของเครื่องปรับอากาศ
“เฮ้...” เขาเอ่ยเสียงกระเส่า
สายตาไม่ละออกจากตัวการที่กำลังคั่นกลางระหว่างโทปาซและองค์ประกอบอื่นของบรรยากาศ
ให้ตายเถอะ
ทั้งๆที่เป็นแค่ตุ๊กตาแกะแท้ๆ...
“นั่น... มันอะไรกันน่ะ?”
มันร่อนตัวลง— ขยับไปตามมือซึ่งแสดงออกถึงสภาพอารมณ์อีกฝ่ายกลายๆ
ขณะดวงตาซึ่งสะท้อนราวอัญมณีคู่นั้นหลุบลงมองมือเขาแทนใบหน้า
“จิตวิญญาณ Girl Boss ในตัวฉันที่หายไปภายในเสี้ยวนาที...” เธอกล่าวตอบ
น้ำเสียงคล้ายมองว่าเป็นเรื่องขบขันและน่าอายไปในขณะเดียวกัน— เสียงหัวเราะแห้งดังขึ้นเล็กน้อยช่วงท้ายวลี
การทำตามสัญชาตญาณคงกระตุ้นให้สติสัมปชัญญะเลือนหายไปครู่หนึ่ง— มันเป็นครั้งคราวที่คนเราจะเกิดความคิดยกเลิกอดีตในทันทีที่มันผ่านพ้นมาแล้ว
เธอที่บัดนี้กำลังปิดใบหน้าด้วยตุ๊กตาก็คงรู้สึกตามนั้น
ริ้วแดงบริเวณปลายหูโทปาซกำลังเลียนแบบสีของจิวใบโพแดงซึ่งสวมใส่อยู่
กอปรกับโทนสีอ่อนๆของเกราะกำบังนุ่มนิ่มนั่นแล้วก็ยิ่งเด่นชัดกว่าเดิม
ไร้ซึ่งประสิทธิภาพในการปกปิดตัวตนจากความเขินอายที่แทบจะกลืนกิน
มุมปากเขาเผลอยกขึ้นอีกครา— คงไม่วายโดนเอ็ดในอนาคต แม้ว่าแท้จริงแล้วจะอยู่เหนือการควบคุมไปโดยปริยายก็ตาม
“สรุปว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันล่ะ?”
“นี่ เดี๋ยวเหอะ...”
สีหน้าซึ่งไม่ได้เห็นบ่อยนั้นบันเทิงกว่าความคาดหมาย— ตั้งแต่นาทีที่ภาษากายเธอเปลี่ยนก็หลงลืมความเก้อเขินในคราแรกไปเสียสนิท
มันถูกแทนที่ด้วยความเอ็นดูซึ่งไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้
ราวกับว่าเป็นโอกาสในการแหย่กลับอย่างไรอย่างนั้น...
แอรีสยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากตนเองที่ยังส่งเสียงออกมาเบาๆ
“งั้นจะเอาน้องกลับไปก่อนไหม?”
“แบบนั้นเธอก็จะไม่มีโล่บังหน้านะ”
“แอรีส!”
เขาทรุดลงเล็กน้อย— หลุดหัวเราะออกมาเต็มเสียงเสียจนโทปาซแทบคำรามใส่
มันอดไม่ได้จริงๆ
___
ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะเคร่งเครียดอีกครั้ง—
ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นเทียบเทียนสภาพเมื่อตอนเช้า ทว่าก็ไม่สามารถปฏิเสธว่ามันไม่มีอิทธิพลอะไร
เสียงถอนหายใจเป็นสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบเป็นช่วงๆ...
แค่ต้องอยู่กับมัน
เดี๋ยวก็จะคลี่คลายเอง
แกะประดิษฐ์บนตักขยับเล็กน้อยเมื่อท่านั่งเปลี่ยน—
มันทำหน้าที่ประหนึ่งสิ่งจรรโลงใจยามถ่ายทอดเรื่องราวผ่านปากกาสไตลัส
ลดหย่อนความแข็งกร้าวทางอารมณ์ทุกครั้งที่เอื้อมมือลงไปสัมผัส
ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งเคาะจังหวะเมื่อการเรียบเรียงชะงักงัน
เอสธาร์ยังคงหลับอยู่ในห้อง
และโทปาซก็กลับไปจัดการเรื่องบทความลงวารสารของตนเองต่อ-
มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การทบทวนตนเอง
การจะสร้างประเด็นอย่างแนบเนียนจำเป็นจะต้องใช้กลยุทธิ์การค้า—
บอกใบ้ความเป็นไปได้ที่ส่วนใหญ่จะมองข้าม แทรก Easter Egg ไว้ประปราย
เช่นเดียวกับการเปิดเรื่องหลอกคนดู
โทนเรื่องจะต้องดีในช่วงแรก...
และจะดีแค่ในช่วงนั้น
'ส่งดราฟท์หนึ่งของ Act แรก ถ้าผ่านแล้วบอกก่อนส่งต่อให้ชมรมการละครนะ'
ข้อความจากชมรมวรรณกรรมผ่านแอปพลิเคชันสื่อสารกำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา—
เผยแพร่อิทธิพลของปัญหาส่วนตัวไปสู่ส่วนอื่นของร่างกาย และถูกรับรู้ได้โดยการเกร็งหัวไหล่พร้อมกับกำหนดลมหายใจ
ยามเสียงกดเมาส์ดังขึ้นอีกครา
ทัศนียภาพโดยรวมก็แคบลงทันที
ท่วงทำนองซึ่งคลอไปกับเสียงเครื่องปรับอากาศอาจช่วยชโลมใจเขาได้—
ตามคำแนะนำของนักบำบัดในอดีตก็ควรเป็นเช่นนั้น
หากแต่ตัวเขาไม่เคยทดสอบมันกับประสบการณ์ส่วนนี้
การกล่าวถึงแบบคร่าวๆน่ะย่อมมีอยู่บ้าง
แต่การเผชิญหน้าโดยตรงก็เป็นอีกเรื่อง
คงเป็นหนึ่งในน้อยสิ่งซึ่งชายหนุ่มไม่อาจเอาชนะด้วยเหตุผลได้
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือความสอดคล้องกับการโฆษณาที่อาจเบี่ยงเบนจากประเด็นหลักออกมาเล็กน้อย—
แม้จะเป็นส่วนแรกเริ่ม แต่ก็ต้องนำเสนอให้เห็นถึงแนวโน้มการผันแปรของเรื่องราว
พวกเขาต้องร่วมส่งต่อมันไปสู่คนดูให้ได้มากที่สุด
ยังดีที่ส่วนรายละเอียดอาจละเว้นไว้ให้คนจากชมรมซึ่งเชี่ยวชาญกว่าจัดการได้...
ชายหนุ่มรวบรวมความคิด
มือบรรจงพิมพ์คำสำคัญที่ต้องการคำนึงถึงในการตรวจ— หนีบปากกาสไตลัสไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางไปในขณะเดียวกัน
มันจะมีประโยชน์ในตอนที่บันทึกรายละเอียดสำคัญซึ่งลำบากเกินกว่าจะพิมพ์ลงในไฟล์
หลังจากนั้นก็—
ติ๊ง!
แอรีสสะดุ้ง
หืม?
ดวงตามหาสมุทรคู่นั้นเหลือบมองเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์—
เลิกคิ้วพลันเห็นว่าเป็นการคอลกลุ่มจากคนที่สนิทด้วย ความสงสัยทวีคูณยามตระหนักได้ว่าช่องแชทดังกล่าวนั้นหาใช่ของชมรม
‘กลุ่มงานวรรณกรรม
เดี๋ยวก็ลบ เชื่อดิ’
มีใครคิดเปลี่ยนตั้งแต่ขึ้นเกรด
10 จริงๆด้วยแฮะ...
ใช้เวลาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับมือซ้ายไปยังปุ่มเข้าสาย— ปิดกล้องทันทียามการเชื่อมต่อสำเร็จ แล้วจึงกลับสู่งานที่ทำค้างไว้
[อ้าว— พี่ ดีฮะ]
“ว่าไง”
[ตรวจอยู่เหรอ? พยายามอย่าอินมากนะ] รุ่นน้องเขาทัก— ประสาทการได้ยินคงทำประโยชน์ให้กับเอพริล
เพียงเสียงคีย์บอร์ดที่เกิดขึ้นถี่ๆก็ดึงสมมติฐานขึ้นมามีตัวตนในหัว
และด้วยอุปนิสัย หากจะไม่พูดออกมาก็คงแปลก
เขายกปลายนิ้วขึ้นจากคีย์บอร์ด
ก่อนจะเอ่ยตอบไปด้วยอย่างราบเรียบ
"พูดมันง่ายกว่าทำอยู่แล้วนี่"
[เฮ้ย เราทุกคนเชื่อมั่นในแอรีส
โจนาห์]
[อันนี้กวนตีนหรือพูดจริง?]
[อย่าช็อตฟีลดิพี่ เนี่ย
บรรยากาศเสียหมด]
[เอพริล ไอ้—]
ความวุ่นวายขนาดย่อมเรียกเสียงหัวเราะได้จากเขาและทากิฮิโระ—
รายนั้นพยายามกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดสู่สายและเปิดโปงตนเองว่าที่จริงแล้วชอบใจเวลาเห็นนิมูเอลหงุดหงิด
[เออ
คือแค่จะแว๊บมาบอกว่ามีคนไม่พอใจเฉยๆ มันต้องซุบซิบ]
[เรื่อง?]
[งาน
บอกว่าเหมือนโดนจับไปร่วมกับคนที่ไม่ชอบ]
คิ้วเขาเลิกขึ้น
“แต่ก็รับสินะ”
แล้วเสียงหลุดหัวเราะก็เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก
[พี่มันสายไม่เลือกงานไม่ยากจน
แต่ให้พูดตรงๆก็เหมือนอคติไตเติลมากกว่าตัวบุคคลน่ะนะ ยิ่งเป็นประเภทที่พอไปยุ่งก็อาจมีเรื่องกับอาจารย์ได้ง่ายสุดๆด้วย
แถมรายนั้นก็นะ— พ่อโรบินฮู้ดที่ไม่ได้ชอบเมดแมเรียน ลุคแสบๆร้ายๆ ฟรีแลนซ์แบบมี Devil
Contract เป็นสัญญาว่าจ้าง ]
อิมิเลียง
แบงส์รู้ดีว่าสาเหตุที่ตนเองถูกแนะนำนั้นไม่มีเรื่องการแก้แค้นเข้ามาเกี่ยว
มันดำเนินไปเช่นกันด้วยคุณสมบัติและเรทราคาของงานที่เหมาะสมกับรายนั้นเสียด้วยซ้ำ
ใช่ว่าเขาจะหาเรื่องคนที่ไม่มีประเด็นบาดหมางกับตนเอง— ความเจ้าคิดเจ้าแค้นกับมิตรนั้นเป็นเพียงการเอาคืนเล็กๆ
เขามีขอบเขตชัดเจนที่ปฏิบัติตามอยู่แล้ว
อย่างไรก็เถอะ...
คงต้องไถ่โทษที่ดันแนะนำไปให้คนซึ่งไม่น่าจะถูกคอด้วย
อาจจะเกลี้ยกล่อมให้ลดอคติกับแอนโธนี่ไประหว่างนั้นด้วย—
จากนิสัยก็ใช่จะขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง แค่มีบทบาททางสังคมภายในโรงเรียนแตกต่าง
บางทีก็อาจจะเข้ากันได้มากกว่าที่คิด
[ก๊อก!
ก๊อก! ก๊อก!]
[อุ๊ย! ธุระเข้า]
[แกก็ไปไวเหลือเกินนะ]
[ม้าเพิ่งเคาะประตูเรียกเมื่อกี้เนี่ย
จะอยู่เป็นเพื่อนรีสก็ไม่ได้ มีหวังโดนบ่นหูชา]
[ไปชวนงานม้าเถอะเอพริล
เดี๋ยวคุมๆแอรีสให้]
[เออ
ทำตัวกตัญญูบ้าง คราวก่อนเพิ่งทำจานน้าเขาแตกไปนี่]
[เคจ้า
บายนะพี่ๆ ขอให้โชคดี]
สิ้นเสียงแจ้งเตือนออกจากการโทรของเอพริล
ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบ— ท่วงทำนองที่แพร่ผ่านลำโพงนั้นยังดำรงอยู่ในสาย
เพียงแต่ทากะฮิโระและนิมูเอลต่างก็ไม่เปิดบทสนทนาใหม่
ราวกับว่ารอคอยให้เขาแสดงสัญญาณอะไรออกมาก่อน...
ราวกับว่ารู้ใจ
หางตาที่เหลือบเห็นว่าต่างคนต่างเปิดกล้องขณะทำกิจกรรมของตนเองชวนให้นึกถึงความทรงจำในอดีต
เมื่อเวลาผ่านไปการหาเวลานัดทำอะไรแบบนี้ร่วมกันก็ยากขึ้น
ยิ่งกอปรกับปัจจัยละเอียดอ่อนบางประการก็ยิ่งทำให้เจอกันจริงๆแค่ตอนเข้าชมรมเท่านั้น—
เขาไม่ชอบบังคับคนด้วยนี่นะ
แอรีสได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะทุเลาลงยามเปิดม่านโรงละคร—
อย่างน้อยก็สมานบาดแผลของทากะฮิโระและยับยั้งไม่ให้ความร้ายแรงของมันกระทบส่วนอื่นซึ่งเจ้าตัวรัก
ปีการศึกษาสุดท้ายไม่เหมาะสมกับอะไรทำนองนั้น
“อย่าเงียบสิ”
เขากลั้วหัวเราะ
[แล้วใครคนเงียบก่อน?]
“เอพริล”
[ทากะ
ดูมัน— ดูหน้าที่ต่อให้ไม่เปิดกล้องก็เห็นว่ากำลังนิ้มไร้เดียงสาอยู่ของมัน]
[เออ
ภาพในหัวชัดมากพวก... แต่ถ้าเครียดก็บอกพวกฉันด้วย
อันนั้นไม่เปิดกล้องก็ไม่เห็นหรอกนะ
“อืม
รู้แล้ว” แอรีสผงกหัวกับตนเอง
เขากลับไปจดจ่ออยู่กับหน้าจอ
ตัวอักษรมากมายจมลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทรพร้อมกับท่วงทำนอง— สมาธิซึ่งถูกทำลายเป็นช่วงๆด้วยเสียงขีดเขียนบนกระดาษของนิมูเอลนั้นไม่มากพอที่จะดึงความสนใจไปเสียหมด
มันป้องกันไม่ให้ตัวเองดำดิ่งลงไปเสียด้วยซ้ำ มีประสิทธิภาพกว่า
ความทรงจำซึ่งได้รับการกระตุ้นผ่านข้อความส่งผลโดยตรงแก่การหายใจ
กระนั้นเพียงทำจิตให้สงบสักนาทีก็ช่วยเหลือได้พอประมาณ— เสียงดังกล่าวคงเข้าสู่โสตประสาทของเพื่อนทั้งสองเป็นแน่แท้
ถึงได้มีประเด็นสัพเพเหระแทรกเข้ามา
แอรีสค่อนข้างโล่งใจที่มุมมองของเขาถูกนำเสนอเพียงส่วนเดียวในเรื่องราวทั้งหมด...
มันมีจุดประสงค์แค่เพื่อเปรียบเทียบมาตรฐานของเคนเนดี้
จะมีพื้นที่มากหรือน้อยก็ไม่สำคัญเทียบเท่าผลกระทบของมันแก่คนดู...
เป็นนาทีการตรวจสอบที่คุ้มค่าอย่างบอกไม่ถูก
เขาจิบน้ำหลังกดปิดไฟล์ลง—
พยายามชโลมใจด้วยมันระหว่างพิจารณาข้อความที่จะพิมพ์ตอบกลับอีเมลไป
ปกติแล้วอีเมลมันมีรูปแบบเฉพาะนี่นะ...
หากเป็นการติดต่อเรื่องงานอาจต้องใช้รูปแบบเป็นทางการ
ทว่าด้วยระดับภาษาของอีกฝ่ายและความจริงจังของงานในส่วนนี้แล้ว
การจะทำเช่นนั้นคงสร้างความรู้สึกกระอักกระอ่วนก็เป็นได้
อืม—
แบบธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ
[นี่ เสร็จยัง?] ทากะฮิโระโพล่งขึ้น
“เหลือแค่ตอบเมล
เขาเขียนตรงตามบรีฟเลยไม่มีอะไรต้องแก้น่ะ”
[ดีแล้ว]
“ก็นะ...
ฝากพวกบรีฟกับผู้กำกับแทนด้วยล่ะ”
[อืม]
แล้วปลายนิ้วเขาก็กดลง
ณ ปุ่มส่งอีเมล
‘เรียบร้อย
ไม่มีส่วนไหนต้องแก้นะ’
ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง— โทปาซเบนออกจากอำนาจการควบคุมของเคนเนดี้
ผู้อำนวยการรับทราบเรื่องการร้องเรียนอาจารย์ที่ปรึกษา
ชมรมที่ปรึกษาได้ความร่วมมือจากอีกสองชมรม และทางกรรมการนักเรียนก็เพิ่งจะประกาศเรื่องชมรมไปด้วย
อีกไม่นานแล้วสิ...
[สรุปคือเป็นไง?] นิมูเอลเอ่ยถาม
คำตอบแรกของเขาคือเสียงหัวเราะเบาๆ— ค่อนไปทางสับสน
ด้วยอารมณ์หลายอย่างที่รู้สึกในคราวเดียวกัน
“แปลก... เหมือนทริกเกอร์นิดๆ แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ก็อยากตรวจเองอยู่ดี”
ชักรู้สึกเหมือนตัวร้ายชอบกล...
บางทีมุกดาร์กไซด์นั่นอาจเป็นจริงขึ้นมาล่ะมั้ง
ตอนนี้อาจจะเห็นได้ชัดเจนสุดว่า dynamic เริ่มเปลี่ยนตอนที่เอามาเทียบกับช่วงแรกๆ แหละนะคะ
พอสนิทกันมันก็เผยตัวตนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างแสดงด้านที่เพื่อนสนิทเห็นกันออกมา
ของปาซนี่เวลาเป็นกันเองก็สังเกตได้ว่าเป็นประเภทที่แสดงความกล้าแบบ ride or die ค่ะ ถ้าครั้งไหนเริ่มครินจ์หรือเขินก็จะ regret ทันที
ในขณะที่รีสจะเน้นแสดงออกแบบเนิบๆ ถึงจะไม่มาก แต่ก็ชัดเจนว่าทรีตแตกต่างจากคนอื่น
เครสชอบแต่งโมเม้นต์เวลาเขาพึ่งพากันมากๆ เลยล่ะค่ะ ความรักที่มีมิตรภาพร่วมด้วยมันนุ่มฟู ;;
อีกอย่างก็คือเครสเลือกนำเสนอทั้งสองคนผ่านมุมมองที่ต่างกันด้วย ไม่แน่ใจว่าเห็นกันรึเปล่านะคะ
เพราะเริ่มจาก pov ของปาซเลยจะเห็นส่วนข้อเสียก่อนข้อดีของยัยน้อง เพราะเจ้าตัวโฟกัสอันนั้นมากกว่า
ส่วนของแอรีสจะเป็นตรงกันข้าม แรกเริ่มจะเป็นในมุมมองโทปาซ พอเริ่มเปิดความคิดเค้าก็จะเห็นว่าเจ้าตัวมีข้อเสีย
แต่ออกแนวพยายามปรับตัวให้ดีขึ้นเสมอ ไม่โฟกัสส่วนดีหรือส่วนเสียเป็นพิเศษ
และใช่ค่ะ เครสช้าอีกแล้ว รอบนี้มาปลายปีเลยด้วย ยังไงก็สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ขอให้พบเจอเรื่องดีๆ
และทิ้งสิ่งแย่ๆ ไว้ในปีเก่ากันนะคะ เครสเองก็หวังว่าจะแว๊บมาแต่งได้บ่อยขึ้น
( แต่ว่าตอนนี้ขอเคลียร์เรื่องมหาลัยก่อนค่ะ ติดเถอะนะ ผลงานเยอะขนาดนี้แล้ว อ้ากกสกสส ;; )
ความคิดเห็น