ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
revenna and the heart of the equilibrium | หัวใจแห่งความสมดุล

ลำดับตอนที่ #12 : หน้าที่ของผู้แข็งแกร่ง

  • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 66


            หลังจากสอบเสร็จนี่ก็ผ่านมาเป็นเวลาสองวันเเล้ว และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่เรเวนน่าจะต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอัลวาโร่และต่อจากนี้อีกเป็นเวลาห้าปี ขอเล่าย้อนก่อนว่าสองวันที่แล้วไปทำอะไรมาบ้าง วันแรกหลังจากสอบเสร็จก็ไปเดินสำรวจรอบๆ เมืองต่อจากวันก่อนหน้านั้นกับยัยผมแดงแล้วก็แกลแลนท์สามคน แล้วก็บังเอิญว่าเธอดันหลงทางกับสองคนนั้นแล้วไปเจอกับไอลีนสาวน้อยน่ารักหน้าเย็นชาที่เราเดินชนกันในวันแรกเข้า ไอลีนเจอเธอในสภาพที่เหมือนเด็กกำลังหลงกับแม่อยู่เหมือนเธอจะสงสารเลยเข้ามาทัก แล้วระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังพาเธอไปส่งเราก็บังเอิญไปเจอกับใครคนนึงที่ควรจะพกแผนที่ไว้เหมือนกับเธอ เฟียร์ร่าเด็กสาวสวยแซ่บที่เราเดินชนกันในวันแรก (อีกแล้ว) กำลังยืนหันซ้ายหันขวาจะก้าวไปทางซ้ายก็ไม่ก้าวจะทางขวาก็ไม่ก้าว เราเลยได้เพื่อนเด็กหลงมาเพิ่มอีกคน ระหว่างทางนั้นก็คุยสารทุกข์สุขดิบกันไปด้วยทำให้รู้ว่าเราทั้งหมดนั้นสอบผ่านกันหมดเลย สองวันที่ผ่านมาก็ประมาณนี้

               "ไม่ลืมอะไรใช่มั้ย จะเอาอะไรอีกมั้ยจะไปซื้อมาให้" แกลแลนท์ที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกว่าเจ้าตัวที่เรียนเองซะอีก รัวคำถามแบบนี้มาตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกจากที่พัก จนตอนนี้ถึงหน้าโรงเรียนแล้ว เขาดูเหมือนพ่อแม่ที่มาส่งลูกเข้าโรงเรียนวันแรกเลยนะว่าไหม

             "นายตื่นเต้นหรอ ฉันไม่ได้ลืมอะไร แล้วก็ไม่เอาอะไรเพิ่มแล้ว หยุดถามได้แล้วน่า" เรเวนน่าได้แต่ยิ้มนิดๆ ดูไปดูมาเขาเหมือนท่านพี่รามาเซสเลยจริงๆ นะ ขี้เวอร์เหมือนกัน

            "จะได้อยู่ไกลๆ กันแล้วก็ต้องตื่นเต้นหน่อยสิ ลืมอะไรขึ้นมาจะได้ไม่ต้องมาใช้ฉันอีก" แกลแลนท์เอื้อมมือมาผลักหัวเรเวนน่าเบาๆ แล้วมองมาด้วยสายตาหมั่นไส้

            "ให้มันจริงเถอะ ถึงเวลาแล้วจะเหงา" ร่างบางพูดเอามือดันใหล่แกลแลนท์แรงๆ ทำเอาเขาทรงตัวไม่อยู่เซไปข้างหน้า

            "หลังจากนี้คงโดนใช้ทำงานจนไม่มีเวลามาเหงาแล้วมั้ง" หลังจากบทสนทนาของแกลแลนท์จบ จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบขึ้นมา นัยน์ตาสีอ่อนขององค์ครักษ์หนุ่มกับนัยน์ตาสีแดงมองไปข้างหน้าอย่างเศร้าๆ คนทั้งคู่ที่มีอีกฝ่ายเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวมาทั้งชีวิต มีหรือที่ต้องจากกันแล้วจะไม่เหงา ทั้งคู่ต่างก็รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ไม่มีใครเปิดปากเอ่ยคำพูดเศร้าๆ หรือคำบอกลาที่สวยหรูออกมา

           "ปิดเทอมให้มารับมั้ย" แกลแลนท์เอ่ยคำถามแรกขึ้นเพื่อกลบบรรยากาศหม่นๆ

           "ถ้าบอกว่าไม่แล้วจะไม่มาหรอ" เรเวนน่าเอ่ยเชิงหยอกๆ ไปเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้าๆ เช่นกัน วันน่ายินดีแบบนี้มีอะไรต้องมาเศร้ากันล่ะจริงมั้ย รอยยิ้มสดใสของเด็กสาวที่ส่งไปทำให้แกลแลนท์ยิ้มออกมา

           "แล้วไม่มาได้ด้วยหรือไง แบบนั้นฉันคงโดนไล่ออกพอดี" เรเวนน่าหัวเราะกับคำพูดของแกลแลนท์ ไม่นานบทสนทนาของทั้งคู่ก็ถูกขัดลงด้วยใครบางคนที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง

           "แฮ่!! คุยอะไรกันน่าสนุกเชียว" จีนซ์ที่โผล่มาขัดจังหวะร่ำลาของสองเพื่อนรักเอ่ยทักขึ้น แขนสองแขนของเจ้าของผมสีแดงกอดรัดรอบตัวของเรเวนน่า นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองร่างหนากับร่างบางสลับกันไปมาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

            "ก็เรื่อยเปื่อย แล้วเธอจะมาเกาะฉันทำไม ออกไป๊" เรเวนน่าตอบคำถามเสร็จก็จัดการแกะมือปลาหมึกของเพื่อนสาวคนใหม่ออกทันที

            "แหมม จับนิดหน่อยไม่ได้เลยหรือไง" จีนซ์ตอบแล้วทำหน้าล้อเลียนอย่างที่ชอบทำ แล้วก็ไม่วายยังเอามือสองมือไปเกาะใหล่อีกคนไว้อีก

            "แล้วนี่เธอมาคนเดียวเหรอ" เรเวนน่าถาม ดูเหมือนยัยสาวหล่อคนนี้จะไปไหนมาไหนคนเดียวตั้งแต่แรกแล้วเลยอดไม่ได้ที่จะถาม

            "แล้วจะพากันมาทำไมเยอะแยะ ก็ฉันเรียนคนเดียวนี่" จีนซ์ตอบแบบกวนๆ

            'คนกวนก็ยังกวนอยู่วันยังค่ำสงสัยว่ายัยคนนี้จะทำจนเป็นนิสัยไปแล้วมั้ง ถึงตอบแบบปกติเหมือนคนอื่นเค้าไม่ได้' เรเวนน่าได้แต่คิดในใจแล้วส่ายหัว

            "จ้าา เข้าใจแล้วจ้า ว่าแต่เราต้องเข้าไปกี่โมงเหรอ" เรเวนน่าถาม

            "ใกล้แล้วล่ะ ก็นัดไว้เก้าโมง นี่เธอไม่รู้หรอ รุ่นพี่ก็บอกตอนสอบเสร็จไง" จีนซ์ถามแล้วทำสีหน้าสงสัย

            "ก็ไม่รู้น่ะสิ ไม่เห็นจะมีใครบอก" เรเวนน่าทำสีหน้างงๆ ก่อนออกมาก็ไม่เห็นมีใครพูดเรื่องเวลากันสักคนเลยนะ นี่ดีนะที่เธอรีบมารอก่อน

             "เรเวนน่าา~" เสียงเรียกชื่อที่ดังมาแต่ไกลทำให้เจ้าของชื่อหันไปทางต้นเสียงอย่างอัตโนมัติ ร่างของสาวสวยเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำสาวน้อยน่ารักที่เรเวนน่าคุ้นหน้ามาทางนี้

             "อ้าว เฟียร์ร่า ไอลีน ทำไมมาด้วยกันได้เนี่ย" เรเวนน่าเอ่ยทักทายเพื่อนใหม่อีกสองคนที่เพิ่งจะเข้ามา

             "พอดีเจอกันระหว่างทางน่ะ เลยมาด้วยกัน" เฟียร์ร่าตอบพลางยกมือขึ้นพัดบริเวณใบหน้า อาจจะเป็นเพราะพวกเธอวิ่งมาเลยทำให้เหงื่อออกตั้งแต่เช้าซะแล้ว

            "งั้นหรอ....." นัยน์ตาสีแดงสดเหลือบไปมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านหลังของเพื่อนสาวคนสวย ประจวบเหมาะกับดวงตาสีชมพูหวานแต่ก็เย็นชานั้นเองก็มองเธออยู่แล้วทำให้เจ้าตัวรีบเบือนหน้าหนีทันที แต่ก่อนที่เรเวนน่าจะได้ทักเธอ เสียงเสียงหนึ่งก็โพล่งขึ้นมาก่อน

            "เอ่อ นี่ไม่คิดจะแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยหรอ" จีนซ์เอ่ยขึ้นมาพลางจ้องไปยังสองสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วหันกลับมามองหน้าเรเวนน่า

             "ขอโทษที นี่เฟียร์ร่า ส่วนคนข้างหลังนั่นไอลีน พวกเธอส่วนนี่จีนซ์แล้วก็แกลแลนท์" นิ้วเรียวชี้ไปทางเฟียร์ร่าแล้วก็ต่อด้วยไอลีนที่อยู่ทางขวา เรเวนน่าแนะนำตัวเพื่อนๆ ให้กับทั้งเพื่อนเก่าและใหม่เสร็จสรรพ ก่อนจะคิดได้ว่าแล้วทำไมพวกนั้นถึงไม่แนะนำกันเองจะให้เธอเป็นคนพูดทำไม

              "เธอใช่คนที่เจอกันตอนสอบใช่มั้ย ถึงว่าหน้าคุ้นๆ ยัยโหดแย่งซีนนั่นนี่เอง" จีนซ์พูดอย่างตื่นเต้นแล้วจบท้ายด้วยประโยคกวนๆ จะว่าไปนึกแล้วก็ขำเฟียร์ร่าก็อาจจะดูเหมือนแย่งซีนอย่างที่ว่าจริงๆ นั่นแหละ ที่โผล่มาเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวในตอนนั้น แต่ดูเหมือนว่าเฟียร์ร่าจะคิ้วขมวดกับคำพูดกวนประสาทของยัยผมแดงอยู่ไม่น้อย

              "เธอว่าใครแย่งซีนห้ะ ฉันอุตส่าช่วยพวกเธอนะยะ" เอาล่ะ มวยถูกคู่แล้วคราวนี้ คนนึงมีสกิลกวนบาทาส่วนอีกคนมีสกิลปาก จะดีหรือไม่ดีดีล่ะเนี่ย

              "อ้าว ก็เล่นโผล่มาแบบนั้นไม่ให้เรียกว่าแย่งซีนแล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ” จีนซ์ตอบ

              “เอาเถอะๆ ฉันว่าพวกเธอหยุดทะเลาะกันแล้วนั่งรอเวลาเงียบๆ กันดีกว่ามั้ย” ไอลีนพูดดักขึ้นก่อนที่สองคนนั้นจะได้ทะเลาะกันต่อ

              “นั่นสิ ฉันก็ชักจะหนวกหูกับเสียงเธอแล้วเหมือนกันจีนซ์” เรเวนน่าพูดแล้วหันไปมองเจ้าตัวก่อเรื่อง

              “แหมๆ พอมีพวกแล้วก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือเลยสินะ ยัยคนชอบกวนประสาท!” จีนซ์พูดขึ้นราวกับกำลังจะปั่นประสาทให้เธอโมโห

              “เธอนั่นแหละกวนประสาทยัยผมแดง ยังกล้ามาว่าฉันอีกหรอ” คำพูดยั่วยุของจีนซ์ทำให้เรเวนน่าที่ดูเหมือนจะเป็นคนช่วยห้ามทัพในตอนแรก ตอนนี้เข้าร่วมสงครามด้วยเสียแล้ว สองคนที่ยืนดูอยู่ถึงกับกุมขมับทีเดียว

              ‘ถ้าเรเวนน่าได้พวกนี้เป็นเพื่อนคงจะทำคนอื่นปวดหัวแล้วก็วุ่นวายตายเลยสินะ’ แกลแลนท์คิดในใจ แค่เฉพาะเจ้าตัวก็สร้างเรื่องปวดหัวให้เขาไม่เว้นแต่ละวันอยู่แล้ว นี่ถ้าสามคนนี้มารวมกันจริงๆ คงต้องบอกลาอาจารย์ที่นี่แล้วล่ะ

              “ให้ตายเถอะ” นัยน์ตาสีชมพูหวานมองสามเพื่อนใหม่อย่างเหนื่อยใจ ขอร้องล่ะอย่าให้เธอต้องไปอยู่รวมกับพวกนั้นอีกเลย แต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันอีกจริงๆ ล่ะ……

              “ผมว่าคุณควรจะเตรียมตัวทำให้มันชินนะครับ โดยเฉพาะกับคนนั้นน่ะ ซนอย่าบอกใครเชียว” แกลแลนท์ขยับตัวเข้ามาใกล้ไอลีนนิดหน่อยเพื่อที่จะคุยสะดวก ก่อนที่จะชี้ไปที่เรเวนน่าคนที่เขาเพิ่งจะพูดถึง

              “ฉันคงทำได้แต่หวังว่าจะไม่ได้อยู่กับพวกนี้เกินวันนี้ก่อนตะวันตกดินหรอกนะ ไม่งั้นมีหวังฉันน่าจะได้ปวดหัวตายก่อนแน่ๆ” สาวน้อยน่าตาน่ารักมองไปทางสามสาวที่ยืนทะเลาะกันอยู่อย่างเหนื่อยใจ หวังว่าพระเจ้าคงไม่แกล้งเธอให้ได้มาอยู่กับพวกนี้จริงๆ หรอกนะ

 

                “เฮ้ยๆ ประตูเปิดแล้ว!” จีนซ์ที่กำลังโดนเฟียร์ร่ากระชากคอเสื้อพร้อมมีเรื่องอยู่ เมื่อสบโอกาสที่ถึงเวลาที่ทางโรงเรียนนัดไว้พอดี ประตูก็เปิดออก ทำให้สามารถดึงความสนใจของแม่สาวแซ่บคนนี้ไปจากเธอได้

                “ฝากไว้ก่อนเถอะยัยหัวแดง!” เรเวนน่าที่เกือบจะเข้าไปช่วยเฟียร์ร่าเอาคืนจีนซ์อยู่แล้วก็ต้องชะงักเหมือนกัน

                เรเวนน่าเดินกลับไปยืนข้างแกลแลนท์ ตามปกติขององค์ครักษ์ที่ชอบทำตัวเหมือนพี่เลี้ยงก็ยื่นทิชชู่มาให้ทันทีเพราะเธอมีเหงื่อออกอยู่บ้างจากการไปเล่นเมื่อกี้

             “แหมๆ เหงื่อออกอยู่คนเดียวมั้ง” จีนซ์ที่ยังไม่วายไม่เลิกหาเรื่องใส่ตัวเองขึ้นมา และนี้คงจะเป็นครั้งแรกที่เรเวนน่าเห็นเพื่อนสนิทของเธอหมั่นไส้คน แทนที่แกลแลนท์จะยื่นทิชชู่ไปให้จีนซ์แต่ดันยื่นไปให้เฟียร์ร่าแทน เด็กสาวสุดสวยรับไปอย่างงงๆ แต่สุดท้ายก็แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเก็บทิชชู่เข้ากระเป๋าเสื้อตัวเองแล้วหันไปคุยกับเรเวนน่าอย่างไม่สนใจคนที่กวนประสาทเขาเมื่อครู่ แต่ก่อนที่คนที่ถูกเมินจะได้โวยวายขึ้นมาอีก เสียงประกาศจากทางด้านหน้าโรงเรียนก็ดังขึ้น

             “สวัสดีนักเรียนใหม่ทุกคน พวกพี่สี่คนเป็นตัวแทนของแต่ละหอที่จะมารับพวกเรา” เด็กนักเรียนชายสองหญิงสองปรากฏตัวขึ้นอย่างน่าเกรงขาม ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่หน้าประตูโรงเรียน แต่ละคนใส่ชุดนักเรียนแบบเดียวกันแต่มีเพียงแค่เน็คไทด์และชุดคลุมสีกรมที่มีขลิบสีคนละสีเท่านั้น

            “เดี๋ยวเราจะเอาสัมภาระเข้าไปเก็บกันก่อน ส่วนเรื่องทุกอย่างเดี๋ยวจะมีรุ่นพี่มาแจ้งพวกเราทีหลัง” รุ่นพี่ผู้หญิงในชุดที่มีผ้าคลุมไหล่สีกรมขลิบน้ำเงินทองพูดก่อนจะหันไปกระซิบกับเพื่อนอีกสามคน

            “เท่ชะมัดเลย” จีนซ์ที่พูดออกมาอย่างเผลอๆ แบบลอยๆ ดูเหมือนจิตใจเธอจะลอยไปอยู่หน้ารุ่นพี่กลุ่มนั้นแล้ว

            “จริง” ใครว่ามีคนใจลอยไปไกลคนเดียว นัยน์ตาโกเมนของเรเวนน่าตอนนี้เองก็จ้องไปยังรุ่นพี่หนุ่มสาวข้างหน้าประตูอย่างไม่วางตา เธอหวังที่จะใส่ชุดนักเรียนมานานแล้ว พอมาเห็นกับตาจริงๆ แบบนี้ยิ่งอยากใส่เข้าไปอีก

            “ยัยพวกบ้านี่ จะจ้องอะไรขนาดนั้น เสียมารยาทจริงๆ” เฟียร์ร่าพูด แต่ตาของเจ้าตัวก็ไม่วายจ้องไปยังรุ่นพี่ แถมยังจ้องหนักกว่าสองคนนั้นด้วย ส่วนสองคนที่ยังพอสติดีอยู่บ้างก็ได้แต่ยืนมองอย่างเหนื่อยใจ ไอลีนที่ไม่อยากจะทนอายกับพฤติกรรมของสามเพื่อนใหม่แล้วก็ได้แต่ยืนห่างๆ เนียนๆ ทำเป็นไม่รู้จักไปซะ

 

ฝั่งรุ่นพี่

            “จัสมิน จัสมิน!” เด็กสาวผู้สวมชุดเครื่องแบบของอัลวาโร่ที่กำลังยืนดึงหน้าให้ดูน่าเกรงขามอยู่ หันไปกระซิบเรียกเพื่อนสาวที่ก็กำลังทำแบบเดียวกัน

     “มีอะไรยัยเซลีน อย่าเพิ่งกวนได้มั้ยเนี่ย!” จัสมินที่กำลังอยู่ในถานะรุ่นพี่สาวในชุดคลุมที่มีขลิบสีน้ำเงินทองตอบมาด้วยเสียงออกรำคาญ

     “หันไปดูน้องกลุ่มนั้นดิ จ้องโคตรน่ากลัวเลย” เซลีนรุ่นพี่สาวที่สวมชุดคลุมขลิบแดงทองตอบอย่างไม่มีความกุลสตรี เพราะเจ้าตัวออกจะเป็นแนวสาวหล่อ

     “กลุ่มไหน” และเมื่อจัสมินหันไปตามสายตาที่เซลีนมองอยู่ก็เผลอสบตากับหนึ่งในสามเข้า ทำเอาเจ้าตัวถึงกับรีบหลบสายตาอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว แต่ก็เผลออุทานออกมาเพราะตกใจจนได้

      “เฮ้ย!” เสียงอุทานที่ดังออกมาจากรุ่นพี่สาว ทำเอาสองหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านซ้ายหันมาแทบพร้อมกัน

      “เป็นอะไรของเธอ” หนึ่งในสองคนนั้นพูดถามออกมาอย่างสงสัยเมื่ออยู่ๆ เพื่อนสาวต่างหอก็อุทานออกมาซะเสียงดัง

       “พวกนายหันไปดูนั่นสิ” จัสมินพูดจบแล้วก็ชี้นิ้วไปทางรุ่นน้องสามคนที่ว่า และยังไม่ทันผ่านไปได้ถึงวินาที เสียงอุทานเยี่ยงชายชาตรีสองเสียงก็อุทานขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจ

       “เ*ี้ย!!!!” สองหนุ่มถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อหันไปเจอสายตาลอยๆ ขนลุกพิลึก บวกกับบรรยากาศสยองๆ นั่นทำเอาเขาแทบจะหันหน้าหนีทันที

        “เอาล่ะ ถึงเวลาลุ้นแล้วว่านั่นรุ่นน้องใคร” เซลีนที่ดูจะจิตเเข็งที่สุดในกลุ่มพูดขึ้น ทำเอาอีกสามคนลอบกลืนน้ำลาย เพราะคงจะไม่มีใครอยากได้รุ่นน้องแปลกๆ หรอกจริงๆ มั้ย เห็นแววจะวุ่นวายแน่ๆ

         “บอกทีว่าจะไม่แยกหอกันอยู่ ใครได้ก็เอาไปแพ็คสามเลยละกันนะ” ไซรัสผู้ใช้ชุดคลุมขลิบสีเหลืองทองพูดปัดๆ ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่เขาคงได้แต่ภาวนาแล้วล่ะว่ามันจะไม่โดนหอเขา

         “เหอะ ทำเป็นพูด โดนหอนายขึ้นมาล่ะจะซวยเอง” เลอัลรุ่นพี่หนุ่มผู้มีผ้าคลุมสีกรมขลิบเขียวทองพูดเหน็บเพื่อนหนุ่มข้างๆ

         “เอาน่าๆ ถ้าพวกแปลกๆ ส่วนมากก็มีแต่เก่งแบบโดดๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไง พวกนั้นอาจจะเป็นงั้นก็ได้ ใครไม่เอาฉันเอาเอง” จัสมินที่ดูจะผวาที่สุดในตอนแรกพูดอย่างหวั่นๆ แอบกลัวเหมือนกันล่ะสิ

         “เฮ้ย ได้ไง ของแปลกๆ แบบนี้มันก็ต้องอยู่หอฉันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” เซลีนที่เริ่มจะรู้สึกสนใจอย่างที่จัสมินบอก

         “พวกบ้าพลังน่ะหรอ” ไซรัสพูดแล้วขำออกมาดังๆ แบบเยาะเย้ยเพื่อนสาว

         “แหมม ใครจะไปเหมือนพวกชอบฝันกลางวันอย่างพวกนายล่ะวะคะ” เซลีนที่เริ่มจะใส่อารมณ์ เพราะหอของเธอน่ะขึ้นชื่อเรื่องหยิ่งในศักดิ์ศรีมากทีเดียว อีกสองคนที่เริ่มจะเห็นแววว่าสองคนนี้จะทะเลาะกันก็รีบห้ามทันที ถึงจะเห็นพวกเขาสนิทกันแบบนี้แต่เพราะอยู่ต่างหอเลยจะมีทะเลาะกันเรื่องอวดว่าหอใครดีกว่ากันบ้าง

         “พอๆๆๆ เลยเวลามาเยอะแล้ว เล่นอยู่นั่นแหละช้าเดี๋ยวก็โดนด่าจนได้” เลอัลที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่สุดในนี้เอ่ยห้ามทัพก่อนที่จะเพื่อนเขาตีกันจริงๆ แล้วหันกลับไปหารุ่นน้องที่ยืนรอกันตาแป๋วเหมือนเดิม แล้วเตรียมทำหน้าที่ต่อ

 

           กลับมาทางฝั่งเรเวนน่า

     “ทำไมพี่เค้ามองเราแปลกๆ อะ” เรเวนน่าถามขึ้นอย่างงงๆ หรือว่าเธอจ้องมากไปหรอ ก็มองธรรมดาๆ เองนะ (?)

     “เพราะฉันสวยไงล่ะ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจนะ จริงๆ ฉันก็รู้ตัวว่าสวยอยู่นิดหน่อย” เฟียร์ร่าพูดแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างนางพญา ทำเอาสองสามคนที่ยืนอยู่เบ้ปากแทบจะพร้อมกัน

     “ฉะ ฉันรู้สึกจะอ้วก แหวะ!” จีนซ์ที่พอฟังอีกคนพูดจบก็แสดงอาการพะอืดพะอมขึ้นมาทันที ก่อนจะทำท่าโก่งคอจะอ้วก โดยมีสีหน้าที่อารมณ์เริ่มจะฉุนๆ ขึ้นมาอีกครั้งของเฟียร์ร่า กับเจ้าคนที่จะอ้วกเพราะความมั่นใจที่เกินเบอร์ของเพื่อนสาว ทำเอาอีกสามคนเกือบจะหลุดขำ แต่ก็ต้องกลั้นไว้เพราะกลัวระเบิดจากสาวคนงามจะมาลงที่ตัวเอง

            “เอาล่ะๆ เราจะแยกกันไปตามหอของตัวเองกันเลยนะ ทุกคนคงจะมีอัญมณีกันอยู่แล้วแหละใช่มั้ย ใครที่ได้สีเหลืองให้เดินไปหาพี่ไซรัสที่ใส่เนคไทน์สีเหลือง จะได้อยู่หอวะชิ สีน้ำเงินให้ไปหาพี่จัสมินไทน์สีน้ำเงินหอเซริว สีแดงให้ไปหาพี่เซลีนไทน์สีแดงตรงนั้น อยู่หอพยัคฆินทร์ ส่วนสีเขียวหอไทพันให้มาหาพี่ แยกย้ายได้” เลอัลรุ่นพี่หนุ่มจัดการชี้แจงรายละเอียดที่ต้องแจ้งในส่วนของตัวเอง

    เรเวนน่าที่ร่ำลากับแกลแลนท์เสร็จก็เตรียมจะแยกย้ายกับสามสาวไปหอใครหอมัน แต่ดันติดที่เธอสี่คนดันเดินไปทางเดียวกันซะนี่

   “พวกเธอจะเดินตามฉันมาทำไมล่ะ แยกย้ายกันสิ” เฟียร์ร่าทำหน้างงจ้องสลับกันอีกสามคนที่ก็ทำหน้างงเช่นกัน

   “ก็กำลังไปนี่ไง” เรเวนน่าพูดแล้วเดินออกไปข้างหน้า แต่เดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกจีนซ์ดึงแขนไว้ก่อน จนเจ้าตัวต้องหันกลับมามอง

    “อย่าบอกนะ……” ไอลีนที่สัมผัสได้ถึงรางร้ายสำหรับตัวเธอถึงกับกุมขมับ

    “ขอดูอัญมณีของพวกเธอหน่อย” เมื่อจีนซ์พูดจบทุกคนก็เอาสร้อยอัญมณีที่อยู่ตรงคอออกมา สีแดงดั่งเลือดของอัญมณีประจำหอปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าสี่สาว ที่คงเป็นข่าวดีสำหรับใครบางคน แต่บางคนคงเป็นข่าวร้ายจนแทบอยากจะขอลาออกเสียตอนนี้

    “ชัดเลย” เฟียร์ร่าที่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี นับว่าอีกสองคนยังดี แต่ยัยผมแดงที่อยู่ตรงหน้าที่ทำเอาเธออยากจะปาสร้อยทิ้งอยู่เหมือนกัน

    “ให้ไวๆ ทุกคน!!” เสียงรุ่นพี่ที่เร่งมาทำให้คนที่คนเร่งฝีเท้าเดินไปยังจุดนัดหมาย ไอลีนที่สติหลุดลอยไปแล้วจนเฟียร์ร่าต้องลากมาด้วย

    “คนน้อยกว่าที่คิดเเฮะ” เรเวนน่าที่มองดูรอบๆ รวมถึงหออื่นด้วย ดูเหมือนหอเธอจะคนน้อยที่สุดแล้ว แต่หออื่นก็ยังคนน้อยอยู่ดี เหมือนว่าจะมีกันแค่หลักสิบเอง ส่วนหอเธอก็หลักสิบเช่นกัน

     “1 2 3 4 5 …… เฮ้ย!” นัยน์ตาสีแดงสดที่กำลังมองไปรอบๆ เพื่อนับจำนวนคนของหอตัวเองอยู่ แต่ก็ต้องสะดุดเพราะดันไปสบตากับร่างสูงของคนที่คุ้นเคย ซึ่งนัยน์ตาสีน้ำเงินดุจน้ำทะเลลึกนั่นก็หันมามองพอดิบพอดีกับตอนที่เธอหันไปเจอ แต่ร่างสูงก็ดูไม่ได้มีแววจะตกใจอะไร เพียงแค่มองอยู่แปปนึงแล้วก็หันหน้ากลับไป

     “มานี่กันเร็วๆ จะไปกันแล้ว” ไอลีนดึงสามสาวเข้ามายืนต่อแถวให้เรียบร้อยหลังจากที่ยืนกระจัดกระจายอยู่นาน

     “เดินตามกันมาดีๆ นะเด็กๆ เดี๋ยวเราจะเอาของไปเก็บกันก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน” รุ่นพี่สาวตัวแทนประจำหอเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก อย่างกับโดนบังคับให้มาอย่างนั้นแหละ

 

 

 

 



 

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้สนับสนุนสูงสุด

ผู้สนับสนุนคนล่าสุด

นิยายแฟร์ 2025

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×