ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
[Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

ลำดับตอนที่ #12 : Chapter11 : ถูกจับได้

  • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 53



Chapter 11  :  ถูกจับได้

 

 

 

 

                ในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการพูดคุยนั้น เสียงโทรศัพท์ของซองมินก็ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาทำให้เจ้าตัวสำนึกได้ว่าจริงๆแล้วตนมาที่นี่เพราะเหตุผลอะไรกันแน่

 

                พี่ต้องไปแล้วล่ะ พอดีเพื่อนที่คณะโทรตามแล้ว ซองมินหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเมื่อเห็นเป็นชื่อของเรียวอุกก็ทำการโกหกคำโตออกไปอีกครั้ง

 

                ครับ เดินทางกลับดีๆนะครับ คยูฮยอนพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะยิ้มให้

 

                นายเองก็ระวังตัวด้วยนะ พี่ไปก่อน แล้วจะโทรหานะ พูดจบซองมินก็รีบเดินออกมาทันที เมื่อพ้นระยะการได้ยินของคยูฮยอนแล้วจึงกดรับโทรศัพท์และตรงไปหาเรียวอุกทันที

 

 

 

                ฝ่ายเยซองที่ยังคงลังเลว่าจะเลือกทางใดดีก็ตัดสินใจมุ่งตรงไปหาคยูฮยอนที่เขาคอยจับตาดูอยู่ห่างๆ เพราะยังไงซะตอนนี้เจ้านายก็คงสำคัญกว่า ส่วนเรียวอุกนั้นก็เดินห่างออกไปเรื่อยๆ เอาไว้คราวหลังเขามาตามถ่ายรูปเด็กคนนี้ใหม่ก็คงไม่สายเกินไป

 

                แต่ในระหว่างที่เดินเข้าใกล้คยูฮยอนเรื่อยๆ เยซองกลับเห็นซองมินตีตัวออกมาจากคยูฮยอนซะดื้อๆ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้คยูฮยอนยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางนักศึกษาคยองฮีที่เริ่มออกมาเดินขวักไขว่กันมากขึ้น โดยมีการ์ดคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ห่างๆ และถ้าจะให้เขาหวนกลับไปหาเรียวอุกก็คงไม่ทันการซะแล้ว เด็กคนนั้นคงเดินหายไปกับฝูงชนที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนยากต่อการเดินตามหา

 

                ในเมื่อเลือกมาทางนี้แล้ว เยซองจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาคยูฮยอนด้วยอารมณ์ที่ออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดไปของตัวเอง ถ้าเขารู้ว่าซองมินจะเดินจากไปเองแบบนี้คงเลือกที่จะตามเรียวอุกไปแล้ว

 

                “คุณคยูฮยอนปลอดภัยดีนะครับ เมื่อเดินมาถึงตัวเยซองก็ออกปากถามทันที เพราะความไกลของระยะทางทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าซองมินกับคยูฮยอนคุยอะไรกัน

 

                พี่เยซอง! มาทำอะไรที่นี่ครับ!” คยูฮยอนที่เห็นเยซองมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าถามออกมาด้วยความแปลกใจ ไม่ได้สนใจคำถามที่อีกฝ่ายถามมาเท่าไหร่นัก เพราะเวลานี้เยซองควรจะอยู่ที่บ่อนไม่ใช่ที่นี่

 

                มาดูแลความปลอดภัยให้คุณคยูฮยอนนั่นแหละครับ

 

                อย่าบอกนะว่าพี่อีทึกส่งพี่มาอีกคน ถามออกมาอย่างรู้ทัน จะเป็นใครได้อีกนอกจากอีทึก เพราะการ์ดที่คอยมาดูและความปลอดภัยให้เขาอีทึกก็เป็นคนจัดการทั้งนั้น แต่เล่นส่งเยซองมาแบบนี้ รู้สึกว่ามันจะไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ เพราะเยซองเองก็มีหน้าที่ที่ต้องจัดการอยู่แล้ว ให้มาดูแลเขาแบบนี้เหมือนเป็นการเพิ่มภาระที่ไม่จำเป็นให้ซะมากกว่า

 

                “ก็ไม่เชิงหรอกครับ ที่จริงผมแค่จะมาเตือนคุณคยูฮยอนเท่านั้น พี่อีทึกสั่งคุณห้ามเข้าใกล้ลีซองมินอีกนับตั้งแต่นี้ไป เยซองบอกออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้รู้เหตุผลหรือเรื่องราวอะไรมากนัก แต่ทำตามที่อีทึกสั่งไว้จะดีกว่า

 

                ทำไมพี่อีทึกถึงสั่งแบบนั้นล่ะครับ มีเหตุผลอะไร คยูฮยอนถามออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย

 

                ผมเองก็ไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัดนักหรอกครับ แต่ทำตามไว้ก่อนจะเป็นการดีกว่า พี่อีทึกเขาเป็นห่วงคุณคยูฮยอนมากนะครับ

 

                ครับ เงียบไปซักพักคยูฮยอนจึงรับคำออกไปอย่างนั้นเอง แต่ในหัวสมองกลับมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาแต่ก็เลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ก่อน เพราะถามเยซองออกไปตอนนี้ก็คงจะตอบอะไรเขามากไม่ได้ คนเดียวที่รู้คงจะมีแค่อีทึกเท่านั้น

 

                สีหน้าของคยูฮยอนดูเครียดขึ้นทันทีเมื่อฟังเยซองพูดจบ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คงเป็นเรื่องที่ยากพอดูที่คยูฮยอนจะทำตามคำสั่งของอีทึกโดยไม่มีเหตุผลอะไรที่ฟังแล้วสมควร คนที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยแบบนั้น ทำไมอีทึกถึงสั่งห้ามเข้าใกล้ได้

 

 

 

 

 

                “มากับพี่เดี๋ยวนี้เรียวอุก เมื่อซองมินเดินมาถึงตัวก็ทำการลากเรียวอุกที่กำลังยืนรอเขาอยู่ไปยังรถที่จอดไว้ทันที ทำเอาคนโดนลากมีสีหน้าตกใจไม่น้อย

 

                อะไรกันครับเนี่ยพี่ซองมิน เรียวอุกถามออกมาหน้าตาตื่น ตอนเขาเรียนอยู่นั้นมีสายเรียกเข้าจากซองมินเกือบสิบสาย พอเลิกเรียนเลยโทรกลับทันทีจากนั้นซองมินบอกว่าจะมาหา เขาจึงมายืนรออยู่ที่นี่ โดยยังไม่ทราบถึงสาเหตุการมาของซองมินเลยซักนิด

 

                เข้าไปในรถ ซองมินเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้เรียวอุกพร้อมกับออกคำสั่ง คนตัวเล็กเลยต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะดูท่าแล้วตอนนี้ซองมินคงมีอารมณ์โกรธอยู่ไม่มากก็น้อย

 

                หลังจากเรียวอุกเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยซองมินก็เดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ ก่อนจะตีหน้าเข้มหันไปมองเรียวอุกที่ยังคงมีสีหน้าตื่นๆปนสงสัยที่เขามาหาถึงที่มหาวิทยาลัยแบบนี้

 

                มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังมั้ย เพียงแค่คำถามเดียวเท่านั้นเรียวอุกก็ถึงบางอ้อทันที จากสีหน้าแปลกใจแปรเปลี่ยนเป็นหนักใจในทันที ฮีชอลต้องเป็นคนบอกซองมินให้มาจัดการกับเขาแน่ๆ

 

                เอ่อ...คือ... เรียวอุกมีท่าทางอึกอักในการตอบคำถาม ขืนเขาเล่าออกไปก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างโทษฐานที่ขัดคำสั่ง แต่ถ้าไม่เล่าสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ต่างกันอยู่ดีหรืออาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ

 

                จะเล่าให้พี่ฟังดีๆ หรือต้องให้พี่ฮีชอลเป็นคนจัดการ

 

                ไม่เอานะครับ!” ดั่งคำประกาศิตเมื่อซองมินเอ่ยชื่อพี่ชายของตนเองออกมา เรียวอุกร้องปฏิเสธออกมาเสียงดังก่อนจะนั่งก้มหน้านิ่งเหมือนคนที่กำลังสำนึกผิด

 

                เล่ามา ซองมินสั่งเสียงเข้ม เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรียวอุกจะดื้อด้านกับเขาแบบนี้ ความหวังดีความเป็นห่วงของเขาเด็กคนนี้ไม่เคยนึกถึงมันเลยหรือไงกัน

 

                จบคำสั่งแต่เรียวอุกก็ยังคงนั่งก้มหน้านิ่ง ซองมินเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาแรงๆ

 

                แอบไปเจอมันมากี่ครั้งแล้ว สงสัยว่าคำว่า เล่ามา ของเขามันจะกว้างไป ซองมินเลยเปลี่ยนคำถามใหม่ คราวนี้เรียวอุกเงยหน้าขึ้นก่อนจะตอบ

 

                สองครั้งครับ

 

                ติดต่อกันยังไง

 

                โทรศัพท์ครับ

 

                โทรศัพท์!” ซองมินทวนคำตอบของเรียวอุกออกมาเสียงดัง

 

                ครับ เรียวอุกตอบเสียงเบาพลางก้มหน้าลงอีกครั้ง

 

                นายไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะตามรอยนายจากเบอร์โทรศัพท์!” เป็นครั้งที่สองที่ซองมินเสียงดังใส่เรียวอุกด้วยความโมโห

 

                เขาไม่ได้สงสัยในตัวผมแล้วจะมาตามรอยเบอร์ผมทำไมล่ะครับ ที่สำคัญผมรอบครอบพอที่จะไม่ให้มันแกะรอยเบอร์ผมได้ เรียวอุกยังคงตอบด้วยเสียงอันเบาหวิวเช่นเดิม เวลาคนบ้านนี้โกรธเขาล่ะไม่อยากจะคุยด้วยจริงๆ

 

                ใช่สิ แกะรอยเบอร์นายไม่ได้ เลยตามรอยนายแทนไง รู้อะไรมั้ยเรียวอุก ตอนนี้เยซองกำลังตามนายอยู่ พี่ฮีชอลเห็นมันเดินตามนายตั้งแต่ออกมาจากร้านอาหาร และก็ไม่รู้ว่ามันตามนายมาถึงที่นี่หรือเปล่า ซองมินร่ายยาวออกมาด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสูง ที่เขาต้องลากเรียวอุกเข้ามาคุยกันในรถแบบนี้เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เยซองมันจะจับตาดูอยู่หรือเปล่า และที่ทำไปทั้งหมดนั้นก็เพราะความเป็นห่วง

 

                พี่เค้าตามผมมางั้นเหรอ เรียวอุกถามกลับเสียงเบา

 

                นี่สนิทถึงขั้นเรียกมันว่าพี่เลยเหรอ ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าไม่พอใจ คำพูดที่ดูสนิทสนมแบบนั้น ความสัมพันธ์คงอาจจะไม่ใช่แค่คนรู้จักกันแล้วล่ะมั้งเรียวอุก

 

                เรียวอุกเงียบไปทันทีเมื่อเจอซองมินสวนกลับมาแบบนี้ เขาไม่อยากจะเถียงอะไรออกไปอีกเพราะมันจะทำให้บรรยากาศแย่ลงเปล่าๆ ยังไงซะตอนนี้ซองมินกำลังโกรธอยู่คงไม่ฟังอะไรเขาง่ายๆแน่

 

                กลับไปเคลียร์กันที่บ้านน่าจะดีกว่านะ พูดจบซองมินก็ออกรถทันที ถึงแม้ว่าวันนี้เรียวอุกจะมีเรียนคาบบ่ายต่อแต่เขาก็ไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้นแล้วตอนนี้ เยซองก็ไม่รู้ว่าจะยังตามเรียวอุกอยู่หรือเปล่า กันไว้ก่อนแก้น่าจะดีกว่า

 

                ระหว่างการเดินทางนั้นภายในรถเงียบกริบไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาซักคำจนกระทั่งถึงบ้าน ซองมินลงจากรถไปก่อนจะเดินเข้าบ้านทันที เรียวอุกจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตามเข้าไป และก็เหมือนจะเป็นไปตามคาด ตอนนี้ฮีชอลนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่ซองมินจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เรียวอุกจึงได้แต่ถอนหายใจแรงๆอีกรอบแล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ชายทั้งสอง

 

                ว่าไงเรียวอุก วันนี้โดดเรียนทั้งเช้าทั้งบ่ายเลยนะ ฮีชอลพูดแล้วแสยะยิ้มซึ่งมันดูน่ากลัวและสยดสยองมากสำหรับเรียวอุก มาถึงก็โดนเสียดสีซะแล้ว

 

                เรียวอุกได้แต่ก้มหน้านิ่ง ตอนนี้เขาไม่กล้าจะทำอะไรทั้งนั้นแม้แต่ขยับตัวไปไหนหรือตอบคำถามของฮีชอล เขาว่ามันยากกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือการสอบไฟนอลซะอีก

 

                ผมไม่เห็นเยซองที่มหาลัยเลยครับพี่ฮีชอล ซองมินบอกสีหน้าเครียด

 

                ก็แน่ล่ะ ใครมันจะโผล่ออกมาให้เห็นล่ะจริงมั้ย เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกมันจะรู้อะไรไปถึงไหนแล้ว ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จริงๆแล้วเรื่องนี้เขาแทบไม่รู้รายละเอียดอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ดูจากสถานการณ์ก็พอจะเดาออกได้ลางๆ

 

                มาถึงประโยคนี้ทั้งซองมินกับเรียวอุกก็พากันเงียบไป เพราะเรื่องนี้ซองมินจะโทษเรียวอุกฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เขาเองก็มีส่วนผิดด้วยเต็มๆ ทั้งเรื่องที่ดูแลเรียวอุกไม่ดีจนแอบไปติดต่อกับเยซอง และเรื่องที่ไม่ระวังตัวจนอาจทำให้เยซองเกิดความสงสัยในตัวของมุนอา

 

                มีใครจะเล่าเรื่องให้พี่ฟังได้มั้ย ฮีชอลถามออกมาอย่างใจเย็น เขาไม่อยากตวาดน้องๆ เพราะมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา สู้มาหาวิธีแก้ไขจะดีกว่า

 

                แล้วซองมินก็เริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฮีชอลฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่ที่เรียวอุกเจอกับเยซองครั้งแรกที่ซุปเปอร์มาเกต ชื่อปลอมที่ถูกตั้งขึ้น จำนวนครั้งที่นัดเจอกัน และเหตุการณ์ที่ซองมินไปเจอกับเยซองที่บ่อน จนกระทั่งถึงเหตุการณ์วันนี้ที่มหาวิทยาลัย

 

                ปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้โดยไม่บอกพี่ได้ยังไง ฮีชอลถามเสียงนิ่งเรียบเมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ สายตาดุๆนั้นทำเอาเรียวอุกต้องก้มหน้านิ่ง ส่วนซองมินนั้นก็ต้องหลบตาเช่นกัน

 

                พี่จะไม่ว่าอะไรนายสองคนหรอกนะ พลาดแล้วก็ปล่อยมันไป นายก็เป็นแค่คนธรรมดาย่อมมีเรื่องที่ทำผิดพลาดกันได้ ที่สำคัญพวกนายยังเด็กพี่จะไม่ถือโทษอะไร แต่ต่อจากนี้ไป เรียวอุก นายต้องอยู่ในการดูแลของพี่ อย่าให้พี่รู้ว่านายแอบทำอะไรลับหลังพี่อีก เพราะพี่จะไม่ใจดีเหมือนครั้งนี้แน่ ตักเตือนในประโยคแรกๆเพื่อให้น้องได้รู้สึกสำนึกและจะไม่กลับไปทำผิดพลาดอีก ส่วนประโยคหลังนั้นทำเอาเรียวอุกเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ อยู่ในการดูแลของฮีชอล มันก็ไม่ต่างจากการกักบริเวณ

 

                ครับ เรียวอุกรับคำเบาๆโดยที่ยังก้มหน้าอยู่ คำพูดของฮีชอลทำให้เขานึกถึงตอนที่เขาแอบไปบอกเรื่องคดีกับฮันคยอง ถ้าฮีชอลรู้ขึ้นมาล่ะก็ เขาต้องไม่โชคดีอย่างตอนนี้แน่ เพราะรู้กันดีอยู่ว่าฮีชอลไม่อยากให้ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

                ส่วนซองมิน ต่อไปนี้นายต้องระวังตัวให้มากๆ ถ้าเกิดพวกโจกรุ๊ปมันรู้เรื่องแล้วจริงๆ ต่อไปนี้เราคงอยู่กันไม่เป็นสุขแน่ เตือนน้องคนเล็กเสร็จก็หันมาเตือนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

                ซองมินพยักหน้ารับเบาๆ ต่อไปนี้เขาคงต้องจับตาดูพวกโจกรุ๊ปให้มากขึ้น จะว่าทุกความเคลื่อนไหวเลยก็ได้ จากนี้เขาคงจะทำแบบหมาลอบกัดไม่ได้อีกแล้ว คงจะกลายเป็นตาต่อฟันต่อฟันแทน

 

 

 

 

 

                คิบอมที่ถูกทิ้งให้อยู่มหาวิทยาลัยต่อคนเดียว หลังเลิกเรียนก็รีบต่อสายหาซองมินทันทีและได้คำตอบว่าตอนนี้กลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ซองมินอาสาจะขับรถออกมารับเพราะเป็นคนเอารถคิบอมมาแต่ก็โดนปฏิเสธไป เพราะตอนนี้คิบอมมีจุดมุ่งหมายใหม่แล้วว่าเขาจะไปที่ไหนต่อ

 

                ช่วงขายาวก้าวฉับๆไปยังหน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่คิบอมจะทำการโบกรถแท็กซี่เพื่อไปยังจุดหมาย แน่นอนว่าเขาต้องไปถึงก่อนที่เป้าหมายของเขาจะมา แผนการได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาเรียบร้อยแล้วตอนนี้ รอก่อนนะลีทงแฮ

 

                ใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงที่หมายคอนโดสูงกว่ายี่สิบชั้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้ว ตอนนี้เวลาห้าโมงเย็น วันนี้อึนฮยอกถูกส่งไปทำงานที่อื่น และเป็นไปได้ว่าทงแฮอาจจะกลับที่พักเร็วกว่าปกติ เพราะหน้าที่ของทงแฮตอนนี้คือเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยของบริษัทเท่านั้น และนี่ก็เป็นเวลาเลิกงานปกติของพนักงานในบริษัทโจกรุ๊ป

 

                คิบอมเดินเข้าไปรอที่ด้านในของคอนโด เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงบุคคลที่รอคอยก็มาถึง ทงแฮที่เพิ่งเอารถไปจอดเดินกลับมาเตรียมจะขึ้นห้องเห็นคิบอมที่นั่งรออยู่ก็ร้องทักออกมาทันmu

 

                คิบอม มาทำอะไรที่นี่ครับ

 

                ก็มารอคุณนั่นแหละครับทงแฮ ผมกะว่าจะชวนคุณไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกันน่ะ ลุกขึ้นเดินตรงมาหาทงแฮ พูดจบก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

 

                ตอนนี้เลยเหรอครับ

 

                ใช่ครับ หรือว่าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ ได้ยินทงแฮถามกลับมาคิบอมก็ตอบกลับทันที พร้อมกับสีหน้าที่ดูผิดหวังน้อยๆ เมื่อมีแนวโน้มว่าจะโดนปฏิเสธเอา

               

                เอ่อ...ไม่ใช่ไม่ว่างหรอกครับ ทงแฮดูอึกอักในการตัดสินใจตอบคำถามพอดู ไม่ใช่ว่าเขาไม่ว่าง แต่ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เขาจะได้พักแล้วหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน เพราะเหตุการณ์ลอบทำร้ายคนของโจกรุ๊ปตลอดหลายวันมานี้ทำให้เขาแทบไม่ได้พักเลย แต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธคิบอมออกไปตรงๆ เพราะอุตส่าห์มาชวนไปด้วยกันถึงที่แบบนี้

 

                งั้นไปด้วยกันเถอะนะครับ เราไม่ได้ไปเยี่ยมเด็กๆนานแล้ว คุณไม่คิดถึงพวกเค้าบ้างเหรอครับ คิบอมยกเอาเด็กขึ้นมาอ้าง ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะได้ผล ทงแฮถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะตอบ

 

                ครับ ก็ได้ ตอบก่อนจะยิ้มบางๆออกมา มีเวลาอีกทั้งคืนให้เขาได้พักผ่อน นานๆทีกลับไปเยี่ยมเด็กๆที่นั่นบ้างมันก็คงดีเหมือนกัน

 

                แต่ผมไม่ได้เอารถมานะครับ

 

                ครับ ไม่เป็นไร ไปรถผมก็ได้

 

                เมื่อตกลงกันได้ทงแฮก็เดินนำคิบอมไปยังลานจอดรถของคอนโด โดยที่ทั้งสองไปยังห้างสรรพสินค้ากันก่อนเพื่อซื้อของไปเลี้ยงเด็กๆเหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยไป

 

                ทงแฮเดินหยิบนู้นหยิบนี้ทั้งของกินของใช้ต่างๆนานาไปเรื่อยโดยมีคิบอมเป็นคนช่วยเข็นรถเข็นให้

 

                ดูคุณมีความสุขมากเลยนะครับ ในขณะที่ทงแฮกำลังเลือกน้ำอยู่นั้นคิบอมก็พูดขึ้น ใบหน้ากับรอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นดูออกได้อย่างชัดเจนว่าคนๆนั้นกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำเป็นอย่างมาก เป็นใครมองก็คงไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้แท้จริงแล้วจะเป็นมือปืน เป็นเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน

 

                ครับ พอนึกถึงเด็กๆ แล้วผมก็มักจะกลับมานึกถึงตัวเองเสมอ ถึงชีวิตผมมันจะไม่ได้สุขสบายเลยก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่เพื่อนร่วมชะตากรรมกับผมอย่างเด็กๆพวกนั้น มีความเป็นอยู่ที่ดีไม่ต้องลำบากอย่างผม พูดไปก็ยิ้มไป พร้อมกับหยิบของที่เลือกเสร็จใส่ในรถเข็น และเตรียมออกเดินไปยังแผนกอื่นๆ

 

                ทงแฮครับ เสียงเรียกจากคนด้านหลังทำให้ทงแฮชะงักเท้าไว้ทันทีก่อนจะหันหลังกลับมามอง

 

                คิบอมเผยยิ้มออกมา มือละจากรถเข็นที่จับไว้เดินเข้ามาหาทงแฮอย่างช้าๆ น้ำเสียงนุ่มนวลที่ไม่เคยพูดหรือบอกกับใครมาก่อนเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาจากริมฝีปากหยักได้รูป

 

                ผมชอบทงแฮนะครับ คบกับผมได้มั้ย

 

 

 

 

 

 

                สามงวดบวกดอกเบี้ยอีกก็สามสิบสองล้านวอน เมื่อไหร่จะจ่าย หรือต้องให้ลูกกระสุนเจาะสมองมึงซะก่อน ท่าทางนิ่งเรียบเย็นชาบวกน้ำเสียงที่ฟังดูเอาเรื่องนั้นทำเอาชายหนุ่มที่ดูภูมิฐานต้องแสยะยิ้มออกมา

 

                อึนฮยอกยืนมองหน้าลูกหนี้ที่ทีหนีหนี้ที่ติดไว้มานับครั้งไม่ถ้วน ให้ลูกน้องคนอื่นมาตามทวงไม่ยอมจ่ายจนฮยอนจินต้องส่งเขามาแทน ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นเขาคงจะพูดจาสุภาพด้วย แต่สำหรับคนอย่างมันคงไม่จำเป็น

 

                อะไรกัน นายเป็นคนใจร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่กันอึนฮยอก แต่สงสัยกูจะกลายเป็นคนสำคัญไปซะแล้วสินะฮยอนจินถึงได้ส่งมึงมานี่!” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นดูไม่จริงจังเลยซักนิด อย่างกับว่านี่เป็นแค่เรื่องเล่นๆเท่านั้น ซึงฮยอนหยิบซิกก้าขึ้นมาสูบก่อนจะพ่นควันใส่หน้าของอึนฮยอกให้อีกฝ่ายอารมณ์เดือดขึ้นมาเล่นๆ

 

                มึงอย่ามาลีลากับกูถ้ายังไม่อยากตายห่าไปซะก่อน!” อึนฮยอกว่าด้วยอารมณ์ที่เริ่มเดือดดาล กระบอกปืนถูกชักออกมาปัดซิกก้าที่อยู่ในมือซึงฮยอนทิ้ง ก่อนจะจ่อไปที่กลางหน้าผากของอีกฝ่าย

 

                ลูกน้องที่ยืนลายล้อมอยู่นั้นต่างพากันชักปืนออกมาเป็นแถบๆ ไม่ว่าจะทางฝ่ายซึงฮยอนหรืออึนฮยอก เพราะถ้าเมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายเริ่ม สงครามย่อมๆคงได้เกิดขึ้นแน่ ทางฝั่งซึงฮยอนนั้นเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในแถบนี้อยู่พอสมควรและเป็นพวกพ้องที่รักกันมากทีเดียว และยิ่งถ้าเกิดหัวหน้าอย่างซึงฮยอนเป็นอะไรไป คนที่ทำมันคงไม่ได้ตายดีแน่

 

                แล้วมึงคิดว่าถ้ากูตายมึงจะรอดไปได้เหรอ อย่ามาอวดดีในถิ่นกู! ส่วนเรื่องเงินกูจะใช้คืนเมื่อกูพอใจ พูดจบก็ยิ้มออกมาได้ยียวนกวนอารมณ์อย่างที่สุด

 

อึนฮยอกได้แต่กัดฟันกรอดด้วยอารมณ์โกรธที่เริ่มจะพุ่งพล่าน ถ้าเป็นคนอื่นมาทำแบบนี้ใส่เขาคงเอาลูกตะกั่วฝั่งสมองมันไปแล้ว แต่สำหรับไอ้หมอนี่เขาไม่ควรจะเสี่ยง ที่สำคัญตอนนี้เขาเหยียบถิ่นของมันอยู่

 

กลับ!” ปืนที่ถูกชักออกมาตอนแรกถูกเก็บเข้าที่เดิม อึนฮยอกออกคำสั่งก่อนจะเดินนำลูกน้องราวสี่ห้าคนออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านนอกไม่ไกลออกไปนัก

 

อย่างมึงก็ไม่ต่างจากลูกน้องห่วยๆหรอกว่ะ!” ซึงฮยอนว่าไล่หลังอึนฮยอกไปก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

ประตูรถถูกปิดลงอย่างแรงพร้อมกับเสียงปืนที่ดังก่อนที่รถตู้สีดำของโจกรุ๊ปจะขับออกไปด้วยความรวด เร็ว อึนฮยอกแสยะยิ้มกับตัวเองก่อนจะมองที่ปลายกระบอกปืนของตัวเอง ควันจากปากกระบอกปืนค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ พร้อมกับความโกลาหลที่กำลังเกิดขึ้นจากสถานที่ที่เพิ่งจากมา

 

ร่างของซึงฮยอนกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงด้วยกระสุนเพียงหนึ่งนัดที่เจาะเข้าที่หน้าอกด้านขวา เป็นที่รู้กันดีกว่าฝีมือยิงปืนของอึนฮยอกนั้นเฉียบขาดขนาดไหน และนี่ก็เป็นแค่เพียงการสั่งสอนเพราะหากต้องการเอาชีวิตจริงๆนั้น ลูกกระสุนคงเจาะเข้าที่หัวใจหรือไม่ก็กระโหลดตายคาที่ไปแล้ว

 

เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาไม่ขาดสายร่างของซึงฮยอนถูกส่งไปยังโรงพยาบาลทันทีโดยไม่มีลูกน้องคนใดสนใจที่จะตามอึนฮยอกไปซักคน เพราะคนที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอนอย่างอึนฮยอกไม่ต้องเสียแรงตามไปให้เมื่อย และการตามล่าตัวอึนฮยอกก็คงเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่เยซองคว้าน้ำเหลวในการตามถ่ายรูปคนตัวเล็กกลับมา อีทึกก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก เพราะอย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนร้ายที่โจกรุ๊ปกำลังหาตัวอยู่ และเขากำลังจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับฮยอนจิน เพื่อหาเบาะแสหรือเหตุผลของการกระทำของครอบครัวลีต่อไป

 

ว่าไงอีทึก ช่วงนี้คงวุ่นวายน่าดูเลยสินะ เมื่อฮยอนจินเห็นอีทึกเดินเข้ามาภายในห้องก็ทักออกมา ความเป็นไปทุกอย่างเกี่ยวกับโจกรุ๊ปนั้นเขารู้หมดทุกอย่าง เพียงไม่ได้ลงไปยุ่งวุ่นวายด้วยก็เท่านั้น ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ได้แก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่ถ้ามันหนักจริงๆเขาเองก็คงต้องลงมือ

 

พอตัวเลยล่ะครับ แต่วันนี้ผมมีเรื่องจะมาเรียนให้คุณทราบ อีทึกนั่งลงตามที่ฮยอนจินผายมือให้ เขาหยิบโน้ตบุ๊กตัวเก่งพร้อมกับเอกสารต่างๆมาวางไว้บนโต๊ะ หน้าจอมอนิเตอร์สว่างขึ้นก่อนที่อีทึกจะหันไปทางฮยอนจิน

 

ผมรู้แล้วล่ะครับว่าใครเป็นคนลงมือทำร้ายคนของเรา

 

รู้แล้วงั้นเหรอ ฮยอนจินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเหยียดยิ้ม หันไปมองที่หน้าจอโน้ตบุ๊กของอีทึกที่มีข้อมูลตัวหนังสือโชว์หลาอยู่ อีทึกยังคงทำงานได้ดีเหมือนเดิมจริงๆ

 

เหรียญกับมีดนี่ เป็นออร์เดอร์ที่สั่งทำโดยครอบครัวลีครับ ครอบครัวของคุณลีฮโยริ ซึ่งคนร้ายทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ เหรียญกับมีดที่สลักรูปตัว L ถูกดันไปทางฮยอนจินพร้อมกับสัญญาการสั่งทำซึ่งเป็นชื่อของลีฮโยริ

 

ครอบครัวลีงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก หยิบสัญญาที่อีทึกยื่นให้ขึ้นมาอ่านก่อนจะวางลงด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อนัก ครอบครัวลีน่ะเหรอจะทำกับเขาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมาเยี่ยมและยังดูเป็นห่วงเป็นใยกันดีแท้ๆ

 

ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกันครับ แต่หลักฐานมันฟ้อง อีกอย่าง การที่อยู่ๆครอบครัวลีก็โผล่มาหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งหลายปีคุณว่ามันไม่แปลกเหรอครับ อีทึกแย้งด้วยเหตุผลที่ทำให้ฮยอนจินต้องคิดหนัก ถึงเขาจะไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับสองครอบครัวนี้ แต่ก็พอรู้ว่าทั้งสองครอบครัวนี้ไม่ได้ติดต่อกันมานานกว่าห้าปี

 

ฮยอนจินเอนหลังพิงโซฟาอย่างใช้ความคิด เรื่องราวในอดีตผุดขึ้นมาในหัวแทบจะในทันที พร้อมกับความรู้สึกผิดที่วิ่งแล่นอยู่ภายในร่างกาย เพื่อนรักที่ต้องจากไปเพราะความใจร้อนและขี้ขลาดของเขา คงถึงเวลาที่ครอบครัวของซองวอนจะมาเอาคืนแล้วล่ะสินะ

 

ผมไม่ทราบหรอกนะครับว่าในอดีตมันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่...

 

มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าเขาจะทำกับฉันแบบนี้ อีทึกพูดได้ยังไม่ทันจบประโยคฮยอนจินก็ขัดขึ้น เขารู้ว่าอีทึกต้องการจะให้เขาเล่าทุกเรื่องที่เขารู้ให้ฟัง

 

ฮยอนจินหันไปยิ้มบางๆให้กับอีทึก อีทึกเองก็ยิ้มตอบก่อนจะนั่งเงียบเพื่อรอให้ฮยอนจินเล่าทุกๆอย่างออกมา

 

เมื่อห้าปีที่แล้วฉันทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับครอบครัวลีไว้ ฉันทำให้ซองวอนเพื่อนรักของฉันต้องตาย เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ขาดเขาไปครอบครัวลีคงลำบากไม่น้อยตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา แต่ฉันกลับหนีและไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวลีอีกเลย ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของฮยอนจินดูเศร้าขณะที่เอื้อนเอ่ยคำพูดออกมา ถึงจะผ่านมานานแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้ไปได้เลย

 

คุณเป็นคนฆ่าลีซองวอนเหรอครับ คำว่าทำให้เพื่อนรักต้องตายนั้น สร้างความสงสัยให้อีทึกอยู่พอสมควรควร ถึงมันจะดูไม่ควรถามแต่เขาก็อยากรู้ว่าลีซองวอนตายได้ยังไง

 

ไม่ใช่ฉันหรอก แต่มันก็ไม่ได้ต่างกันแม้แต่นิด แต่ก่อนฉันกับซองวอนเป็นมือปืนอันดับหนึ่งของแก๊งอาริ และวันนั้นเราถูกส่งไปทำงานด้วยกัน เพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนของฉันทำให้ซองวอนโดนตำรวจที่ตามเรามายิง แต่แทนที่เราจะได้หนีมาด้วยกันเขากลับให้ฉันหนีมาคนเดียว หลังจากนั้นฉันกลับไปหาฮโยริที่บ้านและสัญญาจะช่วยซองวอนออกมา แต่ฉันก็ทำมันไม่ได้ ใบหน้าของฮยอนจินดูเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด ภาพเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้วเหมือนถูกกรอกลับเล่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่เข้าไปอีก

 

คุณฮยอนจินครับ อีทึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ตั้งแต่ที่ทำงานให้โจกรุ๊ปเขาไม่เคยเห็นฮยอนจินเป็นแบบนี้มาก่อน

 

ฉันคิดว่าครอบครัวลีคงต้องการจะฆ่าฉัน แต่การที่เล่นจากบุคคลรอบข้างคงจะทำให้ฉันเจ็บมากกว่า ต่อไปนี้ให้จับตาดูครอบครัวลีไว้ให้ดี อย่าให้คยูฮยอนเข้าใกล้ซองมินอีกเป็นอันขาด จากใบหน้าเหม่อลอยแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดขึ้น ถึงเขาจะรู้สึกผิดกับครอบครัวลี แต่เขาก็ไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอะไรไปเด็ดขาด ช่วงนี้ที่ซองมินติดต่อกับคยูฮยอนบ่อยๆ ครอบครัวลีคงคิดจะทำอะไรซักอย่างอยู่แน่ๆ

 

ครับ อีทึกรับคำ ที่จริงแล้วเขาอยากจะถามบางอย่างเพิ่มเติมอีก แต่การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเพื่อนรักแบบนี้คงทำให้ฮยอนจินลำบากใจมากพอแล้ว ตอนนี้เขาคงทำได้แค่จับตาดูครอบครัวลีและคุ้มกันคยูฮยอนเท่านั้น แต่ถ้าหากครอบครัวลีลงมืออีกครั้งล่ะ เขาจะทำยังไง จะยอมอยู่เฉยๆให้ถูกแก้แค้นอย่างนั้นเหรอ


-------------------------------------------------



kr...Talk
ไรเตอร์กลับมาแล้วจ้า
มารอบนี้ขออัพ2ตอนเลยแล้วกัน
เพื่อนๆจะได้อ่านต่อกันโดยไม่ติดขัด
คลิกตอนต่อไปเลยจ้า แต่อย่าลืมเม้นตอนนี้นะ


ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×