ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter11 : ถูกจับได้
Chapter 11 : ถูกจับได้
ในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการพูดคุยนั้น เสียงโทรศัพท์ของซองมินก็ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาทำให้เจ้าตัวสำนึกได้ว่าจริงๆแล้วตนมาที่นี่เพราะเหตุผลอะไรกันแน่
“พี่ต้องไปแล้วล่ะ พอดีเพื่อนที่คณะโทรตามแล้ว” ซองมินหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเมื่อเห็นเป็นชื่อของเรียวอุกก็ทำการโกหกคำโตออกไปอีกครั้ง
“ครับ เดินทางกลับดีๆนะครับ” คยูฮยอนพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะยิ้มให้
“นายเองก็ระวังตัวด้วยนะ พี่ไปก่อน แล้วจะโทรหานะ” พูดจบซองมินก็รีบเดินออกมาทันที เมื่อพ้นระยะการได้ยินของคยูฮยอนแล้วจึงกดรับโทรศัพท์และตรงไปหาเรียวอุกทันที
ฝ่ายเยซองที่ยังคงลังเลว่าจะเลือกทางใดดีก็ตัดสินใจมุ่งตรงไปหาคยูฮยอนที่เขาคอยจับตาดูอยู่ห่างๆ เพราะยังไงซะตอนนี้เจ้านายก็คงสำคัญกว่า ส่วนเรียวอุกนั้นก็เดินห่างออกไปเรื่อยๆ เอาไว้คราวหลังเขามาตามถ่ายรูปเด็กคนนี้ใหม่ก็คงไม่สายเกินไป
แต่ในระหว่างที่เดินเข้าใกล้คยูฮยอนเรื่อยๆ เยซองกลับเห็นซองมินตีตัวออกมาจากคยูฮยอนซะดื้อๆ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้คยูฮยอนยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางนักศึกษาคยองฮีที่เริ่มออกมาเดินขวักไขว่กันมากขึ้น โดยมีการ์ดคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ห่างๆ และถ้าจะให้เขาหวนกลับไปหาเรียวอุกก็คงไม่ทันการซะแล้ว เด็กคนนั้นคงเดินหายไปกับฝูงชนที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนยากต่อการเดินตามหา
ในเมื่อเลือกมาทางนี้แล้ว เยซองจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาคยูฮยอนด้วยอารมณ์ที่ออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดไปของตัวเอง ถ้าเขารู้ว่าซองมินจะเดินจากไปเองแบบนี้คงเลือกที่จะตามเรียวอุกไปแล้ว
“คุณคยูฮยอนปลอดภัยดีนะครับ” เมื่อเดินมาถึงตัวเยซองก็ออกปากถามทันที เพราะความไกลของระยะทางทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าซองมินกับคยูฮยอนคุยอะไรกัน
“พี่เยซอง! มาทำอะไรที่นี่ครับ!” คยูฮยอนที่เห็นเยซองมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าถามออกมาด้วยความแปลกใจ ไม่ได้สนใจคำถามที่อีกฝ่ายถามมาเท่าไหร่นัก เพราะเวลานี้เยซองควรจะอยู่ที่บ่อนไม่ใช่ที่นี่
“มาดูแลความปลอดภัยให้คุณคยูฮยอนนั่นแหละครับ”
“อย่าบอกนะว่าพี่อีทึกส่งพี่มาอีกคน” ถามออกมาอย่างรู้ทัน จะเป็นใครได้อีกนอกจากอีทึก เพราะการ์ดที่คอยมาดูและความปลอดภัยให้เขาอีทึกก็เป็นคนจัดการทั้งนั้น แต่เล่นส่งเยซองมาแบบนี้ รู้สึกว่ามันจะไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ เพราะเยซองเองก็มีหน้าที่ที่ต้องจัดการอยู่แล้ว ให้มาดูแลเขาแบบนี้เหมือนเป็นการเพิ่มภาระที่ไม่จำเป็นให้ซะมากกว่า
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ที่จริงผมแค่จะมาเตือนคุณคยูฮยอนเท่านั้น พี่อีทึกสั่งคุณห้ามเข้าใกล้ลีซองมินอีกนับตั้งแต่นี้ไป” เยซองบอกออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้รู้เหตุผลหรือเรื่องราวอะไรมากนัก แต่ทำตามที่อีทึกสั่งไว้จะดีกว่า
“ทำไมพี่อีทึกถึงสั่งแบบนั้นล่ะครับ มีเหตุผลอะไร” คยูฮยอนถามออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ผมเองก็ไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัดนักหรอกครับ แต่ทำตามไว้ก่อนจะเป็นการดีกว่า พี่อีทึกเขาเป็นห่วงคุณคยูฮยอนมากนะครับ”
“ครับ” เงียบไปซักพักคยูฮยอนจึงรับคำออกไปอย่างนั้นเอง แต่ในหัวสมองกลับมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาแต่ก็เลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ก่อน เพราะถามเยซองออกไปตอนนี้ก็คงจะตอบอะไรเขามากไม่ได้ คนเดียวที่รู้คงจะมีแค่อีทึกเท่านั้น
สีหน้าของคยูฮยอนดูเครียดขึ้นทันทีเมื่อฟังเยซองพูดจบ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คงเป็นเรื่องที่ยากพอดูที่คยูฮยอนจะทำตามคำสั่งของอีทึกโดยไม่มีเหตุผลอะไรที่ฟังแล้วสมควร คนที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยแบบนั้น ทำไมอีทึกถึงสั่งห้ามเข้าใกล้ได้
“มากับพี่เดี๋ยวนี้เรียวอุก” เมื่อซองมินเดินมาถึงตัวก็ทำการลากเรียวอุกที่กำลังยืนรอเขาอยู่ไปยังรถที่จอดไว้ทันที ทำเอาคนโดนลากมีสีหน้าตกใจไม่น้อย
“อะไรกันครับเนี่ยพี่ซองมิน” เรียวอุกถามออกมาหน้าตาตื่น ตอนเขาเรียนอยู่นั้นมีสายเรียกเข้าจากซองมินเกือบสิบสาย พอเลิกเรียนเลยโทรกลับทันทีจากนั้นซองมินบอกว่าจะมาหา เขาจึงมายืนรออยู่ที่นี่ โดยยังไม่ทราบถึงสาเหตุการมาของซองมินเลยซักนิด
“เข้าไปในรถ” ซองมินเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้เรียวอุกพร้อมกับออกคำสั่ง คนตัวเล็กเลยต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะดูท่าแล้วตอนนี้ซองมินคงมีอารมณ์โกรธอยู่ไม่มากก็น้อย
หลังจากเรียวอุกเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยซองมินก็เดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ ก่อนจะตีหน้าเข้มหันไปมองเรียวอุกที่ยังคงมีสีหน้าตื่นๆปนสงสัยที่เขามาหาถึงที่มหาวิทยาลัยแบบนี้
“มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังมั้ย” เพียงแค่คำถามเดียวเท่านั้นเรียวอุกก็ถึงบางอ้อทันที จากสีหน้าแปลกใจแปรเปลี่ยนเป็นหนักใจในทันที ฮีชอลต้องเป็นคนบอกซองมินให้มาจัดการกับเขาแน่ๆ
“เอ่อ...คือ...” เรียวอุกมีท่าทางอึกอักในการตอบคำถาม ขืนเขาเล่าออกไปก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างโทษฐานที่ขัดคำสั่ง แต่ถ้าไม่เล่าสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ต่างกันอยู่ดีหรืออาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ
“จะเล่าให้พี่ฟังดีๆ หรือต้องให้พี่ฮีชอลเป็นคนจัดการ”
“ไม่เอานะครับ!” ดั่งคำประกาศิตเมื่อซองมินเอ่ยชื่อพี่ชายของตนเองออกมา เรียวอุกร้องปฏิเสธออกมาเสียงดังก่อนจะนั่งก้มหน้านิ่งเหมือนคนที่กำลังสำนึกผิด
“เล่ามา” ซองมินสั่งเสียงเข้ม เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรียวอุกจะดื้อด้านกับเขาแบบนี้ ความหวังดีความเป็นห่วงของเขาเด็กคนนี้ไม่เคยนึกถึงมันเลยหรือไงกัน
จบคำสั่งแต่เรียวอุกก็ยังคงนั่งก้มหน้านิ่ง ซองมินเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาแรงๆ
“แอบไปเจอมันมากี่ครั้งแล้ว” สงสัยว่าคำว่า เล่ามา ของเขามันจะกว้างไป ซองมินเลยเปลี่ยนคำถามใหม่ คราวนี้เรียวอุกเงยหน้าขึ้นก่อนจะตอบ
“สองครั้งครับ”
“ติดต่อกันยังไง”
“โทรศัพท์ครับ”
“โทรศัพท์!” ซองมินทวนคำตอบของเรียวอุกออกมาเสียงดัง
“ครับ” เรียวอุกตอบเสียงเบาพลางก้มหน้าลงอีกครั้ง
“นายไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะตามรอยนายจากเบอร์โทรศัพท์!” เป็นครั้งที่สองที่ซองมินเสียงดังใส่เรียวอุกด้วยความโมโห
“เขาไม่ได้สงสัยในตัวผมแล้วจะมาตามรอยเบอร์ผมทำไมล่ะครับ ที่สำคัญผมรอบครอบพอที่จะไม่ให้มันแกะรอยเบอร์ผมได้” เรียวอุกยังคงตอบด้วยเสียงอันเบาหวิวเช่นเดิม เวลาคนบ้านนี้โกรธเขาล่ะไม่อยากจะคุยด้วยจริงๆ
“ใช่สิ แกะรอยเบอร์นายไม่ได้ เลยตามรอยนายแทนไง รู้อะไรมั้ยเรียวอุก ตอนนี้เยซองกำลังตามนายอยู่ พี่ฮีชอลเห็นมันเดินตามนายตั้งแต่ออกมาจากร้านอาหาร และก็ไม่รู้ว่ามันตามนายมาถึงที่นี่หรือเปล่า” ซองมินร่ายยาวออกมาด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสูง ที่เขาต้องลากเรียวอุกเข้ามาคุยกันในรถแบบนี้เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เยซองมันจะจับตาดูอยู่หรือเปล่า และที่ทำไปทั้งหมดนั้นก็เพราะความเป็นห่วง
“พี่เค้าตามผมมางั้นเหรอ” เรียวอุกถามกลับเสียงเบา
“นี่สนิทถึงขั้นเรียกมันว่าพี่เลยเหรอ” ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าไม่พอใจ คำพูดที่ดูสนิทสนมแบบนั้น ความสัมพันธ์คงอาจจะไม่ใช่แค่คนรู้จักกันแล้วล่ะมั้งเรียวอุก
เรียวอุกเงียบไปทันทีเมื่อเจอซองมินสวนกลับมาแบบนี้ เขาไม่อยากจะเถียงอะไรออกไปอีกเพราะมันจะทำให้บรรยากาศแย่ลงเปล่าๆ ยังไงซะตอนนี้ซองมินกำลังโกรธอยู่คงไม่ฟังอะไรเขาง่ายๆแน่
“กลับไปเคลียร์กันที่บ้านน่าจะดีกว่านะ” พูดจบซองมินก็ออกรถทันที ถึงแม้ว่าวันนี้เรียวอุกจะมีเรียนคาบบ่ายต่อแต่เขาก็ไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้นแล้วตอนนี้ เยซองก็ไม่รู้ว่าจะยังตามเรียวอุกอยู่หรือเปล่า กันไว้ก่อนแก้น่าจะดีกว่า
ระหว่างการเดินทางนั้นภายในรถเงียบกริบไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาซักคำจนกระทั่งถึงบ้าน ซองมินลงจากรถไปก่อนจะเดินเข้าบ้านทันที เรียวอุกจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตามเข้าไป และก็เหมือนจะเป็นไปตามคาด ตอนนี้ฮีชอลนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่ซองมินจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เรียวอุกจึงได้แต่ถอนหายใจแรงๆอีกรอบแล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ชายทั้งสอง
“ว่าไงเรียวอุก วันนี้โดดเรียนทั้งเช้าทั้งบ่ายเลยนะ” ฮีชอลพูดแล้วแสยะยิ้มซึ่งมันดูน่ากลัวและสยดสยองมากสำหรับเรียวอุก มาถึงก็โดนเสียดสีซะแล้ว
เรียวอุกได้แต่ก้มหน้านิ่ง ตอนนี้เขาไม่กล้าจะทำอะไรทั้งนั้นแม้แต่ขยับตัวไปไหนหรือตอบคำถามของฮีชอล เขาว่ามันยากกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือการสอบไฟนอลซะอีก
“ผมไม่เห็นเยซองที่มหาลัยเลยครับพี่ฮีชอล” ซองมินบอกสีหน้าเครียด
“ก็แน่ล่ะ ใครมันจะโผล่ออกมาให้เห็นล่ะจริงมั้ย เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกมันจะรู้อะไรไปถึงไหนแล้ว” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จริงๆแล้วเรื่องนี้เขาแทบไม่รู้รายละเอียดอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ดูจากสถานการณ์ก็พอจะเดาออกได้ลางๆ
มาถึงประโยคนี้ทั้งซองมินกับเรียวอุกก็พากันเงียบไป เพราะเรื่องนี้ซองมินจะโทษเรียวอุกฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เขาเองก็มีส่วนผิดด้วยเต็มๆ ทั้งเรื่องที่ดูแลเรียวอุกไม่ดีจนแอบไปติดต่อกับเยซอง และเรื่องที่ไม่ระวังตัวจนอาจทำให้เยซองเกิดความสงสัยในตัวของมุนอา
“มีใครจะเล่าเรื่องให้พี่ฟังได้มั้ย” ฮีชอลถามออกมาอย่างใจเย็น เขาไม่อยากตวาดน้องๆ เพราะมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา สู้มาหาวิธีแก้ไขจะดีกว่า
แล้วซองมินก็เริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฮีชอลฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่ที่เรียวอุกเจอกับเยซองครั้งแรกที่ซุปเปอร์มาเกต ชื่อปลอมที่ถูกตั้งขึ้น จำนวนครั้งที่นัดเจอกัน และเหตุการณ์ที่ซองมินไปเจอกับเยซองที่บ่อน จนกระทั่งถึงเหตุการณ์วันนี้ที่มหาวิทยาลัย
“ปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้โดยไม่บอกพี่ได้ยังไง” ฮีชอลถามเสียงนิ่งเรียบเมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ สายตาดุๆนั้นทำเอาเรียวอุกต้องก้มหน้านิ่ง ส่วนซองมินนั้นก็ต้องหลบตาเช่นกัน
“พี่จะไม่ว่าอะไรนายสองคนหรอกนะ พลาดแล้วก็ปล่อยมันไป นายก็เป็นแค่คนธรรมดาย่อมมีเรื่องที่ทำผิดพลาดกันได้ ที่สำคัญพวกนายยังเด็กพี่จะไม่ถือโทษอะไร แต่ต่อจากนี้ไป เรียวอุก นายต้องอยู่ในการดูแลของพี่ อย่าให้พี่รู้ว่านายแอบทำอะไรลับหลังพี่อีก เพราะพี่จะไม่ใจดีเหมือนครั้งนี้แน่” ตักเตือนในประโยคแรกๆเพื่อให้น้องได้รู้สึกสำนึกและจะไม่กลับไปทำผิดพลาดอีก ส่วนประโยคหลังนั้นทำเอาเรียวอุกเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ อยู่ในการดูแลของฮีชอล มันก็ไม่ต่างจากการกักบริเวณ
“ครับ” เรียวอุกรับคำเบาๆโดยที่ยังก้มหน้าอยู่ คำพูดของฮีชอลทำให้เขานึกถึงตอนที่เขาแอบไปบอกเรื่องคดีกับฮันคยอง ถ้าฮีชอลรู้ขึ้นมาล่ะก็ เขาต้องไม่โชคดีอย่างตอนนี้แน่ เพราะรู้กันดีอยู่ว่าฮีชอลไม่อยากให้ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“ส่วนซองมิน ต่อไปนี้นายต้องระวังตัวให้มากๆ ถ้าเกิดพวกโจกรุ๊ปมันรู้เรื่องแล้วจริงๆ ต่อไปนี้เราคงอยู่กันไม่เป็นสุขแน่” เตือนน้องคนเล็กเสร็จก็หันมาเตือนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ซองมินพยักหน้ารับเบาๆ ต่อไปนี้เขาคงต้องจับตาดูพวกโจกรุ๊ปให้มากขึ้น จะว่าทุกความเคลื่อนไหวเลยก็ได้ จากนี้เขาคงจะทำแบบหมาลอบกัดไม่ได้อีกแล้ว คงจะกลายเป็นตาต่อฟันต่อฟันแทน
คิบอมที่ถูกทิ้งให้อยู่มหาวิทยาลัยต่อคนเดียว หลังเลิกเรียนก็รีบต่อสายหาซองมินทันทีและได้คำตอบว่าตอนนี้กลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ซองมินอาสาจะขับรถออกมารับเพราะเป็นคนเอารถคิบอมมาแต่ก็โดนปฏิเสธไป เพราะตอนนี้คิบอมมีจุดมุ่งหมายใหม่แล้วว่าเขาจะไปที่ไหนต่อ
ช่วงขายาวก้าวฉับๆไปยังหน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่คิบอมจะทำการโบกรถแท็กซี่เพื่อไปยังจุดหมาย แน่นอนว่าเขาต้องไปถึงก่อนที่เป้าหมายของเขาจะมา แผนการได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาเรียบร้อยแล้วตอนนี้ รอก่อนนะลีทงแฮ
ใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงที่หมายคอนโดสูงกว่ายี่สิบชั้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้ว ตอนนี้เวลาห้าโมงเย็น วันนี้อึนฮยอกถูกส่งไปทำงานที่อื่น และเป็นไปได้ว่าทงแฮอาจจะกลับที่พักเร็วกว่าปกติ เพราะหน้าที่ของทงแฮตอนนี้คือเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยของบริษัทเท่านั้น และนี่ก็เป็นเวลาเลิกงานปกติของพนักงานในบริษัทโจกรุ๊ป
คิบอมเดินเข้าไปรอที่ด้านในของคอนโด เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงบุคคลที่รอคอยก็มาถึง ทงแฮที่เพิ่งเอารถไปจอดเดินกลับมาเตรียมจะขึ้นห้องเห็นคิบอมที่นั่งรออยู่ก็ร้องทักออกมาทันmu
“คิบอม มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“ก็มารอคุณนั่นแหละครับทงแฮ ผมกะว่าจะชวนคุณไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกันน่ะ” ลุกขึ้นเดินตรงมาหาทงแฮ พูดจบก็ยิ้มกว้างออกมาทันที
“ตอนนี้เลยเหรอครับ”
“ใช่ครับ หรือว่าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ” ได้ยินทงแฮถามกลับมาคิบอมก็ตอบกลับทันที พร้อมกับสีหน้าที่ดูผิดหวังน้อยๆ เมื่อมีแนวโน้มว่าจะโดนปฏิเสธเอา
“เอ่อ...ไม่ใช่ไม่ว่างหรอกครับ” ทงแฮดูอึกอักในการตัดสินใจตอบคำถามพอดู ไม่ใช่ว่าเขาไม่ว่าง แต่ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เขาจะได้พักแล้วหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน เพราะเหตุการณ์ลอบทำร้ายคนของโจกรุ๊ปตลอดหลายวันมานี้ทำให้เขาแทบไม่ได้พักเลย แต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธคิบอมออกไปตรงๆ เพราะอุตส่าห์มาชวนไปด้วยกันถึงที่แบบนี้
“งั้นไปด้วยกันเถอะนะครับ เราไม่ได้ไปเยี่ยมเด็กๆนานแล้ว คุณไม่คิดถึงพวกเค้าบ้างเหรอครับ” คิบอมยกเอาเด็กขึ้นมาอ้าง ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะได้ผล ทงแฮถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะตอบ
“ครับ ก็ได้” ตอบก่อนจะยิ้มบางๆออกมา มีเวลาอีกทั้งคืนให้เขาได้พักผ่อน นานๆทีกลับไปเยี่ยมเด็กๆที่นั่นบ้างมันก็คงดีเหมือนกัน
“แต่ผมไม่ได้เอารถมานะครับ”
“ครับ ไม่เป็นไร ไปรถผมก็ได้”
เมื่อตกลงกันได้ทงแฮก็เดินนำคิบอมไปยังลานจอดรถของคอนโด โดยที่ทั้งสองไปยังห้างสรรพสินค้ากันก่อนเพื่อซื้อของไปเลี้ยงเด็กๆเหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยไป
ทงแฮเดินหยิบนู้นหยิบนี้ทั้งของกินของใช้ต่างๆนานาไปเรื่อยโดยมีคิบอมเป็นคนช่วยเข็นรถเข็นให้
“ดูคุณมีความสุขมากเลยนะครับ” ในขณะที่ทงแฮกำลังเลือกน้ำอยู่นั้นคิบอมก็พูดขึ้น ใบหน้ากับรอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นดูออกได้อย่างชัดเจนว่าคนๆนั้นกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำเป็นอย่างมาก เป็นใครมองก็คงไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้แท้จริงแล้วจะเป็นมือปืน เป็นเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
“ครับ พอนึกถึงเด็กๆ แล้วผมก็มักจะกลับมานึกถึงตัวเองเสมอ ถึงชีวิตผมมันจะไม่ได้สุขสบายเลยก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่เพื่อนร่วมชะตากรรมกับผมอย่างเด็กๆพวกนั้น มีความเป็นอยู่ที่ดีไม่ต้องลำบากอย่างผม” พูดไปก็ยิ้มไป พร้อมกับหยิบของที่เลือกเสร็จใส่ในรถเข็น และเตรียมออกเดินไปยังแผนกอื่นๆ
“ทงแฮครับ” เสียงเรียกจากคนด้านหลังทำให้ทงแฮชะงักเท้าไว้ทันทีก่อนจะหันหลังกลับมามอง
คิบอมเผยยิ้มออกมา มือละจากรถเข็นที่จับไว้เดินเข้ามาหาทงแฮอย่างช้าๆ น้ำเสียงนุ่มนวลที่ไม่เคยพูดหรือบอกกับใครมาก่อนเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาจากริมฝีปากหยักได้รูป
“ผมชอบทงแฮนะครับ คบกับผมได้มั้ย”
“สามงวดบวกดอกเบี้ยอีกก็สามสิบสองล้านวอน เมื่อไหร่จะจ่าย หรือต้องให้ลูกกระสุนเจาะสมองมึงซะก่อน” ท่าทางนิ่งเรียบเย็นชาบวกน้ำเสียงที่ฟังดูเอาเรื่องนั้นทำเอาชายหนุ่มที่ดูภูมิฐานต้องแสยะยิ้มออกมา
อึนฮยอกยืนมองหน้าลูกหนี้ที่ทีหนีหนี้ที่ติดไว้มานับครั้งไม่ถ้วน ให้ลูกน้องคนอื่นมาตามทวงไม่ยอมจ่ายจนฮยอนจินต้องส่งเขามาแทน ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นเขาคงจะพูดจาสุภาพด้วย แต่สำหรับคนอย่างมันคงไม่จำเป็น
“อะไรกัน นายเป็นคนใจร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่กันอึนฮยอก แต่สงสัยกูจะกลายเป็นคนสำคัญไปซะแล้วสินะฮยอนจินถึงได้ส่งมึงมานี่!” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นดูไม่จริงจังเลยซักนิด อย่างกับว่านี่เป็นแค่เรื่องเล่นๆเท่านั้น ซึงฮยอนหยิบซิกก้าขึ้นมาสูบก่อนจะพ่นควันใส่หน้าของอึนฮยอกให้อีกฝ่ายอารมณ์เดือดขึ้นมาเล่นๆ
“มึงอย่ามาลีลากับกูถ้ายังไม่อยากตายห่าไปซะก่อน!” อึนฮยอกว่าด้วยอารมณ์ที่เริ่มเดือดดาล กระบอกปืนถูกชักออกมาปัดซิกก้าที่อยู่ในมือซึงฮยอนทิ้ง ก่อนจะจ่อไปที่กลางหน้าผากของอีกฝ่าย
ลูกน้องที่ยืนลายล้อมอยู่นั้นต่างพากันชักปืนออกมาเป็นแถบๆ ไม่ว่าจะทางฝ่ายซึงฮยอนหรืออึนฮยอก เพราะถ้าเมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายเริ่ม สงครามย่อมๆคงได้เกิดขึ้นแน่ ทางฝั่งซึงฮยอนนั้นเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในแถบนี้อยู่พอสมควรและเป็นพวกพ้องที่รักกันมากทีเดียว และยิ่งถ้าเกิดหัวหน้าอย่างซึงฮยอนเป็นอะไรไป คนที่ทำมันคงไม่ได้ตายดีแน่
“แล้วมึงคิดว่าถ้ากูตายมึงจะรอดไปได้เหรอ อย่ามาอวดดีในถิ่นกู! ส่วนเรื่องเงินกูจะใช้คืนเมื่อกูพอใจ” พูดจบก็ยิ้มออกมาได้ยียวนกวนอารมณ์อย่างที่สุด
อึนฮยอกได้แต่กัดฟันกรอดด้วยอารมณ์โกรธที่เริ่มจะพุ่งพล่าน ถ้าเป็นคนอื่นมาทำแบบนี้ใส่เขาคงเอาลูกตะกั่วฝั่งสมองมันไปแล้ว แต่สำหรับไอ้หมอนี่เขาไม่ควรจะเสี่ยง ที่สำคัญตอนนี้เขาเหยียบถิ่นของมันอยู่
“กลับ!” ปืนที่ถูกชักออกมาตอนแรกถูกเก็บเข้าที่เดิม อึนฮยอกออกคำสั่งก่อนจะเดินนำลูกน้องราวสี่ห้าคนออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านนอกไม่ไกลออกไปนัก
“อย่างมึงก็ไม่ต่างจากลูกน้องห่วยๆหรอกว่ะ!” ซึงฮยอนว่าไล่หลังอึนฮยอกไปก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
ประตูรถถูกปิดลงอย่างแรงพร้อมกับเสียงปืนที่ดังก่อนที่รถตู้สีดำของโจกรุ๊ปจะขับออกไปด้วยความรวด เร็ว อึนฮยอกแสยะยิ้มกับตัวเองก่อนจะมองที่ปลายกระบอกปืนของตัวเอง ควันจากปากกระบอกปืนค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ พร้อมกับความโกลาหลที่กำลังเกิดขึ้นจากสถานที่ที่เพิ่งจากมา
ร่างของซึงฮยอนกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงด้วยกระสุนเพียงหนึ่งนัดที่เจาะเข้าที่หน้าอกด้านขวา เป็นที่รู้กันดีกว่าฝีมือยิงปืนของอึนฮยอกนั้นเฉียบขาดขนาดไหน และนี่ก็เป็นแค่เพียงการสั่งสอนเพราะหากต้องการเอาชีวิตจริงๆนั้น ลูกกระสุนคงเจาะเข้าที่หัวใจหรือไม่ก็กระโหลดตายคาที่ไปแล้ว
เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาไม่ขาดสายร่างของซึงฮยอนถูกส่งไปยังโรงพยาบาลทันทีโดยไม่มีลูกน้องคนใดสนใจที่จะตามอึนฮยอกไปซักคน เพราะคนที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอนอย่างอึนฮยอกไม่ต้องเสียแรงตามไปให้เมื่อย และการตามล่าตัวอึนฮยอกก็คงเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
หลังจากที่เยซองคว้าน้ำเหลวในการตามถ่ายรูปคนตัวเล็กกลับมา อีทึกก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก เพราะอย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนร้ายที่โจกรุ๊ปกำลังหาตัวอยู่ และเขากำลังจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับฮยอนจิน เพื่อหาเบาะแสหรือเหตุผลของการกระทำของครอบครัวลีต่อไป
“ว่าไงอีทึก ช่วงนี้คงวุ่นวายน่าดูเลยสินะ” เมื่อฮยอนจินเห็นอีทึกเดินเข้ามาภายในห้องก็ทักออกมา ความเป็นไปทุกอย่างเกี่ยวกับโจกรุ๊ปนั้นเขารู้หมดทุกอย่าง เพียงไม่ได้ลงไปยุ่งวุ่นวายด้วยก็เท่านั้น ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ได้แก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่ถ้ามันหนักจริงๆเขาเองก็คงต้องลงมือ
“พอตัวเลยล่ะครับ แต่วันนี้ผมมีเรื่องจะมาเรียนให้คุณทราบ” อีทึกนั่งลงตามที่ฮยอนจินผายมือให้ เขาหยิบโน้ตบุ๊กตัวเก่งพร้อมกับเอกสารต่างๆมาวางไว้บนโต๊ะ หน้าจอมอนิเตอร์สว่างขึ้นก่อนที่อีทึกจะหันไปทางฮยอนจิน
“ผมรู้แล้วล่ะครับว่าใครเป็นคนลงมือทำร้ายคนของเรา”
“รู้แล้วงั้นเหรอ” ฮยอนจินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเหยียดยิ้ม หันไปมองที่หน้าจอโน้ตบุ๊กของอีทึกที่มีข้อมูลตัวหนังสือโชว์หลาอยู่ อีทึกยังคงทำงานได้ดีเหมือนเดิมจริงๆ
“เหรียญกับมีดนี่ เป็นออร์เดอร์ที่สั่งทำโดยครอบครัวลีครับ ครอบครัวของคุณลีฮโยริ ซึ่งคนร้ายทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ” เหรียญกับมีดที่สลักรูปตัว L ถูกดันไปทางฮยอนจินพร้อมกับสัญญาการสั่งทำซึ่งเป็นชื่อของลีฮโยริ
“ครอบครัวลีงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก” หยิบสัญญาที่อีทึกยื่นให้ขึ้นมาอ่านก่อนจะวางลงด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อนัก ครอบครัวลีน่ะเหรอจะทำกับเขาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมาเยี่ยมและยังดูเป็นห่วงเป็นใยกันดีแท้ๆ
“ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกันครับ แต่หลักฐานมันฟ้อง อีกอย่าง การที่อยู่ๆครอบครัวลีก็โผล่มาหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งหลายปีคุณว่ามันไม่แปลกเหรอครับ” อีทึกแย้งด้วยเหตุผลที่ทำให้ฮยอนจินต้องคิดหนัก ถึงเขาจะไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับสองครอบครัวนี้ แต่ก็พอรู้ว่าทั้งสองครอบครัวนี้ไม่ได้ติดต่อกันมานานกว่าห้าปี
ฮยอนจินเอนหลังพิงโซฟาอย่างใช้ความคิด เรื่องราวในอดีตผุดขึ้นมาในหัวแทบจะในทันที พร้อมกับความรู้สึกผิดที่วิ่งแล่นอยู่ภายในร่างกาย เพื่อนรักที่ต้องจากไปเพราะความใจร้อนและขี้ขลาดของเขา คงถึงเวลาที่ครอบครัวของซองวอนจะมาเอาคืนแล้วล่ะสินะ
“ผมไม่ทราบหรอกนะครับว่าในอดีตมันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่...”
“มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าเขาจะทำกับฉันแบบนี้” อีทึกพูดได้ยังไม่ทันจบประโยคฮยอนจินก็ขัดขึ้น เขารู้ว่าอีทึกต้องการจะให้เขาเล่าทุกเรื่องที่เขารู้ให้ฟัง
ฮยอนจินหันไปยิ้มบางๆให้กับอีทึก อีทึกเองก็ยิ้มตอบก่อนจะนั่งเงียบเพื่อรอให้ฮยอนจินเล่าทุกๆอย่างออกมา
“เมื่อห้าปีที่แล้วฉันทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับครอบครัวลีไว้ ฉันทำให้ซองวอนเพื่อนรักของฉันต้องตาย เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ขาดเขาไปครอบครัวลีคงลำบากไม่น้อยตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา แต่ฉันกลับหนีและไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวลีอีกเลย ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆเลยแม้แต่น้อย” สีหน้าของฮยอนจินดูเศร้าขณะที่เอื้อนเอ่ยคำพูดออกมา ถึงจะผ่านมานานแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้ไปได้เลย
“คุณเป็นคนฆ่าลีซองวอนเหรอครับ” คำว่าทำให้เพื่อนรักต้องตายนั้น สร้างความสงสัยให้อีทึกอยู่พอสมควรควร ถึงมันจะดูไม่ควรถามแต่เขาก็อยากรู้ว่าลีซองวอนตายได้ยังไง
“ไม่ใช่ฉันหรอก แต่มันก็ไม่ได้ต่างกันแม้แต่นิด แต่ก่อนฉันกับซองวอนเป็นมือปืนอันดับหนึ่งของแก๊งอาริ และวันนั้นเราถูกส่งไปทำงานด้วยกัน เพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนของฉันทำให้ซองวอนโดนตำรวจที่ตามเรามายิง แต่แทนที่เราจะได้หนีมาด้วยกันเขากลับให้ฉันหนีมาคนเดียว หลังจากนั้นฉันกลับไปหาฮโยริที่บ้านและสัญญาจะช่วยซองวอนออกมา แต่ฉันก็ทำมันไม่ได้” ใบหน้าของฮยอนจินดูเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด ภาพเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้วเหมือนถูกกรอกลับเล่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่เข้าไปอีก
“คุณฮยอนจินครับ” อีทึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ตั้งแต่ที่ทำงานให้โจกรุ๊ปเขาไม่เคยเห็นฮยอนจินเป็นแบบนี้มาก่อน
“ฉันคิดว่าครอบครัวลีคงต้องการจะฆ่าฉัน แต่การที่เล่นจากบุคคลรอบข้างคงจะทำให้ฉันเจ็บมากกว่า ต่อไปนี้ให้จับตาดูครอบครัวลีไว้ให้ดี อย่าให้คยูฮยอนเข้าใกล้ซองมินอีกเป็นอันขาด” จากใบหน้าเหม่อลอยแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดขึ้น ถึงเขาจะรู้สึกผิดกับครอบครัวลี แต่เขาก็ไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอะไรไปเด็ดขาด ช่วงนี้ที่ซองมินติดต่อกับคยูฮยอนบ่อยๆ ครอบครัวลีคงคิดจะทำอะไรซักอย่างอยู่แน่ๆ
“ครับ” อีทึกรับคำ ที่จริงแล้วเขาอยากจะถามบางอย่างเพิ่มเติมอีก แต่การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเพื่อนรักแบบนี้คงทำให้ฮยอนจินลำบากใจมากพอแล้ว ตอนนี้เขาคงทำได้แค่จับตาดูครอบครัวลีและคุ้มกันคยูฮยอนเท่านั้น แต่ถ้าหากครอบครัวลีลงมืออีกครั้งล่ะ เขาจะทำยังไง จะยอมอยู่เฉยๆให้ถูกแก้แค้นอย่างนั้นเหรอ
-------------------------------------------------
kr...Talk
ไรเตอร์กลับมาแล้วจ้า
มารอบนี้ขออัพ2ตอนเลยแล้วกัน
เพื่อนๆจะได้อ่านต่อกันโดยไม่ติดขัด
คลิกตอนต่อไปเลยจ้า แต่อย่าลืมเม้นตอนนี้นะ
ความคิดเห็น