ลำดับตอนที่ #11
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : หลุดพ้นจากปีศาจ
ตอนที่ 11
หลุดพ้นจากปีศาจ
โดย
จิ้งจอกหางขาว
แสงจันทร์ทอประกายส่องผ่านบานหน้าต่างของที่พัก หวา หว่า ซื้ง นั่งนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาแดงเรื่อจากหยาดน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสาย ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ทำให้นางรู้สึกปั่นป่วนไปหมด
"ข้าเป็นองค์หญิง... ข้ามีพระบิดาและพระมารดาที่รักกัน..."
นางก้มมองมือตัวเอง มือที่เคยสัมผัสความอบอุ่นจากพระมารดาในวัยเยาว์ แต่กลับไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างพระนางจนถึงวาระสุดท้าย
"เหตุใดข้าถึงไม่ได้อยู่ในวังหลวง?"
ความคิดนี้แล่นผ่านเข้ามาในหัวของนางทันที นางเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจสั่นไหวด้วยความคาใจ ท่านผู้เฒ่ามูกีสข่านที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เล็กนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ "ตอนนั้น... มารดาของเจ้าตั้งครรภ์เจ้าได้ไม่นาน ข้าหวั่นเกรงว่าเจ้าจะไม่ได้ลืมตาดูโลกเสียด้วยซ้ำ
หวา หว่า เบิกตากว้าง จ้องมองผู้เฒ่าด้วยความตกใจ
"หมายความว่าอย่างไร?"
ผู้เฒ่ามูกีสข่านสบตานาง ดวงตาแก่ชราของเขามีร่องรอยแห่งอดีตที่ขมขื่น
"เมื่อมารดาของเจ้าได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสี นางก็มีอำนาจในวังหลัง... มากเกินไป ทำให้ไท่ฮองเฮาไม่พอใจ"
ณ.พระตำหนักเหม่ยลี่ ที่ประทับของฮองเฮาโคกิ สมาถะไม่ฟุ้มเฟื่อยเหมือนตำหนักไท่ฮองเฮา ตำหนักที่ประทับขององค์ฮองเฮาผู้ทรงธรรมะและเรียบง่าย สะท้อนถึงความสงบและความสง่างามโดยปราศจากความฟุ่มเฟือย
ภายในตำหนักประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดีแกะสลักลวดลายเรียบหรู ไม่มีทองคำหรืออัญมณีประดับมากเกินความจำเป็น สีสันของม่านและพรมเป็นโทนสีอ่อน เช่น ขาว งาช้าง และน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสงบ
เครื่องเรือนมีเพียงสิ่งที่จำเป็น โต๊ะไม้ฉลุเรียบง่ายสำหรับอ่านพระธรรมตำรา ตู้ไม้แกะสลักสำหรับเก็บพระสุพรรณบัฏและของสำคัญ ตลอดจนเตียงไม้แกะลวดลายมังกรและดอกเหมย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความแข็งแกร่ง
แม้จะไม่มีเครื่องประดับอันโอ่อ่าดังเช่นตำหนักของสนมที่แย่งชิงความโปรดปราน แต่ตำหนักนี้กลับเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศอันสงบเงียบ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกำยานจางๆ ล่องลอยไปทั่วห้อง ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงความสำรวมและมั่นคงของผู้ครองตำหนัก ทุกสิ่งล้วนสะท้อนถึงพระจริยวัตรอันมัธยัสถ์ของฮองเฮา ผู้เป็นแบบอย่างของความเรียบง่ายและความสง่างามที่แท้จริง
เสียงอาเจียนดังออกมาจากภายในตำหนักเหม่ยลี่ เหล่านางกำนัลรีบเข้ามาดูอาการของฮองเฮาโคกิ ใบหน้างามซีดเซียว มือเรียวบางจับชายแขนเสื้อไว้แน่น ขณะก้มลงไออย่างแรง
"ถวายพระพรเพคะ ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วเพคะ!"
เสียงประกาศจากนางกำนัลด้านหน้าทำให้ทุกคนพากันถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว ประตูตำหนักเปิดออก ฮ่องเต้หมิงซื่อก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นสภาพของพระมเหสีผู้เป็นที่รัก พระองค์ก็รีบตรงเข้าไปประคอง
"โคกิ... เจ้าเป็นอะไรไป?"
ฮองเฮาฝืนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโบกมือให้นางกำนัลถอยออกไป นางพยายามเอ่ยเสียงแผ่วเบา
"หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ เพียงแค่ร่างกายอ่อนล้าเล็กน้อย"
ฮ่องเต้หมิงซื่อขมวดพระขนงแน่น พระองค์มองใบหน้าซีดเผือดของฮองเฮาแล้วจับมือของนางขึ้นมากุมแน่น พระหัตถ์อบอุ่นของพระองค์สั่นไหวเล็กน้อย
"เจ้าถูกใครทำอะไรมาอีกหรือไม่?" พระสุรเสียงหนักแน่นแฝงด้วยความเป็นห่วง "
ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ได้ป่วยเพราะธรรมดา โคกิ บอกข้ามาเถอะ" ฮองเฮาเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของนางมีร่องรอยลังเล แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยสิ่งใดออกมา นางกำนัลคนหนึ่งก็ทรุดตัวลงคุกเข่าพลางกล่าวเสียงสั่น
"ฝ่าบาท โปรดอภัยเพคะ... แต่นี่มิใช่ครั้งแรก ฮองเฮาทรงถูกกลั่นแกล้งหลายครั้งแล้วเพคะ"
ดวงเนตรของฮ่องเต้หมิงซื่อทอประกายกร้าว พระองค์ค่อย ๆ หันไปมองนางกำนัลด้วยแววตาคมกริบ
"หมายความว่าอย่างไร?"
นางกำนัลตัวสั่นเครือ ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีต— ตั้งแต่วันที่ฮองเฮาได้รับพระราชทานตำหนักเหม่ยลี่ นางก็ถูกกลั่นแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน บางครั้งอาหารที่เสวยมีสิ่งแปลกปลอม บางครั้งเครื่องหอมที่ใช้ในตำหนักกลับทำให้นางวิงเวียน บางคราวฉลองพระองค์มีรอยฉีกขาดอย่างจงใจ
ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในรั้ววังหลวงโดยไม่มีผู้ใดรับผิด และต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดก็มาจาก ไท่ฮองเฮานาฮา พระนางไม่พอใจที่ฮ่องเต้หมิงซื่อให้ความรักและเทิดทูนฮองเฮาโคกิเป็นพิเศษ
การที่พระมเหสีซึ่งเกิดจากตระกูลชนเผ่าเล็กๆ ได้รับการโปรดปรานมากเกินไป นับเป็นภัยต่ออำนาจของพระนาง
"ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนเป็นคำสั่งของไท่ฮองเฮาเพคะ"
นางกำนัลกล่าวเสียงสั่น
"แม้แต่พระโอสถบำรุงพระวรกายของฮองเฮา ก็ทรงสั่งให้ปรุงใหม่... และเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็มีรับสั่งให้นำยาบางอย่างใส่ลงไปเพคะ"
ฮ่องเต้หมิงซื่อกัดฟันแน่น พระหัตถ์กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความโกรธที่อัดแน่นในอกทำให้พระองค์แทบพุ่งออกจากตำหนักในทันที แต่พระองค์ก็รู้ดีว่า นี่มิใช่ครั้งแรก... พระองค์เคยตักเตือนไท่ฮองเฮาหลายครั้งแล้ว แต่พระนางกลับเพิกเฉย ความโกรธเคืองของพระองค์มิอาจสั่นคลอนอำนาจของพระนางได้เลย
"ไท่ฮองเฮา..."
ฮ่องเต้หมิงซื่อพึมพำแผ่วเบา พระองค์ทอดถอนใจ ก่อนจะประคองมือของฮองเฮาขึ้นมาแนบแก้ม
"โคกิ ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ร้อยเป็นแน่"
ณ ตำหนักไท่ฮองเฮา ที่ตำหนักของไท่ฮองเฮานาฮา กลิ่นเครื่องหอมจาง ๆ ลอยคลุ้งในอากาศ สนมและข้าหลวงจำนวนมากต่างก้มหน้าอย่างสงบ ในขณะที่ไท่ฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์สูง ดวงเนตรของพระนางเฉียบคมและเต็มไปด้วยความเย็นชา
"ฮ่องเต้ทรงพิโรธเช่นนั้นหรือ?"
นางกำนัลข้างกายรีบค้อมตัวลงตอบ
"เพคะ ฝ่าบาททรงพิโรธมากเพคะ หลังจากทรงทราบว่าฮองเฮาทรงถูกกลั่นแกล้งมานาน"
ไท่ฮองเฮานาฮาหัวเราะเบา ๆ นางยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบอย่างสงบ "เจ้าคิดว่าข้าจะหวาดกลัวหรือ?" นางกำนัลไม่กล้าตอบ
"หมิงซื่อเป็นเพียงเด็กน้อยที่ข้าเห็นมาตั้งแต่เด็ก คิดว่าเพียงเพราะความโกรธของเขา จะสามารถลบล้างอำนาจของข้าได้หรือ?"
ไท่ฮองเฮาวางถ้วยชาลง นางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด
"หากนางรอดพ้นเงื้อมมือข้ามาได้หลายครั้ง เช่นนั้นข้าก็จะหาแผนการที่รัดกุมยิ่งขึ้น"
หัวหน้าเผ่าซูบูไต มูกีสข่าน เมื่อทราบว่าลูกสาวของตนตั้งครรภ์ และไม่มีอำนาจของเผ่าตนอยู่ในวังหลวง จึงเกิดความกังวลถึงความปลอดภัยของฮองเฮาและหลานที่กำลังจะลืมตาดูโลก ด้วยเกรงว่าไท่ฮองเฮาอาจคิดปองร้าย มูกีสข่านจึงเข้าเฝ้าฮ่องเต้หมิงซื่อ กราบทูลขอให้ฮองเฮาเดินทางไปพำนักที่เผ่าทุ่งหญ้า เพื่อให้ทั้งมารดาและทารกในครรภ์ปลอดภัยจากเงามืดแห่งราชสำนัก
หลุดพ้นจากปีศาจ
โดย
จิ้งจอกหางขาว
แสงจันทร์ทอประกายส่องผ่านบานหน้าต่างของที่พัก หวา หว่า ซื้ง นั่งนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาแดงเรื่อจากหยาดน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสาย ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ทำให้นางรู้สึกปั่นป่วนไปหมด
"ข้าเป็นองค์หญิง... ข้ามีพระบิดาและพระมารดาที่รักกัน..."
นางก้มมองมือตัวเอง มือที่เคยสัมผัสความอบอุ่นจากพระมารดาในวัยเยาว์ แต่กลับไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างพระนางจนถึงวาระสุดท้าย
"เหตุใดข้าถึงไม่ได้อยู่ในวังหลวง?"
ความคิดนี้แล่นผ่านเข้ามาในหัวของนางทันที นางเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจสั่นไหวด้วยความคาใจ ท่านผู้เฒ่ามูกีสข่านที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เล็กนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ "ตอนนั้น... มารดาของเจ้าตั้งครรภ์เจ้าได้ไม่นาน ข้าหวั่นเกรงว่าเจ้าจะไม่ได้ลืมตาดูโลกเสียด้วยซ้ำ
หวา หว่า เบิกตากว้าง จ้องมองผู้เฒ่าด้วยความตกใจ
"หมายความว่าอย่างไร?"
ผู้เฒ่ามูกีสข่านสบตานาง ดวงตาแก่ชราของเขามีร่องรอยแห่งอดีตที่ขมขื่น
"เมื่อมารดาของเจ้าได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสี นางก็มีอำนาจในวังหลัง... มากเกินไป ทำให้ไท่ฮองเฮาไม่พอใจ"
ณ.พระตำหนักเหม่ยลี่ ที่ประทับของฮองเฮาโคกิ สมาถะไม่ฟุ้มเฟื่อยเหมือนตำหนักไท่ฮองเฮา ตำหนักที่ประทับขององค์ฮองเฮาผู้ทรงธรรมะและเรียบง่าย สะท้อนถึงความสงบและความสง่างามโดยปราศจากความฟุ่มเฟือย
ภายในตำหนักประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดีแกะสลักลวดลายเรียบหรู ไม่มีทองคำหรืออัญมณีประดับมากเกินความจำเป็น สีสันของม่านและพรมเป็นโทนสีอ่อน เช่น ขาว งาช้าง และน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสงบ
เครื่องเรือนมีเพียงสิ่งที่จำเป็น โต๊ะไม้ฉลุเรียบง่ายสำหรับอ่านพระธรรมตำรา ตู้ไม้แกะสลักสำหรับเก็บพระสุพรรณบัฏและของสำคัญ ตลอดจนเตียงไม้แกะลวดลายมังกรและดอกเหมย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความแข็งแกร่ง
แม้จะไม่มีเครื่องประดับอันโอ่อ่าดังเช่นตำหนักของสนมที่แย่งชิงความโปรดปราน แต่ตำหนักนี้กลับเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศอันสงบเงียบ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกำยานจางๆ ล่องลอยไปทั่วห้อง ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงความสำรวมและมั่นคงของผู้ครองตำหนัก ทุกสิ่งล้วนสะท้อนถึงพระจริยวัตรอันมัธยัสถ์ของฮองเฮา ผู้เป็นแบบอย่างของความเรียบง่ายและความสง่างามที่แท้จริง
เสียงอาเจียนดังออกมาจากภายในตำหนักเหม่ยลี่ เหล่านางกำนัลรีบเข้ามาดูอาการของฮองเฮาโคกิ ใบหน้างามซีดเซียว มือเรียวบางจับชายแขนเสื้อไว้แน่น ขณะก้มลงไออย่างแรง
"ถวายพระพรเพคะ ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วเพคะ!"
เสียงประกาศจากนางกำนัลด้านหน้าทำให้ทุกคนพากันถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว ประตูตำหนักเปิดออก ฮ่องเต้หมิงซื่อก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นสภาพของพระมเหสีผู้เป็นที่รัก พระองค์ก็รีบตรงเข้าไปประคอง
"โคกิ... เจ้าเป็นอะไรไป?"
ฮองเฮาฝืนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโบกมือให้นางกำนัลถอยออกไป นางพยายามเอ่ยเสียงแผ่วเบา
"หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ เพียงแค่ร่างกายอ่อนล้าเล็กน้อย"
ฮ่องเต้หมิงซื่อขมวดพระขนงแน่น พระองค์มองใบหน้าซีดเผือดของฮองเฮาแล้วจับมือของนางขึ้นมากุมแน่น พระหัตถ์อบอุ่นของพระองค์สั่นไหวเล็กน้อย
"เจ้าถูกใครทำอะไรมาอีกหรือไม่?" พระสุรเสียงหนักแน่นแฝงด้วยความเป็นห่วง "
ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ได้ป่วยเพราะธรรมดา โคกิ บอกข้ามาเถอะ" ฮองเฮาเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของนางมีร่องรอยลังเล แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยสิ่งใดออกมา นางกำนัลคนหนึ่งก็ทรุดตัวลงคุกเข่าพลางกล่าวเสียงสั่น
"ฝ่าบาท โปรดอภัยเพคะ... แต่นี่มิใช่ครั้งแรก ฮองเฮาทรงถูกกลั่นแกล้งหลายครั้งแล้วเพคะ"
ดวงเนตรของฮ่องเต้หมิงซื่อทอประกายกร้าว พระองค์ค่อย ๆ หันไปมองนางกำนัลด้วยแววตาคมกริบ
"หมายความว่าอย่างไร?"
นางกำนัลตัวสั่นเครือ ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีต— ตั้งแต่วันที่ฮองเฮาได้รับพระราชทานตำหนักเหม่ยลี่ นางก็ถูกกลั่นแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน บางครั้งอาหารที่เสวยมีสิ่งแปลกปลอม บางครั้งเครื่องหอมที่ใช้ในตำหนักกลับทำให้นางวิงเวียน บางคราวฉลองพระองค์มีรอยฉีกขาดอย่างจงใจ
ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในรั้ววังหลวงโดยไม่มีผู้ใดรับผิด และต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดก็มาจาก ไท่ฮองเฮานาฮา พระนางไม่พอใจที่ฮ่องเต้หมิงซื่อให้ความรักและเทิดทูนฮองเฮาโคกิเป็นพิเศษ
การที่พระมเหสีซึ่งเกิดจากตระกูลชนเผ่าเล็กๆ ได้รับการโปรดปรานมากเกินไป นับเป็นภัยต่ออำนาจของพระนาง
"ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนเป็นคำสั่งของไท่ฮองเฮาเพคะ"
นางกำนัลกล่าวเสียงสั่น
"แม้แต่พระโอสถบำรุงพระวรกายของฮองเฮา ก็ทรงสั่งให้ปรุงใหม่... และเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็มีรับสั่งให้นำยาบางอย่างใส่ลงไปเพคะ"
ฮ่องเต้หมิงซื่อกัดฟันแน่น พระหัตถ์กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความโกรธที่อัดแน่นในอกทำให้พระองค์แทบพุ่งออกจากตำหนักในทันที แต่พระองค์ก็รู้ดีว่า นี่มิใช่ครั้งแรก... พระองค์เคยตักเตือนไท่ฮองเฮาหลายครั้งแล้ว แต่พระนางกลับเพิกเฉย ความโกรธเคืองของพระองค์มิอาจสั่นคลอนอำนาจของพระนางได้เลย
"ไท่ฮองเฮา..."
ฮ่องเต้หมิงซื่อพึมพำแผ่วเบา พระองค์ทอดถอนใจ ก่อนจะประคองมือของฮองเฮาขึ้นมาแนบแก้ม
"โคกิ ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ร้อยเป็นแน่"
ณ ตำหนักไท่ฮองเฮา ที่ตำหนักของไท่ฮองเฮานาฮา กลิ่นเครื่องหอมจาง ๆ ลอยคลุ้งในอากาศ สนมและข้าหลวงจำนวนมากต่างก้มหน้าอย่างสงบ ในขณะที่ไท่ฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์สูง ดวงเนตรของพระนางเฉียบคมและเต็มไปด้วยความเย็นชา
"ฮ่องเต้ทรงพิโรธเช่นนั้นหรือ?"
นางกำนัลข้างกายรีบค้อมตัวลงตอบ
"เพคะ ฝ่าบาททรงพิโรธมากเพคะ หลังจากทรงทราบว่าฮองเฮาทรงถูกกลั่นแกล้งมานาน"
ไท่ฮองเฮานาฮาหัวเราะเบา ๆ นางยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบอย่างสงบ "เจ้าคิดว่าข้าจะหวาดกลัวหรือ?" นางกำนัลไม่กล้าตอบ
"หมิงซื่อเป็นเพียงเด็กน้อยที่ข้าเห็นมาตั้งแต่เด็ก คิดว่าเพียงเพราะความโกรธของเขา จะสามารถลบล้างอำนาจของข้าได้หรือ?"
ไท่ฮองเฮาวางถ้วยชาลง นางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด
"หากนางรอดพ้นเงื้อมมือข้ามาได้หลายครั้ง เช่นนั้นข้าก็จะหาแผนการที่รัดกุมยิ่งขึ้น"
หัวหน้าเผ่าซูบูไต มูกีสข่าน เมื่อทราบว่าลูกสาวของตนตั้งครรภ์ และไม่มีอำนาจของเผ่าตนอยู่ในวังหลวง จึงเกิดความกังวลถึงความปลอดภัยของฮองเฮาและหลานที่กำลังจะลืมตาดูโลก ด้วยเกรงว่าไท่ฮองเฮาอาจคิดปองร้าย มูกีสข่านจึงเข้าเฝ้าฮ่องเต้หมิงซื่อ กราบทูลขอให้ฮองเฮาเดินทางไปพำนักที่เผ่าทุ่งหญ้า เพื่อให้ทั้งมารดาและทารกในครรภ์ปลอดภัยจากเงามืดแห่งราชสำนัก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น