คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่7 ดำเนินการตามแผน
วันรุ่งขึ้น
บนเตียงอุ่น หลิวอี้ตื่นขึ้นมาก็พลิกกายบอกรักภรรยาด้วยความร้อนเร่าอีกหนึ่งรอบใหญ่ ก่อนลุกขึ้นแต่งกายหอมกรุ่นเตรียมตัวออกจากบ้านไปตรวจร้านค้าดั่งเช่นปกติ
เขามีความคิดจะเผด็จศึกกับเฟิงลี่ให้ได้ในคืนนี้ จึงบอกกล่าวถึงความต้องการให้จิ่วเม่ยช่วยเหลืออย่างเต็มที่ตามตรง สั่งให้นางจัดการเด็กสาวคืนนี้ชนิดนอนทอดกายรอเขาในห้องเลย เมื่อเขากลับมาจะได้ผ่อนคลายทันที
แต่จิ่วเม่ยกลับยับยั้งความคิดเช่นนั้นของสามี เนื่องจากเป็นสตรีด้วยกัน นางจึงไม่ต้องการหักหาญน้ำใจเฟิงลี่ เพราะรู้ดีถึงนิสัยใจร้อนวู่วามไม่ยอมคนของอีกฝ่าย ดีไม่ดีอาจมีคนตาย และคนนั้นอาจเป็นหลิวอี้ สามีของนางเอง
ทว่าต่อให้ไม่มีใครตาย แต่หากกระทำการบังคับฝืนใจ อาจเป็นการผิดต่อสตรีที่นางบอกกับใครๆ ว่ารักใคร่ดุจน้องสาว ชื่อเสียงได้เสียหายกันพอดี
หญิงสาวเอ่ยปลอบสามีอย่างใจเย็นว่า “ท่านพี่ใจเย็นเถิด นอกจากไม่ได้ผล ยังจะหมดสิทธิ์ครอบครองตลอดไป เพราะเฟิงลี่จะไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว แม้แต่ตัวข้าที่นางเคารพรักมาโดยตลอด หากไม่รอบคอบ อาจมีเรื่องถึงทางการ ถ้าเป็นอย่างนั้นแย่แน่”
หลิวอี้ขมวดคิ้วนึกขัดใจไม่น้อย เขาอยากได้เฟิงลี่เต็มที ไม่อยากรอแล้ว สมควรวางยารัญจวนร่านราคะจะได้กลืนกินทันที
คราวนี้แม้ว่าจิ่วเม่ยจะเข้าใจสีหน้าของสามี แต่ยังคลี่ยิ้มเอาใจหาได้ขัดเคือง เพียงกล่าวต่อเสียงนุ่ม “อีกไม่กี่เดือนเท่านั้น เฟิงลี่ก็จะอายุสิบหกปี พร้อมออกเรือนอย่างถูกต้อง มิสู้ให้ข้าช่วยจัดการเกลี้ยกล่อมนาง ใช้เวลาไม่กี่เดือนนี้อย่างระมัดระวัง ข้าจะทำดีกับนางทุกวิถีทาง เพื่อชักจูงให้นางรักท่านจากใจจริง และยิ่งเคารพข้ามากกว่าเดิม ชีวิตสามคนสามีภรรยาหลังจากนี้จะได้ไม่อึดอัดจนเกินไป เมื่อเฟิงลี่พบกับท่านอ๋องจนความจริงเปิดเผย ทั้งอำนาจและทรัพย์สินเงินทองจะได้ไม่ไปไหน เฟิงลี่ย่อมต้องนำทั้งหมดมามอบให้เราอย่างใจกว้าง ไร้ข้อกังขาใดๆ”
หลังนิ่งฟังจนจบดวงตาคมของบุรุษพลันทอประกายวาบ
จิ่วเม่ยยกยิ้มมุมปาก “ท่านพี่คิดว่าอย่างไร?”
แม้ไม่เก่งกาจเรื่องการค้า ทว่าความคิดของภรรยานับได้ว่าเป็นแผนการชั้นยอด หลิวอี้จะไม่ตอบรับได้หรือ?
เขาเอื้อมมือขึ้นลูบแก้มนวลของภรรยาเบาๆ กล่าวยิ้มๆ ว่า “แต่เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน เจ้าอย่าเพิ่งบอกเฟิงลี่เด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจพลาดโอกาสจับนางให้มั่น รอให้ข้าได้ตัวนางก่อน”
จิ่วเม่ยพยักหน้าแย้มยิ้มหวาน “ต้องได้ใจด้วยเจ้าค่ะ”
หลิวอี้ยกยิ้มกว้าง ก้มหน้าหอมแก้มภรรยาอย่างรักใคร่
หลังจากนั้นในทุกวัน จิ่วเม่ยก็อยู่ตัวติดกันกับเฟิงลี่ตลอดเวลายกเว้นยามเข้านอน
นางทั้งรักและแสนดีกับเฟิงลี่มากกว่าเดิม หลิวอี้ก็เช่นกัน เขาล้มเลิกการกระทำอันกรุ่มกริ่มกับแม่นางน้อยอย่างสิ้นเชิง คล้ายไม่เคยต้องการนางมาก่อน
ทั้งสามคนสนิทสนมกันดุจพี่น้องเช่นเดิม ปราศจากความคิดเกินเลยอีกต่อไป
จนเฟิงลี่ยังนึกแปลกใจ แต่ก็สบายใจเช่นกัน
ระหว่างที่หลิวอี้ออกไปทำงานติดต่อค้าขาย จิ่วเม่ยที่มักจะเอ่ยปากว่ารักเฟิงลี่เหมือนน้องสาวแต่กลับใช้งานเยี่ยงทาสก็เปลี่ยนไป คือพาเฟิงลี่ออกไปท่องเที่ยว ซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้อย่างใจกว้าง ทำทุกทางให้เด็กสาวตายใจ นางพาอีกฝ่ายไปกินอาหารเลิศรส ทำตัวรักและทะนุถนอมน้องสาวผู้นี้ยิ่งกว่าเดิม
เฟิงลี่ในวัยดรุณีแรกแย้มจึงงดงามขึ้นทุกวัน แต่หลิวอี้ผู้ที่เคยปรารถนาในตัวนาง กลับทำตัวห่างเหินเว้นระยะออกไป คล้ายมิได้ใส่ใจกับความงามเช่นนั้น
เด็กสาวจึงรู้สึกวางใจได้ลง ไม่ต้องพะวงยามนอนหลับอีก
กระทั่งวันหนึ่ง สิ่งที่ไม่คาดคิดพลันบังเกิด
วันนี้จิ่วเม่ยพาเฟิงลี่ออกเที่ยวตลาดเพื่อซื้อหาเครื่องประดับตามวิสัย เวลาคล้อยบ่ายระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นตรอกเปลี่ยว ร้างผู้คน แต่ไม่ไกลจากถนนชุมชมที่มีผู้คนแออัดอีกฝั่งเท่าใดนัก เป็นจังหวะที่สาวใช้ของจิ่วเม่ยยังไม่ทันได้เลี้ยวตามเข้ามา มีเพียงจิ่วเม่ยกับเฟิงลี่เท่านั้นที่เดินเลี้ยวเข้ามาก่อน
จู่ๆ จิ่วเม่ยก็ตบหน้าทึ้งเส้นผมตัวเองอย่างรุนแรง จนสภาพเสื้อผ้าและเนื้อตัวไม่ต่างจากถูกสุนัขรุมกัด
เฟิงลี่เบิกตามองอย่างตกใจและแปลกใจ ได้ยินจิ่วเม่ยเอ่ยด้วยเสียงลอดไรฟันว่า
“เจ้ารีบไปวังฝูอ๋อง เจิ้งเทียนฉี อยู่ทิศเหนือของเมืองหลวง เส้นทางยาวไกล เจ้าเอาเงินนี่ไว้ใช้ระหว่างเดินทางเถอะ”
จิ่วเม่ยเอ่ยอย่างร้อนรนพลางยื่นถุงเงินพร้อมหนังสือเข้าเมืองยัดใส่มือเฟิงลี่อย่างรวดเร็ว กล่าวอีกว่า “พี่สาวเจ้าอยู่ที่นั่น ไปแล้วอย่ากลับมา ไม่เช่นนั้นเจ้าได้เป็นอนุของหลิวอี้แน่...ไป!”
ระหว่างเบิกตารับฟัง เฟิงลี่ทั้งฉงน สับสน ตกใจ ตื่นตะลึง และทั้งดีใจ ตามแต่ละประโยคของจิ่วเม่ย
ตั้งแต่คำว่าให้ไปวังฝูอ๋อง ให้เงินนาง หนังสือผ่านทาง พี่สาวอยู่ที่นั่น อารมณ์หลากหลายแปรเปลี่ยนไปตามวาจาของอีกฝ่าย ท้ายที่สุด เมื่อได้ยินว่า จะได้เป็นอนุของหลิวอี้แน่นอน ปลายเท้าน้อยๆ จึงขยับพร้อมคำว่า ‘ไป’ ของจิ่วเม่ยทันที
เฟิงลี่วิ่งห่างออกมาไกลแต่ยังได้ยินเสียงจิ่วเม่ยเอ่ยกับสาวใช้ดังแว่วตามหลังมาว่า
“ลี่เอ๋อร์ทำร้ายข้า ทุบตีข้า นางขโมยเงินข้าไป บอกว่าจะไม่กลับมาอีก นางไม่ต้องการเป็นอนุของนายท่านหลิวถึงเพียงนี้ โธ่เอ๋ย...นายท่านกับข้าดีต่อนางขนาดไหน ยังเนรคุณได้ลงคอ”
สาวใช้ตะโกนถาม “ให้ตามนางกลับมาหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่ต้อง นางอยากไปก็ให้นางไป คนเนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ไม่ต้องกลับมา! ข้าไม่รับเด็ดขาด!”
“บ่าวจะไปแจ้งมือปราบ ให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการ”
“ดี! รีบไป!”
สิ้นเสียงตวาดของจิ่วเม่ย เฟิงลี่พลันขมวดคิ้วมุ่น นางวิ่งไปตามตรอกคับแคบพลางครุ่นคิดได้อย่างลึกซึ้ง
หลิวอี้คงยังไม่ล้มเลิกความคิดอยากได้ตัวนางเป็นภรรยา จิ่วเม่ยจึงต้องปั้นเรื่องราวให้ใหญ่โต เพื่อให้ตนเองยังคงดูดีในสายตาสามี ส่วนคนชั่วช้าย่อมเป็นนางแต่เพียงผู้เดียว
และเพื่อมิให้นางกลับมา จิ่วเม่ยจึงต้องถูกนางทำร้าย ถูกขโมยเงิน ถูกทุบตีจนบาดเจ็บเช่นนี้ หลิวอี้ย่อมไม่กล้าให้นางกลับมาอยู่ข้างกายจิ่วเม่ยอีก ยังจะแจ้งทางการให้ส่งคนตามล่าจับนางคุมขัง
เช่นนั้น...นางยิ่งไม่อาจกลับมาได้อีกเลย
ยิ่งคิดเรียวคิ้วงามยิ่งเคร่งเครียด เฟิงลี่ให้รู้สึกหายใจติดขัด ไม่รู้เป็นเพราะโกรธหรือเพราะวิ่งจนเหนื่อยกันแน่
ก่อนหน้านี้จิ่วเม่ยทำดีกับนางเพราะต้องการเอาใจสามี เป้าหมายแห่งการหลอกลวงให้ตายใจมิใช่นาง แต่เป็นหลิวอี้
ทว่าสุดท้ายก็ยังเลือกทำร้ายนางอยู่ดี
ถึงขั้นทำนางให้กลายเป็นคนไร้ที่ซุกหัวนอนเลยทีเดียว
เฟิงลี่เป็นคนแบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน แต่สิ่งที่จิ่วเม่ยกับหลิวอี้ทำกับนาง จำต้องถือเสียว่าหมดสิ้นวาสนาต่อกัน บุญคุณที่ให้ข้าวให้น้ำก่อนหน้าก็จงสิ้นไปเพราะเหตุการณ์นี้เถอะ! อย่าได้พบเจอกันอีกเลย...
เมื่อแน่ใจว่าห่างออกมาจากความวุ่นวายไกลโข เด็กสาวจึงเปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินทอดน่อง พลางขบคิดเรื่อยเปื่อย
อันดับแรก นางต้องปกปิดใบหน้า เผื่อว่าจะมีคนของทางการมาตามจับกลับไป
คิดพลางมองหาร้านผ้า เมื่อหาเจอก็เดินเข้าไปด้วยท่าทางปกติ ซื้อหมวกกันลมพร้อมผ้าหนึ่งผืนสวมใส่ศีรษะเอาไว้
จากนั้นก็เดินทางต่อ พลางคิดถึงข่าวที่ได้รับ
วังฝูอ๋องของเจิ้งเทียนฉี ตั้งอยู่ทิศเหนือของเมืองหลวง
พี่สาวอยู่ที่นั่น…
นิยายเรื่องนี้ฉบับอีบุ๊ค คลิก>>>
|
ความคิดเห็น