ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิจารณ์นิยาย

    ลำดับตอนที่ #116 : The Culympus ตอนจักรพรรดิแห่งมนตรา: พลังแห่งเวท และ ตอน คืนชีพจอมาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 62
      0
      6 ส.ค. 57

    The Culympus

    ตอนจักรพรรดิแห่งมนตรา: พลังแห่งเวท และ ตอน คืนชีพจอมาร
    http://my.dek-d.com/jm-roma/writer/view.php?id=1058014

     

           The Culympus  ผลงานของ J.M. Roma / นิลตวานนท์   เป็นนวนิยายแฟนตาซีขนาดยาวหลายภาคจบ  ขณะนี้ภาคแรกคือ จักรพรรดิแห่งมนตรา: พลังแห่งเวท  จำนวน 31 ตอน  ซึ่งเขียนจบแล้ว  ส่วนภาคที่สอง คือ คืนชีพจอมมาร  โพสต์ถึงตอนที่ 23   นวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ คอร์ลีดัส  เด็กหนุ่มที่เป็นบุตรบุญธรรมของกษัตริย์แห่งเอลฟ์  ที่รู้ตัวมาตั้งแต่เด็กว่าตนต่างจากคนอื่นๆ รอบตัว และถูกเรียกขานว่าเมจน้อย   จนกระทั่งวันหนึ่ง  เมื่อเขาทราบความจริงว่า แท้จริงแล้วเขาไม่ใช่เอลฟ์ แต่เป็นชาวคิวลิมเปียน  ซึ่งเป็นชนชาวเวท ที่ดินแดนของพวกเขาถูกรุกรานและถูกโจมตีโดย ซารัสซาร์ กษัตริย์แห่งวูดอส  เมื่อเรื่องราวเปิดเผยขึ้น  วงล้อแห่งโชคชะตาในชีวิตของคอร์ลีดัสก็เริ่มหมุนอีกครั้ง  เพราะเขาถูกกำหนดให้มาเป็นกุญแจไขไปสู่ปริศนาที่ซารัสซาร์ต้องการ  ขณะเดียวกันชะตาชีวิตของเขาก็ถูกทำนายว่าผูกพันกับซารัสซาร์ ไปจนกว่าชีวิตใครคนหนึ่งจะหาไม่  และเขายังเป็นความหวังของชาวคิวลิมเปียนทั้งมวล ในฐานะผู้ปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากอำนาจของซารัสซาร์ด้วย  จึงต้องติดตามต่อไปว่าคอร์ลีดัสจะประสบความสำเร็จตามที่หวังหรือไม่ อย่างไร

    เรื่องราวในภาคแรก  คือ  จักรพรรดิแห่งมนตรา: พลังแห่งเวท  เป็นการปูพื้นความรู้ให้ผู้อ่าน  ด้วยการแนะนำเปิดตัวละครและดินแดนต่างๆ พร้อมให้รายละเอียดต่างๆ ทั้งในเรื่องประวัติความเป็นมา  ภูมิหลัง  และลักษณะเฉพาะของตัวละครเผ่าพันธุ์ต่างๆ เพื่อช่วยสร้างกรอบคิดและความเข้าใจของผู้อ่านไปในทิศทางเดียวกัน  ขณะเดียวกันการบรรยายโดยให้รายละเอียดปริมาณมากเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงตั้งใจของผู้เขียนในการสร้างความสมจริงให้กับโลกใบใหม่นี้  เพื่อชักนำให้ผู้อ่านเชื่อถือได้ 

    เนื้อเรื่องในภาคแรกนี้ที่ส่วนใหญ่จะเน้นที่การเปิดตัวละครต่างๆ เป็นจำนวนมาก  ซึ่งมักเป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน การสร้างตัวละครในลักษณะนี้  ในทางหนึ่งช่วยสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับผู้อ่านที่ได้มีโอกาสได้พบตัวละครแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา   แต่ในอีกทางหนึ่ง   หากมีข้อมูลเป็นจำนวนมากเกินไป  จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่ากำลังถูกคลื่นข้อมูลเหล่านี้
    ถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอก  โดยเฉพาะในเรื่องนี้ที่มีข้อมูลที่เต็มไปด้วยรายละเอียดจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง  บางข้อมูลของบางเผ่าพันธุ์ก็ยาวมากเกินไป จนอาจสร้างความเบื่อหน่ายให้ผู้อ่านได้  จึงเห็นว่า 
    J.M. Roma / นิลตวานนท์   ควรต้องปรับการบรรยายตัวละครให้กระชับมากขึ้น  โดยอาจเลือกเลือกนำเสนอเฉพาะข้อมูลจำเป็นจริงๆ ที่ต้องเสนอในตอนนั้นเท่านั้นมาบรรยายก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มรายละเอียดในประเด็นอื่นๆ ที่ยังไม่ได้นำเสนอ  เมื่อเรื่องราวกล่าวถึงตัวละครกลุ่มนี้ในครั้งต่อๆ ไป  เพราะการบรรยายตัวละครให้น่าสนใจและน่าติดตาม   ไม่ควรที่จะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครทั้งหมดภายในครั้งเดียว 

    นอกจากนี้  การที่  J.M. Roma / นิลตวานนท์  เลือกใช้กลวิธีการเปิดตัวละครใหม่  ด้วยการเล่าเรื่องย้อนกลับไปให้ข้อมูลตั้งแต่กำเนิดของเผ่าพันธุ์  ซึ่งมักจะเชื่อมโยงกับเทพเจ้า   แล้วถึงจะเล่าประวัติและพัฒนาการของคนกลุ่มนี้จนถึงปัจจุบัน   การสร้างตัวละครด้วยกลวิธีนี้เพียงอย่างเดียวซ้ำๆ เช่นนี้  นับเป็นข้อด้อยที่ทำให้ผู้อ่านจับทางและเดาแนวเรื่องที่จะดำเนินต่อไปได้  จึงเห็นว่า J.M. Roma / นิลตวานนท์  ควรต้องหากลวิธีการเปิดตัวละครที่หลากหลายกว่านี้  โดยเปลี่ยนกลวิธีไปเรื่อยก็จะสร้างความแปลกใหม่ไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยให้ผู้อ่านรู้สึกตื่นตัวและน่าสนใจใคร่ติดตามมากกว่านี้  หรือวิธีแก้ไขอีกประการหนึ่งคือ   อาจจะลดการเปิดตัวละครใหม่ให้น้อยลง  แต่เน้นกลุ่มไปเฉพาะกลุ่มตัวละครที่สำคัญๆ ก่อน  เพื่อให้ผู้อ่านรับเฉพาะข้อมูลสำคัญที่จำเป็นก่อน  และถ้าเป็นตัวละครประกอบที่ไม่สำคัญอาจกล่าวถึงเพียงคร่าวๆ ก็ได้

    ต่อมาในภาคที่สอง คือ  คืนชีพจอมมาร    เนื้อเรื่องมีพัฒนาการและเรื่องราวมากกว่าในตอนแรกที่เป็นเพียงบทนำที่เน้นการปูพื้นเรื่องและการเปิดตัวละครเท่านั้น  แต่ในครั้งนี้  J.M. Roma / นิลตวานนท์  สร้างความน่าติดตามของเรื่อง  โดยการสร้างปริศนาเกี่ยวกับการตามหากุญแจสู่อามุนทิลเมอร์รีน  และค่อยๆ คลี่คลายปริศนานี้ในที่สุดว่าแท้ที่จริงแล้วกุญแจสู่อามุนทิลเมอร์รีนคือสิ่งใด  และกุญแจนี้จะนำไปสู่อะไร    แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า การค่อยๆ เปิดปริศนาในช่วงแรกๆ นั้นทำได้อย่างน่าติดตาม  แต่ในตอนสุดท้ายที่ดูเหมือนว่าจะเร่งคลี่คลาย  โดยการใช้ความบังเอิญหลายๆ ครั้งติดกัน เป็นตัวเฉลยปริศนานี้  ทำให้มันคลี่คลายง่ายจนเกินไป   จึงเห็นว่าไม่ควรเร่งจังหวะการเฉลยในตอนท้าย  แต่ควรที่จะยืดออกไปอีกนิด  และค่อยๆ เฉลยอย่างมีชั้นเชิงมากขึ้น  ก็จะชวนติดตาม และไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกผิดหวังที่ปริศนาจะถูกเปิดเผยอย่างง่ายเกินไปเช่นนี้ 

    นอกจากนี้    J.M. Roma / นิลตวานนท์   ยังคงสร้างความซับซ้อนของเรื่องเช่นเดียวกับภาคแรก  ด้วยการสร้างดินแดนและเผ่าพันธุ์อย่างหลากหลายเพิ่มขึ้น  ทั้ง นครอีริดู  นครของชาวเงือก  ดินแดนของคนแคระ พรายน้ำ  มังกร หรือแม้แต่สัตว์ประหลาดต่างๆ เช่น อูรากัล  ปีศาจฮาร์ปี  และ อสูรลิเวียธาน   แม้ว่าเรื่องราวในภาคนี้จะมีเนื้อหาที่ซับซ้อนมากขึ้น  ด้วยตัวละครที่หลากหลายดังที่กล่าวไปข้างต้น  แต่เรื่องราวในภาคนี้  J.M. Roma / นิลตวานนท์   ให้ความสำคัญกับตัวละครเพียงตัวเดียว  นั่นคือ คอร์ลีดัส  โดยให้รับหน้าที่สำคัญทั้งหมดในเรื่องโดยไม่แบ่งบทบาทให้กับตัวละครอื่นๆ เลย  นับตั้งแต่เขาเป็นสัญญาณแห่งความหวังตามคำทำนายของเดธตัน  เพราะ เขาคือบุตรแห่งอควาเมดิส  เขาเป็นผู้ครองพลังจิต ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของไพรม์คิวลิมเปียน  เขาเป็นเมจผู้ต้องสาป  เขาเป็นผู้ต้องสาปสองวิญญาณ เขาเป็นสายเลือดแห่งซาร์กัส ผู้ที่จะสามารถล้างคำสาปได้  เลือดของเขาสามารถเปิดประตูสู่นิฟเฟิลเฮลเพื่อปลดปล่อยปีศาจที่ซารัสซาร์ต้องการได้  เขาเป็นบุตรแห่งไดอา  เป็นผู้ได้รับคัดเลือกให้ครอบครองดาบแห่งอาร์เจนตัม  ซึ่งเป็นดาบวิเศษของเอลฟ์  เขาเป็นผู้ถือครองอามุนทิลเมอร์รีน  เขาเป็นคนเดียวที่จะถอนตรีศูลแห่งคาร์ลได้  เขายังเป็นคนเดียวที่มีชะตากรรมผูกพันกับซารัสซาร์  และเป็นคนเดียวที่ทำให้ซารัสซาร์กลัว   เพราะสามารถกำจัดซารัสซาร์ได้   ด้วยสถานะพิเศษจำนวนมากที่ J.M. Roma / นิลตวานนท์  สร้างให้คอร์ลีดัสเพียงคนเดียวเช่นนี้   เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ผู้อ่านเชื่อว่า  คนเพียงคนเดียวจะมีความพิเศษได้จำนวนมากขนาดนี้เชียวหรือ

    ขณะที่  J.M. Roma / นิลตวานนท์  สร้างให้คอร์ลีดัสโดดเด่นมากๆ เพียงตัวเดียวเช่นนี้   กลับกลายเป็นการลดบทบาทตัวละครอื่นๆ ลงอย่างน่าเสียดาย  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ตัวละครอื่นๆ ในกลุ่มไพรม์คิวลิมเปียน   ที่เปิดตัวไว้ว่าเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่อง  จากไพรม์คิวลิมเปียนทั้ง 5 คน  พบว่ามีตัวละครเพียง 2 ตัวเท่านั้นที่ได้รับบทบาทเด่น คือ ผู้ครองพลังจิต - คอร์ลีดัส  ผู้ควบคุมจิต - ซารัสซาร์ (อาจมีบทมากกว่าตัวละครตัวอื่นบ้าง  แต่ก็ยังไม่มากนักเมื่อเทียบกับคอร์ลีดัส)  แต่ตัวละครอีก 3 ตัวที่เหลือ คือ ผู้พิทักษ์ เรเวนนา  ผู้อันตรธาน –  มัลฟาส  และ ผู้หยั่งรู้ ซานซา กลับมีสถานะเพียงผู้สนับสนุนและผู้ติดตามที่ดีของคอร์ลีดัสเท่านั้น   จนบทบาทของพวกเขาดูไม่แตกต่างจากตัวละครประกอบอื่นๆ มากนัก  จึงเห็นว่าน่าจะสร้างบทบาทของตัวละครกลุ่มนี้ให้สมดุลกับทั้งคอร์ลีดัสและซารัสซาร์ก็น่าจะทำให้เรื่องน่าสนใจและน่าติดตามมากขึ้น  โดยตัวละครกลุ่มนี้อาจไม่จำเป็นต้องไปปฏิบัติภารกิจพร้อมๆ กันก็ได้  และยิ่งตัวละครกลุ่มนี้แยกย้ายกันไป   ก็จะช่วยสร้างโอกาสให้ตัวละครอื่นๆ ได้มีบทบาทมากขึ้นด้วย

    การสร้างนวนิยายขนาดยาวให้มีความน่าสนใจ  จำเป็นต้องสร้างเรื่องราวให้มีหลากหลายมิติ  ซึ่งกลวิธีที่ผู้เขียนส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้คือ  การสร้างเรื่องให้มีทั้ง  โครงเรื่องหลัก (main plot) และ โครงเรื่องย่อย (sub-plot)  จำนวนหนึ่ง  ซึ่งโครงเรื่องย่อยเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็จะทำหน้าที่สนับสนุนโครงเรื่องหลัก  ในขณะเดียวกันก็จะสามารถจะสร้างพัฒนาการของเรื่องย่อยได้อย่างเป็นอิสระในระดับหนึ่ง  แต่นวนิยายเรื่องนี้  เมื่อ  J.M. Roma / นิลตวานนท์   เลือกสร้างเรื่องเพื่อสนับสนุนเฉพาะคอร์ลีดัส  เพียงคนเดียว  จึงกลายเป็นข้อด้อยไป  เพราะทำให้นวนิยายเรื่องนี้มีเฉพาะโครงเรื่องหลัก (เรื่องราวที่เกี่ยวกับคอร์ลีดัส)  ซึ่งเป็นการจำกัดมิติของเรื่องลงอย่างน่าเสียดาย  เพราะ J.M. Roma / นิลตวานนท์  ได้สร้างตัวละครพื้นฐานที่น่าสนใจไว้แล้วอย่างหลากหลาก  อันนับเป็นกลไกสำคัญที่สามารถนำมาสร้างและพัฒนาโครงเรื่องย่อยที่น่าสนใจได้เป็นจำนวนมาก  ด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่า  J.M. Roma / นิลตวานนท์  จำเป็นต้องสร้างโครงเรื่องย่อย  ไปพร้อมๆ กับการดำเนินโครงเรื่องหลักด้วย  เช่น  การสร้างเรื่องราวของตัวละครอื่นๆ คู่ขนานไปกับเรื่องราวของคอร์ดีลัส  เช่น  ขณะที่คอร์ดีลัสกับพวกกำลังตามหากุญแจ  ก็อาจจะตัดฉากไปเล่าถึงตัวละครอื่นๆ หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน  นอกเหนือจากเรื่องราวของฟากซารัสซาร์ ดังที่สร้างไว้แล้วก็ได้  อาทิ การเดินทางของเผ่าวิหคไปรวมกับ
    คิวลิมเปียนกลุ่มอื่นๆ ที่คลีฟไฮล์  อาจประสบปัญหาจากการถูกสมุนของซารัสซาร์โจมตีระหว่างทาง     แกรนด์เดอลัสกับการฝึกการต่อสู่ให้กับพวกคิวลิมเปียน     พวกเอลฟ์กับการเตรียมตัวตั้งรับกองทัพที่ซารัสซาร์ส่งมาโจมตีอาณาจักร
    อีฟเวอร์แลนด์  หรือ  ความเดือดร้อนที่ชนเผ่าอื่นๆ ที่ได้รับจากความโหดร้ายของซารัสซาร์     ผู้วิจารณ์เชื่อว่า 
    J.M. Roma / นิลตวานนท์   มีศักยภาพที่สามารถสร้างและพัฒนาโครงเรื่องย่อยที่น่าสนใจ  เพื่อสร้างให้เกิดมิติที่หลากหลายให้กับ
    นวนิยายเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก 

                อย่างไรก็ดี  จุดเด่นที่สำคัญประการหนึ่งของนวนิยายเรื่องนี้  คือ  J.M. Roma / นิลตวานนท์   ไม่ได้สร้างกรอบกำกับจินตนาการของผู้อ่านในการสร้างฉากและตัวละคร  เหมือนนวนิยายส่วนใหญ่ในเด็กดีที่นิยมกระทำ  โดยการนำรูปตัวละครหลักมารโพสต์ไว้  แต่ด้วยการบรรยายทั้งฉากและตัวละครได้อย่างละเอียดลออเช่นนี้  ช่วยให้ผู้อ่านสามารถสร้างฉากและตัวละครในจินตนาการได้อย่างแจ่มชัด  ซึ่งเผยให้เห็นเสน่ห์และพลังของภาษาที่เปิดโอกาสให้ผู้อ่านสามารถสร้างตัวละครขึ้นในจินตนาการของตนได้อย่างอิสระ ซึ่งตัวละครที่สร้างขึ้นของผู้อ่านแต่ละคนอาจไม่จำเป็นต้องเป็นภาพเดียวกันเสมอไปก็ได้   

                ขณะเดียวกัน  J.M. Roma / นิลตวานนท์   สร้างบทสนทนาได้อย่างมีชีวิต ลื่นไหล และสามารถที่จะถ่ายทอดลักษณะนิสัย  และบุคลิกของตัวละครผ่านภาษาสนทนาได้เป็นอย่างดี  นับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างให้ตัวละครมีชีวิตชีวา และมีเอกลักษณ์เฉพาะตนไปพร้อมกันด้วย   อีกทั้ง  J.M. Roma / นิลตวานนท์   ยังระมัดระวังและให้ความสำคัญกันความถูกต้องของการสะกดคำ  จึงทำให้นวนิยายขนาดยาวเกือบ 60 ตอนนี้ แต่มีคำผิดน้อยมาก  คำที่พบ เช่น ตวาด เขียนเป็น  ตะหวาด  ผลัก เขียนเป็น  พลัก  เวท เขียนเป็น  เวทย์  ค่อนแคะ  เขียนเป็น  ค่อนแคระ  ล่อลวง เขียนเป็น   ล่อล้วง  แทบ เขียนเป็น  แถบ  ร่ำลือ  เขียนเป็น  ล่ำลือ  กระโปรง  เขียนเป็น  กระโปร่ง  กระหืดกระหอบ เขียนเป็น กระหืดกระหาบ  สิงสู่  เขียนเป็น  สิ่งสู่  ขวางหน้า เขียนเป็น  ขว้างหน้า  อ้ำอึ้ง เขียนเป็น  อ่ำอึง  กิเลส  เขียนเป็น   กิเลศ  ดั้งเดิม  เขียนเป็น  ดั่งเดิม  โค่น เขียนเป็น โค้น  ปะทุ  เขียนเป็น  ประทุ  หมั่น (ฝึกฝน)  เขียนเป็น  มั่น กะพริบตา  เขียนเป็น  กระพริบตา  อิสรภาพ เขียนเป็น  อิสระภาพ    ถ้า  J.M. Roma / นิลตวานนท์   แก้ไขคำผิดเหล่านี้แล้ว  ก็จะทำให้นวนิยายเรื่องถูกต้องและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×