ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [OS] ♡ เรื่องเล่าของน้องแจม ♡ [MarkMin]
Date - 26/02/2017 –
♡ เรื่องเล่าของน้องแจม ♡
…เพราะการแอบรักสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน
และผมก็คือหนึ่งในนั้นที่แอบรักแต่ไม่กล้าบอก…
น้องแจมมีเรื่องจะเล่า…
ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!
เสียงลูกบาสที่กระทบกับพื้นดังก้องไปทั่วทั้งโรงยิม อาจเป็นเพราะนี่เป็นเวลาเลิกเรียนและเย็นมากแล้วจึงมีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่ซ้อมกีฬาและจำนวนคนดูที่มีอยู่ไม่กี่คน
และผม…คือหนึ่งในจำนวนคนดูที่ว่า ที่ผมต้องยอมกลับบ้านเย็นทุกวันก็เพื่ออยู่ดูลี มินฮยองหรือทุกคนมักจะเรียกเขาว่ามาร์ค
เขาเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนและผมก็ประทับใจในตัวเขาหรือเรียกได้ว่าหลงรัก….
ผมได้แต่เฝ้ามองเขาแบบนี้มาเกือบจะครบปีแล้วหล่ะครับ และที่ผมไม่คิดจะสานต่ออะไรคงเป็นเพราะผมไม่มีความมั่นใจมากพอ ผมเป็นแค่เพียงรุ่นน้องนักเรียนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีความน่าสนใจ ชื่อนา แจมินของผมยังมีคนรู้จักได้ไม่ถึงครึ่งของชื่อพี่มาร์คเลยด้วยซ้ำ เพราะพี่มาร์คเป็นที่สนใจของทั้งผู้หญิงและผู้ชายอย่างผม คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขามาสนใจ…
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือการนำอมยิ้มไปไว้ที่ล็อคเกอร์พี่มาร์คในทุกๆวันพร้อมกับสติกเกอร์หัวใจบนอมยิ้มวันละหนึ่งดวง ซึ่งตอนนี้พี่มาร์คคงจะมีอมยิ้มของผมเกือบสามร้อยหกสิบห้าอันและสติกเกอร์หัวใจเกือบสามร้อยหกสิบห้าดวงแล้ว
ก็นั่นแหละครับ…หากพี่มาร์คมีซ้อมบาสผมก็จะทำทีมานั่งรอพี่ชายคนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันอย่างซอ ยองโฮหรืออีกชื่อที่ผมมักจะเรียกจนชินปากว่าจอห์นนี่ที่ก็มาซ้อมบาสเช่นกัน เพียงแต่วันไหนที่พี่มาร์คไม่มาผมก็จะไม่มาเท่านั้นเอง ผมเป็นน้องที่ดีมากนะ ฮ่าๆๆๆ ~
ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเงยหน้าขึ้นอีกทีก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าลูกบาสกำลังลอยตรงเข้ามาที่ใบหน้าของผมแล้ว
“เฮ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” ผมตะโกนออกไปสุดเสียงก่อนจะหลบลูกบาสที่ว่าแต่ดูท่ามันคงไม่พ้นเมื่อผมรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่เจ็บปวดบริเวณหน้าผาก
“…ขอโทษครับ เป็นอะไรไหม?” แต่คนที่เดินเข้ามาถามกลับทำให้อาการเจ็บปวดของผมค่อยๆจางหายไป เมื่อพบว่าคนตรงหน้าคือพี่มาร์คนั่นเอง
พี่มาร์ค ลีจริงๆ ♡
ผมคงเงียบไปนานมาก พี่มาร์คจึงเอามือมาจับที่หน้าผากจนผมถึงกับสะดุ้งเมื่อมีความรู้สึกราวกับกระแสไฟกำลังผ่านร่าง
“ม…ไม่… ไม่เป็นไรครับพี่มาร์ค” น้ำเสียงที่แสดงอาการตื่นเต้นแบบปิดไม่มิดของผมยิ่งทำให้รู้สึกใจสั่น เพิ่งเคยอยู่ใกล้กันขนาดนี้ครั้งแรก เขินอลังการงานสร้างแล้วนะครับ
“รู้จักชื่อพี่ด้วย?” พี่มาร์คส่งประโยคคำถามออกมาก่อนจะยกยิ้มมุมปากน้อยๆ และมันเป็นรอยยิ้มที่ฆ่าผมให้ละลายได้ง่ายๆเลยนะ!
“ก็พี่เป็นคนดังของโรงเรียนนี่ฮะ”
“เฮ้! ดูหน้าผากนายซิ มันดูจะปวดมากนะ” เมื่อผมเอามือไปคลำที่หน้าผากก็พบว่ามันเริ่มจะบวมขึ้นมาแล้ว และอาการเจ็บปวดก็เริ่มชัดเจนขึ้นจริงๆ
“งั้น…เดี๋ยวพี่พานายไปหาหมอเป็นการไถ่โทษแล้วกัน ขอโทษจริงๆนะ”
“ผ…ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ แค่…แค่ไปซื้อยาก็พอครับ”
“ถ้านายว่างั้นก็โอเค” พี่มาร์คว่าจบก็เดินกลับไปเก็บของที่ห้องเก็บตัวนักกีฬา
ระหว่างนั้นพี่จอห์นนี่ที่ยืนดูอยู่ห่างๆก็วิ่งเข้ามาหาผมทันที พี่เขารู้ทุกอย่างแหละครับว่าผมชอบพี่มาร์คมากแค่ไหน
“ฟินตัวแตกเลยไหมล่ะน้องแจม?” พี่จอห์นนี่ว่าก่อนจะยิ้มอย่างต้องการล้อเลียนผม
“อย่ามาแซวน่า”
“คุยไรกันบ้างล่ะ?”
“ก็พี่มาร์คจะพาไปซื้อยาทำแผลเนี่ย”
“หะ! ซื้อถุงยาง?”
“ซื้อยาทำแผลซิพี่!!!” ผมว้ากใส่พี่จอห์นนี่ทันทีที่พูดจบ ก็รู้แหละครับว่าพี่เขาคงแค่อยากจะแซวผมเท่านั้น
ซึ่งโอเครับใบหน้าผมที่เห่อร้อนเพราะอาการเขินอายในตอนนี้ถือว่าพี่จอห์นนี่ทำสำเร็จมากเลยทีเดียว
“อ่อนว่ะ แซวแค่นี้ก็ไปไม่เป็นละ ฮ่าๆๆๆ”
“ไปไกลๆเลยไป พี่แจฮยอนมาโน่นแล้วน่ะ” ผมบอกก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางรุ่นพี่ตัวขาวเจ้าของชื่อจอง แจฮยอนที่ยืนอยู่ พี่จอห์นนี่คบกับพี่แจฮยอนมาได้เกือบปีแล้วเหมือนกัน พร้อมๆกับที่ผมเริ่มสนใจพี่มาร์คนั่นแหละครับ
“งั้นพี่ไปละนะ ขอให้ได้ขอให้โดนนะน้องรัก ฮ่าๆๆๆๆ” ผมคว้าขวดน้ำที่หาได้จากแถวๆนั้นก่อนจะขว้างออกไปเต็มแรงกะให้โดนแผ่นหลังพี่ชายตัวดีสักที แต่อีกคนกลับหลบทันและยังหันมายักคิ้วใส่ผมราวกับผู้ชนะนั่นก่อนจะเดินไปเกาะแขนออดอ้อนพี่แจฮยอนต่ออย่างน่าหมันไส้
ผมรออยู่สักพักพี่มาร์คก็เดินมาหาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ก่อนจะส่งคำชวนเพื่อบอกให้ผมเดินออกไปพร้อมกัน
ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเลย…
ไม่คิดว่าจะมีวันนี้…วันที่ได้ยืนข้างกัน
พี่มาร์คพาผมไปซื้อยาก่อนจะออกปากชวนผมไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆเพื่อทายาให้
อ่า…บางทีต่อให้โดนลูกบาสอัดหน้าสิบกว่ารอบแต่มีพี่มาร์คมาดูแลแบบนี้ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจดีนะครับ ฮ่าๆ
“พี่เห็นนายมาที่โรงยิมทุกเย็นเลย นายมาดูใครซ้อมบาสเหรอ?” พี่มาร์คถามขึ้นมาระหว่างที่เรายังนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะ
“อ่า…ผ…ผม…ผมไปรอพี่ชายข้างบ้าน! พี่จอห์นนี่น่ะครับพี่ชายผม ” ผมเอ่ยตอบออกไปก่อนจะพยายาม
ยิ้มกลบเกลื่อนความเขินอายในจิตใจ
“อ่อ! พี่ก็คิดว่านายไปดูใคร“ แล้วทำไมต้องทำหน้าเหมือนรู้ทันผมขนาดนี้ล่ะพี่มาร์คคคคคค
“คนอย่างผมสนใจใครก็คงหมดหวังแต่แรกแล้วครับ”
“แต่พี่ว่านายน่ารักดีนะ”
“ห…หา…” สาบานซิว่าตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นจนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยินแล้ว
“นายชื่ออะไรนะ…นา แจมิน?”
“ใช่ครับ ผมชื่อนา แจมิน” พี่มาร์ครู้จักชื่อผมด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
“ยินดีที่ได้รู้จักนะแจมิน”
“ผมก็เหมือนกันครับพี่มาร์ค”
“นายอยากไปไหนก่อนกลับบ้านไหม?”
“มันเย็นมากแล้วอ่ะครับ ผมคงไปไหนต่อไม่ได้” ผมตอบไปอย่างเสียดายเพราะกว่าจะออกจากโรงเรียนก็เย็นมากแล้ว ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดมากแล้วด้วยที่บ้านของผมไม่อนุญาตให้กลับดึกซะด้วย
“อ่า…งั้นเราแยกย้ายกันกลับบ้านก็แล้วกันเนอะ” ผมพยักหน้ารับแม้จะยังนึกเสียดายอยู่ก็ตาม เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วแบบนี้เสมอเลยนะ
*****
หลังจากวันที่ผมมีโอกาสได้รู้จักกับพี่มาร์ค ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมมีความสุขมาก ผมสามารถที่จะพูดคุยกับเขาได้อย่างเปิดเผย ไม่ใช่แค่แอบมองไปวันๆเหมือนแต่ก่อน และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เราได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ตอนนี้เรามาร้านไอศกรีมที่อยู่ในละแวกโรงเรียน แน่นอนว่าภายในร้านเต็มไปด้วยนักเรียนจากโรงเรียนของผม และกำลังมองมาที่เราอย่างสนอกสนใจ ผมไม่ค่อยชอบการตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้เท่าไหร่เลยแฮะ
“ผมไม่ค่อยชินเลยเวลาที่มีคนมาสนใจ” ผมกระซิบบอกพี่มาร์คเบาๆเมื่อพบว่าสายตาหลายคู่ภายในร้านไอศกรีมยังคงมองเราอย่างอยากรู้อยากเห็น
“พี่จำเป็นต้องชินกับมันน่ะ” ผมรู้สึกว่าการมาทานไอศกรีมครั้งนี้มันไม่เป็นส่วนตัวเอาซะมากๆเลยนะ ขยับตัวไปทางไหนก็มีแต่คนให้ความสนใจไปหมด
ระหว่างที่ผมกำลังบ่นในใจอยู่ๆก็มีมือเอื้อมมาเช็ดขอบริมฝีปากให้ผม
พ…พี่มาร์ค…
“ไอศกรีมมันเลอะปากนายน่ะ” ว่าจบก็ยิ้มออกมาจนทำให้ผมเผลอยกมือกุมหน้าอกข้างซ้ายที่กำลังสั่นระรัวเพราะความตื่นเต้น
แล้วเสียงซุบซิบก็ดังขึ้นมาทันที ตอนนี้ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวสุดๆ แก้มของผมคงจะแดงมากเลยซินะ ฮือออออออเขินที่สุดในสามโลกเลย
“อ้อ! พี่เรื่องจะปรึกษานายหน่อยแจมิน”
“ครับ?”
“คือในทุกๆวันจะมีใครไม่รู้เอาอมยิ้มแบบนี้ กับสติกเกอร์หัวใจไปไว้ที่ล็อคเกอร์ของพี่ทุกวันเลย มันหมายความว่าอะไร?”
“ห…หา?” พี่มาร์คโบกอมยิ้มที่ผมเพิ่งเอามันไปไว้ที่ล็อคเกอร์ของเขาเมื่อเช้านี้ไปมาไม่หยุดก่อนจะยื่นมันมาให้จนทำเอาผมพูดไม่ออกเลย
“นายว่านั่นมันโรคจิตเกินไปหรือเปล่า?”
“ห…หา! โรคจิตเหรอฮะ?!”
“อื้อ”
“ไม่ใช่สักหน่อย!”
“นายจะมารู้ได้ยังไง?” ทำไมต้องยิ้มเหมือนรู้ทันผมอีกแล้ว
“เรื่องแบบนี้น่ารักออกนะพี่มาร์ค มันก็…โรแมนติกดีนี่หน่า”
“งั้นแบบนี้…คนๆนั้นคงกำลังหลงรักพี่ซินะ”
“อ่า…ก็คงงั้นมั้งครับ”
“แล้วทำไมไม่มาบอกก็ไม่รู้เนอะ”
“เขาอาจจะไม่มั่นใจพอก็ได้”
“พี่ก็ไม่ได้สูงส่งอะไรขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆ”
“หมายความว่าถ้ายอมบอกพี่จะรับรักเหรอฮะ?”
“ก็…คงต้องรอว่าคนๆนั้นจะเปิดเผยตัวตอนไหนหล่ะนะ”
“อ่า…อีกไม่นานแล้วมั้งครับ”
“ขอให้เป็นงั้นแล้วกัน”
พี่มาร์คว่ายิ้มๆก่อนจะก้มหน้าทานไอศกรีมต่อไป ส่วนผมได้แต่เบือนหน้าหนีออกไปนอกร้านด้วยความรู้สึกสับสน แม้ความสัมพันธ์ของเราจะพัฒนามาได้ในระดับหนึ่งแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้ว่าเรารู้สึกตรงกันหรือไม่ ความมั่นใจของผมยังมีไม่มากพอ…
ยังไงก็…ขอเวลาอีกหน่อยแล้วกันนะครับพี่มาร์ค….
*****
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมมาอยู่ที่โรงยิมเช่นเคย ผมตั้งใจจะสารภาพรักกับพี่มาร์คอย่างเป็นทางการหลังจากที่คิดหนักมาหลายวัน ซึ่งต่อให้เขาไม่รักผม แต่ผมก็คงหยุดรักเขาไม่ได้อยู่ดี มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก หากการแอบรักมาเกือบปีของผมไม่มีโอกาสบอกออกไป
ผมตั้งใจว่าหลังพี่มาร์คซ้อมบาสเสร็จจะไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะที่เราเคยไปด้วยกันครั้งแรกในตอนที่ได้เริ่มต้นรู้จักกันแล้วผมจะบอกเขาว่าผมคือเจ้าของอมยิ้มเกือบสามร้อยหกสิบห้าอันและสติกเกอร์หัวใจเกือบหกร้อยหกสิบห้าดวงนั่น
โอ๊ยยยย! ตื่นเต้นจังเลยครับ!
ผมมองไปที่พี่มาร์คที่กำลังชู้ตบาสลงห่วงไปอย่างสวยงามด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะอยู่ในสายตาของผมเสมอ แล้วระหว่างนั้นก็เข้าช่วงพักพอดี พี่มาร์คเดินกลับมาทางผมเพราะกระเป๋าของทุกอย่างฝากไว้ที่นี่ ดีนะที่วันนี้พี่จอห์นนี่ไปฉลองวันครบรอบกับพี่แจฮยอนไปแล้วอ่ะ ไม่งั้นมีหวังได้แซวผมให้เขินตายแหงๆ
“พี่มาร์คเหนื่อยไหมฮะ?”
“นิดหน่อยน่ะ”
แล้วอยู่ๆกลับมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหาพี่มาร์คก่อนจะทำทีเหมือนขอพูดอะไรบางอย่างกับพี่มาร์ค ซึ่งในสายตาของผมแล้วผู้ชายคนนี้น่ารักมาก
แต่คงไม่ใช่…จะมาสารภาพรักหรอกนะ?
ผู้ชายคนนั้นก้มหน้าอายๆก่อนจะยื่นสร้อยที่ผมมองเห็นจี้เป็นอักษรตัวเอ็มต่อหน้าต่อต่อตาของผม…
“คือผม…ผมชอบพี่มาร์คนะฮะ” ผมมองไปที่พี่มาร์คอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป
ถ้า…เขารับสร้อยนั้น มันจะหมายความว่าเขารับรักผู้ชายคนนั้นใช่ไหม?
“คือ…ผมชอบพี่มานานแล้ว พี่จะคบกับผมได้ไหมครับ?” ผู้ชายคนเดิมถามย้ำขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่พี่มาร์คจะเอื้อมมือไปรับสร้อยเส้นนั้นไว้ ความรู้สึกปวดชาที่หัวใจเล่นงานผมอย่างไม่อาจควบคุมได้ และผมก็อยู่ดูภาพนั้นไม่ไหวแล้ว จึงรีบผละออกมาทันที
“เฮ้! แจมิน! แจมิน! เดี๋ยวซิ! เดี๋ยว!” พี่มาร์ครีบวิ่งมาคว้าแขนผมไว้ได้ทัน ผมพยายามจะสะบัดมันให้พ้นจากการเกาะกุมของพี่เขาด้วยความโมโหที่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร รู้แต่ตอนนี้ผมหงุดหงิดมาก!
“พี่มาร์คกลับไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องเถอะ!”
“คุยอะไร แล้วนี่นายเป็นอะไร?”
“ช่างผมเถอะ!”
“นายไม่เคยงอแงกับพี่แบบนี้นะแจมิน เป็นอะไร?”
“ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย!”
“แต่พี่รู้ว่านายเป็น บอกมาเถอะ”
“……….”
“แจมินอ่า…”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะระบายความในใจที่อัดอั้นมาตลอดหนึ่งปี “ผมจะเป็นอะไรล่ะ ผมก็แค่คนไม่สำคัญน่ะซิ! ทั้งที่วันนี้ผมตั้งใจจะมาสารภาพรักกับพี่มาร์คแล้วแท้ๆ ตั้งใจจะมาบอกว่าผมเองคือเจ้าของอมยิ้มกับสติกเกอร์หัวใจที่ว่านั่น คนที่แอบมองพี่มาร์คมาตลอดเกือบหนึ่งปี คนที่แอบรักพี่มาร์คมาตลอด คนที่…”
คำพูดทั้งหมดของผมถูกกลืนให้หายไปด้วยริมฝีปากของพี่มาร์ค ดวงตาของผมเบิกกว้างอย่างปิดไม่มิด
พ…พี่มาร์ค….จ…จูบผม!
ด้วยความโมโหที่ยังมีอยู่จึงอยากทำให้ผมผลักเขาออกไป แต่มื้อไม้กลับไร้เรี่ยวแรงไปเสียหมด
ผมแทบจะยืนไม่ไหวแล้วนะพี่มาร์ค…
“เงียบแล้วฟังพี่นะ” พี่มาร์คถอนจูบออกไปแล้ว ผมไม่กล้ามองหน้าจึงได้แต่เบือนสายตาไปทางอื่น
“ออกมานี่ได้แล้วจีซอง” ว่าจบผู้ชายคนที่มาสารภาพรักพี่มาร์คที่ชื่อว่าจีซองก็เดินมายืนข้างๆพี่มาร์คทันที
จะใจร้ายเกินไปแล้วนะ!
“นี่น้องชายแท้ๆของพี่เอง”
“หะ…?”
“พี่แค่ขอให้เขามาช่วยทำให้คนบางคนเลิกปากแข็งสักทีน่ะ”
“อ…อะไรกัน?”
“นายคิดว่าพี่จะไม่รู้เลยเหรอไงว่าใครคือคนที่เอาอมยิ้มกับสติกเกอร์หัวใจนั่นมาให้พี่ ระยะเวลาเกือบปีขนาดนั้นพี่ก็ต้องเคยแอบสืบอยู่แล้วว่าใครที่ทำแบบนี้ พอพี่รู้ว่าเป็นนายและรู้ว่านายเป็นน้องชายของพี่จอห์นนี่ก็เลยไปถามและรู้ว่านายแอบชอบพี่แต่ไม่กล้าบอก พี่เลยหาทางที่จะทำความรู้จักกับนายเพราะถ้ารอให้นายเข้ามาทำความรู้จักเองพี่อาจจะเรียนจบไปแล้วก็ได้” พี่มาร์คเว้นจังหวะไปก่อนจะถอนหายใจออกมา “แต่พอมารู้จักพี่ก็คิดว่านายจะมีความกล้ามากขึ้นที่จะบอกพี่ว่านายรู้สึกยังไง แต่มันก็ไม่อยู่ดี เห็นไหมว่าเราเสียเวลาไปมากเท่าไหร่ทั้งที่ใจเราตรงกันมาแต่แรกแท้ๆ”
“ก็ผมไม่มั่นใจนี่ แต่วันนี้อุตส่าห์จะไปสารภาพรักที่สวนสาธารณะให้บรรยากาศมันโรแมนติกมากกว่านี้สักหน่อยกลับต้องมาตะโกนปาวๆสารภาพรักหน้าโรงยิม พี่มาร์คอ่ะแหละทำพังหมดเลย คิดแผนบ้าบออะไรมาเนี่ย!”
“พี่ขอโทษๆ งั้นรับผิดชอบด้วยการเป็นแฟนเลย โอเคปะ?”
“พี่มาร์คอ่ะ”
“เอ่อ…งั้นผมไปแล้วนะฮะ” จีซองน้องชายของพี่มาร์คพูดออกมาหนึ่งประโยคก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ
“ว่ายังไงล่ะ พี่ง้อแบบนี้แล้วตกลงไหม?”
“ผมแอบรักพี่มาตั้งเกือบปีนะ จะไม่รับได้ไงอ่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ”
“พี่มาร์คอ่ะแฟนคนแรก แถมยัง…ยังเป็นจูบแรกของผมด้วย”
“นายเป็นแฟนคนที่เท่าไหร่ของพี่ พี่ก็จำไม่ได้แฮะ”
“ก็ผมไม่ได้เพอร์เฟ็คต์แบบพี่นี่ เชอะ!”
“แต่นายจะเป็นแฟนคนสุดท้ายของพี่นะ”
“พี่มาร์คอ๊าาาาาาาา” ผมโผเข้ากอดพี่มาร์คทันทีที่จบประโยคน่ารักนั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะใจตรงกันมานานแล้ว ถ้าเพียงแค่ผมกล้าที่จะบอกความในใจไปตั้งแต่แรกเวลาแห่งความสุขคงจะเป็นของผมเร็วกว่านี้
ถ้าคุณแอบรักใคร…ขอให้สมหวังนะครับ ♥
♡♡♡♡♡
-----The End ♡-----
Writer Talk : พล็อตแอบรักไม่มีวันตายเด้อ 555555 เป็นฟิคที่นำมารีไรท์นะคะ ปกติไม่ค่อยได้แต่งแนวนี้เท่าไหร่ ตั้งใจให้เป็นฟีลน้องแจมมาเล่าเรื่องความความรักของตัวเองกับพี่มาร์คให้แม่ๆฟังงี้ /ฮิ้วววว 555555 ใครที่แอบรักใครอยู่ก็ขอให้สมหวังนะคะ : )
เอ็นจอย รีดดิ้งนะคะรีดเดอร์ที่น่ารัก ขอบคุณสำหรับทุกยอดวิวและคอมเม้นต์ค่า เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดเลย เลิ้บ ♡
#LoveStoryMM0213
3ความคิดเห็น