ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
Lilo & Stitch Reboot Fanfic : ลิขิตรักข้ามจักรวาล

ลำดับตอนที่ #12 : Mission 11 : เจ้าหญิงผู้ปลดปล่อย

  • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 62


MISSION 11

เจ้าหญิงผู้ปลดปล่อย



                    ไม่นึกไม่ฝัน... ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับชีวิตทดลองที่ไม่ใช่ผลงานของจัมบ้าเป็นครั้งแรกด้วยตาตัวเองอย่างรวดเร็วเช่นนี้

                    เขาเชื่อมาตลอด... ว่าผู้สร้างชีวิตทดลองแบบจัมบ้าที่ยังหลงเหลืออยู่ได้หลบซ่อนอยู่ในเงามืด

                    แต่ในเมื่อชีวิตทดลองแปลกหน้าโผล่มาท้าสู้ถึงถิ่น  มีรึ... ที่ยอดนักสู้หมายเลข 626 จะไม่รับคำท้า!

                    หมาจิ้งจอกสามหางเปิดฉากโจมตีสติทช์  เริ่มต้นที่หางขวาทำหน้าที่เป็นมือขวาชั้นล่างหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเข็มขัดแล้วโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า

                    หน้ากากจมูกหมา คือของที่หมาจิ้งจอกหยิบขึ้นมา  เจ้าหมาสามหางกระโดดยื่นหน้ารับหน้ากากมาสวมใส่

                    จากหมาจิ้งจอกสามหางขนสีเทา... กลายเป็นหมาจิ้งจอกหนังหนาที่มีเขากวางงอกขึ้นมาจากขมับพร้อมขวิดศัตรูที่อยู่ตรงหน้าให้กระเด็นหายไปจากสนามรบในบัดดล  จากนั้นก็ตะกุยเท้าทำตัวเป็นกระทิงสเปนจะขวิดนักสู้เอาผ้าคลุมสีแดงมาล่อ  เป็นภาพที่ทำเอาสติทช์แอบขำในใจ

                    "วิชาแปลงร่างจากหน้ากากที่คุณกำลังพกพาอยู่  น่าสนใจดี  แต่มุขมันเชย  ขี้เกียจใช้ซ้ำ"  สติทช์สบประมาทพร้อมรับมือการโจมตีซึ่ง ๆ หน้าจากอีกฝ่าย  ทันทีที่จิ้งจอกสามหางวิ่งเข้ามา  นักสู้ตัวสีฟ้าเชื่อมั่นในพละกำลังของตน... คิดว่าเขาจะทุ่มคู่ต่อสู้ได้  สติทช์จึงยื่นมือทั้งสี่จับเขาซ้ายหมายทุ่มร่างจิ้งจอกไปข้างหลัง

                    แต่ดูเหมือนว่า... น้ำหนักของอีกฝ่ายจะมากเกินมาตรฐานจนสติทช์สงสัย

                    ทั้งที่สติทช์ยกของที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวถึง 3 พันเท่าได้แท้ ๆ

                    "ผมว่าคุณประเมินฝีมือผมต่ำไปนะ  เพราะหน้ากากที่ผมสวมใส่... มันคือ หน้ากากจมูกหมาผ่านศึก  เป็นของดีระดับพรีเมี่ยมที่สามารถบันทึกบทวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศัตรูที่ผมเคยปะทะฝีมือและกำลังจับตาดูอยู่  อย่างคุณ... เหมาะกับ ภูผา ที่มีความแข็งแกร่งดุจหินผา  คุณคิดว่าผมจะถูกจับทุ่มง่าย ๆ อย่างนั้นหรอกรึ... คุณ 626  บอกไว้ก่อนนะว่าคุณคิดผิด"  จิ้งจอกสามหางได้ทีอวดความสามารถของตนให้อีกฝ่ายได้รับรู้  ทำเอาสติทช์รู้สึกได้... ว่าเขากำลังยกของที่หนักเกินขีดจำกัดพละกำลังอยู่

                    "ฉันมีชื่อว่า... สติทช์เว้ย!"  สติทช์กัดฟันย้ำชื่อของตนให้อีกฝ่ายรับรู้  ในขณะที่เขาพยายามออกแรงดันร่างจิ้งจอกสามหางไปให้พ้น  แต่ยิ่งดัน... อีกฝ่ายก็ฮึดสู้  ออกแรงทำท่าจะขวิดสติทช์ให้ได้

                    สติทช์กระโดดถีบหน้าจิ้งจอกสามหางด้วยเท้าทั้งสองข้าง  ทำเอาจิ้งจอกสามหางเสียหลัก... ถอยหลังไปก้าวสองก้าว  จิ้งจอกสามหางส่ายหน้าหวังรวบรวมสติอีกครั้ง  แต่ถูกสติทช์พุ่งปราดเข้ากระชากหน้ากากจมูกหมาผ่านศึกออกจากใบหน้าเสียก่อน  เพราะเขาอ่านจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว... ว่าถึงจิ้งจอกมั่นใจในพลังหน้ากาก  แต่ถ้าถูกโจมตีจนดวงจิตกับหน้ากากไม่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว... หน้ากากก็มีสิทธิ์ถูกจับถอดได้

                    จากจิ้งจอกภูผาคืนสภาพเป็นจิ้งจอกสามหางในพริบตา


แต่จิ้งจอกยังยิ้มให้สติทช์ด้วยความรู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง!


                    "สงสัยผมคงต้องถอนคำพูดเสียแล้วล่ะกระมัง  สมแล้วที่เป็นจอมทำลายล้างหมายเลข 626  ไม่ใช่สิ... คุณชื่อสติทช์สินะ  สมองคอมพิวเตอร์ของคุณวิเคราะห์จุดอ่อนของผมได้ดี  ประสานงานกับพละกำลังของคุณอย่างรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ... ว่าคุณทำให้หน้ากากภูผาของผมเป็นของเล่นได้  แต่อย่าเพิ่งดีใจไป... หน้ากากอันนี้แค่ออเดิร์ฟ  ต่อจากนี้ไป... เป็นอาหารจานหลัก"  จิ้งจอกสามหางจึงขยับหางซ้ายหยิบหน้ากากอันที่ 2 ออกมาจากกระเป๋าคาดเอวแล้วโยนขึ้นสู่ท้องฟ้า  จากนั้นก็กระโดดรับหน้ากากมาสวมใส่เตรียมเข้าสู่การต่อสู้ยกที่สอง

                    เพียงแต่... หน้ากากอันใหม่กลายเป็นของเหลวกระทบใบหน้า  ร่างจิ้งจอกจึงอันตรธานหายไป  สติทช์รู้ในทันทีว่าเป็นหน้ากากล่องหน  จึงปรับนัยน์ตาของเขาเข้าสู่อินฟราเรดโหมดเพื่อตรวจจับความร้อนจากร่างกายคู่ต่อสู้

                    แต่ดูเหมือนว่าการล่องหนของจิ้งจอกจะอยู่ในระดับเซียนเสียแล้ว  เหมือนเมื่อก่อนที่การต่อสู้ยกแรกจะอุบัติขึ้นไม่มีผิด!

                    ในเมื่อดวงตาไม่ได้ผล... เหลือแค่จมูกกับใบหูที่ต้องดมกลิ่นและฟังเสียง  คาดว่าการล่องหนของจิ้งจอกต้องมีช่องโหว่

                    แต่ผิดคาด... เพราะไม่ได้กลิ่นจิ้งจอกสามหางและไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เล็ดลอดเข้าหูเขาแม้แต่น้อย

                    เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นเป็นสัตว์ทดลองแบบไหนกัน... ถึงมีฟังก์ชั่นการโจมตีที่มากมายแบบนี้!?

                    ดูท่าสติทช์จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียแล้ว

                    เพียะ!   

                    มีบางสิ่งบางอย่างฟาดสติทช์กระเด็นออกนอกสนามรบ  ซึ่งสติทช์รู้ในทันทีว่าเป็นหางจิ้งจอก  ทำให้สติทช์ต้องลุกขึ้นมาจับความเร็วในการโจมตีของอีกฝ่ายให้จงได้

                    "ดูเหมือนว่าน้องชายฉันจะทำให้คุณลำบากใจสินะ"  เสียงผู้หญิงดังมาจากข้างหลัง  สติทช์หันไปดู  พบว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เฝ้าดูการต่อสู้ของเขากับจิ้งจอกนิรนามมาตลอด

                    หญิงสาวอายุราว ๆ 15-16 ปี  ผมยาวสยายจรดหัวไหล่  เสื้อแจ็กเก็ตยีนส์กับกางเกงยีนส์สร้างลุคส์ทะมัดทะแมงจนดูเป็นหญิงห้าวที่สวนทางกับใบหน้าหวานเรียบของเธออย่างเห็นได้ชัด

                    สติทช์ลุกขึ้นยืนพร้อมรวบรวมสติในการใช้เซ้นส์ได้ยินกับดมกลิ่นตามหาจิ้งจอกนิรนามที่ยังล่องหนอยู่  แต่ความได้เปรียบกลับตกไปที่จิ้งจอกอย่างเห็นได้ชัด  จิ้งจอกล่องหนโจมตีรัว ๆ เข้าที่ช่องท้องของสติทช์อย่างแรงจนร่างเซถลา  ทำเอาสติทช์รู้สึกงุนงง... ว่าเขากำลังต่อสู้กับจิ้งจอกหรือแมลงอะไรสักอย่างที่มีพละกำลังสูสีกันอยู่

                    แต่ก่อนที่ร่างกายจะบอบช้ำจนระบมไปมากกว่านี้  หญิงสาวหน้าหวานก็เป็นคนกู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น

                    เธอเปิดกระเป๋าเป้ลายทหารแล้วหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาไว้ในมือแล้วโยนไป  สร้างความงุนงงให้สติทช์เป็นอย่างมาก

                    "ของเล่นชิ้นโปรดจะทำให้เขาหายคึกเอง"  หญิงสาวหน้าหวานพูดพลางยืนกอดอกด้วยความมั่นใจ... ว่าของเล่นที่เธอโยนไปนั้นจะกำราบ "น้องชายจิ้งจอก" ได้

                    ลูกบอลสีส้มขนาดเล็ก เป็นของเล่นชิ้นที่หญิงสาวหน้าหวานพูดถึง  แต่ลูกบอลลูกนี้ไม่ใช่ของเล่นธรรมดา

                    มันคือลูกบอลที่ทำให้หน้ากากจมูกหมาธาตุน้ำหยุดทำงานในพริบตา!

                    ภาพที่สติทช์เห็น  คือ... เจ้าจิ้งจอกนิรนามที่แต่ก่อนมีร่างใหญ่กลายเป็นลูกจิ้งจอกตัวจ้อยไม่พอ  สันหลังมีปีกอินทรีงอกออกมา  และอุ้งเท้าหน้าสวมสนับเหล็กที่เล่นเอาสติทช์จุกเมื่อสักครู่  ซึ่งบัดนี้... เจ้าจิ้งจอกกำลังเพลิดเพลินกับลูกบอลยางที่หญิงสาวหน้าหวานขว้างไปเมื่อสักครู่

                    "เมนคอร์สที่ว่ามา... คือของยิบย่อยพวกนี้สินะ"  สติทช์พูดพลางหัวเราะขำขันอย่างนึกเอ็นดูเจ้าจิ้งจอกน้อยที่ยังเล่นกับลูกบอลอยู่  ทั้งที่เขาเจ็บท้องจากการโจมตีของเจ้าจิ้งจอกเมื่อสักครู่

                    "แต่ก็ตบท้ายด้วยของหวานหลากรสอยู่ดี  รสส้มด้วยนะ"  หญิงสาวหน้าหวานเสริมพร้อมกับยืนมองเจ้าจิ้งจอกที่แปรสภาพเป็นหมาน้อยแสนเชื่องอย่างรวดเร็ว  การต่อสู้ระหว่างสติทช์กับจิ้งจอกจึงจบลง

                    "สติทช์!"  ลีโล่วิ่งโผเข้ากอดเพื่อนรักตัวสีฟ้าในทันทีที่เห็นหน้า  "ดีนะที่พี่ไม่เป็นไร"

                    "ไกลหัวใจน่าลีโล่  แต่น่าเสียดาย... ที่ฟัดกันได้ไม่สะใจเท่าที่ควร"  สติทช์พูดติดตลกพลางกอดตอบรับความห่วงใยจากเพื่อนรัก  เป็นภาพที่ทำให้หญิงสาวหน้าหวานรู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง

                    "ในที่สุด  ข่าวคราวที่ว่าบนโลกนี้ยังมี เจ้าหญิงผู้ปลดปล่อย ที่ทำให้เหล่าชีวิตทดลองใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อย่างผาสุกก็เกิดขึ้นจริงจนได้  เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ"  หญิงสาวหน้าหวานพูดในขณะที่นัยน์ตาของเธอจ้องมองลีโล่ไม่กะพริบสักครั้ง

                    "เอ่อ... เจ้าหญิงผู้ปลดปล่อยอะไรกัน  ลีโล่เป็นแค่เด็กชาวฮาวายที่มีเราเป็นเพื่อนก็แค่นั้น  ไม่ทราบว่าคุณคือใครกันแน่!?"  รูเบ็นชักปืนพลาสม่าเล็งไปที่หญิงสาวหน้าหวานด้วยความไม่ไว้วางใจ

                    "ใจเย็น ๆ ก่อนสิ... คุณ 625  เราไม่ได้มาเพื่อหาเรื่องเอาชีวิตเจ้าหญิงของพวกคุณหรอก  ฉันว่า... เรามานั่งจิบน้ำชาคุยกันดี ๆ จะดีกว่านะคะ"  สาวหน้าหวานเกลี้ยกล่อมรูเบ็นให้ใจเย็นลง

                    "ผมชื่อรูเบ็น  ยานลำนี้ไม่มีน้ำชาให้จิบหรอกนะสาวน้อย  มีแต่แซนด์วิชกับโค้ก  และผมคงไม่ยินดีแบ่งปันให้คุณที่สืบเรื่องลีโล่จนแทบละเอียดยิบแน่  ถ้าคุณไม่ระบุตัวตนออกมาให้ชัดเจน  ผมจะถือเสียว่าคุณเป็นศัตรูที่ติดตามชีวิตลีโล่เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง"  รูเบ็นยืนยันที่จะโจมตี... หากอีกฝ่ายไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา  แน่นอนว่าจิ้งจอกสามหางละความสนใจจากลูกบอล... พุ่งถลาแยกเขี้ยวใส่สติทช์กับรูเบ็นพร้อมปกป้องเจ้านายในทันที

                    หญิงสาวหน้าหวานรู้ดี... ว่าสติทช์กับรูเบ็นรักและปกป้องลีโล่ที่สอนพวกเขาให้รู้ซึ้งถึงการมีชีวิตที่ต่อต้านโปรแกรมทำลายล้าง  และลีโล่ตกเป็นเป้าสังหารของวายร้ายกลุ่มหนึ่งที่จ้องเอาชีวิตตามใบสั่งของแฮมสเตอร์วิลล์

                    การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง  เป็นหนทางเดียวที่จะซื้อใจสติทช์ได้

                    เธอตัดสินใจกดปุ่ม ๆ หนึ่งบนนาฬิกาดิจิตอลข้อมือข้างซ้าย  จากหญิงสาวหน้าหวานคืนร่างเป็น... ชีวิตทดลองเหมือนสติทช์และผองเพื่อน!

                    "ทีนี้... พวกคุณพร้อมที่จะเปิดอกพูดคุยกับเราสักทีนะ"  สัตว์ทดลองหน้าใหม่ย้ำให้พวกลีโล่น้อมรับความบริสุทธิ์ใจจากอีกฝ่าย  ซึ่งแน่นอนว่าการผูกมิตรกันจึงบังเกิดขึ้น



                    แซนด์วิชกับโค้กเป็นของว่างกับเครื่องดื่มที่รูเบ็นใช้รับรองแขกที่มาทำความรู้จักกับลีโล่เป็นครั้งแรก  ลีโล่สังเกตรูปลักษณ์ของสัตว์ทดลองหน้าใหม่ที่สวมนาฬิกาดิจิตอลที่ข้อมือข้างซ้าย  จะพบว่า... เธอมีรูปพรรณสันฐานเทียบเท่าแองเจิ้ล  แต่มีขนสีม่วงอเมทิส (amethyst) กับม่วงลูกพลัมสลับกันเหมือนลายเสือ  ขนสีขาวบริเวณหน้าอกโค้งเป็นรูปตัวยู  ใบหูของเธอยาวแหลมตั้งขึ้นเหมือนกระต่าย  และมีหางม้วนยาวเหมือนแมวป่า

                    เป็นรูปลักษณ์ที่ดูงดงามมีมิติและน่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง  เข้ากับแววตาคมกริบที่จับจ้องมองว่าที่เพื่อนใหม่อย่างไร้ที่ติ

                    "ต้องขอโทษแทนน้องชายจอมซนของฉันนะ  โกเมนนาซาอิ (Gomennasai)  เขาเป็นอย่างนี้แหละ  ตื่นเต้นและบ้าพลังมากไปหน่อย  พวกคุณคงไม่ถือสากันนะ"  ชีวิตทดลองสีม่วงกล่าวขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อสักครู่ให้พวกลีโล่ไม่ติดใจเอาความใด ๆ

                    "ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ  ดีเสียอีก... ที่ฉันได้ทำความรู้จักคุณที่ไม่ใช่ผลงานของลุงจัมบ้า  ฉันชื่อลีโล่ เพเลไค  ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"  ลีโล่แนะนำตัวเอง  สติทช์  และรูเบ็นให้เพื่อนใหม่ได้จดจำ

                    "โยโรชิกุ โอเนกาอิชิมาสึ (Yoroshiku onegai shimasu)  วาตาชิโนะ นามาเอวะ คิราเนะ เดส (Watashino namaewa Kirane des)  เรียกฉันว่า คิระ ก็ได้นะ"  ชีวิตทดลองที่ชื่อ... คิราเนะ  แนะนำตัวเป็นภาษาญี่ปุ่น  ทำเอาพวกลีโล่ถึงกับทึ่ง... นึกไม่ถึงว่าประเทศฝั่งเอเชียจะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นเหมือนฮาวายไม่มีผิด

                     "ส่วนนี่... คิตสึเกะ  น้องชายฉันเอง"  คิระผายมือไปทางเจ้าหมาจิ้งจอกสามหางที่กินแซนด์วิชของรูเบ็นอย่างเอร็ดอร่อย

                     "หวังว่าท้องนายคงไม่จุกเสียดจนกินแซนด์วิชไม่ลงนะ"  เจ้าหมาคิตสึเกะได้ทีพูดจายียวนสติทช์ที่ยังไม่แตะแซนด์วิชเพราะเจ็บท้องจากการต่อสู้เมื่อสักครู่

                     "ก็เล่นกระหน่ำซัมเมอร์เซลไม่เกรงใจใครนี่  ท้องต้องจุกเป็นธรรมดา"  สติทช์กล่าวโทษจิ้งจอกจอมแสบในทันทีที่ถูกยียวนชวนปวดท้อง

                     "ในเมื่อพวกนายเปิดเผยตัวแล้วว่าเป็นชีวิตทดลองจากญี่ปุ่น  พอจะมีน้ำใจบอกชื่อผู้สร้างมาสักคนสองคนจะได้รึเปล่า"  รูเบ็นถามหาผู้สร้างจากชีวิตทดลองสองพี่น้องต่างสายพันธุ์

                     "คุณจัมบ้าน่าจะรู้จักชื่อ... โรแกน  พวกนายเคยได้ยินชื่อนี้มั้ย"  คิระเอ่ยชื่อนักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างตนขึ้นมา  แน่นอนว่าพวกลีโล่พากันส่ายหน้าแทนคำตอบ  คิระรู้ในทันที... ว่าชีวิตทดลองทั้งหกร้อยกว่าชีวิตของจัมบ้าต้องไม่เคยได้ยินชื่อโรแกน  จึงอธิบายคร่าว ๆ ให้ลีโล่รู้จักเสียแต่เนิ่น ๆ  "โรแกนเป็นผู้สร้างชีวิตทดลองที่มีความคิดแตกต่างไปจากนักวิทยาศาสตร์ทุกคนในกาแล็คซี่  เพราะเขาเชื่อเสมอ... ว่าชีวิตทดลองถูกสร้างมา  ไม่จำเป็นต้องใส่โปรแกรมสร้างความหายนะ  แค่ใส่สกิลและพลังที่จะใช้ป้องกันตัวและสร้างคุณประโยชน์ให้กาแล็คซี่  แต่อย่างที่รู้กัน... ว่านักวิทยาศาสตร์ทุกคนที่ทำงานในวงการผลิตชีวิตทดลอง  ล้วนเป็นบุคคลอันตรายที่ถูกทางสหพันธ์กาแลคติกหมายตาพร้อมดำเนินคดีได้ทุกเมื่อ  หากชีวิตทดลองที่ถูกตราหน้าว่าเป็นอาวุธมีชีวิตตัวใดตัวหนึ่งเล็ดรอดออกไป  หรือไม่ก็มีการซื้อขายกันเกิดขึ้นในตลาดมืด  โรแกนจะไม่ยอมตกเป็นหนึ่งในบัญชีผู้ถูกหมายหัวเป็นอันขาด"

                     "คุณโรแกนถึงได้เดินทางมาที่ดาวโลก  แต่ที่นี่ไม่มีเทคโนโลยีมากพอที่จะสร้างชีวิตทดลองได้นะคะ  สร้างได้มากสุดกี่ตัวแล้ว"  ลีโล่ถาม

                     "ไม่มากเท่ามีหมายเลข 626 จนตกเป็นข่าวถูกจับกุมแล้วกัน"  คิตสึเกะตอบทำนองสบประมาท  ทำเอาสติทช์ฟังแล้วรู้สึกขุ่นเคืองยิ่งนัก... ตีความว่าไอ้หมาจิ้งจอกสามหางมีเจตนาแขวะไปถึงจัมบ้าที่ถูกจับพร้อมหลักฐานมัดตัว

                     "ฉันบอกว่าชื่อสติทช์เว้ย!"  สติทช์โวยใส่ที่ถูกเรียกเป็นหมายเลขชีวิตทดลองเป็นเชิงดูถูก

                     "โทษทีว่ะ  ก็ข่าวมันลงแค่ชื่อหมายเลข 626  ฉันก็เลยเรียกจนชินปากอ่ะนะ  ไม่ยักรู้นะว่ามีชื่อนี้ด้วย"  คิตสึเกะยักไหล่โนแคร์  คิดว่าชื่อสติทช์เป็นชื่อที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ได้ยินมา

                     "ก็ชื่อนี้นี่แหละ... เข้ากันกับฉันดี"  สติทช์อวยชื่อตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ  ลืมอาการเจ็บท้องจากการต่อสู้ฉับพลัน

                     "เธอบอกว่าที่ดาวดวงนี้ไม่มีเทคโนโลยีมากพอที่จะสร้างชีวิตทดลองได้  ซึ่งมันเป็นความจริงอย่างที่ว่า  แต่สำหรับคุณโรแกน... ทุกอย่างต้องมีการเตรียมพร้อมเสมอ  เพื่อให้งานวิจัยเสร็จสมบูรณ์"  คิระอธิบายต่อก่อนที่น้องชายจิ้งจอกตัวดีจะกวนประสาทต่อจนนอกเรื่องอีก

                     "งานวิจัยอะไรรึ"  รูเบ็นถาม

                     "งานวิจัยเรื่อง... ดวงใจชีววุธ  เป็นสิ่งเดียวที่จะหักล้างอคติของสหพันธ์กาแลคติกได้  ฉันกับคิตสึเกะเป็นชีวิตทดลองที่ถูกสร้างเพื่องานวิจัยชิ้นนี้โดยเฉพาะ  เจ้าสิ่งที่สวมใส่อยู่ข้อมือข้างซ้ายของฉัน... ทำให้ชีวิตทดลองอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ได้  แม้รู้ว่าอยู่ในเงามืดก็ตาม"  คิระชูนาฬิกาข้อมือข้างซ้ายให้ลีโล่ดู  พบว่าแท้จริงแล้ว... เครื่องมือชิ้นนี้สามารถจำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์ได้  "นี่คือ... โฮโลแกรมชีววุธ  คุณโรแกนประดิษฐ์ของชิ้นนี้  เพื่อให้ฉันแปลงร่างเป็นมนุษย์ศึกษาวิธีการใช้ชีวิตได้"

                     คิระกดปุ่มสีฟ้าบนอุปกรณ์รัดข้อมือเพื่อแสดงประสิทธิภาพให้พวกลีโล่ได้เห็นเต็มสองตา  จากชีวิตทดลองสีม่วงแปลงร่างเป็นหญิงสาวหน้าหวานในพริบตา

                     "พี่อยู่บนดาวโลกมานานแค่ไหนแล้วคะ"  ลีโล่ถาม

                     "นานกี่ปีแล้วเหรอ  จำไม่ได้แล้ว  รู้แค่ว่าอยู่บนดาวดวงนี้มาสัก... สิบยี่สิบปีก็ว่าได้"  คิตสึเกะตอบพลางยักไหล่  สติทช์รู้คำตอบในทันที... ว่าโรแกนกับชีวิตทดลองอาศัยอยู่บนดาวโลกก่อนที่เขาจะหนีลงมาอยู่กับลีโล่มาเป็นสิบ ๆ ปี

                     "แล้ว... พวกนายมีสกิลอะไรบ้าง  สกิลที่เป็นโปรแกรมหลักของพวกนายต้องน่าสนใจพอสมควร  อย่างเช่น... หน้ากากจมูกหมาผ่านศึก"  สติทช์ชำเลืองมองหน้าคิตสึเกะด้วยความสนอกสนใจ  อยากรู้อยากเห็นเหลือเกินว่าสองพี่น้องต่างสายพันธุ์มีสกิลน่าสนใจมากน้อยเพียงใด

                     "ถ้าจะพูดให้ถูกตามที่ฉันอธิบายก่อนหน้านี้  ชีวิตทดลองที่คุณโรแกนสร้างขึ้นมา... ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมทำลายล้าง  อย่างฉันกับคิตสึเกะต้องเรียนรู้วิธีการต่อสู้ด้วยตัวเอง  ส่วนสกิลที่ได้นั้นก็... เป็นอ๊อพชั่น (option) เสริมให้การต่อสู้มีความเข้มข้นยิ่งขึ้น  หน้ากากจมูกหมาผ่านศึกของคิตสึเกะก็เป็นผลงานที่รังสรรค์จากงานศิลปะที่มีเจ้านี่เป็นผู้ช่วยอันดับหนึ่งของฉัน"  คิระควักของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ลายทหาร  พบว่าเป็นแท็บเล็ตพร้อมปากกา  จากนั้นก็โชว์วิชาวาดรูปให้พวกลีโล่ได้ทึ่งกันอย่างทั่วถึง

                     คิระทำตัวเป็นจิตรกรสาววาดรูป ๆ หนึ่งในแท็บเล็ต  เพียงแต่ปากกาแท็บเล็ตในมือขวาของเธอ... ไม่ใช่ปากกาธรรมดา

                     มือซ้ายของเธอสำแดงประกายไฟฟ้าให้พวกลีโล่ได้เห็น... ว่าสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง

                     เธอเอานิ้วไฟฟ้าจิ้มไปที่ปากกาแท็บเล็ต  จากปากกาแปรเปลี่ยนเป็นพู่กันแท็บเล็ตในพริบตา!

                     สกิลของคิระ  คือ... การปรับตัวให้เข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้า  สามารถใช้ประโยชน์ในเรื่องการต่อสู้หรือการอื่นอีกมากมาย 

                     พู่กันแท็บเล็ตของเธอจะมีลักษณะเหมือนพู่กันกับปากกาผสมผสานกัน  เพราะเธอวาดเส้นเป็นเค้าโครงใบหน้า... จากนั้นก็ลงสีให้ภาพวาดในแท็บเล็ตมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

                     ทันทีที่เธอวาดรูปหน้ากากจนเสร็จสิ้น  เธอก็หันแท็บเล็ตให้พวกลีโล่ดู  พบว่าเธอวาดรูปใบหน้าสติทช์  แต่เป็นภาพใบหน้าตั้งแต่ใบหู  ศีรษะส่วนบน  ดวงตา  แก้ม  และจมูก  หรือพูดง่าย ๆ  คือ... เธอวาดใบหน้าส่วนบนเพื่อให้เป็นหน้ากากจมูกหมาผ่านศึกอันใหม่ให้มากที่สุด

                     "ว้าว... เข้าใจวาดได้ดีนี่"  สติทช์เอ่ยปากชมภาพวาดในแท็บเล็ตของคิระ  ซึ่งเป็นภาพวาดที่สวยงามจนนึกอิจฉาคิตสึเกะขึ้นมา

                     "มันก็แค่ภาพวาดนะ  คอยดูตอนฉันสวมหน้ากากอันใหม่ก็แล้วกัน"  คิตสึเกะเกริ่นนำให้สติทช์ชมการแสดงของเขา  คิระกดปุ่ม ๆ หนึ่งในแท็บเล็ต  ซึ่งเป็นปุ่มสีแดงที่มีคำสั่ง ACTIVATE กำกับอยู่

                     เพียงแค่กด... หน้ากากอันใหม่ก็โผล่ออกมาจากแท็บเล็ต  ใบหน้าของคิตสึเกะรับหน้ากากอันใหม่มาสวมใส่ทันที  จิ้งจอกสามหางแปลงร่างเป็นมนุษย์จิ้งจอกสีฟ้าที่มีหนามแหลมงอกมาจากสันหลัง  สติทช์เห็นแล้วรู้สึกได้ว่าคิตสึเนะกลายเป็นหมายเลข 626 ร่างจิ้งจอก  จึงนึกสนุกที่จะลองของ... แปลงกายเป็นยอดนักสู้สี่แขนทำท่าจะปะทะกับจิ้งจอกอีกรอบ  ลีโล่กับคิระรีบเอาตัวเองกั้นกลางระหว่างเพื่อนรักสีฟ้ากับจิ้งจอกในทันที

                     "อย่าคะนองไปเลยน้องชาย  นายยังต้องฝึกอีกเยอะ"  คิระจับใบหน้าน้องชายจิ้งจอกแล้วถอดหน้ากากออกมา  มนุษย์จิ้งจอกสีฟ้าคืนร่างเป็นเจ้าจิ้งจอกสามหางในทันที  ในขณะที่ลีโล่เอามือลูบหลังสติทช์เพื่อให้เขาลดความระห่ำลงบ้าง

                     "ดู ๆ ไปแล้ว... สกิลการต่อสู้ของคิตสึเกะ  คือ... การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมจากหน้ากากที่สวมใส่ สินะ"  รูเบ็นประเมินสกิลของจิ้งจอกสามหางจากหน้ากากจมูกหมาผ่านศึกอันล่าสุดที่คิระวาดเมื่อสักครู่

                     "จะว่าอย่างนั้นก็ได้  อย่างที่บอก... โปรแกรมที่คุณโรแกนตั้งไว้  คือ... การต่อสู้เพื่อสันติภาพของกาแล็คซี่  ส่วนสกิลที่มีเป็นอ๊อพชั่น  อย่างที่สติทช์เห็น  คิตสึเกะใช้หน้ากากจมูกหมาภูผา  วารี  และ ปีกวิหค เพื่อวัดฝีมือนายโดยเฉพาะ"  คิระอธิบายหน้ากากจมูกหมาแต่ละอันให้สติทช์ฟังแล้วต้องบางอ้อ  สรุปสั้น ๆ ได้ในทันที... ว่าหน้ากากภูผาที่มีเขากวางหมายขวิดตน  คือเพิ่มพละกำลังมิให้สติทช์จับทุ่ม  ส่วนหน้ากากวารี... ทำให้คิตสึเกะล่องหนกลมกลืนไปกับแหล่งน้ำจนสามารถปรับเปลี่ยนโหมดลูกจิ้งจอกโจมตีศัตรูด้วยความเร็ว  และการล่องหนด้วยน้ำ... มีข้อดีตรงที่ความเย็นห่อหุ้มร่างกาย  ทำให้ดวงตาตรวจจับความร้อนของสติทช์ไม่สามารถมองเห็นคิตสึเกะได้  ตรงกันข้าม... ดวงตาคู่ที่ซ่อนอยู่ในขนสีเทาส่วนหัวไหล่ของจิ้งจอกสามหางสามารถตรวจจับความร้อนจากร่างกายของสติทช์ได้  หน้ากากจมูกหมาวารีจึงสร้างข้อได้เปรียบจากการต่อสู้เมื่อสักครู่  ยิ่งมีปีกวิหคเป็นอาวุธเสริม... คิตสึเกะจึงโจมตีรัว ๆ ใส่สติทช์ได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

                     สติทช์ฟังคำอธิบายแล้ว... รู้สึกมวนท้องขึ้นมาในทันทีที่นึกถึงการปะทะกันเมื่อสักครู่  ที่แท้... คิตสึเกะอาศัยหน้ากากเป็นข้อได้เปรียบนั่นเอง!

                     "แล้วงานวิจัยเรื่อง... ดวงใจชีววุธนี่เป็นงานวิจัยที่ว่าด้วยเรื่องอะไรคะ"  ลีโล่ถามถึงงานวิจัยด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                     "ชีววุธนี่ถือว่าเป็นภาษาสุภาพที่ใช้เรียกชีวิตทดลอง  ถึงเราถูกสร้างมาเป็นอาวุธเพื่อใช้ในการสู้รบ  แต่ขึ้นชื่อว่าสิ่งมีชีวิต... ย่อมมีสิ่งสำคัญถึง 2 สิ่งด้วยกันที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้เรามีชีวิตอยู่ยืนยาวนาน"  คิระอธิบายพลางยื่นนิ้วจิ้มไปที่อกข้างซ้ายของสติทช์  "นั่นคือหัวใจและสติปัญญาที่ใช้ควบคู่กัน"

                     "เหมือนกับหนูและสติทช์... ที่ออกค้นหาสัตว์ทดลองของจัมบ้าและละลายพฤติกรรมจนหาบ้านที่เหมาะสมอย่างนั้นรึเปล่าคะ"  ลีโล่นึกเอางานวิจัยของคุณโรแกนมาเปรียบเทียบกับภารกิจที่เธอกับสติทช์กำลังทำอยู่

                     "แตกต่างกันในระดับนึงนะจ๊ะหนู  ชีววุธอย่างเราที่ถูกคุณโรแกนสร้างขึ้นมา... มีโปรแกรมเพื่อการสู้รบก็จริง  แต่คุณโรแกนก็เลี้ยงดูเราเสมือนบุตรหลานให้รู้จักเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์  ส่วนชีววุธของคุณจัมบ้า... ถูกสร้างมาเพื่อทำลายล้าง  แต่เธอเป็นมนุษย์คนแรกของโลก... ที่เป็นผู้ปลดปล่อยเหล่าชีววุธให้มีโอกาสเรียนรู้โปรแกรมและสกิลเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้มนุษย์  พูดง่าย ๆ ก็คือ... เธอเป็นคนปลุกพวกเขาให้รู้ซึ้งถึงจิตวิญญาณของตัวเอง  และเธอกล้านำเสนอความคิดหักล้างเกี่ยวกับชีววุธให้ทางสหพันธ์กาแลคติกเปลี่ยนใจ  อนุญาตให้เหล่าชีววุธของจัมบ้าอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างเปิดเผย  เธอถึงได้เป็นเจ้าหญิงผู้ปลดปล่อยจนถึงทุกวันนี้"  คิระอธิบายถึงที่มาของเจ้าหญิงผู้ปลดปล่อยให้ลีโล่ได้รับทราบ  ทำเอาเด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกขวยเขินพิลึกที่ถูกนางแมวสีม่วงในร่างมนุษย์จำแลงยกย่องเป็นบุคคลสำคัญในกาแล็คซี่

                     "เอ่อ... หนูไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าหญิงอะไรทั้งนั้นนะคะพี่  หนูเห็นว่าชีวิตทดลองทุกตัวล้วนเป็นโอฮาน่าของสติทช์  และสติทช์เองก็เป็นโอฮาน่าของหนู  มันไม่ยุติธรรมมากกว่าที่ชีวิตทดลองต้องถูกทำลาย"  ลีโล่ถ่อมตน  ไม่รู้สึกว่าเธอได้รับเกียรติจากคนแปลกหน้าแบบนี้

                     "ตรงไปตรงมาดีนี่  ฉันชักอยากเห็นสายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเหล่าชีววุธด้วยตาตัวเองสักครั้ง... ว่าพวกเขามีสปิริตโอฮาน่ามากน้อยแค่ไหน"  เจ้าคิตสึเกะพูดออกมาหมายผูกพันธมิตรกับเหล่าชีวิตทดลองบนเกาะคาไวโดยเร็ว

                     เพราะสองพี่น้องชีววุธต่างพันธุ์อยากรู้เต็มแก่... ว่าลีโล่มีความเป็นเจ้าหญิงผู้ปลดปล่อยดั่งที่คุณโรแกนกล่าวถึงจริงหรือไม่!


                 ------------------------------------------------------------------------


                     พลบค่ำ  ณ  ถนนคนเดิน

                     ทุกเย็นวันเสาร์และอาทิตย์  โคคาอัวทาวน์จะมีถนนสายหนึ่งให้คนในท้องที่และนักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินไปกับการชิมช็อปและแชะเพื่อบันทึกภาพความสนุกสนานที่เกิดขึ้นในยามราตรี ณ เกาะนี้

                    แน่นอนว่านอกจากของกินที่หลากหลาย  ยังมีตลาดนัดให้เลือกซื้อสินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ  และการแสดงที่เผยแพร่วัฒนธรรมพื้นบ้านฮาวายให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน  ไม่ว่าจะเป็นการระบำฮาวาย  หรือไม่ก็... ระบำไฟของหนุ่มอกสามศอกที่ตอกย้ำให้รู้ซึ้งถึงเอกลักษณ์ของฮาวายอย่างแท้จริง

                    เดวิด คาวีน่า  แฟนหนุ่มของนานี่  เป็นนักระบำไฟฝีมือดี  ได้ขึ้นเวทีทำการแสดงเหมือนทุกคืนที่ร้านอาหารมีงานปาร์ตี้  สติทช์กับ สโปลดี้เฮด 619 ก็ร่วมระบำเพลิงบนเวทีด้วย  เพราะเจ้าสโปลดี้เป็นชีวิตทดลองมีรูปลักษณ์เหมือนมังกรกึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สามารถยิงลูกไฟหรือพ่นไฟจากโพรงจมูกโจมตีศัตรู  แต่เมื่อพบลีโล่และถูกนำตัวไปละลายพฤติกรรมจนเป็นนักพ่นไฟเพื่อใช้ประกอบการแสดงระบำไฟยามราตรี

                    การแสดงบนเวทีของหนุ่มสามสหายต่างสายพันธุ์... สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมได้ดีอย่างไร้ที่ติ

                    สองพี่น้องโคลแมน  แองเจิ้ล  คาลี่  และฟลุทเป็นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเกาะคาไว  ถึงกับทึ่งที่เห็นสติทช์กับสโปลดี้ระบำไฟเคียงข้างเดวิดอย่างสวยงาม  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบใหม่ที่ฟลุทอยากเห็นมาชั่วชีวิต

                    "ชอบมากใช่มั้ยล่ะ"  แองเจิ้ลเอาศอกกระทุ้งแขนเจ้าฟลุทที่ชมการแสดงบนเวทีชนิดตาไม่กะพริบ

                    "ไม่ชอบนะพี่  แต่รักเลยอ่ะ!"  ฟลุทตอบรับทั้งที่ใจยังตื่นตระการตาไปกับลีลาการควงกระบองไฟของสติทช์กับเดวิด  นับเป็นครั้งแรกที่เขากับคาลี่ได้เห็นการแสดงดี ๆ แบบนี้  ทำเอาแองเจิ้ลยิ้มแย้มด้วยความพึงพอใจ... ที่แผนเปิดโลกทัศน์กำลังไปได้สวย  หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คาลี่กับมาเรียนำไปใช้วาดรูปส่งเข้านิทรรศการที่กำลังจะเกิดขึ้นราว ๆ สิ้นเดือนกันยายน

                    บัดนี้มีเวลาเหลือเพียงครึ่งเดือน

                    "ว่ากันว่าบนเกาะนี้มีเสน่ห์นี่ท่าจะเป็นความจริงอย่างที่ลีโล่ว่าไว้ไม่มีผิด  เรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งความรักก็ว่าได้"  คาลี่เปรยออกมาด้วยความประทับใจในทุกสิ่งที่อยู่บนเกาะคาไว  รวมถึงเหล่าชีวิตทดลองที่ถูกลีโล่นำมาละลายพฤติกรรมจนใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้จนถึงทุกวันนี้

                    "ใช่... ดินแดนแห่งความรัก"  มาวินเห็นด้วย  ดูสติทช์ระบำไฟเป็นเพื่อนเดวิดบนเวทีแล้ว  ทำให้เขาแอบมโนภาพในใจ... ว่าบางทีเขาอาจเรียนรู้วิชาระบำไฟจากเดวิดเพื่อสร้างความประทับใจให้ลีโล่ในวันใดวันหนึ่งก็เป็นไปได้

                    "อย่านึกว่าหนูไม่รู้นะพี่... ว่าพี่คิดอะไร"  มาเรียกระเซ้าแหย่พี่ชายฝาแฝดจนหลุดจากภวังค์มโนโดยเร็ว

                    "พี่คิดอะไร!?  ไม่มี๊!"  มาวินปฏิเสธเสียงสูงพร้อมเอากำปั้นยีหัวน้องสาวฝาแฝดด้วยความหมั่นไส้  "แก่แดดแก่ลมใหญ่แล้วนะเรา"

                    "ก็หนูพูดความจริงนี่  แต่ขอบอกไว้ก่อน... ว่าการที่จะเรียนระบำไฟได้  มันต้องใช้เวลานะ  แม้แต่ระบำฮูล่าเองยังต้องมีศิษย์เก่าคอยสอน  จริงมั้ยจ๊ะแองเจิ้ล"  มาเรียหันไปแหย่แองเจิ้ลต่อ  ทำเอาแองเจิ้ลสะดุ้งขึ้นมาฉับพลัน

                    "พี่ไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะห๊ะ!?"  แองเจิ้ลงุนงงที่ถูกพาดพิงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

                    "อย่านึกว่าฉันไม่รู้... ว่าเธอเรียนระบำฮูล่าตัวต่อตัวกับสติทช์"  มาเรียพูดถึงสติทช์  ทำเอาแองเจิ้ลหน้าแดงขึ้นมา

                    "รู้ได้ไง!?"  นางฟ้าสีชมพูถาม

                    "แหม... ก็ตลอดซัมเมอร์ที่ผ่านมาตั้งแต่เราย้ายบ้านมาเป็นเพื่อนลีโล่  ฉันเห็นเต็มสองตา... ว่าสติทช์พาเธอไปเรียนฮูล่าด้วยกันสองต่อสองเพื่อไม่ให้เมอร์เทิลมาวุ่นวาย"  มาเรียตอบจากสิ่งที่ตาเห็น  "และฉันก็เห็น... ว่าเธอแอบฝึกระบำฮูล่าตอนกลางค่ำกลางคืน  เพื่อที่จะเอาใจสติทช์"

                    "เธอก็พูดเวอร์ไป  ฉันแค่ฝึกเพื่อเอาใจสติทช์เท่านั้นนะเหรอ  ฉันฝึกเพราะท่วงท่าอ่อนช้อยชวนหลงใหลต่างหาก  แต่เสน่ห์ของฮูล่ามันทำให้ฉันหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้นนะสิ"  แองเจิ้ลพยายามกลบเกลื่อนความเคอะเขินของเธอ  แต่ดูเหมือนจะเก็บอาการแทบไม่อยู่... เมื่อนัยน์ตาของเธอจับจ้องที่สติทช์บนเวที  ซึ่งบัดนี้... การแสดงจบลงพอดี



                    ทางด้านลีโล่กับรูเบ็น  ทั้งคู่รู้มาว่าคิระกับคิตสึเกะเป็นชีววุธที่บินมาจากญี่ปุ่นก็จริง  แต่เพราะทั้งคู่อาศัยอยู่บนดาวโลกมานาน  จึงไม่แปลกที่สองชีววุธจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษจนฟัง  พูด  อ่าน  และเขียนได้ดี  ลีโล่จึงเป็นไกด์ตัวน้อยพาทั้งคู่ทำความรู้จักกับถนนคนเดินอย่างเต็มที่  หลังจากที่รู้มาว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในโฮโนลูลู

                    มีถนนคนเดินทั้งที... ต้องมีของกินเป็นเรื่องธรรมดา

                    แต่ที่ไม่ธรรมดา  คือ... สลัชชี่  ดู๊ป  และริคเตอร์ทำบู๊ธไอศกรีมกับมิลค์เชคร่วมกัน  และเฟรนช์ฟรายส์ทำบู๊ธฟาสต์ฟู้ด  เป็นภาพที่ทำให้สองชีววุธจากแดนปลาดิบนึกชื่นชมสองคู่หูค้นหาสัตว์ทดลอง... ที่รู้จักโปรแกรมหลักของเหล่าสัตว์ทดลองที่จัมบ้าสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี

                    "เธอเป็นเด็กแท้ ๆ  กลับทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้  นับว่าไม่ธรรมดาเลยนะ"  คิตสึเกะเอ่ยปากชมลีโล่ก่อนที่ปากของเขาจะรับบาร์บีคิวสูตรของเฟรนช์ฟรายส์จากมือพี่สาวต่างสายพันธุ์มาเคี้ยวแก้มตุ้ยอย่างเอร็ดอร่อย

                    "ไม่ใช่แค่หนูกับสติทช์ที่ทำภารกิจนี้ได้  คุณจัมบ้า  คุณพรีคลีย์  และพี่น้องของสติทช์ก็มีส่วนร่วมนะคะ  พี่คิระถึงได้เห็นภาพประทับใจแบบวันนี้ไง"  ลีโล่ถ่อมตน  ยกเครดิตให้เพื่อน ๆ จากดาวทูโร่อย่างเต็มที่

                    "นี่แค่ส่วนหนึ่งในฮาวายนะ  ถ้าออกจากเกาะนี้เมื่อไหร่  พวกคุณได้เห็นชุมชนชีวิตทดลองอีกนับร้อยเลยนะ  เพียงแต่... ยังค้นหาไม่ครบหกร้อยก็เท่านั้นเอง"  รูเบ็นช่วยเสริม  คิระฟังแล้วถึงกับพยักหน้าด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง

                    "ถ้าให้พี่คำนวณระยะเวลาจากวันที่สติทช์ของเธอหนีลงมาใช้ชีวิตบนดาวโลกจนถึงวันนี้  ใช้เวลานานถึง 4 ปี 3 เดือนและ 11 วัน  เธอค้นหาและทำการละลายพฤติกรรมได้กี่ตัวแล้ว"  คิระถาม

                    "ถ้ารวมถึงชีวิตทดลองที่ไม่มีพิษมีภัยและยังอยู่ในสภาพลูกหินสลักหมายเลข  โดยรวมก็สัก... 416 ตัวแล้วค่ะ"  ลีโล่ตอบ

                    "ว้าว!  เลยครึ่งทางมาแล้วนี่  ทุกคนที่อยู่บนเกาะนี้คงไม่คุยฟุ้งใหญ่เลยสิท่า... ว่าเกาะนี้มีเอเลี่ยนอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์"  คิตสึเกะพูด

                    "ก็ไม่มีใครพูดว่าเราเป็นใครมาจากไหน  ยกเว้นคนที่ลีโล่ไว้ใจได้จริง ๆ  ทุกคนเข้าใจว่าเราเป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่ทั้งนั้นแหละ"  รูเบ็นตอบอย่างไม่ยี่หระ  แต่พอนึกถึงสติทช์แล้วอดอิจฉาไม่ได้  "แม้แต่สติทช์ยังถูกมองว่าเป็นหมาน้อยน่ารักไปเลย"

                    คิระกับคิตสึเกะถึงกับขำเมื่อเห็นสีหน้าเหม็น ๆ ปรากฎบนใบหน้าของจอมทำแซนด์วิช  ซึ่งบัดนี้... เขากำลังเคี้ยวแซนด์วิชบาร์บีคิวจนแก้มตุ้ยอยู่

                    ในขณะที่ลีโล่กับรูเบ็นกำลังเพลิดเพลินกับถนนคนเดินในยามราตรีอยู่นั้น... มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น  และเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ลีโล่ต้องเร่งแก้โดยเร็วที่สุด

                   "จีจี้!?"  ลีโล่ตกตะลึงที่เห็นชีวิตทดลองมีรูปลักษณ์เป็นหมาชิสุนอนตัวสั่นงก ๆ อยู่บนหลังของสไปค์  มีผ้าปิดปากจีจี้อย่างแน่นหนา  และสีหน้าของสปาร์คกี้กับสไปค์ก็ดูตึงเครียดผิดปกติ

                   "โชคดีจังที่เธอมาอยู่ที่นี่  ฉันเกรงว่าจีจี้จะไม่ไหวแล้ว"  สปาร์คกี้เกริ่นนำขอความช่วยเหลือจากลีโล่ในทันทีที่พบหน้า  ทำเอาลีโล่กับรูเบ็นรู้สึกสังหรณ์ใจ... ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับจีจี้อีกครั้ง

                   "มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น!?"  รูเบ็นถาม

                   "ฉันว่าเราไปคุยกันแถวบ้านเธอดีกว่า  แล้วนี่... สติทช์ไปไหน  ทำไมถึงมากับ 625 ได้"  สไปค์กวาดตาถามหาสติทช์ด้วยความประหลาดใจ  เพราะเขาจะเห็นลีโล่กับสติทช์ตัวติดกันเสมอ

                   "ฉันชื่อรูเบ็นต่างหากล่ะ"  รูเบ็นทวนชื่อที่ลีโล่ตั้งขึ้นให้สไปค์กับสปาร์คกี้ต้องจดจำ  ก่อนที่จะตอบคำถามสไปค์เรื่องสติทช์  "สติทช์เขาคงอยู่เจ๊าะแจ๊ะกับแองเจิ้ลหลังโชว์บนเวทีเคียงข้างว่าที่พี่เขยของลีโล่จบอ่ะนะ  อีกเดี๋ยวก็มาหาลีโล่เองล่ะน่า"

                   พูดถึงสติทช์  เจ้าตัวก็ปรากฎตัวในทันตา

                   "อ้าว... สปาร์ค!  สไปค์!  จีจี้!  ไปไงมาไงถึงโผล่มาที่นี่ได้!?"  สติทช์เอ่ยปากทักทายตามปกติ  แต่พอเห็นสีหน้าเพื่อนชีวิตทดลองดูอมทุกข์  ถึงกับเอ่ยปากถามด้วยความประหลาดใจ  "เกิดอะไรขึ้น... สีหน้าดูเครียดเชียว"

                   คำตอบที่ได้รับ  คือ... จีจี้มีอาการชักกระตุกเหมือนถูกไฟช็อตอย่างไม่ทราบสาเหตุ

                   นี่มันอาการป่วยที่เคยเกือบคร่าชีวิตสติทช์มาแล้วครั้งหนึ่ง!            



                   ลีโล่กับสติทช์และผองเพื่อนชีวิตทดลองรีบพาจีจี้ไปที่ ยานของจัมบ้า เพื่อขอความช่วยเหลือในทันที  สิ่งแรกที่ต้องทำ  คือ... นำจีจี้ใส่ในแคปซูลจับชีวิตทดลองเพื่อพาเธอไปเอ็กซเรย์ตรวจหาสิ่งผิดปกติ  ยิ่งพรีคลีย์รู้ว่าจีจี้มีอาการป่วยแบบที่สติทช์เคยเป็นมาก่อน... จึงสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากสปาร์คกี้กับสไปค์ในทันที

                   จอมผลิตกระแสไฟกับเม่นนักกอดจึงเล่าเหตุการณ์ยามเย็นก่อนพลบค่ำให้ลีโล่กับจัมบ้ารับรู้  เพื่อหาทางรับมือกับศัตรูที่ร้ายกว่าแฮมสเตอร์วิลล์โดยเร็วที่สุด

                   สปาร์คกี้ได้ชวนสไปค์มาเล่นบอร์ดเกมด้วยกันที่ประภาคาร  และสไปค์ก็เตรียมบอร์ดเกมใหม่เพื่อที่จะอวดสปาร์คกี้โดยเฉพาะ  แต่เจอตัวจีจี้เป็นลมสลบอยู่แถวระหว่างทางจากฟากหนึ่งของเกาะสู่ประภาคาร  จึงรีบพาเธอไปพัดวีที่ประภาคารจนเธอรู้สึกตัว  สอบถามเธอจนได้ความมาว่า... แอบหนีออกมาจากโฮมสเตย์ที่แอนดรูว์อาศัยอยู่  ซึ่งเขาได้เชิญแขกมาดื่มน้ำชาไฮโซ  ได้แก่... เจสสิก้า  คาร์ล่า  แมทธิว  โมนิก้า  และเมอร์เทิล  จีจี้ถูกเจ้านายพามาเข้าสังคมหมาไฮโซ  สร้างความอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง  เพราะรู้ดีว่าเมอร์เทิลมีหัวคิดที่จะเอาชนะลีโล่  หลงคิดว่าการที่จีจี้ต้องเริ่ดเหนือกว่าสติทช์จะเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพวาดของเธอเข้าสู่นิทรรศการศิลปะมีชีวิตได้

                   สาเหตุที่จีจี้หนีออกมาโดยไม่รอเจ้านาย  คือ... ทนเป็นเพื่อนกับสตีลไม่ได้  เพราะอีกฝ่ายเป็นชีวิตทดลองที่ไม่ใช่ผลงานของจัมบ้า  และกำลังปองร้ายลีโล่อยู่  แต่พอหนีพ้นจากรัศมีอันตรายได้  เธอก็มีอาการวับวาบผิดปกติจนสลบไปนานเท่าใดมิอาจรู้ได้

                   อาการวับวาบชักกระตุกที่เกิดขึ้นกับจีจี้  ส่งผลให้เธอควบคุมการเห่าไม่ได้  และร่างกายของเธอมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวผิดปกติ  ซึ่งเกิดขึ้นเกือบทุก 20 นาที  ต่อมาก็ถี่ขึ้นจนสปาร์คกี้เห็นท่าไม่ดี... จึงรีบเอาผ้าให้จีจี้กัดแล้วมัดปิดปากจนเธออ่อนแรงลง  จากนั้นก็รีบไปที่ถนนคนเดินเพื่อตามหาลีโล่ในทันที

                   สปาร์คกี้เล่าจนจบ  ทำเอาลีโล่ใจเสีย... นึกไม่ถึงว่าคนที่ญาติของเมอร์เทิลคบหาอยู่ตั้งใจจะลองของกับชีวิตทดลองจนถึงขั้นต้องฆ่าแกงกันเหมือนผักปลาเช่นนี้

                   และแล้ว... จัมบ้าก็ก้าวเท้าออกมาจากยาน

                   "คุณจัมบ้า!  จีจี้เป็นไงบ้างคะ!?"  ลีโล่ถามอาการจีจี้ด้วยความเป็นห่วง

                   "จัมบ้าตรวจพบเซรั่มชนิดหนึ่งอยู่ในร่างกาย  เป็นเซรั่มที่มีฤทธิ์ทำให้โมเลกุลในร่างกายเกิดการแปรปรวนเหมือนที่เจ้า 626 เคยเป็นมา  พูดง่าย ๆ ก็คือ... เจ้า 007 ถูกวางยาไม่รู้ตัว  แต่ตอนนี้จัมบ้าให้ยาสลายพิษและนำเข้าเครื่องชาร์จพลังงานเป็นที่เรียบร้อย  หวังว่าเซรั่มจะหมดและโมเลกุลจะกลับมาคงที่ดังเดิมในอีกวันสองวัน"  จัมบ้าเผยผลวินิจฉัยให้ลีโล่รับทราบ

                   "ทำไมถึงต้องวันสองวันคะ!?"  ลีโล่ถามต่อ  กลัวว่าเมอร์เทิลจะตามหาจนทั่วเมืองแล้วไม่พบตัว  ประกาศหมาหายจะมาเยือน

                   "เพราะยาที่จัมบ้าให้ทานอย่างเร่งด่วน  ถึงมันจะสลายพิษได้ก็จริง  แต่ก็ต้องสู้กับพิษเซรั่มที่พร้อมทำลายโมเลกุลในร่างกายให้เกิดการลัดวงจรได้ทุกเมื่อ  ซึ่งมันต้องใช้เวลา  ขึ้นอยู่กับปริมาณเซรั่มที่เจ้า 007 ได้รับ  เป็นความโชคดีที่ปริมาณเซรั่มในร่างกายมีไม่มากและถูกพามาตรวจอาการในทันท่วงที  อาการจึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่  แต่น่ากังวลตรงพิษเซรั่มมากกว่า"  จัมบ้าอธิบาย

                   "เซรั่มมันอันตรายแค่ไหนครับ!?"  รูเบ็นถาม

                   "เซรั่มที่เจ้า 007 ได้รับ  เป็นเซรั่มที่ถูกปรุงขึ้นมาเพื่อทรมาน  อย่างที่เจ้า 221 กับ 319 เห็นอาการป่วยที่เจ้า 007 แสดงออกมาเป็นระยะ ๆ  นั่นแหละคืออาการทรมาน  และเจ้า 007 เป็นหนึ่งในชีวิตทดลองที่มีโมเลกุลในร่างกายน้อยกว่าเพื่อน  จึงไม่แปลก... ที่เซรั่มจะแสดงผลได้รวดเร็วแต่ไม่ทันทีเช่นนี้"  จัมบ้าตอบ  แต่แล้วก็หัวร้อนในทันทีที่รู้ว่ามีคนวางยาจีจี้  "นึกไม่ถึงเลย... ว่าจะมีใครหน้าไหนมาลอบกัดผลงานอัจฉริยะชั่วร้ายอย่างฉันได้"

                   "ที่จัมบ้าบอกว่า... สติทช์เคยป่วยแบบที่จีจี้ป่วย  มันหมายความว่าไง"  สปาร์คกี้สงสัย

                   "อ้อว์!  พวกนายคงไม่รู้... ว่าตอนที่จัมบ้าสร้างเจ้าสติทช์เสร็จไปหมาด ๆ  ทางสหพันธ์บุกเข้าจับตัวจัมบ้าตอนที่ยังชาร์จไฟให้โมเลกุลร่างกายสติทช์คงที่  สติทช์ถึงได้ป่วยจนชักกระตุกอย่างที่จีจี้ป่วยนี่ไงล่ะ"  พรีคลีย์ตอบข้อสงสัยก่อนที่จะตัดบทข้ามเรื่องเฉียดตายไม่ให้ลีโล่จิตตกอีกครั้ง  "แต่เขาก็รอด  หมาน้อยของยัยหนูนิสัยเสียคนนั้นก็ต้องรอดเช่นกัน"

                   "จริงด้วย!  ถ้าจีจี้หายดีเมื่อไหร่นะ  ต้องจัดโปรแกรม EARWAX ให้เธอกับเมอร์เทิลสักหน่อยแล้วล่ะ"  สไปค์ออกความเห็น  ด้วยความคิดที่ว่า... จีจี้กับสติทช์จะช่วยเป็นกาวใจปรับเปลี่ยนทัศนคติของเมอร์เทิลให้เป็นเพื่อนลีโล่ในอีกมิช้า

                   "ยัยแว่นหัวทึบนั่นเกลียดลีโล่จะตาย  คิดเหรอว่าจะเชื่อเรื่องที่จีจี้เป็นชีวิตทดลองจริง ๆ  แม้แต่สติทช์ที่เป็นหมาของลีโล่ยังถูกมองเป็นสัตว์ประหลาดเลย"  รูเบ็นเบรคความคิดของเจ้าเม่นนักกอดขึ้นมาฉับพลัน  ทำเอาสไปค์หน้าสลด... รู้ดีว่าเมอร์เทิลไม่เชื่อเรื่องสิ่งมีชีวิตต่างดาวเป็นอันแน่แท้

                   "คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์  ยัยนั่นจะได้บทเรียนด้วยตัวเองสักที... ว่าไม่ควรดูถูกเพื่อนเพียงเพราะแตกต่าง"  สติทช์พูดเสียงอ่อนประหนึ่งคนปลงตก  ไม่แน่ใจว่าเวลาที่เมอร์เทิลจะเปลี่ยนความคิดนั้นจะมาถึงในเวลาไหน  หากเมอร์เทิลยังเห็นจีจี้เป็นถ้วยรางวัลหมาน่ารักที่ใช้ข่มลีโล่อยู่แบบนี้

                   "แล้วนี่... มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนที่ชื่อแอนดรูว์กับชีวิตทดลองตัวร้ายที่ชื่อสตีลบ้างคะ"  ลีโล่ถามถึงคนที่มาคุกคามจีจี้  หวังว่าจะเป็นหลักฐานที่จะช่วยเมอร์เทิลกับเจสสิก้าถอนตัวออกมาก่อนที่จะมีเรื่องร้ายแรงยิ่งกว่าการวางยามาเยือน

                   "คุณค็อบบร้ายังไม่ติดต่อมาเลย  ก็ต้องเข้าใจหน่อยนะยัยหนู... ว่าคนที่แฝงตัวจนกลมกลืนกับมนุษย์มานาน  มักทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีประวัติน่าเชื่อถือบนดาวดวงนี้  ส่วนเจ้าหมาสตีลที่เจ้า 007 ระบุรูปลักษณ์มา... จัมบ้าว่ามันเป็นชีวิตทดลองที่ถูกเพื่อนใหม่ของญาติยัยหนูนิสัยเสียสั่งซื้อมาในราคาที่สูงลิ่วก็ว่าได้"  จัมบ้าให้ข้อมูลเท่าที่คิดว่าจะไม่กระตุ้นความอยากรู้ของลีโล่ไปมากกว่าที่ร้อนรนต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วนอยู่

                   "ชีวิตทดลอง... สามารถซื้อขายกันได้ด้วยรึ!?"  สติทช์เอ่ยปากถามด้วยความตกตะลึง  รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างรู้สัญชาตญาณดี... ว่าคำตอบที่จะได้รับนั้นต้องเกี่ยวข้องกับโปรแกรมทำลายล้างโดยมิต้องสงสัย

                   "ตอบได้คำเดียวว่า... ได้  แต่เป็นเพราะอะไรนั้น... จัมบ้าไม่ขออธิบายมากกว่านี้  จนกว่ายัยหนูโตพอที่จะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง  เอาเวลาไปคิดหาคำแก้ตัวกับยัยหนูนิสัยเสียจะดีกว่ามั้ย... ถ้าเกิดถามหาเจ้า 007 ขึ้นมา"  จัมบ้าตัดบทให้ลีโล่สนใจเรื่องเมอร์เทิลในทันที  แน่นอนว่าสติทช์กับผองเพื่อนชีวิตทดลองก็เห็นด้วย  แม้รู้ว่าลีโล่ต้องรู้จนถึงที่สุดก็ตาม

                   ลีโล่เห็นสีหน้าของสติทช์  จัมบ้า  พรีคลีย์  และผองเพื่อนสัตว์ทดลองมองมาด้วยความเป็นห่วงและจริงจัง  จึงทำได้แค่ถอนหายใจก่อนตอบตกลงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

                   "ก็ได้ค่ะ  หนูลืมเรื่องนี้ซะสนิทเลย  เดี๋ยวหนูกับสติทช์ขอตัวไประดมสมองก่อนนะคะ"  ลีโล่พูดจบแล้วพาสติทช์กลับเข้าบ้านในทันที  เหลือแค่รูเบ็น  สปาร์คกี้  และสไปค์ที่เตรียมแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง  โดยเฉพาะสปาร์คกี้ที่ต้องเช็คเครื่องปั่นไฟที่ใช้ส่องแสงจากประภาคารอย่างสม่ำเสมอ  จึงแปลงกายเป็นกระแสไฟฟ้าบินไปจากบ้านเพเลไคเป็นคนแรก  ต่อมาก็เป็นรูเบ็นกับสไปค์ที่เซย์อะโลฮ่ากับจัมบ้าก่อนออกไป

                  เหลือแค่จัมบ้าที่ต้องนอนเฝ้ายานเพื่อดูอาการของจีจี้อย่างใกล้ชิด  เพื่อตรวจดูความคืบหน้าของอาการป่วยที่ได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่

                  เส้นสายของแฮมสเตอร์วิลล์ชักร้ายกาจเกินกว่าที่เด็กตัวเล็กอย่างลีโล่จะรับมือได้เสียแล้วสิ


 ------------------------------------------------------------------------


                  พูดถึงเส้นใยบาง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง "เด็กหญิงมาดผู้ดี" กับ "น้องหมาจำแลงผู้น่ารัก"  มักนึกถึงการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันเป็นอันดับแรก

                  เพราะเนื้อแท้ของเมอร์เทิลไม่ได้เลวร้ายเสมอไป  เธอเห็นจีจี้เป็นเพื่อนซี้สี่ขาที่เธอรักมาก  จึงมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุดให้เธอ  ไม่ว่าจะเป็นชุดหมาน่ารักที่เข้ากันกับความเป็นผู้หญิงสูง  อาหารหมาชั้นดี  หรือไม่ก็พาเธอเข้าสู่สังคมหมาที่ร้านเสริมสวยสุนัขในเมือง  ซึ่งแน่นอนว่าจีจี้รู้สึกดี... ที่ชีวิตมะหมาบนดาวโลกแลดูวุ่นวายดี

                  แต่บางที... เมอร์เทิลอาจรักจีจี้มากเกินจนลืมฟังเสียงจากใจโดยไม่รู้ตัว  ยิ่งรักมาก  จีจี้ก็รู้สึกว่าตัวเองมีดีแค่ทำตัวน่ารักมาข่มสติทช์ของลีโล่เพื่อกลบเกลื่อนความไม่มั่นใจในตัวเอง  จีจี้จึงยอมดื้อกับเมอร์เทิลแค่เรื่องเดียว

                  เรื่องลีโล่

                  เมอร์เทิลหัวเด็ดตีนขาด... จะไม่มีวันเป็นเพื่อนกับลีโล่  ถึงแม้ว่าสติทช์ช่วยชีวิตจีจี้จนพ้นจากเงื้อมมือแกนตูจนสำนึกบุญคุณยอมมอบถ้วยรางวัลหมาดีเด่นจากงานประกวด  เพราะคิดว่าการลดตัวเป็นเพื่อนกับคนแปลกประหลาด... เป็นการประกาศตนเป็นนางขี้แพ้ในสายตาลีโล่และเพื่อน ๆ  แต่จีจี้ไม่บ้าจี้ตามเหมือนสามสาวลูกไล่ว่าใช่... จีจี้มองเห็นลีโล่เป็นเด็กผู้หญิงที่เข้ากันกับชีวิตทดลองแทบทุกตัว  จึงพยายามเป็นกาวใจให้เมอร์เทิลมองลีโล่ใหม่สักครั้ง

                  แต่ติดตรงที่จีจี้แสดงตัวให้เมอร์เทิลรู้ความจริงเรื่องชีวิตทดลองไม่ได้  เมอร์เทิลจึงหลงผิด... เชื่อคำเจสสิก้าโดยไม่รู้ว่ากำลังชักศึกเข้าบ้านไม่รู้ตัว  ยิ่งเห็นจีจี้ตีตัวออกห่างหมาสตีลของแอนดรูว์จนแทบออกนอกหน้า... ทำให้เมอร์เทิลเข้าใจว่าจีจี้แข็งข้อมากขึ้นทุกวัน ๆ

                  แม้ตอนนี้กาลเวลาเข้าสู่ยามราตรี  ยังไม่เห็นเงาเจ้าหมาชิสุเพื่อนรักมาให้เธอเห็นแม้แต่น้อย

                  "นี่ถึงขั้นออกไปค้างคืนประชดฉันเลยเหรอเนี่ย"  เมอร์เทิลบ่นในทันทีที่มองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอนชั้นสองของบ้าน  จากนั้นก็เดินกลับมานอนกอดตุ๊กตาตัวน้อยอยู่บนเตียง  "เมืองเล็กแค่นี้... จะไปไหนได้เล่า"

                  เธอได้แต่นอนนึกถึงพฤติกรรมของจีจี้มาตลอด  จำได้ว่าจีจี้เป็นหมาที่ดีที่ทำให้เธอรู้สึกว่า... อย่างน้อยยังมีเพื่อนที่รับฟังความในใจโดยมิมีการขัดคอให้เสียอารมณ์  แม้บางครั้งมีฮึ่มแฮ่กัน... หากระบายเรื่องลีโล่กับสติทช์ในเชิงลบ

                  เธอคิดเพียงแค่... จีจี้หาทางกลับบ้านเองได้  คงจะได้เห็นหน้ากันในเช้าวันพรุ่งนี้ก่อนไปโรงเรียน

                  เธอหวังว่าอย่างนั้น



ç=================è

  

  

       

         


                                                                   

  

                    


                                                

   

             




    

       

                            


                    

          

       


                

                     


               


ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture