NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลวงรักจิตเสน่หา (ฉบับรีไรต์) -ซีรีส์ลวงรัก-

    ลำดับตอนที่ #13 : 7-1 แผนการของคุณนาย (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.44K
      1
      15 พ.ค. 67

    “ถ้าลูกวีไม่ช่วยลูกนัทไว้... ทุกวันนี้หนูไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้มีชีวิตสุขสบาย ลูกไม่เจอหมอดิน ไม่มีพ่อบุญธรรมที่น่ารักขนาดนั้น แม่ไม่ได้อยากจะทวงบุญคุณนะคะ...”

    เจ้าของร่างสูงในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงยีน นั่งเหยียดกายบนโซฟานุ่มสีเข้มด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในร้านกาแฟใต้ตึกโรงพยาบาล กาแฟรสขมจัดในมือหนาพร่องไปเพียงน้อย เขาเฝ้าฟังหล่อนทวงถามเรื่องอดีต ตอนพำนักอาศัยในเชียงใหม่ พูดจาวกไปวนมา กลับมาเข้าเรื่องคือทวงบุญคุณ...

    “สมัยสาว ๆ แม่ทำงานหนัก กว่าจะตั้งตัวยืนได้ ลูกสาวก็ทั้งดื้อทั้งซน เอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้ จะนิ่งเฉพาะตอนไปหาหมอดิน นวีนานั่งตรงไหนนั่งตรงนั้นเป็นชั่วโมง ๆ ทีแรกแม่ไม่รู้นะว่าลูกสาวหายไปไหน แม่ย่องไปแอบดูลูกสาวถึงสถานีอนามัยเห็นว่าไม่มีเรื่องเสียหายเลยไม่ได้ว่าอะไร”

    “แล้วแบบนี้... ผมควรต้องตอบแทนครอบครัวคุณแม่ยังไงดีล่ะครับ เรื่องที่คุณแม่อนุญาตน้องวีให้มานั่งเฝ้าผมเป็นวัน ๆ ทำให้ผมรอดชีวิตมาได้” ถามพลางเลิกคิ้วขึ้น ในแววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก อีกฝ่ายควรตระหนักว่าเขารอดชีวิตมาได้เพราะทีมแพทย์ ไม่ใช่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ทว่าคุณนายในเดรสลายสก็อตงานแบรนด์เนม กระเป๋าหนังจระเข้ใบโปรดราคาเหยียดล้าน ยังคงเข้าข้างตัวเองว่าอาจารย์ธนัชยอมมาพบหล่อนตามนัดหมายด้วยเรื่องของลูกสาว

    “ลูกนัทคุยกับโอโต้ซังเรื่องน้องหรือยัง?

    “ยังครับ ผมว่าจะบินไปญี่ปุ่นอาทิตย์หน้า เพิ่งแจ้งลาหยุด”

    จิดาภากระตุกยิ้มมุมปากพลางถาม “แล้ว... ยังจะหั่นลูกสาวน้าเป็นชิ้น ๆ อยู่ไหมจ๊ะ?

    “ผมเป็นหมอ ให้คำสัตย์ปฏิญาณว่าจะรักษาชีวิตผู้คน จะให้หมอไปหั่นใครสักคนได้ยังไงกันล่ะ ผมปากไม่ดี พูดไปอย่างนั้นแหละครับ คุณแม่อย่าถือสาเลย”

    นึกถึงคำพูดร้ายกาจว่าจะหั่นแม่สาวน้อยเป็นชิ้น ๆ ส่งคืนคุณแม่แบบไม่มีเลือดสักหยด ด้วยความเกลียดชังที่มีต่อบิดา คุณหมอสำนึกผิดอยู่ว่าไม่น่าพูดจาแบบนั้นออกไปเลย

    ขณะที่คนในฝั่งตรงข้ามคิดว่าได้รับชัยชนะเพราะเจ้าตัวไม่เคยกลับญี่ปุ่น ไม่คุยกับบิดามาตั้งนมนาน สบโอกาสพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาตั้งยี่สิบปี

    “ตอนนั้นแม่เข้ากรุงเทพฯ มาอยู่กับคุณย่าชมนาดไม่กี่เดือนก็ส่งลูกไปเรียนสหรัฐ แม่บินไปบินมา ฝากลูกสาวไว้กับโฮสแฟมิลี่ เป็นนักธุรกิจเหมือนกัน เลยไม่ได้ติดต่อไป ลูกวีถามถึงพี่ชายอยู่นะ ลูกเอาแต่ถามถึงพี่ชาย...”

    เรื่องนี้เฉไฉสุด ๆ

    รอยยิ้มเสแสร้งระหว่างจิบกาแฟจนหมดแก้วบนใบหน้าหล่อเหลาเลือนหายไป เขาปรับสีหน้าเข้มเครียดขึ้น วางแก้วและจานรองแก้วลงบนโต๊ะกระจกค่อยถาม

    “คุณแม่บอกน้องว่าผมตายแล้วไม่ใช่หรือไงครับ น้องจะเอาแต่ถามถึงผมได้ยังไง?

    “แม่หมายความว่าพูดถึงเราบ่อย ๆ แม่ก็ตอบคำตอบเดิม จะว่ายังไงดีล่ะ พอวีถามถึงเมื่อไร แม่ก็บอกให้ทำบุญกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้นั่นแหละ”

    “ขอบคุณนะครับ รู้สึกอิ่มบุญสุด ๆ” เอ่ยพลางโค้งมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มละไม ก่อนจะปรับสีหน้านิ่งขรึม ธนัชยังคงนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟ ในสีหน้าคาดเดาอารมณ์ได้ยากนับชั่วโมงได้ ซึ่งหล่อนเป็นฝ่ายพูดมากกว่าเขา แต่ไม่ยอมเข้าประเด็นเสียทีจนเขาต้องเอ่ยให้เรื่องมันจบ ๆ ไปเสีย

    “...ผมคิดว่ายังไม่อยากมีครอบครัว งานโรงพยาบาลค่อนข้างเยอะนะครับ”

    “อุ้มนะจ๊ะ โอโต้ซังบอกมาว่าแบบนั้น กริ๊งเดียว” คุณนายทำยกมือแนบหู กลอกตาไปมาด้วยหน้าตาคร่ำเครียด คุณหมอหน้าตะลึงงันพอถูกขู่ฟ่อว่ามีคนจะโทรไปฟ้องบิดาว่าเขาไม่ตอบตกลง ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้...

    ธนัชไม่ลืมหรอกว่าถึงแม้ที่นี่จะเป็นเมืองไทย แต่เขาเป็นลูกชายคนโตสุดของบ้านโอดะ เป็นสายเลือดคนเดียวของอิจิโร่ ประธาน โอดะกรุ๊ป กลุ่มผู้มีอิทธิพลใหญ่ในญี่ปุ่น ผู้ผลิตสินค้ากลุ่มประเภทเนื้อปลา และส่งออกอาหารแช่แข็งรายใหญ่ ยังทำธุรกิจอื่น ๆ อีกมาก นักธุรกิจบางคนในกลุ่มโอดะมีอำนาจในกลุ่มนักธุรกิจสีเทา การที่เขาได้รับอิสรภาพมาเนิ่นนาน จนกระทั่งบิดาโทรมาเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน คนฉลาดอย่างเขาคิดว่าไม่ควรมีข้อต่อรอง

    แต่ถ้ายัยคุณนายนี่กำลังปั่นหัวเขาอยู่ล่ะ? หล่อนไม่จำเป็นต้องประเคนลูกรักหล่อนให้คนบ้านเขาก็ได้ หล่อนต้องการอะไรกันแน่? ผลประโยชน์หรือ?

    ในสีหน้าครุ่นคิดทว่ายังไม่ตอบคำถาม จิดาภาก้มหน้ามองนาฬิกา ตัดจบบทสนทนา

    “โอเค แม่คุยกับลูกสาวไว้ว่าสองเดือนนะคะ แม่ขอให้หมอนัทมาดูลูกวีในฐานะลูกเขย แต่ถ้าลูกนัทไม่สนใจน้องแล้ว ระดับคุณนายจิคงหาลูกเขยไม่ยากหรอกจ้ะ” พูดจบ ดันมีสายเรียกเข้าพอดี ใบหน้าสดสวยของสาวใหญ่ดูคล้ายแสดงละคร ยกมือป้องปากว่า “อุ๊ย... หม่อมทิพย์โทรมาเรื่องคุณชายน่ะ ขอตัวก่อนนะลูก ตามสบายเลยนะ มีเบอร์กันแล้วนะลูกนัท”

    อ้าว... คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป...’

    แผ่นหลังบางที่ลับตาไปพาเสียงผ่อนลมหายใจหนัก คุณหมอผู้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังซดกาแฟหมดแก้ว แค่นหัวเราะ คิดอะไรอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า!

     

    คนไข้เพิ่งรับยาจากโรงพยาบาล ในมือถือถุงผ้าใส่ยา สะพายกระเป๋าพาดบ่า บังเอิญพบนายแพทย์หนุ่มกับมารดาในร้านกาแฟ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน

    จะเรื่องอะไรกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องดูตัว!

    นวีนานึกขึ้นได้พอดี เธอเข้าไปนั่งในร้านกาแฟด้านนอก ทำไม่รู้ไม่ชี้ จนเห็นมารดาออกจากร้านไป ค่อยหยิบมือถือมากดส่งข้อความ กลับแล้ว ไม่ต้องมารับนะมี๊ ฝากบอกย่าชมด้วยว่าเจอที่บ้านนะคะ วีมีธุระด่วน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วเดินไปหาคุณหมอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟา แอบหัวเราะอะไรก็ไม่รู้

    “หมอนัทคะ... คุณแม่ฉันไปไหนหรือคะ คุยอะไรกัน แม่ฉันมาถามอะไรหรือเปล่า?

    ธนัชเงยหน้าหาคนที่มาหยุดยืนข้างโซฟา ไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี เธอสวมเดรสคอสูงเปิดไหล่สีขาวครีม ความยาวประเข่า ยิ่งดูเป็นสาวเอวบางร่างน้อย ตัวเล็กพอสมควร เธอยืนหนีบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนม มือข้างหนึ่งยกขึ้นปิดหน้าผาก แทนที่เขาจะตอบคำถาม เพียงถามกลับ

    “ทำไมต้องปิด?

    “ไม่มั่นใจ...”  เสียงหวานตอบแผ่วเบาอยู่ในลำคอ แต่ก็ดังพอให้อีกคนได้ยิน

    เมื่อเช้านี้เธอรวบผมไว้ข้างหน้า ตัดเองในห้องน้ำ เพราะคงไม่มีเวลาไปร้านทำผม พอได้กิ๊บมาอันหนึ่งจากนักศึกษาที่มาเยี่ยมก็ติดไว้ข้างหน้าเพื่อบังผ้าก๊อซปิดแผล

    “น่ารักดีออก”

    “จริงหรือคะ?” ถามตาโต พอคุณหมอระบายยิ้มจนมองเห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก พยักหน้าว่า อื้ม น่ารัก จะหลอกทำไมล่ะ เป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกเก้อเขิน จนต้องหลบเลี่ยงนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนไร้แว่นกรอบหนาอย่างเคย

    “แต่ระวังอย่าให้ไปโดนแผลมากล่ะ เป็นไปได้ก็เอากิ๊บหนีบไว้ก่อน สักวันสองวันนะครับ...

    “ค่ะ ๆ หมอ รับทราบค่ะ” รับคำอย่างลืมตัว แก้มขาวนวลกลายเป็นสีแดงระเรื่อ เธอชะงักกึกมองใบหน้าหวานคมไร้แว่นกรอบหนาอย่างเคย

    จมูกตาปากน่าจะเหมือนคุณแม่ คิ้วเหมือนคุณพ่อ ตาสีน้ำตาลอ่อนด้วย มีเขี้ยวเหมือนคุณพ่ออีกแหนะ

    เมื่อพิจารณาชายที่นั่งอยู่ คาดว่าเขาได้เค้าโครงความหล่อเหลาจากนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ อิจิโร่ โอดะ เธอเห็นรูปโอโต้ซังจากมือถือมารดา ยืนถ่ายรูปฉีกยิ้มหวานหน้าบริษัท มีลูกน้องอีกหลายคนสวมสูทคลุมทับด้วยชุดกันหิมะอย่างดี

    มารดาเล่าให้ฟังว่าครั้งสุดท้ายไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่น ประชุมงานกับหุ้นส่วนในสาขาต่างประเทศ อิจิโร่ซังกลุ้มใจเรื่องลูกชายเป็นอย่างมาก บอกว่าคุณหมอไม่ญาติดีกับทางบ้านที่ญี่ปุ่น เขาไม่เอาใครเลยสักคน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเป็นหมอ ตั้งรกรากปักฐานอยู่ในเมืองไทยนานแล้ว ซึ่งเธอคงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่ถ้าหากว่าเขายอมเชื่อฟังผู้ใหญ่คราวนี้ เธอเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและบิดาไปในทิศทางที่ดี

    ไม่ใช่เรื่องของเธอซะหน่อย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×