ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอเพียงใจรักมั่น真诚的爱[จบ]

    ลำดับตอนที่ #12 : แอบ/ซ่อน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 67


    เมื่อถึงเวลายามค่ำคืนเหล่าทหารทุกคนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าพักประจำที่ของตนเป็นลำดับต่อมา

    ภายในค่ายทหารแห่งนี้ มีทั้งที่พักที่เป็นกระโจม มีทั้งที่พักที่เป็นเรือนนอน หลิวหลีใช้เวลาซักพักเพื่อสำรวจมองหาว่าที่พักของจูหยวนจางอยู่ส่วนใดของค่าย  จนสุดท้ายนางก็ได้เจอ

    หญิงสาวเพียงรอจังหวะเพื่อให้มั่นใจว่าจูหยวนจางออกจากที่พักไปแล้ว จึงจะแอบเข้าไปในที่พักของเขา  

    นางต้องการเข้าไปอาบน้ำนั่นเอง 

    วันนี้เนื้อตัวของนางมีแต่คราบฝุ่นและคราบเหงื่อ หากไม่ได้อาบน้ำ นางต้องคันจนนอนไม่หลับเป็นแน่  แต่จะให้ไปอาบน้ำกับบุรุษคนอื่น  มันจะเป็นไปได้อย่างไร  นางยอมผูกคอตายจะดีกว่า

    หลิวหลีคิดอย่างนั้นอยู่ในใจขณะกำลังเมียงมองเข้าไปยังที่พักแห่งหนึ่ง

    จูหยวนจางที่นั่งอยู่ภายในที่พักของตนรับรู้ได้ถึงสายตาของใครบางคนที่แอบมองเขาอยู่ตลอดเวลาจากนอกที่พักของเขา 

    เขาพอจะเดาความคิดของใครคนนั้นได้เป็นอย่างดี 

    ภรรยาของเขาที่อยู่ในคราบของอาหลิ่วกำลังต้องการบางอย่างจากที่พักของเขา   

    เขาเป็นทหารมานาน ฝึกประสาทสัมผัสทุกด้านมาอย่างดีตั้งแต่ยังเยาว์วัย มีหรือจะไม่รู้ตัวว่ามีใครมาแอบมองเขาอยู่  แต่จากที่เขาใช้หางตาประเมินแล้ว  นางไม่ได้มองมาทางเขา  แต่นางกำลังมองหาสิ่งของบางอย่างหลังฉากอาบน้ำ  นั่นจึงทำให้เขารับรู้ถึงเจตนาของนาง  และมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เขาต้องยอมนาง   

    จะให้นางไปอาบน้ำที่ใดได้กันถ้าไม่ใช่ในที่พักของเขา  

    เมื่อจูหยวนจางค่อนข้างมั่นใจในเจตนาของภรรยาของเขาในคราบของอาหลิ่วแล้ว เขาจึงทำทีเป็นเรียกลูกน้องให้ยกน้ำเข้ามาเติมลงอ่างก่อนที่เขาจะทำทีเป็นเดินออกมาจากที่พัก

    นี่นางกำลังนำความลำบากมาให้เขาใช่หรือไม่?

    แค่ได้คิดว่านางกำลังเปลื้องผ้าอาบน้ำอยู่หลังฉากนั้น  แล้วคืนนี้เขาจะนอนหลับได้อย่างไรกัน

    จูหยวนจางคิดอย่างนั้นพลางเดินออกไปจากที่พักของเขา  เขาใช้เวลาครู่หนึ่งรอให้แน่ใจว่าหลิวหลีในคราบอาหลิ่วได้แอบเข้าไปในที่พักของเขาแล้ว  เขาจึงเดินย้อนกลับมาก่อนจะใช้วิชาตัวเบาแอบย่องเข้ามาในที่พักของเขา

    เขาแค่อยากรู้ว่านางจะทำอะไรบ้างในที่พักของเขาแห่งนี้ จูหยวนจางเพียงยืนกอดอกมองภรรยาของเขาอาบน้ำอยู่หลังตู้มุมหนึ่งอย่างนึกสนุก

     

    หลิวหลีนั้นเมื่อแน่ใจแล้วว่าจูหยวนจางเดินออกไปด้านนอกของที่พักแล้วจึงรีบเข้ามาในที่พักของจูหยวนจางอย่างย่ามใจ 

    เมื่อหญิงสาวเข้ามาถึงห้องด้านในจนมองเห็นอ่างอาบน้ำแล้ว  จึงไม่รอช้า นางรีบเข้าไปหลังฉากกั้นแห่งนั้นทันที  หญิงสาวรีบเปลื้องผ้าเปื้อนฝุ่นของตนเองออกก่อนจะลอกคราบที่พันแน่นรอบอกและลำตัวออกอีกชั้นหนึ่ง  ทั้งหนวดปลอม  เคราปลอม  นางใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลอกทุกอย่างออกจนหมด  ซักพักหญิงสาวจึงเคลื่อนกายเปล่าเปลือยของตนลงแช่ในน้ำอย่างอารมณ์ดี

    ทุกการกระทำของหลิวหลีอยู่ในสายตาของจูหยวนจางทั้งหมด  เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตนเองเข้ามาแอบดูอะไรกันแน่  ระหว่างดูพฤติกรรมของนาง  กับ ดูนางอาบน้ำ  ยามนี้คล้ายกับว่าเขาอยากจะทำอย่างหลังมากกว่า

    จูหยวนจางยังคงยืนกอดอกแอบมองภรรยาของตนอาบน้ำอยู่อย่างนั้นพร้อมกับพยายามเก็บข่มอารมณ์ปรารถนาบางอย่างเอาไว้เป็นอย่างดี

    เขามั่นใจว่ามิได้นึกรักใคร่ชอบพอนางแต่อย่างใด

    เพียงแต่ว่า

    พอนึกถึงร่างเปลือยเปล่านุ่มนิ่มนั่นที่เคยอยู่ใต้ร่างของเขา เคยนอนเคียงกันและร่วมอภิรมย์ด้วยกันอยู่หลายครั้ง

    เขาจึงรู้สึกแปลกๆ

    มิใช่ว่าเขาไม่เคยร่วมอภิรมย์กับอิสตรี

    เขาเคยไปเที่ยวหอคณิกาบ้างตามอารมณ์บุรุษเพศกับเหล่าเพื่อนทหารด้วยกัน

    สตรีพวกนั้น ทั้งงดงามมากกว่าหลิวหลี และลีลาเร่าร้อนตอบสนองบุรุษเพศได้ดีกว่าหลิวหลี

    แต่สายตา...

    สายตาและเสียงแว่วหวานที่มิได้เสแสร้งนั่นของนาง...

    ยามที่หลิวหลีใช้สายตากลมโตของนางมองมาที่เขา

    ยามที่หลิวหลีร้องครวญครางหวานใสใส่หน้าเขา

    อา...

    เขาจะจัดการกับอารมณ์ของเขายามนี้อย่างไรดี

     

    เวลาผ่านไปซักพัก  หลิวหลีที่อาบน้ำจนพอใจแล้วจึงเคลื่อนกายออกมาจากอ่างอาบน้ำ  หญิงสาวรีบใส่ผ้าทุกอย่างไว้เหมือนเดิมพร้อมเปลี่ยนใส่ชุดใหม่ที่นางเตรียมเอามา  มันเป็นชุดลำลองรูปแบบเดียวกับทหารทุกคนในที่นี้ 

    นางเตรียมมาหลายชุดเชียวล่ะ นางค่อนข้างรอบคอบเกี่ยวเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นอย่างดี

    หญิงสาวยังคงบรรจงติดหนวดติดเคราเอาไว้ตามเดิมโดยไม่ต้องมองหาคันฉ่องแต่อย่างใด  นางฝึกใส่โดยไม่ต้องมองผ่านเงาในกระจกมาหลายรอบแล้ว

    อา...

    นางช่างเฉลียวฉลาดเก่งกาจเหมือนกันนะนี่

    หลิวหลีคิดอย่างเข้าข้างตนเอง

    เมื่อจัดการกับตนเองเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว  หญิงสาวเพียงเมียงมองไปทางประตูของห้องพักแห่งนี้ 

    นางมองจนแน่ใจว่าจูหยวนจางยังไม่กลับเข้ามา นางจึงเดินสำรวจห้องพักของเขาอย่างใคร่รู้  นางมองไปรอบๆห้องอย่างถ้วนถี่ เห็นมีข้าวของวางระเกะระกะไม่เรียบร้อยดีนัก  หนังสือบนชั้นหนังสือบางเล่มก็วางเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่เกรงจะตกลงมาจากชั้นหนังสือจนรูปเล่มเสียหาย 

    หญิงสาวจึงไม่รอช้านางรีบเดินเข้าไปจัดหนังสือบนชั้นให้จนเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอย่างดี  โดยเว้นไว้เฉพาะบนโต๊ะทำงานของจูหยวนจางที่นางไม่คิดจะแตะต้องแต่อย่างใด  ด้วยเกรงว่าเขาอาจจะทำงานอะไรค้างคาเอาไว้  ถ้างานของเขาถูกย้ายเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม อาจจะสร้างปัญหาให้แก่เขาเอาได้ 

    หญิงสาวคิดได้ดังนั้นจึงผละไปจากโต๊ะนั่นก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าของจูหยวนจาง 

    นางเพียงหยิบเสื้อผ้าของเขาออกสำรวจดู พบว่ามีบางตัวขาดวิ่นจากรอยตะเข็บรอยเย็บเดิม  นางคิดไว้อยู่แล้ว เพราะจากการฝึกทหาร  การออกท่าทางกิริยาต่างๆในการทำกิจกรรมประจำของพวกทหารเหล่านี้ ย่อมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้กับเสื้อผ้าอาภรณ์  นางจึงเตรียมอุปกรณ์เย็บผ้ามาด้วย  มันเป็นนิสัยประจำตัวของนาง  ขอทำตามใจหน่อยก็แล้วกัน

    เมื่อคิดได้ดังนั้นหลิวหลีจึงไม่รอช้า รีบเอาเสื้อผ้าของจูหยวนจางมานั่งเย็บอยู่ตรงตู้แห่งนั้นทันที  ในขณะที่เย็บไปก็ชำเลืองมองที่ประตูห้องพักไปด้วย 

    ถ้าหากจูหยวนจางกลับเข้ามา นางจะแอบหลบเข้าไปตรงหลังตู้นี่  นางคิดเอาไว้แล้ว...

    และการกระทำของหลิวหลีนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับจูหยวนจางอยู่ไม่น้อย  เขายังคงแอบมองนางอยู่ตรงมุมมืดของห้องพักของตนเอง  

    เขาแอบมองภรรยาของเขาอยู่อย่างนั้น  

    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พิศมองนางอย่างจริงจัง

    เขามองเห็นการเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆนั่น

    แม้มันจะเป็นเรื่องไร้สาระอยู่บ้างในความคิดของเขา

    แต่...

    ทำไม...

    เขาถึงรู้สึกดี

    มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

     

    หลิวหลีใช้เวลาซ่อมเสื้อผ้าของจูหยวนจางอีกซักพักจึงรีบเก็บเข้าที่พร้อมกับจัดตู้ให้อย่างเรียบร้อย  หญิงสาวเพียงยืนมองเหล่าเสื้อผ้าของจูหยวนจางอยู่อย่างนั้น  นางมองเสื้อของเขา มองไปที่แขนเสื้อของเขาอย่างเหม่อลอย

    อา...

    นางกำลังคิดถึงสัมผัสของเขา

    อ้อมอกของเขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ

    วงแขนที่มีความแข็งแกร่งของเขา

    อืม...

    นางจะจัดการกับอารมณ์แบบนี้อย่างไรดี

    หลิวหลีคิดในใจพลางเม้มริมฝีปากจนแก้มสีแดงระเรื่อป่องออกมา  ก่อนจะย่อเข่าทรุดนั่งลงตรงตู้เสื้อผ้า

    หญิงสาวนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น

    นางคิดถึงจูหยวนจาง

    แม้ว่าจะได้เข้ามาอยู่ในค่ายทหารแห่งเดียวกับเขาแล้ว  แต่นางก็ไม่อาจที่จะให้เขารู้ตัวตนของนางได้  ถ้าหากเขารู้  เขาคงไม่พอใจ  เขาคงไล่นางกลับไปอย่างไม่ใยดี  ท่าทางของเขาตั้งแต่คืนเข้าหอ ทั้งแข็งกระด้างไม่มีท่าทางถนอมบุบผาอย่างนั้นมันบอกกับนางได้ดี ว่าเขาคงจะกระทำการอันใดกับนาง

    หลิวหลีนั่งถอนหายใจอยู่หลายเฮือกอยู่มุมเดิม  นางนึกละอายใจในความโง่งมของตนเองเหลือเกิน

    แต่นางชอบเขาจริงๆ  นางไม่ได้ชอบแค่เพียงผิวเผิน

    ก่อนที่นางจะตัดสินใจว่าต้องเป็นเขา นางค่อนข้างมั่นใจว่านางชอบเขา

    นางถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้แต่งงานกับเขา  นางมิได้ทำตามอารมณ์ชั่ววูบแต่อย่างใด

    เขาจะมีใจชอบนางตอบกลับบ้างหรือไม่กันนะ

    หลิวหลีจมอยู่ในภวังค์ของตนเอง  นางนั่งกอดเข่าหลังติดอยู่หน้าตู้พลางเอามือจิ้มวนไปมากับพื้นอยู่อย่างนั้น

    ท่าทางของหญิงสาวคล้ายกับเด็กสาวขี้เหงาคนหนึ่ง

    จูหยวนจางที่ยืนกอดอกแอบมองอยู่รู้สึกได้อย่างนั้น

    กิริยาของนาง...

    ทำให้เขาอยากเข้าไปดึงร่างนั้นขึ้นมากอด

     

    ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก

    เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้นดึงหลิวหลีและจูหยวนจางที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตนเองให้หลุดออกจากภวังค์ในทันที

    "ท่านรองแม่ทัพอยู่หรือไม่ เจ้าคะ" เสียงใสๆของสตรีนางหนึ่งดังเข้ามาจากหน้าประตู  "ข้าน้อย อวี้เจิน เจ้าค่ะ"

    หลิวหลีได้ยินดังนั้นจึงรีบลุกเดินขึ้นไปทางประตูก่อนจะดึงประตูออกมา

    "อ๊ะ!" อวี้เจินยิ้มกว้างก่อนจะหุบลงในทันใด "อ้าว!"

    "ท่านรองแม่ทัพจูล่ะ" อวี้เจินเอ่ยถามบุรุษตรงหน้าพลางเมียงมองเข้าไปด้านในห้องอย่างถือวิสาสะก่อนจะก้าวเดินฉับๆเข้าไปด้านในของห้อง

    "ท่านรองแม่ทัพไม่อยู่รึ" อวี้เจินเดินไปถามไปอยู่ภายในห้องพักของจูหยวนจาง 

    หลิวหลีได้แต่ขมวดคิ้วมองตามอย่างขัดเคือง แต่ไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้  นางเพียงเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น

    "เช่นนั้น  ข้าจะนั่งรอเขาในนี้นะ  ข้ามีขนมมาฝากเขา" อวี้เจินหันหน้ามาบอกกล่าวแก่หลิวหลีที่อยู่ในร่างของอาหลิ่ว  "เจ้าออกไปก่อนเถอะ  ข้าต้องการอยู่กับท่านรองแม่ทัพสองต่อสอง"

    ประโยคนั้นทำหลิวหลีถึงกับหน้าบึ้งตาโต

    "อะไรของเจ้า" อวี้เจินเห็นหน้าของบุรุษที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงประตูถึงกับหลุดหัวเราะเสียงใส 

    "ข้าจะบอกเจ้าให้นะ  ข้ากับรองแม่ทัพจู  เรา..."  จบคำอวี้เจินทำทีเอียงอายยกนิ้วมือขึ้นแตะริมฝีปากอย่างมีเลศนัย  นางต้องการปล่อยข่าวเกินจริงออกไปก่อน  เพื่อปูทางให้มันเป็นจริงได้ในสักวัน

    และมันก็ได้ผล

    หลิวหลีถึงกับนิ่งอึ้งไป

    อวี้เจินเริ่มรำคาญกับบุรุษตรงหน้าที่เอาแต่ยืนตัวตรงขวางประตูอยู่จึงดันร่างของเขาให้ออกจากประตูจนกระเด็นออกไปข้างนอกห้องก่อนจะปิดประตูใส่หน้า

    หลิวหลียังคงยืนนิ่ง  มองบานประตูอย่างนั้น  หญิงสาวกำลังนึกภาพปะติดปะต่อกันอยู่

    จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่สตรีนางนี้คล้ายกำลังเข้ามาตีสนิทกับจูหยวนจางเมื่อช่วงบ่ายของวัน  นางแค่สังเกตได้ว่าจูหยวนจางเพียงสนทนาโต้ตอบธรรมดามิได้มีท่าทีอันใดพิเศษ

    แต่...

    ถ้าหากว่า

    เรื่องของจูหยวนจางเป็นดังที่สตรีนางนี้ต้องการจะสื่อ

    ถ้าเป็นอย่างนั้น...

    ถ้าเป็นอย่างนั้น...

    "อาหลิ่ว!" เสียงของอาต้วนตะโกนดังมาแต่ไกลเมื่อมองเห็นอาหลิ่วคล้ายยืนเคว้งอยู่กลางอากาศ 

    "อาหลิ่วเป็นอะไรไป  ไปเถอะ  ไปกับข้าทางนั้นดีกว่า  ไปทำความรู้จักกับสหายใหม่กัน"  จบคำอาต้วนก็ลากเอาอาหลิ่วที่คล้ายก้อนเนื้อชนิดหนึ่งให้ติดมือไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×