ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ไออุ่นของคิว : Chapter 13
13
“นี่จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะป้า” ฉันรับถุงขนมสองสามถุงจากป้าเจ้าของร้านสะดวกซื้อเล็กๆข้างมหา’ลัยมาไว้ในมือก่อนจะโค้งคำนับแทนคำขอบคุณอีกรอบแล้วหมุนตัวเดินจากมา
“เหมาร้านแล้วมั้ง” เคนตะพูดแซวในตอนที่ฉันเดินมาถึงรถ คือวันนี้ฉันให้เคนตะพาฉันไปส่งน่ะ
“อยากเหมาอยู่แต่เงินไม่พอ” ฉันเปิดประตูพร้อมกับแทรกกายเข้ามานั่งข้างคนขับ เคนตะเบนสายตากลับไปมองข้างหน้าต่อก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไป ใช้เวลาไม่นานรถคันนี้ก็มาจอดอยู่หน้าบ้าน...ของน้องคิว
“มึงมาทุกวันแบบนี้ไม่ย้ายบ้านซะเลยล่ะ” ร่างสูงหลังพวงมาลัยหันมาประชดประชันแต่ฉันกลับหันไปทำแววตาใสซื่อ
“จะบ้าเหรอ ให้ผู้หญิงย้ายไปอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเนี้ยนะ
บัดสีบัดเถลิงที่สุด” แถมด้วยการเอาฝ่ามือปิดใบหน้าอย่างเขินอายจนโดนเพื่อนตัวดีเขกหัวกลับมา “กูอยู่ไม่นานก็กลับ อีกอย่างกูเอาหนังสือมาอ่านด้วยเนี้ย”
“เออ” เคนตะใช้มือดันชีทปึกใหญ่ที่ฉันเอาชูขึ้นมาบังหน้าให้ลดลงก่อนจะปลดล็อคประตูรถในเวลาถัดมา
ช่วงนี้ฉันมานั่งดูน้องคิวทำชุดเกือบทุกวัน ด้วยความที่ฉันเป็นนางแบบด้วยแหละเขาก็จะต้องวัดนู้นทาบนี่เป็นธรรมดาแล้วจะไม่ให้ฉันมาได้ยังไง
ชุดของเขาเหลือไม่มากแล้วเพราะอีกไม่กี่วันจะถึงกำหนดส่ง
ส่วนสาเหตุที่ฉันต้องเอาหนังสือมาอ่านก็เพราะไฟนอลของตัวเองใกล้เข้ามาไม่ต่างกันนั่นแหละ
คือทางมหา’ลัยจะกำหนดวันสอบไว้น่ะอยู่ที่ว่าแต่ละวิชาจะสอบวันไหนซึ่งวิชาแรกของฉันถัดจากการเดินแฟชั่นโชว์ไปเพียงหนึ่งสัปดาห์เอง
ดีนะที่อ่านตุนๆไว้ก่อนแล้วไม่งั้นไม่ไหวแน่
“อ้าวพี่ไออุ่น” คนแรกที่เห็นฉันคือน้องแก้ว เหมือนน้องจะออกมาวางถุงขยะไว้เตรียมทิ้งน่ะ
“หวัดดีแก้ว” ฉันโบกมือทักทายแต่ไม่ทันที่แก้วจะเดินมาหา ร่างของผู้ชายที่คุ้นเคยก็แทรกออกมาซะก่อน
“พี่ไม่เห็นบอกผมเลยว่าพี่จะมา” น้ำเสียงนั้นเจือความหงุดหงิด
“ไม่อยากรบกวนน่ะ เผื่อทำงานอยู่” ฉันตอบพร้อมกับชูถุงขนมในมือ “พี่เอาขนมมาให้”
“รอแป๊บนะครับเดี๋ยวผมไปเปิดประตูให้” น้องคิวระบายยิ้มก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปในประตูบ้านพร้อมกับตะโกนลั่น “พวกมึงไปใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลย!”
ให้เดาเขาคงหมายถึงยักษ์กับทัชน่ะ
สองคนนี้ชอบเปลือยท่อนบนอยู่บ่อยๆน้องคิวเลยไม่ชอบใจเวลาฉันมาแล้วพวกเขาสองคนนี้อยู่ด้วยเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้เขาก็ไล่ให้สองคนนั้นไปใส่เสื้อตลอดนั่นแหละ
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉันก็เดินเข้ามานั่งยังที่ประจำของตัวเองหรือก็คือโซฟาคู่ใจ
“จะเสร็จแล้วนี่” ฉันมองชุดที่ถูกแขวนไว้ด้วยสายตาแพรวพราว ความสวยงามนั้นบ่งบอกถึงความตั้งใจของผู้คนได้อย่างดี
ดูท่าแล้วคงจะเหลือพวกเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เจ๋งอะ!
“ครับ เดี๋ยวพอทำเสร็จก็กะว่าจะให้พี่ไออุ่นมาลองอยู่พอดี” น้องคิวหันมายิ้มให้ฉัน
รอยคล้ำใต้ตาทำเอาฉันย่นจมูกออกมา หน้าตาน่ารักนั้นไม่ควรจะมีข้อเสียอะไรสิ ...อยากจะซื้อมาส์กตามาให้เขาซะเดี๋ยวนี้เลยให้ตายสิ
“เพราะงั้นถึงชิงมาก่อนไง” ฉันหัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับปล่อยให้ทั้งสี่คนจัดการกันต่อส่วนตัวฉันก็นั่งอ่านหนังสือของตัวเองเงียบๆจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาระยะหนึ่งกลับพลันต้องขมวดคิ้วอย่างงุนงง...เพราะน้องคิวลากฉันมาอยู่ในห้องเขายังไงล่ะ
“เดี๋ยวชุดเสร็จผมจะเอามาให้พี่ลองนะครับ เหลืออีกนิดเดียว” เขาพูดก่อนทำท่าจะหมุนตัวเดินออกจากห้องแต่ฉันห้ามเอาไว้ก่อน
“อะไรเนี้ย” ฉันโวยวาย “เอาพี่มาขังในห้องทำไม?”
“พี่อยู่ในนี้นี่แหละดีแล้ว” น้องคิวตอบมาแค่นั้นทำเอาฉันเท้าเอวอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“ขอเหตุผล”
“ก็...” อีกฝ่ายอึกอักไม่ยอมพูดสักทีจนฉันต้องถลึงตาใส่พร้อมกับเรียกเสียงเข้ม
“คิว”
จนในที่สุดก็ยอมปริปาก “ก็พี่อยู่กับพวกนั้นนานเกินไปแล้ว”
“พวกไหน?” ฉันเลิกคิ้วถาม
“ไอ้ทัชกับไอ้ยักษ์” น้องคิวบู้ปาก “ผมไม่ชอบที่มันสามารถมองพี่ได้
ทำไมพี่ต้องมาทุกวันด้วยวะ ถ้าพวกมันชอบพี่ขึ้นมาจะทำไง?”
“อ้าว” ฉันคราง “นี่พาล?”
“ก็ผมไม่ชอบอะ!” ดูเขางอแงดิ อะไรวะเนี้ย “ผมคงเหนื่อย
พี่อย่าสนใจเลย”
น้องคิวถอนหายใจพร้อมกับทาบมือลงกับหน้าตัวเอง
ฉันนั่งประมวลผลอยู่สักพักถึงคำพูดและอาการของเขาเมื่อกี้ก่อนจะรู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น
น้องคิวกำลังหึงฉัน...
Kiw’s Talk
ผมกำลังหึงพี่ไออุ่น หึงมากด้วย
จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้ไอ้เพื่อนสองคนนี้มันทำท่าสนใจพี่ไออุ่นแต่ผมดักเอาไว้ซะก่อน แถมช่วงนี้พวกผมต้องรีบทำชุดให้เสร็จทันวันส่งซึ่งพี่ไออุ่นมักจะมานั่งดู
ซื้อของมาฝากหรือช่วยเล็กๆน้อยๆประจำทำให้เจอเพื่อนของผมบ่อยขึ้น ไอ้เพื่อนสองตัวนี้มันชอบถอดเสื้อด้วยอะดิประเด็น
ต้องไล่พวกแม่งให้ไปสวมเสื้อดีๆทุกที คือผมหวงไงถึงแม้ว่าจะรู้ว่าพวกมันคงไม่คิดอะไรหรอกเพราะผมออกนอกหน้าซะขนาดนั้นว่าพี่ไออุ่นเป็นของผมแต่ผมก็ไม่ชอบอยู่ดีอะ
ขนาดตอนพี่เขาอยู่กับเพื่อนผู้ชายในกลุ่มผมยังไม่ชอบเลย
หวงเว้ยหึงด้วย!
ทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันก็เถอะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
ผมเคาะประตูห้องตัวเองหลังจากไล่เพื่อนๆผมกลับไปแล้วเพราะชุดตอนนี้เสร็จสมบูรณ์และผมกำลังจะนำมันไปให้พี่ไออุ่นลองเผื่อว่าจะต้องแก้ตรงไหน
ตอนแรกทั้งแก้ว ทัชและยักษ์ก็โวยวายไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวก็อยากเห็นเหมือนกันแต่ผมไม่ยอม
ไปดูเอาพร้อมกับคนอื่นๆดิวะ ผมต้องได้เห็นคนแรกสิถึงจะถูก
ผมไม่รู้ว่าช่วงนี้ตัวเองเป็นบ้าอะไร
อาจจะเพราะทำงานหนักมากเกินไปรึเปล่าถึงได้เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้แต่ที่รู้ๆเลยก็คือ...ผมน่ะคลั่งรักพี่ไออุ่นเอามากๆเลยล่ะ
พี่เขาน่ะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมต้องการพี่เขามากขนาดไหน
ผมน่ะ ‘NEED’ พี่ไออุ่นที่สุดเลย
พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นร่างของผู้หญิงข้างในกำลังก้มอ่านชีทของตัวเองอยู่บนเตียง
เมื่อพี่เขารู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
“ชุดเสร็จแล้วเหรอ?”
“ครับ” ผมชูชุดเจ้าสาวดัดแปลงขึ้นมาให้พี่ไออุ่นดูก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังเตียงนอน
“แล้วคนอื่นๆอะ?”
“มันกลับกันไปแล้ว”
“อ๋อ” พี่ไออุ่นพยักหน้ารับก่อนจะรับชุดไปดูอย่างสนอกสนใจ “สวยอะ สวยมากๆเลย”
“ทำให้พี่ไออุ่นใส่ทั้งทีก็ต้องสวยสิครับ ไม่งั้นเดี๋ยวคนจะเด่นทับซะหมด” ผมแซวทำเอาผู้หญิงตรงหน้าหน้าแดงแต่ก็ไม่วายเงยหน้ามาหยอกล้อกลับ
“ไม่ใช่เพราะคะแนนไฟนอลเหรอ?”
“ก็ทั้งสองนั่นแหละครับ” ผมยิ้ม “เดี๋ยวผมออกไปรอข้างนอกนะครับ
เสร็จแล้วเรียกผมนะ”
“โอเค”
“หรือว่าจะให้ผมอยู่ช่วยใส่ก็ได้” ผมหันไปทำหน้ากรุ่มกริ่มใส่จนพี่ไออุ่นถลึงตากลับมา
“ไม่ต้องย่ะ ออกไปเลย” เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเดินคอตกออกมายืนรอหน้าห้องแม้ว่าในใจอย่างจะอยู่ด้วยใจจะขาดแต่จะทำยังไงได้ล่ะ
ผมต้องเป็นน้องคิวที่น่ารักของพี่ไออุ่นนี่นา
ถึงแม้ว่าความเป็นจริงมันจะไม่ได้เป็นแบนนั้นเลยก็ตาม
รอประมาณสิบนาทีเสียงเรียกจากข้างในก็ส่งผลให้ผมเปิดประตูเข้าไปและสิ่งที่ผมเห็นทำเอาตาค้างอยู่กับที่
“ท...ทำไมนิ่งอย่างนั้นล่ะ มันไม่สวยเหรอ?”
เกิน...เกินกว่าคำว่าสวยไปด้วยซ้ำ
ภาพผู้หญิงผิวใสเปล่งประกายที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีม่วงแสนสวยนั้นทำเอาผมตะลึง
ตอนทำชุดเสร็จผมว่ามันสวยแล้วนะแต่พอมาอยู่บนร่างของพี่ไออุ่นกลับรู้สึกว่าสวยกว่าเดิมเป็นสิบเท่าราวกับชุดนี้มันเกิดมาเพื่อพี่ไออุ่นเพียงคนเดียว
สวยจนอยากจะถามว่า... “พี่ไออุ่นอยากมาเป็นเจ้าสาวให้ผมไหม?”
Kiw End Talk
“คิวที่สิบสี่ ไออุ่นแสตนบายเลย”
เสียงเรียกจากสตาฟที่เรียนอยู่ปีเดียวกับในคณะศิลปกรรมศาสตร์ส่งผลให้ฉันที่กำลังนั่งส่องไอจีผู้ชายเกาหลีคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นพร้อมลุกเดินตรงไปยังด้านหลังเวที
วันนี้ฉันมาซ้อมเดิน รันคิวต่างๆในงานแฟชั่นโชว์ที่จะจัดไม่กี่วันข้างหน้าที่คณะของน้องคิว
ด้วยความที่งานนี้เป็นงานใหญ่ทำให้สตาฟส่วนมากจะเป็นนักศึกษาชั้นปี่ที่สองของคณะเขานั่นแหละ
จากที่ลองทำความรู้จักกับพวกเหล่านางแบบนายแบบแล้วพบว่าส่วนมากจะเป็นคนนอกคณะทั้งนั้น บางคนไม่ได้เรียนอยู่มหา’ลัยนี้ด้วยซ้ำ
เมื่อถึงคิวของตัวเองฉันก็ก้าวขึ้นไปบนรันเวย์พร้อมกับเดินอย่างคล่องแคล่ว
การเดินแบบนี่น่ะจิ๊บๆ สมัยอยู่มัธยมฉันถือว่าเป็นสายล่าการประกวดเชียวนะ
พวกแฟชั่นโชว์ชุดขยะรีไซเคิลอะไรงี้
หลังจากซ้อมเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินไปหาน้องคิวที่ยืนอยู่แถวประตูทางเข้า
เขาบอกว่าวันนี้จะมารับฉันน่ะ
“พี่ไออุ่นอยากมาเป็นเจ้าสาวให้ผมไหม?”
ประโยคไม่กี่วันก่อนของเขาแล่นเข้ามาในหัว
ตอนเขาพูดประโยคนั้นทำฉันช็อคไปเลยนะ
แบบเหมือนจะพูดเล่นแต่แววตาน้องคิวในตอนนั้นมันจริงจังมากๆเล่นเอาซะฉันทำตัวไม่ถูกเลย
“ยิ้มแบบนี้คงตอบแชทผู้หญิงอยู่สิท่า
คนคุยเยอะล่ะสิพ่อบาเทนเดอร์หนุ่มสุดฮอต” พอเห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ไปยิ้มไปก็อดแขวะไม่ได้
น้องคิวที่รับรู้ถึงการมาของฉันรีบเงยหน้าขึ้นมอง
“ผมเปล่านะ” พร้อมกับลุกขึ้นยืนยื่นโทรศัพท์ในมือมาให้ “พี่ดูโทรศัพท์ผมได้เลยผมไม่ได้คุยกับใคร”
“จะบ้าเหรอใครมันอยากจะไปดู” เราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย
“แต่ผมไม่ได้คุยกับใครจริงๆนะครับ” คนตัวสูงยังคงยืนยันคำเดิม
“รู้แล้วนา แล้วจะมาบอกพี่ทำไมเนี้ย”
“ก็ผมกลัวพี่ไออุ่นจะคิดมากหนิครับ
ตอนนี้ผมคุยแค่กับพี่ไออุ่นคนเดียวนะ”
ตึกตัก ตึกตัก
บ้าจริง เล่นแบบนี้เดี๋ยวฉันก็เป็นโรคหัวใจตายรอบที่สี่แสนห้าพอดี
ในระหว่างที่เราทั้งคู่เดินตรงไปยังประตูบานใหญ่หูของฉันก็ดันได้ยินเสียงของสตาฟผู้หญิงคนหนึ่งแว่วเข้ามาว่า
“นั่นไง น้องปีหนึ่งคนนั้นไงที่กูบอกว่าน่ารัก” เธอหมายถึงน้องคิวแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัย
อารมณ์หึงหวงแล่นขึ้นมาในทันที
ฉันปรายหางตาไปมองผู้หญิงคนนั้นแว็บหนึ่งก่อนจะสาวเท้าให้ทันคนข้างหน้าพร้อมกับสอดมือตัวเองเข้าไปควงแขนน้องคิว
กึก...
ผู้ชายคนถูกควงชะงักไปเล็กน้อย
เหมือนเขาจะได้ยินสิ่งที่สตาฟพูดและเข้าใจในสิ่งที่ฉันสื่อเพราะสิ่งที่เขาทำหลังจากนี้คือการใช้มืออีกข้างยื่นมาดึงจมูกฉันเบาๆพลางหัวเราะคิกคัก
ตึกตัก ตึกตัก
ฉันว่าฉันจะเป็นโรคหัวใจจริงๆนะ!
วันงาน
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คนที่มาร่วมงานพร้อมกับชุดแสนสวยไม่มีใครยอมใครของทุกๆคนทำเอาฉันประหม่า ไม่กี่ชั่วโมงฉันต้องออกไปเดินแบบต่อหน้าคนนับร้อยจะไม่ให้สั่นได้ยังไงล่ะ
ถึงแม้จะเคยเดินมาบ้างแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชินนี่นา
หมับ
ฝ่ามือฉันถูกฝ่ามือใหญ่ของใครอีกคนเอื้อมมากุมไว้
พอเบนหน้าไปมองก็พบว่าเจ้าของฝ่ามือนั้นไม่ใช่ใครนอกจากน้องคิว เขาเอียงคอเล็กน้อย “แค่ทำเหมือนที่ซ้อมกันครับ
อีกอย่างวันนี้พี่ไออุ่นน่ะสวยสุดๆไปเลย”
“จริงครับ สวยแบบละสายตาไม่ได้เลย” ทัชสมทบ
วันนี้ฉันปล่อยผมให้สยายลงมา บนหัวสวมมงกุฎที่ติดผ้าคลุมสีม่วงอ่อนเอาไว้
ใบหน้าถูกแต่งเติมไปด้วยเครื่องสำอางโดยฝีมือของน้องแก้ว
ไม่ใช่ว่าหลงตัวเองนะ...แต่วันนี้ฉันสวยจริงๆ
จนใกล้ถึงเวลาสตาฟก็มาเชิญพวกคนอื่นๆที่ไม่ใช่นางแบบนายแบบออก
น้องคิวและเพื่อนๆส่งรอยยิ้มเป็นกำลังใจมาให้ฉันก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ฉันยืนสูดลมหายใจอยู่หลังเวทีเมื่อเหลืออีกสองคนก็จะเป็นคิวฉันแล้ว
“ไออุ่นพร้อมนะ”
“อืม”
แค่ทำเหมือนซ้อม เธอสวยที่สุดท่องไว้...เธอสวยที่สุด
ฉันก้าวเท้าออกไปข้างนอก เสียงปรบมือพร้อมกับการรัวชัตเตอร์ดังเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน
ด้วยความที่ชุดที่ใส่เป็นชุดเจ้าสาวยาวทำให้ไม่สามารถเดินแบบเฟียสๆได้
ฉันค่อยๆก้าวเท้าอย่างสง่างามก่อนจะมาหยุดยืนแอ็คท่าเพื่อโชว์ชุดแล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังด้านหลังเวที
ฉันทำได้ ฉันทำได้! จากเสียงปรบมือและเสียงฮือฮานั้นฉันว่าเราได้ที่หนึ่งแน่ๆ
และในที่สุดผลการประกวดก็ออก...
เราได้ที่สอง
“ไม่เข้าใจอะ ชุดสวยเราสวยจะตายทำไมได้ที่สองอะ!?” ฉันงอแง
หลังจากได้รับรางวัลบวกกับถ่ายรูปอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันกับน้องคิวก็มาอยู่ในห้องที่ทางงานใช้เก็บตัวนางแบบนายแบบเพราะฉันเริ่มมึนหัวจากแสงแฟลต
อะไรกันการเป็นที่จับจ้องไม่เห็นง่ายเลย
“เอาเถอะครับ แค่พี่ไออุ่นมาเป็นนางแบบให้ผมก็ดีใจแล้ว” ร่างสูงที่ยืนมองฉันดึงขนตาปลอมอยู่ระบายยิ้มออกมา
ภาพสะท้อนในกระจกบ่งบอกว่าตอนนี้ในห้องเหลือเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น
ฉันบุ้ยปาก ยังไงฉันก็คิดว่าชุดนี้สวยกว่าตั้งเยอะ
“อีกอย่าง...” น้องคิวเว้นระยะในการพูด เขาใช้มือทาบลงกับโต๊ะพร้อมกับโน้มใบหน้าลงมา
ฉันเบนไปมอง เราสองคนประสานสายตากัน “คนสวยมากกว่าชุดซะอีก”
ทันใดนั้นริมฝีปากอีกฝ่ายก็ทาบทับลงมา
เขาไม่ได้รุกล้ำอะไรเพียงแค่ปากชนปากเท่านั้น
ประมาณหนึ่งนาทีน้องคิวก็ผละไปเพียงนิดเดียว ลมหายใจร้อนกรุ่นนั้นรดใบหน้าฉันในยามที่เขาขยับปากพูด
“เป็นของตอบแทนที่พี่ช่วยผม”
“อะไร...อื้อ” ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากพูดอะไรน้องคิวก็ประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
คราวนี้อีกฝ่ายบดจูบพร้อมกับขบเม้มให้ฉันยอมเปิดปากออกและสอดลิ้นเข้ามา
ในทีแรกฉันตกใจเลยใช้มือดันไหล่เขาออกไปแต่เหมือนน้องคิวพยายามหลอกล่อให้ฉันหลงใหลไปกับความรู้สึกนี้จนในที่สุดมือไม้ก็อ่อนไม่พอยังเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของอีกฝ่ายด้วย ปลายลิ้นชื้นแฉะควานไปทั่วโพรงปาก ฉันปิดเปลือกตาลง
หัวใจเต้นแรงและเร็วกว่าทุกครั้งในขณะที่เขาก็บดขยี้จูบอย่างนุ่มนวลจนในที่สุดน้องคิวก็ถอดริมฝีปาก
เสียงหอบหายใจฉันดังขึ้นต่อเนื่องส่วนน้องคิวมองใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อของฉันพร้อมกับกระตุกยิ้มออกมา
“ส่วนนี่...เป็นของรางวัลที่พี่ได้ที่สองครับ”
ที่สองแล้วได้จูบ งั้นที่หนึ่งฉันไม่เสียตัวเลยเหรอ?
ขี้โกง!
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูทำให้เราสองคนหันไปมอง ผู้ชายหนึ่ในนายแบบกำลังเดินเข้ามา
ถ้าจำไม่ผิดเขาอยู่ปีหนึ่งคณะนี้นั่นแหละ
เห็นว่าเป็นทั้งคนทำและเป็นแบบแต่ชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ได้
คนมาใหม่หันมามองฉันแล้วเดินเข้ามาหา... เขาจะเดินเข้ามาทำไมอะคงไม่ใช่เพราะเห็นฉากที่ฉันกับน้องคิวจูบกันหรอกใช่ไหม?
“พี่ไออุ่น” เสียงทุ้มลึกนั้นเอ่ยเรียกในตอนที่เข้ามาหยุดอยู่ด้านข้างฉันกับน้องคิวแต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจน้องคิวเลยสักนิด “ผมหาพี่ข้างนอกไม่เจอ”
“พอดีพี่ปวดหัวน่ะ” ฉันยิ้มแหยะๆพลางลอบมองน้องคิวไปด้วย ใบหน้าเขาแสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนเลยล่ะ
อาจจะเพราะมาขัดจังหวะหรือเพราะประโยคถัดไปจากผู้ชายคนนี้
“งั้นผมขอเบอร์พี่ไออุ่นหน่อยได้ไหมครับ ก่อนหน้านี้ลืมขอ”
“คือว่า...”
เดี๋ยวนะ เรารู้จักกันเหรอ?
ก็ไม่...แสดงว่าเขากำลังเข้ามาจีบว่างั้น?
“ปากพี่เขาลิปสติกมันเลอะ” จู่ๆน้องคิวก็พูดแทรกเข้ามา ร่างสูงชี้นิ้วมายังริมฝีปากฉันท่ามกลางใบหน้าที่งงงวยของทั้งฉันและน้องผู้ชายอีกคน ไม่นานน้องเขาก็ยกยิ้มมุมปากร้ายกาจก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาริมฝีปากของตัวเอง
“…”
“และดันมาเลอะบนปากกูด้วย”
ความคิดเห็น