ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : [SF] Sorry, But only you [CHAN YEOL BIRTHDAY Perject.]
ผมไม่รู้เลยว่าสำหรับผม เขาเห็นผมเป็นอะไรกันแน่??
เราเป็นคนรักกันรึป่าว..ผมไม่แน่ใจ...เพราะในเมื่อเขามีแต่คอยจะไปหาอีกคนหนึ่งตลอดเวลาเมื่อได้ทำงานร่วมกัน ไม่สนใจผมและทิ้งผมเอาไว้ข้างหลังอยู่ตลอด..
หรือที่เราคบกันเป็นเพราะแฟนคลับชอบโมเม้นต์ของเราสองคน...และดูเหมือนทางต้นสังกัดก็ท่าทางพอใจมากที่จะสามารถใช้โมเม้นต์ของเราสองคนในการกอบโกยผลประโยชน์ได้...
ผมไม่รู้จริงๆ ชานยอล..ฉันกลัว..
บนเครื่องบินโดยสารที่กำลังนำพาเหล่าศิลปินเกือบทั้งค่ายSM ข้ามผ่านจากประเทศสิงคโปร์ที่พวกเขาเพิ่งไปเปิดคอนเสริตร์มาเมื่อคืนมายังประเทศไทย..สถานที่ต่อไปทีพวกเขาจะต้องมาเปิดการแสดงต่อ ศิลปินหลายคนเลือกที่จะใช้เวลาว่างนี้ในการนอนหลับพักผ่อนด้วยความเหนื่อยอ่อน และอีกหลายคนกำลังพูดคุยกันตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง
ชานยอลลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มของคนที่กำลังพักผ่อนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยรอยยิ้มบางๆจนซูโฮที่นั่งอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาล้อเลียนมาให้ “มองเข้าไป..มองเข้าไปเถอะชานยอล..แบคยอลไม่ตื่นมาเล่นกับนายหรอกหมอนี้เหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ว่าแล้วก็พลิกหน้าหนังสืออ่านต่อไป
“หื้อ?? เหนื่อย..เล่นมากไปน่ะสิเลยเหนื่อยน่ะเจ้าหมาน้อย”ว่าแล้วก็แอบส่งนิ้วมือเรียวไปเกลี่ยเส้นผมสีเข้มไปทัดไว้ที่ใบหู “ป่าว พี่เขากังวลน่ะ..” เสียงของรุ่นน้องฝั่งK อย่างเทาดังขึ้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆร่างเล็กๆขาวๆที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ “เรื่องอะไร ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย? ” เกิดคำถามมากมายขึ้นในใจของคนตัวสูง
แบคยอลกำลังกังวลอะไรอยู่??
แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะ?
“มันเอ๋อเกินไปแล้ว ทั้งพี่ทั้งคู่กรณี ไม่เคยรู้อะไรสักอย่าง คนอื่นๆเขารู้กันหมดแล้วดีไม่ดีแฟนคลับยังรู้เลยด้วยซ้ำไป แต่พี่กลับไม่รู้ ผมเหนื่อยจริงๆนะพี่ชานยอล” เทาตัดเพ้อด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจ ถ้าหากว่ารุ่นพี่ตัวเล็กที่แสนอ่อนโยนข้างๆเขาไม่ขอเอาไว้ว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับเขาคงจะบอกออกไปให้หมดเปลือกตั้งนานแล้ว..
“อะไรกัน รู้เรื่องอะไรทำไม่พี่เหมือนคนโง่อย่างนี้เนี้ย?? พี่ซูโฮพี่รู้เรื่องไหมว่าเทาเขาพูดอะไร?” เมื่อไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องพูดจึงหันไปหาคนเป็นพี่แทน ซูโฮถอนหายใจอย่างอ่อนใจก่อนเลือกที่จะลุกหนีไปหาตุ้ยจางที่กำลังนอนฟังเพลงอยู่ข้างๆร่างขาวซีดที่กำลังนั่งร้องเพลงอยู่กับรุ่นพี่ดงเฮที่เจ้าตัวแสนปลื้ม
“พี่มันโง่!!!โง่ที่สุด!!! ทั้งพี่คนนี้แล้วก็พี่คนนั้น!!!”
และแล้วเหล่าศิลปินก็มาถึงประเทศไทยอย่างสวัสดิภาพ หลายคนถึงกับตกใจเมื่อเห็นเหล่าแฟนคลับที่มารอรับกันอย่างเนืองแน่น ไม่ต่างจากเขาที่รู้สึกตื้นตันใจจึงได้แต่โบกมือและยิ้มทักทายกับเหล่าแฟนคลับที่มารอการมาถึงของพวกเขา แม้จะได้เห็นพวกเขาเพียงไม่กี่นาทีก็ตามแต่ผู้คนมากมายที่ส่งเสียงเรียกและโบกมือให้นั้นทำให้เขารู้สึกว่ามันจะเป็นอะไรที่ใจร้ายมากหากว่าเขาจะเอาความขุ่นข้องใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในตอนนี้มาแสดงออกให้แฟนๆได้รับรู้ ชานยอลจึงเลือกที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ในใจ..
“แบคยอลอา..นายเป็นอะไร??” ราวกับสวรรค์เป็นใจให้พวกเขาได้พักห้องเดียวกัน ร่างเล็กๆเอาแต่เงียบและไม่มองหน้าของเขานั้นทำให้รู้โดยทันทีว่าคนตัวเล็กของเขากำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ในใจแน่ๆ “ป่าว...ไม่มีอะไรหรอก” ตอบเบาๆก่อนจะเดินหนีเขาไปเข้าห้องน้ำ แต่มือใหญ่กลับจับบานประตูที่กำลังจะปิดเอาไว้แล้วก้มลงมองคนตัวเล็กที่เงยหน้ามามองเขาด้วยความตกใจ
“นายเป็นอะไร? นายคิดอะไรอยู่..นายกังวลอะไรอยู่แบคยอล?” คนตัวสูงสังเกตเห็นแววไหววูบในนัยน์ตาคู่เรียวสวยของคนตรงหน้า ปากเล็กๆเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ
“คือว่า..”
“ชานยอลเป็นไงบ้างห้องนาย..โอ้ก็เหมือนๆกับห้องพี่กับเทาเลยนินา? ” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงของคนผมทองที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ในห้องก่อนจะส่งสายตามามองร่างของชานยอลที่ยืนเผชิญหน้ากับแบคยอลอยู่ด้วยสายตาที่ทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าตึงขึ้นมา
“พี่?? มันก็ต้องเหมือนกันอยู่แล้วสิโรงแรมเดียวกันนินา ว่าแต่พี่มีอะไรหรอ?” ชานยอลผละจากร่างเล็กตรงหน้าเดินเข้าไปหาพี่ชายตัวสูงที่อุส่าเดินมาหาถึงห้อง “ว่าจะชวนนายไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายหน่อย พี่ชวนเทาแล้วแต่เจ้าตัวขอนอนดีกว่า ว่าไงไปกับพี่ไหม?” ไม่ว่าป่าวแขนยาวๆก็ยกขึ้นพาดไหล่ของรุ่นน้องที่ตัวสูงไม่แพ้กันด้วยรอยยิ้มโดยหารู้ไม่ว่าคนตัวเล็กที่กำลังมองดูอยู่นั้นกำลังกำชายเสื้อของตัวเองแน่นจนยับยู่ยี่ไปหมด
“ไปก็ได้ ไปแปปเดียวนะผมเหนื่อยแล้วล่ะ” ชานยอลตอบกลับรุ่นพี่ไปก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมๆกัน แบคยอลรู้สึกว่าขอบตาของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างเล็กๆกำลังหวาดกลัว..กลัวว่าทุกอย่างมันอาจจะกำลังกลับไปซ้ำรอยเดิมเหมือนครั้งที่แล้ว... คนตัวเล็กฝืนบังคับให้ตัวเองยกมือขึ้นมาแล้วค่อยๆปิดประตูห้องลงขังตัวเองเอาไว้คนเดียว หยาดน้ำใสๆค่อยๆรินไหลอาบแก้มนวล
“ชาน..ยอล...นายเห็นฉันเป็นอะไร...ฮือ..” เสียงสะอื้นดังก้องห้องน้ำฟังดูน่าสงสารจับใจ ความเจ็บปวดที่หัวใจกำลังกัดกินตัวเขาอย่างทรมาณ “อย่าไป...ฮือ...อย่าไปกับพี่คริสเลย...” ได้แต่พร่ำบอกสิ่งที่อยู่ในใจตัวเองมาโดยตลอดแต่ไม่เคยได้พูดออกไป...
“แบคยอล...แบคยอลอา เปิดประตูหน่อยฉันเป็นห่วงนะ...” ชานยอลได้แต่อ้อนวอนขอให้คนตัวเล็กของเขาออกมาจากห้องน้ำเสียที หลังจากที่เข้าไปตั้งแต่ตอนเขาออกจากห้องไปจนกลับเข้ามาตอนนี้ก็ยังคงไม่ออกมาเสียที “ไม่สบายรึป่าว?ท้องเสียรึป่าว..คนดีออกมาเถอะนะ..เดี๋ยวฉันจะไปบอกพี่เมเนเจอร์ขอยามาให้นะ” ประตูค่อยๆเปิดออกพร้อมกับใบหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ชานยอลหัวใจกระตุกวูบยามเมื่อมองดวงตาแดงก่ำของคนตัวเล็ก แบคยอลเดินเลี่ยงเขาออกมาเงียบๆจนต้องจับแขนเอาไว้ “ร้องไห้ทำไม? นายเป็นอะไรแบคยอล?”น้ำเสียงที่ร้อนรนกับดวงตาคู่สวยที่มองมาทำให้แบคยอลต้องสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของคนตัวสูง
“อย่ามายุ่งกับฉัน!! ไปหาพี่คริสเลยสิ!!”
“อะไร...?” ชานยอลกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“เราเป็นอะไรกันแน่ชานยอล..ฉันไม่เข้าใจนาย...นายคบกับฉันเพราะอะไรกัน!!!” ดวงตาของแบคยอลกำลังแดงก่ำอีกครั้ง
“นายเคยเห็นฉันอยู่ในสายตาไหม? นายมีแต่พี่คริส อะไรๆก็พี่คริส..นายเคยสนใจฉันไหม? ฉันเป็นแฟนนายนะ หรือว่านายเป็นแฟนพี่คริสกันแน่นายจะเอายังไงกับฉัน!!” ชานยอลเลือกที่จะเงียบปล่อยให้คนตัวเล็กระบายออกมา มือเล็กๆทุบทีแขนของเขาแรงๆทีนึง
นี้ใช่ไหมคือสิ่งที่เทาและพี่ซูโฮต้องการจะบอกเขา?..
“นายเคยรักฉันรึป่าว? นายรู้ไหมว่านายทำให้ฉันกลัว..กลัวการกลับมาที่นี้อีกครั้ง..ครั้งที่แล้วนายยังอยู่ใกล้ๆฉันอยู่เลยนายยังทำให้ฉันมีความสุขอยู่เลย..แต่พอฉันรู้สึกตัวอีกที..นายก็ไปอยู่พี่พี่คริส.....นายยัง..อื้อ..”
ริมฝีปากบางถูกประกับปิดลงอย่างรวดเร็วและนุ่มนวล ชานยอลค่อยๆตระคองกอดคนตัวเล็กที่กำลังสั่นน้อยๆให้มาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจก่อนจะทุบตีประท้วงคนตัวสูงที่กระทำการอุกอาจ กลีบปากหยุ่นค่อยๆดูดเม้มย้ำๆหลายครั้งทีกลีบปากบางอย่างนุ่มนวลก่อนจะคอยๆไล้เลียลิ้นร้อนไปเล็มเลียความหวานที่เคลือบปากแดงๆเอาไว้
แบคยอลแทบจะละลายอยู่ในอ้อมอกของคนตัวสูง หัวสมองว่างป่าวจนมิอาจสามารถที่จะสั่งการขัดขืนคนตรงหน้าได้ ได้แต่หลับตาพริ้มตอบรับจูบที่แสนนุ่มนวลที่คนตัวสูงบรรจงมอบให้ตราบจนชานยอลค่อยๆผละออก มือหนายกขึ้นมากดหัวทุยให้ซบลงกับหน้าที่มีเสียงก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้วยจังหวะที่เร็วกว่าปกติ
“ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว ฉันไปหาพี่เขาเพราะฉันรู้สึกสบายใจเวลาที่ได้คุยกับพี่เขา เราเป็นพี่ชายน้องชายที่มีความสนใจและมีอะไรที่เหมือนๆกันเท่านั้นเอง ฉันรักและเคารพพี่เขามากเป็นพิเศษก็เพราะเราไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากอย่างที่มันควรจะมี นั้นคือเหตุผลที่ฉันเลือกที่จะไปหาพี่เขาทุกครั้งเมื่อพี่เรียกหาฉัน... ฉันจะไม่ปฏิเสธว่าฉันรักพี่คริส...พี่เขาเป็นพี่ชายที่ดี..” มือหนาที่คอยลูบเส้นผมอ่อนนุ่มของแบคยอลอย่างเบามือนั้นทำให้เจ้าตัวเริ่มรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด
“แต่คนที่ฉันรัก..มีแค่หมาน้อยตัวนี้เท่านั้นล่ะ...อย่าคิดมากนะ...ขอโทษที่ไม่เคยรู้ว่านายรู้สึกยังไง..ขอโทษที่มักจะไม่ใส่ใจนาย..ขอโทษที่มักจะปล่อยนายทิ้งเอาไว้คนเดียว...” ก่อนที่ทุกๆอย่างจะค่อยๆดับวูบลงไป เมื่อยามที่เขาเข้าสูห้วงแห่งนิทรา
ค่ำคืนแห่งสายฝนโปรยและความสุขบนเวทีกำลังดำเนินมาจนเกือบจะสิ้นสุดแล้ว คริสมองหาร่างของรุ่นน้องตัวสูงด้วยหัวใจที่แสนจะว้าวุ่น เพราะตลอดทั้งวันนี้ไม่ว่าจะตอนอยู่ที่โรงแรม ตอนซ้อมหรือแม้กระทั่งเวลานี้ ที่คอนฯใกล้จะจบแล้ว ชายหนุ่มที่ตั้งใจจะสารภาพความในใจกับรุ่นน้องเดินตามร่างของรุ่นน้องตัวสูงที่ยืนอยู่ โดยมีคนอีกคนหนึ่งกำลังแอบมองดูอยู่นานแล้ว
“ตุ้ยจาง...อย่า..” คนตัวเล็กพยายามร้องเรียกหัวหน้าวงเอาไว้ หากแต่เสียงกรี๊ดและเสียงเพลงมันดังเกินกว่าที่เสียงของเขาจะไปถึง อี้ชิงได้แต่กัดปากของตัวเองเอาไว้แน่น..
คนโง่....โง่ที่สุด...
“ชานยอล..” มือหนายื่นไปจะจับมือของชานยอลเอาไว้ หากแต่รุ่นน้องของเขากลับหันมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ “พี่ครับ..ผมขอไปหาแบคยอลก่อนครับ..” คริสชะงักมือที่กำลังจะจับมือของชานยอลเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่ชานยอลปฏิเสธเขา..เป็นครั้งแรกที่ชานยอลหันหลังให้กับเขา..และเป็นครั้งแรกที่ชานยอลเลือกที่จะไปหาแบคยอลมากกว่าที่จะมาหาเขา....เขาไม่มีหวังแล้วสินะ หวังที่จะแย่งเอาคนๆนี้มาเป็นของตัวเอง..
“แบคยอล” เสียงเรียกทุ้มๆดังเรียกให้เขาหันไปพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข ยามเมื่อเห็นคนตัวสูงวิ่งมาหาและรับรู้ได้ว่าครั้งนี้ชานยอลเลือกเขามากกว่าพี่ชายขายาวที่คิดกับชานยอลเกินคำว่าพี่น้อง แต่ดูเหมือนชานยอลจะไม่รู้เรื่องนี้เลย..
“ขอโทษ..”
มือเล็กๆยกขึ้นดันศรีษะของคนตัวสูงให้มาชนกับหน้าผากของเขาเบาๆ “ไม่ต้องพูดแล้ว..” ดวงหน้าแดงก่ำที่ก้มลงมองพื้นไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมานั้นทำให้เขาอยากกอดมากขนาดไหนเจ้าตัวคงไม่รู้ หากไม่ได้อยู่บนเวทีแล้วล่ะก็เขาคงดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแล้ว แต่เนื่องจากอยู่บนเวทีเขาจึงได้แต่หักห้ามใจแล้วใช้ทั้งสองมือวางไว้บนไหล่เล็กทั้งสองข้างแล้วบีบเบาๆ
“อย่าทำแบบนี้นะ..มันทำให้ฉันอยากกอดนายมากขนาดไหนรู้ไหมแพคยอล??” รอยยิ้มของร่างสูงที่ยิ้มออกมาซะกว้างทำให้คนตัวเล็กรีบผละออกมาก่อนจะส่งรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นจนหัวใจเต้นรัวให้ “ก็กอดสิฉันไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็รีบวิ่งออกไปเพราะรู้ว่าหากยังยืนอยู่ตรงนั้นล่ะก็เขาคงจะต้องถูกดึงไปกอดกลางเวทีอย่างแน่นอน
ขอโทษที่ไม่ใส่ใจความรู้สึกและดูแลนายไม่ดีจนทำให้นายต้องเสียใจ..

14ความคิดเห็น