ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ไออุ่นของคิว : Chapter 12
12
“สวัสดีตอนกลางคืนครับ”
น้องคิว!
“ง...ไง” ฉันฉีกยิ้มถึงแม้ในใจจะยังคงมีคำถามว่าเขามาที่นี่ทำไมแต่ก็ไม่กล้าพูดมากเพราะยังมีคดีติดตัวอยู่เมื่อคืน
น้องคิวชูกระดาษเอสี่สามใบให้ฉันดู “ช่วยเลือกแบบชุดให้หน่อยได้ไหมครับ?”
“ด..ได้ เข้ามาก่อนสิ” ฉันจัดการเปิดประตูรั้วให้อีกฝ่ายเข้ามาก่อนจะเดินนำไปนั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์
แรงยุบฮวบบ่งบอกว่าน้องคิวได้นั่งลงข้างๆเป็นที่เรียบร้อย
“พอดีออกแบบไว้เยอะแต่ไม่รู้จะเลือกอันไหนดีเลยคิดว่าให้นางแบบเป็นคนเลือกเลยน่าจะดีกว่า” เขาเข้าประเด็นไม่มีการอ้อมค้อมใดๆฉันจึงหยิบกระดาษสามใบนั้นมาดูอย่างพินิจพิจารณา
ทั้งสามชุดดูสวยกันไปคนละแบบเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ว่าทำไมเขาถึงเลือกไม่ได้
นี่คงจะคัดมาแล้วแหละ ภาพแรกเป็นออกแนวชุดราตรีสีฟ้าสวยแบบสง่าส่วนชุดที่สองเป็นเอี๊ยมกระโปรงออกแนวสาวขี้เล่นแต่ชุดที่สะดุดตาฉันมากที่สุดคงจะเป็นชุดเจ้าสาวสีม่วงของใบที่สาม
คือมันก็ไม่ได้เป็นชุดเจ้าสาวจ๋าขนาดนั้น อารมณ์แบบใช้ชุดเจ้าสาวเป็นแบบมั้งฉันก็ไม่รู้
“ชุดนี้” ฉันจึงยื่นส่งมันไปให้คิว แต่ว่า...
“อยากแต่งงานเหรอครับ?” อีกฝ่ายก้มมองกระดาษแผ่นนั้นแล้วเอียงคอเล็กน้อย
ไอ้ความน่ารักโดยไม่เสแสร้งนี่มันคืออะไรกัน
“เปล่าซะหน่อย มันสะดุดตาดี” อ๋อ ลืมบอกไปว่าอาจารย์ของน้องคิวบอกจะจัดเป็นงานประกวดร่วมด้วยเลย
แบบทั้งส่งไฟนอลและประกวดไปในเวลาเดียวกัน
“นึกว่าพี่ไออุ่นอยากแต่งงาน” ร่างสูงยกยิ้มมุมปาก “ผมจะได้เป็นเจ้าบ่าวให้”
หัวใจฉันเต้นผิดจังหวะในทันที
หมับ!
น้องคิวใช้ช่วงเวลาที่ฉันเผลอรวบร่างของฉันให้ไปอยู่ในอ้อมกอดส่งผลให้ใบหน้าของฉันจมลงไปกับอกแกร่ง
นี่มันอะไรกัน ฉันกำลังถูกน้องคิวกอดงั้นเหรอ...
...ทำไมถึงไม่ผลักน้องเขาออกไปล่ะ แล้วนี่จะมากอดฉันทำไม
ในหัวฉันเต็มไปด้วยคำถามหมดแล้วนะ
“เอ่อ...”
“พี่ไออุ่นสัญญากับผมสิครับว่าต่อไปนี้จะไม่ยั่วผู้ชายคนไหนอีก”
“ยั่ว?” ฉันทวนคำเสียงอู้อี้ อยากจะถามมากกว่านี้แต่พอจะพูดริมฝีปากก็โดนเข้ากับกล้ามเนื้ออกของอีกฝ่ายจนได้
ถึงแม้ว่าจะมีเสื้อกั้นไว้แต่มันบางมากๆเลยนะ
ว่าแต่ฉันไปยั่วใครตอนไหนกัน?
ฉับพลันภาพในอดีตที่ฉันไปเต้นบนเวทีก็ฉายขึ้นมาทำเอาใบหน้าฉันเห่อร้อนอย่างห้ามไม่อยู่
เขาหมายถึงเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม? ต้องใช่แน่ๆ แต่รู้ไหมว่าอะไรทำให้ใบหน้าฉันเห่อร้อนมากกว่าเดิม...ก็คำพูดของเขาหลังจากนี้ไง
“ยั่วผมแค่คนเดียวก็พอ”
ตึกตัก ตึกตัก
ไม่อยู่...ฉันห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นดังขนาดนี้ไม่อยู่จริงๆ
น้องคิวคลายอ้อมกอดโดยใช้มือจับที่ต้นแขนฉันเอาไว้แทน “พี่อุ่นกำลังใจเต้น?”
บ้าจริงเขาได้ยินจนได้ นี่มันดังขนาดนั้นเลยรึไง “ใจไม่เต้นก็ตายสิ”
“หรือว่า...” น้องคิวไม่สนคำแถข้างๆคูๆของฉันหนำซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนพลันใจเจ้ากรรมดันเต้นหนักกว่าเดิม
“อ...อะไร?” ฉันผลักอีกฝ่ายออกในตอนที่ใบหน้าเราใกล้ชิดกันเกินไปก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน
น้องคิวลุกขึ้นตาม
“พี่...”
“ได้คำตอบแล้วก็กลับไปสิ” ฉันรวบรวมกระดาษทั้งสามใบแล้วยัดไปในมือของอีกฝ่ายจากนั้นจึงดันหลังให้เขาเดินออกไป
อาจจะเพราะอาการของฉันที่เป็นอยู่ทำให้น้องคิวยอมเดินแต่โดยดี
“ฝันดีครับ” เขาโบกมือให้ในตอนที่อยู่นอกรั้ว ฉันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะรีบกลับเข้าบ้านไปในที่สุด
ทั้งอาการที่เป็น ความรู้สึกที่ได้รับ
ฉันว่าฉัน...ชอบเขาเข้าให้แล้วล่ะ
“ยิ้มแบบนี้อีกแล้วกูขนลุกนะเนี้ย” เสียงทุ้มส่งผลให้ฉันที่กำลังเหม่อเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของประโยคที่กำลังทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้หินอ่อนข้างตัว
“ไม่กวนกูสักวันมันจะตายรึไงวะพี่ม่อน” มาก็มาช้ายังจะว่าฉันอีก
“ตัวตลกของกลุ่มนี่เนอะ” ซีโพล่งออกมา
“สีสันเถอะมึง ใช้คำว่าตัวตลกแล้วรู้สึกแปลกๆว่ะ” พี่ม่อนเถียงกลับเสร็จจึงหันหน้ามาหาฉันพร้อมกับเท้าคางลงกับโต๊ะ “ว่าแต่มึงเถอะ ยิ้มแบบนี้มีเรื่องอะไรแน่ๆ”
รู้ทันอีก
“ไอ้มีมันก็มีนั่นแหละ” ฉันอมลมในปากพลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อนแล้วฉีกยิ้มออกมา “มึงกูชอบน้องคิว”
“…” หากแต่ผิดคาดกับที่ฉันคิดไว้เมื่อทุกคนนั่งมองหน้าฉันนิ่งไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจอะไรกับสิ่งที่ฉันบอกแม้แต่น้อย
“พวกมึงไม่ตกใจเหรอ?” ฉันเลิกคิ้ว “กูมีความรักเลยนะเว้ย”
“อา พวกกูก็พอเดาได้อยู่” เรย์เป็นคนแรกที่ตอบก่อนนางจะหันไปสนใจสิ่งที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้
“ตามนั้น” กราฟกับซียกไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ดูไม่ออกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วแหละ” เคนตะชูโทรศัพท์ที่ค้างอยู่หน้าแชทในอินสตาแกรมของน้องคิวซึ่งฉันเป็นคนคุยไว้ ปิดท้ายด้วยพี่ม่อนที่ตบบ่าฉันอย่างให้กำลังใจ
อะไรกัน แปลว่าทุกคนรู้ว่าฉันชอบน้องคิวก่อนฉันจะรู้ตัวเองเหรอ...ไม่ยุติธรรมอะ!
“จะว่าไปได้ยินไออุ่นพูดถึงน้องบาเทนเอร์คิวอะไรนั่นของมันทุกวันเลยแต่ยังไม่เคยเห็นตัวจริงสักทีเลยว่ะ” หลังจากเงียบอยู่นานกราฟก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนและคำถามนั้นส่งผลให้ฉันกลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคน
“กูเคยเห็นแล้ว” พี่ม่อนตอบ
“กูเซม” ตามด้วยเคนตะ
“แต่พวกกูไม่” เรย์ กราฟและซีโพล่งออกมาพร้อมกันอย่างกับนัดมาก่อนทำเอาฉันกระพริบตามองพวกมันอย่างงงๆ ก็อิแค่หน้าน้องคิวทำไมถึงได้สนใจกันขนาดนั้นวะ?
“งั้นเอางี้” พี่ม่อนเสนอ “วันนี้ก็บุกไปร้านที่ไอ้น้องนั่นอยู่เลย”
และเพราะแบบนั้นตอนนี้ทั้งฉันและเดอะแก็งค์ถึงได้มาปรากฏอยู่ภายในร้านเป็นที่เรียบร้อยท่ามกลางความมึนงงของฉัน
จำได้ว่าพยายามห้ามแล้วแต่ไงล่ะ ผลที่ได้คือการที่เลิกเรียนเสร็จก็แว็บไปดูหนังก่อนจะมาที่นี่น่ะสิ
“โห้ ร้านใหญ่จังวะ” เรย์ที่หันซ้ายหันขวาอ้าปากกว้าง
แน่สิที่นี่ใหญ่กว่าร้านประจำของพวกเรากันตั้งหลายเท่า
“คนเยอะด้วย” กราฟพึมพำส่วนผู้ชายอีกสามคนไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์อย่างเดียวจนฉันต้องร้องประท้วง
“ทำไมไม่เปิดโต๊ะวะ?” ฉันยื่นหน้าเข้าไปถามในตอนที่พวกมันนั่งลงบนเก้าอี้ของบาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คือเข้าใจปะว่ามากันตั้งหกคนแถมโต๊ะว่างก็มีเสือกเดินมานั่งตรงบาร์
“ถ้าไม่มานั่งตรงนี้...” ซีเว้นประโยคให้ดูน่าเร้าใจ “จะเห็นคนที่ทำให้เพื่อนกูผิดคำพูดเหรอวะ”
นี่ก็ย้ำจังไอ้ที่ฉันบอกจะไปสนใจผู้ชายในร้านเหล้าเนี้ย
“เออ อยากนั่งก็นั่งไปเลย” ฉันกระแทกเสียงใส่พร้อมกับกระโดดขึ้นนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆเรย์ประจวบเหมาะกับที่มีบาเทนเดอร์เดินมารับออเดอร์พอดีแต่ไม่ใช่น้องคิวหรอกนะ
“คนนี้เหรอ?” หลังจากสั่งเสร็จแล้วซีก็เอนหน้ามากระซิบถาม
“ไม่ใช่” แต่ฉันไม่ได้เป็นคนตอบ ให้ทายสิว่าเป็นใคร...ไอ้พี่ม่อนไง
“อ้าว น้องไออุ่น” บาเทนเดอร์คนเดิมหันมาทางฉันพลางเลิกคิ้วราวกับเพิ่งเห็นหน้า
เขาทักทายก่อนจะทิ้งท้ายไว้แล้วหมุนกลับไปที่เดิม “เดี๋ยวพี่ไปเรียกคิวมันมาให้นะ”
“แม่งรู้จักทั้งร้านแล้วมั้ง” กราฟยังมาทำหน้าไม่อยากจะเชื่อใส่ฉัน
ไม่สิทุกคนเลย...ทุกคนหันมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นหมดเลย
“จะช็อคกว่านี้ถ้ามึงรู้จักเจ้าของร้าน” ซีกลั้วหัวเราะ
ฉันรู้จักบาเทนเดอร์คนนั้นจริงแต่ไม่ถึงกับรู้จักเจ้าของร้านปะวะ
ก็ฉันมาบ่อยอะแถมพักหลังมานี้ยังมานั่งอยู่แต่เคาน์เตอร์อีก
ความจริงฉันรู้จักบาเทนเดอร์คนอื่นด้วยนะแต่แบบไม่ได้จำชื่ออะ จำแค่น้องคิวคนเดียวก็พอ
“น้องเขาจะมาทำงานรึเปล่า” ฉันหันไปมองฝั่งที่เรย์และกราฟนั่งแล้วหันกลับมามองซี
พี่ม่อนและเคนตะก่อนจะไหวไหล่เบาๆพร้อมย่นจมูกไปด้วย “น้องเขาอาจจะรู้ว่าพวกมึงมาเลยชิงลาไปก่อนงี้”
“มาครับ”
“ว๊ายแม่!” ฉันสะดุ้งโหยงในตอนที่หมุนศีรษะกลับมาเหมือนเดิมแล้วปะทะกับใบหน้าหวานที่ก้มลงมาให้อยู่ในระยะเดียวกันพอดี
ตึกตัก...ตึกตัก พลันใจก็เต้นแรงขึ้นมา
“ดีใจจังที่พี่ไออุ่นมา” มุมปากทั้งสองระบายยิ้มอย่างเริงร่าจากนั้นจึงยืดตัวขึ้นพร้อมกับหันไปมองเพื่อนๆของฉัน “สวัสดีครับผมชื่อคิวนะครับ กำลังจีบพี่ไออุ่นอยู่ ฝากตัวด้วยนะครับ” พูดเสร็จก็ฉีกยิ้มจนตาหยี
“น้องมันเอาจริงว่ะ” กราฟชูหัวแม่โป้งให้รุ่นน้องตรงหน้าทำเอาน้องคิวหัวเราะแหยะๆอย่างคนทำตัวไม่ถูก
เรย์เขยิบเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบเบาๆให้ได้ยินกันสองคนว่า “น่ารักอะ”
“ของกูอย่ายุ่ง” ฉันกระซิบกลับเสียงลอดไรฟัน
อาการหวงของแล่นแปร๊ดเข้ามาในทันทีเล่นเอาอีกฝ่ายเบ้ปากมองบนไปมา
“โอ๊ย! กูไม่ยุ่งหรอกสัส”
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก ฉันกับเดอะแก็งค์ก็นั่งดื่มไปคุยไปตามปกติส่วนน้องคิวก็ไปทำงานบ้างปลีกตัวมาหาฉันบ้างแบบที่เขาชอบทำ ถึงมันจะไม่มีอะไรแต่ทำไมในใจฉันมันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกไม่รู้
อารมณ์แบบขอแค่ได้เห็นหน้าเขาเท่านั้นก็พอ อ๋อ...ลืมบอกไป
ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่าตัวเองชอบน้องคิว
และถ้าฉันชอบใคร...ฉันจะรุกคนๆนั้นให้ถึงที่สุด
สองวันผ่านไป
ฉันนั่งเล่นโทรศัพท์ตามปกติเนื่องจากวันนี้ไม่มีเรียนบ่าย
ไม่มีเรียนมันก็ดีแต่ติดที่ว่าหากไม่มีแพลนหรือจะทำอะไรก็คือว่างเลย ว่างแบบไม่มีอะไรทำ
ว่างแบบน่าเบื่อ
ฉันนั่งเลื่อนฟีดข่าวตามปกติ เห็นรูปที่เพื่อนๆในเฟสบุ๊คอัพลงว่าได้ไปเที่ยวก็เริ่มรู้สึกอิจฉา ฉันน่ะก็อยากไปเที่ยวบ้างนะ อยู่แต่ในบ้านแบบนี้มันน่าเบื่อ...
ระหว่างที่กำลังจะเลื่อนผ่านโพสต์ๆหนึ่งไปพลันต้องหยุดชะงักซะก่อนพร้อมกับอ่านข้อความในนั้น
มันเป็นสิ่งที่เพื่อนสมัยมัธยมของฉันคนหนึ่งแชร์มา
‘สถานที่ดูพระอาทิตย์ตกดินในประเทศไทย’
ในนั้นมีสถานที่เยอะแยะไปหมด ฉันนั่งไล่ดูไปเรื่อยๆด้วยความสนอกสนใจภาวนาขอให้มีที่ใกล้ๆเพราะแค่เห็นภาพฉันก็อยากไปแล้วและเหมือนสวรรค์เข้าข้างเมื่อรูปสุดท้ายดันเป็นสถานที่ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากนี้เอง
ฉันนึกอะไรบางอย่างออกจึงจัดการแคปหน้าจอนั้นแล้วเปิดเข้าแชทไลน์ในทันที
‘คุณ : ส่งรูปภาพ’
‘คุณ : น่าไปเนอะ’
ฉันนั่งเฝ้าหน้าจอประมาณสองหน้าที่ได้ข้อความก็ถูกขึ้นว่าอ่านพร้อมกับการตอบกลับของใครอีกคน
‘เจ้างูน้อย : ครับ’
ใช่แล้ว...ฉันทักไปหาน้องคิว
...เมื่อไม่นานมานี้ฉันเปลี่ยนชื่อไลน์เขานิดหน่อยน่ะ
ว่าแต่ครับงั้นเหรอ?
ฉันส่งไปแบบนี้ก็น่าจะรู้ตัวแล้วปะว่าฉันชวนเขาอะหรือว่าฉันยังไม่เคลียร์?
งั้นทักไปอีกหน่อยก็ได้
‘คุณ : อยากไปจังแต่ไม่มีเพื่อนไป’
ข้อความถูกขึ้นว่าอ่านในทันทีแต่รอเกือบสามนาทีก็ไม่ได้รับอะไรกลับมาจนฉันถอนหายใจ
ไหนว่าจีบฉันไง โอกาสทองแบบนี้ควรจะคว้าไว้ไม่ใช่?
โอ๊ย อยากจะบ้าตาย ...ฉันกดพักหน้าจอก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน
ติ๊ง!
หมับ!
และพอแจ้งเตือนข้อความดังฉันก็รีบคว้ามาเปิดดูตาลีตาเหลือก
‘เจ้างูน้อย : ผมก็อยากพาพี่ไออุ่นไปแต่ไม่อยากไปในฐานะเพื่อน’
....ริมฝีปากฉันระบายยิ้มอย่างอัตโนมัติ…
แค่นี้ก็หลงหัวปักหัวปักแล้วพ่อคุณ!
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
แสงสีส้มสุดขอบฟ้ากำลังค่อยๆหายลงไปอย่างเชื่องช้าปล่อยให้ฉันนั่งชมความงดงามของมัน
ยามมองไปทำให้จิตใจเริ่มสงบและผ่อนคลาย
หัวใจฉันเต้นเร็วและรัวขึ้นไม่ใช่เพราะได้มาดูพระอาทิตย์ตกแต่เพราะได้มาดูพระอาทิตย์ตกกับคนที่ชอบต่างหาก
บรรยากาศในตอนนี้น่ะโรแมนติกสุดๆถ้าไม่ติดตรงที่ว่า...
“พี่ผมไม่ไหวแล้วผมง่วง”
หมดกันความโรแมนติกฉัน
เสียงที่งัวเงียนั้นบ่งบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่นแต่อย่างใด
ก็แน่ล่ะฉันมาที่นี่ตั้งแต่สี่โมงกว่าๆจนตอนนี้หกโมงแล้ว เออฉันมันผิดเองที่คิดว่าการมาดูพระอาทิตย์ตกดินมันจะทำให้ตื่นเต้นไม่ใช่ง่วงนอนแบบนี้
“งั้นกลับกันเลยก็ได้พระอาทิตย์ตกพอ...อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งเมื่อมีแรงจำนวนหนึ่งพุ่งลงมาที่ตักในตอนที่ฉันกำลังชวนเขากลับ
พอมองลงไปก็เห็นว่าแรงนั่นเป็นศีรษะของน้องคิว
เดี๋ยวนะแสดงว่าตอนนี้...น้องคิวกำลังนอนตักฉัน!
“ขอผมงีบสักแป็บนะครับไม่งั้นขับรถกลับไม่ไหวแน่” เสียงงัวเงียดังออกมาจากคนที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่
ฉันมือไม้แข็งทื่ออย่างคนทำตัวไม่ถูกเลยได้แต่นั่งให้อีกฝ่ายซุกตัวเข้ามาหา
เล่นทำแบบนี้ฉันก็ต้องแขม่วพุงเลยอะดิไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะล้อว่าฉันมีพุงหมาน้อย...ไม่สินั่นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าลมหายใจร้อนอุ่นกำลังรดผ่านเสื้อบริเวณหน้าท้องฉันต่างหาก
จั๊กจี้ชะมัด...
เหมือนเห็นว่าลมหายใจของคนบนตักเริ่มสม่ำเสมอแล้ว ฉันจึงผ่อนลมหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมของน้องคิวอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมากลางคัน
น่ารักจัง เล่นเอาอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้เลย
หลายวันต่อมา
“เฮ้ยๆเอากรรไกรมานี่ดิ”
“ใครก็ได้ใส่ด้ายให้ทีกูมองไม่เห็น!”
“กรี๊ด ไอ้คิวเอางูมึงออกไปไกลๆเลยกูขนลุก!”
“โอ๊ย ใครมันเอาสีดำมาแทรกตรงนี้วะ!”
ฉันนั่งมองสามหนุ่มหนึ่งสาวที่กำลังส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวายในขณะที่มือยังคงตั้งใจจัดการเย็บชุดตามที่ร่างในแบบไว้อย่างขมักขเม้น
วันนี้ฉันมานั่งดูกลุ่มน้องคิวทำชุดกันน่ะ
ความจริงฉันมาดูตั้งแต่สามวันที่แล้วแล้วล่ะจนฉันสนิทกับเพื่อนๆเขาไปแล้ว
ในกลุ่มเขามีสี่คนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งชื่อน้องแก้วและผู้ชายอีกสามคือน้องคิว
น้องทัชและน้องยักษ์ที่ฉันเคยเจอแล้วครั้งหนึ่ง
“พี่ไออุ่นกลับบ้านเลยไหมครับเดี๋ยวผมไปส่ง?” น้องคิวละสายตาจากผ้าในมือแล้วเดินเข้ามาหาฉันที่นั่งอยู่บนโซฟา
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก่อนจะขมวดคิ้ว
“เพิ่งสองทุ่มเอง” ปกติบางวันฉันก็กลับสี่ทุ่มนู้นแหละ
คืออยู่ห้องก็ไม่มีอะไรทำไงเลยมานั่งดูเขาเผื่ออะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยๆไป
อ๋อ...พวกเขาทำชุดกันที่บ้านน้องคิวน่ะ ช่วงนี้เห็นเขาบอกว่าลางานที่ร้านไว้แล้ว
“แต่วันนี้พวกนี้มันนอนที่นี่” น้องคิวบุ้ยหน้าไปทางเพื่อนข้างหลังของเขา
“แล้ว?”
“วันนี้พี่มาตั้งแต่เช้าแล้ว อยู่กับพวกนี้นานไปแล้ว” เสียงเขาเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ
“หวง?”
“ครับ” ตั้งแต่คราวไปดูพระอาทิตย์ตกดินครั้งนั้นความสัมพันธ์เราก็เริ่มดีขึ้น
เห็นไหมฉันคิดถูกแล้วที่พาเขาไป ฉันพยักหน้าก่อนร่างสูงจะเดินไปหยิบตู้ที่ภายในมีแซงเกรียอยู่ยื่นมาให้ฉัน “งั้นผมฝาแซงเกรียหน่อยนะครับ
พอดีแก้วมันไม่ค่อยถูกกับงูเท่าไหร่อีกอย่างเหมือนแซงเกรียจะชอบพี่ด้วย”
“ได้สิ” ฉันรับปาก น้องคิวระบายบิ้มกว้างพลางโน้มเข้ามาใกล้
“น่าอิจฉาจังนะครับ ทั้งสัตว์เลี้ยงทั้งเจ้าของต่างชอบพี่หมดเลย”
ให้ตายสิ น้องคิวกำลังทำฉันคลั่งเขาขึ้นทุกวัน
ร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ
เขาผ่านหน้าฉันไปฉันจึงเดินตามเขาไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันโต
ใช้เวลาไม่นานน้องคิวก็พาฉันมาส่งยังบ้าน
“อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้จัง” พร้อมกับงอแงกลับมาด้วย
ไหนบอกว่าวันนี้ฉันมาตั้งแต่เช้าแล้วไงยะ “ก็อยู่สิ”
“หือ...” ผู้ชายตรงหน้าเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้ฉันหยอดเขาประจำแหละไม่อยากจะโม้ “นี่พี่ไออุ่นชวนผมเข้าบ้านเหรอ?”
“ก็ไม่ได้ห้ามนะ” ฉันเบนหน้าไปทางประตูรั้วที่เปิดอ้าไว้อยู่
น้องคิวส่งสายตาแพรวพราวขึ้นมาแว็บหนึ่งก่อนจะหายไป
“เฮ้ยพี่ ผมคิดจริงนะเนี้ย” น้ำเสียงนั้นฟังดูยานคางกว่าปกตินิดหนึ่ง
“ฮ่าๆกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว” สุดท้ายก็จบลงที่ฉันโบกมือข้างที่ว่างไล่เขา
อย่างที่ว่าวันนี้เขาทำงานมาทั้งวันแล้วคงจะเหนื่อยแย่ฉันเลยไม่อยากจะรบกวนอีกฝ่ายอีก แค่เขามาส่งฉันโดนรถไม่ล้มได้นี่ก็บุญแล้ว
“ครับ” ร่างสูงส่งยิ้มมาให้พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ช่วงนี้ผมต้องทำชุดเลยไม่ค่อยว่าง”
“...”
“ไว้เสร็จเมื่อไหร่ผมจะมาอ่อยมาหยอดพี่อีกนะครับ”
4ความคิดเห็น