คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 3 บังเอิญโลกกลม หรือพรหมลิขิต 1/6
หญิงวัยสี่สิบกลาง ๆ
ในเดรสสีครีมทับด้วยสูทตัวนอกดูภูมิฐานรู้สึกเอ็นดูกับท่าทีของเด็กรุ่นลูกที่มองตนไม่วางตา
เธอยิ้มให้เพื่อคลายอาการตกใจของคนตรงหน้า
ก่อนหันไปทางอาจารย์ตรีทิพย์แล้วประนมมือไหว้
“สวัสดีค่ะน้าทิพย์”
“น้านึกว่าวันนี้จะไม่ได้เจอกันเสียแล้ว
นั่งก่อนสิริญ”
“ขอโทษนะคะน้าทิพย์
ประชุมติดพันไปหน่อยค่ะ ริญเลยออกมาช้า” ศิริญดาตอบพลางนั่งลงตรงที่ว่างข้าง ๆ
คนที่ตกใจเธอเมื่อครู่
“ไม่เป็นไร น้าเข้าใจ เด็ก ๆ นี่คุณริญ
เป็นหลานอาจารย์ และก็เป็นเจ้าของโรมแรมนี้ด้วย”
อาจารย์ตรีทิพย์บอกพลอยพิมพ์กับมานิลา ก่อนแนะนำทั้งคู่กับผู้มาใหม่บ้าง “ริญ
นี่พลอยกับมะลิ ลูกศิษย์น้า”
มารดาศิริญดาซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมอคิราห์สกายรวมถึงห้องอาหารบลูจัสมินเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของอาจารย์ตรีทิพย์
สองครอบครัวสนิทกันเพราะเกื้อกูลกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
หากนับตามศักดิ์อาจารย์ตรีทิพย์กับศิริญดาก็ถือว่าเป็นน้ากับหลานสาว
“สวัสดีจ๊ะ” ศิริญดารับไหว้เด็กทั้งสอง
ทว่าสายตากลับเทไปที่เด็กซึ่งผู้เป็นน้าแนะนำว่าชื่อ ‘มะลิ’ มากกว่ามากนัก
“ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่เมื่อกี้ฉันทำให้หนูตกใจ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
มานิลาตอบตะกุกตะกัก
“คนนี้ใช่ไหมคะที่น้าทิพย์บอกว่าวันนี้มาร่วมบรรยายด้วย”
เจ้าของโรงแรมสาวถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
“ใช่ นักวิจัยที่มาร่วมงานชมกันใหญ่”
“ฉันดีใจกับหนูด้วยนะจ๊ะ”
ศิริญดาเอื้อมมือไปจับมือมานิลาเป็นการแสดงความยินดี หญิงสาวคงยังตกใจอยู่เพราะคราแรกเหมือนจะขืนมือไว้
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงมือออกจากมือเธอ “มือหนูเย็นจัง หน้าซีดด้วย
ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ”
“ปะ...เปล่าค่ะ หนูสบายดีค่ะ”
เธอตอบแต่ไม่กล้าสบตา
“สบายอะไรกันล่ะมะลิ สงสัยแผลจะอักเสบ
มะลิเขาล้มก่อนมาสัมมนาน่ะค่ะคุณริญ เลยได้แผลที่หัวเข่ามาค่ะ”
พลอยพิมพ์ได้ทีเผารุ่นน้อง ทว่าน้ำเสียงนั้นแสดงถึงความเป็นห่วงร่วมด้วย
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ” ศิริญดาก้มมอง
กระโปรงมานิลาซึ่งร่นขึ้นมายามนั่งทำให้เห็นผ้าก๊อซที่ปิดแผลไว้ “โล่งไป
ฉันก็นึกว่าหนูยังไม่ทำแผล ไม่อย่างนั้นจะพาไปทำแผลที่ห้องพยาบาลของโรงแรมจ้ะ”
“ก่อนมานี่พี่พลอยทำแผลให้หนูแล้วค่ะ
ขอบคุณคุณริญมากนะคะ”
ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าหายเจ็บแผลเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากคนที่จับมือเธออยู่
ยิ่งสายตาที่ไล่มองมาทั่วตัวเหมือนจะหาบาดแผลอื่นในร่างกายยิ่งทำให้ตื้นตัน
“พี่นวลสบายดีไหมริญ
น้าไม่ได้เข้าไปหาที่บ้านเป็นเดือนแล้ว”
“รายนั้นแข็งแรงค่ะ
คุณแม่บ่นคิดถึงน้าทิพย์ให้ริญฟังบ่อยมากค่ะ”
“ไว้น้าจะหาโอกาสไปเยี่ยมนะ จะชวนคุณธี
บอม และก็บรีสไปด้วย”
“คุณแม่คงดีใจ
และก็ลงครัวเองอีกเหมือนเคยค่ะ” ศิริญดายิ้มเผล่เมื่อเอ่ยถึงมารดา
“แต่ตอนนี้น้าทิพย์กับเด็ก ๆ กินอาหารก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด
ริญก็มัวแต่ชวนคุยเพลินเลยค่ะ”
อาจารย์ตรีทิพย์ตักอาหารเข้าปาก
ก่อนเงยขึ้นบอกผู้มีศักดิ์เป็นหลาน
“ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะ
ห้องอาหารบลูจัสมินไม่เป็นสองรองใครจริง ๆ”
“ขอบคุณค่ะน้าทิพย์ อร่อยก็กินเยอะ ๆ
นะคะ กินเยอะ ๆ นะจ๊ะเด็ก ๆ”
มานิลายิ้มตอบรอยยิ้มที่ผู้หญิงตรงหน้าส่งมาให้
แต่เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้และมองไปถึงอนาคตข้างหน้า เธอก็ต้องค่อย ๆ หุบยิ้มแล้วก้มหน้าลงจัดการกับอาหารที่แม้หน้าตาและรสชาติจะดีเพียงใดก็ละเลียดกินไปได้นิดเดียวเท่านั้น
ธริษตรีถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องพี่ชาย
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายนั่งหันหลังให้เธอก็ค่อย ๆ ย่องเข้าใกล้ทีละนิด
หวังแกล้งให้ตกใจอย่างที่เขาแกล้งเธอบ่อย ๆ
“เข้ามาไม่เคาะประตูอีกตามเคย”
ธตรัฐเอ่ยเสียงเรียบขณะสายตายังจดจ่ออยู่กับแท็บเล็ตในมือ
มือที่ยกขึ้นเตรียมจะตบหลังพี่ชายให้ตกใจเป็นต้องค้างกลางอากาศเมื่อคนที่เธออยากแกล้งดันรู้ทันเสียแล้ว
“รู้ทันตลอด แบบนี้ไม่สนุกเลย”
หญิงสาวเดินอ้อมมาทิ้งก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเจ้าของห้อง
“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน
พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าไม่ใช่หรือไงยายตัวเล็ก”
“ตอนพูดน่ะมองหน้าคนฟังหน่อยสิพี่บอม
ในนั้นมีอะไรดีกว่าน้องหรือ ถึงได้จ้องเอาจ้องเอา” ธริษตรียืดคอเป็นยีราฟไปดู
แต่กลับเห็นแค่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เธอเคยเกลียดเยอะแยะเต็มไปหมด ทว่าตอนนี้เริ่มรักมันขึ้นมาบ้างแล้วหลังจากเรียนกับมานิลา
“นึกว่าดูรูปสาวที่ไหน”
“แก่แดดเกินไปแล้วยายบรีส”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ
เห็นจ้องไม่วางตาบรีสก็ต้องคิดในแง่ร้ายไว้ก่อนสิ”
ความคิดเห็น