ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Part 9 ความฝัน
Part 9 ความฝัน
ชายหนุ่มหันมองรอบๆ ด้วยความแปลกใจระคนหวาดกลัว รอบกายเขามีเพียงแต่ความว่างเปล่าท่ามกลางความมืดมิด รู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก
ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน….
จุดแสงสว่างเพียงรำไรเรียกให้เขาตัดสินใจเดินตามไป คงจะดีกว่ายืนนิ่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย เพียงเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งกอดเข่าคุดคู้ ตัวสั่นสะท้าน ชายหนุ่มอุ่นใจที่อย่างน้อยในความมืดที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้นี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว
“ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มร้องเรียก
หญิงสาวคนนั้นยังคงก้มหน้าอยู่อย่างเดิม ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยินเสียงของเขา
“ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มเร่งเสียงดังขึ้นมาอีกเพื่อเรียกให้เธอรู้ตัว
หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา เธอหน้าตาดีทีเดียว ใบหน้ารี ดวงตากลมโตรับกับจมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่ม ถึงแม้ดวงตาคู่นั้นจะแดงก่ำและแก้มจะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ทำให้ความงามหม่นหมองลงไปบ้าง แต่เขาก็เชื่อว่าในยามปกติที่ไม่ได้ร้องไห้ เธอคงจะเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักมากคนหนึ่ง
แต่แรกชายหนุ่มคิดว่าที่เธอเงยหน้าขึ้นมาคงจะเป็นเพราะได้ยินเสียงของเขา แต่เขาคิดผิด เพราะสายตาของเธอเหม่อมองทะลุร่างของเขาไปราวกับเขาไม่มีตัวตน ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอ ประสบการณ์บอกว่าบางทีเธอกับเขาอาจอยู่คนละภพกัน
อยู่ๆ หญิงสาวก็กรีดร้อง มือทั้งคู่ที่เคยจับอยู่ที่หัวเข่ายกขึ้นมาดึงทึ้งศีรษะตัวเองจนผมยาวสลวยกระจายยุ่งเหยิง ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเพราะร้องไห้อย่างหนัก ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเวทนาเหลือเกิน
ความรู้สึกคับแน่นในอก ท้อแท้ โศกเศร้าประทุขึ้นมาในใจราวกับหญิงสาวที่กำลังคร่ำไห้อยู่ตรงหน้าคือตัวเขาเอง ชายหนุ่มรู้สึกว่าชีวิตตัวเองสิ้นหวัง อับจนหนทาง สิ่งสำคัญในชีวิตล้มครืนพังทลายไปกับตาทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร รู้เพียงแต่มันรุ่มร้อนอยู่ในอกคล้ายหัวใจกำลังจะระเบิด
แล้วเขาก็เพิ่งเข้าใจว่าความดำมืดที่ล้อมรอบกายนั้น แท้ที่จริงมันแทนความรู้สึกที่อยู่ลึกภายในจิตใจของหญิงสาวผู้นี้ ความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดดั่งความรู้สึกทุกข์ระทมที่เธอกำลังเผชิญ เขากำลังมีตัวตนอยู่ในหัวใจที่แหลกสลายของเธอ
ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยว แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ชายหนุ่มรู้ในทันทีว่าเธอกำลังนึกเกลียดชังและสาปแช่งไปถึงคนที่ทำให้เธอทุกข์ระทมราวกับตายทั้งเป็น เขารู้สึกแปลกใจที่ตัวเองรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของเธอราวกับเข้าไปนั่งอยู่ในใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในใจของเธอจริงๆ
อารมณ์ความรู้สึกแค้นเคืองบนใบหน้าเธอช่างดูคุ้นตาจนชายหนุ่มต้องเพ่งมอง เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นหญิงสาวผู้นี้มาก่อน การแต่งกายของเธอก็ช่างดูคุ้นตา คุ้นมากจริงๆ ชุดเดรสสีขาวแบบนี้ เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ชายหนุ่มมองสำรวจร่างบอบบางนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วใบหน้าของหญิงสาวอีกคนก็เข้ามาซ้อนทับจนแนบสนิทแตกต่างกันแต่เพียงว่าหญิงสาวคนนี้ที่เขากำลังมองอยู่ยังคงมีภาพความงดงาม ไม่ได้ดูน่าหวาดกลัวอย่างที่เขาเคยเห็น
ความจริงที่เขาค้นพบทำให้เขาอ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก
หญิงสาวที่กำลังอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือวิญญาณที่เคยหลอกหลอนรังควาญเขาหลายครั้งหลายครา ภาพที่เห็นคงเป็นตัวเธอยามมีชีวิตอยู่
เขาพยายามจะวิ่งหนีไปจากที่ตรงนี้ แต่ก็เหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาตรึงเท้าไว้ให้ติดอยู่กับที่ จ้องมองภาพความทรมานของหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักแต่รู้ดีว่าเป็นใคร
ภาพของหญิงสาวที่คว้ามีดปอกผลไม้ที่ดูบอบบางแต่แหลมคมขึ้นมา น้ำตาอาบนองหน้าแต่กลับยิ้มเยือกเย็น มืออีกข้างที่ว่างเปล่ายกขึ้นมาตรงหน้า หญิงสาวค่อยๆ วางปลายมีดลงบนข้อมือขาว
“อย่า!! อย่านะ อย่าทำแบบนั้น!!” ชายหนุ่มกรีดร้องห้ามจนสุดเสียงแม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ เขาอยากหยุดเรื่องทั้งหมดนี้ ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ตอนนี้ความเวทนาและความกลัวว่าเธอจะตายมีมากกว่าความกลัวเพราะเธอเป็นวิญญาณร้ายที่จ้องจะทำร้ายเขา
ชายหนุ่มยังคงกรีดร้องห้ามอยู่อย่างนั้น ขณะที่หญิงสาวกัดฟันพลางขยับมือที่ถือมีดอยู่ช้าๆ
“….ซองมิน!! คุณอีซองมิน ตื่นสิ!! ตื่น!”
เสียงทุ้มต่ำที่ฟังคุ้นหูดังแทรกขึ้นมาในโสตประสาท ซองมินผวาตื่นลืมตาโพลง สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวในห้องพักผู้ป่วย สมองยังมึนเบลอว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เห็นมาเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน
แต่ภาพนั้นยังคงติดตาแม้ยามตื่น….
“คุณเป็นอะไรไป เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มที่ปลุกเขาขึ้นมาถามด้วยความอาทร ซองมินหันหน้าไปมองต้นเสียง รู้สึกว่าขอบตาตัวเองร้อนผ่าว แก้มก็เปียกชื้น
มือของคุณหมอที่ยืนมองเขาด้วยความเป็นห่วงข้างเตียงลูบแก้มเบาๆ เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า สัมผัสนั้นอ่อนโยนแฝงไว้ด้วยความห่วงใย แต่กลับก่อให้เกิดความหวาดกลัวในใจของผู้เป็นคนไข้
“ผ..ผม…ไม่เป็นอะไร แค่ฝันร้าย” ซองมินตอบเสียงพร่า กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากเย็นก่อนจะเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกบางอย่าง
เขากลัว เขากลัวผู้ชายคนนี้..
“แต่ว่าคุณ…” คยูฮยอนพยายามแย้งขึ้นมาเมื่อเห็นว่าซองมินดูอาการยังไม่ดี
“ขอร้องล่ะครับ ผมอยากอยู่คนเดียว” ซองมินพูดเสียงเบาหวิว ไม่ยอมสบสายตาคมของคยูฮยอน
--------------------------------------------15%-----------------------------------------------
หลังจากที่บอกกับคยูฮยอนว่าต้องการอยู่เพียงลำพัง คยูฮยอนก็ไม่ซักไซ้ไล่เรียงอะไรต่อ คุณหมอหนุ่มออกจากห้อง ปล่อยให้ซองมินอยู่กับตัวเองตามที่เขาต้องการและก่อนไปก็บอกให้พยาบาลและบุรุษพยาบาลช่วยปลดสายรัดต่างๆ ที่รัดอยู่ตามตัวซองมินด้วย
แม้จะได้รับอิสรภาพและกำจัดคยูฮยอนไปพ้นหูพ้นตาได้ตามที่ต้องการ แต่ซองมินนึกอยากให้ตัวเองไม่ได้ฝันเห็นภาพนั้นแล้วถูกจับมัดไว้แบบเดิมยังจะดีเสียกว่า
ซองมินถอนใจยาวเมื่อคิดถึงความรู้สึกของหญิงสาวคนนั้นที่สัมผัสได้จากในความฝัน ความโศกเศร้า ความร้าวราน ความทรมานที่ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกยามมีชีวิตอยู่ ซองมินรับรู้หมดแล้ว รู้แล้วว่าเธอต้องเจ็บปวดมากเพียงใด และเขาก็เชื่อว่าความฝันนั้นมันไม่ใช่แค่ความเพ้อเจ้อ แต่เพราะวิญญาณของหญิงสาวคนนั้นตั้งใจให้เขาเห็นภาพของตัวเองก่อนตาย
เพื่อบอกว่าวิญญาณของเธอไม่สงบ
สาเหตุที่ทำให้เธอยังวนเวียนอยู่ในภพนี้คิดได้เพียงอย่างเดียว คือเป็นเพราะความโกรธแค้นที่มีต่อคนที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจฆ่าตัวตาย และคนคนนั้นก็น่าจะมีอยู่คนเดียวเท่านั้น คนที่เธอยังตามหวงแหนอยู่ คนคนนั้นคือคยูฮยอน
แม้ในความคิดของซองมิน คยูฮยอนเป็นคนกวนประสาท ชอบแกล้งและน่ารำคาญแต่เขาก็ไม่น่าจะเลวร้ายถึงกับทำให้ใครคิดฆ่าตัวตายได้ แต่ก็นั่นแหละ คนเรามองแต่เพียงภายนอกไม่ได้ คยูฮยอนอาจจะเป็นคนประเภทหน้าเนื้อใจเสือก็ได้ เพราะฉะนั้นเขาควรจะปลีกตัวให้ออกห่างจากผู้ชายอันตรายคนนี้ให้ไกลที่สุด
แต่สำนึกดีในใจก็ร้องประท้วงว่าคยูฮยอนอาจจะเป็นอันตรายได้หากปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าผีสาวตนนั้นต้องการจะทำอะไรกับคุณหมอคนนั้น บางทีเธออาจจะคิดฆ่าเอาชีวิตเลยก็ได้
ซองมินผุดลุกขึ้นมาแล้วส่ายหัวเร็วๆ ไม่ได้! เขาจะนึกเป็นห่วงผู้ชายพรรค์นั้นไม่ได้! ต่อให้จะทนไม่ได้ที่เห็นใครเดือดร้อน แต่มันก็สมควรแล้ว คยูฮยอนควรจะได้รับผลกรรมที่ตนเองเป็นคนกระทำเอาไว้
ซองมินไม่รู้ตัวเลยว่าตั้งแต่เขาหลับไปจนถึงตอนที่เป็นอิสระเขากำมือเอาไว้แน่นตลอดเวลา จนตอนที่ลุกขึ้นมา ชายหนุ่มจึงเผลอปล่อยมือและทำให้วัตถุที่อยู่ในนั้นตกปุลงบนเตียง
แหวนสีเงินตัดกับสีขาวของผ้าปูเตียงของโรงพยาบาลอย่างชัดเจน ซองมินมองมันด้วยสายตางุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนึกขึ้นได้ เพราะเหตุการณ์มากมายที่เผชิญทำให้ซองมินลืมเรื่องแหวนตัวปัญหาที่ทำให้เขาเจอดีไปเสียสนิท
เขาควรจะนำแหวนวงนี้ไปคืนเจ้าของตามความตั้งใจแรกที่คิดเอาไว้
ประตูห้องถูกเปิดออกหลังจากเสียงเคาะประตูเงียบลงไม่นาน พยาบาลสาวนามอิมยุนอาเดินเข้ามาในห้องเพราะซองมินกดออดเรียกพร้อมระบุชื่อเจาะจง เธอแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่เคยเลยซักครั้งตั้งแต่ทำงานมาที่จะมีคนไข้เรียกพบเป็นการส่วนตัวแบบนี้
“คุณซองมิน ต้องการให้ฉันช่วยอะไรเหรอคะ” ยุนอาถาม มองใบหน้าหวานของคนไข้หนุ่มด้วยสายตาสงสัย
ซองมินไม่ตอบแต่กำมือยื่นออกไปตรงหน้ายุนอา แรกๆ พยาบาลสาวไม่เข้าใจ จนซองมินต้องจับมือเธอวางของที่กำเอาไว้ใส่อุ้งมือ
“คะ?” ยุนอายังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่พอเห็นว่าสิ่งของที่ตามหาแทบพลิกแผ่นดินกำลังวางสงบนิ่งในมือ หญิงสาวก็ชะงักงันนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ อ้าปากค้างพลางมองหน้าซองมินด้วยความตกใจ
“แหวนของคุณใช่มั้ยครับ”
ยุนอาพยักหน้าช้าๆ พูดอะไรไม่ออก เหมือนสติหลุดไปชั่วขณะก่อนจะโผเข้ากอดซองมินด้วยความดีใจ
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณซองมิน ฉันคิดว่าจะหามันไม่เจอแล้ว ถ้ามันหายไปฉันต้องแย่แน่ๆ” ยุนอาพูดเสียงสะอื้น ดีใจจนน้ำตาไหล
ซองมินลูบหลังปลอบพยาบาลสาวเบาๆ ถึงแม้วันนี้เขาจะเจอแต่เรื่องร้ายๆ แต่การได้เห็นคนอื่นมีความสุขก็ทำให้เขาอดรู้สึกดีไปด้วยไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ช่วยให้ยุนอาหาแหวนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของเธอเจอ
“ว่าแต่คุณซองมินไปเจอมันได้ยังไงกันคะ” ยุนอาถามหลังจากผละออกมาจากซองมินแล้ว
“เอ้อ..คือผมเห็นมันตกอยู่แถวนี้น่ะครับ” ซองมินตอบเก้อๆ เขาจำเป็นต้องโกหก จะให้พูดความจริงว่าเจอตรงเพดานในห้องน้ำชายชั้น 12 ก็คงไม่ได้ เพราะอยู่ๆ แหวนจะหายไปอยู่บนนั้นก็คงจะแปลกเกินไป ดีไม่ดียุนอาอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนเอาแหวนไปซ่อนเองเสียอีก
“เหรอคะ แต่ฉันหาจนทั่วแล้วไม่ยักจะเจอ แต่ช่างเถอะ ได้แหวนคืนมาก็ดีแล้ว”
ซองมินลอบถอนใจเบาๆ เมื่อเห็นว่ายุนอาไม่ได้มีท่าทีติดใจสงสัยอะไร หญิงสาวก้มตัวพร้อมกับพูดขอบคุณไม่ขาดปากก่อนจะออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม
คนไข้หนุ่มมองตามแล้วยิ้มออกมาเช่นกัน การได้ช่วยคนมันรู้สึกอิ่มเอมใจแบบนี้นี่เอง…
“เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วว่าพี่สาวคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกับพี่หมอรูปหล่อ” อึนจูพูดหลังจากที่ฟังเรื่องเล่าของซองมินจบ
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ เห็นเอาแหวนยื่นให้กันแบบนั้นอ่ะ” บารอมแก้ตัวเสียงอ่อย
ซองมินส่ายหน้าน้อยๆ อย่างไม่ถือสาหาความอะไร เขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้วิญญาณเด็กน้อยทั้งสองคน เว้นแต่เรื่องที่เห็นในความฝันเพราะไม่ต้องการให้ทั้งคู่เป็นห่วงแล้วคิดทำอะไรแผลงๆ อีก
“แล้วก็อย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ ไม่อย่างนั้นพี่จะโกรธมากๆ ด้วย” ซองมินขู่ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก หันไปดูการ์ตูนเรื่องโปรดของเด็กน้อยทั้งสองที่จะต้องมาอ้อนขอให้เขาเปิดให้ดูทุกเย็นจนตอนนี้เขาเองก็ชักจะติดไปด้วยอีกคน
เพราะเหตุนี้ซองมินจึงไม่ได้เห็นแววตาหนักใจของอึนจูที่หันมามองบารอมที่มีสีหน้าเรียบสนิทไม่สื่ออารมณ์ใดๆ แตกต่างจากเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน
ซองมินหันมองไปรอบๆ ตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง เตียงเดี่ยวที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้องบอกให้เขารู้ว่าห้องนี้คือห้องนอน ห้องนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือข้าวของเครื่องใช้อะไรนัก นอกจากเตียงก็ยังมีตู้เสื้อผ้าอยู่มุมตรงข้ามกับเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง และชั้นวางหนังสือที่บรรจุไปด้วยหนังสือเล่มหนาหนักดูยากแก่การเข้าใจ เจ้าของห้องคงจะเป็นหนอนหนังสือตัวยงอย่างไม่ต้องสงสัย
การจัดตกแต่งของห้องดูเรียบง่าย ผนังถูกทาด้วยสีครีม ดูแล้วสบายตา ดูๆ ไปสไตล์การแต่งห้องของเจ้าของห้องนี้ก็ไม่ต่างจากเขาเท่าใดนัก ซองมินเองก็นิยมตกแต่งห้องด้วยสไตล์เรียบง่ายเช่นกัน
ขณะที่กำลังชื่นชมห้องนอนของเจ้าของห้องที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่นั้น ประตูห้องก็เปิดออก คนที่เดินเข้ามาในห้องทำให้ซองมินนิ่งอึ้ง
ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว…เป็นเธออีกแล้ว
ซองมินรู้ตัวว่าตนเองกำลังจมอยู่ในห้วงความฝันที่ซ้อนทับบนโลกของความจริงอีกครั้ง ทั้งที่พยายามสั่งตนเองให้ลืมตาตื่นขึ้นมาซะ แต่ก็ไม่เป็นผล เขายังคงอยู่ที่นี่ ในห้องนอนของวิญญาณสาวยามที่ยังมีชีวิตอยู่
หญิงสาวคนนั้นใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เธอเดินมานั่งบนเตียงด้วยท่าทีอ่อนแรงแล้วยกเข่าขึ้นคุดคู้ ลำแขนเรียววาดอ้อมมากอดอยู่รอบเข่าก่อนจะซบใบหน้าลงกับหว่างเข่า แม้จะไม่เห็นหน้าแต่ไหล่บางที่ไหวขึ้นลงก็บอกให้รู้ได้ว่าเธอกำลังร่ำไห้
ภาพเดิมกับที่ซองมินเคยเห็นมาแล้วเมื่อตอนเช้า มันกำลังกรอซ้ำให้เขาได้ดูอีกครั้ง…
ซองมินอยากจะเบือนหน้าหนีภาพหญิงสาวที่กำลังกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานนั้นซะแต่เขาก็ทำไม่ได้ เหมือนมีใครจับศีรษะเขาไว้ให้มองแต่ภาพตรงหน้า ให้เห็นแต่เพียงหญิงสาวผู้นี้เท่านั้น
เธอหยีบมีดที่วางไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงขึ้นมา แต่แรกซองมินไม่ทันเห็นว่ามีมีดเล่มนี้อยู่ในห้องด้วย มันคงจะวางไว้แล้วล่วงหน้าเพื่อรอให้เจ้าของของมันใช้ บางทีหญิงสาวอาจจะเคยคิดใช้มันมาก่อนแต่ยังไม่กล้าพอจะทำ จนวันนี้…วันที่เธอตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว
“อย่า…ได้โปรดเถอะ..” ซองมินเอ่ยห้ามเสียงพร่า ส่ายหน้าไปมา ไม่อยากเห็น ไม่อยากมอง ไม่อยากรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น
หญิงสาวคนนั้นยิ้มเย็นทั้งน้ำตา ก่อนจะจรดปลายมีดลงบนข้อมือ เบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากผิวเนื้อที่โดนมีดแหลมคมบาด
ทุกอย่างมันควรจะจบลงแค่นี้ นี่คือภาพสุดท้ายก่อนที่ซองมินจะตื่นเมื่อตอนเช้า แต่ ณ ตอนนี้เขายังไม่ยอมตื่น ภาพเหตุการณ์ต่อจากนี้ยังคงดำเนินต่อไป และซองมินไม่อาจหลีกหนีมันไปได้ ทำได้เพียงยืนนิ่งมอง ร่วมเป็นพยานรับรู้การจากไปอย่างทรมานของเธอ
หญิงสาวกัดฟันออกแรงกดปลายมีดให้บาดลึกลงไปอีกจนเลือดสีแดงเข้มไหลลงมาตามแขน ตัดกับสีผิวขาวนวลเห็นชัดเจน มือข้างที่จับมีดอยู่ขยับเลื่อนเร็วๆ เลือดไหลทะลักท่วมข้อมือจนเห็นแต่เพียงสีแดงฉาน
ซองมินกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและเสียขวัญ แต่กระนั้นเขากลับไม่ได้ยินเสียงของตนเองเลยสักนิด มีเพียงเสียงหัวเราะปนสะอื้นของหญิงสาวที่กำลังเลื่อนมีดตรงข้อมือตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้นที่ดังอยู่ลั่นห้อง
“ฮ่าๆๆ ฮึก..พี่คยูฮยอน ฉันรักพี่นะ ทั้งๆ ที่ฉันรักพี่ ฮึก…แต่ทำไมถึงทำแบบนี้ คิดจะหนีกันอย่างนั้นเหรอ อย่าหวังเลย…หึหึ”
น้ำเสียงเศร้าสร้อยตอนต้นประโยคแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ซองมินขนลุก ตัวสั่นไปทั้งตัว
ทำไมต้องเป็นเขา ทำไมเขาถึงต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้ด้วย!
หญิงสาวคนนั้นล้มลงไปแล้ว ข้อมือขาวซีดที่ถูกย้อมด้วยสีเลือดห้อยพ้นขอบเตียง มีดที่ปลายชุ่มเลือดตกอยู่ตรงหน้าแทบเท้าซองมิน ใบหน้าสวยหวานหลับตาคล้ายกับแค่เพียงหลับไปผินหน้ามาทางเขาพอดี ก่อนที่มันจะลืมโพลงจ้องกลับมา รับรู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ในห้องนี้ด้วย
ซองมินสะดุ้งเฮือก สายตาคู่นั้นที่สานสบเหมือนมีมากกว่าความอาฆาตแค้น มันคล้ายกับแฝงความปวดร้าวทรมานอยู่ด้วย แววตานั้นตรึงตาซองมินไว้ ทั้งที่กลัวเหลือเกินแต่ก็ไม่อาจหลบสายตาได้
รู้ตัวอีกที ภาพที่ซองมินเห็นคือเพดานของห้องพักคนไข้ในความมืด
ในที่สุดเขาก็ตื่นเสียที…
ซองมินยันกายลุกขึ้นมา คราวนี้เขาไม่ได้ร้องไห้ แต่ก็รับรู้ได้ว่าร่างกายตัวเองกำลังสั่น ทั้งที่อากาศคืนนี้ก็ไม่ได้หนาวเย็นจนถึงขั้นนั้น
ทั้งที่ตอนหลับไม่ได้ร้องไห้ แต่ตอนนี้น้ำตามันกลับไหลออกมาเอง เขาเองก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงต้องเสียน้ำตาให้วิญญาณสาวตนนั้น รู้แต่เพียงว่าเธอคงจะทรมานมาก เธอต้องเผชิญกับอะไรถึงได้ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองแบบนั้น ซ้ำร้ายแม้จะกลายเป็นวิญญาณแต่กลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จนไม่ได้ไปผุดไปเกิด เธอต้องพบเจอกับความทุกข์แสนสาหัสแค่ไหนกัน
ภาพของหญิงสาวขณะทำร้ายตัวเองยังติดตาแม้จะลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงแค่ภาพนั้นผุดขึ้นมาโนสำนึกซองมินก็รู้สึกผะอืดผะอม อะไรบางอย่างเคลื่อนขึ้นมาจุกที่ลำคอ ต้องยกมือขึ้นมาปิดปากเพราะคลื่นไส้อยากจะอาเจียน ไม่ใช่เพราะความสยดสยองจากภาพที่เห็น แต่เพราะอะไรเขาเองก็ไม่เข้าใจ
ซองมินหันไปมองบารอมที่ยังคงหลับสนิทอยู่ที่โซฟา คิดลังเลในใจว่าเขาควรจะเรียกบารอมแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังดีหรือไม่ แต่สุดท้ายซองมินก็ตัดสินใจล้มตัวลงนอนเหมือนเดิมโดยไม่ปลุกบารอมขึ้นมา
ดวงตากลมโตยังคงเปิดมองเพดานสีขาวในความมืด ไม่อาจข่มตานอน ความคิดสับสนวุ่นวายมากมายยังคงประเดประดังอยู่ในหัวสลับกับภาพเหตุการณ์ที่เห็นในฝัน ภาพของหญิงสาวผู้นั้นที่กรีดข้อมือพร้อมทั้งเอ่ยประโยคสุดท้ายไปถึงคยูฮยอนด้วยความอาฆาตแค้น
ขอบตาร้อนผ่าว น้ำร้อนๆ ไหลออกมาจากหางตาเลยเปื้อนไปถึงหมอนจนเปียกชุ่ม แล้วทำไมเขาต้องร้องไห้ด้วย เป็นเพราะความกลัวหรือความสงสารหรือเป็นเพราะทั้งสองอย่าง
คืนนี้คงยังอีกยาวไกล…เขาคงข่มตานอนไม่หลับทั้งคืน..
ปล. ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ช่วยไรท์เตอร์ทำงานด้วยการกดดูคลิป ^ ^ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ
68ความคิดเห็น