ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ไออุ่นของคิว : Chapter 11
11
Kiw’s Talk
วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆวัน ทำงานในสถานบันเทิงชื่อดัง ชงค็อกเทล
ยิ้มรับลูกค้า พูดคุยตามประสาคนให้บริการ...และอาจจะล่วงเกินบ้างในบางที
เช่นตอนนี้...
“น้องไม่สนใจทำงานนอกเวลาเหรอจ๊ะ?” กลิ่นเหล้าคละคลุ้งพร้อมกับมือที่เอื้อมขึ้นมาโอบรอบต้นคอทำเอาผมแสร้งยิ้มออกมาทั้งๆที่ในใจอยากจะผลักออกห่างเพียงแต่หน้าที่ที่ทำอยู่ไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้ จึงเพียงแค่ค่อยๆแกะมือที่เหนี่ยวอย่างกับตุ๊กแกนี้เท่านั้น
“ไม่เป็นไรครับ” ผมพูดยิ้มๆ “ผมว่าคุณเมาแล้วนะครับ”
มือก็พยายามแกะส่วนสายตาก็หันไปมองยังรุ่นพี่บาเทนเดอร์ข้างๆเพื่อขอความช่วยเหลือพอดีกับที่พี่เขาหันมาพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ
“หน้าที่กูอีกแล้ว” เพื่อนร่วมงานเดินเข้ามากระซิบกระซาบจากนั้นจึงเดินออกไปจากเคาน์เตอร์บาร์เพื่ออ้อมไปยังหลังผู้หญิงคนที่กำลังกอดคอผมอยู่ “คุณผู้หญิงครับเชิญทางนี้ดีกว่านะครับ”
“ตายแล้วสุดหล่อ” เพราะความหน้าตาดีของพี่เขาทำให้เธอยอมผละมือออกไปโดยไม่ยี่หระ
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“วีดวิ้ว!” เสียงผิวปากอย่างชอบอกชอบใจดังมาจากบริเวณแถวเวทีทำเอาผมเบนเสี้ยวหน้าไปมองด้วยความอยากรู้แต่มันคงไม่ได้มีอะไรเหมือนๆกับที่ผ่านมาหรอก...
ไม่มีก็เชี่ยแล้ว
ผมเบิกตากว้างเมื่อประสานสายตาเข้ากับตัวการที่ทำให้มีเสียงเชียร์มากมายขนาดนี้
บุคคลที่อยู่ในชุดครอปรัดพอดีตัวและกางเกงยีนส์ขาสั้นกำลังร่อนเอวสุดเซ็กซี่อยู่บนเวทีจนเสื้อคลุมสีขาวที่สวมมาด้วยร่นลงไปเรื่อยๆ
จะไม่ว่าอะไรเลยถ้านั่นไม่ใช่พี่ไออุ่น!
ผมเปลี่ยนสายตาเป็นถมึงทึงก่อนจะสับเท้าตรงไปยังเวทีด้วยความรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงเรียกของลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามา ในขณะที่ยังคงจ้องมองร่างอ่อนแอ้นนั้นไม่วางตา... ผมฝ่าฝูงชนที่แน่นไปยังฟลอร์เต้นรำจนในที่สุดก็สามารถมาหยุดอยู่ตรงหน้าเวทีได้
“พี่ไออุ่นทำอะไรของพี่ครับ!?” ยื่นมือไปยึดข้อมือของอีกฝ่ายไว้จนเธอชะงักกึกพลางปรายนัยน์ตาหวาดเยิ้มนั้นมามองผม
เมา? ปกติพี่ไออุ่นคอแข็งจะตายหนิ
“จับมือทำไม ปล่อย” เธอสะบัดมือให้หลุดจากการครอบคลุมแต่มีหรือที่ผมจะยอมมิหนำซ้ำยังเพิ่มแรงขึ้นไปอีก บอกตามตรงว่าตอนนี้อารมณ์ขุ่นมัวสุดๆ
เดิมทีพี่ไออุ่นก็ถูกมองอยู่แล้วพอเธอขึ้นไปเต้นแบบนี้ยิ่งตกเป็นเป้าสายตาไปอีก
“ลงมาเถอะครับ” ผมพยายามใช้เสียงที่นุ่มนวลที่สุดแล้วนะ
แต่อีกฝ่ายกลับดื้อไม่ยอมฟัง “อย่ามายุ่ง!” แถมยังสะบัดมือแรงขึ้นอีก
“รีบลงมาในตอนที่ผมยังพูดดีๆอยู่นะครับ” ผมเริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแต่ไม่ใช่เพราะเธอหรอก
เป็นเพราะไอ้สายตาหื่มกามที่ถูกส่งมามากขึ้นต่างหาก
โอ๊ย หวงฉิบหาย
“ไม่ลงใครจะ...อ๊ะ!” ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบผมก็จัดการคว้าเอวบางตรงหน้าก่อนจะอุ้มเธอพาดไหล่
ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักไม่ยอมท่าเดียวแถมยังใช้กำปั้นทุบแผนหลังผมด้วย “ปล่อยนะ! ปล่อยสิ”
ผมไม่สนใจทำเพียงแต่เดินฝ่าฝูงชนออกไปอีกรอบท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ยอมไปดึงคนที่เต้นลงมาแบบนั้นแต่ก็นั่นแหละ...ใครสนกัน
ผมเดินไปเรื่อยแรงที่ประทุษร้ายก็ค่อยๆจางไป
พอเอี้ยวหน้ากลับไปมองถึงได้เห็นว่าคนที่อยู่บนบ่าในตอนนี้ได้หลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อิหยังวะ
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าผมจะยอมปล่อยร่างนี้ลง ระหว่างนั้นผมผ่านโต๊ะๆหนึ่งเข้าจึงชะงักเท้าพร้อมหันกลับไปมองผู้ชายคุ้นตาที่นั่งจ้องผมอยู่เหมือนกัน
“พี่เป็นเพื่อนของพี่ไออุ่นใช่ไหม?” ถึงแม้จะไม่ใส่แว่นแต่ผมก็จำได้อยู่ดี “ผมขอตัวพาพี่ไออุ่นกลับก่อนนะครับ”
ไม่รอให้พูดอะไรผมก็ชิงเดินออกมาก่อน สองเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าบานประตูใบใหญ่ที่ตั้งอยู่บนชั้นสอง
ตรงนี้เงียบสงบไม่ค่อยมีใครเดินผ่านเพราะว่าเป็นเขตหวงห้ามของพวกลูกค้าและพนักงาน หากไม่มีธุระจริงๆก็ไม่มีใครเข้ามา
ก๊อก ก๊อก… ผมเคาะประตูตามมารยาทเสร็จแล้วก็ผลักเข้าไปโดยไม่รอให้คนข้างในอนุญาตแต่อย่างใด
ภายในปรากฏร่างของผู้เป็นเจ้าของห้องที่นั่งไขว่ห้างจ้องมองมาทางนี้
เขาปรายตามายังผู้หญิงที่พาดอยู่บนไหล่ผมก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เฮีย” โชคดีที่วันนี้เฮียทายเข้ามาในร้าน “ขอกลับก่อนนะเฮีย”
เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ปรายตามามองพี่ไออุ่นอีกรอบ
“มึงเอามอ’ไซค์มาใช่ไหม” เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบเพราะหลังจากนั้นเจ้าตัวก็โยนอะไรบางอย่างมาให้ผมซึ่งรับไว้ได้พอดิบพอดี “เอาไปใช้ก่อน”
มันคือกุญแจรถยนต์
“ขอบคุณมากเฮีย” ค่อมหัวเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องนั้นแล้วเดินไปยังหลังร้าน
พอมาถึงรถของเฮียเพทายก็จัดการอุ้มพี่ไออุ่นเข้าไปนอนเบาะหลัง
“ไปอยู่กับเธอสิ...”
“หือ?” ในขณะที่กำลังจะปิดประตูเสียงแหบพร่าขาดๆหายๆก็ดังขึ้นมา
ผมหันกลับไปมองพบว่าคนที่ก่อนหน้านี้หลับไปแล้วกำลังปรือตามองผมอยู่
“ไปกับเธอสิ” เดี๋ยวนะ พี่ไออุ่นกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? “เขายั่วซะ...ขนาดนั้น ชอบเหรอ?”
“หมายความว่ายังไงครับ?”
“ผู้หญิงคนนั้น” พี่ไออุ่นพยายามดันตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนจะยืดตัวโอบรอบคอผมโดยไม่ทันได้ตั้งตัวส่งผลให้เซนิดหน่อย
ใบหน้าหวานเยิ้มที่ระเรื่อตามฉบับคนเมาเอียงเล็กน้อย พี่เขาจะรู้ไหมว่าท่าทางแบบนี้มันเหมือนกำลังยั่วผมอยู่เลย “…ชอบเหรอ”
อืม ชอบ...ชอบพี่อะ
ฟุบ!
พูดจบร่างทั้งร่างของผู้หญิงขี้เมาก็ทิ้งตัวลงไปบนเบาะอย่างเดิม
เปลือกตาที่เปิดเมื่อครู่บัดนี้ได้ปิดสนิทเป็นที่เรียบร้อย
“พี่ไออุ่น...” ผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม “หึงผมเหรอครับ?”
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินที่ถามไปรึเปล่าแต่สิ่งที่เธอทำคือการขยับตัวเปลี่ยนข้างพลางครางรับในลำคอว่า “อือ”
ให้ตายเถอะน่ารักเป็นบ้า
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงผมก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของคนที่หลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตรงเบาะหลัง ผมไม่เคยเห็นพี่ไออุ่นเมาถึงแม้ว่าเธอจะดื่มหนักหรือดื่มบ่อยแค่ไหน มากสุดก็เห็นแค่สาวเจ้าเดินเซเพียงเล็กน้อยเลยไม่รู้ว่าเวลาพี่ไออุ่นเมาแล้วจะเป็นแบบไหน
แต่ละคนเวลาเมามันจะไม่เหมือนกัน บางคนพูดมากบางคนอาจจะพูดน้อยหรือไม่พูดเลย
บางคนโวยวายหรือศูนย์เสียการหักห้ามใจแล้วพอสร่างเมาก็จำอะไรไม่ได้หรือที่เรียกว่าภาพตัด แต่ดูจากตอนนี้แล้วพี่ไออุ่นคงจะเป็นพวกอยากจะทำอะไรก็ทำก่อนจะ...หลับ
ไม่รู้ว่าเธอจะจำสิ่งที่ทำลงไปได้ไหมอยากรู้ก็รอนู่นแหละ ตอนเธอตื่น
ผมก้าวลงจากรถจากนั้นจึงอ้อมไปเปิดประตูหลังแล้วควานหากุญแจบ้านจากเจ้าของแต่จนแล้วจนรอดกลับไม่เจออะไรเลยแม้แต่กระเป๋าซึ่งเกรงว่าคงจะอยู่กับเพื่อนที่มาด้วยกันที่ผมเห็นในร้านแน่นอน
“พี่ไออุ่น” แต่ด้วยความแน่ใจผมจึงลองเขย่าร่างเธอดู อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะตอบส่งผลให้ผมเพิ่มแรงอีกนิดจนในที่สุดพี่ไออุ่นก็ครางออกมา
“อืมม...”
“กุญแจบ้านอยู่ไหนครับ?” ผมก้มลงไปกระซิบถามเพื่อให้เธอได้ยิน
“...ในกระเป๋า” ยังโชคดีที่เธอพอรู้เรื่องอยู่บ้าง
“แล้วกระเป๋าอยู่ไหนล่ะครับ?” ผมยังคงถามต่อ
“...เคนตะ...” ร่างเล็กตรงหน้าพึมพำ “...อยู่ที่...ไอ้เคนตะ”
เป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ เคนตะคงจะหมายถึงเพื่อนคนนั้นนั่นแหละ
ผมผละตัวออกมายืดหลังตรงก่อนจะหันกลับไปมองประตูรั้วข้างหลัง
ไม่มีกุญแจแล้วจะเข้าบ้านได้ยังไง?
...ช่างแม่ง เข้าบ้านไม่ได้ก็ไม่ต้องเข้า
คิดได้ดังนั้นจึงปิดประตูรถลงแล้วเดินกลับไปยังที่นั่งคนขับก่อนจะสตาร์ทรถและหักพวงมาลัยตรงไปยังเป้าหมาย
นั่นก็คือบ้านของผม
เพราะบ้านของเราห่างกันไม่ไกลเท่าไหร่ทำให้ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีสถานที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏแก่สายตา
“อืออ~” พี่ไออุ่นส่งเสียงในลำคอในตอนที่ผมค่อยๆบรรจงช้อนร่างเล็กนั้นขึ้นมาในอ้อมแขน
พี่ไออุ่นเป็นคนที่สวยแบบสวยแซ่บแต่ตอนนี้ที่ดวงตาเฉียวติดหยิ่งนั้นหลับพริ้มลงแกลับกลายเป็นทำให้ดูน่ารักน่าทะนุถนอม
น่าฟัด...
ผมอุ้มพี่ไออุ่นเข้าไปในห้องนอนของตัวเองก่อนจะวางร่างนุ่มนิ่มนี้ลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่น
พี่ไออุ่นขยับตัวขลุกขลิกเมื่อแผ่นหลังสัมผัสลงกับที่นอน
พอมองพี่เขาแล้วเหตุการณ์เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนพลันแล่นเข้ามาในหัว
ภาพที่ผู้หญิงตรงหน้าขึ้นไปโยกย้ายส่ายสะโพกบนเวทีและสายตาหื่นกามจากบรรดาพวกผู้ชายเหล่านั้นทำเอาผมอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาอีกรอบ
ทำไมต้องไปยั่วผู้ชายคนอื่นด้วยวะ โอ๊ย...โคตรหงุดหงิดเลยให้ตายเถอะ
ผมเร่งแอร์ให้เย็นขึ้นมากกว่าเดิมก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมร่างที่ปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั้นจนถึงคอ...นี่ก็ชอบเหลือเกินไอ้การแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้เนี้ย
“ถ้าไม่ติดว่าพี่กำลังเมาอยู่ล่ะก็...น่าดู!”
Kiw End Talk
“อืม...”
ฉันส่งเสียงในลำคอด้วยความงัวเงีย อยากจะลืมตาขึ้นมาแต่ความหนักอึ้งของเปลือกตาส่งผลให้ยังไม่สามารถลืมขึ้นได้ ไหนจะอาการจี๊ดของศีรษะนั่นอีก บ่งบอกได้ไม่ยากเลยว่าเมื่อคืนฉันคงเมาแหงๆ
รู้ทั้งรู้ว่าเคนตะเขาชงเข้มยังจะไปดื่มเยอะขนาดนั้นอีก
ปรับสภาพตัวเองสักพักจึงสามารถเปิดเปลือกตาขึ้นได้ แสงแดดที่สาดส่องแยงตาทำให้รู้ว่านี่คงไม่ใช่ตอนเช้า
ไม่สายก็เที่ยง แต่พอมองไปรอบๆกลับต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อพบว่าสถานที่ที่ฉันนอนอยู่นี้มันไม่ใช่บ้านของฉัน
ฉิบละ...ฉันนึกว่าตัวเองเมาแล้วเคนตะเป็นคนพามาส่งบ้านแต่ไหงกลับกลายมาเป็นฉันดันไม่ได้อยู่ที่บ้านตัวเองกันล่ะ
อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนฉันเมาแล้วเสียความบริสุทธิ์ให้ใครหน้าไหนก็ไม่รู้อะ!
ฟึ่บ!
ไวกว่าความคิดฉันรีบก้มลงมองสภาพของตัวเองในทันทีพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้ายังครบถ้วนดียกเว้นเสื้อเชิ้ตที่ถูกวางกองไว้ตรงปลายเตียง
แล้วทีนี้ฉันจะทำยังไงดีล่ะ ใครเป็นคนหิ้วฉันมา? โอ๊ย...ช่างแม่งแล้วเผ่นก่อนดีกว่า
ฉันส่ายหัวไล่ความมึนออกไปก่อนจะก้าวเท้าลงไปจากเตียงตรงไปยังบานประตูพร้อมเปิดมันออกอย่างแผ่วเบา
“ตื่นแล้วเหรอครับ?”
“ว๊าย!” และสะดุ้งในตอนที่ออกมาจากห้องแล้วได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา ขาฉันที่กำลังจะวิ่งหนีชะงักกึกเมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงนี้มันคุ้นๆยังไงชอบกลจึงตัดสินใจหมุนกลับไปมอง นัยน์ตาทั้งสองข้างฉันเบิกโพลง “น้องคิว?”
“ทำไม...”
“เมื่อคืนพี่ไออุ่นเมาครับ” เหมือนรู้ว่าฉันจะถามอะไรอีกฝ่ายถึงในชิงตอบมาซะก่อน
เหตุการณ์ที่ฉันขึ้นไปยืนเต้นบนเวทีเด่นชัดขึ้นมาในโสตประสาท
จำได้ลางๆว่าน้องคิวเดินเข้ามาหาแล้วบอกให้ฉันหยุดแต่ฉันไม่ยอมหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“เราก็เลยพาพี่มาที่นี่เหรอ?”
“ผมอุ้มพี่มาดีกว่าให้ใครหน้าไหนอุ้มไปนะครับ” ก็ให้เคนตะอุ้มฉันไปสิ!
กลิ่นเหม็นสาบจากตัวเองส่งผลให้ฉันเบะปากออกมา คงเพราะไม่ได้อาบน้ำมาทั้งคืน
ฉันชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจโพล่งออกไปว่า “เอ่อ...พี่ขอใช้ห้องน้ำหน่อยได้ไหม?”
จะให้ทำยังไงเล่า ก็ฉันครั่นเนื้อครั่นตัวนี่นา
“ได้สิครับ” น้องคิวยิ้มรับพลางทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “แป๊บนะคับเดี๋ยวผมไปเอาเสื้อกับผ้าขนหนูมาให้”
ฉันมองแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าไปในห้องที่ฉันเพิ่งออกมา ไม่นานน้องคิวก็ออกมาพร้อมกับเสื้อยืดสีดำและผ้าขนหนูตามที่บอก
“ผมพยายามหาตัวที่เล็กที่สุดแล้ว ส่วนกางเกง...”
“เดี่ยวพี่ใส่ตัวเดิมได้” ฉันรีบคว้าเสื้อผ้าก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำที่น้องคิวเพิ่งบอก
ก่อนหน้านี้เพิ่งคิดว่าจะไม่มานอนกับเขาพอมาอีกคืนดันตื่นขึ้นมาบนเตียงเขาซะได้...
ฉันเดินออกมาในสภาพเสื้อยืดตัวโคร่งที่ยาวคลุมกางเกงขาสั้นของตัวเอง
โอเค...ตอนนี้ฉันแม่งเหมือนกำลังใส่เสื้อผัวอยู่เลย
“เอ่อ เห็นกระเป๋าของพี่ไหม?” ฉันหันไปถามน้องคิวที่กำลังนั่งเล่นเจ้างูตัวสีดำอยู่บนโซฟาตัวยาว
เขาตอบออกมาทั้งๆที่ยังคงสนใจสัตว์เลื้อยคลายนั้นอยู่
พอดีฉันเข้าไปหาในห้องนอนแล้วกลับไม่เจอกระเป๋าสะพายของฉันเลยน่ะ
“เห็นเมื่อคืนพี่บอกว่าอยู่กับคนที่ชื่อเคนตะ”
“เราไม่ได้หยิบมาให้พี่เหรอ?” ฉันถามอีกครั้งและคำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้าของอีกฝ่าย
อ๋อ...แบบนี้เองสินะเขาถึงพาฉันมานอนในบ้านของเขาเพราะกุญแจบ้านฉันอยู่ในกระเป๋านั้นนั่นแหละ “พอดีว่า...”
“?” น้องคิวละสายตาจากแซงเกรียแล้วเบนหน้ามามองฉันพร้อมกับส่งสายตามีคำถามมาให้
“พี่ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหม?
พอดีจะส่งข้อความหาเพื่อนน่ะ” น้องคิวระบายยิ้มก่อนจะยื่นสมาร์ทโฟนของตัวเองมาทางฉัน
ฉันรับมันไว้แล้วยิ้มแหยะๆอย่างเกรงใจ
“แต๊งกิ้ว” สิ่งแรกที่ฉันทำคือการเข้าไปอินสตาแกรมของน้องคิวแล้วค้นหารายชื่อเคนตะในทันที
‘kiw2000s : เคนตะนี่ฉันเองนะ ไออุ่น’
‘kiw2000s : ส่งรูปภาพ’
เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อเลยเซลฟี่ภาพตัวเองชูสองนิ้วส่งไปให้เป็นพยานอีกด้วย
ไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาก็ตอบกลับมา
‘kentasalmon : ไอ้เพื่อนไม่รักดี เมื่อคืนไปอยู่ไหนมา?’
‘kiw2000s : บ้าน’
‘kentasalmon : โกหก กุญแจมึงอยู่ที่กู
กูไปรอที่บ้านก็ไม่เห็นมึง’
‘kentasalmon : เรียนก็ไม่ยอมมาเรียน โชคดีที่มารศรีไม่เช็ดชื่อ’
มารศรีคือชื่ออาจารย์น่ะ... ถามจริงนี่เป็นเพื่อนหรือพ่อฉันวะ? แล้วมาว่าฉันทำไมตอนที่ฉันถูกน้องคิวอุ้มไปไม่ตามมาเล่า!
‘kiw2000s : มึงเลิกแล้วใช่ไหม เอากระเป๋ามาให้กูที่หน้าบ้านที’
เพราะจากการเหลือบไปมองเวลาที่หน้าจอแล้วแสดงว่าเขาเพิ่งจะเลิกคลาสเมื่อไม่นานมานี้
‘kentasalmon : รอตอบคำถามกูด้วย’
“แต๊งกิ้วอีกรอบ” ฉันยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของไป “พี่นัดเพื่อนให้เอากระเป๋ามาให้ที่หน้าบ้านน่ะ”
“ครับ” น้องคิวพยักหน้าก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องครัว “ทานข้าวต้มก่อนกลับไหมครับ?”
แค่นี้ก็ขายหน้าเขาจะแย่อยู่แล้วจะให้ฉันอยู่ต่องั้นเหรอ หึ...ไม่มีทาง “มะ
ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่กลับเลยดีกว่า”
หมับ!
ฉันพูดพร้อมกลับหันหลังเตรียมเดินออกไปแต่ข้อมือถูกรั้งเอาไว้
ฉันจึงหันไปมองพลางเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“เดี๋ยวผมไปส่ง” พูดเสร็จก็จับงูใส่ตู้เล็กๆพลางลุกขึ้นคว้ากุญแจก่อนจะกระตุกมือให้ฉันเดินตามไปโดยไม่ฟังคำตอบรับหรือคำปฏิเสธจากฉันสักคำ
หลังจากน้องคิวมาส่งฉันก็ยืนรอเคนตะประมาณสิบนาทีได้
ร่างสูงของเพื่อนชายเดินตรงเข้ามาหาพลางยื่นกระเป๋าสะพายของฉันมาให้
“ขอบคุณมากเพื่อน”
“น้องบาเทนเดอร์มึงใช่ไหม?” จู่ๆเขาก็ถามออกมาทำเอาฉันเอียงคอมองอย่างงงๆ “คนที่พามึงออกไปกับคนที่มึงไปอยู่กับเขาเมื่อคืน”
“…” ฉันยืนเงียบไม่ได้พูดอะไรจนอีกฝ่ายหันเดินกลับไปยังรถตัวเองแต่ไม่วายทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
“เขาดูไม่น่าคิดกับมึงแค่ลูกค้าหรือพี่น้องนะ”
19.45 น.
ออด
เสียงกดออดหน้าบ้านส่งผลให้ฉันละสายตาจากการไถทวิตแล้วลุกขึ้นเดินไปหาผู้มาเยือน
ใครจะมาหาฉันในตอนนี้กัน?
...แต่บุคคลที่ยืนอยู่หน้ารั่วทำให้ฉันชะงักเท้าลง “สวัสดีตอนกลางคืนครับ”
น้องคิว!
3ความคิดเห็น