ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ใจแลกใจ
บทที่ 12 ใจแลกใจ
“มะ-ไม่มีทาง... ที่ฉันจะเป็นกษัตริย์ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ซิลเวียกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ไม่จริงหรอกครับ... ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ ตราบใดที่ท่านยังคงเชื่อมั่นในสิ่งนั้น”
ฉันจึงตอบกลับไปเพื่อให้กำลังใจตามประสา...
‘อา... ขอให้ตรงกับที่เราคิดทีเถอะ’
โดยที่ภายในใจของฉันกลับแฝงไปด้วยความวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา...
แรกเริ่มเดิมทีข้อมูลและเบาะแสโดยละเอียดล้วนได้รับมาจากบุคคลนึงอีกที และจนถึงตอนนี้อุปลักษณ์นิสัย สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบของซิลเวียก็ยังคงเป็นปริศนา
ฉันใช้เวลาในการจิตภาพและมโนเสียส่วนใหญ่เกี่ยวกับตัวเธอ... แต่มันก็เป็นแค่หลักฐานที่ยังไม่ถูกยืนยัน ฉันจึงคิดวิธีลองเชิงหลายรูปแบบขึ้นมา
ขั้นแรกคือสุนทรพจน์ที่ฉันกล่าวไปช่วงพิธีเปิดงาน... โลกแห่งความสวยหรูและการสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่กำลังท้อแท้กับครอบครัวป่วยๆ ของตนเอง มันอาจจะถูกใจเธอที่เป็นนักบุญอยู่ก็ได้
แต่ก็อย่างที่เห็นตอนนี้... เธอไม่กล่าวถึงสุนทรพจน์หรือมีท่าทีเปิดใจเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นอาจทำคิดได้อีกสองกรณี
กรณีแรก... เธอบอยคอตฉันไปแล้วและหลีกเลี่ยงจะไม่เข้าร่วม เพราะมีทัศนคติที่ไม่ตรงกัน... ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จริงบุคลิกของเธอก็ไม่เหมาะกับการร่วมงานของฉันแต่แรก
อีกกรณีหนึ่งคือเธอกำลังลองเชิง และพยายามให้ฉันเผยไต๋อะไรสักอย่างอยู่... ซึ่งนำมาสู่การหยั่งเชิงครั้งที่สองของฉัน
โชว์ความโลกสวยแบบถึงที่สุด... มันอาจจะฟังดูบ้าแต่ว่ามันจะได้ผลกับพวกที่เป็นแบบเดียวกัน ขณะเดียวกันพวกที่เป็นด้านตรงข้ามจะเกิดอคติและโต้กลับมาอย่างประชดประชัน
และสิ่งที่ฉันต้องการให้เกิดคือการโต้กลับที่ว่า...
เพราะฉันเข้าใจทัศนคติของซิลเวียในมโนจิตของฉันดี โดยค้ำประกันด้วยช่วงเวลาหลังกลับมาจากการสอบที่อาร์ชฟิลด์ ฉันเชื่อว่าหากเธอเป็นความหวังและคนในจินตนาการแบบนั้นจริงๆ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย
“...ทะ-ทำไมถึงอยากให้ฉันเป็นกษัตริย์นักล่ะคะ?... พี่สาวหรือน้องชายของฉันทั้งคู่ต่างก็ดีกว่าฉันในทุกๆ ด้านแท้ๆ...”
นี่คือคำถามที่ฉันรอคอย... มันจะเป็นปลายเปิดสู่ทุกสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อออกไป โดยถ้าหากไปพูดให้คนอื่นๆ ฟังก็คงจะถูกมองค้อนพร้อมบอกว่าเลิกเพ้อฝันได้แล้ว
ฉันปริปากเพื่อตอบกลับไปในทันที
“...โลกในตอนนี้มันไม่น่าอยู่เอาเสียเลย องค์หญิงไม่คิดเช่นนั้นเหรอครับ? ไม่สิ... ท่านก็คงจะคิดอยู่นั่นแหละ...”
“ครอบครัวที่มีลูกเพื่อหวังเพียงสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล โดยเห็นเด็กเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องจักรที่หากไม่มีประโยชน์ก็จะถูกทิ้งอย่างไม่ใยดี นั่นเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ ในโลกที่เลวร้ายนี่...”
“ความอดยาก หิวโหย ความเหลื่อมล้ำที่มากจนเกินไป โรคภัยที่หากไม่มีเงินก็ไม่สามารถรักษาได้ ต้องทนต่อความหนาวเหน็บเพราะขาดเครื่องนุ่มห่ม จนสุดท้ายก็พบกับความตาย...”
“ปัญหาเช่นนี้ไม่มีวันหายไปต่อให้จะสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ความเหลื่อมล้ำก็จะยังคงตามติดมาในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ หรือแม้แต่สัตว์ชนิดอื่นก็ตาม... พวกมันบ้างก็แบ่งแยกด้วยกำลัง บ้างก็แบ่งแยกด้วยเพศ ฐานะและอื่นๆ”
“อย่างไรก็ตาม... ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงกฎแห่งธรรมชาติแต่มันก็ไม่ควรจะเยอะเกินไป”
“ด้วยการมาถึงของพลังเวทมนตร์ ผู้คนต่างก็สรรค์เสริญมัน และใช้มันเป็นเกณฑ์หลักในการตัดสินชีวิตของผู้คน... เพียงแค่เกิดมาด้อยพรสวรรค์กว่าคนอื่นๆ เพียงแค่เกิดมาในจุดที่ต่ำกว่าคนอื่นๆ ก็ต้องพลอยพบจุดจบที่... น่าเศร้าไปเสียแล้ว”
“และที่ว่ามานั้น... ถือเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาที่สุดของมนุษยชาติ...”
“มีคำกล่าวที่ว่า... หากตัดสินความเก่งของปลาด้วยความสามารถในการปีนต้นไม้ มันจะตายโดยคิดเสมอว่าตัวมันเอง... ช่างโง่เขลา”
*อ้างอิงจาก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
“ผู้คนไร้ซึ่งพลังเวทย์มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไร้ค่า... เพียงแค่คนเหล่านั้นไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองถนัดเท่านั้นเอง”
“คิดดูสิว่า.. บุคลากรคุณภาพและเสาหลักของครอบครัวต้องเสียสละไปมากเพียงใด? กับการแบ่งแยกชนชั้นและกีดกันพวกเขาจากสิทธิมนุษยชน ด้วยสีของพลังเวทย์โง่ๆ นั่น”
“มันคงเป็นจำนวนที่เยอะจนนับไม่ไหวอย่างแน่นอน... และนั่นคือสิ่งที่กระผมอยากจะแก้ไขมัน... เป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของกระผม”
“แต่การจะทำแบบนั้น... กระผมต้องการคนที่มีมุมมองแบบเดียวกัน คนที่ต้องการช่วยเหลือใครสักคนจริงๆ และคนที่มีฐานะมากพอจะไปถึงในจุดที่สูงพอจะตระโกนให้ทุกคนได้ยิน...”
“และทั้งหมดที่กล่าวมา... ท่านคือคนผู้นั้นครับ”
“องค์หญิงคือคนที่จะสามารถเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้จากการแก้ไขในจุดเล็กๆ แม้นั่นจะเปรียบดังการโยนหินลงไปในมหาสมุทรก็ตาม”
“แม้จะเล็กน้อยจนแทบสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงไม่ได้... แต่ถึงอย่างนั้น... วินาทีที่ได้รับรู้ว่าการกระทำของตนเอง สามารถช่วยชีวิตเล็กๆ ได้เพียงหนึ่งมันย่อมน่าภูมิใจกว่าการเที่ยวโอ้อวดสีของพลังเวทย์อยู่แล้วไม่ใช่หรือไงครับ?”
คำกล่าวทั้งหมดนี่ไม่ใช่สคริปต์ที่ฉันจดเอาไว้... มันคือสิ่งที่กล่าวออกไปผ่านเลนส์ม่านตาตลอด 15 ปีที่อาศัยอยู่ในโลกนี้
“...ถะ-ถึงนั่นจะเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะทำก็เถอะค่ะ...”
“แต่ฉันก็คงไม่มีความสามารถพอจะทำมันได้หรอก...”
ซิลเวียตอบกลับมาด้วยสีหน้าอมทุกข์ เธอยังคงกล่าวต่อไป
“กษัตริย์คือตำแหน่งที่ฉันเอื้อมไม่ถึงหรอกค่ะ... มันยากลำบากและเละเทะมาก แม้จะพยายามให้ตายยังไงสุดท้ายก็มีกำแพงที่ฉันข้ามไปไม่ได้อยู่...”
แววตาของเธอไร้ซึ่งความสดใส ราวกับนึกถึงบางสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของเธอขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม... ริมฝีปากของฉันเปิดออกในทันทีหลังจากนั้น
“...นั่นท่านคิดดีแล้วงั้นเหรอครับ?”
ซิลเวียมองตรงมาที่ฉันด้วยแววตาเบิกโพลง... ฉันยังคงกล่าวต่อ
“คนทุกคน... เกิดมาล้วนมีโอกาส... โอกาสที่จะริเริ่มทำอะไรสักอย่าง”
“ในขณะที่อาจจะมีคนหิวโหยใกล้ตายพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต... หรือกลุ่มขอทานที่รวมตัวกันประท้วงคุณค่าที่มากเกินไปของพลังเวทมนตร์บัดซบ กระทั้งครอบครัวธรรมดาที่ต้องมาพังทลายลงเพราะชื่อของขุนนางระยำที่บ้าแต่อำนาจในมือ”
“ในขณะที่พวกเขาเหล่านั้นริเริ่มทำอะไรสักอย่าง ด้วยโอกาสที่พวกเขามีเพียงริบหรี่... ตัวท่านกลับหลบอยู่หลังกำแพงหนาของปราสาทพร้อมพูดลอยๆ ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้หรอกงั้นเหรอครับ?”
“อย่างที่กระผมเคยกล่าวไป.... นั่นมันใช่คำพูดของผู้ที่มีทั้งอำนาจ เพรียบพร้อมเช่นองค์หญิงจริงๆ งั้นเหรอครับ?”
“ความพยายามที่ไม่ลดละและการไม่ยอมแพ้จะช่วยให้เราเติบโตและพัฒนาเป็นคนที่ดียิ่งกว่าวันก่อนหน้า”
“ในขณะที่ความสำเร็จเกิดมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่อง และความตั้งใจที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลวและก้าวข้ามอุปสรรคทุกอย่าง”
“ส่วนอุปสรรคเป็นเพียงกำแพงกั้นที่หากท่านรู้ว่ามันหนาเพียงใด และเตรียมพร้อมให้ดีก็จะสามารถเจาะผ่านมันไปได้...”
“ผู้คนมากมายไม่สามารถผ่านอุปสรรคมาได้ไกลเช่นท่าน เนื่องจากกำแพงที่ไม่สามารถเจาะได้ที่เรียกว่า พลังเวทย์ ยศฐา และเงินตรา องค์หญิงที่มาได้ไกลถึงขนาดนี้คิดจะยอมแพ้ไปดื้อๆ ทั้งที่ยังไม่ได้พยายามดูเลยงั้นเหรอครับ?”
“หรือท่านกำลังกลัวว่าจะไม่สามารถทำตามความคาดหวังของกระผมได้? กลัวว่าความพยายามทั้งหมดที่ลงแรงไปจะสูญเปล่า?...”
“จุดมุ่งหมายของกระผมคือการเปลี่ยนแปลงโลกแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่การคาดหวังและทิ้งภาระไปที่คนๆ เดียวสักหน่อยนี่ครับ”
“เมื่อท่านได้พบอุปสรรคที่แก้ไม่ได้ด้วยตัวของท่านเอง... สิ่งที่ท่านต้องทำไม่ใช่การนั่งจ้องมองกำแพงไปเฉยๆ... เพราะบนโลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่ามิตร หรือสหายอยู่ยังไงล่ะครับ...”
“เพราะถ้ากระผมสามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้แต่แรก ก็คงไม่มาขอให้องค์หญิงร่วมมือด้วยหรอกครับ มนุษย์หนึ่งคนล้วนมีขีดจำกัดครับ...”
“และสิ่งที่กระผมอยากให้ท่านทำไม่ใช่การพยายามเพื่อเป็นกษัตริย์อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง หากแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโลกและช่วยผู้คน เพราะแบบนั้นเอง... ได้โปรดเถอะครับ...”
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะกล่าวต่อไป...
“ได้โปรด... ช่วยเปิดใจให้กับมนุษย์ที่เจอทางตันเช่นกระผมทีเถอะครับ...”
ฉันโน้มตัวลงเบื้องหน้าของซิลเวีย โดยนี่ถือเป็นการจบบทบาทของฉันแล้ว... ลำดับต่อไปจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเธอ
สุดท้ายนี่คือคำขอจากฉัน... คำขอที่อาจจะฟังดูโลกสวยและเกินเอื้อมมากไปหน่อย แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นใครต้องตายไปต่อหน้าเพราะปัญหาแบบนี้อีกแล้ว
แม้มันจะทำได้เพียงในอาณาจักรเล็กๆ ที่ชื่อว่ายุสเทร่าก็ตาม... แต่ฉันจะล้มล้างตรรกะบ้าๆ ที่ว่าเวทมนตร์คือพระเจ้าให้กับอาณาจักรในโลกยุคกลางเวรนี่เอง
ความคิดเห็น