คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 12 - Happy Alley ผู้ปกครอง (Someone Older)
Chapter 12
กลิ่นหอมของอาหารมื้อเย็นลอยฟุ้งไปทั่วบ้านแฝดหลังเล็ก เป็นเรื่องปกติธรรมดาของทุกวันที่สองพี่น้องจะช่วยกันลงมือทำอาหาร ทำน้อยทำมากก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของสมาชิกร่วมโต๊ะที่มักมีสามหนุ่มเพื่อนบ้านมาร่วมวงเสมอ
“คชา...วันเสาร์นี้ไปไหนหรือเปล่า พอดีพี่ต้องไปช่วยงานฝ่ายวิชาการที่โรงเรียน อยากไปกับพี่ไหม?” มิ้นท์ถามขึ้นในขณะที่ตนกำลังง่วนอยู่กับการปรุงอาหารในหม้อใบเล็ก แอบชำเลืองมองคชาที่กำลังตั้งใจหั่นผัดสดสีเขียวสำหรับเมนูมื้อเย็น
“พี่มิ้นท์......” คชาวางมีดลงบนเขียง แล้วเรียกชื่อพี่สาวตัวเองเสียงเบา จ้องมองคนเป็นพี่สีหน้าเหมือนเด็กจะร้องไห้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
“มีอะไร.. ทำไมมองพี่แบบนั้น” มิ้นท์หัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อเห็นหน้าน้องชายสุดที่รัก ก่อนจะถามอีกฝ่ายแล้วหันกลับไปปรุงอาหารในหม้อต่อ
“เสาร์นี้พี่มิ้นท์ต้องไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนคชานะ” คชาว่าน้ำเสียงติดน้อยใจที่พี่สาวลืมนัดสำคัญ
“เสาร์นี้หรอกหรอ พี่นึกว่าเสาร์หน้า” มิ้นท์ว่าแล้ววางทัพพีเมื่อพบว่ารสชาติอาหารเข้าที่ดีแล้ว ก่อนจะปิดเตาแก๊สเพื่อเดินมาหาน้องชาย
“พี่มิ้นท์...” คนตัวเล็กเรียกชื่อพี่สาวอีกครั้ง สายตาบ่งบอกแสดงความน้อยใจยังคงมีให้เห็น ใบหน้ามุ่ยลงทันทีเมื่อรู้ว่าพี่สาวหลงลืมนัดสำคัญจริงๆ
“โอ๋...พี่ขอโทษนะ แต่พี่ไม่ได้ลืมพี่แค่จำสลับวัน”
“คชาไม่อยากโดนอาจารย์เรียกไปถามว่าทำไมผู้ปกครองไม่มา พี่มิ้นท์ก็รู้ว่าโรงเรียนคชาเคร่งเรื่องประชุมผู้ปกครอง” คชาบอกเหตุผล การประชุมผู้ปกครองไม่ได้สำคัญอะไรกับคชาเลยสักนิดแต่มันสำคัญกับอาจารย์ที่ปรึกษาของคชานี่สิ
“พี่ขอโทษนะ แต่พี่ต้องไปทำงานจริงๆ เดี๋ยวผู้ใหญ่จะว่า”
“แล้วคชาจะทำยังไง...” ไม่ใช่ว่าคชาไม่เข้าใจพี่สาวตนเอง ไม่ใช่ว่างอนที่พี่หลงลืมนัด คชาเข้าใจว่าพี่มิ้นท์มีงานสำคัญที่ต้องทำ แต่คชาแค่ไม่อยากคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาสุดเข้มตัวต่อตัวก็เท่านั้นเอง
“โอ๋ๆนะ เดี๋ยวพี่ขอคุยกับที่โรงเรียนอีกทีเผื่อจะขอไปประชุมผู้ปกครองก่อน....อย่าพึ่งร้องไห้นะ” มิ้นท์เริ่มปลอบน้องชายตัวเล็กเมื่อเห็นว่าคชาเริ่มมีสีหน้าไม่ดีขึ้น มือที่พึ่งวางจากการทำอาหารค่อยๆยกขึ้นลูบหัวกลมของน้องชายตัวเล็ก ก่อนที่เสียงบางอย่างจะดังขึ้นจากบานประตู...
“เซอร์ไพรส์!!!!!” เสียงเปิดประตูไม้หน้าบ้านดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนจากพี่ชายคนโตของบ้านแฝดอีกหลัง ด้านหลังของตี๋คือน้องชายอีกสองคนที่ดูสภาพเหมือนผ่านสงครามมาไม่ปาน หน้าตาสามพี่น้องอิดโรยแสดงถึงอาการหิวโซ ทำให้เจ้าของบ้านเดาได้ไม่ยากถึงสาเหตุการมาของเพื่อนบ้านทั้งสามชีวิต
“เข้ามาดีๆก็ได้มั้งตี๋ ถ้าประตูบ้านพังขึ้นมาระวังจะอดกินข้าวไปตลอดชีวิต”
“ก็ดีนะ ครั้งหน้ามาจะได้เดินเข้ามาเลยไม่เสียแรงเปิดประตู” มิ้นท์ได้แต่ส่ายหน้าระอาให้กับเพื่อนข้างบ้านก่อนจะหันมามองน้องชายตัวเองที่ยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่ สองตาแอบมองเห็นพี่ชายคนรองมองมาที่คชาพอดีจึงเกิดความคิดบางอย่าง
“แต่พี่ว่าพี่มีตัวช่วยแล้วหละน้องรัก” มิ้นท์ยกยิ้มขึ้นแอบหยิกแก้มน้องชายตัวเองแล้วมองไปยังบุคคลมาใหม่
------------------------------------------------------------------
ตัวช่วยที่พี่มิ้นท์บอกหนีไม่พ้นพี่ชายคนสนิทของคชา มิ้นท์ขอให้เต๋าไปประชุมผู้ปกครองแทนตนเองในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ครั้งแรกที่ร่างสูงได้ยินก็แอบประหลาดใจนึกว่าตัวเองฟังผิด เพราะสำหรับเต๋าแล้วการประชุมผู้ปกครองครั้งล่าสุดในชีวิตคือวันปฐมนิเทศในฐานะนักศึกษาตอนปี1 แต่ตอนนั้นเขาอยู่ในฐานะผู้อยู่ในปกครองไม่ใช่ผู้ปกครองของใคร และจะว่าไปเขาก็พึ่งผ่านเหตุการณ์นี้มาไม่นาน...พอถึงคราวที่ต้องไปทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองให้เด็กแถวนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ แอบถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่พอที่จะเป็นผู้ปกครองให้ใครสักคนได้แล้วหรอ....ไม่ใช่สิ...
‘เขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะเป็นผู้ปกครองให้คชาได้แล้วหรอ?’
“พรุ่งนี้เจอกันเจ็ดโมงเช้านะพี่เต๋า” คชานัดแนะอีกฝ่ายในขณะที่เดินออกมายังหน้าบ้าน เย็นวันศุกร์วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สามพี่น้องมาขอร่วมกินมื้อเย็น ตี๋และเฟรมจัดการกับมื้อเย็นเสร็จก็ขอตัวกลับบ้านไปตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว เหลือก็เพียงแต่พี่ชายคนสนิทของคชาเท่านั้นแหละที่อยู่เล่น อยู่คุยกับคนตัวเล็กให้พอเติมกำลังใจหลังจากผ่านสองอาทิตย์สุดโหดของการทำงานที่ทำให้ทั้งเต๋าและคชาเจอหน้ากันแทบจะนับนาทีได้
“เช้าจังเลย...พี่คงตื่นไม่ได้แน่ๆ” คำตอบของเต๋าทำให้คนตัวเล็กหันหน้าขวับไปมองคนตัวสูงกว่าทันที
“ไม่ได้นะ พี่เต๋าต้องตื่นแล้วก็ห้ามสายด้วย”
“สายแน่ๆ ถ้าไม่มีคนปลุก...” เต๋าบอกแล้วจ้องมองดวงตากลมโตสดใสตรงหน้า คชามองคนเป็นพี่กลับทันทีเมื่อรู้ว่าพี่เต๋าต้องการจะสื่ออะไร
“พรุ่งนี้ไปปลุกพี่หน่อยนะครับ ไม่งั้นเราต้องไปสายแน่ๆ” ไม่มีคำตอบออกจากปากเด็กน้อยมีเพียงอาการส่ายหัวให้เส้นผมกระจายเล่นแค่นั้น
“เฮ้อ...แย่เนาะ” เต๋าแกล้งถอนหายใจเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย อยากจะทดแทนช่วงเวลาบางอย่างที่ขาดหายไปโดยการแกล้งคนตัวเล็กเล่นก็แค่นั้น
“ไม่ไปปลุกหรอก แต่เดี๋ยวจะโทรไปแทนนะ”
“จนได้สินะเรา”
“ไม่รู้ไม่สน ถ้าพี่เต๋าไม่ตื่น ถ้าพี่เต๋าสาย พี่เต๋าเละแน่” คชาว่าเสียงมั่นก่อนจะใช้กำปั้นชกไปที่หน้าท้องแกร่งของคนตัวสูงกว่า
“นี่คือคำขู่แสดงว่าพี่จะต้องกลัว?” เต๋าแกล้งถามคชาเหมือนจริงจัง แต่คชารู้หรอกว่าพี่เต๋าแกล้ง...ฉะนั้นคชาไม่กลัว
“พี่เต๋าอย่าแกล้งเด็กสิ เด็กไม่อยากโดนครูว่านะ...” คชาทำหน้าสลดเดินไปเกาะแขนเต๋าทันที เต๋าได้แต่มองท่าทีที่ดูเหมือนเด็กกลัวโดนคุณครูลงโทษแล้วยิ้มออกมา ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งน้องอะไรมากแค่เอ็นดูเท่านั้นเอง...
“แกล้งเด็กไม่ดีเป็นเด็กดีแล้วพี่เต๋าต้องไม่แกล้ง เข้าใจไหม?”
“ครับ..ไม่แกล้งเด็กเนาะ ว่าแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยอยู่ด้วยกันเลยว่าไหม” เต๋าว่าแล้วยกมือลูบศีรษะกลมของอีกฝ่าย สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้คชาไม่ได้แสดงอาการอะไรนอกจากพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เต๋าพูด เป็นจริงอย่างที่ร่างสูงบอก แม้จะเจอกันทุกวันก็จริงแต่บางวันก็ได้ทักกันสองสามประโยคแล้วต่างฝ่ายต่างก็ต้องรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“งั้นพรุ่งนี้ประชุมผู้ปกครองเสร็จไปหาอะไรกินกันนะ”
“ได้เลย...งั้นพรุ่งนี้คชาจะเลี้ยงไอติมพี่เต๋าเป็นการตอบแทน”
“เป็นการตอบแทนที่ตัวเองได้ผลประโยชน์สูงสุดจริงๆนะเด็ก” ไอศกรีมไม่ใช่ของโปรดของเต๋า แต่พักหลังมานี้รู้สึกว่าตัวเองจะได้กินบ่อยกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“ไม่รู้ไม่สน เข้าบ้านก่อนดีกว่าเดี๋ยวคะน้าจะรอนาน”
“แย่จริงๆ โดนเด็กทิ้งไปหาแมวซะแล้ว”
“อะไรแย่...เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันแล้ว”
“เข้าใจพูดนะเด็ก” เต๋าอมยิ้มให้กับประโยคน่ารักของคชาก่อนจะยื่นมือข้ามรั้วไปแปะกับอีกคนที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว ฝ่ามือนุ่มนิ่มตีซ้ำหลายทีเข้าที่ฝ่ามือหนาของเต๋าราวกับกำลังเล่นสนุกก่อนจะตบท้ายด้วยการตีเข้าแรงๆหนึ่งทีแล้ววิ่งหนีเข้าบ้านไป
“ฝันดีนะ”
------------------------------------------------------------------
ใช้เวลาไม่นานทั้งเต๋าและคชาก็เดินทางมาถึงโรงเรียนของคนตัวเล็ก เต๋าไม่ได้ตื่นสายเหมือนที่บอกอีกคนไว้ ตรงกันข้ามเขากลับเป็นฝ่ายมานั่งรอคนตัวเล็กเสียอีก โชคดีที่วันนี้รถไม่ติดอะไรมากแต่หากพอเข้ามาในตัวโรงเรียนกลับเห็นผู้คนพลุกพล่านไม่น้อย แม้ทางโรงเรียนจะจัดแบ่งการประชุมผู้ปกครองออกเป็นระดับชั้นแต่ผู้คนก็ดูเหมือนจะหนาตาอยู่พอสมควร
“พี่เต๋า...” เต๋าหันมองเจ้าของมือนิ่มที่ตนเองกำลังกุมอยู่ เด็กตัวเล็กข้างกายกำลังก้มลงมองมือของตัวเองที่เขาจับเอาไว้สลับกับผู้คนรอบข้างก่อนจะเอ่ยบอกบางอย่างออกมา
“ไม่จับมือได้ไหม ไม่อยากให้คนอื่นมอง” ลมหายใจสะดุดเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เต๋ารู้สึกเหมือนตัวเองผิดหวังกับอะไรบางอย่างแต่พยายามไม่คิดมาก เมื่อมันเป็นความต้องการของคชาเขาก็ควรจะทำ
มือหนาปล่อยมือเรียวที่กอบกุมไว้ก่อนหน้า แล้วเดินเลี่ยงออกมา ..... “นี่ๆ” มือเล็กกระตุกที่ปลายเสื้อโปโลสีขาวตัวเก่งของเต๋าเพื่อเรียกให้อีกฝ่ายหันหน้ามา
“ครับ?”
“แต่ว่าจับไหล่ได้นะ” รอยยิ้มกว้างปรากฏที่ใบหน้าของเต๋าทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่คชาบอก...มือซ้ายเอื้อมโอบไหล่บางของเด็กน้อยตาแป๋วเอาไว้ แล้วมุ่งมั่นเดินเคียงข้างกันไปยังจุดหมาย
ทันทีที่มาถึงห้องเรียนก็ดูเหมือนว่าพี่ชายข้างบ้านของคชาจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากเพื่อนในห้องไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
“คชาๆ นั่นพี่คชาหรอ หล่ออย่างกับพระเอกหนังเลย”
“ใช่ๆ หล่อเว่อร์ๆ คนอะไรโคตรจะออร่า” เสียงเพื่อนร่วมห้องรุมถามคนตัวเล็กทันทีเมื่ออาจารย์ประจำชั้นเรียกให้ผู้ปกครองเข้าไปประชุมในห้องและให้เด็กนักเรียนรออยู่หน้าห้องเรียน
“ใช่ พี่มิ้นท์ไม่ว่างเลยให้พี่เต๋ามาแทน” คชาตอบกลุ่มเพื่อนที่ดูจะสนใจกับพี่ชายคนสนิทของคชาเกินเก็บอาการ
“ชื่อพี่เต๋าหรอกหรอ...ชื่อเชยมากไม่เข้ากับหน้าตาสักนิดแต่ไม่เป็นไรเราให้อภัยเพราะพี่เต๋าหล่อมากกก...ว่าแต่พี่เขาโสดไหมคชา?” คชาหน้านิ่งขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนสลับไปมาเมื่อได้ยินคำถาม
“อาจารย์ให้มาเรียกเกิร์ลกรุ๊ปไปช่วยจัดของว่าง เชิญครับ” เสียงเพื่อนสนิทอย่างเบนดึงความสนใจของทุกคนเอาไว้
“โถถ..ไปก็ได้ ไว้เราจะแวะมาถามใหม่นะคชา” กลุ่มเพื่อนผู้หญิงเดินออกไปแล้วแทนที่ตำแหน่งด้วยเพื่อนสนิท
“ทำไมไม่บอกคนอื่นไปเลยว่าพี่เต๋าเป็นพี่ชายคนสำคัญ” เบนเอ่ยแซวเพื่อนสนิททันทีเมื่อแอบเห็นภาพที่คชาเดินเคียงคู่กันมากับพี่เต๋า
“อะไรเบน...อย่ามามั่ว” คชาตอบไม่มองหน้าเพื่อนสนิท ตากลมแอบเหลือบมองไปยังร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านเอกสารอะไรบางอย่างอยู่...บางทีก็ดูตั้งใจมากเกินไปจนคชาอยากจะรู้ว่าพี่เต๋าอ่านอะไร
เบนมองอาการของเพื่อนรักแล้วหัวเราะออกมาท้ายที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะแซวอีกสักยก
“ตอนพี่เต๋าโอบไหล่แล้วเดินเข้ามาในโรงเรียนด้วยกัน เพื่อนเบนถามจริงๆนะว่าเขินบ้างไหม?” เบนถามคชาแล้วแกล้งโอบไหล่เลียนแบบพี่ชายคนสนิท คนตัวเล็กได้แต่หันมาส่งสายตาให้ก่อนจะแกล้งเหยียบเท้าของเบนให้สะดุ้งจนอีกคนต้องรีบปล่อยมือที่แกล้งโอบไหล่ออก
การประชุมผู้ปกครองเสร็จสิ้นแล้วเพื่อนหลายคนกำลังทยอยกันกลับบ้านพร้อมผู้ปกครองของตัวเอง คนตัวเล็กแอบสงสัยเหมือนกันว่าทำไมผู้ปกครองของเขายังไม่ยอมออกมาจากห้องเรียนสักที คิดได้ดังนั้นจึงเดินเลี่ยงจากกลุ่มเพื่อนมายังประตูห้องเรียนก่อนจะพบร่างสูงคุ้นตากำลังคุยกับผู้ปกครองของเพื่อนสักคน
“นายนนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ การเรียนดี ความประพฤติเรียบร้อย” เต๋าว่าแล้วชูแฟ้มประวัติรวบรวมผลการเรียน ความประพฤติของคนตัวเล็กขึ้น ร่างสูงก้าวเดินมายังจุดที่คชายืนอยู่
“เรียนเก่งเหมือนกันนะเรา เกรดสวยเชียว คะแนนวิชาภาษาอังกฤษนี่สูงกว่าใครเพื่อน”
“เอามาเลย” คชาว่าเสียงดุแล้วเอื้อมมือคว้าจับแฟ้มประวัติของตัวเองที่อยู่เหนือศีรษะอีกคน ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้พี่เต๋ามาประชุมผู้ปกครองวันนี้ นี่พี่เต๋าคงแอบอ่านประวัติคชาหมดแล้วสินะ
“แต่ไม่น่าเป็นนายนะ น่าจะเป็นเด็กชายนนทนันท์มากกว่า สงสัยอาจารย์ที่ปรึกษาจะเขียนผิดนะเนี่ย”
“ใครเด็กชาย ปีนี้คชาอายุ18แล้วนะ”
“รู้แล้วครับ แต่ทำไม18แล้วเด็กแบบนี้” เต๋าว่าแล้วยกมือเกาคางเด็กตัวเล็กตรงหน้า เรียกอาการหงุดหงิดของคชาให้บังเกิดทันที คนตัวเล็กค้อนพี่ชายตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตาดุให้ ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้คนตัวสูงกว่าตื่นกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเต๋ากับหัวเราะออกมาที่แกล้งหยอกเด็กน้อยตรงหน้าได้สำเร็จ
“น้องชา..” เสียงเรียกสนิทสนมเรียกให้ทั้งคชาและเต๋าหันไปมอง แล้วคนคนตัวเล็กก็ต้องยกมือไหว้ทันทีเมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนั้น
“คุณแม่สวัสดีครับ” สิ้นประโยคร่างเล็กของคชาก็โดนหญิงสาวรวบตัวเข้าไปกอด เต๋าพอจะคาดเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นแม่ของเพื่อนคชาสักคน....ว่าแต่ทำไมดูสนิทกันจัง
“แม่ไม่เจอนานเลย ช่วงนี้น้องชาไม่ได้ไปบ้านแม่เลยนะ สบายดีไหม”
“สบายดีครับ คชาไม่ได้เรียนพิเศษเหมือนเบนเลยเลิกไม่ค่อยพร้อมกันครับ”
“ใช่สิ ขนาดหน้าลูกเบนแม่ยังไม่ค่อยเห็น นี่แม่พึ่งกลับมาจากเยอรมันเมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆลูกเบนก็บอกให้มางานประชุมผู้ปกครอง แต่ดีแล้วที่ได้มาจะได้มาเจอน้องชาด้วย” คุณแม่ของเพื่อนสนิทว่าแล้วลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆด้วยความเอ็นดู
“แต่แม่ไม่เห็นพี่มิ้นท์เลย พี่มิ้นท์ไม่ได้มาหรอน้องชา” หญิงสาวเอ่ยเมื่อไม่สังเกตเห็นพี่สาวของคนตัวเล็ก แอบมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างคชา ร่างขาวสูงหน้าตาดีที่โดดเด่นจนใครๆต้องมองของเต๋าที่คุณแม่ของเบนแอบได้ยินผู้ปกครองหลายคนกระซิบถามกันว่าคนนี้เป็นผู้ปกครองของใคร
“พี่มิ้นท์มีงานด่วน วันนี้คชาเลยมากับพี่เต๋า พี่เต๋าบ้านอยู่ข้างกันกับคชาครับ”
“สวัสดีครับ” เต๋ายกมือไหว้คุณแม่เพื่อนสนิทของคชาแล้วทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ นี่ผู้ปกครองน้องชาเองหรอ แม่ได้ยินคนอื่นกระซิบถามกันใหญ่เลยว่าเต๋าเป็นผู้ปกครองใคร นี่เพื่อนบ้านน้องชาหน้าตาดีเหมือนพระเอกหนังขนาดนี้เลยหรอลูก” คุณแม่เบนบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วหัวเราะออกมาตามสไตล์
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เต๋ายิ้มให้กับคุณแม่ของเบน แอบเขินเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามองจากใครหลายคน
“เลิกแล้วน้องชาไปไหนไหมลูก ไปทานข้าวกับแม่ไหมชวนพี่เต๋าไปด้วยกัน นี่แม่พึ่งบอกให้เบนไปเอารถเดี๋ยวสักพักคงมา”
“ไม่ดีกว่าครับ คุณแม่ไปกับเบนจะดีกว่า นานๆจะได้อยู่ด้วยกัน เห็นเบนบอกว่าคุณแม่จะอยู่เมืองไทยอีกเดือนเดียวแล้วก็ต้องบินไปต่างประเทศอีก” คชาปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก
“น่ารักจริงเด็กคนนี้ งั้นเอาไว้วันหลังไปเล่นบ้านแม่นะน้องชา เดี๋ยวแม่ทำอาหารอร่อยๆให้ทาน ขนมที่ซื้อมาฝากจากฝรั่งเศสครั้งที่แล้วเห็นเบนบอกว่าน้องชาชอบมากเดี๋ยวแม่เอามาฝากอีกนะครับ” คุณแม่เบนชมคนตัวเล็กแล้วหยิกเข้าที่แก้มด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง
“ครับ เดี๋ยวอีกสักพักก็ต้องไปตั้งหลักบ้านเบนแน่ๆ เพราะรายงานวิชาสังคมชิ้นบิ๊ก” คชาบอกแล้วยิ้มน่ารักให้หญิงใจดีตรงหน้าเรียกความเอ็นดูได้อีกเป็นกระบุง
“สงสัยลูกเบนมาแล้วแน่ๆ เดี๋ยวแม่ไปก่อนนะน้องชา ไว้เจอกันใหม่นะลูก...น้าขอตัวก่อนนะคะเต๋า” คุณแม่บอกลาคชาและเต๋าเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอื้อมกอดคนตัวเล็กอีกครั้งแล้วเดินไปหาลูกชายที่รออยู่ข้างล่าง
คชายืนมองร่างของคุณแม่เพื่อนสนิทที่หันมาโบกมือลาอีกครั้ง ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มจะกระซิบข้างใบหู
“น้องชา...” คชาหันขวับทันทีเมื่อได้ยินร่างสูงเรียกชื่อตนเองเลียนแบบคุณแม่ของเพื่อนสนิท
“อะไรพี่ต๋าววว”
“เปล่าครับ คุณแม่น้องเบนท่าทางใจดีจัง...ดูรักคชามากด้วยนะ”
“แน่นอนก็คชาเป็นเด็กดี” คชาบอกแล้วชูแฟ้มประวัติของตนเองอวดอีกฝ่าย
“ครับ เด็กดี เรียนเก่ง ความประพฤติเรียบร้อย...ว่าแต่เราจะไหนกันต่อดีครับ” เต๋าถามคนตัวเล็กแล้วยกมือขึ้นมองนาฬิกา
“ก็กลับบ้านไง”
“โอ้โหเนียนสุดๆ ลืมสัญญาที่บอกพี่ไปแล้วสินะ” คชามองซ้ายมองขวาแกล้งทำเป็นลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ชายตัวสูง แล้วแทบจะรั้งแขนพี่ชายคนสนิทไว้ไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายตีสีหน้าหดหู่ ตั้งท่าจะเดินหนี
“ผู้ใหญ่อะไรขี้งอนชะมัด”
“ก็อยากให้มีคนง้อ”
“ใครจะง้อ..”
“ก็เด็กแถวนี้” เต๋าบอกแล้วก้มลงมองมือเรียวของคชาที่จับแขนของตนเองเอาไว้ ทำให้คนตัวเล็กต้องรีบปล่อยมือจากแขนอีกฝ่ายทันที
เต๋าหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนมือหนาจะเอื้อมจับมือคชาไว้ด้วยความเคยชิน คนตัวเล็กเงยหน้ามองอีกฝ่าย ตากลมแป๋วนั้นจ้องมองเขาแล้วส่ายหัวไปมาสองสามที
“โทษทีมันชิน”
แขนยาวจึงเปลี่ยนมาโอบไหล่บางของคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะก้มลงกระซิบบางอย่างที่ทำเอาคนฟังหน้าแดงถึงใบหู แถมยังได้ยินเสียงเบาๆสบถออกมาว่าเขาอีก.... “บ้า”
“ไปเดทกันนะ”
------------------------------------------------------------------
จุดหมายถูกเปลี่ยนกะทันหันทันทีเมื่อเต๋าได้รับสายจากทางบริษัทให้เข้ามารับเอกสารบางอย่าง เต๋ายืนสนทนากับหัวหน้างานอย่างพี่ไทด์สักพักก่อนที่คชาจะสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดจากทั้งสองฝ่าย เห็นพี่ไทด์เดินนำเข้าไปในแผนกงานส่วนพี่เต๋าก็เดินกลับมาทางตนเองที่นั่งรออยู่
“เด็กหิวแล้วยัง?” คชาพยักหน้าแทนคำตอบ ในใจเหมือนจะรู้ว่าร่างสูงมีบางอย่างจะบอก
“พี่ต้องเข้าไปแก้งานนิดหน่อย ถ้าเราหิวไปหาอะไรกินก่อนก็ได้นะ” เต๋าบอกออกไปแบบนั้นเพราะนี้ก็ล่วงเลยเวลาเที่ยงวันมาพอสมควร ถ้าจะให้คชามานั่งหิวรอให้เขาเสร็จงานก็ดูจะเห็นแก่ตัวเกินไป
“ไม่เอา....จะรอ” เด็กน้อยส่ายหน้าตอบเสียงงุ้งงิ้ง ท่าทีซื่อใสทำเอาคนมองอย่างเต๋ายิ้มออกมา
“นานหน่อยนะ แต่จะพยายามไม่ให้เกินสองชั่วโมง”
“รอได้ สบายมาก” คชาตอบตบท้ายด้วยการยิ้มหวานๆอีกทีเพื่อยืนยันกับอีกคนว่าตนเองรอได้
ตากลมมองตามแผ่นหลังหนาที่เดินแวะสนทนากับแม่บ้านของบริษัทก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน แปบเดียวเองคชาทนได้แต่ทำไมท้องไส้มันโหวงๆเหวงๆแบบนี้หละ...ข้าวต้มถ้วยเมื่อตอนเช้าโคตรทรยศ อุตส่าห์กินไปตั้งเยอะแต่อยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมงก็หิวอีกแล้ว นึกโกรธข้าวต้มถ้วยเมื่อเช้าได้ไม่นานเสียงของถาดวางกระทบกับโต๊ะรับแขกก็ดังขึ้น
“ทานขนมกับโอวัลตินรองท้องก่อนนะคะ” แม่บ้านวัยกลางคนบอกคชาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณครับ” คนตัวเล็กตกใจเล็กน้อย ตาแป๋วมองจ้องแก้วโอวัลตินควันหอมกรุ่น
“คุณเต๋าวานให้ป้าเอามาให้ กลัวรอนานแล้วจะหิวถ้าอยากได้อะไรเพิ่มบอกป้าได้นะคะ ป้าเดินไปมาแถวนี้แหละ”
“ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” คชายิ้มให้ป้าแม่บ้านแล้วมองผ่านเข้าไปยังห้องกระจกที่มีร่างสูงขาวคุ้นตาของพี่ชายคนสนิทยืนมองมายังตัวเอง มือหนาข้างที่ไร้แฟ้มเอกสารยกขึ้นทำท่ายกแก้วโอวัลตินขึ้นดื่มเป็นสัญญาณบอกให้คชาดื่มโอวัลตินแก้วตรงหน้านั้นเสีย เด็กน้อยยิ้มขำออกมาน้อยๆกับท่าทางของอีกคนและก็ต้องหัวเราะออกมาชุดใหญ่เมื่อพี่เต๋าถูกพี่ไทด์ใช้แฟ้มหนาตีเข้าที่ไหล่เป็นสัญญาณเรียกให้อีกคนกลับไปทำงาน
มือเล็กประครองแก้วโอวัลตินขึ้นแล้วเป่าเพื่อระบายความร้อน ค่อยๆจิบชิมรสชาติของโอวัลตินในแก้วช้าพลางคิดถึงคนใจดีที่บอกให้คุณป้าแม่บ้านทำโอวัลตินแก้วนี้มาให้ตนเอง ...
‘ตั้งใจทำงานให้เสร็จไวๆนะคุณผู้ใหญ่...เด็กจะตั้งใจรอ’
เต๋าก้มลงอ่านข้อความในมือถือจากเด็กน้อยที่นั่งรออยู่ด้านนอกแล้วยิ้มออกมา วางเครื่องมือสื่อสารไว้ข้างกายก่อนจะลงมือแก้ไขงานตรงหน้า
------------------------------------------------------------------
“ซวยแล้ว นี่ติดต่อใครไม่ได้เลยใช่ไหม แล้วทีนี้จะให้ใครช่วยแปลงาน” เสียงบ่นจากใครสักคนเรียกให้คชาที่เหมือนจะฟุบหลับสะดุ้งขึ้น ตากลมมองไปยังผู้หญิงผมสั้นร่างผอมบางที่กำลังเดินไปมากดโทรศัพท์ไม่หยุด รอบข้างมีลูกน้องอีกสองสามคนที่วิ่งวุ่นกระวนกระวายไม่ต่างกัน
“แล้วลูกค้าต้องการงานด่วน ไอ้แป๋วนะไอ้แป๋ว ใครใช้ให้มันไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วปิดมือถือ” น้ำเสียงห้าวๆนั้นยังคงบ่นไม่หยุด คชามองสถานการณ์ตรงหน้าเหมือนจะคาดเดาบางอย่างได้
“อ้าวแล้วนี่ใคร”
“อ่อ นี่คุณคชาค่ะคุณแพรวเป็นน้องชายคุณเต๋า” คุณป้าแม่บ้านที่ปัดกวาดเช็ดถูอยู่บริเวณนั้นเป็นคนเอ่ยแนะนำ
“อ่อ...สวัสดีครับ มารอเต๋าหรอกหรอ ไอ้นั่นก็คงวุ่นไม่ต่างกันสินะ” แพรวทักทายแล้วยกมือรับไหว้คนตัวเล็ก
“ดูทุกคนยุ่งๆนะครับ”
“ก็ลูกค้ามันบ้า สั่งแก้งานวันเสาร์ วันเสาร์อะน้องคชา วันเสาร์ของพวกพี่..แต่ก็ช่างมันเถอะ หงุดหงิดมันแต่ก็ต้องทำเพื่อเงิน”
“คชาพอจะช่วยอะไรได้ไหมครับ นั่งอยู่ว่างๆแล้วมองพวกพี่ๆวิ่งไปมาแล้วรู้สึกแปลกๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เดี๋ยวพี่หาคนแปลงานตรงนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาแล้วติดตรงที่ยังหาไม่ได้ นี่ถ้าพี่แปลเองได้คงแปลไปแล้ว”
“ให้คชาช่วยแปลไหมครับ เคยแปลงานช่วยอาจารย์ที่โรงเรียนบ่อยๆคิดว่าคงคล้ายกัน”
“หือ..จริงหรอ พี่จริงจังนะคชา” คชาพยักหน้ารับเมื่อมองเห็นตัวงาน
“งั้นมาช่วยพี่หน่อย” พี่แพรวยกยิ้มให้คนตัวเล็กตรงหน้าแล้วจูงคชามายังแผนกของตนเอง
------------------------------------------------------------------
ท้ายที่สุดเวลาก็ผ่านล่วงเลยไปกว่าสองชั่วโมงกว่าเต๋าจะจัดการงานตรงหน้าเสร็จ ตาคมมองผ่านออกมาจากกระจกใสหลังจากที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลยกว่าชั่วโมง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเนื่องจากไม่พบเจอร่างของเด็กน้อยที่ควรจะนั่งรอบนโซฟายาว ร่างสูงตรวจความเรียบร้อยของเอกสารกับเพื่อนร่วมงานสักพักก่อนจะขอตัวออกมาเมื่อพบว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ตาคมไล่กวาดมองหาคชาไปทั่วบริษัทแต่ก็ไม่พบ หากแต่เมื่อกำลังจะร้องถามจากคุณป้าแม่บ้าน เสียงคุ้นเคยก็ดึงความสนใจจากเขาไปเสียก่อน
“พี่เต๋า” คชาเรียกพี่ชายคนสนิทเสียงใสแล้ววิ่งดุ๊กๆเข้ามาหา
“หายไปไหนมา” เต๋ามองเด็กตาแป๋วตรงหน้าแล้วขยี้กลุ่มผมดำ สายตาแอบมองเห็นรุ่นพี่อีกแผนกเดินตามหลังคชามา
“ไปทำงานกับฉันเว้ย” ร่างสูงได้ฟังก็ต้องงงเล็กน้อย
“น้องคชาเก่งมากเลยนะเต๋า ถ้าไม่ได้น้องงานพี่ไม่เสร็จแน่...ขอบคุณอีกครั้งนะคชา~ แหม..น่ารักจริงเลย ขอหยิกแก้มหน่อย” แพรวว่าแล้วตั้งท่าจะหยิกเข้าที่แก้มใสของเด็กน้อย
“เห๊ยๆพี่” เป็นเต๋าที่โวยวายก่อนจะเลื่อนตัวสูงของตนเองมาบังร่างของคชาไว้จนมิด
“อะไรของแกวะเต๋า พี่ก็แค่เอ็นดูน้อง”
“น้องมัน มันหวงปล่อยมัน” เป็นไทด์ที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“เชอะ..ไม่เป็นไรนะน้องคชา วันหลังมาบริษัทอีกนะเดี๋ยวพี่แพรวจะเลี้ยงขนม” คชายิ้มรับพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นคำตอบ แอบรู้สึกดีใจที่ได้ทำตัวมีประโยชน์บ้าง แพรวอธิบายถึงสาเหตุที่คชาหายตัวไปให้เต๋ากับไทด์ฟัง แถมยังแอบชมคนตัวเล็กไม่ขาดปากทั้งเรื่องของการทำงานและนิสัยน่ารักๆ เต๋าแอบเห็นเจ้าตัวยิ้มภูมิอกภูมิใจก็ได้แต่ยิ้มตาม
“ว่าแต่ยังหิวอยู่ไหมเนี่ย”
“หิว หิวมากกกกกกกกกกกด้วย” คชาลากเสียงยาวจนสามคนรอบข้างขำออกมาพร้อมกัน
“พี่ไทด์ พี่แพรว เต๋าขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวต้องพาเด็กไปกินข้าวก่อนที่เต๋าจะโดนกินแทน” เต๋าล่ำลารุ่นพี่ทั้งสองตามมาด้วยคนตัวเล็กที่ยกมือไหว้บอกลาทั้งไทด์และแพรว แขนยาวโอบไหล่บางด้วยความเคยชินก่อนจะเดินออกมาจากจุดนั้น
“เต๋ามันดูหวงน้องคชามากเกินไปไหม ได้ข่าวว่าแค่บ้านอยู่ข้างกัน” แพรวถามขึ้น สายตายังคงมองทั้งคชาและเต๋าที่กำลังยืนรอลิฟต์
“มันรักของมันปล่อยมันไป” ไทด์บอกแพรวแล้วจงใจเน้นคำว่า ‘รัก’ เป็นปริศนาให้เพื่อนร่วมงานไปหาคำตอบเอง
“อย่าบอกนะว่า...” ไทด์พยักหน้าให้แพรวแล้วตีคิ้วตบท้าย สองมือล้วงกระเป๋าก่อนจะเดินกลับไปยังห้องทำงานทิ้งให้แพรวยืนพึมพำอยู่คนเดียว
------------------------------------------------------------------
ร้านสุกี้ชื่อดังภายใต้ตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัวถูกเลือกโดยเด็กหิวโซที่โดนย้ายมื้อเที่ยงให้มาอยู่ในช่วงเวลาจวนจะห้าโมงเย็นของวัน ผักสีเขียวที่บางวันกินไม่ได้มากวันนี้กลับไม่มีร่องรอยหลงเหลือในหม้อ รวมไปถึงเมนูเป็ดย่างของโปรดจานโตที่คชาจัดการคนเดียวเกือบหมด....บอกแล้วว่าเด็กหิว
“กินเยอะแบบนี้ จะกินไอติมไหวหรอ” เต๋าเอ่ยถามขึ้นหลังจากจัดการชำระเงินค่าอาหารเสร็จเรียบร้อย ทันทีทันใดร่างทั้งร่างก็โดนสองแขนของคชาลากเดินจนมาถึงร้านไอศกรีมแบรนด์ดัง....นี่สินะคำตอบ
“ผู้ใหญ่กินอะไร?...” เต๋ากำลังจะอ้าปากถามถึงเมนูแต่คนตัวเล็กก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน “เดี๋ยวเด็กสั่งให้ดีกว่า” คนตัวเล็กถามเองตอบเอง เรียกพนักงานให้มารับเมนูเสร็จสรรพแล้วหันมาส่งยิ้มให้เต๋า
รอไม่นานไอศกรีม 12 สกู๊ปในถ้วยแก้วใบโตก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟตรงหน้า สองมือเล็กยกช้อนโลหะมันวาวขึ้นอย่างไม่รีรอแล้วจิ้มเข้าที่ไอศกรีมสีหวานทันที
“แล้วถ้วยไหนของพี่ครับ?”
“ก็ถ้วยนี้ไง สั่งมากินด้วยกัน ตั้ง12ลูก คชากินไม่หมดหรอก” เต๋ามองคนที่กำลังตั้งใจกินไอติม ปากบอกกินไม่หมดแต่ไม่ถึงห้านาทีหายไปไหน 5 ลูก? แต่ความจริงแล้วเต๋าไม่ได้อยากกินไอศกรีมเลยสักนิด ตั้งใจมานั่งเป็นเพื่อนเด็กกินจุ แต่ท่าทางกินเกินอร่อยของคชาทำให้เขาอยากลิ้มลองรสชาติหอมหวานของไอติมในถ้วยนั้นบ้าง
มือหนาจับเข้าที่ข้อมือของคนที่กำลังจะยกช้อนไอติมเข้าปาก คชาสะดุดกึกเหมือนโดนขัดอารมณ์ เกือบจะร้องงอแงออกมาเมื่อพี่เต๋าจับมือแล้วหันไอติมคำโตยัดเข้าปากตัวเอง...มีการเลียเลียขอบปากแล้วตีคิ้วให้อีก
“แกล้งหรอ? อยากกินทำไมไม่บอก” คชาบ่นตามประสา ก้มลงตั้งใจตักไอติมในถ้วยอีกครั้งก่อนจะยกจ่อเข้าที่ปากของอีกฝ่าย ... “จะได้ป้อน...” รอยยิ้มฉีกกว้างเกือบถึงใบหูก่อนจะอ้าปากรับรสหวานเย็นของไอศกรีมสีสวย
“อันนี้ พี่ให้คืน” เต๋ายกช้อนไอติมจ่อเข้าที่ริมฝีปากบางบ้าง คนตัวเล็กไม่รีรอรีบงับเข้าทันที
“เหลืออีกสามลูก กินด้วยกันนะ” แล้วสามลูกสุดท้ายก็ไม่มีใครได้ลิ้มรสของไอศกรีมจากมือของตัวเองอีกต่อไป ....
วันนี้ไอติมอร่อยจัง.... :)
------------------------------------------------------------------
กว่าจะถึงปากซอยมีสุข23 เวลาก็ล่วงเลยจนมืดค่ำ เต๋าตัดสินใจชักชวนคชาให้เรียกแท็กซี่เข้าบ้านแต่คนตัวเล็กกลับปฏิเสธ บอกเพียงเหตุผลสั้นๆ เหตุผลน่ารักๆ
“อยากเดินไปคุยไปมากกว่า”
“คชาไม่ชอบที่พี่จับมือใช่ไหม” แล้วสิ่งที่แอบนึกสงสัยก็ถูกปล่อยออกมาจากปากของเต๋าในขณะที่ทั้งสองเดินกลับบ้าน
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ.....แต่เวลาจับมือแล้วมีคนมองเยอะๆ พี่เต๋าชอบหรอ” คชาบอกอีกคนอย่างที่รู้สึกไม่ปิดบังสักนิด
“ไม่รู้สิ” ร่างสูงตอบไม่ตรงคำถาม ฝีเท้าที่เคยก้าวหยุดลง สองมือเลื่อนกุมมือบางเอาไว้เรียกให้คนตัวเล็กกว่าหันหน้ามาทางตนเอง
“ก็เวลาที่พี่จับมือเราเอาไว้แบบนี้ .....พี่ไม่เคยสนใจคนอื่นนอกจากเจ้าของมือ” ตากลมที่เคยจ้องมองใบหน้าของเต๋าเลื่อนหลุบต่ำลง ริมฝีปากบางเม้มแน่นไว้เมื่อรู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วขึ้น
“พี่เต๋า.....” เด็กน้อยเรียกชื่อเจ้าของมืออบอุ่นเสียงเบา สายตายังคงหลุบต่ำไม่มองหน้าอีกฝ่าย “ขอโทษ....คชาแค่ไม่ชอบที่คนมองเยอะๆ” คำขอโทษออกจากปากคนตัวเล็กแต่เต๋ากลับไม่รู้สึกว่ามันจำเป็นสักนิด
“เด็กหนอเด็ก พี่ไม่ได้โกรธ ไม่ต้องขอโทษ” คชาพยักหน้ารับน้อยๆ มือบางเลื่อนออกจากการเกาะกุมจากอีกฝ่าย สองมือจับไหล่พี่ชายตัวสูงกว่าไว้แทนก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในโลก
“พี่เต๋าหลับตา” เต๋ามองหน้าอีกฝ่ายเหมือนไม่เข้าใจ “หลับตาก่อน มีอะไรจะบอก” เต๋าทำตามคำรบเร้าของเด็กน้อยตรงหน้าในที่สุด
“อย่าพึ่งลืมตา จนกว่าคชาจะบอก” เมื่อเห็นว่าพี่เต๋าหลับตาสนิทแล้วสองมือก็ปล่อยจากไหล่หนา คชาเริ่มก้าวถอยหลังออกจากจุดที่ยืนอยู่ ย่องออกไปช้าๆ สายตายังคงมองตามร่างสูงขาวที่ยืนแน่นิ่งใต้แสงไฟข้างทางเดิน เสียงหัวเราะคิกคักสนุกสนานเริ่มออกจากลำคอของคนตัวเล็ก สองขาเร่งก้าวให้ไวกว่าเดิมก่อนจะเดินเร็วออกไปในที่สุด
เงียบนานเกินไป....เมื่อรับรู้ได้ถึงความเงียบที่เว้นช่วงนาน เต๋าก็เริ่มเอะใจแต่เมื่อรับปากอีกคนไว้ว่าจะไม่ลืมตาจนกว่าจะได้รับคำสั่งก็ควรทำตามนั้น....แต่ว่า...เงียบนานเกินไป นานเกินไปแล้ว ร่างสูงลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนที่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าจะทำให้เขาส่ายศีรษะและหัวเราะออกมาให้กับตนเอง ภาพความว่างเปล่าไร้ร่างของเด็กน้อยที่เดินมาด้วยกัน... แบบนี้คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก...
‘โดนเด็กแกล้ง’
คิดได้ดังนั้นก็รีบมองไปทางเดินข้างหน้า สายตามองเห็นแผ่นหลังบางคุ้นตากำลังเดินจ้ำอ้าวออกไป เต๋าหัวเราะให้กับตัวเองอีกครั้งก่อนจะออกตัววิ่งตามประกบเข้าหาร่างบางด้านหน้า สองแขนยาวโอบรัดลำคอคชาจากด้านหลังรั้งไม่ให้คนตัวเล็กเดินต่อ
“แกล้งพี่หรอเด็ก” เสียงทุ้มถามแนบชิดใบหูของเด็กตัวเล็กกว่า แผ่นหลังที่แนบชิบกับตัวของอีกคนทำให้คชารับรู้ถึงการเต้นของบางอย่างจากบางจุดของร่างกายอีกฝ่าย...บางจุดที่เต้นพร้อมกันกับของคชา
“ฮือออ..ไม่ได้แกล้ง พี่เต๋าปล่อย” เด็กน้อยดิ้นไปมาเมื่อโดนจู่โจม พยามดึงแขนพี่เต๋าที่พาดอยู่แต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด
“จะทิ้งพี่ให้ยืนอยู่แบบนั้นจริงๆใช่ไหม หือ?”
“ไม่ ไม่ ไม่...พี่เต๋าปล่อยยยยย” จากที่เหมือนขอร้องตอนนี้เหมือนจะเป็นตะโกน คชาพยายามดิ้นหลุดจากวงแขนของอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนจะไร้ผลเมื่อพี่เต๋าแกล้งคืนด้วยการเป่าลมเข้ากับใบหู
“แกล้งพี่ใช่ไหม ฟู่วว...ฟู่ววว...ฟู่ววววว” เมื่อรู้ว่าการแกล้งเป่าหูเป็นผลเต๋ายิ่งได้ใจ คนเป่าก็ตั้งใจแกล้ง คนโดนแกล้งก็ตั้งใจหนี ทำให้ร่างทั้งสองร่างก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสะเปะสะปะ
“ยอม ยอม ยอมแล้ว ฮืออ ปล่อยนะ” เหมือนการดิ้นไปมาจะไม่เป็นผล คชาจึงตัดสินใจพลิกตัวหันมาหาอีกฝ่ายแทนจึงทำให้ลมหายใจที่เต๋าตั้งใจเป่าใส่ใบหูโดนหน้าผากของตนเองแทน ร่างเล็กยืนแน่นิ่งจ้องสายตาคมที่มองมายังตัวเองตาแป๋ว แววตาสดใสไหวระริกเหมือนจะหลบหนี หากแต่แววตามุ่งมั่นในสายตาคมเหมือนฉุดรั้งเอาไว้ .... รู้สึกดีจัง ....
“จะทิ้งพี่ไว้คนเดียวจริงหรอ?” ความเงียบก่อตัวนานจนเต๋าต้องเป็นฝ่ายเอ่ยบางอย่าง
“เปล่า...” อีกคนถามอีกคนตอบหากแต่ยังไม่ยอมละสายตาออกจากกัน “
สองมือหนายังคงโอบสัมผัสไหล่บางนั้นไม่ปล่อยหากแต่สติหลุดลอยหรืออะไรก็ไม่เข้าใจทำให้เต๋าปล่อยมือเลื่อนไถลมายังเอวของอีกคน...
“พี่เต๋าบ้า!” คชาสะดุ้ง สองมือยกผลักหน้าอกแกร่งของพี่ชายตัวสูงทันที ก่อนจะรีบเดินหนีออกมา เต๋าหัวเราะร่ามองดูเด็กน้อยกึ่งวิ่งกึ่งเดินหนีออกไปแล้วเร่งจังหวะเดินตาม มือหนาเฉียดเข้าใกล้มือบางเหมือนตั้งใจจะจับแต่หากไม่ใช่ ... สัมผัสอบอุ่นจากปลายนิ้วก้อยของเต๋าแตะสัมผัสผ่านปลายนิ้วก้อยของคชาแล้วเกี่ยวมันเอาไว้ เสียงนุ่มก้มกระซิบประโยคสุดท้ายก่อนที่ความเงียบจะเข้าแทนที่ครอบคลุมไปตลอดทาง
“ไม่จับมือก็ได้แต่เดินไปด้วยกันนะ”
: )
------------------------------------------------------------------
TT___________________________TT
ไม่มีสิ่งใดจะเอ่ย...ขอบคุณที่ถามถึงฟิคเรื่องนี้นะคะ ดีใจที่ยังมีคนรออ่าน และจะดีใจมากๆ ถ้ากลับมาอ่านกันต่อ ...ตอนนี้แต่งมาสามประเทศ 5555 ตั้งแต่อเมริกา เกาหลี และมาจบที่ไทยบ้านเรา...เย้ว! ตอนนี้ตัวละครเยอะดีแท้ ... -_-“
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น