ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 12 - Happy Alley ผู้ปกครอง (Someone Older)

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 56



    Chapter 12

     

     

     
     

    กลิ่นหอมของอาหารมื้อเย็นลอยฟุ้งไปทั่วบ้านแฝดหลังเล็ก  เป็นเรื่องปกติธรรมดาของทุกวันที่สองพี่น้องจะช่วยกันลงมือทำอาหาร  ทำน้อยทำมากก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของสมาชิกร่วมโต๊ะที่มักมีสามหนุ่มเพื่อนบ้านมาร่วมวงเสมอ 

     

     

    “คชา...วันเสาร์นี้ไปไหนหรือเปล่า  พอดีพี่ต้องไปช่วยงานฝ่ายวิชาการที่โรงเรียน อยากไปกับพี่ไหม?  มิ้นท์ถามขึ้นในขณะที่ตนกำลังง่วนอยู่กับการปรุงอาหารในหม้อใบเล็ก  แอบชำเลืองมองคชาที่กำลังตั้งใจหั่นผัดสดสีเขียวสำหรับเมนูมื้อเย็น

     

    “พี่มิ้นท์......” คชาวางมีดลงบนเขียง แล้วเรียกชื่อพี่สาวตัวเองเสียงเบา จ้องมองคนเป็นพี่สีหน้าเหมือนเด็กจะร้องไห้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

     

    “มีอะไร..  ทำไมมองพี่แบบนั้น”  มิ้นท์หัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อเห็นหน้าน้องชายสุดที่รัก ก่อนจะถามอีกฝ่ายแล้วหันกลับไปปรุงอาหารในหม้อต่อ

     

    “เสาร์นี้พี่มิ้นท์ต้องไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนคชานะ”  คชาว่าน้ำเสียงติดน้อยใจที่พี่สาวลืมนัดสำคัญ 

     

    “เสาร์นี้หรอกหรอ พี่นึกว่าเสาร์หน้า” มิ้นท์ว่าแล้ววางทัพพีเมื่อพบว่ารสชาติอาหารเข้าที่ดีแล้ว ก่อนจะปิดเตาแก๊สเพื่อเดินมาหาน้องชาย

     

    “พี่มิ้นท์...”  คนตัวเล็กเรียกชื่อพี่สาวอีกครั้ง สายตาบ่งบอกแสดงความน้อยใจยังคงมีให้เห็น ใบหน้ามุ่ยลงทันทีเมื่อรู้ว่าพี่สาวหลงลืมนัดสำคัญจริงๆ

     

    “โอ๋...พี่ขอโทษนะ  แต่พี่ไม่ได้ลืมพี่แค่จำสลับวัน” 

     

    “คชาไม่อยากโดนอาจารย์เรียกไปถามว่าทำไมผู้ปกครองไม่มา  พี่มิ้นท์ก็รู้ว่าโรงเรียนคชาเคร่งเรื่องประชุมผู้ปกครอง”  คชาบอกเหตุผล การประชุมผู้ปกครองไม่ได้สำคัญอะไรกับคชาเลยสักนิดแต่มันสำคัญกับอาจารย์ที่ปรึกษาของคชานี่สิ

     

    “พี่ขอโทษนะ  แต่พี่ต้องไปทำงานจริงๆ เดี๋ยวผู้ใหญ่จะว่า”

     

    “แล้วคชาจะทำยังไง...”  ไม่ใช่ว่าคชาไม่เข้าใจพี่สาวตนเอง ไม่ใช่ว่างอนที่พี่หลงลืมนัด คชาเข้าใจว่าพี่มิ้นท์มีงานสำคัญที่ต้องทำ แต่คชาแค่ไม่อยากคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาสุดเข้มตัวต่อตัวก็เท่านั้นเอง

     

    “โอ๋ๆนะ  เดี๋ยวพี่ขอคุยกับที่โรงเรียนอีกทีเผื่อจะขอไปประชุมผู้ปกครองก่อน....อย่าพึ่งร้องไห้นะ”   มิ้นท์เริ่มปลอบน้องชายตัวเล็กเมื่อเห็นว่าคชาเริ่มมีสีหน้าไม่ดีขึ้น  มือที่พึ่งวางจากการทำอาหารค่อยๆยกขึ้นลูบหัวกลมของน้องชายตัวเล็ก   ก่อนที่เสียงบางอย่างจะดังขึ้นจากบานประตู...

     

    “เซอร์ไพรส์!!!!!”  เสียงเปิดประตูไม้หน้าบ้านดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนจากพี่ชายคนโตของบ้านแฝดอีกหลัง   ด้านหลังของตี๋คือน้องชายอีกสองคนที่ดูสภาพเหมือนผ่านสงครามมาไม่ปาน หน้าตาสามพี่น้องอิดโรยแสดงถึงอาการหิวโซ  ทำให้เจ้าของบ้านเดาได้ไม่ยากถึงสาเหตุการมาของเพื่อนบ้านทั้งสามชีวิต

     

    “เข้ามาดีๆก็ได้มั้งตี๋  ถ้าประตูบ้านพังขึ้นมาระวังจะอดกินข้าวไปตลอดชีวิต”

     

    “ก็ดีนะ  ครั้งหน้ามาจะได้เดินเข้ามาเลยไม่เสียแรงเปิดประตู”   มิ้นท์ได้แต่ส่ายหน้าระอาให้กับเพื่อนข้างบ้านก่อนจะหันมามองน้องชายตัวเองที่ยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่  สองตาแอบมองเห็นพี่ชายคนรองมองมาที่คชาพอดีจึงเกิดความคิดบางอย่าง 

     

    “แต่พี่ว่าพี่มีตัวช่วยแล้วหละน้องรัก”  มิ้นท์ยกยิ้มขึ้นแอบหยิกแก้มน้องชายตัวเองแล้วมองไปยังบุคคลมาใหม่ 

     

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    ตัวช่วยที่พี่มิ้นท์บอกหนีไม่พ้นพี่ชายคนสนิทของคชา   มิ้นท์ขอให้เต๋าไปประชุมผู้ปกครองแทนตนเองในวันเสาร์ที่จะถึงนี้   ครั้งแรกที่ร่างสูงได้ยินก็แอบประหลาดใจนึกว่าตัวเองฟังผิด  เพราะสำหรับเต๋าแล้วการประชุมผู้ปกครองครั้งล่าสุดในชีวิตคือวันปฐมนิเทศในฐานะนักศึกษาตอนปี1 แต่ตอนนั้นเขาอยู่ในฐานะผู้อยู่ในปกครองไม่ใช่ผู้ปกครองของใคร  และจะว่าไปเขาก็พึ่งผ่านเหตุการณ์นี้มาไม่นาน...พอถึงคราวที่ต้องไปทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองให้เด็กแถวนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ  แอบถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่พอที่จะเป็นผู้ปกครองให้ใครสักคนได้แล้วหรอ....ไม่ใช่สิ...

     

     

    เขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะเป็นผู้ปกครองให้คชาได้แล้วหรอ?’

     

     

     

    “พรุ่งนี้เจอกันเจ็ดโมงเช้านะพี่เต๋า”  คชานัดแนะอีกฝ่ายในขณะที่เดินออกมายังหน้าบ้าน  เย็นวันศุกร์วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สามพี่น้องมาขอร่วมกินมื้อเย็น  ตี๋และเฟรมจัดการกับมื้อเย็นเสร็จก็ขอตัวกลับบ้านไปตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว  เหลือก็เพียงแต่พี่ชายคนสนิทของคชาเท่านั้นแหละที่อยู่เล่น อยู่คุยกับคนตัวเล็กให้พอเติมกำลังใจหลังจากผ่านสองอาทิตย์สุดโหดของการทำงานที่ทำให้ทั้งเต๋าและคชาเจอหน้ากันแทบจะนับนาทีได้

     

    “เช้าจังเลย...พี่คงตื่นไม่ได้แน่ๆ”  คำตอบของเต๋าทำให้คนตัวเล็กหันหน้าขวับไปมองคนตัวสูงกว่าทันที

     

    “ไม่ได้นะ พี่เต๋าต้องตื่นแล้วก็ห้ามสายด้วย”

     

    “สายแน่ๆ  ถ้าไม่มีคนปลุก...”  เต๋าบอกแล้วจ้องมองดวงตากลมโตสดใสตรงหน้า  คชามองคนเป็นพี่กลับทันทีเมื่อรู้ว่าพี่เต๋าต้องการจะสื่ออะไร

     

    “พรุ่งนี้ไปปลุกพี่หน่อยนะครับ  ไม่งั้นเราต้องไปสายแน่ๆ”  ไม่มีคำตอบออกจากปากเด็กน้อยมีเพียงอาการส่ายหัวให้เส้นผมกระจายเล่นแค่นั้น

     

    “เฮ้อ...แย่เนาะ”  เต๋าแกล้งถอนหายใจเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย  อยากจะทดแทนช่วงเวลาบางอย่างที่ขาดหายไปโดยการแกล้งคนตัวเล็กเล่นก็แค่นั้น

     

    “ไม่ไปปลุกหรอก  แต่เดี๋ยวจะโทรไปแทนนะ”

     

    “จนได้สินะเรา”

     

    “ไม่รู้ไม่สน  ถ้าพี่เต๋าไม่ตื่น ถ้าพี่เต๋าสาย  พี่เต๋าเละแน่”  คชาว่าเสียงมั่นก่อนจะใช้กำปั้นชกไปที่หน้าท้องแกร่งของคนตัวสูงกว่า

     

    “นี่คือคำขู่แสดงว่าพี่จะต้องกลัว?  เต๋าแกล้งถามคชาเหมือนจริงจัง  แต่คชารู้หรอกว่าพี่เต๋าแกล้ง...ฉะนั้นคชาไม่กลัว

     

    “พี่เต๋าอย่าแกล้งเด็กสิ  เด็กไม่อยากโดนครูว่านะ...”  คชาทำหน้าสลดเดินไปเกาะแขนเต๋าทันที  เต๋าได้แต่มองท่าทีที่ดูเหมือนเด็กกลัวโดนคุณครูลงโทษแล้วยิ้มออกมา  ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งน้องอะไรมากแค่เอ็นดูเท่านั้นเอง...

     

    “แกล้งเด็กไม่ดีเป็นเด็กดีแล้วพี่เต๋าต้องไม่แกล้ง  เข้าใจไหม?” 

     

    “ครับ..ไม่แกล้งเด็กเนาะ  ว่าแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยอยู่ด้วยกันเลยว่าไหม”  เต๋าว่าแล้วยกมือลูบศีรษะกลมของอีกฝ่าย  สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้คชาไม่ได้แสดงอาการอะไรนอกจากพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เต๋าพูด  เป็นจริงอย่างที่ร่างสูงบอก แม้จะเจอกันทุกวันก็จริงแต่บางวันก็ได้ทักกันสองสามประโยคแล้วต่างฝ่ายต่างก็ต้องรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

     

    “งั้นพรุ่งนี้ประชุมผู้ปกครองเสร็จไปหาอะไรกินกันนะ”

     

    “ได้เลย...งั้นพรุ่งนี้คชาจะเลี้ยงไอติมพี่เต๋าเป็นการตอบแทน”

     

    “เป็นการตอบแทนที่ตัวเองได้ผลประโยชน์สูงสุดจริงๆนะเด็ก”  ไอศกรีมไม่ใช่ของโปรดของเต๋า  แต่พักหลังมานี้รู้สึกว่าตัวเองจะได้กินบ่อยกว่าปกติ  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

     

    “ไม่รู้ไม่สน  เข้าบ้านก่อนดีกว่าเดี๋ยวคะน้าจะรอนาน”

     

    “แย่จริงๆ  โดนเด็กทิ้งไปหาแมวซะแล้ว”

     

    “อะไรแย่...เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันแล้ว”

     

    “เข้าใจพูดนะเด็ก”  เต๋าอมยิ้มให้กับประโยคน่ารักของคชาก่อนจะยื่นมือข้ามรั้วไปแปะกับอีกคนที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว  ฝ่ามือนุ่มนิ่มตีซ้ำหลายทีเข้าที่ฝ่ามือหนาของเต๋าราวกับกำลังเล่นสนุกก่อนจะตบท้ายด้วยการตีเข้าแรงๆหนึ่งทีแล้ววิ่งหนีเข้าบ้านไป

     

    “ฝันดีนะ”

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    ใช้เวลาไม่นานทั้งเต๋าและคชาก็เดินทางมาถึงโรงเรียนของคนตัวเล็ก  เต๋าไม่ได้ตื่นสายเหมือนที่บอกอีกคนไว้  ตรงกันข้ามเขากลับเป็นฝ่ายมานั่งรอคนตัวเล็กเสียอีก  โชคดีที่วันนี้รถไม่ติดอะไรมากแต่หากพอเข้ามาในตัวโรงเรียนกลับเห็นผู้คนพลุกพล่านไม่น้อย แม้ทางโรงเรียนจะจัดแบ่งการประชุมผู้ปกครองออกเป็นระดับชั้นแต่ผู้คนก็ดูเหมือนจะหนาตาอยู่พอสมควร

     

     

    “พี่เต๋า...”  เต๋าหันมองเจ้าของมือนิ่มที่ตนเองกำลังกุมอยู่  เด็กตัวเล็กข้างกายกำลังก้มลงมองมือของตัวเองที่เขาจับเอาไว้สลับกับผู้คนรอบข้างก่อนจะเอ่ยบอกบางอย่างออกมา

     

    “ไม่จับมือได้ไหม  ไม่อยากให้คนอื่นมอง” ลมหายใจสะดุดเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เต๋ารู้สึกเหมือนตัวเองผิดหวังกับอะไรบางอย่างแต่พยายามไม่คิดมาก  เมื่อมันเป็นความต้องการของคชาเขาก็ควรจะทำ

     

    มือหนาปล่อยมือเรียวที่กอบกุมไว้ก่อนหน้า แล้วเดินเลี่ยงออกมา  ..... “นี่ๆ”  มือเล็กกระตุกที่ปลายเสื้อโปโลสีขาวตัวเก่งของเต๋าเพื่อเรียกให้อีกฝ่ายหันหน้ามา

     

    “ครับ?

     

    “แต่ว่าจับไหล่ได้นะ”  รอยยิ้มกว้างปรากฏที่ใบหน้าของเต๋าทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่คชาบอก...มือซ้ายเอื้อมโอบไหล่บางของเด็กน้อยตาแป๋วเอาไว้ แล้วมุ่งมั่นเดินเคียงข้างกันไปยังจุดหมาย

     

     

     

     

    ทันทีที่มาถึงห้องเรียนก็ดูเหมือนว่าพี่ชายข้างบ้านของคชาจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากเพื่อนในห้องไม่ว่าจะหญิงหรือชาย

    “คชาๆ  นั่นพี่คชาหรอ  หล่ออย่างกับพระเอกหนังเลย” 

     

    “ใช่ๆ  หล่อเว่อร์ๆ  คนอะไรโคตรจะออร่า”  เสียงเพื่อนร่วมห้องรุมถามคนตัวเล็กทันทีเมื่ออาจารย์ประจำชั้นเรียกให้ผู้ปกครองเข้าไปประชุมในห้องและให้เด็กนักเรียนรออยู่หน้าห้องเรียน

     

    “ใช่  พี่มิ้นท์ไม่ว่างเลยให้พี่เต๋ามาแทน”  คชาตอบกลุ่มเพื่อนที่ดูจะสนใจกับพี่ชายคนสนิทของคชาเกินเก็บอาการ 

     

    “ชื่อพี่เต๋าหรอกหรอ...ชื่อเชยมากไม่เข้ากับหน้าตาสักนิดแต่ไม่เป็นไรเราให้อภัยเพราะพี่เต๋าหล่อมากกก...ว่าแต่พี่เขาโสดไหมคชา?  คชาหน้านิ่งขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนสลับไปมาเมื่อได้ยินคำถาม 

     

    “อาจารย์ให้มาเรียกเกิร์ลกรุ๊ปไปช่วยจัดของว่าง เชิญครับ”  เสียงเพื่อนสนิทอย่างเบนดึงความสนใจของทุกคนเอาไว้

     

    “โถถ..ไปก็ได้  ไว้เราจะแวะมาถามใหม่นะคชา”  กลุ่มเพื่อนผู้หญิงเดินออกไปแล้วแทนที่ตำแหน่งด้วยเพื่อนสนิท

     

    “ทำไมไม่บอกคนอื่นไปเลยว่าพี่เต๋าเป็นพี่ชายคนสำคัญ”  เบนเอ่ยแซวเพื่อนสนิททันทีเมื่อแอบเห็นภาพที่คชาเดินเคียงคู่กันมากับพี่เต๋า

     

    “อะไรเบน...อย่ามามั่ว”  คชาตอบไม่มองหน้าเพื่อนสนิท  ตากลมแอบเหลือบมองไปยังร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านเอกสารอะไรบางอย่างอยู่...บางทีก็ดูตั้งใจมากเกินไปจนคชาอยากจะรู้ว่าพี่เต๋าอ่านอะไร

     

    เบนมองอาการของเพื่อนรักแล้วหัวเราะออกมาท้ายที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะแซวอีกสักยก

    “ตอนพี่เต๋าโอบไหล่แล้วเดินเข้ามาในโรงเรียนด้วยกัน  เพื่อนเบนถามจริงๆนะว่าเขินบ้างไหม?”  เบนถามคชาแล้วแกล้งโอบไหล่เลียนแบบพี่ชายคนสนิท  คนตัวเล็กได้แต่หันมาส่งสายตาให้ก่อนจะแกล้งเหยียบเท้าของเบนให้สะดุ้งจนอีกคนต้องรีบปล่อยมือที่แกล้งโอบไหล่ออก

     

     

     

    การประชุมผู้ปกครองเสร็จสิ้นแล้วเพื่อนหลายคนกำลังทยอยกันกลับบ้านพร้อมผู้ปกครองของตัวเอง   คนตัวเล็กแอบสงสัยเหมือนกันว่าทำไมผู้ปกครองของเขายังไม่ยอมออกมาจากห้องเรียนสักที  คิดได้ดังนั้นจึงเดินเลี่ยงจากกลุ่มเพื่อนมายังประตูห้องเรียนก่อนจะพบร่างสูงคุ้นตากำลังคุยกับผู้ปกครองของเพื่อนสักคน

     

     

    “นายนนทนันท์  อัญชุลีประดิษฐ์  การเรียนดี  ความประพฤติเรียบร้อย”  เต๋าว่าแล้วชูแฟ้มประวัติรวบรวมผลการเรียน ความประพฤติของคนตัวเล็กขึ้น  ร่างสูงก้าวเดินมายังจุดที่คชายืนอยู่

     

    “เรียนเก่งเหมือนกันนะเรา  เกรดสวยเชียว  คะแนนวิชาภาษาอังกฤษนี่สูงกว่าใครเพื่อน” 

     

    “เอามาเลย”  คชาว่าเสียงดุแล้วเอื้อมมือคว้าจับแฟ้มประวัติของตัวเองที่อยู่เหนือศีรษะอีกคน  ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้พี่เต๋ามาประชุมผู้ปกครองวันนี้  นี่พี่เต๋าคงแอบอ่านประวัติคชาหมดแล้วสินะ

     

    “แต่ไม่น่าเป็นนายนะ  น่าจะเป็นเด็กชายนนทนันท์มากกว่า  สงสัยอาจารย์ที่ปรึกษาจะเขียนผิดนะเนี่ย”

     

    “ใครเด็กชาย  ปีนี้คชาอายุ18แล้วนะ”

     

    “รู้แล้วครับ  แต่ทำไม18แล้วเด็กแบบนี้”  เต๋าว่าแล้วยกมือเกาคางเด็กตัวเล็กตรงหน้า  เรียกอาการหงุดหงิดของคชาให้บังเกิดทันที  คนตัวเล็กค้อนพี่ชายตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตาดุให้  ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้คนตัวสูงกว่าตื่นกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเต๋ากับหัวเราะออกมาที่แกล้งหยอกเด็กน้อยตรงหน้าได้สำเร็จ

     

    “น้องชา..”  เสียงเรียกสนิทสนมเรียกให้ทั้งคชาและเต๋าหันไปมอง แล้วคนคนตัวเล็กก็ต้องยกมือไหว้ทันทีเมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนั้น

     

    “คุณแม่สวัสดีครับ”  สิ้นประโยคร่างเล็กของคชาก็โดนหญิงสาวรวบตัวเข้าไปกอด  เต๋าพอจะคาดเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นแม่ของเพื่อนคชาสักคน....ว่าแต่ทำไมดูสนิทกันจัง

     

    “แม่ไม่เจอนานเลย  ช่วงนี้น้องชาไม่ได้ไปบ้านแม่เลยนะ  สบายดีไหม” 

     

    “สบายดีครับ  คชาไม่ได้เรียนพิเศษเหมือนเบนเลยเลิกไม่ค่อยพร้อมกันครับ”

     

    “ใช่สิ  ขนาดหน้าลูกเบนแม่ยังไม่ค่อยเห็น  นี่แม่พึ่งกลับมาจากเยอรมันเมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆลูกเบนก็บอกให้มางานประชุมผู้ปกครอง  แต่ดีแล้วที่ได้มาจะได้มาเจอน้องชาด้วย”  คุณแม่ของเพื่อนสนิทว่าแล้วลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆด้วยความเอ็นดู

     

    “แต่แม่ไม่เห็นพี่มิ้นท์เลย  พี่มิ้นท์ไม่ได้มาหรอน้องชา”  หญิงสาวเอ่ยเมื่อไม่สังเกตเห็นพี่สาวของคนตัวเล็ก  แอบมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างคชา  ร่างขาวสูงหน้าตาดีที่โดดเด่นจนใครๆต้องมองของเต๋าที่คุณแม่ของเบนแอบได้ยินผู้ปกครองหลายคนกระซิบถามกันว่าคนนี้เป็นผู้ปกครองของใคร

     

    “พี่มิ้นท์มีงานด่วน วันนี้คชาเลยมากับพี่เต๋า พี่เต๋าบ้านอยู่ข้างกันกับคชาครับ” 

     

    “สวัสดีครับ”  เต๋ายกมือไหว้คุณแม่เพื่อนสนิทของคชาแล้วทักทายอย่างสุภาพ

     

    “สวัสดีครับ  นี่ผู้ปกครองน้องชาเองหรอ  แม่ได้ยินคนอื่นกระซิบถามกันใหญ่เลยว่าเต๋าเป็นผู้ปกครองใคร  นี่เพื่อนบ้านน้องชาหน้าตาดีเหมือนพระเอกหนังขนาดนี้เลยหรอลูก”  คุณแม่เบนบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วหัวเราะออกมาตามสไตล์

     

    “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”  เต๋ายิ้มให้กับคุณแม่ของเบน   แอบเขินเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามองจากใครหลายคน

     

    “เลิกแล้วน้องชาไปไหนไหมลูก ไปทานข้าวกับแม่ไหมชวนพี่เต๋าไปด้วยกัน  นี่แม่พึ่งบอกให้เบนไปเอารถเดี๋ยวสักพักคงมา”

     

    “ไม่ดีกว่าครับ  คุณแม่ไปกับเบนจะดีกว่า นานๆจะได้อยู่ด้วยกัน เห็นเบนบอกว่าคุณแม่จะอยู่เมืองไทยอีกเดือนเดียวแล้วก็ต้องบินไปต่างประเทศอีก”  คชาปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก

     

    “น่ารักจริงเด็กคนนี้  งั้นเอาไว้วันหลังไปเล่นบ้านแม่นะน้องชา  เดี๋ยวแม่ทำอาหารอร่อยๆให้ทาน  ขนมที่ซื้อมาฝากจากฝรั่งเศสครั้งที่แล้วเห็นเบนบอกว่าน้องชาชอบมากเดี๋ยวแม่เอามาฝากอีกนะครับ”  คุณแม่เบนชมคนตัวเล็กแล้วหยิกเข้าที่แก้มด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง

     

    “ครับ  เดี๋ยวอีกสักพักก็ต้องไปตั้งหลักบ้านเบนแน่ๆ  เพราะรายงานวิชาสังคมชิ้นบิ๊ก”  คชาบอกแล้วยิ้มน่ารักให้หญิงใจดีตรงหน้าเรียกความเอ็นดูได้อีกเป็นกระบุง

     

    “สงสัยลูกเบนมาแล้วแน่ๆ  เดี๋ยวแม่ไปก่อนนะน้องชา  ไว้เจอกันใหม่นะลูก...น้าขอตัวก่อนนะคะเต๋า”  คุณแม่บอกลาคชาและเต๋าเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  เอื้อมกอดคนตัวเล็กอีกครั้งแล้วเดินไปหาลูกชายที่รออยู่ข้างล่าง

     

    คชายืนมองร่างของคุณแม่เพื่อนสนิทที่หันมาโบกมือลาอีกครั้ง ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มจะกระซิบข้างใบหู

    “น้องชา...”  คชาหันขวับทันทีเมื่อได้ยินร่างสูงเรียกชื่อตนเองเลียนแบบคุณแม่ของเพื่อนสนิท

     

    “อะไรพี่ต๋าววว”

     

    “เปล่าครับ  คุณแม่น้องเบนท่าทางใจดีจัง...ดูรักคชามากด้วยนะ”

     

    “แน่นอนก็คชาเป็นเด็กดี”  คชาบอกแล้วชูแฟ้มประวัติของตนเองอวดอีกฝ่าย

     

    “ครับ เด็กดี เรียนเก่ง ความประพฤติเรียบร้อย...ว่าแต่เราจะไหนกันต่อดีครับ”  เต๋าถามคนตัวเล็กแล้วยกมือขึ้นมองนาฬิกา

     

    “ก็กลับบ้านไง”

     

    “โอ้โหเนียนสุดๆ  ลืมสัญญาที่บอกพี่ไปแล้วสินะ”  คชามองซ้ายมองขวาแกล้งทำเป็นลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ชายตัวสูง  แล้วแทบจะรั้งแขนพี่ชายคนสนิทไว้ไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายตีสีหน้าหดหู่ ตั้งท่าจะเดินหนี

     

    “ผู้ใหญ่อะไรขี้งอนชะมัด”

     

    “ก็อยากให้มีคนง้อ”

     

    “ใครจะง้อ..”

     

    “ก็เด็กแถวนี้”  เต๋าบอกแล้วก้มลงมองมือเรียวของคชาที่จับแขนของตนเองเอาไว้   ทำให้คนตัวเล็กต้องรีบปล่อยมือจากแขนอีกฝ่ายทันที 

     

     

    เต๋าหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนมือหนาจะเอื้อมจับมือคชาไว้ด้วยความเคยชิน  คนตัวเล็กเงยหน้ามองอีกฝ่าย ตากลมแป๋วนั้นจ้องมองเขาแล้วส่ายหัวไปมาสองสามที

     

    “โทษทีมันชิน”

     

     

    แขนยาวจึงเปลี่ยนมาโอบไหล่บางของคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะก้มลงกระซิบบางอย่างที่ทำเอาคนฟังหน้าแดงถึงใบหู  แถมยังได้ยินเสียงเบาๆสบถออกมาว่าเขาอีก....   “บ้า”

     

     

     

     

    “ไปเดทกันนะ”

     

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    จุดหมายถูกเปลี่ยนกะทันหันทันทีเมื่อเต๋าได้รับสายจากทางบริษัทให้เข้ามารับเอกสารบางอย่าง  เต๋ายืนสนทนากับหัวหน้างานอย่างพี่ไทด์สักพักก่อนที่คชาจะสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดจากทั้งสองฝ่าย  เห็นพี่ไทด์เดินนำเข้าไปในแผนกงานส่วนพี่เต๋าก็เดินกลับมาทางตนเองที่นั่งรออยู่

     

    “เด็กหิวแล้วยัง?  คชาพยักหน้าแทนคำตอบ ในใจเหมือนจะรู้ว่าร่างสูงมีบางอย่างจะบอก

     

    “พี่ต้องเข้าไปแก้งานนิดหน่อย  ถ้าเราหิวไปหาอะไรกินก่อนก็ได้นะ”  เต๋าบอกออกไปแบบนั้นเพราะนี้ก็ล่วงเลยเวลาเที่ยงวันมาพอสมควร  ถ้าจะให้คชามานั่งหิวรอให้เขาเสร็จงานก็ดูจะเห็นแก่ตัวเกินไป

     

    “ไม่เอา....จะรอ”  เด็กน้อยส่ายหน้าตอบเสียงงุ้งงิ้ง   ท่าทีซื่อใสทำเอาคนมองอย่างเต๋ายิ้มออกมา

     

    “นานหน่อยนะ  แต่จะพยายามไม่ให้เกินสองชั่วโมง”

     

    “รอได้  สบายมาก”  คชาตอบตบท้ายด้วยการยิ้มหวานๆอีกทีเพื่อยืนยันกับอีกคนว่าตนเองรอได้

     

    ตากลมมองตามแผ่นหลังหนาที่เดินแวะสนทนากับแม่บ้านของบริษัทก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน  แปบเดียวเองคชาทนได้แต่ทำไมท้องไส้มันโหวงๆเหวงๆแบบนี้หละ...ข้าวต้มถ้วยเมื่อตอนเช้าโคตรทรยศ  อุตส่าห์กินไปตั้งเยอะแต่อยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมงก็หิวอีกแล้ว  นึกโกรธข้าวต้มถ้วยเมื่อเช้าได้ไม่นานเสียงของถาดวางกระทบกับโต๊ะรับแขกก็ดังขึ้น

     

    “ทานขนมกับโอวัลตินรองท้องก่อนนะคะ”  แม่บ้านวัยกลางคนบอกคชาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

     

    “ขอบคุณครับ”  คนตัวเล็กตกใจเล็กน้อย  ตาแป๋วมองจ้องแก้วโอวัลตินควันหอมกรุ่น

     

    “คุณเต๋าวานให้ป้าเอามาให้  กลัวรอนานแล้วจะหิวถ้าอยากได้อะไรเพิ่มบอกป้าได้นะคะ  ป้าเดินไปมาแถวนี้แหละ”

     

    “ครับ  ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”  คชายิ้มให้ป้าแม่บ้านแล้วมองผ่านเข้าไปยังห้องกระจกที่มีร่างสูงขาวคุ้นตาของพี่ชายคนสนิทยืนมองมายังตัวเอง   มือหนาข้างที่ไร้แฟ้มเอกสารยกขึ้นทำท่ายกแก้วโอวัลตินขึ้นดื่มเป็นสัญญาณบอกให้คชาดื่มโอวัลตินแก้วตรงหน้านั้นเสีย   เด็กน้อยยิ้มขำออกมาน้อยๆกับท่าทางของอีกคนและก็ต้องหัวเราะออกมาชุดใหญ่เมื่อพี่เต๋าถูกพี่ไทด์ใช้แฟ้มหนาตีเข้าที่ไหล่เป็นสัญญาณเรียกให้อีกคนกลับไปทำงาน

     

    มือเล็กประครองแก้วโอวัลตินขึ้นแล้วเป่าเพื่อระบายความร้อน  ค่อยๆจิบชิมรสชาติของโอวัลตินในแก้วช้าพลางคิดถึงคนใจดีที่บอกให้คุณป้าแม่บ้านทำโอวัลตินแก้วนี้มาให้ตนเอง ...

     

     

    ตั้งใจทำงานให้เสร็จไวๆนะคุณผู้ใหญ่...เด็กจะตั้งใจรอ 

     

    เต๋าก้มลงอ่านข้อความในมือถือจากเด็กน้อยที่นั่งรออยู่ด้านนอกแล้วยิ้มออกมา  วางเครื่องมือสื่อสารไว้ข้างกายก่อนจะลงมือแก้ไขงานตรงหน้า

     

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    “ซวยแล้ว  นี่ติดต่อใครไม่ได้เลยใช่ไหม  แล้วทีนี้จะให้ใครช่วยแปลงาน”  เสียงบ่นจากใครสักคนเรียกให้คชาที่เหมือนจะฟุบหลับสะดุ้งขึ้น  ตากลมมองไปยังผู้หญิงผมสั้นร่างผอมบางที่กำลังเดินไปมากดโทรศัพท์ไม่หยุด  รอบข้างมีลูกน้องอีกสองสามคนที่วิ่งวุ่นกระวนกระวายไม่ต่างกัน

     

     

    “แล้วลูกค้าต้องการงานด่วน  ไอ้แป๋วนะไอ้แป๋ว ใครใช้ให้มันไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วปิดมือถือ”  น้ำเสียงห้าวๆนั้นยังคงบ่นไม่หยุด  คชามองสถานการณ์ตรงหน้าเหมือนจะคาดเดาบางอย่างได้

     

    “อ้าวแล้วนี่ใคร” 

     

    “อ่อ  นี่คุณคชาค่ะคุณแพรวเป็นน้องชายคุณเต๋า”  คุณป้าแม่บ้านที่ปัดกวาดเช็ดถูอยู่บริเวณนั้นเป็นคนเอ่ยแนะนำ

     

    “อ่อ...สวัสดีครับ  มารอเต๋าหรอกหรอ  ไอ้นั่นก็คงวุ่นไม่ต่างกันสินะ”  แพรวทักทายแล้วยกมือรับไหว้คนตัวเล็ก

     

    “ดูทุกคนยุ่งๆนะครับ”

     

    “ก็ลูกค้ามันบ้า  สั่งแก้งานวันเสาร์ วันเสาร์อะน้องคชา วันเสาร์ของพวกพี่..แต่ก็ช่างมันเถอะ หงุดหงิดมันแต่ก็ต้องทำเพื่อเงิน” 

     

    “คชาพอจะช่วยอะไรได้ไหมครับ  นั่งอยู่ว่างๆแล้วมองพวกพี่ๆวิ่งไปมาแล้วรู้สึกแปลกๆ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ  เดี๋ยวพี่หาคนแปลงานตรงนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาแล้วติดตรงที่ยังหาไม่ได้  นี่ถ้าพี่แปลเองได้คงแปลไปแล้ว”

     

    “ให้คชาช่วยแปลไหมครับ  เคยแปลงานช่วยอาจารย์ที่โรงเรียนบ่อยๆคิดว่าคงคล้ายกัน”

     

    “หือ..จริงหรอ  พี่จริงจังนะคชา”  คชาพยักหน้ารับเมื่อมองเห็นตัวงาน

     

    “งั้นมาช่วยพี่หน่อย”  พี่แพรวยกยิ้มให้คนตัวเล็กตรงหน้าแล้วจูงคชามายังแผนกของตนเอง

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    ท้ายที่สุดเวลาก็ผ่านล่วงเลยไปกว่าสองชั่วโมงกว่าเต๋าจะจัดการงานตรงหน้าเสร็จ  ตาคมมองผ่านออกมาจากกระจกใสหลังจากที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลยกว่าชั่วโมง  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเนื่องจากไม่พบเจอร่างของเด็กน้อยที่ควรจะนั่งรอบนโซฟายาว  ร่างสูงตรวจความเรียบร้อยของเอกสารกับเพื่อนร่วมงานสักพักก่อนจะขอตัวออกมาเมื่อพบว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

     

    ตาคมไล่กวาดมองหาคชาไปทั่วบริษัทแต่ก็ไม่พบ  หากแต่เมื่อกำลังจะร้องถามจากคุณป้าแม่บ้าน  เสียงคุ้นเคยก็ดึงความสนใจจากเขาไปเสียก่อน

     

    “พี่เต๋า”  คชาเรียกพี่ชายคนสนิทเสียงใสแล้ววิ่งดุ๊กๆเข้ามาหา

     

    “หายไปไหนมา” เต๋ามองเด็กตาแป๋วตรงหน้าแล้วขยี้กลุ่มผมดำ  สายตาแอบมองเห็นรุ่นพี่อีกแผนกเดินตามหลังคชามา

     

    “ไปทำงานกับฉันเว้ย”  ร่างสูงได้ฟังก็ต้องงงเล็กน้อย

     

    “น้องคชาเก่งมากเลยนะเต๋า  ถ้าไม่ได้น้องงานพี่ไม่เสร็จแน่...ขอบคุณอีกครั้งนะคชา~ แหม..น่ารักจริงเลย  ขอหยิกแก้มหน่อย”  แพรวว่าแล้วตั้งท่าจะหยิกเข้าที่แก้มใสของเด็กน้อย

     

    “เห๊ยๆพี่”  เป็นเต๋าที่โวยวายก่อนจะเลื่อนตัวสูงของตนเองมาบังร่างของคชาไว้จนมิด

     

    “อะไรของแกวะเต๋า  พี่ก็แค่เอ็นดูน้อง”

     

    “น้องมัน มันหวงปล่อยมัน”  เป็นไทด์ที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี

     

    “เชอะ..ไม่เป็นไรนะน้องคชา  วันหลังมาบริษัทอีกนะเดี๋ยวพี่แพรวจะเลี้ยงขนม”  คชายิ้มรับพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นคำตอบ  แอบรู้สึกดีใจที่ได้ทำตัวมีประโยชน์บ้าง  แพรวอธิบายถึงสาเหตุที่คชาหายตัวไปให้เต๋ากับไทด์ฟัง  แถมยังแอบชมคนตัวเล็กไม่ขาดปากทั้งเรื่องของการทำงานและนิสัยน่ารักๆ  เต๋าแอบเห็นเจ้าตัวยิ้มภูมิอกภูมิใจก็ได้แต่ยิ้มตาม

     

    “ว่าแต่ยังหิวอยู่ไหมเนี่ย”

     

    “หิว หิวมากกกกกกกกกกกด้วย”  คชาลากเสียงยาวจนสามคนรอบข้างขำออกมาพร้อมกัน

     

    “พี่ไทด์ พี่แพรว  เต๋าขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวต้องพาเด็กไปกินข้าวก่อนที่เต๋าจะโดนกินแทน”  เต๋าล่ำลารุ่นพี่ทั้งสองตามมาด้วยคนตัวเล็กที่ยกมือไหว้บอกลาทั้งไทด์และแพรว   แขนยาวโอบไหล่บางด้วยความเคยชินก่อนจะเดินออกมาจากจุดนั้น

     

    “เต๋ามันดูหวงน้องคชามากเกินไปไหม  ได้ข่าวว่าแค่บ้านอยู่ข้างกัน”  แพรวถามขึ้น สายตายังคงมองทั้งคชาและเต๋าที่กำลังยืนรอลิฟต์ 

     

    “มันรักของมันปล่อยมันไป”  ไทด์บอกแพรวแล้วจงใจเน้นคำว่า รัก เป็นปริศนาให้เพื่อนร่วมงานไปหาคำตอบเอง

     

    “อย่าบอกนะว่า...”  ไทด์พยักหน้าให้แพรวแล้วตีคิ้วตบท้าย สองมือล้วงกระเป๋าก่อนจะเดินกลับไปยังห้องทำงานทิ้งให้แพรวยืนพึมพำอยู่คนเดียว 

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

    ร้านสุกี้ชื่อดังภายใต้ตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัวถูกเลือกโดยเด็กหิวโซที่โดนย้ายมื้อเที่ยงให้มาอยู่ในช่วงเวลาจวนจะห้าโมงเย็นของวัน  ผักสีเขียวที่บางวันกินไม่ได้มากวันนี้กลับไม่มีร่องรอยหลงเหลือในหม้อ   รวมไปถึงเมนูเป็ดย่างของโปรดจานโตที่คชาจัดการคนเดียวเกือบหมด....บอกแล้วว่าเด็กหิว

     

    “กินเยอะแบบนี้  จะกินไอติมไหวหรอ”  เต๋าเอ่ยถามขึ้นหลังจากจัดการชำระเงินค่าอาหารเสร็จเรียบร้อย  ทันทีทันใดร่างทั้งร่างก็โดนสองแขนของคชาลากเดินจนมาถึงร้านไอศกรีมแบรนด์ดัง....นี่สินะคำตอบ

     

    “ผู้ใหญ่กินอะไร?...”  เต๋ากำลังจะอ้าปากถามถึงเมนูแต่คนตัวเล็กก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน  “เดี๋ยวเด็กสั่งให้ดีกว่า”   คนตัวเล็กถามเองตอบเอง เรียกพนักงานให้มารับเมนูเสร็จสรรพแล้วหันมาส่งยิ้มให้เต๋า

     

     

    รอไม่นานไอศกรีม 12 สกู๊ปในถ้วยแก้วใบโตก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟตรงหน้า  สองมือเล็กยกช้อนโลหะมันวาวขึ้นอย่างไม่รีรอแล้วจิ้มเข้าที่ไอศกรีมสีหวานทันที

     

    “แล้วถ้วยไหนของพี่ครับ?” 

     

    “ก็ถ้วยนี้ไง  สั่งมากินด้วยกัน ตั้ง12ลูก คชากินไม่หมดหรอก”  เต๋ามองคนที่กำลังตั้งใจกินไอติม ปากบอกกินไม่หมดแต่ไม่ถึงห้านาทีหายไปไหน 5 ลูกแต่ความจริงแล้วเต๋าไม่ได้อยากกินไอศกรีมเลยสักนิด ตั้งใจมานั่งเป็นเพื่อนเด็กกินจุ แต่ท่าทางกินเกินอร่อยของคชาทำให้เขาอยากลิ้มลองรสชาติหอมหวานของไอติมในถ้วยนั้นบ้าง

     

    มือหนาจับเข้าที่ข้อมือของคนที่กำลังจะยกช้อนไอติมเข้าปาก  คชาสะดุดกึกเหมือนโดนขัดอารมณ์ เกือบจะร้องงอแงออกมาเมื่อพี่เต๋าจับมือแล้วหันไอติมคำโตยัดเข้าปากตัวเอง...มีการเลียเลียขอบปากแล้วตีคิ้วให้อีก

     

    “แกล้งหรอ?   อยากกินทำไมไม่บอก”  คชาบ่นตามประสา ก้มลงตั้งใจตักไอติมในถ้วยอีกครั้งก่อนจะยกจ่อเข้าที่ปากของอีกฝ่าย  ... “จะได้ป้อน...”  รอยยิ้มฉีกกว้างเกือบถึงใบหูก่อนจะอ้าปากรับรสหวานเย็นของไอศกรีมสีสวย

     

    “อันนี้   พี่ให้คืน”  เต๋ายกช้อนไอติมจ่อเข้าที่ริมฝีปากบางบ้าง  คนตัวเล็กไม่รีรอรีบงับเข้าทันที

     

    “เหลืออีกสามลูก  กินด้วยกันนะ”  แล้วสามลูกสุดท้ายก็ไม่มีใครได้ลิ้มรสของไอศกรีมจากมือของตัวเองอีกต่อไป ....

     

     

     

     

    วันนี้ไอติมอร่อยจัง.... :)

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    กว่าจะถึงปากซอยมีสุข23  เวลาก็ล่วงเลยจนมืดค่ำ   เต๋าตัดสินใจชักชวนคชาให้เรียกแท็กซี่เข้าบ้านแต่คนตัวเล็กกลับปฏิเสธ  บอกเพียงเหตุผลสั้นๆ  เหตุผลน่ารักๆ

     

    “อยากเดินไปคุยไปมากกว่า” 

     

    “คชาไม่ชอบที่พี่จับมือใช่ไหม”  แล้วสิ่งที่แอบนึกสงสัยก็ถูกปล่อยออกมาจากปากของเต๋าในขณะที่ทั้งสองเดินกลับบ้าน

     

    “ไม่ใช่แบบนั้นนะ.....แต่เวลาจับมือแล้วมีคนมองเยอะๆ  พี่เต๋าชอบหรอ”  คชาบอกอีกคนอย่างที่รู้สึกไม่ปิดบังสักนิด

     

    “ไม่รู้สิ”  ร่างสูงตอบไม่ตรงคำถาม  ฝีเท้าที่เคยก้าวหยุดลง สองมือเลื่อนกุมมือบางเอาไว้เรียกให้คนตัวเล็กกว่าหันหน้ามาทางตนเอง

     

    “ก็เวลาที่พี่จับมือเราเอาไว้แบบนี้ .....พี่ไม่เคยสนใจคนอื่นนอกจากเจ้าของมือ”  ตากลมที่เคยจ้องมองใบหน้าของเต๋าเลื่อนหลุบต่ำลง  ริมฝีปากบางเม้มแน่นไว้เมื่อรู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วขึ้น 

     

    “พี่เต๋า.....”  เด็กน้อยเรียกชื่อเจ้าของมืออบอุ่นเสียงเบา  สายตายังคงหลุบต่ำไม่มองหน้าอีกฝ่าย   “ขอโทษ....คชาแค่ไม่ชอบที่คนมองเยอะๆ”  คำขอโทษออกจากปากคนตัวเล็กแต่เต๋ากลับไม่รู้สึกว่ามันจำเป็นสักนิด

     

    “เด็กหนอเด็ก  พี่ไม่ได้โกรธ ไม่ต้องขอโทษ” คชาพยักหน้ารับน้อยๆ  มือบางเลื่อนออกจากการเกาะกุมจากอีกฝ่าย  สองมือจับไหล่พี่ชายตัวสูงกว่าไว้แทนก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในโลก

     

    “พี่เต๋าหลับตา”  เต๋ามองหน้าอีกฝ่ายเหมือนไม่เข้าใจ  “หลับตาก่อน  มีอะไรจะบอก”  เต๋าทำตามคำรบเร้าของเด็กน้อยตรงหน้าในที่สุด 

     

    “อย่าพึ่งลืมตา  จนกว่าคชาจะบอก”  เมื่อเห็นว่าพี่เต๋าหลับตาสนิทแล้วสองมือก็ปล่อยจากไหล่หนา  คชาเริ่มก้าวถอยหลังออกจากจุดที่ยืนอยู่  ย่องออกไปช้าๆ สายตายังคงมองตามร่างสูงขาวที่ยืนแน่นิ่งใต้แสงไฟข้างทางเดิน  เสียงหัวเราะคิกคักสนุกสนานเริ่มออกจากลำคอของคนตัวเล็ก  สองขาเร่งก้าวให้ไวกว่าเดิมก่อนจะเดินเร็วออกไปในที่สุด

     

    เงียบนานเกินไป....เมื่อรับรู้ได้ถึงความเงียบที่เว้นช่วงนาน  เต๋าก็เริ่มเอะใจแต่เมื่อรับปากอีกคนไว้ว่าจะไม่ลืมตาจนกว่าจะได้รับคำสั่งก็ควรทำตามนั้น....แต่ว่า...เงียบนานเกินไป  นานเกินไปแล้ว    ร่างสูงลืมตาขึ้นช้าๆ  ก่อนที่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าจะทำให้เขาส่ายศีรษะและหัวเราะออกมาให้กับตนเอง   ภาพความว่างเปล่าไร้ร่างของเด็กน้อยที่เดินมาด้วยกัน...  แบบนี้คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก...

     

     

    โดนเด็กแกล้ง

     

    คิดได้ดังนั้นก็รีบมองไปทางเดินข้างหน้า  สายตามองเห็นแผ่นหลังบางคุ้นตากำลังเดินจ้ำอ้าวออกไป  เต๋าหัวเราะให้กับตัวเองอีกครั้งก่อนจะออกตัววิ่งตามประกบเข้าหาร่างบางด้านหน้า สองแขนยาวโอบรัดลำคอคชาจากด้านหลังรั้งไม่ให้คนตัวเล็กเดินต่อ

     

    “แกล้งพี่หรอเด็ก”  เสียงทุ้มถามแนบชิดใบหูของเด็กตัวเล็กกว่า  แผ่นหลังที่แนบชิบกับตัวของอีกคนทำให้คชารับรู้ถึงการเต้นของบางอย่างจากบางจุดของร่างกายอีกฝ่าย...บางจุดที่เต้นพร้อมกันกับของคชา

     

    “ฮือออ..ไม่ได้แกล้ง พี่เต๋าปล่อย”  เด็กน้อยดิ้นไปมาเมื่อโดนจู่โจม  พยามดึงแขนพี่เต๋าที่พาดอยู่แต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด

     

    “จะทิ้งพี่ให้ยืนอยู่แบบนั้นจริงๆใช่ไหม หือ?

     

    “ไม่ ไม่ ไม่...พี่เต๋าปล่อยยยยย”  จากที่เหมือนขอร้องตอนนี้เหมือนจะเป็นตะโกน  คชาพยายามดิ้นหลุดจากวงแขนของอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนจะไร้ผลเมื่อพี่เต๋าแกล้งคืนด้วยการเป่าลมเข้ากับใบหู

     

    “แกล้งพี่ใช่ไหม  ฟู่วว...ฟู่ววว...ฟู่ววววว”  เมื่อรู้ว่าการแกล้งเป่าหูเป็นผลเต๋ายิ่งได้ใจ  คนเป่าก็ตั้งใจแกล้ง คนโดนแกล้งก็ตั้งใจหนี  ทำให้ร่างทั้งสองร่างก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสะเปะสะปะ

     

    “ยอม ยอม ยอมแล้ว ฮืออ ปล่อยนะ”  เหมือนการดิ้นไปมาจะไม่เป็นผล  คชาจึงตัดสินใจพลิกตัวหันมาหาอีกฝ่ายแทนจึงทำให้ลมหายใจที่เต๋าตั้งใจเป่าใส่ใบหูโดนหน้าผากของตนเองแทน   ร่างเล็กยืนแน่นิ่งจ้องสายตาคมที่มองมายังตัวเองตาแป๋ว   แววตาสดใสไหวระริกเหมือนจะหลบหนี  หากแต่แววตามุ่งมั่นในสายตาคมเหมือนฉุดรั้งเอาไว้ .... รู้สึกดีจัง ....

     

    “จะทิ้งพี่ไว้คนเดียวจริงหรอ?  ความเงียบก่อตัวนานจนเต๋าต้องเป็นฝ่ายเอ่ยบางอย่าง

     

    “เปล่า...”  อีกคนถามอีกคนตอบหากแต่ยังไม่ยอมละสายตาออกจากกัน  “

     

    สองมือหนายังคงโอบสัมผัสไหล่บางนั้นไม่ปล่อยหากแต่สติหลุดลอยหรืออะไรก็ไม่เข้าใจทำให้เต๋าปล่อยมือเลื่อนไถลมายังเอวของอีกคน...

     

    “พี่เต๋าบ้า!”  คชาสะดุ้ง  สองมือยกผลักหน้าอกแกร่งของพี่ชายตัวสูงทันที ก่อนจะรีบเดินหนีออกมา   เต๋าหัวเราะร่ามองดูเด็กน้อยกึ่งวิ่งกึ่งเดินหนีออกไปแล้วเร่งจังหวะเดินตาม  มือหนาเฉียดเข้าใกล้มือบางเหมือนตั้งใจจะจับแต่หากไม่ใช่ ... สัมผัสอบอุ่นจากปลายนิ้วก้อยของเต๋าแตะสัมผัสผ่านปลายนิ้วก้อยของคชาแล้วเกี่ยวมันเอาไว้    เสียงนุ่มก้มกระซิบประโยคสุดท้ายก่อนที่ความเงียบจะเข้าแทนที่ครอบคลุมไปตลอดทาง

     

     

     

     

     

    “ไม่จับมือก็ได้แต่เดินไปด้วยกันนะ” 

     

     

     

     

    : )

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    TT___________________________TT
    ไม่มีสิ่งใดจะเอ่ย...ขอบคุณที่ถามถึงฟิคเรื่องนี้นะคะ  ดีใจที่ยังมีคนรออ่าน และจะดีใจมากๆ ถ้ากลับมาอ่านกันต่อ  ...ตอนนี้แต่งมาสามประเทศ 5555 ตั้งแต่อเมริกา เกาหลี และมาจบที่ไทยบ้านเรา...เย้ว! ตอนนี้ตัวละครเยอะดีแท้  ... -_-“

     

    @CHICKIMILK





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×