ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
[Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

ลำดับตอนที่ #11 : Chapter10 : แฮงอุน? มุนอา?

  • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 53



Chapter10  :  แฮงอุน? มุนอา?

 

 

 

 

 

 

            ถึงเวลาแล้วกับการปฏิบัติภารกิจ หลังจากที่พยายามข่มตานอนทั้งคืนแต่กลับหลับไม่ลงเลยแม้แต่น้อย ภาพของแฮงอุน เด็กหนุ่มท่าทางไร้เดียงสาคนนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเยซองอยู่ตลอดเวลา เขาอยากจะรู้จริงๆว่า ตกลงแล้วเด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่ และซองมินกับมุนอาจะใช่คนๆเดียวกันหรือไม่


                เยซองนั่งรอเป้าหมายอยู่ในรถซึ่งจอดเยื้องออกมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านครอบครัวลีและไม่นานบุคคลที่กำลังสร้างความสับสนในเขาก็เดินออกมา มุนอาพี่ชายของแฮงอุน

 

                ชัตเตอร์กล้องถูกกดรัวหลายต่อหลายครั้งเมื่อบุคคลต้องสงสัยเดินออกมาจากบ้าน เยซองจับตาดูซองมินในคราบของมุนอาซึ่งกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ และไม่นานนักก็มีรถอีกคันหนึ่งเลี้ยวเข้าไปในบ้านครอบครัวลี ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เยซองไม่เคยพบเห็นก้าวลงมาจากรถ ชัตเตอร์กล้องจึงถูกกดรัวอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว

 

                ไม่ผิดแน่ๆ นี่มันซองมินที่คุณคยูฮยอนพามาด้วยชัดๆ พึมพำขึ้นกับตัวเองเบาๆเมื่อสังเกตอยู่ได้ซักพัก ทั้งท่าทาง รูปร่าง หน้าตา ส่วนสูง ไม่ผิดแน่ๆ

 

                ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงซองมินกับชายหนุ่มอีกคนก็ขับรถออกไปด้วยกัน ที่จริงแล้วนั้นเยซองนัดเรียวอุกไว้ตอนเก้าโมงที่ร้านอาหารเพราะเรียวอุกปฏิเสธที่จะให้เขามารับที่บ้าน แต่การมาดักรอสังเกตการณ์แบบนี้เขาว่ามันได้ประโยชน์มากกว่ากันเยอะ บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลดีๆกลับไปก็ได้

 

                ระหว่างที่รอให้ถึงเวลานัด รูปของบุคคลทั้งสองที่เยซองเพิ่งถ่ายได้ถูกส่งไปให้อีทึกเพื่อสืบประวัติ และหลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นอีกภายในบ้านครอบครัวลี จนกระทั่งใกล้เวลานัดเยซองจึงขับรถออกไป

 

 

               

                เมื่อมาถึงร้านที่นัดกันไว้เยซองก็เห็นเรียวอุกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มันทำให้เขาแปลกใจอยู่เล็กๆว่า เรียวอุกออกมาจากบ้านตอนไหนกันทั้งที่เขาก็ไปดักรอตั้งแต่เช้า แต่เขากลับต้องเก็บความสงสัยนี้ไว้เมื่อเห็นแก้ว Ice Mocha วางอยู่บนโต๊ะ เยซองยิ้มหวานให้เรียวอุกก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม

 

                รอพี่นานมั้ยแฮงอุน

 

                ไม่หรอกครับ ผมก็เพิ่งมาถึงไม่นานนี้เอง ผมสั่งน้ำไว้ให้พี่แล้วนะครับ ดื่มได้เลย ส่วนตอนนี้เรามาสั่งอาหารกันดีกว่า เมื่อเช้าผมต้องไปมหาลัยแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย ตอนนี้เลยหิวมากๆ เรียวอุกยิ้มสดใสขณะที่พูด ท่าทางที่แสดงออกมาไม่มีความเสแสร้งปนอยู่เลยซักนิด

 

                ครับ เยซองเพียงพยักหน้าเบาๆ ให้เท่านั้น ก่อนจะยกแก้ว Ice Mocha ขึ้นดื่ม

 

                พี่เยซองทานอะไรดีครับ

 

                พี่ว่าแฮงอุนคงรู้นะว่าพี่ชอบทานอะไร ตอบเสียงเรียบๆก่อนจะยิ้มเข้าเล่ห์น้อยๆ คราวที่แล้วอาหารที่คนตัวเล็กด้านหน้านี้สั่งมามีแต่ของที่เขาชอบทาน อย่างกับว่ารู้ใจเขาอย่างนั้น

 

                เรียวอุกไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่ยิ้มบางๆเท่านั้นก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงาน ในระหว่างนั้นเยซองกลับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เขาจะถ่ายรูปเรียวอุกได้ยังไงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย หากเมื่อเช้าไปทันก่อนเรียวอุกจะออกจากบ้านมันคงดีกว่านี้

 

                พี่เยซอง เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าพี่ดูเครียดๆนะครับ เมื่อสั่งอาหารเสร็จเรียวอุกก็หันกลับมาให้ความสนใจเยซองต่อ สีหน้าของเยซองที่ดูไม่ค่อยดีนักทำให้เขาต้องถามขึ้น

 

                เครียดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่แฮงอุนเรียนที่ไหนเหรอครับ ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที สำหรับตัวเยซองแล้วเขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้เลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้สึกว่าโดนคนตัวเล็กนี่ล้วงความลับส่วนตัวไปซะหมด เด็กคนนี้คงฉลาดไม่น้อยเลยทีเดียว

 

                เอ่อ...คยองฮีครับ เรียวอุกชั่งใจอยู่ซักพักก่อนจะตอบออกมา เพราะคิดระแวงอยู่ว่าจะเป็นการบอกเรื่องส่วนตัวกับศัตรูหรือเปล่า แต่เยซองยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใคร และที่สำคัญคือพวกโจกรุ๊ปยังไม่รู้ว่าครอบครัวลีคือบุคคลที่กำลังปองร้ายพวกมันอยู่ เพราะฉะนั้นเขาคงไม่ต้องกังวลอะไรมาก

 

                เรียนที่เดียวกับน้องชายพี่เลย แล้วแฮงอุนเรียนคณะอะไรครับ เยซองเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำตอบของเรียวอุกก่อนจะถามต่อ เรียนที่เดียวกับคยูฮยอนอย่างนั้นเหรอ

 

                เอ่อ...กฎหมายครับ ตอนนี้ผมอยู่ปีสองแล้ว เป็นรอบที่สองที่เรียวอุกดูอึกอักในการตอบคำถาม เมื่อเห็นเยซองพยักหน้ารับรู้เรียวอุกจึงยิ้มออกมา แต่จริงๆแล้วนั้นเขาเรียนด้านคอมพิวเตอร์ และเพิ่งอยู่ปีหนึ่งเท่านั้นซึ่งเป็นปีเดียวกับคยูฮยอน เขามั่นใจว่าน้องชายที่เยซองพูดถึงต้องเป็นคยูฮยอนจึงเลี่ยงที่จะบอกความจริงออกไป

 

                จบบทสนทนานี้อาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟพอดี และมันก็เป็นเหมือนอย่างคราวที่แล้วที่เรียวอุกตักนู้นตักนี้ให้เยซองจนเต็มจาน จนเยซองต้องเป็นฝ่ายตักให้คนตัวเล็กบ้าง

 

                เราไปเที่ยวกันดีมั้ยแฮงอุน เยซองถามขึ้นเมื่ออาหารพร่องไปได้ครึ่งจาน เขานึกไม่ออกจริงๆว่าจะถ่ายรูปคนตัวเล็กนี่ได้ยังไงในขณะที่ประจันหน้ากันแบบนี้ นอกซะจากว่าเขาจะแอบไปตามถ่ายตอนที่แยกกันแล้ว

 

                เที่ยวเหรอครับ เรียวอุกทวนคำถาม แอบแปลกใจเล็กน้อยที่เยซองออกปากชวนแบบนี้ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกมาก

 

                อืม...เราไปเที่ยวกันมั้ย ไปที่ไหนก็ได้ที่แฮงอุนอยากไป

 

                เอ่อ.... เรียวอุกนิ่งไปเพราะไม่รู้จะให้คำตอบเยซองว่ายังไงดี เขาไม่อยากถลำลึกจนเกินไป อยากให้เรื่องมันดำเนินไปเกี่ยวกับงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ทันที่เรียวอุกจะได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาซะก่อน

 

                ผมขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะครับ บอกอีกคนที่กำลังรอคำตอบอยู่ก่อนจะลุกเดินออกไปอย่างรวดเร็วเพราะชื่อที่โชว์หลาอยู่หน้าจอ พี่ฮีชอล

 

                สวัสดีครับพี่ฮีชอล เรียวอุกกดรับก่อนจะกรอกเสียงทักทายลงไปด้วยความแปลกใจเล็กๆ เพราะปกติพี่คนนี้เคยโทรหาเขาซะที่ไหน

 

                (ตอนนี้นายอยู่ไหนเรียวอุก) น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นฟังดูเรียบนิ่งจนเรียวอุกเองยังรู้สึกขนลุก

 

                เอ่อ... เมื่อได้ฟังคำถามเรียวอุกก็นิ่งไป ที่จริงแล้วเขาควรจะนั่งเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ อีกอย่างคือฮีชอลไม่ชอบให้เขาโกหก และที่ฮีชอลโทรมาแบบนี้ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรือเปล่า

 

                (ทำไมไม่ตอบ) เสียงปลายสายเริ่มคาดคั้น

 

                คือผมเรียนอยู่ครับพี่

 

                (งั้นเหรอ....เรียนอะไรอยู่กับไอ้เยซองล่ะ) คำพูดที่ตอบกลับมาทำเอาเรียวอุกเบิกตากว้าง ท่าทางดูเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ฮีชอลรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่กับเยซอง

 

                ปะ...เปล่านะครับพี่ ปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก พยายามสอดส่ายสายตามองหาบุคคลปลายสายที่อาจจะอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของร้านก็เป็นได้

 

                (งั้นเหรอ...งั้นก็ตั้งใจเรียนแล้วกันนะ) พูดจบก็ตัดสายทิ้งไปโดยไม่ให้ความกระจ่างอะไรกับเรียวอุกเลยแม้แต่น้อย

 

                คนตัวเล็กที่จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหันมองซ้ายมองขวาเป็นพัลวัน และนึกโล่งอกที่บุคคลที่โทรมาหาเมื่อกี้นี้ไม่อยู่ตรงนี้ แต่แล้วมือที่วางลงบนบ่าเล็กก็ทำเอาเรียวอุกสะดุ้งตัวโหย่งก่อนที่คนตัวเล็กจะหันกลับไปมองอย่างช้าๆ

 

                พี่เพิ่งรู้นะว่ามหาลัยนายย้ายมาที่นี่แล้ว พูดจบก็ยิ้มหวาน ต่างกับสีหน้าอีกคนอย่างสิ้นเชิง

 

                พี่ฮีชอล เรียวอุกพึมพำออกมาเสียงเบาหวิว ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าคนตรงหน้าเขาเป็นซองมินมันคงจะน่าดีใจกว่านี้เยอะ

 

                ใครเหรอครับ เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังฮีชอลทำให้เรียวอุกตวัดสายตาไปมองอย่างรวดเร็ว ชเวซีวอนอย่างนั้นเหรอ

 

                น้องชายฉันเองระ...

 

                แฮงอุนครับ ก่อนที่ฮีชอลจะตอบได้จบประโยคเรียวอุกก็แทรกขึ้นมาซะก่อน แน่นอนว่าถ้าซีวอนรู้ชื่อจริงของเขาทุกอย่างจบแน่ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าซีวอนกับเยซองจะได้เจอกันในร้านอาหารนี่หรือเปล่า

 

                การที่เรียวอุกพูดแทรกขึ้นมาแบบนี้ทำเอาฮีชอลขมวดคิ้วมุ่น แถมชื่อที่เอ่ยออกมานั้นยังเป็นชื่อที่เขาไม่รู้จักด้วยอีก

 

                ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก พี่ชเวซีวอน ซีวอนยิ้มตอบกลับมาให้ ตอนนี้เขาขึ้นมายืนข้างฮีชอลเรียบร้อยแล้ว

 

                ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียวอุกตอบกลับก่อนจะยิ้มแหยๆเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของฮีชอลจ้องมองมาที่เขาไม่วางตา

 

                ไปกันเถอะซีวอน ว่าแล้วฮีชอลก็เตรียมตัวจะออกเดินถ้าไม่ติดว่าซีวอนรั้งไว้ซะก่อน ตอนนี้เขาไม่อยากให้ซีวอนเห็นว่าเรียวอุกกับเยซองอยู่ด้วยกัน โชคดีที่ตอนเข้าร้านเขาเห็นสองคนนี้ก่อนจึงพาเดินเลี่ยงไปทางอื่น และโทรไปหาเรียวอุกเพื่อแยกออกจากเยซอง

 

                ไม่ชวนน้องคุณไปด้วยล่ะครับ แฮงอุนไปทานข้าวกับพี่มั้ย

 

                ไม่ล่ะครับ ผมขอตัว

 

                ฉันว่าเค้าคงกินจนอิ่มแล้วล่ะ บอกก่อนจะยิ้มเย็นไปให้น้องชายตัวเล็กที่เริ่มจะทำอะไรไม่ถูกแล้วในตอนนี้ และเริ่มออกเดินอีกครั้ง

 

                เตรียมคำตอบไว้ให้ดีๆล่ะ ขณะที่เดินสวนกับเรียวอุก ฮีชอลกระซิบเสียงต่ำเบาๆก่อนจะเดินผ่านไปพร้อมกับซีวอน

 

                เรียวอุกได้แต่เหลียวหลังมองทั้งคู่ก่อนจะรีบกลับไปที่โต๊ะ แล้วหลังจากนี้เขาควรจะกลับไปเรียนต่อหรือกลับไปนั่งคิดหาคำตอบดีๆให้พี่ฮีชอลดีล่ะ

 

                ไปนานจังเลยแฮงอุน เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินกลับมาเยซองจึงรีบร้องทักทันที

 

                ขอโทษนะครับพี่เยซอง ผมคงไปเที่ยวกับพี่ไม่ได้แล้วล่ะ เพื่อนที่คณะโทรมาบอกให้รีบเข้ามหาลัย งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ มาเพื่อบอกลาเพียงเท่านั้นก่อนที่เรียวอุกจะเดินออกไปจากร้านทันที เยซองได้แต่มองตามโดยไม่ได้เรียกร้องหรือรั้งไว้แต่อย่างใด

 

                อะไรของเค้าเนี่ย บ่นขึ้นกับตัวเองด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ก่อนจะวางเงินไว้บนโต๊ะแล้วเดินตามคนตัวเล็กออกไปจากร้านโดยทิ้งระยะห่างไว้เล็กน้อย ยังไงซะวันนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าจริงๆแล้วเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่

               

 

 

 

 

 

                ตัวหนังสือมากมายรวมทั้งรูปที่โชว์หลาอยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ของโน้ตบุ๊กตัวเก่งทำเอาอีทึกใจเต้นไม่เป็นส่ำเพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นกับความจริงที่เขากำลังจะเป็นคนเปิดมันขึ้นมา

 

                ลีซองมินกับมุนอาที่เยซองบอกเป็นคนๆเดียวกันจริงๆ และข้อมูลเด็ดที่เขาเพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ หลังจากที่ตามสืบมาเป็นเวลานาน เหรียญเงินกับมีดสั้นที่สลักรูปตัว L นั้น เป็นออร์เดอร์ที่สั่งทำโดยครอบครัวลี ซึ่งจำนวนที่ผลิตออกมาไม่มากนัก  

 

ส่วนผู้ชายอีกคนที่เยซองส่งรูปมาให้นั้นคือ คิมคิบอม เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกับลีซองมิน ประวัติคร่าวๆนั้นบอกไว้แค่ว่าเป็นเด็กกำพร้า และมีคนอุปการะตอนอายุสิบปี หลังจากนั้นพ่อแม่บุญธรรมของคิบอมก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่

 

หลังจากอ่านข้อมูลที่ได้มาอีทึกก็เริ่มนำเรื่องราวต่างๆมาประติดประต่อกัน เขามั่นใจแล้วว่าลีซองมินคือคนที่ลอบทำร้ายคนของเขา แต่เหตุจูงใจนั้นเขากลับคิดไม่ออกว่ามันมาจากอะไร และจากเหตุการณ์ลอบฆ่าต่างๆที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าซองมินไม่สามารถลงมือคนเดียวได้อย่างแน่นอน และคิมคิบอมก็คือคนที่เขาสงสัยว่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด คงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยธรรมดาแน่ๆ

 

เวลาที่เหลือจากนี้อีทึกกำลังรอรูปของเด็กที่เยซองบอกว่าจะไปตามถ่ายมาให้เขาดู แต่นี่ก็ผ่านมาเกือบครึ่งวันแล้ว แต่เยซองก็ไม่มีการติดต่อกลับมาเสียที และด้วยความที่ทนรอไม่ไหวอีทึกจึงเป็นฝ่ายติดต่อไปหาเยซองเอง

 

ว่าไงเยซอง รูปของเด็กคนนั้นนายถ่ายมาได้หรือยัง เมื่อปลายสายรับอีทึกก็รีบกรอกเสียงลงไปทันที ที่เขารู้สึกรีบร้อนขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าเด็กคนที่เยซองบอกอาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคนก็เป็นได้

 

(ยังเลยครับ) ปลายสายตอบกลับมานั้นเสียงฟังดูเครียดไม่น้อยเลย

 

ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน

 

(คยองฮีครับ เด็กคนนั้นเรียนอยู่ที่นี่) หลังจากที่เรียวอุกออกมาจากร้านเยซองก็ตามออกมาจนมาถึงมหาวิทยาลัยคยองฮี เขาซุ่มดูอยู่นานแล้วและนี่ก็ใกล้จะได้เวลาพักเที่ยงพอดี เวลานั้นแหละที่เขาจะได้เริ่มทำงาน แต่มีเรื่องที่เขาแปลกใจอยู่อย่าง คนตัวเล็กบอกเขาว่าเรียนกฎหมาย แต่กลับเดินเข้าไปที่ตึกคณะคอมพิวเตอร์

 

งั้นเหรอ....งั้นพี่ฝากจับตาดูคยูฮยอนอีกคนด้วยแล้วกันนะ บอกการ์ดที่คอยไปเฝ้าว่าเลิกเรียนแล้วให้คยูกลับบ้านทันทีไม่ต้องเข้าบริษัท และที่สำคัญห้ามเจอกับซองมินเด็ดขาด เพราะตอนนี้พี่กำลังสงสัยซองมินอยู่ อีทึกเริ่มออกคำสั่ง ที่จริงเขากะว่าจะเป็นคนโทรไปสั่งกับคยูฮยอนด้วยตังเอง แต่มีเยซองคอยจับตาดูแบบนี้คงจะดีกว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่ปล่อยให้คยูฮยอนอยู่กับลีซองมินตามลำพังแน่

 

(ได้ครับ)

 

ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็โทรรายงานพี่ด้วยแล้วกัน ส่วนเด็กคนนั้นได้รูปเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะมันอาจจะเป็นเบาะแสสำคัญก็ได้ พูดจบอีทึกก็ตัดสายทิ้งไปก่อนจะกลับมาสนใจที่หน้าจอมอนิเตอร์อีกครั้ง

 

เรื่องนี้เขาควรจะแจ้งให้โจฮยอนจินทราบ ส่วนจะจัดการต่อไปยังไงนั้นคงต้องให้เจ้านายเป็นคนตัดสินใจ เพราะครอบครัวลีกับครอบครัวของโจฮยอนจินนั้นเป็นเพื่อนรักรู้จักกันมาหลายต่อหลายปี เขาไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องราวมันจะเป็นยังไง จะผลีผลามไปก็ไม่ใช่เรื่อง ถึงทางโจกรุ๊ปจะเสียลูกน้องไปหลายคนแล้วก็ตามที

 

 

 

 

 

การเรียนการสอนวันนี้ดำเนินไปเร็วกว่าปกติเกือบครึ่งชั่วโมง ทำให้ซองมินกับคิบอมมีเวลาพักกลางวันมากขึ้น ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเพลิดเพลินอยู่กับอาหารมื้อเที่ยงอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ของซองมินก็ดังขึ้น เจ้าของเครื่องหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะกดรับ

 

ครับพี่ฮีชอล

 

(พี่มีเรื่องเด็ดจะมาเล่าให้นายฟัง) เสียงของฮีชอลที่ตอบกลับมานั้นทำเอาซองมินรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะการใส่จริตในการพูดของฮีชอลทำให้เรื่องที่เขากำลังจะพูดนั้นมันดึงดูดคนฟังเป็นอย่างมาก

 

เรื่องอะไรครับ

 

(ทายซิวันนี้พี่ไปเจอใครมา) ประโยคถัดมาของฮีชอลทำเอาซองมินเลิกคิ้วสูงก่อนจะแค่นยิ้มออกมาน้อยๆ เจอใครงั้นเหรอ คงจะไม่พ้นพวกโจกรุ๊ปอีกล่ะสิ ถ้าให้เขาเดาคงเป็นชเวซีวอนแน่นอน

 

ใครล่ะครับ อย่าบอกนะว่าเป็นซีวอน เพราะอันนี้ผมว่ามันไม่เด็ดพอหรอกซองมินพูดเหมือนมันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวัน ก็ฮีชอลกับซีวอนน่ะนัดเจอกันบ่อยจะตายไป ส่วนเหตุผลนั้นคงไปต้องถามเจ้าตัวเอาเอง แต่เขาคิดว่าคงต้องเกี่ยวกับการแก้แค้นแน่ๆ ไม่งั้นฮีชอลไม่มีทางยุ่งกับคนของโจกรุ๊ปง่ายๆ

 

(รู้ทันอีกนะ แต่คนที่พี่จะบอกน่ะคือเรียวอุกต่างหาก) หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ฟังน้องชายตอบกลับมา

 

เรียวอุกเหรอครับ แล้วมันน่าตื่นเต้นตรงไหน สีหน้าดูผิดหวังขึ้นมาทันทีเมื่อฮีชอลเอ่ยชื่อของน้องชายตัวเล็กออกมา

 

(ตื่นเต้นตรงที่ว่าเรียวอุกไปกินข้าวกับไอ้เยซองน่ะสิ)

 

พี่ว่าอะไรนะครับ!!” พอฟังจบซองมินก็ร้องถามออกมาด้วยความตกใจ ทำเอาคิบอมที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับขมวดคิ้วตาม เรียวอุกไปกินข้าวกับเยซองงั้นเหรอ จะเป็นไปได้ไงกัน ในเมื่อเขาสั่งห้ามเด็ดขาดแล้วนี่ว่าห้ามเรียวอุกติดต่อกับหมอนั่นอีก

 

(ก็อย่างที่พี่บอก สองคนนั้นไปกินข้าวด้วยกัน แล้วที่สำคัญ ตอนออกจากร้านพี่เห็นเยซองมันตามเรียวอุกไป พี่คิดว่าเรียวอุกน่าจะกลับไปที่มหาลัย พี่ไม่รู้หรอกนะว่าสองคนนั้นไปรู้จักกันตอนไหน และทั้งสองคนนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันหรือเปล่า ที่พี่จะบอกนายก็มีแค่นี้แหละ เผื่อบางทีเรื่องนี้อาจจะมีบางอย่างที่พี่ไม่รู้แต่นายรู้ก็ได้)

 

ซองมินเงียบไปเมื่อฟังฮีชอลพูดจบ คำพูดเหล่านี้เหมือนกับว่าฮีชอลจะรู้เรื่องที่เขาปิดเรื่องของเรียวอุกกับเยซองเอาไว้ แต่น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นไม่มีแววความโกรธหรือคาดคั้นเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าฮีชอลแค่อยากจะเตือนเท่านั้น

 

ทราบแล้วครับ พูดจบซองมินก็วางสายไป ท่าทางที่ดูเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักทำเอาคิบอมอดที่จะถามออกมาไม่ได้

 

มีอะไรเหรอ

 

มีเรื่องเกี่ยวกับเรียวอุกนิดหน่อยน่ะ ตอบเพียงเท่านี้ซองมินก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก

 

เยซองกับเรียวอุก....จริงสิ! เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน!

 

เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ซองมินจึงรีบโทรออกหาเรียวอุกทันที เขาลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปซะสนิท วันนั้นเยซองพาเรียวอุกมาส่งที่บ้าน และพบกับเขาในคราบของมุนอา แต่เมื่อวานเขากลับโผล่ไปที่บ่อนในนามลีซองมิน บางทีพวกโจกรุ๊ปอาจจะเกิดความระแวงสงสัยแล้วก็เป็นได้ พลาดจนได้นะลีซองมิน!

 

บ้าจริง! ทำไมไม่รับโทรศัพท์เนี่ย!” ซองมินสบถออกมาอย่างหัวเสียเพราะโทรไปหาเรียวอุกกี่รอบๆปลายสายก็ไม่ยอมรับซักที

 

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นซองมิน คิบอมที่เห็นท่าทางของเพื่อนรักทำให้ต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง แต่ซองมินก็ไม่ได้พูดอะไรให้มันกระจ่างขึ้นเลยซักนิด

 

คิบอม! ขอกุญแจรถหน่อย เร็วๆ!” ซองมินลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายพร้อมกับแบมือไปตรงหน้าของคิบอม

 

นายจะไปไหน คิ้วหนาที่ขมวดมุ่นในตอนแรกดูท่าจะเป็นปมหนักยิ่งกว่าเดิม คิบอมถามซองมินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

 

คยองฮี ส่งกุญแจรถมาเร็วๆ ตอบคำถามเสร็จก็เร่งให้คิบอมรีบส่งกุญแจรถมาให้ สถานที่ที่เรียวอุกควรจะอยู่คือมหาวิทยาลัย ในเมื่อไม่ยอมรับสายเขาก็จะตามไปดูให้รู้ว่าตอนนี้เรียวอุกยังปลอดภัย นึกโมโหพี่ชายตัวแสบที่ไม่โทรมาบอกเขาให้เร็วกว่านี้ ถ้าเกิดเยซองมันทำอะไรเรียวอุกขึ้นมาจะทำยังไง

 

ฉันจะไปด้วย คิบอมหยิบกุญแจรถออกมาพร้อมกับหยิบกระเป๋าและลุกขึ้นยืน

 

ไม่ต้อง ฉันไปคนเดียวจะดีกว่า ว่าแล้วซองมินก็กระชากกุญแจรถจากมือคิบอมวิ่งออกไปจากโรงอาหารทันที

 

คิบอมได้แต่มองตามหลังซองมินไป อยากจะตามไปด้วยอยู่หรอกแต่เจ้าตัวพูดออกมาแบบนั้นก็เลยไม่อยากจะขัด บางทีเรื่องนี้ซองมินอาจจะไม่อยากให้เขาเข้าไปยุ่งด้วยก็ได้ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องของเรียวอุกก็ใช่ว่าเขาจะไม่ห่วง

 

 

 

 

ใช้เวลาไม่นานนักซองมินก็ขับรถมาถึงที่หมายเพราะมหาวิทยาลัยสองแห่งนี้อยู่ห่างกันไม่มากนัก พอลงจากรถซองมินก็โทรหาเรียวอุกอีกรอบแต่ก็ไม่ยอมรับอีกเช่นเคย นักศึกษาที่เดินอยู่ในมหาวิทยาลัยตอนนี้มีจำนวนไม่มากนักคงเพราะยังไม่ถึงเวลาพัก อาจจะมีแค่บางคณะเท่านั้นที่พักก่อนคณะอื่น

 

ซองมินลองโทรหาเรียวอุกอีกครั้งแต่ก็ยังเหมือนเดิม บางทีเรียวอุกอาจจะยังไม่เลิกเรียนก็ได้ หรือว่าเขาจะคิดมากไปเองว่าเยซองจะมาทำร้ายเรียวอุก

 

 เพื่อฆ่าเวลาในการรอเรียวอุกซองมินจึงเดินชมมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปพลางๆ เพราะถ้าเรียวอุกเลิกเรียนเมื่อไหร่ก็คงจะโทรกลับเอง แต่ถึงบรรยากาศของที่นี่มันจะให้ความรู้สึกสดชื่นขนาดไหนซองมินกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นด้วยเลย ในหัวสมองตอนนี้คิดเพียงแค่ว่าเมื่อไหร่เรียวอุกจะโทรกลับมาซักทีนะ

 

พี่ซองมิน เสียงทุ้มที่ทักขึ้นทำให้ซองมินที่มัวแต่เดินใช้ความคิดไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่นักสะดุ้งตัวพลางมองหาต้นเสียงเป็นการใหญ่ ที่นี่มีใครรู้จักเขาด้วยหรือไงกัน

 

พี่ซองมินมาทำอะไรที่นี่ครับ คยูฮยอนทักขึ้นอีกรอบเมื่อมองจนมั่นใจแล้วว่าคนที่เขาเห็นนั้นคือซองมินจริงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาใกล้ๆ

 

คยูฮยอน ซองมินมีอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคยูฮยอนมายืนอยู่ตรงหน้า เขาลืมคิดไปซะสนิทว่าคยูฮยอนเองก็เรียนอยู่ที่นี่เหมือนกัน เวลาที่เขาหมกมุ่นคิดถึงแต่เรื่องๆหนึ่งอย่างหนักมักจะทำให้ลืมสิ่งรอบข้างหรือเรื่องเล็กน้อยๆ ที่อาจจะเชื่อมโยงกันได้ทุกที

 

ครับ ว่าแต่พี่มาทำอะไรที่นี่เหรอ

 

เอ่อ...คือ...พี่...มาหานายนั่นแหละ คิดอะไรไม่ออกแล้วซองมินจึงตอบออกไปแบบนั้น ขืนบอกไปว่ามาหาน้องหรือเพื่อนคงมีคำถามมากมายออกมาจากปากของคยูฮยอนแน่ๆ หรือไม่ก็อาจจะหวังดีช่วยหาอีกก็เป็นได้ ในฐานะที่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี เขารู้นิสัยคยูฮยอนดีว่าเป็นคนดีและชอบช่วยเหลือคนขนาดไหน

 

มาหาผมเหรอครับ คยูฮยอนเลิกคิ้วถามพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเองและยิ้มบางๆออกมา ก่อนจะยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำตอบที่ตอบกลับมา ได้ฟังประโยคแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

 

อืม...คือพี่เป็นห่วงนายน่ะ เพราะเรื่องเมื่อวาน... ซองมินพยักหน้าหงึกหงักพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง ไหนๆก็โกหกไปแล้ว แสดงละครให้ถึงที่สุดเลยก็แล้วกัน จะว่าไปมาเจอคยูฮยอนแบบนี้ก็คงจะดีเหมือนกัน

 

ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วง ว่าแต่พี่เถอะ...เมื่อวานผมไม่น่าพาพี่ไปด้วยเลยจริงๆ ตอบรับด้วยรอยยิ้มในประโยคแรก ก่อนจะมีสีหน้าสลดลงในประโยคหลัง เพราะอาการของซองมินหลังจากเห็นศพที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ทำให้เขาเป็นห่วงและรู้สึกผิดอย่างมากที่พาซองมินไปด้วยในตอนนั้น

 

ก็พี่อยากไปเองนี่นา โทษนายไม่ได้หรอก ก้มหน้าตอบกลับเสียงเบาหวิว ทำสีหน้าท่าทางเหมือนกับว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นคนผิด

 

เรื่องมันผ่านไปแล้วช่างมันเถอะครับ แต่ว่าที่จริงพี่ไม่เห็นต้องมาหาผมถึงที่นี่เลย โทรมาก็ได้ ถ้าเกิดไม่เจอผมขึ้นมาทำยังไง คยูฮยอนเชยคางซองมินให้เงยขึ้นมาสบตากับตัวเองก่อนจะส่งยิ้มไปให้ ก็จริงอย่างที่เขาว่าซองมินจะมาก็ไม่โทรมาบอกเขาก่อน ถ้าไม่เจอก็คงมาเก้อแล้วล่ะงานนี้

 

แต่ก็เจอแล้วนี่ ที่จริงพี่ว่าแค่จะมาแอบดูเฉยๆเองนะว่านายไม่เป็นอะไร ซองมินเองก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เมื่อได้เริ่มพูดคุยแล้วดูเหมือนซองมินจะลืมไปเลยว่าจริงๆแล้วตัวเองมาทำอะไรที่นี่กันแน่

 

 

 

 

นั่นมัน ลีซองมิน!” เยซองที่กำลังรอเรียวอุกลงมาจากอาคารเรียนและในเวลาเดียวกันนั้นก็คอยจับตาดูคยูฮยอนไปด้วย เวลาเพียงแค่ไม่ถึงสิบนาทีที่เขาละสายตาจากคยูฮยอนกลับมาอีกทีก็เห็นซองมินอยู่กับคยูฮยอนเสียแล้ว

 

แล้วลีซองมินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน หรือว่าจะเรียนอยู่ที่นี่เหมือนกัน

 

คำถามมากมายหลายข้อผุดขึ้นมาในหัวของเยซองไม่หยุดหย่อน ตอนนี้เขาควรจะตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง

 

ในขณะที่เยซองกำลังสับสนอยู่นั้น ขาที่กำลังจะก้าวไปหาคยูฮยอนที่กำลังคุยอย่างออกรสออกชาติอยู่กับซองมินนั้นต้องชะงัก เมื่อคนตัวเล็กที่เขาดักรออยู่เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงเดินลงมาจากอาคารเรียนพอดี

 

เยซองได้แต่มองเรียวอุกที่กำลังจะเดินจากไปอีกทางกับคยูฮยอนที่กำลังยืนคุยอยู่กับซองมิน

 

แล้วตอนนี้เขาควรจะเลือกทางไหนก่อนดี กันคยูฮยอนออกห่างจากซองมินตามคำสั่งของอีทึก หรือตามถ่ายรูปคนตัวเล็กให้ได้เพราะอาจจะเป็นเบาะแสสำคัญอย่างที่อีทึกบอก

 

ทำไมเขาต้องมาเจอโจทย์ยากๆและคำตอบที่มันถูกทั้งหมดแบบนี้ด้วยนะ ถ้าเขาแยกร่างได้เหมือนการ์ตูนที่เคยดูตอนเด็กมันคงจะดีไม่น้อยเลยในเวลานี้




                                                            ------------------------------------------

kr...Talk

ประกาศตามหาแฟนฟิคทั้งหลาย
หายไปกันหมดซะแหละ
ทนรอกันไม่ไหวใช่ไหม โทดตัวเองก็ได้
นึกว่าจะไม่ได้ทำเรื่องนี้ต่อซะแล้วนะเนี่ย
ดีนะที่ผ่านไปได้

บ้านโจของเราเริ่มฉลาดขึ้นแล้ว
55 หลังจากที่พี่ทึกค้นหามานาน(อย่าไปใส่ใจในจุดนั้น)
ชอลเจออุกกับเย่อยู่ด้วยกันแล้ว งานเข้าแล้ว
ขอกล่าวนิดหน่อยว่าต่อไปอาจจะมีการโดนจับตัว ใครเอ่ย? เดากันเองนะ



ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture