ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Mission 12 : นินจาเทคโนไร้เงา I
MISSION 12
นินจาเทคโนไร้เงา (Part 1)
เช้าวันต่อมา
ลีโล่ก้าวเท้าออกจากห้องครัวหลังจากทานแพนเค้กมื้อเช้าฝีมือพี่นานี่เป็นที่เรียบร้อย พร้อมไปโรงเรียนตามปกติ... เพื่อพบปะกับวิคตอเรียและเพื่อน ๆ หมายประชุมเรื่องนิทรรศการศิลปะมีชีวิต
แต่พอเธอเปิดประตูเตรียมก้าวเท้าออกจากบ้าน เท้าของเธอก็เผลอเตะถูกของสิ่งหนึ่ง จึงก้มลงไปหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา
พบว่าเป็นโดรนลำเล็กลำหนึ่งที่มีโน้ตแนบมา และโดรนลำนี้ถูกบางสิ่งตัดผ่านจนพังไม่เป็นท่า
"ฉันเห็นเจ้านี่แอบบันทึกชีวิตของเธอ ก็เลยสั่งสอนให้หลาบจำ ฝากบอกหมาน้อยของเธอด้วยว่าให้หูตาไวหน่อย ถ้าไม่อยากเสียใจภายหลัง ด้วยความปรารถนาดีจากเพื่อนใหม่ คิระ" ลีโล่อ่านโน้ตที่คิระเขียนขึ้นมา เธอรู้ในทันที... ว่าโดรนที่เธอเก็บได้เป็นของศัตรู จึงนำโดรนลำที่อยู่ในมือส่งให้จัมบ้านำไปตรวจสอบโดยเร็ว
โดรนของศัตรูแปลกหน้า... ตกเป็นภารกิจของสติทช์กับจัมบ้าที่ต้องสืบหาคนร้ายที่เป็นเจ้าของโดรนคอยจับตาดูลีโล่มาตลอดให้เร็วที่สุด คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับจีจี้ถูกวางยาก็เป็นไปได้ เพียงแต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับจีจี้... ต้องรู้กันเฉพาะลีโล่ สติทช์ จัมบ้า และพรีคลีย์เท่านั้น
ถ้าจะให้มีคนกระวนกระวายเรื่องจีจี้ ก็หนีไม่พ้นเมอร์เทิลที่หัวเสียสุด ๆ นึกไม่ถึงว่าจีจี้จะออกไปค้างคืนจนไม่ปรากฎตัวแม้แต่เงา ในขณะที่เธอไปโรงเรียน... เจสสิก้าจะตามหาจีจี้ด้วยจีพีเอสที่ติดกับปลอกคอสีม่วงลาเวนเดอร์ ด้วยความคิดที่ว่า... จีจี้อาจเดินเล่นที่ใดสักแห่งในเมืองนี้
ทุกครั้งที่เมอร์เทิลอารมณ์ไม่ดี เธอมักสรรหาบางสิ่งบางอย่างมาทำให้เธอรู้สึกดี ซึ่งส่วนมากก็หนีไม่พ้นหาเรื่องแกล้งลีโล่อย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือถ้าจะให้มีสาเหตุ... ก็เป็นเรื่องที่เธอบังเอิญได้ยินในขณะนี้
"คาลี่จะให้ฉันกับสติทช์เป็นคู่หูต้นแบบของภาพที่เธอจะวาดจริงเหรอ!?" ลีโล่เอ่ยปากถามคาลี่ด้วยความตื่นเต้น นึกไม่ถึงว่าเพื่อนใหม่ผู้รักเสียงดนตรีจะให้เกียรติเชิญเธอเป็นนางแบบสร้างสรรค์ผลงานเพื่อนิทรรศการ
"คนอย่างฉัน... พูดจริงทำจริงเสมอแหละ ฉันกับฟลุทระดมสมองกันแล้ว... หัวข้อเพื่อนที่ดีที่สุดที่ได้ชื่อว่ามีความแตกต่างกันทั้งสายพันธุ์และถิ่นที่อยู่ แต่มีใจเดียวกันพร้อมร่วมทุกข์สุขเป็นโอฮาน่าของกันและกัน ทำให้ฉันคิดว่า... อนุสรณ์ลิขิตรักข้ามจักรวาล จะต้องเป็นภาพที่สวยงามที่สุดในนิทรรศการเป็นอันแน่แท้" คาลี่ชี้แจงเหตุผลชวนฝันจนลีโล่กับเพื่อน ๆ ฟังแล้วนึกภาพตามไปพร้อมกัน
"อนุสรณ์ลิขิตรักข้ามจักรวาล จะสื่อความหมายว่ายังไงมิทราบจ๊ะ" มาเรียถาม
"มันซิมเปิ้ล (simple) มากเลยมาเรีย! อนุสรณ์ลิขิตรักข้ามจักรวาล เป็นภาพที่บ่งบอกถึงมิตรภาพระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยนในหลายแง่มุมไงจ๊ะ ลีโล่กับสติทช์ก็เป็นมนุษย์กับเอเลี่ยนคู่แรกที่ผูกมิตรกันได้ แม้สติทช์เคยเป็นจอมทำลายล้างหมายเลข 626 ก็ตาม แต่ลีโล่กล้าเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว เขารักเธอ เธอก็รักเขาจนเป็นโอฮาน่า เป็นสายลับค้นหาสัตว์ทดลอง อนุสรณ์ลิขิตรักจึงอุบัติขึ้น!" คาลี่สื่อความหมายของภาพที่เธอจะวาดเพื่อนำส่งนิทรรศการด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก
"สติทช์เป็นเอเลี่ยนเหรอ นังโลเลนึกเพี้ยนอะไรขึ้นมาเนี่ย" เมอร์เทิลพึมพำออกมาอย่างนึกสมเพชในตัวคู่อริ คิดว่าลีโล่เพ้อเจ้อไปเรื่อยตามเคย
"ความคิดเจ๋งอ่ะ! ภาพของคาลี่ที่ได้รับอินสไปเรชั่นมาจากเพื่อนที่ยืนอยู่ตรงหน้า... จะต้องเป็นภาพที่สวยงามที่สุดเลยก็ว่าได้ ใช้ความแตกต่างที่ถูกสบประมาทเข้าสู้ เผื่อว่าใครบางคนจะได้สำนึกเสียบ้าง... ว่าสิ่งแปลก ๆ ที่ถูกมองว่าไม่คู่ควรก็มีดีอยู่ในตัว" วิคตอเรียเปรยถึงเมอร์เทิลให้พวกลีโล่ได้รู้กัน ด้วยความคิดที่ว่า... การแสดงตัวตนออกมาทางภาพวาด จะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของมิตรภาพต่างสายพันธุ์เป็นอย่างดี ทำเอาเมอร์เทิลที่แอบฟังอยู่ถึงกับหมั่นไส้เป็นทวีคูณ
"แหงสิ หล่อนก็บ้าจี้เพี้ยนตามมัน จะพูดอะไรก็ได้" เมอร์เทิลแอบเบะปากใส่วิคตอเรีย เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด... ว่าภาพที่คาลี่จะวาดโดยอาศัยลีโล่กับสติทช์เป็นต้นแบบสร้างแรงบันดาลใจจะเหนือกว่าเธอกับจีจี้ได้
"วิคตอเรียพูดถูก ความแตกต่างภายนอก... หากหัวใจได้จูนเข้าหากันก็จะเป็นมิตรภาพที่สวยงาม" มาวินเห็นด้วยกับวิคตอเรีย "คาลี่จะให้ลีโล่เป็นต้นแบบช่วยเธอวาดภาพอะไรไปพรีเซ้นต์ล่ะ"
"ลีโล่เป็นเพื่อนกับสติทช์มากี่ปีแล้ว" คาลี่หันไปถามลีโล่
"3-4 ปีแล้วจ้ะ ทำไมเหรอ" ลีโล่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่คาลี่ที่เอ่ยปากถามเรื่องของเธฮ
"ฉันกับฟลุทคิดอยู่... ว่ากว่าลีโล่จะเปลี่ยนจอมทำลายล้างจากต่างดาวมาเป็นบอดี้การ์ดตัวสีฟ้าที่รักเธอเท่าชีวิต มีสตอรี่มากมาย และมีสิ่ง ๆ หนึ่งที่เป็นเครื่องเตือนใจให้สติทช์รู้ซึ้งถึงโอฮาน่าอย่างสม่ำเสมอ ฉันก็เลยอยากรู้... ว่าของที่สติทช์ครอบครองและรักษาเป็นอย่างดี คืออะไร" คาลี่พูดราวกับว่าเธอต้องการล้วงลึกเข้าไปในหัวใจของอีกฝ่าย ด้วยความคิดที่ว่า... สตอรี่ของลีโล่จะต้องเป็น "อนุสรณ์ลิขิตรัก" ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอสมควร
อนุสรณ์ที่ทำให้ชีวิตทดลองอีกหกร้อยกว่าชีวิตได้ฟื้นคืนชีพบนดาวเคราะห์ที่สวยงามดวงนี้
เมอร์เทิลแอบฟังต่อ ได้ยินว่าสติทช์เป็นเอเลี่ยนที่ลีโล่รับเลี้ยงและวิคตอเรียกับเพื่อน ๆ ก็รู้ความจริงเรื่องนี้ ความสงสัยจึงบังเกิดขึ้น
"ไหนนังโลเลบอกว่าหมามันเป็นหมาพันธุ์หายากที่ใช้สื่อสารกับคนตายตั้งแต่อียิปต์สมัยก่อนไง นี่คุยกันฟุ้งว่าเป็นเอเลี่ยน มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ" เมอร์เทิลพึมพำออกมา... นึกสงสัยลีโล่ขึ้นมาตงิด ๆ รู้สึกว่าลีโล่มีความลับบางอย่างปกปิด... แต่เปิดเผยให้พวกวิคตอเรียรับรู้ได้
แต่ก่อนอื่น... เธอรีบปลีกตัวให้ห่างจากพวกลีโล่เป็นอันดับแรก จากนั้นก็ตั้งเป้าหมายใหม่
ต้องสืบหาความลับที่ลีโล่ซุกซ่อนไว้ให้จงได้!
------------------------------------------------------------------------
ยานของจัมบ้า
สติทช์กับจัมบ้านำซากโดรนที่ถูกตัดครึ่งไปตรวจสอบ ได้ความว่าเป็นนาโนโดรนที่ถูกผลิตมาจากโรงงานต่างดาว... มีเทคโนโลยีแฝงที่สามารถล่องหนเพื่อความสะดวกต่อการสอดแนม ทำเอาสติทช์ของขึ้นในฉับพลัน
"Blitznac! พวกมันแอบส่องเรามาแต่แรกเลยเหรอเนี่ย!?" สติทช์โกรธตัวเองที่ไม่เอะใจว่าถูกเจ้าโดรนแปลกหน้าสะกดรอยตามมาเป็นเวลานาน
"คาดว่าคงเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของเจ้าหนูเจอร์บิลนั่นแน่ ๆ ชีวิตทดลองที่เจ้า 007 เผชิญหน้าในคราบหมาใหญ่สายพันธุ์ดีที่ยัยหนูนิสัยเสียอยากให้คบค้าสมาคมก็เช่นกัน มันเป็นหนึ่งในสินค้าที่คนของแฮมสเตอร์วิลล์ทำการทดลองใช้ก่อนจะดีลซื้อขายกับผู้สร้าง... หากทำภารกิจลับเสร็จสิ้น เท่ากับว่ายัยหนูตกเป็นเป้าสังหารของแฮมสเตอร์วิลล์เสียแล้ว" จัมบ้าเปรยถึงลีโล่ด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
"ผมได้ยินข่าวคราวมาจากเจ้ารูเบ็นแล้วครับ" สติทช์พูดถึงจอมทำแซนด์วิชที่ถอนตัวจากแฮมสเตอร์วิลล์
"รูเบ็น!?" จัมบ้าทวนชื่อที่สติทช์เรียกด้วยความงุนงง
"จัมบ้าคงยังไม่รู้ ลีโล่เพิ่งตั้งชื่อ 625 ว่ารูเบ็น เขาบอกว่าแกนตูถอนตัวจากเจ้าหนูโรคจิตนั่นเป็นเพราะมีใบสั่งให้เก็บโอฮาน่าของแองเจิ้ล จากนั้นก็หายไปทำภารกิจอะไรสักอย่าง แต่ผมเชื่อแค่... 50/50 ที่ว่าเจ้าปลาเทราต์บิ๊กเบิ้มกลับไปเป็นมือปราบแห่งสหพันธ์ เพราะแม้แต่รูเบ็นยังไม่ได้ข่าวคราวจากเขาอีกเลย" สติทช์อธิบายให้อีกฝ่ายรับทราบ จัมบ้าพยักหน้ารับฟังด้วยความตั้งใจ
"เรื่องนี้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่าที่อัจฉริยะชั่วร้ายจะคาดคิดอีกแฮะ" จัมบ้าครุ่นคิด
"ผมไม่ยักรู้ว่าเจ้าหนูเจอร์บิลเป็นตัวร้ายที่ซับซ้อนนะ" สติทช์เกาหัวแกรก ๆ เท่าที่จำได้... แฮมสเตอร์วิลล์ทะนงตนเป็นอัจฉริยะเหมือนจัมบ้า แต่ก็งี่เง่าและขี้ขลาดเป็นที่หนึ่ง
"จัมบ้าก็ไม่เชื่อเหมือนที่นายรู้สึก แต่แฮมสเตอร์วิลล์มีคอนเน็คชั่นมากมาย ตัดขาดจากฉันกับไอ้อดีตมือปราบหน้าโง่แล้ว... มันก็ติดต่อคนอื่นให้ทำเรื่องชั่ว ๆ อยู่ดี อย่างไอ้เจ้านาโนโดรนนี่... มันทำให้จัมบ้าได้กลิ่นชั่วร้ายลอยมาแต่ไกล และกำลังจะทำให้ยัยหนูตกอยู่ในอันตรายไม่รู้ตัว" จัมบ้าพูดถึงลีโล่แล้วมอบหมายภารกิจให้สติทช์ในทันที "ฉันอยากให้นายแอบไปที่โรงเรียนของยัยหนู เฝ้าดูสภาพแวดล้อมรอบโรงเรียนให้ดี... เป็นไปได้ว่าเจ้าโดรนแสบนี่ไม่ได้มีแค่ลำเดียว จัมบ้าลองปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น... เจ้า 007 เป็นแค่ทางผ่านที่ถูกคนของแฮมสเตอร์วิลล์ใช้สอยหมายเข้าถึงตัวยัยหนูก็เป็นไปได้"
"Okitaka!" สติทช์รับคำแล้วก้าวเท้าออกจากยานในทันที จัมบ้ามองตามแล้วหันกลับไปทำงานชิ้นหนึ่งต่อเพียงลำพัง... พร้อมกับตรวจดูอาการป่วยของจีจี้ไปพร้อมกัน
เผื่อว่ายาสลายพิษเซรั่มจะทำให้โมเลกุลในร่างกายของเธอกลับมาคงที่ดังเดิมในวันสองวันนี้
แผนร้ายของคุณแอนดรูว์กำลังไปได้สวย ถึงเซรั่มที่ใส่ลงไปในโยเกิร์ตรสธรรมชาติ... ของโปรดที่ทำให้โมเลกุลในร่างกายจีจี้แปรปรวนจนเกิดอาการชักกระตุก แม้เมอร์เทิลไม่รู้ความจริงเรื่องชีวิตทดลอง แต่จีจี้เป็นหนึ่งในผลงานทดสอบของจัมบ้า... หากมีอาการป่วยเกิดขึ้นก็ต้องพึ่งเขา
เพียงเท่านี้... โอกาสที่ลีโล่จะอยู่ในกำมือของนายท่านก็อยู่ไกลแค่เอื้อม
ช่วงที่ลีโล่อยู่ในโรงเรียน... สถานที่เดียวที่เธอจะไม่มีสติทช์อยู่ข้างกาย เป็นโอกาสเหมาะที่จะจู่โจมลีโล่โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
ทุกอย่างเตรียมการเป็นที่เรียบร้อย
เหลือแค่รอเวลานั้นมาถึง ซึ่งอีกเพียงไม่กี่อึดใจ... ลีโล่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็คท์ลับของนายท่าน
โปรเจ็คท์ที่แม้แต่จอมพลังหมายเลข 626 ก็ไม่มีทางต่อกรได้!
------------------------------------------------------------------------
ช่วงสายของยามเช้าในโรงเรียน ซึ่งเป็นเวลาเรียนตามปกติ
แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่ปกติ คือ... นักเรียนนาม "เมอร์เทิล เอ็ดมันด์" ที่กำลังจับผิดลีโล่อยู่ห่าง ๆ
หลังจากที่เธอได้ยินเรื่องที่ลีโล่คุยกับพวกวิคตอเรีย สมองของเธอก็หวนนึกถึงเพื่อนฝูงที่ลีโล่กับสติทช์คบหาก่อนที่วิคตอเรียจะย้ายมาที่เกาะนี้ เธอจำได้... ว่าเพื่อนของลีโล่เป็นสัตว์ประหลาดที่มีแต่สติทช์ที่สื่อสารพูดคุยเป็นภาษาเดียวกัน และสัตว์ประหลาดพวกนั้นก็เป็นเพื่อนกับลีโล่อีก
เธอไม่เห็นแค่ครั้งสองครั้ง ยังเห็นมานับสิบยี่สิบครั้งก็ว่าได้ใน 2-3 ปี ยิ่งมีพวกวิคตอเรียเป็นเพื่อนที่สื่อสารกับสัตว์ประหลาดได้ ความอยากรู้อยากเห็นถึงได้ถามหาและคิดบทพิสูจน์บางอย่าง หวังว่าลีโล่เป็นแค่คนเพี้ยน ๆ ธรรมดาคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องสัตว์ประหลาด
แต่จะพิสูจน์ด้วยอะไรล่ะ!?
ในขณะที่สมองของเธอกำลังครุ่นคิดถึงลีโล่อยู่ มือของใครบางคนก็ยื่นมาสะกิดไหล่ซ้ายจนสติของเธอกลับมาอยู่กับปัจจุบัน พบว่าเป็นมือของเทเรซ่าที่พยายามบอกว่าครูมีนาเรียกให้ตอบคำถามวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่าลีโล่กับวิคตอเรียพากันมองเมอร์เทิลด้วยความประหลาดใจ... ที่เหม่อลอยในคาบเรียนวิชาโปรดของเธอ ทำเอาเมอร์เทิลรู้สึกอายที่ถูกครูต่อว่าเรื่องขาดความใส่ใจในบทเรียน แต่เธอยังหาโอกาสสืบเรื่องของลีโล่ต่อ
และแล้ว... โอกาสก็มาถึง
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ลีโล่และเพื่อนร่วมห้องทุกคน... รวมทั้งลูกไล่ของเมอร์เทิลออกจากห้องไปรับประทานอาหารกลางวัน เหลือแค่เมอร์เทิลที่อยู่ในห้องตามลำพัง เป็นเรื่องปกติที่นักเรียนทุกคนจะทิ้งกระเป๋าตัวเองไว้ในห้อง เมอร์เทิลจึงพุ่งเป้าไปที่กระเป๋าเป้ของคู่อริแล้วรูดซิปเปิดดูของ ๆ เธอด้วยความระมัดระวัง หวังว่าจะเจอกับความลับที่ซุกซ่อนไว้
หาได้รู้ไม่... ว่าภัยเงียบกำลังจะมาเยือน ณ โรงเรียนแห่งนี้
คุณแอนดรูว์ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งอยู่นอกรั้วโรงเรียน... ได้เตรียมของเล่นชิ้นใหม่เพื่อให้ภารกิจลุล่วงโดยเร็ว ซึ่งบัดนี้... ของเล่นชิ้นนั้นถูกส่งเข้าสู่รั้วโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อย และเป็นของเล่นชิ้นที่ไม่มีเด็กคนไหนสามารถเห็นด้วยตาเปล่าเป็นอันแน่แท้
มันคือ... หุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาตล่องหน เป็นของเล่นที่สามารถต่อกรกับศัตรูอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ถึงแก่ชีวิต เพราะกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในตัวหุ่นมีฤทธิ์ทำให้ศัตรูเป็นอัมพาต ซึ่งคุณแอนดรูว์จะใช้มันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการลักพาตัวลีโล่ไปส่งถึงมือนายท่านอย่างรวดเร็วถึงที่สุด และเขาไม่ได้มีหุ่นยนต์ต่อเพียงตัวเดียว
พวกมันถูกตั้งโปรแกรมให้มีอิสระในการเคลื่อนไหว แต่รับคำสั่งด้วยเสียงและภาพที่ถูกคุณแอนดรูว์ส่งไปยังหุ่นยนต์นางพญาต่อ ลีโล่จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกมันโดยไม่รู้ตัว
การที่จะตามหาลีโล่ท่ามกลางเด็ก ๆ นับร้อยนั้น... ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะหาโอกาสเล่นงานลีโล่ได้นั้น... มันยากยิ่งนัก
พวกมันจึงทำได้แค่สะกดรอยตามลีโล่กับเพื่อน ๆ ต่อไป
กิจวัตรประจำวันในช่วงพักเที่ยงของลีโล่ขณะอยู่ในโรงเรียน คือ... เข้าห้องสมุด แน่นอนว่าวิคตอเรียกับเพื่อน ๆ ก็ตามไปเป็นเพื่อน เพื่อเยี่ยมชีวิตทดลองอีกตัวที่รับจ๊อบเสริม
ไฟน์เดอร์ 158 ตัวกินมดกึ่งหนูผีที่มีสกิลหาของหรือคนหาย กำลังเปิดบู๊ธรับแจ้งหาของหายในโรงเรียน เพราะทุกวันนี้มีเด็กทำของหายจนต้องพึ่งพาเขาอยู่เรื่อยไป ทันทีที่พวกลีโล่พบไฟน์เดอร์ ทั้งสองฝ่ายก็ทักทายกัน คุยสัพเพเหระกันตามปกติ เพียงแต่... ลีโล่ต้องหยิบหนังสือมาอ่านตบตาบรรณารักษ์เพื่อมิให้เป็นที่ผิดสังเกต
แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นปกติ
"โอ้ว์... ฉันพึ่งนึกได้ว่าการบ้านเลขยังไม่เสร็จ ขอตัวกลับไปที่ห้องก่อนนะ" ลีโล่รีบเร่งฝีเท้ากลับไปยังห้องเรียนของเธอในทันที โดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าถูกหุ่นยนต์ต่อล่องหนของศัตรูติดตามอยู่
ห้องเรียนของลีโล่อยู่ชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งมี 3 ชั้น ลีโล่เร่งฝีเท้าวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนชั้น Grade 3 A เพื่อหยิบการบ้านลงไปห้องสมุด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่เมอร์เทิลออกจากห้องไปโรงอาหารพอดี
ลีโล่เปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปในห้อง พุ่งปรี่ตรงไปยังกระเป๋าเป้ของเธอที่ถูกวางอยู่บนเก้าอี้โต๊ะเรียน รูดซิปเปิดเพื่อหยิบการบ้านวิชาที่เธอทำค้างออกมาแล้วเตรียมออกจากห้องโดยเร็ว
แต่พอเธอหยิบการบ้านออกมา เธอสัมผัสได้ถึงความวังเวงพิลึกที่ก่อตัวขึ้นภายในห้องเรียน ทั้งที่ห้องเรียนห้องนี้ไม่มีสิ่งใดที่มันพิศวงให้เธอรู้สึกมวนท้องมาก่อน
เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ อย่างระมัดระวัง เรียกความมั่นใจให้ตนเองอย่างเต็มที่... หวังว่าความวังเวงที่เธอสัมผัสได้นั้นเป็นแค่ความรู้สึกที่คิดไปเองเพียงคนเดียว
เมื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้แล้วนั้น... เธอก็หอบการบ้านมาไว้ในมือเตรียมออกจากห้อง แต่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เธอติดอยู่ในห้องเพียงลำพังกับศัตรูที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน
หุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาตล่องหน!
เหล็กไนของมันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายศัตรูหลังจากจู่โจมด้วยการทิ่มแทง แต่ก่อนที่ต่อเพชฌฆาตจะบินพุ่งทะยานมาต่อยลีโล่... เธอเอาตำราวิชาคณิตศาสตร์มาฟาดจนหุ่นยนต์ต่อร่วงลงสู่พื้น จากนั้นก็เอาตำราฟาดมันซ้ำจนหุ่นพังเสียหาย
แต่หุ่นยนต์ต่อที่พร้อมจู่โจมลีโล่ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำ... ว่าพวกมันเข้ามาได้อย่างไร!? ทำไมต้องพุ่งเป้ามาที่เธอคนเดียว!?
สิ่งเดียวที่ลีโล่ทำได้ในตอนนี้ คือ... รีบออกจากห้องเรียนให้เร็วที่สุด แต่ในขณะที่ลีโล่จะจับลูกบิดประตู... ของประหลาดอีกชิ้นก็พุ่งมาประดับที่ประตูห้อง มันสร้างม่านไฟฟ้าในทันทีที่มือของเด็กหญิงตัวน้อยสัมผัสถูกลูกบิด ทำให้มือของเธอถูกไฟช็อตจนถอยออกมาจากประตู
ของประหลาดที่ว่ามานี้... ถูกโยนมาจากมือขวาของศัตรูแปลกหน้าที่อาศัยอยู่ในห้องเรียน ซึ่งปรากฎตัวมาได้อย่างไรนั้น... เธอไม่รู้ เธอรู้เพียงแค่... ศัตรูแปลกหน้าไม่ใช่คน!
"ในที่สุด... ก็ได้พบกันสักทีนะ สาวน้อยผู้ดัดแปลงโปรแกรมชีวิตทดลอง" ศัตรูแปลกหน้าผู้มีร่างกายผอมสูง... เอ่ยปากทักทายลีโล่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เมื่อเห็นเด็กหญิงชาวฮาวายตัวน้อยยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ลีโล่ดูออก... ว่าศัตรูที่กำลังเผชิญหน้าเป็น "มือสังหาร" ที่ถูกใครบางคนส่งมาเอาชีวิตเธอ เพราะมันสวมผ้าปิดจมูกและปากปิดบังใบหน้าที่แท้จริง และชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่... มีรูปแบบเหมือนนินจาสีขาว แต่เป็นนินจาที่ทันสมัยมากไปหน่อย สังเกตได้จากลูกกลมหัวแดงที่อยู่ในมือข้างซ้าย และลูกกลมที่อยู่ในมือก็ถูกขว้างไปยังลูกบิดประตูหลังห้อง มีตะของอกออกมาครอบลูกบิด... ลูกกลมครอบลูกบิดประตูสร้างม่านพลังไฟฟ้าป้องกันไม่ให้ลีโล่หนีออกไปจากห้อง ลีโล่จึงตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูโดยปริยาย
"แกเป็นใคร!? ต้องการอะไรจากฉัน!?" ลีโล่เบือนหน้าหนี... ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอหวาดกลัว
"ฉันเป็นใคร ต้องการอะไรนะเหรอ ฉันคงไม่มีความจำเป็นต้องให้คำตอบตอนนี้ เพราะอีกประเดี๋ยว... โปรเจ็คท์ของนายท่านจะเป็นคนชักนำเธอทำความรู้จักกับเราเอง" มือสังหารยิ้มแสยะก่อนที่จะสั่งการพวกหุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาต "ช่วยปราบพยศเด็กน้อยคนนี้ด้วย ได้ยินมาว่าคนนี้แสบนัก อาจต้องได้รับการอบรมสักหน่อย"
หุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาตนับสิบรับคำสั่งเสียงจากมือสังหารก่อนที่จะพุ่งเข้าโจมตี ลีโล่ทำได้แค่ก้มตัวหลบเหล็กไนที่พวกมันเล็งมาที่เธอ... รวมทั้งกวาดตามองหาทางหนีทีไล่ ซึ่งบัดนี้เหลือเพียงทางเดียว
หน้าต่างห้องเรียน
ลีโล่พยายามหลบหลีกเหล็กไนไฟฟ้าของพวกต่อให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนพวกหุ่นยนต์ต่อจะได้เปรียบกว่า
"เปล่าประโยชน์ที่จะดิ้นรนหนีให้พ้นจากต่อเพชฌฆาตของฉันได้ หรือต่อให้หนีออกไปได้ เธอจะต้องพบกับฝันร้ายที่ไม่มีวันลืมได้ลงอยู่ดี" มือสังหารเย้ยหยันเสียงเรียบ... แสยะยิ้มอย่างนึกสมเพชที่เห็นลีโล่ต้องหลบหลีกการโจมตีของหุ่นยนต์ต่อตัวเล็กอย่างทุลักทุเล ถึงเธอจับทางการเคลื่อนไหวได้ แต่พวกมันไม่ใช่หุ่นยนต์ต่อธรรมดา
สกิลการเคลื่อนไหวของพวกมันไม่ได้มีดีแค่ความเร็วเหนือกว่าต่อแตนทั่วไป
พวกมันสามารถเทเลพอร์ตจู่โจมศัตรูอย่างรวดเร็ว!
มือที่เธอถือตำราไว้ฟาดพวกหุ่นยนต์ต่อ... ถูกพวกมันต่อยจนกระแสไฟเข้าสู่มือขวาจนชาและปวดแสบปวดร้อนจนหนังสือตกพื้น
"ถ้าไม่เชื่อ... ก็เอาที่สบายใจนะ อย่าหาว่าผู้ใหญ่ไม่เตือนแล้วกัน" มือสังหารผายมือเชิญลีโล่ท้าพิสูจน์ที่หน้าต่างชั้นสองของอาคารเรียน ด้วยความคิดที่ว่า... ต่อให้ลีโล่กระโดดลงไปได้ ขาทั้งสองข้างของเด็กหญิงตัวน้อยก็หักอยู่ดี
ในเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยผู้เป็นสายลับค้นหาสัตว์ทดลองถูกท้าทาย... เธอยิ่งฮึดสู้ ขาซ้ายของเธอถูกหุ่นยนต์ต่อต่อยจนล้มลงฟุบลงบนพื้น แต่เธอยังดิ้นรนเดินกะเผลกไปยังหน้าต่างบานเลื่อนอลูมิเนียมอย่างรวดเร็วจนถึงที่สุด
จนกระทั่ง... เธอเอื้อมมือหมายจะปลดล็อกหน้าต่างหมายเลื่อนเปิดเพื่อที่จะหนีออกจากห้องให้จงได้ แต่เพราะเรี่ยวแรงที่หายไปและกระแสไฟจากการโจมตีของพวกหุ่นยนต์ต่อเมื่อสักครู่ ทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวจนมิอาจรอดพ้นจากเงื้อมมือของมือสังหารได้
ก่อนที่เธอจะสลบไป ปาฏิหาริย์ก็บังเกิด
เพล้ง!
กระจกหน้าต่างห้องเรียนแตกกระจาย ฮีโร่ก็พุ่งถลาเข้ามาประคองตัวเด็กน้อยมิให้ร่วงลงหมอบราบบนพื้นห้อง
ฮีโร่ที่มีความน่ารักและตัวนุ่มเหมือนเท็ดดี้แบร์ สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่คุ้นเคย
"สติทช์!" ลีโล่เรียกชื่อเพื่อนรักตัวสีฟ้าที่ถูกใครบางคนเตะเป็นลูกบอลเข้ามาช่วยชีวิตเธอให้พ้นจากอันตรายที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้มาเพียงลำพัง
"รูเบ็น! พาลีโล่ออกไปจากที่นี่ที!" สติทช์เรียกญาติผู้เป็นจอมทำแซนด์วิชปีนขึ้นมารับตัวลีโล่ออกไปจากห้องโดยเร็ว ก่อนที่เขาจะหันไปสบตากับมือสังหารอย่างไม่เกรงกลัว "ส่วนไอ้หมอนี่... กูจัดการมันเอง!"
ทันทีที่รูเบ็นรับตัวลีโล่แล้วกระโดดออกจากห้องทางหน้าต่างลงไปยังสนามเด็กเล่น สติทช์กับมือสังหารนิรนามผู้มีของเล่นอันตรายรอบตัวก็เข้าสู่การปะทะกันในบัดดล!
"แหม ๆ ๆ ไม่นึกไม่ฝันเลย... ว่าชีวิตทดลองจอมทำลายล้างหมายเลข 626 จะกล้ามายังสถานศึกษาของเด็กที่มีกฎห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาเพื่อเด็กหญิงตัวน้อยเพียงคนเดียว" มือสังหารพูดพลางหยิบมีดพร้าคู่ออกมาจากเข็มขัด ซึ่งเป็นมีดพร้าไฟฟ้าที่พร้อมสังหารศัตรูทุกคนที่ขวางทางโดยเฉพาะ "ถึงไม่คาดคิดว่าแกจะมา... ฉันก็ฝันมาตลอดว่าจะประฝีมือกับแกสักครั้ง อยากรู้จริง ๆ ว่าใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์บนดาวดวงนี้... พละกำลังการทำลายล้างของแกจะยังคงกระพันอยู่หรือไม่"
หุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาตรู้งานดี... เทเลพอร์ตหายไปจากห้อง ทิ้งให้สติทช์กับมือสังหารปะทะกันเพียงลำพัง และสติทช์แปลงกายจากหมาน้อยตัวสีฟ้ากลายเป็นจอมทำลายล้างพร้อมหักแขนมือสังหารมิให้มันแตะต้องตัวลีโล่ได้อีก
มือสังหารเปิดฉากปะทะกับสติทช์ พุ่งถลาเงื้อมีดพร้าไฟคู่หมายฟันร่างสิ่งมีชีวิตทดลองตัวสีฟ้าเสียให้สิ้นซาก แต่สติทช์กระโดดหลบแล้วพุ่งถลาเข้าโจมตีมือสังหารชุดขาวด้วยมือเปล่าทั้งสี่ข้าง นัยน์ตาของเขาจับทิศทางและการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย จะพบว่ามือสังหารถนัดในเรื่องการหลบหลีกเป็นองค์ประกอบหลักในการโจมตี สังเกตได้จากการเทเลพอร์ตจากที่หนึ่งไปยังอีกที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการเทเลพอร์ตที่เล่นเอาสติทช์หัวหมุนจนแทบเสียสมาธิตั้งแต่เริ่มต้น สติทช์จึงทำได้แค่ยกเก้าอี้นักเรียนมาฟาดร่างมือสังหารที่ปรากฎตัวกลางอากาศพร้อมฟาดฟันเขาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ผลลัพธ์ก็คือ... ร่างมือสังหารผู้เป็นคู่ต่อสู้กระเด็นไปกระแทกถูกกระดานดำอย่างแรง
แต่มีรึ... ที่มือสังหารฝีมือดีจะเสียทีจอมทำลายล้างหมายเลข 626 ได้ง่าย เขาลุกขึ้นมาแล้วเก็บมีดเข้าฝัก รอโอกาสให้อีกฝ่ายจู่โจมเข้ามาแล้วตอบโต้ในภายหลัง
ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ไม่มีผิด
สติทช์แปลงกายตนเองเป็นลูกบอลหนามกลิ้งเข้าโจมตีมือสังหาร แต่ถูกอีกฝ่ายโต้กลับด้วยม่านพลังไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากหัวเข็มขัด ชีวิตทดลองจอมทำลายล้างจึงตกเป็นฝ่ายเสียที... ถูกม่านพลังไฟฟ้าโจมตีจนร่างกระเด็นทะลุล็อกเกอร์และกำแพงปูนหลังห้องไปยังห้องเรียนอีกห้องในทันที
โครม!! ตู้มมม!!
มือสังหารชุดขาวถอดลูกกลมสร้างม่านพลังไฟฟ้าครอบลูกบิดประตูมาไว้ในมือแล้วใช้วิชาล่องหนเตรียมโจมตีสติทช์อีกระลอก สติทช์ลุกขึ้นยืนแล้วปรับนัยน์ตาตัวเองเข้าสู่การเอ็กซเรย์หาตัวคู่ต่อสู้ที่ยังล่องหนอยู่ แต่ไม่มีวี่แวว
กลายเป็นสติทช์ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกโจมตีทั้งที่ไม่เห็นตัวคู่ต่อสู้ รู้สึกเหมือนถูกต่อยหน้าและช็อตไฟในเวลาเดียวกัน... ราวกับว่าคู่ต่อสู้ที่กำลังล่องหนอยู่เลือกจู่โจมระยะไกล
"ประหลาดใจมากสิท่า... ที่นัยน์ตาตรวจจับความร้อนไม่สามารถตามหาฉันได้" มือสังหารส่งเสียงเข้าสู่ใบหูของสติทช์ ทำเอาจอมทำลายล้างหมายเลข 626 ฟังแล้วถึงกับกัดฟันกรอดที่หาโอกาสต่อกรกับมือสังหารไม่ได้ "ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ชุดที่ฉันสวมใส่... ทำจากใยผ้าชนิดพิเศษที่มีความเย็นป้องกันมิให้มีการตรวจจับความร้อนจากร่างกายฉันได้ แกคิดเหรอว่าฉันจะอ่อนด้อยเหมือนชีววุธที่นังเด็กน้อยจะขัดเกลาละลายพฤติกรรมได้ บอกไว้ก่อนว่าคิดผิดแล้วที่บังอาจมาขัดขวางฉัน หมัดอัสนีไร้เงาจะสอนบทเรียนให้แกเอง!"
"หมัดอัสนีไร้เงา!?" สติทช์ทวนชื่อไม้ตายของมือสังหารชุดขาวออกมาเบา ๆ ถึงแม้เขางุนงงนักกับท่าไม้ตายที่ไม่เคยได้ยิน... แต่ความเจ็บปวดจากการต่อสู้มีมากกว่า เขาจึงทำได้แค่กวาดตามองและยกใบหูรับฟังการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเพื่อหาโอกาสเอาคืนโดยเร็ว
"ใช่! แกฟังไม่ผิดหรอก หมัดอัสนีไร้เงา เป็นหมัดที่อาศัยการแยกจิตเล่นงานแกโดยเฉพาะ แกจะรู้สึกเจ็บแสบเหมือนไฟช็อตที่ใบหน้า ฉันต่อยหมัดขวาเข้าที่อากาศ แกก็จะโดนต่อยไปด้วย ถ้าไม่เชื่อ... ฉันจะสาธิตให้ดู" มือสังหารชุดขาวที่ยังล่องหนอยู่... สวมสนับไฟฟ้าแล้วชกต่อยสติทช์รัว ๆ จนอีกฝ่ายได้แต่ปัดป้องจนถึงขั้นยกโต๊ะมาเป็นโล่ป้องกัน มือสังหารชุดขาวจึงเทเลพอร์ตมาจู่โจมสติทช์ทางข้างหลัง ชักมีดพร้าจ่อเข้าที่ลำคอของจอมทำลายล้าง... แสยะยิ้มย่ามใจที่เห็นศัตรูเพลี่ยงพล้ำต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
"แต่ความเจ็บปวดที่แกได้รับ... มันแค่ออเดิร์ฟ เพราะความเจ็บปวดจากหุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาตที่พร้อมสร้างความทรมานให้เด็กน้อยที่แกรักมากเท่าชีวิต... จะเป็นอาหารจานหลักให้แกได้ลิ้มลองรสชาติจนมิรู้ลืมไปเลยทีเดียว ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ" มือสังหารหัวเราะร่วนด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก สติทช์ถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น... ที่มือสังหารพูดถึงลีโล่ราวกับว่าเธอจะตกเป็นเหยื่อในอีกมิช้า
สติทช์ได้แต่ภาวนา... ว่ารูเบ็นและพี่น้องผองเพื่อนจะพาลีโล่ไปยังที่ปลอดภัยในทันท่วงที
------------------------------------------------------------------------
ภายในห้องเรียนก็อันตรายมากพอแล้ว ภายนอกห้องเรียนกลับอันตรายยิ่งกว่า
ทันทีที่รูเบ็นอุ้มลีโล่ออกมาจากอาคารเรียน ต้องมาเห็นภาพที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในโรงเรียน
เด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานในช่วงพักเที่ยง... ถูกใครบางคนยิงลูกเหล็กพ่นควันสีเหลืองทองอร่ามฟุ้งกระจายจนล้มลงสลบแทบทุกพื้นที่ในโรงเรียน เท่านั้นยังไม่พอ... หมาไซบอร์กนับสิบและหุ่นยนต์ต่อยังออกตระเวนตามหาลีโล่หมายล่าเธอโดยเฉพาะ แถมเหล็กไนที่ฝังอยู่ในมือขวาและขาซ้ายของลีโล่ยังปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย ทำให้รูเบ็นถึงกับคิดหนัก... ต้องหาทางพาเธอกลับไปที่ยานของแกนตูโดยเร็วที่สุด
ดูเหมือนว่าภารกิจช่วยชีวิตลีโล่ให้พ้นจากเงื้อมมือนินจาขาวท่าจะไม่ราบรื่นเสียแล้ว
เพราะดวงตาของหมาไซบอร์กมีระบบตรวจจับศัตรูที่กำลังซ่อนตัวอยู่ ซึ่งจะทำงานร่วมกับกับพวกหุ่นยนต์ต่อได้ดี ตราบใดที่พวกหมาไซบอร์กเจอตัวศัตรู... พวกมันจะเห่าส่งคลื่นเสียงให้พวกต่อเทเลพอร์ตมาพบเป้าหมายในทันที บัดนี้พวกต่อเพชฌฆาตและหมาไซบอร์กพร้อมรุมทึ้งรูเบ็นอย่างเต็มที่ ในขณะที่รูเบ็นแปลงกายเป็นจอมพลังหมายเลข 625 ที่มีพละกำลังทำลายล้างเทียบเท่าสติทช์พร้อมปะทะกับพวกมันอย่างสุดตัว
แต่ก่อนที่รูเบ็นจะปะทะกับหุ่นยนต์ไม่ทราบฝ่าย... มีกระแสไฟฟ้าพุ่งทะยานผ่านทะลุเหล่าหุ่นยนต์ต่อจนพวกมันระเบิดกระจายไม่เป็นชิ้น
ตู้ม!! บึ้ม!!
กระแสไฟฟ้าที่ทำลายหุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาตของมือสังหารชุดขาว เป็นกระแสไฟจากร่างของสปาร์คกี้ที่มาเป็นเพื่อนสติทช์ถึงโรงเรียน แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ลีโล่ สติทช์ รูเบ็น และสปาร์คกี้ที่รับศึกหนักกับหุ่นยนต์ที่บุกเข้ามาในโรงเรียน
วิคตอเรียและเพื่อน ๆ ก็ต้องรับศึกเช่นกัน!
มาวินเป็นเด็กผู้ชายคนเดียวในกลุ่มวิคตอเรียที่รอดพ้นจากควันสลบของศัตรูที่ส่งหุ่นยนต์มาตามล่าลีโล่ เป็นความโชคดีที่ในมือมาวินมีไม้กวาดเป็นอาวุธป้องกันตัวและพื้นที่ในห้องสมุดก็กว้างขวางพอที่พวกเธอจะหลบหลีกการโจมตีของพวกหุ่นยนต์ต่อ แต่ดูเหมือนว่า... พวกหมาไซบอร์กจะแยกเขี้ยวปิดทางหนีเสียแล้ว
ในขณะที่พวกวิคตอเรียกำลังเข้าตาจน... เกือบเสียทีพวกหุ่นยนต์เพชฌฆาตอยู่นั้น
แองเจิ้ลกับฟลุทร่างสองก็เข้ามาช่วยชีวิตพวกวิคตอเรียในทันท่วงที เพราะทั้งคู่มีความสามารถด้านการต่อสู้... การปะทะกับหมาไซบอร์กก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หนวดผีเสื้อของนางฟ้าสีชมพูปัดหุ่นยนต์ต่อไปให้พ้นจากสองพี่น้องฝาแฝดผู้เป็นโอฮาน่าของเธอได้ดี แน่นอนว่าสลัชชี่ก็พ่นปืนกลเกล็ดน้ำแข็งจากปากซัดหุ่นยนต์ต่อร่วงลงพื้นเช่นกัน
ทันทีที่สามชีวิตทดลองสายคอมแบ็ตจัดการศัตรูที่เข้ามาคุกคามพวกวิคตอเรียแล้วนั้น... แองเจิ้ลก็พาเพื่อน ๆ ของลีโล่ออกนอกรั้วโรงเรียนโดยเร็วที่สุด หวังว่าสติทช์ รูเบ็น และสปาร์คกี้จะพาลีโล่ไปยังที่ปลอดภัยในทันท่วงที
แองเจิ้ลได้แต่เก็บงำความสงสัย... ว่าใครกันที่สั่งการเหล่าหุ่นยนต์มาบุกโรงเรียน!?
แต่เธอรับรู้เซ้นส์สัญชาตญาณของสติทช์ดี
หุ่นยนต์พวกนี้พุ่งเป้าไปที่ลีโล่เป็นหลัก!
สติทช์กำลังรับศึกหนักกับมือสังหารชุดสีขาวอยู่ ซึ่งบัดนี้... เขาก้มหน้ากัดมือขวาของเจ้ามือสังหารจนอีกฝ่ายร้องลั่นห้อง จากนั้นก็แย่งมีดพร้าไฟฟ้ามาไว้ในมือ สติทช์กับมือสังหารจึงใช้มีดพร้าไฟฟ้าฟาดฟันกันอย่างดุเดือด คราวนี้สติทช์จับทางการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ เพราะจุดอ่อนอย่างแรกของมือสังหารชุดขาวจะอยู่ที่มีดพร้า ถึงมือสังหารจะล่องหนจนสติทช์ไม่สามารถจับได้ แต่มือสังหารก็มีพลาดตรงที่พยายามจะแย่งมีดกลับคืนมาให้จงได้ มือสังหารชุดขาวจึงถูกสติทช์ยกอุ้งเท้าถีบเข้าที่หน้าท้องอย่างแรงจนกระแทกถูกกระดานดำถล่มลงมา
แต่เซ้นส์มือสังหารชุดขาวรับรู้ได้ถึงความเสียเปรียบที่กำลังจะได้รับ... เจ้าตัวจึงเทเลพอร์ตหายตัวไปทั้งที่เจ็บท้องอยู่ สติทช์จึงกระโดดออกจากห้องเพื่อตามล่ามือสังหารนิรนามในทันที ด้วยความคิดที่ว่า... ถูกถีบหนักจนคาดว่าน่าจะสะบักสะบอม อาจหนีไปไม่ได้ไกล ในเมื่อดวงตาอินฟราเรดไม่สามารถมองเห็นมือสังหารได้ เหลือแค่ประสาทสัมผัสการได้ยินและการดมกลิ่นที่เหนือชั้นกว่าสัตว์ทั่วไป... ที่จะช่วยเขาได้
มีดพร้าไฟฟ้าที่อยู่ในมือสติทช์จะเป็นตัวช่วยชั้นดีที่จะตามตัวมือสังหารได้ แค่ดมกลิ่นก็สามารถจับทิศทางที่มือสังหารใช้หลบหนีได้
แต่การที่สติทช์จะตามตัวมือสังหารชุดขาวได้... ใช่ว่าจะตามหากันได้ง่าย
เพราะคนของนายท่านที่มือสังหารชุดขาวรับจ้างลักพาตัวลีโล่ได้เตรียมการหลบหนีเป็นอย่างดี เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าสติทช์ต้องแอบมาที่โรงเรียนเพื่อเฝ้าดูลีโล่เป็นอันแน่แท้ ซึ่งเป็นจริงอย่างที่คนของนายท่านคาดไว้ไม่มีผิด!
สติทช์ทำจมูกฟุดฟิดตามรอยกลิ่นมือสังหารจากมีดพร้าไฟฟ้าที่อยู่ในมือ เมื่อรู้ทิศทางที่มือสังหารหลบหนีแล้ว... จึงเร่งฝีเท้าตามล่าตัวโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะกำราบมันและคาดคั้นหมายรู้ความเรื่องผู้อยู่เบื้องหลังให้จงได้
ซึ่งการตามล่ามือสังหารฝีมือดีในครั้งนี้ ทำให้เขาติดกับไม่รู้ตัว!
"ฉันต้องยอมรับ... ว่าสิ่งมีชีวิตทดลองหมายเลข 626 ถูกสร้างมาเป็นนักสู้รอบด้านจริง ๆ แต่น่าเสียดาย... ที่ความอยากรู้อยากเห็นของแกพาแกไปพบยมบาลในโลกหน้า" มือสังหารชุดขาวส่ายหน้าเบา ๆ อย่างนึกสมเพชในตัวสติทช์ที่ปล่อยให้การตามล่าหาความจริงเป็นหนทางสู่ความตายในอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้
นั่นเป็นเพราะมือสังหารจงใจทิ้งมีดพร้าไฟฟ้าอีกเล่มลงถังขยะในสวนสาธารณะหลังโรงเรียน เพื่อหลอกล่อให้สติทช์เล่นกับคนของนายท่านอีกกลุ่ม
คนของนายท่านที่พร้อมจะรุมฟัดสัตว์ประหลาดตัวสีฟ้า เป็นสุนัขไซบอร์กที่มีไซส์เท่าเซนต์เบอร์นาร์ด ซึ่งพวกมันมีทั้งหมด 5-6 ตัวก็ว่าได้ แต่ละตัวล้วนดุร้าย... แยกเขี้ยวไฟฟ้าพร้อมฉีกเนื้อสติทช์เป็นชิ้น ๆ สติทช์เห็นว่าหมาไซบอร์กกลุ่มนี้ถูกทำมาจากเหล็กกล้าและมีความอึดยิ่งกว่าชีวิตทดลองร่างใหญ่ที่เขากับลีโล่เคยเผชิญหน้ามา
ลำพังสติทช์คนเดียวยังพอฟัดกับพวกไซบอร์กได้
แต่มือสังหารไม่ปล่อยให้สติทช์รอดไปง่าย ๆ
ฉึก!!
"โอ้ว์!!" สติทช์ร้องลั่นในทันทีที่มือข้างที่เขาถือมีดพร้าไฟฟ้าถูกหุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาตต่อย มีดพร้าร่วงลงสู่พื้นในบัดดล ซ้ำร้าย... ถูกมือสังหารชุดขาวเทเลพอร์ตมาเตะจนกระเด็นเฉียดถูกคมเขี้ยวของหมาไซบอร์กเซนต์เบอร์นาร์ดอย่างหวุดหวิด
บัดนี้... ในมือของมือสังหารกลับมามีมีดพร้าไฟฟ้าคู่ดังเดิม!
"แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ อีกประเดี๋ยวนายท่านจะรับเลี้ยงเด็กน้อยที่รักของแกให้มีชีวิตใหม่ที่จะไม่มีวันลืมได้ลงไปเลยทีเดียว" มือสังหารชุดขาวโน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหูสติทช์ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยความสะใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่มันจะเทเลพอร์ตหายตัวไปยังที่ใดสักแห่ง ทิ้งให้สติทช์ตกอยู่ในวงล้อมของหมาไซบอร์กร่างใหญ่เพียงลำพัง
หากว่าเหล็กไนที่ฝังอยู่ในมือซ้ายของสติทช์เป็นเหล็กไนต่อธรรมดา ผิวหนังหนาและขนที่นุ่มนวลน่าฟัดจะไม่ทำให้ร่างกายเหน็บชาเพราะถูกแมลงมีพิษต่อย
แต่นี่... เหล็กไนจากหุ่นยนต์ต่อเพชฌฆาต มันปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย ถึงเขาถูกสร้างให้มีความอึดเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทุกประเภทบนดาวโลก แต่ถ้ากระแสไฟเข้าสู่ร่างมากเข้า... ร่างกายจะอ่อนแรงลงจนไม่สามารถยืนได้อีก
สติทช์ตั้งอธิษฐานไว้ในใจ
ด้วยอำนาจแห่งมิตรภาพกับความรักที่เทพีฮิอาก้า (Hi'iaka) กับมนุษย์นามโลเฮีย (Lo'hiau) มีให้กันและกัน ช่วยดลบันดาลให้ผมรอดพ้นจากภยันตรายเพื่อเป็นหลักกำลังใจให้ลีโล่ร่วมฝ่าฟันเรื่องเลวร้ายด้วยเถิด
เขาจะต้องไม่ล้มลง เขาต้องไม่ตาย
ศัตรูฝีมือร้ายกาจกำลังมุ่งหน้าไปที่ลีโล่และผองเพื่อน
เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่... ต้องถูกนำมาใช้เพื่อต่อกรกับหมาไซบอร์กงี่เง่าให้จงได้!
ç=================è
ความคิดเห็น