ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Episode 14
กลิ่นอาหารอันหอมฉุยกระจายไปทั่วบ้านทำให้ร่างบางรีบลงมาจากห้องเพราะท้องของเขาเริ่มส่งเสียงร้องประท้วงความหิวขึ้นมา ฮันบินสะพายกระเป๋านักเรียนลงมาก่อนจะตรงมาที่ห้องครัวก็พบกับยุนฮยองที่กำลังง่วนกับการทำอาหารเช้าอยู่ เมื่อคืนหลังจากที่ทายาให้ฮันบินเสร็จยุนฮยองก็รีบกินเลือดของจีวอนเพื่อช่วยในการรักษาตัวเอง
“ตื่นแล้วหรอ?” ยุนฮยองทักทายด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่สดใส
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณยุนฮยอง”
ฮันบินเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเหมือนกันพร้อมกับเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
“เมื่อไรนายจะเรียกฉันว่าพี่ซักทีฮันบิน
เรียกเหมือนคนห่างไกลกันไปได้”
“ผมเรียกแบบนั้นได้หรอครับ?”
“ได้สิ
นายมาเป็นคนในครอบครัวเราแล้วนะ เรียกได้หมดนั้นล่ะ” ยุนฮยองบอกยิ้มๆพร้อมกับถือจานอาหารเช้ามา
“แต่ว่า…”
“ถ้านายไม่เรียก
วันนี้ก็ไม่ต้องกิน” ยุนฮยองแกล้งแหย่ฮันบินโดยการที่จะเทอาหารที่ทำมาลงถังขยะ
“ไม่ๆ
พี่ยุนฮยอง ผมยอมแล้วพี่” ฮันบินรีบเรียกออกไปพอเห็นแบบนั้น
นี้เขาไม่ได้ห่วงกินหรอกนะ ไม่เลย
“ฮ่าๆๆ
ให้มันได้แบบนี้สิ ”
ยุนฮยองหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะเอาจานอาหารที่ทำให้ฮันบินมาวางไว้ตรงหน้าเขา
“คุณ..เอ้ย…พี่รู้ได้ยังไงว่าผมชอบเจ้าตัวนี้?”
ฮันบินถามพร้อมกับใช้ส้อมชี้ไปที่มิกกี้เม้าส์ที่ทำขึ้นจากไข่และแฮม
“ฉันเห็นมันอยู่ในห้องนายและมันเป็นตุ๊กตาตัวเดียวด้วย
เลยคิดว่านายคงจะชอบมัน”
“ใช่แล้วครับ
ผมชอบมันมากเลยล่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับพี่” ฮันบินบอกก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารเช้าที่แสนอร่อยตรงหน้า
ร่างบางกินอาหารเช้าตรงหน้าจนแก้มตุ้ยจนยุนฮยองอดใจที่จะยื่นมือไปยีผมด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“แผลพี่เป็นยังไงบ้างครับ?” ฮันบินถามพลางมองที่ไหล่ของยุนฮยองที่ตอนนี้ไม่มีแผลแล้ว
“หายดีแล้วล่ะ
บอกแล้วว่าไม่เป็นไร” ยุนฮยองบอกยิ้มๆ
“ผมมาแล้วว อ้าว สวัสดีฮันบิน” เสียงอันสดใสของดงฮยองดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาเอ่ยทักฮันบิน
ฮันบินโค้งหัวให้เป็นการทักทายพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ
“งั้นเราไปกันเถอะ” ยุนฮยองเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินมาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเตรียมออกไปกับดงฮยอง
“เออฮันบิน
ไปไหนระวังตัวด้วยล่ะ นายต้องระวังตัวให้มากขึ้นรู้มั้ย” ยุนฮยองหันมาบอก
ฮันบินเลยพยักหน้าอย่างงงๆกลับไป ทำไมต้องมาบอกให้เขาระวังตัวด้วยนะ
“ดีมาก
แล้วเจอกันล่ะ ระวังไปสายนะน้องสะใภ้”
“แค่กๆ!!!”
ฮันบินสำลักทันทีพอได้ยินยุนฮยองพูด
ร่างบางรีบหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ยกขึ้นดื่มพร้อมกับทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ
ก่อนจะมองพี่ชายตัวแสบที่เดินออกจากบ้านไปอย่างหัวเราะชอบใจ
สายตาของฮันบินดันไปเห็นนาฬิกาที่ติดอยู่มันบอกถึงเวลาที่ต้องไปโรงเรียนแล้ว
ฮันบินก็เลยรีบกินให้หมดก่อนจะเอาจานไปล้างและเก็บมันเข้าที่
ระหว่างที่จะเดินออกจากบ้านเขาก็เห็นจีวอนที่ยืนมองเขาลงมาจากชั้นสอง
สายตานั้นไม่บอกถึงอะไร แค่มองเขานิ่งๆเหมือนที่จีวอนชอบทำ
ฮันบินเองก็ไม่รู้ว่าจีวอนมายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไรหวังว่าคงไม่ได้ยินในสิ่งที่ยุนฮยองเรียกเขาหรอกนะ
จีวอนยืนมองร่างบางที่ตอนนี้ขับรถออกไปแล้ว ก่อนที่จะพึมพำออกมาว่า
“น้องสะใภ้งั้นหรอ
หึ ก็แค่คนให้เลือดเท่านั้นล่ะ”
ฮันบินขับรถเข้าไปในโรงเรียนก่อนจะเอารถไปจอดที่โรงจอดรถ
มือของเขาไม่ค่อยเจ็บแล้วเลยขับรถมาได้
ที่จอดรถของเขาอยู่ข้างรถของจุนฮเวที่ตอนนี้มีรถของเจ้าตัวจอดอยู่เลยทำให้ฮันบินรู้ว่าจุนฮเวคงมาถึงก่อนหน้าเขาแล้ว
ฮันบินจัดการคลุมรถให้เรียบร้อยก่อนจะเดินขึ้นไปบนอาคารเรียน
ทำไมวันนี้คนในโรงเรียนคึกคักกว่าปกติ
ที่จริงเวลานี้ควรเข้าห้องเรียนเพื่อเตรียมเรียนกันแล้วไม่ใช่หรอ
แต่ทำไมยังอยู่ตามระเบียง ตามสนามกันไปหมด
“ทำไมวันนี้ดูคึกคักแปลกๆวะ?” ฮันบินถามจุนฮเวเมื่อเดินเข้ามาในห้องเรียน
“ก็เพิ่งได้ประกาศเมื่อกี้ว่าการเรียนการสอนจะน้อยลงเพราะให้นักเรียนเตรียมงานโรงเรียนไง” ถึงว่าทำไมฮันบินสงเกตุได้ว่าหน้าตาของจุนฮเวมันสดใสผิดปกติทั้งๆที่เมื่อคืนมันเพิ่งผ่านคืนพระจันทร์เต็มดวงมา
“อ๋อ
แบบนี้ก็ว่างเลยดิ แล้วเมื่อคืนล่ะเป็นไงบ้าง?” ฮันบินถามพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง
“ไม่รู้สิ
เหมือนฉันจะมีสติอยู่แปปหนึ่งเพราะมีเสียใครไม่รู้เข้ามาให้หัว”
“เสียงใครวะ?”
“ไม่รู้ว่ะ
แต่เสียงนั้นคุ้นมากเลยนะเว้ย แต่ฉันจำไม่ได้ แล้วพอฉันตื่นมาก็เจอเสื้อโค้ดตัวหนึ่งพร้อมกับรอยเลือดที่ติดอยู่ที่เล็บ”
“เฮ้ย
เจ้าของเสื้อโค้ทโดนแกฆ่าตายไปแล้วรึเปล่า?”
“ไอ้บ้า
ฉันรู้สึกได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้ฆ่าใครนะเว้ย อย่ามาใส่ร้ายฉันไอ้บิน” จุนฮเวพูดพร้อมกับเคาะหัวเพื่อนรักไปหนึ่งทีข้อหากล่าวหาเขา
“เออ
ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ แล้วก่อนหน้านั้นมีใครมาหาแกรึป่าว?”
จุนฮเวนิ่งคิดไปแปปหนึ่งว่าจะบอกฮันบินดีมั้ย
“ไม่มี
ฉันอยู่คนเดียว” จุนฮเวส่ายหัว
เขาเลือกที่จะไม่บอกเพราะภาพสุดท้ายที่เห็นตอนที่มีสติคือจินฮวานวิ่งหนีไป
“แล้วเจ้าของเสื้อโค้ดนั้นคือใคร
แกน่าจะจำกลิ่นได้..แค่กๆ!”
ยังไม่ทันทีฮันบินจะพูดจบอยู่ดีๆฮันบินก็ไอขึ้นมาอย่างหนักเหมือนกับสำลักอะไรซักอย่างและเริ่มไอหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ฮันบินแกไม่สบายหรอวะ? เฮ้ย! เป็นอะไรวะ” จุนฮเวตกใจเมื่อเห็นฮันบินจับที่คอของตัวเองแล้วเริ่มหายใจติดขัดทีล่ะนิด
“ฉัน..อึก..หายใจ..ไม่ออก”
ฮันบินพูดออกมาอย่างยากลำบากก่อนจะล้มลงไปนอนกับพื้นโดยที่มีจุนฮเวประคองหัวไว้
“ค่อยๆหายใจเข้าออกข้าๆนะ
หายใจเข้า หายใจออก”
ฮันบินพยายามหายใจเข้าออกตามเสียงของจุนฮเวแต่มันทำให้อย่างลำบากเหลือเกิน
ฮันบินรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมารัดคอเขาและมันก็เริ่มรัดคอเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ลมหายใจของฮันบินเริ่มติดขัดมากขึ้น
เสียงของจุนฮเวที่บอกให้เขาหายใจเขาออกยังคงดังก้องอยู่ในหัว
ฮันบินรับรู้แต่ไม่สามารถทำตามได้อีกแล้ว เขารู้สึกเหมือนเขากำลังจะตาย
‘นายเป็นอะไร?’ แล้วอยู่ๆเสียงของจีวอนก็ดังขึ้นมาในหัวของฮันบิน
ฮันบินพยายามตั้งสติแล้วตอบกลับจีวอนไป
‘ผมไม่รู้
อยู่ดีๆผมก็หายใจไม่ออก’
‘จะบ้ารึยังไง!! อยู่ดีๆก็มาหายใจไม่ออกเนี้ยนะ
นายต้องบอกฉันมาว่---‘
เฮือก!!
เสียงของจีวอนหายไปพร้อมกับที่ฮันบินหอบหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วหอบหายใจ
จุนฮเวรีบลูบหลังฮันบินแล้วมองอาการเพื่อนของตัวเองที่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว
ฮันบินไม่รู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดคอของเขาอีกแล้ว
แล้วตอนนี้เขากำลังจะหายใจเป็นปกติ
“เป็นไงบ้าง?” จุนฮเวถามพร้อมกับยื่นขวดน้ำให้ฮันบิน
เขารับมันมาก่อนจะยกขึ้นดื่ม
“ตอนนั้นรู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดคอทำให้ฉันหายใจไม่ออก”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“ดีขึ้นแล้วไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว” ฮันบินบอกพร้อมกับลูบที่ลำคอตัวเองเบาๆ
จุนฮเวถอนหายใจเบาๆอย่างโลงอก
“นี้มันเรื่องบ้าอะไรวะ
เมื่อคืนก็มีหมาป่าบุกเข้าบ้านของบ๊อบบี้จะมาฆ่าฉัน” ฮันบินบ่นอย่างหัวเสีย เขาไม่ชอบเลยที่เป็นแบบนี้
ไม่มีใครชอบหรอก
อีกอย่างจีวอนก็ดันเข้ามาในหัวเขาแล้วยังจะมาว่าอีกมันยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“ว่าไงนะ!
เมื่อคืนมีหมาป่าเข้าไปในบ้านของบ๊อบบี้?
เพราะแบบนี้ใช่ไหมมือแกถึงได้เป็นแบบนั้น”
จุนฮเวพูดก่อนจะมองมือของฮันบินที่มีผ้าพันอยู่
“เออไง
พี่ยุนฮยองบอกว่าพวกมันถูกสะกดมา”
“เฮ้! พวกนายขอแรงไปช่วยจัดของหน่อยสิ
คนหายไปไหนหมดก็ไม่รู้” ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะคุยกันเสร็จ
เสียงของมินอาดังอยู่ที่หน้าประตูห้องทำให้ทั้งคู่หันไปมอง
“ได้ๆดิ” ฮันบินบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ไหวแน่นะ? เรื่องหมาป่าที่เข้าไปในบ้านของบ๊อบบี้ฉันจะไปถามพ่อให้” จุนฮเวบอกระหว่างที่กำลังเดินไปหามินอา
“อื้อ
ขอบใจนะจุนฮเว” ฮันบินบอกก่อนพยักหน้าไปให้
“งั้นป่ะ
ได้พวกนายมาช่วยคงดีไปอีก” มินอาบอกยิ้มๆก่อนจะเดินนำหน้าทั้งคู่ไป
ฮันบินกับจุนฮเวเดินตามหลังของเธอไป ภายในหัวของฮันบินยังคิดเรื่องนี้เขาคงต้องหาคำตอบให้ได้
“ชักจะสนุกขึ้นมาแล้วสินะ”
เสียงๆหนึ่งที่แอบดูฮันบินอยู่พึมพำขึ้น
การที่ได้มาแอบดูเหยื่อของตัวเองกับแหย่นิดๆหน่อยๆมันช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้
รอยยิ้มที่มุมปากบ่งบอกถึงการมาครั้งนี้ไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน คงต้องแกล้งมากกว่านี้แล้วล่ะ
#นิทานของฮันบิน
มินโฮได้รับโทรศัพท์โทรเข้ามาหาในตอนเช้า
โดยลูกน้องของเขาเป็นคนโทรมาบอกว่าพวกนอกรีตต้องการทำข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันกับพวกเขาในเมืองนี้
มินโฮถือว่านั้นเป็นโอกาสดีที่จะได้เข้าใกล้พวกนอกรีตมากขึ้น แล้วตัวเขาเองก็อยากคุยกับพวกนั้นมานานแล้ว
มินโฮก็เลยโทรไปหาจีวอนให้มาด้วยกัน และตอนนี้ทั้งคู่กำลังเดินไปในสถานที่นัดพบ
“ไม่ยักรู้ว่าบีไอมาอยู่กับพี่แล้ว” จีวอนพูดขึ้นตอนนี้เขานั้นอยู่ฝั่งข้างคนขับ
“เห็นรึไง?” มินโฮถามระหว่างขับรถ
“ฉันไม่ได้ตาบอดนะ
เอามันมาอยู่ด้วยก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
“ขอบใจที่เตือน
ถ้าหมอนั้นทำผิดเมื่อไรฉันไม่ปล่อยไว้หรอก”
“ให้จริงอย่างที่พูดแล้วกัน
อย่าให้เป็นเหมือนคราวที่แล้วล่ะ”
จีวอนพูดก่อนจะออกไปมองทางหน้าต่าง
ก่อนที่ตัวเองจะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกไม่ใช่เพราะว่ามันเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง
แต่มันเกิดขึ้นกับอีกคน คนที่เขาได้ผูกชะตาติดกันไว้
เขาเริ่มจะขมวดคิ้วพลางสงสัยว่าเด็กคนนั้นเป็นอะไรอีก
“เป็นอะไรน่ะบ๊อบบี้?”
มินโฮถามขึ้นเมื่อเห็นจีวอนนั่งกำมือแน่นท่าทางคิ้วขมวด
จีวอนส่ายหัวเป็นคำตอบก่อนที่จะพยายามหายใจให้เป็นปกติ ก่อนที่จะตั้งกระแสจิตให้เสียงของเขาเข้าไปในหัวของฮันบินและมันได้ผล
แต่ยังไม่ทันที่จีวอนจะคุยกับฮันบินเสร็จเขาก็หลุดออกมาจากหัวของฮันบินพร้อมกับความรู้สึกนั้นก็หายไปด้วย
จีวอนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะนั่งพิงเบาะรถ
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ?” มินโฮถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่ได้เป็นดิ
จะถามทำไมหลายรอบ” จีวอนตอบด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
ที่หงุดหงิดที่ว่าก็คือตัวเองดันไปผูกชะตากับเด็กคนนั้นเอาไว้เลยทำให้เขาโดนไปด้วย
แม่ให้เขาทำแบบนี้นั้นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรอ
“แล้วเมื่อคืนทำไมถึงมีหมาป่าเข้าไปในบ้านนายล่ะ?”
“มันจะมาเอาตัวฮันบิน
ก่อนกลับก็แวะเข้าไปที่ฝูงของพวกนั้นหน่อยแล้วกัน”
มินโฮพยักหน้าแล้วไม่ถามอะไรต่อ
ตอนนี้พวกเข้าขับเข้าถนนมาที่ทั้งสองข้างทางมีแต่ป่า
เส้นทางนี้เป็นทางที่คุ้นเคยสำหรับทั้งคู่
มินโฮขับต่อไปอีกนิดก่อนจะเลี้ยวเข้าเส้นทางหนึ่งที่ทอดยาวเข้าไปแล้วหยุดรถเมื่อถึงที่หมาย
เป็นที่รู้กันว่าที่นี้อยู่ใกล้ฝูงหมาป่าซึ่งเป็นฝูงของพ่อจุนฮเว
บริเวณนี้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีบ้านที่อยู่ติดหนองน้ำนั้นอยู่หนึ่งหลัง
จีวอนและมินโฮเลือกที่จะพิงรถรอ
ทั้งคู่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องนัดมาคุยกันที่นี้ พอรอไปได้สักพักก็มีรถอีกคันเข้ามาพอดี
“ขอโทษที่ให้รอ” ชายหนุ่มรูปร่างภูมิฐานแต่งกายด้วยสูทสีดำลงมาจากรถ
พร้อมกับผู้ติดตามอีกสองสามคนกำลังเดินลงมาหาจีวอนและมินโฮ
“แกคือ…?”
จีวอนถาม
“ผมชื่อ
เซบาสเตียน เป็นตัวแทนของหัวหน้าของพวกเราในการเจรจาครั้งนี้”
“พวกเราอยากคุยกับหัวหน้าของพวกคุณมากกว่า?” มินโฮบอก
“หัวหน้าของพวกเราไม่ว่างครับ
เลยส่งผมมาแทน”
“งั้นหรอ? มีเวลานัดได้แต่ไม่มีเวลามาเนี้ยนะ” จีวอนพูด
“เอาน่าน้องชาย
เรามาฟังข้อตกลงของพวกเขากันดีกว่า” มินโฮบอกพร้อมกับเดินมายืนตรงหน้าเซบาสเตียน
“ข้อตกลงของพวกเราก็คือ
พวกเราอยากจะขอให้พวกคุณไม่มาขัดขว้างการทำงานของเรา พอพวกเราทำงานเสร็จเราก็จะไป” เซบาสเตียนบอก
“แล้วงานของพวกแกที่ว่านั้นคืออะไร?” จีวอนถามกลับก่อนจะมายืนข้างมินโฮ
“เห็นทีพวกเราคงจะบอกคุณไม่ได้”
“ถ้าบอกไม่ได้งั้นพวกเราก็คงให้คุณทำงานของคุณไม่ได้” มินโฮพูด
“ถ้าคุณคิดจะเสี่ยงกับพวกเราก็ลองดู” เซบาสเตียนพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“ดีเลย
เรื่องเสี่ยงๆฉันชอบอยู่แล้ว อย่าคิดว่าพวกเราจะปล่อยให้พวกแกทำอยู่ฝ่ายเดียว” จีวอนบอกพร้อมกับยกยิ้มไปให้
“ตกลงว่าคุณจะบอกได้หรือยังว่างานของพวกคุณคืออะไร?” มินโฮถามย้ำอีกครั้ง
“พวกเราบอกไม่ได้จริงๆครับ” เซบาสเตียนยังคงตอบกลับมาคำเดิมพร้อมกับรอยยิ้มนั้น
“ถ้างั้นก็ฝากไปบอกหัวหน้าของพวกคุณแล้วกันว่าเราไม่อนุญาติ
ถ้าคิดจะทำอะไรล่ะก็เตรียมรับผลที่ตามมาด้วยล่ะ” มินโฮบอกพร้อมกับใบหน้าที่เรียบนิ่ง
“เข้าใจแล้ว
ตกลงตามนี้แล้วกันนะครับ พวกคุณก็เตรียมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกัน”
เซบาสเตียนบอกพร้อมกับเดินขึ้นรถของตัวเองไปโดยที่มินโฮและจีวอนยังยืนมองอยู่
“อ๋อ
แล้วก็ระวังคนในครอบครัวพวกคุณไว้ด้วยนะ โดยเฉพาะคนใหม่” พอพูดจบรถของเซบาสเตียนก็ขับออกไป
เป็นอันที่รู้กันอยู่แล้วว่ายังไงพวกนอกรีตต้องพุ่งเป้ามาที่ฮันบิน
ทั้งคู่เลยไม่ประหลาดใจอะไรซักเท่าไร
แค่อยากจะรู้ว่าต่อไปพวกนอกรีตจะทำยังไงในเมื่อพวกเขาไม่อนุญาตให้ทำ
ทั้งคู่หันมามองหน้ากันก่อนที่จะขึ้นรถแล้วขับออกไป
“คิดว่าไง?” มินโฮถามจีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ก็ไม่คิดว่าไง”
“แล้วไม่คิดจะปกป้องคนของแกเลยหรือยังไง?”
“ปกป้องน่ะมันเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำอยู่แล้ว
เพราะพี่อย่าลืมว่าถ้านายนั้นตายผมก็ต้องตายด้วยเหมือนกัน
ยังไงก็ต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้อยู่แล้ว”
“นายจะซ่อนความรู้สึกนั้นไว้นานเท่าไรบ๊อบบี้
ฉันอยากจะรู้จริงๆ”
จีวอนเลือกที่จะไม่ตอบก่อนที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถแทน
ความรู้สึกนั้นมีแค่เขากับมินโฮที่รู้ว่ามันคืออะไร
และจีวอนเลือกจะซ่อนมันไว้เพราะไม่ให้ตัวเองอ่อนแอและนี้คืออีกเหตุผลหนึ่งที่เขาเลือกที่จะออกจากเมืองนี้ไปซักพักแล้วกลับมาเป็นคนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ยังเหลือที่สุดท้ายที่เขาจะไปนั้นคือฝูงหมาป่าที่มีอยู่ฝูงเดียวในเมือง
เมื่อคืนที่มีหมาป่าบุกเข้ามาในบ้าน จีวอนไม่นึกถึงฝูงอื่นนอกจากฝูงนี้
เขาไม่ได้ตั้งใจมาหาเรื่อง แค่อยากมาถามก็แค่นั้น
มินโฮขับรถเข้าไปในบ้านของหัวหน้าฝูงผู้ซึ่งเป็นพ่อของจุนฮเวที่ตั้งอยู่ในป่า
สองข้างทางดูเป็นธรรมชาติ เมื่อรถจอดสนิททั้งคู่ก็ก้าวลงจากรถ
ยังไม่ทันที่จะเข้าบ้านไปพ่อของจุนฮเวก็ออกมาตอนรับซะแล้ว
“มาถึงที่นี้มีอะไรรึป่าว?” พ่อของจุนฮเวตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะเปิดประตูให้สองคนเข้ามา
บ้านของพ่อจุนฮเวเป็นบ้านที่สร้างเอง
โดยเป็นไม้ทั้งหลัง มันไม่ใหญ่โตมากแต่ภายในบ้านดูกว้างและสบาย
แถมยังตั้งติดริมแม่น้ำที่มีลมพัดตลอดเวลาซะอีก
“ผมมีเรื่องอยากจะมาถามน่ะ” จีวอนบอกก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้โซฟาตรงห้องรับแขกตามด้วยมินโฮ
“งั้นดื่มชาก่อนนะ แล้วค่อยมาคุยกัน” พ่อจุนฮเวยังคงเป็นเจ้าบ้านที่ดี เขาสั่งให้แม่บ้านของตัวเองไปเอาน้ำชามาให้ทั้งคู่ก่อนที่จะรับมันมาแล้วยกดื่ม
“มีเรื่องอะไรหรอ?” พ่อจุนฮเวเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา
สายตาของจีวอนดันไปเห็นแทอุนที่เดินเข้ามาแล้วมายืนอยู่ด้านหลังของพ่อจุนฮเว
“เมื่อคืนมีหมาป่ากลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในบ้านของผม
พวกมันเข้ามาทำร้ายคนในบ้าน ผมจำเป็นต้องฆ่าพวกมัน” ระหว่างที่จีวอนพูดก็เงยหน้าขึ้นไปมองแทอุนด้วย
แทอุนหันหน้าออกไปมองหน้าต่างเลยทำให้จีวอนยกยิ้มขึ้นมา
“เป็นแบบนั้นได้ยังไง
ถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงพวกเราจะควบคุมไม่ได้แต่ไม่เคยบุกเข้าบ้านใคร”
“พวกมันโดนสะกด
ตอนนี้พวกเรากำลังสืบอยู่ว่าใครเป็นคนทำน่ะ” มินโฮบอก
“แน่ใจรึป่าวว่าไม่ใช่คนในฝูงของพวกคุณ?” จีวอนถามขึ้น
“ไม่ใช่แน่นอน
เพราะคนในฝูงของเราไม่มีทางทำแบบนั้น จิตใจเข้มแข็งพอไม่โดนสะกดง่ายๆหรอกนะ” พ่อของจุนฮเวตอบอย่างมั่นใจ
“แล้วถ้าพวกผมสืบได้ล่ะว่าเป็นคนในฝูงของคุณจะให้ผมทำยังไง?”
“ทำได้เลยตามที่พวกคุณต้องการ” สิ่งหนึ่งที่พ่อของจุนฮเวมีคือการที่เข้าเป็นคนที่เที่ยงตรง
ใครผิดก็บอกว่าผิด ใครถูกก็บอกว่าถูก เขาจะยึดหลักความจริงเสมอ
คำตอบนั้นทำให้จีวอนยิ้มมุมปากออกมา
“ถ้างั้นผมไปล่ะ
ขอโทษที่มารบกวน” จีวอนบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป
แต่ก่อนที่จะเดินออกไปสายตายังคงมองแทอุนอยู่เสมอ
ส่วนแทอุนก็มักจะหลบสายตาของจีวอนอยู่ตลอด
“ได้เรื่องยังไงบอกกันด้วยล่ะ” พ่อของจุนฮเวบอกมินโฮก่อนที่มินโฮจะพยักหน้าให้แล้วเดินตามจีวอนไปที่รถ
“พอจะรู้แล้วสิว่าใคร”
“รู้
แต่ก็ยังไม่มั่นใจ ถ้ามันไม่มามอบตัวก็รอจนกว่าเราจะสืบได้ ไม่นานหรอกพี่ชาย”
จีวอนตอบมินโฮพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
ทำให้มินโฮยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะขับรถออกจากบ้านของพ่อจุนฮเวไป
จีวอนรู้แค่ว่าอาจจะมีคนหนึ่งในฝูงเป็นคนทำ
แต่มันต้องร่วมมือกับใครซักคนเพื่อทำงานนี้
เพราะลำพังหมาป่าอย่างเดียวทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าถึงเวลาที่เขารู้แล้วว่าเป็นใครเขาจะไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่
บังอาจมายุ่งกับของๆเขาแบบนั้นจะปล่อยไว้ได้ยังไงล่ะ
#นิทานของฮันบิน
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว
จึงไม่แปลกที่ตอนนี้พวกร้านเหล้าที่มีอยู่ในเมืองจะพากันเปิดขึ้น
ยุนฮยองเดินเข้าไปในร้านประจำก่อนจะนั่งลงที่บาร์ที่มีบาร์เทนเดอร์คนหนึ่งกำลังจัดชั้นวางขวดเหล้าหลายชนิดที่วางเรียงกันให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
“รับอะไรดีครับ?” บาร์เทนเดอร์คนที่ว่าถามยุนฮยองทั้งๆที่ยังจัดขวดเหล้านั้นไม่เสร็จ
“คิดจะถามลูกค้าทั้งๆที่ยังหันหลังให้อยู่หรือไง?” ยุนฮยองถามพร้อมกับส่งยิ้มให้บาร์เทนเดอร์ที่กำลังหันหลังมาหาเขา
“ฉันว่าแล้วเสียงคุ้นๆ
เป็นนายนี้เอง” ดงฮยองหันมาก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้ยุนฮยอง
ดงฮยองทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่นี้มาหลายปีแล้ว
หลังจากวันนี้ที่ตอนเช้าทั้งคู่ออกไปสืบหาเรื่องราวบางอย่างด้วยกันก็ได้แยกกันช่วงตอนบ่าย
ถ้าถามว่าดงฮยองกับยุนฮยองสนิทกันมากมั้ยบอกได้เลยว่ามาก
ยุนฮยองกับดงฮยองสนิทกันมาหลายร้อยปีแล้วตามประสาของพวกแวมไพร์
ช่วงเวลาหนึ่งทั้งคู่เลยรักกันชอบกันแต่เรื่องนี้ล่ะเป็นเหตุผลที่ทำให้ยุนฮยองต้องหลับไปอยู่ในโลง
ดงฮยองก็เลยเลือกที่จะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้เพื่อเป็นการปกป้องยุนฮยอง
“นายไม่เคยเบื่อเลยหรือไงที่มาทำแบบนั้นทุกวัน?” ยุนฮยองถามขึ้นตอนที่ดงฮยองวางแก้วเหล้ารสโปรดวางลงตรงหน้าเขา
“ถ้าฉันเบื่อคงจะเลิกทำไปแล้วล่ะ
นายก็รู้ มันดีนะที่ได้เห็นผู้คนผ่านไปมาทั้งเป็นมนุษย์ แวมไพร์ แม่มดหรือหมาป่า
มันเพลินดี” ดงฮยองตอบพลางเช็ดแก้วเหล้าไปด้วย
“แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเราใช่มั้ยล่ะ?”
“ไม่หรอก
นายรู้มั้ยว่าเดี๋ยวนี้น่ะ พวกมนุษย์มาที่นี้มากขึ้น”
“น่าแปลก
ปกติแล้วก็มีมาเที่ยวบ้างแต่มาที่นี้มากขึ้นมันน่าแปลกอยู่นะ”
“แต่ก็ดีนะ
ฉันว่ามันเพิ่มรายได้สำหรับพวกเราไปด้วย”
ยุนฮยองพยักหน้าเบาๆ แล้วหลังจากนั้นบทสนทนาของทั้งคู่ก็เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ
พอเรื่องเก่าจบไปก็จะมีเรื่องใหม่ขึ้นมาคุยใหม่ พอเริ่มดึกลูกค้าในร้านก็เริ่มมากขึ้น
ยุนฮยองเลยเปลี่ยนหน้าที่จากตอนแรกมาเป็นลูกค้าจนตอนนี้มาเป็นผู้ช่วยบาร์เทนเดอร์แทน
ด้วยความหล่อเหลาราวกับเจ้าชายของยุนฮยองทำให้สาวๆแวะเวียนมากันที่บาร์อย่างไม่ขาด
รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนั้นถูกส่งไปให้สาวๆหลายต่อหลายคนที่เดินเข้ามาหาเขา
“ยังครองตำแหน่งเจ้าชายไว้ได้สินะ” ดงฮยองแซว
“แน่นอน
เพราะว่าตำแหน่งนี้ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยนะครับ” ยุนฮยองตอบพร้อมกับเก๊กท่าไปด้วยสร้างความมั่นไส้ให้ดงฮยองไม่มากก็น้อย
และทุกคนในร้านก็หันไปมองทางด้านเวทีที่ตั้งอยู่ในร้าน
ดูเหมือนว่าจะมีนักร้องขึ้นมาแสดงแล้ว ที่นี้ไม่เหมือนร้านเหล้านั่งชิวทั่วไป
เมื่อถึงเวลาห้าทุ่มจะมีนักร้องแต่ส่วนใหญ่จะเป็นแร็พเปอร์ขึ้นมาสร้างความสนุกให้ลูกค้าในร้าน
“นายรู้อะไรมั้ยว่าตอนที่นายหลับอยู่ในน่ะ
บ๊อบบี้กับมินโฮก็มาที่นี้เหมือนกันนะ” ดงฮยองบอกในขณะที่ยุนฮยองกำลังดูแร็ปเปอร์คนหนึ่งแร็พพร้อมกับบีสหนักๆทำให้คนในร้านคึกครืนไปอีก
“มาแร็พน่ะหรอ?” ยุนฮยองหันไปถามด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น เขาไม่เคยเห็นทั้งคู่ทำอะไรแบบนั้นเพราะหลับอยู่ในโลงนั้นล่ะ
ดงฮยองพยักหน้าแล้วพูดขึ้นอีกว่า
“สาวๆน่ะ
ติดทั้งคู่เยอะเลยนะ แต่ตั้งแต่บ๊อบบี้กลับเข้าเมืองมา ทั้งคู่ก็ไม่ได้มาอีก
สงสัยคงจะยุ่งๆล่ะมั้ง”
“หึ
สักวันฉันจะลากทั้งคู่มาแร็พให้ดูที่นี้ให้ได้เลยคอยดูสิ” ยุนฮยองบอกก่อนจะยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีต่อ
แต่แล้วสายตาของยุนฮยองก็ดันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งท่าทางมองซ้ายมองขวา
ก่อนจะเดินตามผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินไปทางห้องน้ำ
ยุนฮยองหันไปบอกดงฮยองก่อนจะรีบเดินตามผู้ชายคนนั้นไป ถ้าเกิดว่าท่าทางของผู้ชายคนนั้นไม่ดูเหมือนว่ากำลังจะเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ล่ะก็ยุนฮยองจะไม่สนใจเลยซักนิด
ด้วยหูที่ได้ยินเสียงจากในระยะไกลยุนฮยองรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนั้นกำลังหอบหายใจแรงมากขึ้น
ตามใบหน้ามีเหงื่อที่ผุดขึ้นมา ตาเป็นสีแดงสดตลอดเวลา ริมฝีปากแห้ง
ผู้หญิงคนที่โดนสะกดรอยตามได้เข้าไปในห้องน้ำหญิง
เวลานี้แถวๆห้องน้ำไม่มีใครอยู่เลยเพราะว่าทุกคนกำลังสนุกกันอยู่ด้านใน
เมื่อเห็นทางสะดวกผู้ชายคนนั้นรีบตามเข้าไปในห้องน้ำทันที
“กรี๊ด!!!”
เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดทำให้ยุนฮยองไม่ลังเลเลยที่จะเปิดประตูเข้าไป
เมื่อเปิดประตูเข้ายุนฮยองก็เจอเข้ากับผู้ชายที่เข้าสะกดรอยตามเข้ามากำลังกัดคอดูดเลือดของผู้หญิงคนที่เป็นเหยื่ออยู่
ด้วยความตกใจที่เห็นยุนฮยองผู้ชายคนนั้นรีบปล่อยก่อนจะใช้ความเร็วของแวมไพร์วิ่งชนไหล่ของยุนฮยองจนเกือบล้มแล้วหนีไป
“แรงเยอะชะมัด”
ยุนฮยองบ่นอุบอิบก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นที่ตอนนี้เธอหยุดหายใจไปแล้ว
“มนุษย์งั้นหรอ?” ยุนฮยองมองก่อนจะนั่งยองๆข้างศพนั้นแล้วจัดการจับหน้าของผู้หญิงคนนั้นให้พลิกไปอีกด้านเพื่อจะให้เห็นรอยกัด
“นี้มันรอยของพวกเลือดใหม่นิ
ถึงว่าล่ะทำไมหมอนั้นแรงเยอะ”
ยุนฮยองพูดพร้อมกับขมวดคิ้วมองรอยเขี้ยวสองจุดที่ปรากฏอยู่บนคอของศพ
มีสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้นั้นก็คือแวมไพร์มีสองประเภท
นั้นก็คือพวกที่เป็นแวมไพร์มานานแล้วกับพวกเลือดใหม่
รอยเขี้ยวทั้งสองประเภทนั้นจะไม่เหมือนกัน
รอยเขี้ยวของพวกเลือดใหม่จะเป็นเหมือนจุดสองจุดคล้ายๆกับเหมือนเวลาโดนงูกัด
แต่รอยเขี้ยวของพวกที่เป็นแวมไพร์มานานแล้วจะเป็นเหมือนรอยฟัน
และอีกอย่างพวกเลือดใหม่จะมีแรงเยอะกว่าพวกที่เป็นแวมไพร์มานานแล้วอีกหลายเท่า
และพวกนี้ก็จะคุ้มการกระหายของตัวเองไม่ได้ด้วย
แต่ที่น่าแปลกนั้นก็คือ
กฎของเมืองนี้เท่าที่ยุนฮยองรู้มาห้ามเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นแวมไพร์ แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นมนุษย์ขึ้นมาก่อน
ก่อนที่จะโดนเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์
“วุ่นวายแน่ๆล่ะคราวนี้”
ยุนฮยองบอกก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำไปแล้วสั่งให้การ์ดที่อยู่ในร้านมาเก็บศพไปไว้ที่รถของตัวเอง
เขาต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกจีวอนและมินโฮแล้วปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อ
เพราะถ้ายังมีพวกเลือดใหม่อยู่อีกล่ะก็จากเมืองนี้ที่อยู่กันแบบสงบมันจะไม่สงบอีกต่อไป
To Be Continued
Talk ::
รีดคงคิดในใจทำไมไรท์ขยันสร้างปม ขอโทษค่ะ 55555
อ่านแล้วเม้นกันหน่อยน๊าา เม้นเถอะ วงวารเรา เป็นกำลังใจให้มากเลย
แอบสปอย์ว่าตอนหน้ามีโมเม้นให้กริ๊ดนิดหน่อย ไม่บอกคู่ด้วย
แต่ไม่รู้ว่ารีดจะกริ๊ดกันไหม 55555
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
เข้าไปสกรีมแท็กให้ด้วยจะขอบคุณมาก
รัก
ความคิดเห็น