ลำดับตอนที่ #11
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : กิจกรรมคู่ที่เจ็ด[Sf]Deteriorated(XS)
SF : Deteriorated
Pair : XS
Gender : Dark , Psycho , Drama
Rate : PG
มีแต่ความเงียบ ... กับห้องที่ว่างเปล่า ...
ห้องของฟราน...
“ไอ้กบ!! แกเห็นไอ้เบ...เฮ้ย!!”
“ฟราน !”
เสียใจ...
บอส !!!
ภาพตรงหน้าทำให้แทบจะหยุดหายใจ...
Pair : XS
Gender : Dark , Psycho , Drama
Rate : PG
‘ . . . . ’
เงียบ ...
เงียบกริบ ...
เงียบกริบ ...
นี่มันเงียบเกินไปรึเปล่าวะ ...
ดวงตาสีวารีกวาดมองไปรอบโถงปราสาท มีเพียงแต่ความเงียบที่ปกคลุม บรรยากาศมืดสลัวอึมครึมจนน่าขนลุก ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าไอ้บรรยากาศน่ากลัวมันเป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้มันดูน่ากลัวผิดแปลกไปจากทุกทีอย่างบอกไม่ถูก จะว่าเป็นเพราะอากาศครึ้มฟ้าขึ้นฝนจากนอกปราสาทก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
“เฮ้ยย ! หายหัวไปอยู่ไหนกันหมดวะ ?!”
. . . .
ยังมีแต่ความเงียบกับเสียงของตัวเองที่ก้องสะท้อนมาให้ได้ยินเท่านั้น คนถามเดินไปหาตามห้องชั้นล่างทั้งหมด แต่ก็ไม่พบใครเลยสักคนเดียว หรือแม้แต่เงาก็ไม่เห็น
ทั้งตะโกนเรียก โวยวาย ถีบโต๊ะ ทำลายข้าวของเสียงดัง ก็ไม่มีใครโผล่หัวออกมา จนคนตามหาเริ่มหงุดหงิด รวมกับความเหนื่อยล้าจากการทำภารกิจเพิ่งจะเสร็จสิ้น ไหนจะคราบเลือด คราบเหงื่อที่ติดตามเสื้อผ้าจนทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอีก สุดท้ายสควอโล่ก็ต้องเลิกสนใจที่จะตามหา
ขาเรียวเปลี่ยนเป้าหมาย ก้าวขึ้นบันไดเพื่อมุ่งไปยังห้องของบอสแห่งวาเรีย ตั้งใจว่ารายงานภารกิจให้เรียบร้อยจะได้กลับห้องตัวเองไปทำความสะอาดตัวเองให้เรียบร้อย จะได้พักผ่อนเสียที
เสียงรองเท้ากระทบกับขั้นบันไดแต่ละขั้นดังก้องสะท้อนไปมาจนน่ารำคาญ บรรยากาศที่มืดมัวก็ดูจะเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้น มองไปนอกหน้าต่างทางเดิน ก็เห็นกลุ่มเมฆครึ้มปกคลุมท้องฟ้าจนสลัว ทั้งที่เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแท้ๆ
ประตูไม้มะฮอกกานีปิดสนิทตามปกติ แต่อาจจะเป็นเพราะความเงียบสงบจนเกินไป ทำให้ครั้งนี้สควอโล่หยุดยืนอยู่หน้าประตู แทนที่จะถีบหรือเตะเข้าไปเหมือนทุกครั้ง ความรู้สึกแปลกๆแล่นเข้ามาเกาะกุมจิตใจอยู่บางๆ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เหมือนอะไรบางอย่างกำลังเตือน ไม่ควรจะเปิดเข้าไปอย่างนั้น
เจ้าของเรือนผมสีเงินสะบัดหัวไล่ความคิด ในใจก็สบถด่าตัวเองไปด้วย
...เป็นบ้าอะไรวะ วันนี้...ว้อยยยย...รีบเข้าไปรายงาน แล้วรีบๆไปพักดีกว่า...
คิดได้ดังนั้นก็จัดการประเคนเท้างามๆเข้ากับประตูไม้ตรงหน้าเหมือนทุกที พร้อมเสียงเอ่ยทักที่เหมือนจะต้องทำจนเป็นกิจวัตรไปแล้ว
“เฮ้ยยยยย บอสเว้ยยยยยย”
.
.
เงียบกริบ...
ไม่มีเสียงด่าตอบกลับมา ...
ไม่มีเอกสาร หรือแก้วไวน์ที่ประเคนใส่หัว ...
มีแต่ความเงียบ ... กับห้องที่ว่างเปล่า ...
ห้องทำงานอยู่ในสภาพปกติทุกอย่าง เอกสารที่กองเต็มโต๊ะ เก้าอี้ตัวเดิมที่เคยมีร่างสูงนั่งอยู่บนนั้น แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า ...
หายไปไหนของมันวะ ...
‘กลับมารายงานว่าภารกิจเรียบร้อยดี ตอนบ่ายสาม เข้าใจมั๊ย ไอ้สวะ..’
ดวงตาเรียวตวัดมองนาฬิกาแขวนผนังกึ่งจะโบราณกึ่งจะทันสมัย ทันทีที่คำสั่งของบอสแล่นเข้ามาในหัว เข็มสั้นชี้เกือบจะถึงเลขสาม เข็มยาวชี้อยู่ที่เลขสิบค่อนไปเกือบจะถึงเลขสิบเอ็ด
หรือจะมาเร็วเกินไป .. ?
อีกห้านาที ... ถ้ากลับไปอาบน้ำก่อน บอสคงเอากระสุนเจาะหัวแน่ คงต้องอยู่รอรายงานก่อนสินะ...
ร่างบางทรุดตัวนั่งลงกับโซฟาในห้อง เอนหลังลงกับพนักพิงนุ่มๆ เส้นผมยาวสลวยกระจายไปด้านหลัง ดวงตาสีสวยเหม่อมองไปบนโต๊ะทำงาน พลางคิดถึงบุคคลที่เปรียบเสมือนเจ้าชีวิต ...
ด้วยความเหนื่อยล้า เพียงไม่นานดวงตาก็ปรือหลับลงเข้าสู่ห้วงนิทรา...
.
.
.
ด้วยความเหนื่อยล้า เพียงไม่นานดวงตาก็ปรือหลับลงเข้าสู่ห้วงนิทรา...
.
.
.
“หึ...งานแค่นี้ก็สลบแล้วเหรอวะ ไอ้สวะ” เสียงหัวเราะในลำคอตามแบบ ก่อนประโยคที่เอ่ยพึมพำราวกับกระซิบ ก่อนที่เส้นผมจะได้รับสัมผัสเบาๆ ที่ไม่ต้องลืมตาดูก็รู้ว่ามือหนากำลังไล้มันเล่น
“ก็แค่พักหรอกเว้ย...” เอ่ยตอบกลับไปโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง
“หึ...”
.
.
.
แก๊ง...แก๊ง...!!
“หึ...”
.
.
.
แก๊ง...แก๊ง...!!
เสียงนาฬิกากลางเก่ากลางใหม่ในห้องตีบอกเวลาเสียงดัง ปลุกคนที่กำลังหลับฝันอยู่ในภวังค์ให้สะดุ้งตื่น ดวงตาปรือมองภาพไม่ชัดนักจากอาการง่วงงุน เข็มสีดำมันขลับของนาฬิกา ชี้บอกเวลาสี่โมงตรง...
ภาพตรงหน้ายังเป็นห้องที่ว่างเปล่า...
สควอโล่กวาดสายตามองไปรอบตัว ในห้องมีเพียงเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีวี่แววของคนที่ตัวเองเรียกว่าบอสอยู่เลย ...
ฝันหรอกเหรอวะ ...
สควอโล่กวาดสายตามองไปรอบตัว ในห้องมีเพียงเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีวี่แววของคนที่ตัวเองเรียกว่าบอสอยู่เลย ...
ฝันหรอกเหรอวะ ...
แต่ว่า...สัมผัสอ่อนโยนที่เส้นผม...กลับเหมือนความจริงอย่างไม่ผิดเพี้ยน...
“บอส...” เสียงแผ่วเอ่ยเรียกขึ้นมาลอยๆ แม้จะรู้ว่าเจ้าตัวคงไม่ได้ยิน มือเรียวไล้ไปตามเส้นผมเล่น นั่งเหม่ออยู่พักใหญ่ ราวกับไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย
จนเมื่อความเมื่อยขบแล่นไปตามร่างกายสุดขีดความอดทน จนเกินจะรับไหวอีกต่อไป เลยเวลานัดมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววคนที่สั่งกำชับว่าอย่ามาสาย แต่สุดท้ายตัวเองก็หายไปซะเอง คิดแล้วฉลามขาวก็พาลจะหงุดหงิด แต่ความเหนียวตัวทำให้สมองสั่งการให้ลุกไปอาบน้ำชำระร่างกายเสียที
.
.
.
จะว่าไปแล้ว...ไม่มีเสียงทักทายจากพวกระดับล่างก็พอจะเข้าใจอยู่ ว่ามันอาจจะอู้งานไปไหนต่อไหน...
แต่นี่...แม้กระทั่งไอ้บอส...ลุซซูเรีย...ฟรานหรือเบลก็หายไปกันหมด...
สองเท้าชะลอหยุดลงเมื่อเหลือบสายตาเห็นบานประตูห้องของเบลแง้มอยู่เล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูว่าทำไมไอ้เจ้าชายโรคจิตถึงไม่ยอมปิดประตูให้สนิท
แต่นี่...แม้กระทั่งไอ้บอส...ลุซซูเรีย...ฟรานหรือเบลก็หายไปกันหมด...
สองเท้าชะลอหยุดลงเมื่อเหลือบสายตาเห็นบานประตูห้องของเบลแง้มอยู่เล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูว่าทำไมไอ้เจ้าชายโรคจิตถึงไม่ยอมปิดประตูให้สนิท
เพียงก้าวเท้าเข้าไปใกล้ ความรู้สึกเย็นวาบไปตามสันหลังก็ถูกก่อขึ้น ยังไม่ทันที่มือจะได้ผลักบานประตูเข้าไป กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆก็โชยออกมา แม้จะเจือจาง แต่สันชาตญาณก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเริ่มมีอะไรแปลกๆ
“ไอ้เบล ! แกทำบ้าอะไรอยู่วะ” มือเรียวไม่รอช้าผลักบานประตูเข้าไปทันที พร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าเจ้าของห้องเล่นอะไรโรคจิตอีก
เงียบ...
มีเพียงความเงียบอีกครั้ง...
แต่ผิดแปลกไปตรงที่ ห้องไม่ได้โล่งเงียบ...
มีบางอย่างสะดุดตา เพียงแค่เปิดเข้ามาในห้อง...
รอยเลือด...
รอยเลือดสีแดงสดเป็นจุดกระจายเต็มพื้นกลางห้อง สีแดงสดบ่งบอกว่ามันออกจากร่างกายเจ้าของได้ไม่นาน ข้างกันนั้นมีมีดขนาดเล็กตกอยู่ แต่เท่าที่มองไม่น่าจะเป็นอาวุธที่ทำให้เกิดเลือดกองนี้
มีเพียงความเงียบอีกครั้ง...
แต่ผิดแปลกไปตรงที่ ห้องไม่ได้โล่งเงียบ...
มีบางอย่างสะดุดตา เพียงแค่เปิดเข้ามาในห้อง...
รอยเลือด...
รอยเลือดสีแดงสดเป็นจุดกระจายเต็มพื้นกลางห้อง สีแดงสดบ่งบอกว่ามันออกจากร่างกายเจ้าของได้ไม่นาน ข้างกันนั้นมีมีดขนาดเล็กตกอยู่ แต่เท่าที่มองไม่น่าจะเป็นอาวุธที่ทำให้เกิดเลือดกองนี้
มันเหมือนกับ...
เจ้าของอาวุธ...ยังไม่ทันได้ใช้มัน ก็มีอันต้องเลือดตกยางออก...
เจ้าของอาวุธ...ยังไม่ทันได้ใช้มัน ก็มีอันต้องเลือดตกยางออก...
“ไอ้เจ้าชายโรคจิต!! อยู่ไหนของแกวะ ?! ไอ้เบล!!!”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความหวั่นวิตก ความกลัว ถึงได้แล่นเข้ามาเกาะกุมจิตใจ สมองสั่งให้ตามหาเจ้าของห้อง สควอโล่ตะโกนเรียก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
ขายาวเริ่มออกวิ่ง เป้าหมายคือห้องที่เจ้าของเรือนผมสีทองน่าจะอยู่มากที่สุด...
ขายาวเริ่มออกวิ่ง เป้าหมายคือห้องที่เจ้าของเรือนผมสีทองน่าจะอยู่มากที่สุด...
ห้องของฟราน...
“ไอ้กบ!! แกเห็นไอ้เบ...เฮ้ย!!”
บานประตูถูกกระชากเปิดทันที และก่อนที่คนกระชากจะได้ทันคิดว่าทำไมเจ้าของห้องจึงไม่ล็อกประตู ภาพตรงหน้าก็ทำให้ต้องร้องสบถออกมา
รอยเลือดหยดเป็นทางยาว ลึกเข้าไปจนสุดมุมห้อง...
หัวใจของคนที่บุกเข้ามาสั่นรัว ขาค่อยๆก้าวตามรอยเลือดไปช้าๆ หยดเลือดใหญ่และถี่ขึ้น ดวงตาคู่สวยค่อยๆไล่จากรอยเลือดบนพื้นขึ้นมามอง ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ
“ไม่...ไม่จริง...”
เสียงแทบจะเหือดหาย เมื่อภาพตรงหน้าคือคนที่เขากำลังเข้ามาถามหา ร่างนั้นกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงอยู่กับมุมห้อง เสื้อผ้าเปรอะไปด้วยเลือดที่ไหลออกจากรอยแผลที่หน้าอก ใบหน้าที่โผล่พ้นกลุ่มผมสีทองกำลังแสดงถึงความตกใจอย่างสุดขีด และสิ่งทำให้ใจหายวาบ...
คือร่างนั้นไม่เหลือลมหายใจอยู่แล้ว...
เสียงแทบจะเหือดหาย เมื่อภาพตรงหน้าคือคนที่เขากำลังเข้ามาถามหา ร่างนั้นกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงอยู่กับมุมห้อง เสื้อผ้าเปรอะไปด้วยเลือดที่ไหลออกจากรอยแผลที่หน้าอก ใบหน้าที่โผล่พ้นกลุ่มผมสีทองกำลังแสดงถึงความตกใจอย่างสุดขีด และสิ่งทำให้ใจหายวาบ...
คือร่างนั้นไม่เหลือลมหายใจอยู่แล้ว...
...นี่มันเรื่องอะไรกัน...มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ?!...
ใคร...ใครกันที่เข้ามาทำแบบนี้ใน ?!
ศัตรูบุกงั้นเหรอ ?! ... แต่แค่ศัตรูกระจอกที่โง่เข้ามา ไอ้เจ้าชายก็น่าจะจัดการได้สิ...
หมายความว่า...คนที่เข้ามา...เก่ง...อย่างนั้นเหรอ...
เกินกว่าที่เบลจะเอาชนะได้...ถึงได้กลายเป็นแบบนี้...
สควอโล่คิดพลางกำมือแน่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่มีศัตรูกล้าบุกเข้ามาท้าทายวาเรีย แต่นี่...เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้...
แล้วคนอื่นล่ะ..?!
ฟรานล่ะ…?!
แล้วบอส...บอสที่จู่ๆก็หายไปล่ะ ?!!
ร่างบางไม่รอช้า รีบรุดออกจากห้องไปตามหาภายในปราสาททั่วทุกที่ แต่ก็ไม่พบใครอีกเลย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยการต่อสู้ หรือคราบเลือดให้เห็น
แต่นั่นยิ่งทำให้บรรยากาศกดดันกว่าเก่า ถ้าหากจะลองคิดว่ามีคนบุกเข้ามาเพื่อจงใจที่จะทำร้ายคนเพียงคนเดียว แถมคนนั้นยังเป็นถึงคนระดับสูงของวาเรีย จะเข้ามาโดยเล็ดรอดการป้องกันได้ยังไง
แถมฝีมือที่จะเอาชนะ...ถึงกับ...เอาชีวิตได้ด้วยแล้ว...ยิ่งน่ากลัว...
แฮ่ก...
เสียงหอบหายใจแผ่วเบา แต่ก็ไม่อาจเล็ดรอดประสาทหูของนักฆ่าไปได้ เจ้าของร่างที่กำลังก้าวเท้าไปตามทางเดินชะลอฝีเท้าลง พลางเงี่ยหูฟัง เสียงหอบหายใจแผ่วเบา อยู่ถัดไปในมุมระหว่างทางเดินข้างหน้า เท้าค่อยๆก้าวยาวๆเข้าไปให้เงียบที่สุด มือกระชับหยิบดาบมาเตรียมรอ เมื่อไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เสียงหอบหายใจแผ่วเบา แต่ก็ไม่อาจเล็ดรอดประสาทหูของนักฆ่าไปได้ เจ้าของร่างที่กำลังก้าวเท้าไปตามทางเดินชะลอฝีเท้าลง พลางเงี่ยหูฟัง เสียงหอบหายใจแผ่วเบา อยู่ถัดไปในมุมระหว่างทางเดินข้างหน้า เท้าค่อยๆก้าวยาวๆเข้าไปให้เงียบที่สุด มือกระชับหยิบดาบมาเตรียมรอ เมื่อไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
พ้นมุมกำแพงฉลามขาวรีบก้าวเท้าประชิดตัว ก่อนจะตวัดดาบจนชิดลำคออีกฝ่าย ก่อนจะต้องเบิกตากว้างขึ้น เมื่อคนที่อยู่ภายใต้คมดาบของตัวเอง เป็นคนที่รู้จักดี
“ฟราน !”
สภาพของร่างตรงหน้า เรียกได้ว่าย่ำแย่...ย่ำแย่ไม่ต่างจากสภาพเบล...
ผิดกันตรงที่ตอนนี้ร่างของฟรานยังคงมีลมหายใจอยู่...
ลมหายใจที่อ่อนลงเต็มที...
“ผ...ผบ...” เสียงแผ่วเบาที่เค้นออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก รอยแผลตามเนื้อตัวมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด อาจเพราะการพยายามหาที่หลบ ทำให้เลือดออกมากกว่าเดิม ดวงตาของคนตรงหน้าเหม่อลอย ปรือจนแทบจะปิด
“ฟราน! ใคร ?! ใครทำแบบนี้วะ มันเป็นใคร ?!”
คนถูกถามไม่ตอบอะไรออกมา หยดน้ำตาเอ่อออกมาช้าๆ เสียงแหบแห้งที่เค้นออกมาเบาจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่นัยน์ตาสีมรกตส่อประกาย ราวกับต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง
“แกตอบฉันสิวะ ฉันจะฆ่ามัน ! แกอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะเว้ย !!”
มือทั้งสองข้างพยายามเขย่าตัวคนที่สติแทบจะหลุดให้กลับมา ทั้งเขย่าตัว ทั้งตบที่หน้าเบาๆ แต่ฟรานดูจะสาหัสเกินกว่าจะเรียกสติทั้งหมดกลับมาได้ แค่หายใจก็รวยรินเต็มที มือเรียวคว้ามือที่กุมแผลมาจับเอาไว้ ปลายนิ้วเย็นเฉียบบ่งบอกให้รู้ว่าขาดเลือดมากแค่ไหน
ภาพร่างของเจ้าชายโรคจิตที่ไร้ซึ่งลมหายใจสะท้อนเข้ามาในหัว ความหวาดหวั่นแล่นเข้ามาในจิตใจ
ไม่...เบลคนหนึ่งแล้ว...
อย่าให้ฟรานกลายเป็นแบบนั้นไปอีกคน...
อย่าให้ฟรานกลายเป็นแบบนั้นไปอีกคน...
“ห้ามหลับ ห้ามทิ้งฉันไป! ไอ้กบ!! ต่อให้แกรักไอ้รุ่นพี่งี่เง่าโรคจิตของแกมากแค่ไหน แกห้ามทิ้งฉัน ทิ้งบอส ทิ้งวาเรียไป! เข้าใจมั๊ยวะ !! แกต้องไม่เป็นอะไร!!”
มือทั้งสองข้างพยายามกดปากแผลให้เลือดหยุดไหล แต่บาดแผลใหญ่และลึกเกินไป ยิ่งทำก็ยิ่งดูเหมือนจะไร้ผล ซ้ำยังจะทำให้ฟรานเจ็บหนัก สควอโล่ก้มหน้านิ่ง เม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกได้ถึงขอบตาร้อนผ่าว
มือทั้งสองข้างพยายามกดปากแผลให้เลือดหยุดไหล แต่บาดแผลใหญ่และลึกเกินไป ยิ่งทำก็ยิ่งดูเหมือนจะไร้ผล ซ้ำยังจะทำให้ฟรานเจ็บหนัก สควอโล่ก้มหน้านิ่ง เม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกได้ถึงขอบตาร้อนผ่าว
นิ้วเย็นเฉียบบีบที่มือเบาๆ ส่งผลให้คนที่กำลังก้มหน้านิ่งเงยหน้าขึ้นมอง ริมฝีปากซีดค่อยๆฝืนยิ้มออกมา พร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย ราวกับจะบอกว่าไม่ต้องพยายามอะไรอีกต่อไป ดวงตาค่อยๆปรือปิดลง ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
ลมหายใจที่เข้าออกอย่างยากลำบากผ่อนลงจนหายไป มือที่ไร้ซึ่งน้ำหนักร่วงลงข้างตัว ร่างบางพยายามคว้ามันเอาไว้ เสียงตะโกนเรียกดังก้องไปทั่วบริเวณ
“ไม่...ไม่!! ไอ้ฟราน!! ลืมตาสิวะ ห้ามหลับตา !! ลืมตาเดี๋ยวนี้นะเว้ย! ได้ยินฉันพูดมั๊ยวะ!! ฟราน !!!”
ไม่ว่าจะพยายามเรียกหรือเขย่าเท่าไหร่ ร่างของคนตรงหน้าก็ไม่กลับมามีชีวิตลมหายใจเหมือนเดิมอีกแล้ว..
แน่นิ่ง...ราวกับเป็นเพียงตุ๊กตา...ที่ไร้ซึ่งวิญญาณ
ไม่ว่าจะตะโกนเรียกดังจนสุดเสียง ก็มีเพียงความเงียบ...ที่กลบกลืน...
มือขาวยกขึ้นกุมซ่อนใบหน้า หยดน้ำตาสีใสไหลออกมาเงียบๆ ความรู้สึกมากมายสับสนปนเปกันไปหมด
เสียใจ...
โกรธ...
โมโห...
เจ็บใจ...หงุดหงิดตัวเอง...
ที่ปล่อยให้คนในแฟมิลี่จากไปต่อหน้าโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้...
ใคร...คนที่ทำขนาดนี้...คนที่พรากคนสำคัญไปถึงสองคน...
มันเป็นใคร...!!
มันเป็นใคร...!!
ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหน...ไม่ว่าจะเป็นใคร...ฉันจะฆ่ามัน !!!
หมัดที่กำแน่นทุบลงกับพื้นด้วยความเจ็บแค้น โกรธจนอยากจะฆ่าคนคนนั้นให้ตายคามือ ความเคียดแค้นเข้าครอบงำ มือคว้าดาบมากำแน่นจนสั่นระริก ก่อนสมองจะคิดไปถึงเป้าหมายของคนที่บุกเข้ามา...
ถ้าหาก...เป้าหมาย...ไม่ใช่คนแค่คนเดียว...
ถ้าหาก...เป้าหมาย...
คือวาเรีย...
ถ้าหาก...เป้าหมาย...
คือวาเรีย...
.
.
คนที่ถูกหมายเอาชีวิตที่สุด...
บอส !!!
ดวงตาของสควอโล่เบิกกว้าง ร่างทั้งร่างแทบจะพุ่งไปยังห้องบอสแห่งวาเรียในทันที ในใจคิดเพียงอย่าให้เกิดอะไรขึ้นอย่างที่คาดไว้
อย่าให้การผิดนัด เป็นไปโดยสาเหตุที่เขาคิดเลย...
“ไอ้บอส !!!”
“ไอ้บอส !!!”
.
.
.
เสียงที่ดังก้อง ไร้การตอบรับ มันช่างทำให้รู้สึกอึดอัด...
ไม่ว่าจะตะโกนจนเจ็บคอแค่ไหน...
ไม่ว่าจะตามหาที่ไหนในปราสาท ก็ไร้ซึ่งวี่แวว...
ไม่ว่าจะตามหาที่ไหนในปราสาท ก็ไร้ซึ่งวี่แวว...
กลัว...ความรู้สึกที่บอกได้...กลัว...
ไม่เคยคิดกลัวแบบนี้มาก่อน...
กลัวว่าบอสจะเป็นแบบคนสำคัญทั้งสองคนนั้น...
กลัว...ที่จะไม่สามารถปกป้องบอสไว้...
คำสัญญา...ที่บอกไว้...กลัว...จะต้องผิดสัญญา...
ไม่อยาก...จะสูญเสียคนที่เป็นเจ้าชีวิตไป...
ถ้าเป็นแบบนั้น...คงอยู่ไม่ได้...
ยิ่งตามหา...ก็ยิ่งไร้วี่แวว...
ยิ่งเวลาผ่านไป...ความกดดันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...
ขาที่ล้าแรงเต็มทีก้าวลงบันไดช้าๆ ไม่ว่าจะตามหาที่ไหน...ก็ไม่พบ เหลือแต่ชั้นล่างสุดของปราสาทเท่านั้น...
แม้จะรู้ว่าเป็นไปได้น้อยมากแค่ไหน...แต่ก็เป็นที่สุดท้ายที่จะคิดออก...
.
.
.
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนน่าสะอิดสะเอียนลอยมาแตะจมูก...
ภาพตรงหน้าทำให้แทบจะหยุดหายใจ...
.
.
ร่างไร้วิญญาณของคนระดับล่างมากมายกองระเนระนาดอยู่กับพื้นที่เลอะเต็มไปด้วยกองเลือด ราวกับเพิ่งผ่านศึกครั้งใหญ่ มีพวกฝีมือดีปะปนกองกันอยู่มากมาย...รวมไปถึงคนสำคัญ…
ฉลามขาวคลั่งจนแทบบ้า เสียงร้องตะโกนสบถดังจนก้องปราสาท ความเคียดแค้นอัดแน่นอยู่ในอกราวกับจะระเบิดออกมาเสียให้ได้
“ฉันจะฆ่าแก!! ฉันจะฆ่าแก!!! โธ่ว้อยยยยยยย !!! ออกมาสิวะ!!! ออกมาฆ่าฉันอีกคนเลยสิวะ !!! จะได้ตายกันให้หมด จะเหลือไว้ทำไม ! จะเหลือฉันไว้ทำไมวะ!!”
ร่างที่อ่อนล้าทรุดลงกับพื้นที่ถูกย้อมสีแดงไปด้วยเลือดมากมาย ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะทำอะไรอีกต่อไป ร่างทั้งร่างมันสั่นระริก ไม่ใช่เพราะกลัว แต่โกรธแค้นจนเกินขีดสุด หากคนที่ทำเรื่องทั้งหมดโผล่ออกมา สควอโล่มั่นใจว่าไม่รอช้าที่จะฆ่ามันแล้วฉีกจนเป็นชิ้น...
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มีเพียงความเงียบ...
ท่ามกลางกองซากศพ...ไร้ซึ่งคนที่ตามหา...
คนคนนั้น...จะเป็นยังไง...
บอส...แกอยู่ไหน...แกยังมีชีวิตอยู่...หรือว่า...
ไม่ทันจะได้คิดเสียใจ หรือคำนึงถึงร่างสูง เสียงก้าวเท้าเบาๆก็เข้ามาจนประชิดตัวอย่างรวดเร็ว
รวดเร็วจนไม่อาจป้องกันตัวได้ทัน..!
ร่างทั้งร่างถูกกระชากอย่างแรง ก่อนจะเหวี่ยงเข้ากับผนังจนจุก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ก่อนจะแสยะยิ้ม มือกระชับอาวุธประจำตัวแน่น
ออกมาแล้วเหรอวะ...
“หึ...ยอมโผล่ออกมาแล้วเหรอวะ...”
แขนยกขึ้นปาดเลือดที่ข้างแก้ม ก่อนจะกัดฟันพูดด้วยเสียงลอดไรฟัน
“ฆ่าคนเกือบทั้งวาเรียได้ เก่งไม่ใช่ย่อย...เหลือแค่ฉันกับแกสินะ...หึ...เอาสิ...ในฐานะที่ปกป้องบอสและวาเรียไม่ได้ ฉันก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไปเหมือนกัน...”
“นอกจาก...ฆ่าแกทิ้งซะ!!”
ร่างบางหันกับไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่บังอาจเหยียบย่ำวาเรียจนพินาศ ปลายดาบคมตวัดเข้าที่คอหมายจะฆ่าให้ตาย ก่อนจะต้องชะงักค้างเบิกตากว้าง
คนตรงหน้า...เกินความคาดหมาย...
กริ๊ก...
ปลายกระบอกปืนเย็นเฉียบจ่ออยู่ข้างลำคอทันทีเช่นกัน หากแต่ไร้ซึ่งความลังเล ผิดจากปลายดาบที่กำลังสั่นอย่างน่าสมเพช เสียงขึ้นนกปืนดังฝ่าความเงียบ ราวกับจะกรีดลงบนหัวใจที่กำลังสั่นระริกไม่ต่างกัน
“หึ...”
เสียงหัวเราะในลำคอที่แสนคุ้นเคย...ติดหู...เพราะเขาเอง...ได้ยินมันบ่อยกว่าใคร...
“เอาตัวให้รอด ก่อนที่จะมาพูดว่าปกป้องคนอื่นดีกว่า...ไอ้สวะ...”
ลำคอแห้งผากเกินกว่าจะพูดคำใดๆออกมาได้ สมองว่างเปล่า ไม่อยากจะรับรู้หรือคิดอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกที่ควรจะโล่งใจเมื่อเจอคนที่ตามหา ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด และไม่เข้าใจ
คำเดียวที่แสนแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปาก...
คำที่ไม่แน่ใจ...ว่าอาจเรียกได้อีกครั้งอย่างเต็มปากเช่นเคย...
“...บอส...”
.
.
.
.
.
.
.
.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
6ความคิดเห็น