ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
จิวอวงยี้ ตีนแมวเทวดา

ลำดับตอนที่ #12 : บุปผากลางดงกระบี่

  • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 48


ตอนที่ 12 บุปผากลางดงกระบี่



ทั้งสองปะทะกระบี่กันสองร้อยกว่ากระบวนท่ายังไม่ทราบความเหลือมล้ำต่ำสูง ไม่ว่าผู้ใดก็อาจผ่ายแพ้ได้ เอ็กเป่งไจ๋ร้อนรุ่มใจยิ่ง ไฉนอาสาไปจับคนผู้หนึ่งถึงไปสู้กับอีกผู้หนึ่ง คิดไปลงมือด้วยตนเองแต่ไม่สะดวกกับการหักหน้าจิ่นง้วนตัง จิ่นกวนทงเห็นท่าทีของเอ็กเป่งไจ๋พอคาดเดาออกจึงตะเบ่งเสียงกล่าวไปว่า

“ง้วนตัง คนผู้นั้นคิดรับทราบกระบี่คุนลุ้นเราเจ้าก็แสดงออกมาเต็มที่เถอะ เจ้าใช้ทวงท่าผ่านผาหิมะก่อนตามด้วย ผ่าหยกครึ่งเสี่ยว ลุกไล่ช่วงล่างมัน”

จิ่นง้วนตังกระจ่างวูบ รีบใช้ท่าผ่านผาหิมะเข้าคลี่คลายกระบี่ของล้ออันเพ็ก ตามติดผ่าหยกครึ่งเสี่ยวกลับชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบล้ออันเพ็กขึ้นมา จิ่นกวนทงยังคงกล่าวบ่อกต่อไปอีกหลายท่วงท่า มันอยู่วงนอกวินิจฉัยเพลงกระบี่หาจุดบอดของล้ออันเพ็กบอกท่วงท่าให้จิ่นง้วนตังใช้ออกได้อย่างเหมาะเจาะ จนล้ออันเพ็กตกเป็นเบี้ยล่างที่ละน้อย จนภายหลังแทบเป็นฝ่ายรับอยู่ถ่ายเดียว จิวอวงยี้ต้องเพ่งมองไปยังจิ่นกวนทงด้วยสายตาเคืองขุ่น กล่าวเย้ยหยันว่า

“น่าไม่อายนัก ศิษย์ท่านเอาชนะมันไม่ได้ ก็ใช้วิธีกล่าวบอกเช่นนี้ เฮอะ..หรือกระบี่คุนลุ้นมีแต่ชื่อเสียงจอมปลอม”

จิ่นกวนทงหัวเราะร่วนกล่าวว่า

“กระบี่คุนลุ้นไหนเลยมีชื่อเสียงจอมปลอม ที่เราบอกเมื่อครู่ก็เป็นเพลงกระบี่คุนลุ้น ศิษย์เราเรียนรู้แต่แรกแล้วเราเพียงบอกกล่าวให้มันนึกออก ส่วนผู้แซ่ล้อหากมีผู้ใดแนะนำเพลงกระบี่ของบ้วนกิมเกี่ยมต่อมันเราก็ไม่กล่าวห้าม”

จิวอวงยี้พอฟังต้องอับจนถอยคำ นางไหนเลยทราบเพลงกระบี่ของบ้วนกิมเกี่ยม ต้องเค้นเสียงเฮอะ.. สะบัดหน้ามาชมดูการต่อสู่ เห็นล้ออันเพ็กอยู่ในภาวะล่อแลคับขันขึ้นทุกที ในมือตระเตรียมเข็มอสรพิษพรักพร้อม ในใจครุ่นคิดว่าหากล้ออันเพ็กเพรี้ยงพล้ำ จะซัดเข็มอสรพิษเข้าช่วยเหลือ กลับได้ยินฮ่วมเล้งซังร้องขึ้น

“ระวังไหล่ซ้ายท่าน”

ล้ออันเพ็กใจหายวูบเห็นกระบี่ทิ่มแทงมา รีบเบี่ยงไหล่ซ้ายหลบหลีก ฮ่วมเล้งซังร้องบอกต่อไปว่า

“มันจะจู่โจมหว่างเอวท่านแล้ว”

ล้ออันเพ็กรีบวกกระบี่ปัดป้องตามคำกล่าว ฮ่วมเล้งซังร้องบอกทิศทางกระบี่ของจิ่นง้วนตัง ทำให้ล้ออันเพ็กคลี่คลายเพลงกระบี่ของจิ่นง้วนตังได้อย่างง่ายดาย ฮ่วมเล้งซังพลันบอกว่า

“ท่าน ก้าวเท้าเท้าในหลักห้าธาตุแปดทิศ เรียงตามลำดับที่ข้าพเจ้าบอกกล่าว”

พลางดูกระบวนท่าของจิ่นง้วนตัง พอเห็นมันใช้ออกก็บอกทิศทางครั้งหนึ่ง  พอมันเปลี่ยนกระบวนท่าก็บอกทิศทางอีกครั้งหนึ่ง ล้ออันเพ็กยามปกติไหนเลยยินยอมเชื่อฟังวาจาเด็กสาวอย่างนาง แต่ยามนี้ไม่มีหนทางเลือกพอลองกระทำตาม ชิงเป็นฝ่ายสกัดการสืบเท้าของจิ่นง้วนตังก่อนก้าวหนึ่งสลายกระบวนท่ามันไปกว่าครึ่ง



จิวอวงยี้เห็นเช่นนั้นต้องปิติยินดีกุมมือฮ่วมเล้งซังร้องว่า

“ซังม่วย ที่แท้ท่านเป็นเซียนกระบี่กลับชาติมาเกิดแล้ว”

ฮ่วมเล้งซังฟังมันกล่าวชมต่อหน้าผู้คนมากมายรู้สึกเคอะเขินไม่น้อย แต่ยังดูกระบวนท่าบอกทิศทางอย่างต่อเนื่อง แม้จิ่นกวนทงบอกกล่าวกระบวนท่าต่อจิ่นง้วนตังเช่นไร้แต่กลับโดนฮ่วมเล้งซังบอกทิศทางการคลี่คลายจนหมดสิ้น ผู้คนต่างงุนงงสงสัย ไม่ทราบว่านางไฉนถึงล่วงรู้แนวเพลงกระบี่คุนลุ้น



ล้ออันเพ็กเมื่อสามารถล่วงรู้แนวทางท่าร่างของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคึกคักอักโขร่ายรำเพลงกระบี่เก้าโคจรอย่างดุดันชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบอย่างเห็นได้ชัด จิ่นง้วนตังต้องต้านรับจนมือไม้ปันป่วนถอยกายออกทีละก้าว มันพอกระบวนท่าถูกสกัดกั้นก็ไม่อาจใช้ออกได้แม้กระบวนท่าเดียว เพียงปัดป่ายกระบี่ที่จู่โจมเข้ามาอย่างรีบร้อนลนลาน เห็นแน่ชัดว่าอีกสองสามกระบวนท่าให้หลังก็ไม่อาจต้านรับได้แล้ว จิ่นกวนทงพลันโจนทยานขึ้นบนหลังคาฟาดกระบี่เข้าขวางพร้อมทั้งรุกไล่ให้มันถดถอย ล้ออันเพ็กเห็นสภาวะกระบี่ผู้นี้รวดเร็วลึกล้ำกว่าผู้แซ่จิ่นมากนัก รีบถลันกายถอยออกมา จิวอวงยี้พลันร้องขึ้นว่า

“ผู้หนึ่งสู้ไม่ได้ก็ใช้วิธีกรุ่มรุมแล้ว ช่างน่าไม่อายยิ่ง”



จิ่นกวนทงแม้รู้สึกเสื่อมเสียหน้า แต่แสร้งเป็นไม่ได้ยิน ชี้กระบี่ไปที่ฮ่วมเล้งซังกระชากเสียงกล่าวว่า

“เอียเท้า(คำด่าสตรี)ผู้นี้ ไฉนถึงรู้กระบวนท่าของเพลงกระบี่คุนลุ้นเรา เจ้าไปแอบเรียนจากที่ใดบ่งบอกออกมา”

ฮ่วมเล้งซังไม่เคยถูกด่าว่าเช่นนี้มาก่อน ยามนี้ถูกกล่าวด่าเป็นเอียเท้า ต้องขุ่นเคืองจนหน้าแดง ร้องออกไปว่า

“ข้าพเจ้าไม่เคยเรียนกระบี่คุนลุ้นมาก่อน เพลงกระบี่คุนลุ้นมีที่ใดน่าร่ำเรียนกัน”



“โกหก เช่นนั้นเจ้าไฉนทราบเคล็ดวิชาท่าร่างของเรา”



“ผู้ใดทราบเคล็ดวิชาของท่าน วิชาท่านก็เป็นของท่าน วิชาข้าพเจ้าก็เป็นของข้าพเจ้า เพียงแต่บิดาข้าพเจ้าบอกว่า หากเจอผู้ใช้เพลงกระบี่เช่นนี้ ให้ก้าวเท้าตามหลักเช่นนี้ มันผู้นั้นใช้กระบวนท่าตามที่ท่านบอกเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็บอกต่อคนผู้นั้นให้ก้าวไปทิศทางนี้ ท่านเป็นผู้บอกเองว่าให้ผู้ใดกล่าวแนะนำมันก็ได้ ข้าพเจ้าไม่รู้เพลงกระบี่บ้วนกิมเกี่ยม จึงบอกทิศทางหลบหลีกแก่คนผู้นั้นตามหลักที่ข้าพเจ้ารู้ ไฉนจึงทำไม่ได้”

นางกลับโกงคอเถียงคอเป็นเอ็นคล้ายทารกไร้ความผิดแต่ผู้ใหญ่คาดคั้นเอาผิด เถียงคำว่าเช่นนั้นเช่นนี้อยู่หลายคำจนผู้คนมึนงง



ความจริงฮ่วมเล้งซังไม่ทราบแนวเพลงกระบี่คุนลุ้นแม่แต่น้อยที่นางทราบคือหลักการหลบหลีกทิศทางกระบี่ของค่ายสำนักกระบี่ต่างๆโดยอาศัยหลักการก้าวเท้าห้าธาตุแปดทิศของปรมาจารย์ขุนเขากระบี่อั้งเฮียงฮวงผู้เป็นซือแป๋ของบิดามารดาฮ่วมบ้วนลี้ หลักการนี้อั้งเฮียงฮวงทุ่มเทครุ่นคิดชั่วชีวิต นำเอาท่ามาตรฐานกระบี่ของหลายค่ายสำนักมาคิดค้นหาวิถีกระบี่สัมพันธ์ ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามตั้งกระบวนท่าก็สามารถคาดเดาออกได้ว่าจะจู่โจมเช่นไร จิวอวงยี้เห็นฮ่วมเล้งซังกล่าวเถียงราวทารก อดขำขันไม่ได้นับวันยิ่งรู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวผู้นี้อย่างยิ่ง



จิ่นกวนทงอายุปาเข้าไปครึ่งค่อนคนยามนี้ถูกเด็กสาวผู้หนึ่งโต้เถียงไม่ลดลาว่าสอก จนตนเองไม่สามารถหาวาจามากล่าวได้ต้องบังเกิดโทสะ แค่นเสียงกล่าวว่า

“เฮอะ..เช่นนั้นขอดูว่าหลักวิชาของบิดาเจ้าร้ายกาจเพียงใด”

พลางขยับกระบี่เข้าหา จิวอวงยี้ต้องรีบยกมือขวางร้องห้ามว่า

“เอ๋.. ท่านอายุปาเข้าไปครึ่งคนแล้ว แต่กลับคิดรักแกเด็กสาวผู้หนึ่งต่อหน้าชาวยุทธมากมาย ยังนับว่าเป็นผู้กล้าได้หรือ  หรือสำนักคุนลุ้นดีแต่รังแกทารกไร้ทางสู้”

วาจาของนางกล่าวเสียงดังฟังชัดหมายให้ชาวยุทธในที่นี้ได้ยินโดยทั่วคิดใช้วาจาบีบบังคับไม่ให้มันลงมือ จิ่นง้วนท้งเค้นหัวร่อกล่าวว่า

“นางเป็นบุตรตรีของฆาตกรร้าย เราคิดจับกุมนางไหนเลยว่าเรารักแกทารก เจ้าเองก็เช่นกันเป็นศิษย์ของสามโจรร้ายที่ทำร้ายชาวยุทธเรามากมาย วันนี้ก็อย่าหมายหลบหนีไปได้”



เล็กเลี้ยงอันพลันตะเบ่งเสียงมาจากเบื้องล่างกล่าวเสริมว่า

“รองเจ้าสำนักคุนลุ้นกล่าวถูกต้องแล้ว สองคนนี้เป็นทายาทมารร้าย วันนี้มาก่อกวนการชุมนุนของเรา ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถจับกุมตัวมาลงโทษได้”

วาจาของคนผู้นี้พอกล่าว ชาวยุทธที่มีความแค้นกับสามภูติกวนตั๋งอยู่ก่อนแล้วล้วนพากันโห่ร้องสนับสนุน จิวอวงยี้ต้องเค้นเสียง ฮึ..ในลำคอกระซิบบอกต่อฮ่วมเล้งซังว่า

“ซังม่วยคนผู้นี้ข้าพเจ้าจะรับมือมัน ท่านค่อยบอกกล่าวทิศทางต่อข้าพเจ้า”

กระซิบบอกจบพลันหันมาทางจิ่นกวนท้งหัวเราะเย้ยหยันกล่าวว่า

“ท่านเมื่อไม่นึกละอายก็เข้ามาเถอะ”

พลางซัดเข็มอสรพิษจู่โจมออกสามเล่มในคราเดียว จิ่นกวนทงไม่คาดว่าบุรุษผู้นี้พอกล่าวก็ลงมือ ซัดอาวุธลับเข้าจุดสำคัญของตนต้องรีบยกกระบี่ปัดป้อง พอตั้งท่าจะฟาดฟันกระบี่  ฮ่วมเล้งซังที่อยู่ด้านหลังมันก็บอกทิศทางกระบี่ออกมาแล้ว  จิวอวงยี้มีท่าร่างรวดเร็วพิสดารพอได้รับการกล่าวบอกไม่เพียงแต่หลบหลีกยังชิงเป็นฝ่ายสลายกระบวนท่าฝ่ายตรงข้ามเปิดช่องว่างให้ตัวเองจู่โจม ใช้วิชามือเปล่าชิงอาวุธในฝ่ามือยมทูตที่นางถนัดจัดเจนหมายยึดกระบี่ก่อกวนไม่ให้มันผู้นี้ใช้ออกได้ถนัดถนี่



จิ่นกวนทงต้องหน้าแปรเปลี่ยน ที่แรกคาดคิดว่าบุรุษผู้นี้ไม่น่ามีฝีมือเด่นล้ำไปกว่าล้ออันเพ็ก ต่อให้เด็กสาวผู้นั้นบอกทิศทางกระบี่ได้ แต่ด้วยพลังฝึกปรือของตนย่อมสามารถเอาชัย แต่ไม่คาดว่าบุรุษผู้นี้มีพลังฝึกปรือเด่นล้ำทั้งวิชาตัวเบาล้ำเลิศ ท่าร่างคล่องแคล่วว่องไว วิชาหมัดเท้าพลิกแพลงหลากหลาย ต่อให้ไม่ได้รับการบอกล่าวทิศทางกระบี่ ภายในสองร้อยกระบวนท่าไม่แน่ว่าจะสยบมันลงได้  จิ่นง้วนตังเมื่อมองดู เห็นบุรุษผู้นี้ต่อสู้กับบิดาตนอย่างก่ำกึง ต้องครุ่นคิดกระดากอาย ‘หากเมื่อครู่เราปะมือกับมันไยไม่ใช่เป็นฝ่ายผ่ายแพ้ยับเยิน’



เอ็กเป่งไจ๋เห็นรองเจ้าสำนักคุนลุ้นต่อสู้กับบุรุษเยาว์วัยยังไม่สามารถมีเปรียบ ครุ่นคิดว่าเด็กสาวแซ่ฮ่วมที่บอกทิศทางกระบี่เป็นอุปสรรคโดยตรง อีกทั้งนางยังเป็นลูกของศัตรูผู้ฆ่าบุตรชายตน หากปล่อยเวลายืดยาวไม่แน่ว่าพวกมันจะหาโอกาสหลบหนีได้ รีบทยานร่างขึ้นไปอีกผู้หนึ่ง ตะเบ่งเสียงกึกก้อง

“จิ่นงี่ตี๋(น้องที่ประเสริฐแซ่จิ่น) ท่านจับตัวศิษย์ของสามภูติกวนตั๋งข้าพเจ้าจะจับตัวบุตรตรีมารร้าย”

มันแม้อายุเข้าวัยชราแต่ยังมีท่าร่างกระฉับกระเฉง พอถึงก็ลงมือจู่โจมใส่ฮ่วมเล้งซัง นางรีบล้วงแส้เก้าปล้องมังกรวารีออกจากอกเสื้อ เนื่องจากที่แรกจิวอวงยี้ไม่ต้องการให้ผู้ใดระแคะระคายต่อศักดิ์ศรีของนางจึงกำชับไม่ให้นางคาดไว้ที่หว่างเอวเหมือยามปกติ พอเห็นมือของเอ็กเป่งไจ๋หนึ่งกงเล็บหนึ่งฝ่ามือพุ่งจู่โจมมา รีบสะบัดแส้เก้าปล้องในท่ามังกรเก้าร่างพันตัวออกปกป้อง เอ็กเป่งไจ๋ไม่ทันคิดว่านางมีอาวุธอยู่ในตัว เห็นแส้สะบัดฟาดใส่มือทั้งสองข้างของตนต้องรีบหดมือกลับพริ้วกายถอยออกมา พอเห็นชัดตาที่นางถืออยู่ในมือเป็นแส้เก้าปล้องมังกรวารี อาวุธที่ประหัตประหารบุตรชายของตนทั้งสองคน ต้องบังเกิดโทสะพลุพล่าน เค้นคำรามกล่าวว่า

“ประเสริฐ แส้มังกรวารีก็อยู่ที่นี้ วันนี้หากไม่ฆ่าเจ้าทำลายอาวุธบัดซบนี้เส้นสังเวยวิญญาณบุตรชายเราทั้งสอง ก็ไม่ขอแซ่เอ็กแล้ว”



ฮ่วมเล้งซังเถียงขึ้นว่า

“เล่าเอ็ก(ผู้มีอายุแซ่เอ็ก) ท่านกล่าวหาบิดาข้าพเจ้าว่าใช้แส้มังกรว่ารีทำร้ายบุตรชายท่าน แส้นี้อยู่กับข้าพเจ้าตั้งแต่จำความได้ บิดาข้าพเจ้าไหนเลยเคยเอาไปใช้ทำร้ายมันทั้งสองคน”

เอ็กเป่งไจ๋ยามนี้เดือดดาลถึงขีดสุดไหนเลยฟังคำของนาง ครานี้ไม่เพียงคิดลงมือคร่ากุมแต่กลับคิดเข่นฆ่านางระบายแค้นให้กับตนเอง จึงลงมือหนักหนวงรุนแรง เร่งเร้ากำลังภายในโบกสะบัดแขนเสื้อใช้วิชาแขนเสื้อเหล็กมุ่งจู่โจมทำร้าย มันจะอย่างไรก็เป็นชนชั้นผู้นำในยุทธภพย่อมมีพลังฝีมือไม่ธรรมดา วิชาแขนเสื้อเหล็กของมันร้ายกาจยิ่ง ขอเพียงโบกเฉียดผ่านลมปราณที่แฝงอยู่จะกดดันทำร้ายฝ่ายตรงข้ามแทนอาวุธ ฮ่วมเล้งซังแม้ร่ำเรียนเพลงแส้มังกรวารีที่ร้ายกาจ แต่พลังฝึกปรือยังอ่อนด้อย กำลังภายในยังไม่กล้าแข็งเมื่อเจอสถาวะกำลังภายในหนักหนวงเช่นนี้กดดันคุกคาม ลมหายใจอึดอัดขัดข้อง ต้องตกประหวั่นลนลานรีบสะบัดแส้เก้าปล้องเข้าต้านรับ



แขนเสื้อเป็นผ้าอ่อนนุ่มความจริงต้องถูกแส้เก้าปล่องทำลายฉีกออกไม่เป็นชิ้นดี แต่ภายใต้กำลังภายในของเอ็กเป่งไจ๋แขนเสื้อทั้งสองคล้ายกำแพงเหล็กหนา อีกทั้งเสื้อผ้าของมันทักทอจากใยเหนียวไม่ขาดได้โดยง่าย เสื้อของมันที่ทักทอขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ฮ่วมเล้งซังไม่สามารถใช้กำลังภายในของตนส่งแส้มังกรวารีแหวกฝ่าเข้าไปทำร้ายมันได้ อีกทั้งยังโดนมันรุกไล่ถอยร่นไม่เป็นขบวน เสื้อผ้าของนางถูกชายแขนเสื้อของเอ็กเล่าเอ็งฮงโฉบเฉี่ยวจนบางแห่งขาดวิ่นเผยให้เห็นเนื้อหนังมังสาต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่กระนั้นยังข่มกั้นความอับอาย ฟาดแส้สกัดกั้นการจู่โจมของเอ็กเป่งไจ๋อย่างไม่คิดชีวิต



บรรดาชาวยุทธที่มาชุมนุมที่แรกเห็นเอ็กเล่าเอ็งฮงใช้วิชาแขนเสื้อเหล็กที่เลื่องชื่อของมันออกร้ายกาจสมคำร่ำลือ ต้องโห่ร้องชมเชย แต่พอเห็นเด็กสาวร่ายรำเพลงแส้ต้านทานสุดชีวิต แม้อยู่ในสภาวะล่อแลคับขันเสื้อผ้าขาดวิ่นก็ยังยืนหยัดสู้โดยไม่เกรงกลัวล้วนอดชื่นชมไม่ได้ มีบ้างนึกเวทนาสงสารต้องเบื้องหน้าหนีไปทางอื่นไม่อาจชมดู จะอย่างไรนางก็เป็นสตรีเยาว์วัยต่อให้เป็นลูกสาวคนร้ายแต่ลงมือหนักหน่วงเช่นนี้ออกจะเกินเลยไป



เอ็กเป่งไจ๋คิดใคร่ล้างแค้นไม่ต้องการยืดเยื้อพอสบโอกาสซุกฝ่ามือใต้แขนเสื้อ โบกสะบัดแขนเสื้อเป็นท่าหลอก ฮ่วมเล้งซังประสบการณ์ยังอ่อนด้อยไม่ทราบว่าท่านี้เป็นท่าหลอก รีบสะบัดแส้เข้าขวางพอแส้สะบัดใส่ แขนเสื้อนั้นพลันหดกลับเปลี่ยนเป็นฝ่ามือที่ซุกซ่อนอยู่พุ่งจู่โจมใบหน้า นางแม้ใช้แส้เก้าปล้องได้จัดเจนปานใดแต่เมื่อแส้เบี่ยงเบนผิดทิศทางแล้วยากยิ่งจะวกกลับได้ทัน รีบเบี่ยงศีรษะหลบหลีกฝ่ามือนี้จึงซัดถูกเข้าที่หัวไหล่ กลิ้งตัวล้มลงไปตามแรงฟาดสามสี่ตลบ รู้สึกปวดแปลบสุดทนทานยามกระทันหันไม่สามารถลุกขึ้นได้



ล้ออันเพ็กต้องใจหายวูบเมื่อเห็นเอ็กเป่งไจ๋ฟาดมือตามติดลงบนศีรษะของฮ่วมเล้งซัง จะอย่างไร เด็กสาวผู้นี้ก็เป็นผู้ช่วยเหลือตนเมื่อครู่ ไม่คบคิดมากความรีบฟาดกระบี่ขวางมือเอ็กเป่งไจ๋ พร้อมร้องว่า

“เอ็กเล่าเอ็งฮง โปรดยังมือไว้ไมตรี”

“ประเสริฐ ที่แท้บ้วนกิมเกี่ยมก็สมคบกับพวกมัน”

เอ็กเป่งไจ๋ร้องขึ้นอย่างขุ่นเคือง พร้อมหดมือกลับใช้วิชาแขนเสื้อเหล็กโบกใส่ล้ออันเพ็กอย่างดุดัน ความจริงคิดทำร้ายล้ออันเพ็กภายใต้กระบวนท่าเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตัวมันอยู่ในสภาวะยื่นกระบี่ปกป้องผู้อื่นเปิดช่องโหว่ที่ตัวเองมากมาย ไม่สามารถหลบรอดแขนเสื้อเหล็กของเอ็กเป่งไจ๋ได้ โดนแขนเสื้อกระแทกใส่บริเวณหน้าอกอย่างถนัดถนี่ เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกขาดเปื่อยยุ่ยเผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์เลือดไหลนอง เจ็บปวดบริเวณทรวงอกอย่างรุนแรง ต้องกระอักโลหิตคำโต ที่แท้พลังแขนเสื้อเหล็กของมันไม่เพียงสร้างบาดแผลภายนอกยังทำร้ายชีพจรภายใน ถึงกับตาลายพร่าพราย



เอ็กเป่งไจ๋ไม่ต้องการมีเรื่องบาดหมางกับบ้วนกิมเกี่ยมเมื่อเห็นมันได้รับบาดเจ็บก็ไม่ได้ลงมือต่อ แต่กลับโบกแขนเสื้อใส่ฮ่วมเล้งซังที่กำลังดันร่างลุกขึ้นไม่คาดว่าล้ออันเพ็กยังดื้อดึงพุ่งร่างค่อมกอดฮ่วมเล้งซังใช้ร่างตัวเองบดบังพลังแขนเสื้อที่จู่โจมมา กระแทกเข้าที่กลางหลังอีกครา ต้องสิ้นสติฟุบร่างทับฮ่วมเล้งซังไว้ เอ็กเป่งไจ๋บันดาลโทสะเดือดดาล ที่ล้ออันเพ็กขัดขวางตนถึงสองครั้ง เค้นคำรามร้องขึ้น

“ประเสริฐ เช่นนั้นตายเสียด้วยกันทั้งคู่”





จิวอวงยี้ที่แรกเห็นนางเพรี้ยงพล้ำคิดเขาไปช่วยเหลือ แต่ก็จนปัญญาไม่อาจไปช่วยเหลือได้กลับถูกจิ่นกวนทงพัวพันจนไม่สามารถปลีกตัวไปช่วยเหลือ ยามนี้เมื่อไม่มีฮ่วมเล้งซังบ่งบอกทิศทางกระบี่ ความได้เปรียบในช่วงแรกกลับหายไปต้องทุ่มเทวิชาตัวเบาหลบหลีกหาโอกาสตอบโต้เป็นระยะ วิชามือเปล่าชิงอาวุธของนางยามนี้กลับใช้การไม่ได้แล้ว ต้องอาศัยวิชาฝ่ามือยมทูตที่รวดเร็วพิสดารพลิกแพลงตามสภาวะฉาบฉวยจู่โจมยังพอสามารถต้านทานรับได้ ครานี้เห็นคนทั้งสองอยู่ในห้วงเป็นตาย ต้องใจหาบวาบคิดใคร่ไปช่วยเหลือในบัดดลถึงกับสูญเสียสมาธิ จนเปิดช่วงโหว่ที่ช่วงท้องขึ้น



จิ่นกวนทงเห็นเป็นโอกาสไม่ย่อมปล่อยให้หลุดรอดใช้ออกด้วยท่า แหวกม่านเกร็ดหิมะ ท่านี้เป็นท่าทิ่มแทงที่รวดเร็วแทงเข้าช่วงท้องของนางอย่างถนัดถนี่ แต่กระบี่นี้ ไม่ว่าจะผลักดันเช่นไรก็ไม่สามารถทะลวงผ่านร่างนางไปได้จนลำตัวกระบี่โค้งงอ จิ่นกวนทงแตกตื่นสงสัย ไม่ทราบว่าบุรุษผู้นี้ฝึกวิชามารอันใดกระบี่นี้ถึงทิ่มแทงไม่เข้า  จิวอวงยี้เองที่แรกยังตื่นตระหนกชะงักงันเมื่อพบกระบี่ทิ่มแทงเข้าร่างกายตน แต่พอนึกออกว่าตนเองสวมเสื้อเกาะไหมดำที่ต้านทานศาสตราวุฒิทุกชนิด รีบฉกฉวยโอกาสซัดเข็มอสรพิษ พิรุณปกคลุมฟ้า ออกทั้งสองมือ มันต้องรีบลนลานพลิกกายหลบหลีก แต่ในสภาวะท่วงท่าชะงักงันระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ไหนเลยหลบรอดได้ เข็มสี่เล่มปักตรึงครึ่งซีกซ้ายของมันสร้างความเจ็บปวดสาหัสจนต้องทิ้งกระบี่ ล้มตัวลงกุมบาดแผล จิ่นง้วนตังเห็นบิดาได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องตื่นตระหนกรีบเข้าไปดูอาการผู้เป็นบิดา



จิวอวงยี้ไม่ได้แยแสสนใจมันรีบดีดเท้าทยานร่าง หมายขวางกันเอ็กเป่งไจ๋ที่กำลังตามติดเข้าไปทำร้ายคนทั้งสอง แต่ไหนเลยทันการณ์ฝ่ามือทั้งสองข้างของเอ็กเป่งไจ๋กำลังฟาดใส่ฮ่วมเล้งซัง ที่กำลังพยุงล้ออันเพ็กลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เห็นแน่ชัดว่าฝ่ามือทั้งสองข้างต้องฟาดใส่ร่างคนทั้งสองตกตายพร้อมกัน ชาวยุทธบางคนไม่อาจทนดูได้รีบเบืองหน้าหลบหนี พลันบังเกิดเงาร่างสายหนึ่งทยานขึ้นจากเบื้องหลังคนทั้งสอง ต่อยหมัดใส่ใบหน้าของเอ็กเป่งไจ๋อย่างดุดัน มันต้องใจหายวูบ หมัดนี้แฝงพลังกำลังภายในเปรี่ยมล้น แม้หมัดยังไม่ถึงพลังกลับคุกคามถึงก่อน หากไม่ปัดป้องต้านปะทะต้องถูกต่อยจนสมองบี้แบบ รีบชักมือทั้งสองกลับประสานมือขึ้นขวาง คนผู้นั้นเห็นเอ็กเป่งไจ๋ชักมือกลับสลายขบวนท่าจู่โจมใส่ฮ่วมเล้งซังกับล้ออันเพ็ก ก็หยุดยั้งสภาวะหมัดกลับคืน คล้ายยั้งมือไว้ไมตรี ไม่ต้องการล่วงเกิน ขยับร่างมาเบื้องหน้าประสานมือกล่าวว่า

“อภัยที่ผู้เยาว์ล่วงเกิน แต่ผู้เยาว์มีเรื่องจะอธิบาย”

จิวอวงยี้พอเห็นบุรุษหนุ่มที่มาต้องปิติยินดีแย้มยิ้มหน้าระรื่น ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เห็นแก้มซ้ายของมันประดับไว้ด้วยรอยแผลเป็นรูปกากบาท มันผู้นี้หากไม่ใช่ลู่ซุนยังจะเป็นผู้ใด



เอ็กเป่งไจ๋ไม่ทราบว่าผู้มาเป็นผู้ใด เห็นมันยังเป็นเป็นบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบเศษไร้ชื่อเสียงเรียงนามไม่เคยพบเห็น แต่กล้าเสนอหน้ามาขัดขวาง เค้นเสียงคำรามกล่าวว่า

“ที่แท้ยังมีผู้ช่วยเหลือ ซุ่มซ่อนอีกผู้หนึ่ง”

ยามเดือนดาลพลันลงมือต่อลู่ซุนอีกผู้หนึ่งโดยไม่ฟังวาจาของมัน ลู่ซุนรีบคลายมือที่ประสานคารวะออกต้านรับยกมือปัดแขนเสื้อเหล็กของเอ็กเป่งไจ๋ที่จู่โจมเข้ามาพร้อมร้องบอก

“เอ็กเล่าเอ็งฮง โปรดฟังวาจา..”



แต่เอ็กเป่งไจ๋ไหนเลยรับฟังยังคงร่ายรำวิชาแขนเสื้อเหล็กจู่โจมใส่อย่างดุดัน ลู่ซุนครุ่นคิดว่ายามนี้หากกล่าวกระไรย่อมไม่มีคนรับฟัง คงต้องหาทางสยบคนผู้นี้ก่อนค่อยว่ากล่าว พลันใช้ออกด้วยเพลงหมัดห้าวิถีที่จัดเจนเข้าหักหาญ



จิวอวงยี้รีบเข้าไปดูอาการของฮ่วมเล้งซังกับล้ออันเพ็กว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด พบว่าฮ่วมเล้งซังเพียงบาดเจ็บไม่มากแต่ล้ออันเพ็กอาการสาหัส รีบจับมันลุกขึ้นนั่งถ่ายพลังช่วยเหลือให้บรรเทาเบาบาง



เอ็กเป่งไจ๋หักหาญกับบุรุษหนุ่มกว่าร้อยกระบวนท่ายังไม่สามารถมีเปรียบ พลังแขนเสื้อเหล็กของตนกลับโดนบุรุษหนุ่มคนนี้ ต่อยหมัดเตะเท้าต้านทานด้วยมือเท้าเปล่าเปลือย แม้แขนเสื้อของมันขาดวิ่นเนื่องจากใช้ต้านรับพลังแขนเสื้อเหล็กที่ฟาดใส่ แต่ท่อนแขนที่ต้านรับไม่เกิดร่องรอยบาดแผลแม้แต่น้อย นั่นย่อมบ่งบอกถึงความสำเร็จด้านกำลังภายในที่เด่นล้ำของมัน ต้องอดตื่นตระหนกไม่ได้ จิวอวงยี้หลังจากช่วยเหลือล้ออันเพ็กก็ยื่นชมดูอยู่ด้านข้าง เห็นกระบี่ล้ออันเพ็กตกอยู่ที่เท้าจึงคว้าขึ้นมา โยนให้ลู่ซุนกล่าวว่า

“ผู้ใหญ่รังแกผู้เยาว์ พี่ท่านนี้ก็ใช้อาวุธเถอะ”



ลู่ซุนรู้ทันเจตนาครุ่นคิดว่าหากไม่กำหราบเอ็กเป่งไจ๋โดยเร็ว อาจเป็นเหตุบานปลายให้ผู้อื่นขึ้นมาสอดแทรกจะยากยิ่งอธิบาย แต่ที่ตนถนัดเป็นเพลงดาบไม่ใช่กระบี่ แต่ก็ไม่มีทางเลือกพุ่งตัวคว้ากระบี่ฟาดฟันออกสองท่วงท่า เอ็กเป่งไจ๋เห็นเงากระบี่ประปลายลึกล้ำรุนแรงต้องแตกตื่นพลิกหมุนตัวหลบหลีกถอยออกไปสามก้าวแขนเสื้อเอ็กเป่งไจ๋ทั้งสองข้างถูกฟันขาดออกสร้างความตื่นตระหนกแก่มันยิ่ง ไม่ทราบว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ใช้เพลงกระบี่ของสำนักไหนถึงได้ลึกล้ำพิสดารเช่นนี้ แต่ที่ลู่ซุนใช้กลับไม่ใช่เพลงกระบี่ หากแต่เป็นเพลงดาบอสูรโลหิต จิวอวงยี้พอเห็นลู่ซุนมีชัยต้องปรบมือโห่ร้องชมเชยร้องขึ้น

“เพลงกระบี่ยอดเยี่ยม เพลงกระบี่ยอดเยี่ยม”

นางไหนเลยไม่ทราบว่าที่ลู่ซุนใช้เป็นเพลงดาบไม่ใช่เพลงกระบี่ แต่กลับร้องบอกเป็นเพลงกระบี่ เพราะกลัวว่าลู่ซุนจะสงสัยระแคะระคายต่อนางที่ปลอมแปลงเป็นบุรุษ เอ็กเป่งไจ๋ต้องลอบครุ่นคิด’ไม่ทราบว่ามันเป็นศิษย์ของผู้ใดถึงได้มีฝีมือร้ายกาจปานนี้ เมื่อครู่หากมันไม่ยั้งมือไว้ไมตรีแขนทั้งสองข้างคงยากรักษาไว้ได้’ ยามกระทันหันไม่กล้าพลีพล่ามเข้าไปแค่นหัวเราะ เฮอะ เฮอะ กล่าวว่า

“ประเสริฐ จอมยุทธ์ถือกำเนิดแต่วัยเยาว์  ไม่ทราบว่าเป็นศิษย์ยอดคนท่านใดให้เกียรติมา”



ลู่ซุนอึกอักเหมือนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตอบว่า

“มิกล้า ผู้เยาว์ลู่ซุนปัญญาโง่เขลา ไม่มีท่านใดยินยอมรับเป็นศิษย์ เป็นที่ละอายใจอย่างยิ่ง”

ลู่ซุนนึกไม่ออกว่าที่จริงตนเป็นศิษย์ของผู้ใด เต็กเอี่ยเอี้ยแม้ถ่ายทอดวรยุทธให้แต่ก็ไม่เคยรับตนเป็นศิษย์ อู๋ตั่วกอเองที่ถ่ายทอดความรู้ให้ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทราบว่าหากกล่าวอ้างว่าคนทั้งสองเป็นอาจารย์จะสร้างความขุ่นข้องให้กลับคนทั้งสองหรือไม่ จึงกล่าวบอกตามความสัตย์ แต่เอ็กเป่งไจ๋กลับเข้าใจว่าลู่ซุนไม่ยอมบ่งบอกสังกัดสำนักอาจารย์ เช่นนี้ออกจะดูแคลนตนอยู่บ้าง เค้นเสียง เฮอะ มีทีท่าไม่พอใจ กล่าวว่า

“เช่นนั้น เราท่านไม่มีเรื่องบาดหมาง ไฉนจึงสอดมือเข้ายุ่งเกี่ยว หรือท่านเป็นพวกมัน”

ลู่ซุนเห็นมันคล้ายมีโทสะจึงกล่าวว่า

“ขออภัยที่ข้าพเจ้าล่วงเกิน เพียงแต่ว่าการตายของเอ็กเสียวเฮียบทั้งสอง ดูมีเงื่อนงำไม่แน่ว่าไม่ได้ตายด้วยฝีมือของพรรคมังกรทะเล”

วาจาของลู่ซุนพอกล่าวพลันสร้างความตื่นเต้นสงสัยแก่ผู้คนจนส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เอ็กเป่งไจ๋เองก็เช่นกันเพียงแต่ว่าลู่ซุนเป็นใครในยุทธจักรยังไม่ทราบ จะให้เชื่อถือวาจาคงเป็นไปได้ยาก มันเพ่งมองสำรวจลู่ซุนด้วยสายตาเย็นชาก่อนกล่าวว่า

“ที่ท่านกล่าวอ้าง นับเป็นวาจาใด บุตรชายเราตายด้วยเพลงแส้มังกรวารี ผู้คนต่างรู้กันทั่ว หรือเพลงแส้มังกรวารียังมีผู้ปลอมแปลงใช้ออกได้”



“เพลงแส้มังกรวารีเป็นเอกจำเพาะไม่สามารถปลอมแปลงได้ แต่บาดแผลสามารถปลอมแปลงได้ เมื่อครู่ข้าพเจ้าอยู่ยังด้านล้างเห็นศพเสียวเฮียบทั้งสองมีข้อผิดแปลก จึงสะกิดความสงสัยบางประการ”

ลู่ซุนแม้กล่าววาจานอบน้อม แต่น้ำเสียงหนักแน่นมีอำนาจบ่งบอกถึงอุปนิสัยที่มั่นคง บันดาลให้วาจาของมันดูมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ทุกคนอยากทราบว่าสิ่งผิดแปลกที่มันพบเห็นเป็นอะไรล้วนจับจ่องมองมันเป็นจุดเดียว เอ็กเป่งไจ๋ใคร่อยากรู้จึงกล่าวถาม

“สิ่งผิดแปลกที่ท่านกล่าวเป็นสิ่งใด”

ลู่ซุนอธิบายว่า

“ที่ปลายเล็บมือเสียวเฮียบทั้งสองดำคล้ำผิดปกติ คล้ายโดนพิษชนิดหนึ่งเรียกว่า เกาะกระดูกกร่อนหัวใจ พิษชนิดนี้ไร้สีไร้กลิ่น ไม่แสดงออกทางภายนอก ขอเพียงเอ็กเล่าเอ็งฮง ผ่าศพเสียวเฮียบทั้งสองพิสูจน์ดูก็จะทราบได้”

  

เอ็กเป่งไจ๋มีสีหน้าครุ่นคิดลังเลเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บุตรชายทั้งสองของตนตายอย่างน่าอนาถ ยามนี้ให้ผ่าศพทำการย่ำยีสังขารยากแก่การตกลงใจ ยังไม่ได้กล่าววาจา เล็กเลี้ยงอันพลันกล่าวขึ้นจากด้านล่างว่า

“การตายของเสียวเฮียบทั้งสองเห็นแน่ชัดว่า เป็นบาดแผลจากเพลงแส้มังกรวารี ท่านเป็นผู้ใดมากล่าวอ้างว่าโดนพิษ คิดผ่าศพพิสูจน์เพื่อทำลายล่องลอยหลักฐานรึ”

จิวอวงยี้ขุ่นข้องรำคาญเล็กเลี้ยงอันแต่แรกที่ชอบกล่าววาจายั่วยุตั้งแต่ต้น พลันร้องสวนกลับลงไปว่า

“ท่านเห็นกับตาหรือไม่ว่า ฮ่วมไต้เฮียบ ฆ่าคน หากไม่มีใครเห็นด้วยตาก็ผ่าศพพิสูจน์จะเป็นไร เพียงเห็นร่องรอยบาดแผลก็ด่วนสรุปให้ร้ายคนไหนเลยกล่าวอ้างได้เช่นกัน”



เล็กเลี้ยงอันต้องอึกอักหาคำกล่าวออกมาไม่ได้ ชาวยุทธที่มาชุมนุมก็เริ่มมีความคิดเห็นคล้อยตาม หากไม่ผ่าศพพิสูจน์ก็ยากยิ่งจะกล่าวหาพรรคมังกรทะเล หากตายด้วยยาพิษจริงไยไม่ใช่ก่อศึกเพราะความเข้าใจผิด ลู่ซุนขยับเข้ามาใกล้จิวอวงยี้ยิ้มขึ้นกระซิบกล่าว

“เซียวโกวเนี้ย ครั้งนี้ท่านกล่าวได้ดียิ่ง”

จิวอวงยี้งงงันวูบ มันไฉนถึงทราบว่านางเป็นเซียวโกวเนี้ยกล่าวกระซิบถามละล่ำละลัก

“ท่าน..ไฉนถึงทราบ”

ลู่ซุนไม่ได้ตอบคำส่งเข็มอสรพิษให้ในมือนาง นางจึงเข้าใจในบัดดลรูปกายแม้สามารถปกปิดแต่ท่ารางวิชาไม่สามารถปกปิดได้ มันคงดูออกตอนที่นางหักหาญกับรองเจ้าสำนักคุนลุ้น จิวอวงยี้ต้องหน้าแดงขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำที่มันกล่าวชม ถึงกับครุ่นคิดล่องลอย ‘เช่นนี้เป็นว่าท่านลดความเกลียดชังต่อเซียวโกวเนี้ยลงบ้างแล้ว’



จริงตามที่นางคาดคิดลู่ซุนยามที่อยู่ข้างล่าง เห็นจิวอวงยี้ต่อสู้เพื่อปกป้องเด็กสาวผู้ไร้ความผิดทามกลางชาวยุทธที่เป็นศัตรูมากมายอย่างไม่เกรงกลัว ในใจนับถือเลื่อมใสเกิดความปราณนาดีกว่ากาลก่อนจึงคลายความโกรธเกลียดลง ไม่เคียดขึงนางเหมือนเช่นเดิม ลู่ซุนพลันหันไปกล่าวต่อเอ็กเป่งไจ๋ขึ้น

“เอ็กเล่าเอ็งฮง เรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง หากยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ชาวยุทธแดนกังน่ำเกิดศึกรบพุ่งกับพรรคมังกรทะเลยุทธภพคงต้องนองเลือดอย่างแน่นอน ขอเอ็กเล่าเอ็งฮงโปรดไต่ตรองดู”



ชาวยุทธหลายคนเห็นสมควรแกเหตุผลต่างร้องเสียงสนับสนุน เอ็กเป่งไจ๋ตอนนี้อับจนหนทางคงต้องผ่าศพบุตรชายของตนจริงๆ สีหน้าสลดหดหู่ กล่าวเสียงกังวานบอกต่อชาวยุทธทั้งหลาย

“เราเอ็กเป่งไจ๋ใช่ว่าเป็นคนไร้เหตุผล เมื่อต้องการพิสูจน์ทราบ ก็คงต้องน้อมสนองแล้ว”

กล่าวจบพลันกระโจนลงไปยังด้านล่างถึงข้างโลงศพ คว้ากระบี่จากบริวารด้านข้างตวัด ขวับ ขวับ สองครั้ง ที่หน้าอกของศพทั้งสองเป็นรอยกรีดยาวจากหน้าอกถึงช่วงท้อง



จิวอวงยี้กับลู่ซุนพาฮ่วมเล้งซังกับล้ออันเพ็กติดตามลงไปชมดู เอ็กเป่งไจ๋กล่ำกลืนอยู่ชั่วครู่ค่อยใช้มือแหวกเนื้อหน้าอกของบุตรชายของตนออกเผยให้เห็นกระดูกด้านหน้า กระดูกแทนที่จะเป็นสีขาวแต่กลับเป็นสีดำจนเห็นได้ชัด เอ็กเป่งไจ๋แตกตื่นยิ่ง รีบทำแบบเดียวกันกับอีกศพหนึ่ง ล้วนเป็นเช่นเดียวกันทั้งสองศพ นี่ย่อมแสดงว่าโดนพิษเกาะกระดูกกร่อนหัวใจตามที่ลู่ซุนกล่าวไว้ไม่ผิด หากเป็นเช่นนี้ย่อมมีคนให้ร้ายพรรคมังกรทะเลอย่างแน่นอน เพราะคงไม่มีผู้ใดในโลกที่วางยาพิษฆ่าก่อนแล้วทิ้งบาดแผลบ่งบอกว่าตนเป็นผู้กระทำ ยามแตกตื่นไม่สามารถกล่าววาจาออกมาได้ หวนคิดถึงตนเองเกือบทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ให้ร้ายพรรคมังกรทะเลจนเกือบเกิดศึกนองเลือดตามมา เหลือบตาเห็นฮ่วมเล้งซัง ผมเผร้ายุ่งเหยิงเสื้อผ้าขาดวิ่น เพราะฝีมือตนอดบังเกิดความเศร้าเสียใจไม่ได้ ดึงเสื้อคลุมจากศิษย์ของตนผู้หนึ่งคลุมร่างของนางเอาไว้ กล่าวคำขออภัยทำท่าจะคุกเข่าลง



ฮ่วมเล้งซังแม้ไร้เดียงสาแต่ก็ใช้ว่าจะไม่รู้ความ เห็นมันชราภาพต้องมาคุกเข่าให้ตนเป็นการไม่บังควร รีบเกร็งกำลังใส่ข้อแขนพยุงข้อสอกของมันไว้ไม่ให้มันย่อตัวลง แต่กำลังภายในของนางไหนเลยเทียบได้ ร่างของเอ็กเป่งไจ๋ประดุจภูเขาทลายลงมาสองแขนของนางไม่อาจต้านทานแต่ยังฝืนดื้อดึงจนร่างของตนเองล้มลงไปแทน เอ็กเป่งไจ๋ใจหายวูบไม่คาดว่านางจะไม่ยอมปล่อยแขนต้องรีบรั้งร่างของนางไว้ไม่ให้คะมำลงไป ฮ่วมเล้งซังพลันกล่าวว่า

“ท่านผู้เฒ่าอย่าได้คุกเข่าแล้วข้าพเจ้าต้านทานไม่ได้”

เอ็กเป่งไจ๋เห็นนางซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอีกทั้งมีจิตใจดีงาม ตนเองเกือบเอาชีวิตนาง ต้องบังเกิดเศร้าเสียใจเป็นทวีคูณ ลู่ซุนกับจิวอวงยี้เห็นเอ็กเป่งไจ๋รู้ผิดชอบชั่วดีพอทราบความกระจ่างสำนึกว่าทำผิดแม้แต่ทารกหญิงยังยินยอมคุกเข่าขอขมา อดนับถือเลื่อมใสไม่ได้ จิวอวงยี้ลอบครุ่นคิดขึ้น ‘มิน่าชาวยุทธแดนกังน่ำ ถึงนับถือเลื่อมใสคนผู้นี้’

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

1ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

1ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture