ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บ่วงปรารถนาจอมมาร 4.2
ด้านพราวพิรุณ
หลังจากถูกทิ้งเอาไว้ที่ปั๊มน้ำมันโดยที่ไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท
แถมแบตเตอรี่โทรศัพท์ก็ดันมาหมดจนทำให้ไม่สามารถติดต่อใครได้เลยนั้น
เธอก็พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรดี
จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่าคืนนี้พิชญะจะบินกลับมาจากฮ่องกง
และที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากสุวรรณภูมิมากนัก เธอจึงขอให้พนักงานในร้านกาแฟช่วยถ่ายรูปเธอและส่งข้อความให้กับเพื่อนหนุ่มผ่านทางเฟซบุ๊กว่าให้มารับเธอตามพิกัดที่บอกไป
พร้อมกับภาวนาให้พิชญะเห็นข้อความโดยเร็วที่สุด
แต่นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว
จนร้านกาแฟและร้านขายของที่อยู่ในปั๊มน้ำมันต่างก็พากันปิดร้านเพื่อกลับบ้านพักผ่อนกันจวนจะหมดแล้ว
แต่พิชญะก็ยังไม่มา แถมฝนก็ทำท่าว่ากำลังจะตก โชคดีหน่อยที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้เปิดตลอดคืนทำให้เธอได้มีที่อาศัยนั่งรอ
“พิช
มาเร็วๆ นะ ฝนจะตกแล้ว ฉันกลัว”
พูดยังไม่ทันขาดคำ
ขณะที่พราวพิรุณกำลังนั่งรอพิชญะอยู่ที่ม้านั่งหน้าร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก จนเธอต้องลุกขึ้นไปยืนหลบฝนอยู่ใต้ชายคาของร้านสะดวกซื้อแห่งนั้น
ครั้นจะเข้าไปหลบฝนในร้านก็กลัวว่าพิชญะมาแล้วจะมองไม่เห็นเธอ
ขณะที่ใจหนึ่งก็อดคิดไปถึงคนที่ทิ้งเธอเอาไว้อย่างใจร้ายใจดำไม่ได้
แวบหนึ่งในความคิดนั้นเธอหวังว่าภาคินจะกลับมารับเธอ
แต่พอเวลาผ่านไปจากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเป็นสองชั่วโมง
จนตอนนี้ล่วงเข้าสี่ทุ่มแล้ว เธอก็รู้ว่าตัวเองคงจะหวังมากไป...เขาไม่คิดจะกลับมา
สายฝนที่เทกระหน่ำลงมา
ยังไม่อาจทำให้หัวใจของพราวพิรุณหนาวเหน็บได้เท่ากับการที่เธอถูกภาคินทิ้งเอาไว้กลางทาง
โดยที่เขาไม่คิดจะกลับมาเหลียวแลเธอเลยสักนิดเดียว
พราวพิรุณไม่คิดเลยจริงๆ
ว่าภาคินจะใจร้ายกับเธอได้ถึงขนาดนี้ และก็อดไม่ได้จริงๆ
ที่จะคิดไปถึงโทรศัพท์สายที่โทรเข้ามาหาเขาก่อนที่เขาจะทิ้งเธอเอาไว้อย่างไม่ไยดี...พิณนรี!
ใช่
เธอรู้จักแม่ดาราสาวที่วางท่าเย่อหยิ่งราวกับว่าตัวเองเลิศเลอเสียเต็มประดาคนนั้นดี
ที่จริงจะเรียกว่ารู้จักดีไปจนถึงบุพการีของอีกฝ่ายเลยก็ว่าได้ ก็แล้วทำไมเธอจะไม่รู้จักล่ะ
ในเมื่อเธอกับพิณนรีต่างก็มีสายเลือดของผู้เป็นพ่อไหลเวียนอยู่ในร่างกายครึ่งหนึ่งเหมือนกัน
จะต่างกันก็เพียงแค่พิณนรีคือลูกสาวของเดชาที่เกิดจากภรรยาเชื้อสายผู้ดีเก่าแก่และเป็นที่โปรดปรานของแม่สามีอย่างคุณหญิงพิไลวรรณ
และทั้งคู่ก็แต่งงานกันอย่างออกหน้าออกตา รับรู้กันในสังคมว่าเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง
แต่ในขณะที่พราวพิรุณเป็นลูกสาวที่เกิดจากผู้หญิงที่ได้แต่อยู่อย่างหลบซ่อนเพราะไม่อยากให้ลูกของตัวเองต้องมีอันตราย
ในปีที่เดชาได้รู้จักกับดวงกมล
เขาย้ายไปรับราชการอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีและได้รู้จักกับนางพยาบาลสาวผู้เป็นดั่งรักแรกพบ
กระทั่งทั้งคู่ตัดสินใจจดทะเบียนสมรสและอยู่กินด้วยกันอย่างเงียบๆ จนเมื่อผ่านไปประมาณหนึ่งปี
คุณหญิงพิไลวรรณมารดาของเดชาก็เริ่มสงสัยว่าลูกชายอาจจะแอบมีเมียซุกเอาไว้ จึงได้ส่งคนไปสืบ
และก็เป็นจริงอย่างที่ตนสงสัย
แต่เพราะก่อนหน้านี้คุณหญิงพิไลวรรณได้ทาบทามสู่ขอกัญชลีย์เอาไว้โดยไม่มีการถามความคิดเห็นของลูกชาย
และหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่อาจยอมรับลูกสะใภ้ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างดวงกมลได้
จึงยื่นคำขาดให้ลูกชายเลิกกับดวงกมล
โดยที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนได้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว
เดิมทีไม่ว่าอย่างไรเดชาก็ไม่ยอมเลิกกับผู้หญิงที่ตนรัก
แต่เพราะคุณหญิงพิไลวรรณเล่นลูกไม้ทำทีว่าป่วยหนักและขอร้องให้ลูกชายลาออกจากราชการและกลับมาอยู่กรุงเทพฯ
แต่ขณะเดียวกันก็แอบส่งคนไปข่มขู่ดวงกมลให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับลูกชายของตน
แล้วจากความร้ายกาจของคุณหญิงพิไลวรรณที่ส่งคนไปข่มขู่ว่าจะเอาให้ถึงตายถ้าหากไม่ยอมเลิกยุ่งเกี่ยวกับเดชา
กอปรกับตอนนั้นดวงกมลรู้ตัวแล้วว่ากำลังตั้งท้องอ่อนๆ จึงไม่อาจเอาชีวิตของลูกมาเสี่ยงกับอันตรายได้
ก็เลยเป็นฝ่ายเดินออกจากชีวิตของเดชาเอง
แล้วหลังจากนั้นเพียงสองเดือน
เดชาก็แต่งงานกับกัญชลีย์จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว เพราะเกิดพลาดท่าเสียทีให้กับกัญชลีย์ที่อาศัยตอนเขากำลังเสียใจกับการหายตัวไปของดวงกมลวางแผนมอมเหล้าเขาจนสำเร็จ
หนำซ้ำกัญชลีย์ก็ยังตั้งท้อง คุณหญิงพิไลวรรณจึงยื่นคำขาดให้ลูกชายรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน
กระทั่งสิบกว่าปีต่อมาเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
ดวงกมลจึงแอบพาลูกมาเคารพศพพ่อบังเกิดเกล้าเป็นครั้งสุดท้ายโดยตั้งใจจะไม่ให้ใครรู้
ทว่าความลับก็ไม่มีในโลกจริงๆ
เพราะการปรากฏตัวอีกครั้งของดวงกมลในวันนั้นเองทำให้คุณหญิงพิไลวรรณได้รู้ว่าเดชากับดวงกมลมีลูกด้วยกัน
แถมยังเป็นลูกที่มีสิทธิ์ในการรับมรดกของลูกชายอย่างถูกต้องอีกด้วย เพราะแม้เดชาจะแต่งงานกับกัญชลีย์อย่างออกหน้าออกตาเป็นที่รับรู้กันในสังคมก็จริง
แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เพราะหลังจากที่เดชาแต่งงานกับกัญชลีย์ได้ระยะหนึ่ง
เขาก็ให้นักสืบตามหาดวงกมลจนพบ และพอรู้ว่าเธอมีลูกกับเขา เป็นตายอย่างไรเดชาก็ไม่ยอมหย่าขาดกับเธอ
อีกทั้งยังพยายามปรับความเข้าใจกัน
จนในที่สุดดวงกมลก็ยอมเป็นเมียหลวงที่ต้องอยู่อย่างเงียบๆ
เพราะเห็นว่าเรื่องทั้งหมดจะโทษว่าเป็นความผิดของสามีก็ไม่ได้ อีกทั้งดวงกมลก็ยอมรับว่าเธอยังรักเดชาอยู่จึงยอมให้อภัยเขา
แต่เธอขอให้เดชาปกปิดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาเอาไว้ไม่ให้ใครรู้
เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาตามมา
แต่แล้วก่อนตายเดชาทำพินัยกรรมยกที่ดินผืนหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองและมีมูลค่าไม่น้อยพร้อมกับบ้านที่จันทบุรีให้กับดวงกมล
ในขณะที่ยกบ้านธนเทพพร้อมที่ดินให้กับกัญชลีย์อย่างเท่าเทียมและยุติธรรม
แต่ก่อนแต่งงานกัญชลีย์ก็รู้อยู่แล้วว่าเดชามีคนรักแล้ว
เพียงแต่ไม่คิดว่าการที่เขาไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับเธอโดยอ้างว่าเขาก็ยอมแต่งงานอย่างออกหน้าออกตาแล้วยังจะเอาอย่างไรอีก
นั่นเป็นเพราะเขาจดทะเบียนสมรสกับดวงกมลแล้ว ดังนั้นจากความไม่พอใจที่ตนพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงธรรมดาๆ
อย่างดวงกมลมาตลอด แล้วยังไม่ได้ครอบครองสมบัติทั้งหมดของสามีอีกก็เลยกลายเป็นความเคียดแค้น
และหลายต่อหลายครั้งที่กัญชลีย์พยายามส่งคนมาขู่บังคับให้ดวงกมลโอนที่ดินผืนนั้นคืนให้ตนอย่างหน้าด้านๆ
แต่พราวพิรุณเห็นว่าที่ผ่านมาแม่ของเธอเสียสละให้กับผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นมามากพอแล้วจึงไม่อยากให้แม่ยอมให้อีก
ที่สำคัญคือที่ดินผืนนั้นแม่ได้ให้ลุงราชซึ่งรักและนับถือกันเหมือนพี่ชายสร้างสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า
แล้วถ้าหากมันตกไปอยู่ในมือของกัญชลีย์ เด็กๆ เหล่านั้นจะไปอยู่ที่ไหนกัน
แล้วตอนนั้นเธอก็ยังรู้มาอีกว่า
ด้วยความที่กัญชลีย์เป็นผู้ดีที่จมไม่ลงและยังมีนิสัยฟุ้งเฟ้อใช้แต่ข้าวของราคาแพง
วันๆ ออกแต่งานสังคม ไม่เคยหยิบจับทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่นานสมบัติที่ได้รับจากสามีก็ค่อยๆ
ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ จนตอนนี้แทบจะเหลือแต่เปลือกนอกเท่านั้นที่ยังดูดีอยู่
@@@@@@@
อีบุ๊กมาแล้วน้าาาาาาา
ฝากอีบุ๊กเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
13ความคิดเห็น