ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
พลังแห่งห่วงเวลา

ลำดับตอนที่ #11 : หลุดพ้นจากปีศาจ

  • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 68


ตอนที่ 11

หลุดพ้นจากปีศาจ 

โดย 

จิ้งจอกหางขาว
 

     แสงจันทร์ทอประกายส่องผ่านบานหน้าต่างของที่พัก หวา หว่า ซื้ง นั่งนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาแดงเรื่อจากหยาดน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสาย ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ทำให้นางรู้สึกปั่นป่วนไปหมด 

"ข้าเป็นองค์หญิง... ข้ามีพระบิดาและพระมารดาที่รักกัน..." 

     นางก้มมองมือตัวเอง มือที่เคยสัมผัสความอบอุ่นจากพระมารดาในวัยเยาว์ แต่กลับไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างพระนางจนถึงวาระสุดท้าย 

"เหตุใดข้าถึงไม่ได้อยู่ในวังหลวง?" 

     ความคิดนี้แล่นผ่านเข้ามาในหัวของนางทันที นางเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจสั่นไหวด้วยความคาใจ ท่านผู้เฒ่ามูกีสข่านที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เล็กนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ "ตอนนั้น... มารดาของเจ้าตั้งครรภ์เจ้าได้ไม่นาน ข้าหวั่นเกรงว่าเจ้าจะไม่ได้ลืมตาดูโลกเสียด้วยซ้ำ

หวา หว่า  เบิกตากว้าง จ้องมองผู้เฒ่าด้วยความตกใจ

 "หมายความว่าอย่างไร?" 


    ผู้เฒ่ามูกีสข่านสบตานาง ดวงตาแก่ชราของเขามีร่องรอยแห่งอดีตที่ขมขื่น 

"เมื่อมารดาของเจ้าได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสี นางก็มีอำนาจในวังหลัง... มากเกินไป ทำให้ไท่ฮองเฮาไม่พอใจ"

     ณ.พระตำหนักเหม่ยลี่ ที่ประทับของฮองเฮาโคกิ สมาถะไม่ฟุ้มเฟื่อยเหมือนตำหนักไท่ฮองเฮา ตำหนักที่ประทับขององค์ฮองเฮาผู้ทรงธรรมะและเรียบง่าย สะท้อนถึงความสงบและความสง่างามโดยปราศจากความฟุ่มเฟือย 

     ภายในตำหนักประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดีแกะสลักลวดลายเรียบหรู ไม่มีทองคำหรืออัญมณีประดับมากเกินความจำเป็น สีสันของม่านและพรมเป็นโทนสีอ่อน เช่น ขาว งาช้าง และน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสงบ 

     เครื่องเรือนมีเพียงสิ่งที่จำเป็น โต๊ะไม้ฉลุเรียบง่ายสำหรับอ่านพระธรรมตำรา ตู้ไม้แกะสลักสำหรับเก็บพระสุพรรณบัฏและของสำคัญ ตลอดจนเตียงไม้แกะลวดลายมังกรและดอกเหมย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความแข็งแกร่ง 

     แม้จะไม่มีเครื่องประดับอันโอ่อ่าดังเช่นตำหนักของสนมที่แย่งชิงความโปรดปราน แต่ตำหนักนี้กลับเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศอันสงบเงียบ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกำยานจางๆ ล่องลอยไปทั่วห้อง ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงความสำรวมและมั่นคงของผู้ครองตำหนัก ทุกสิ่งล้วนสะท้อนถึงพระจริยวัตรอันมัธยัสถ์ของฮองเฮา ผู้เป็นแบบอย่างของความเรียบง่ายและความสง่างามที่แท้จริง

     เสียงอาเจียนดังออกมาจากภายในตำหนักเหม่ยลี่ เหล่านางกำนัลรีบเข้ามาดูอาการของฮองเฮาโคกิ ใบหน้างามซีดเซียว มือเรียวบางจับชายแขนเสื้อไว้แน่น ขณะก้มลงไออย่างแรง

 "ถวายพระพรเพคะ ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วเพคะ!" 

     เสียงประกาศจากนางกำนัลด้านหน้าทำให้ทุกคนพากันถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว ประตูตำหนักเปิดออก ฮ่องเต้หมิงซื่อก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นสภาพของพระมเหสีผู้เป็นที่รัก พระองค์ก็รีบตรงเข้าไปประคอง 

"โคกิ... เจ้าเป็นอะไรไป?" 

     ฮองเฮาฝืนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโบกมือให้นางกำนัลถอยออกไป นางพยายามเอ่ยเสียงแผ่วเบา

 "หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ เพียงแค่ร่างกายอ่อนล้าเล็กน้อย" 

    ฮ่องเต้หมิงซื่อขมวดพระขนงแน่น พระองค์มองใบหน้าซีดเผือดของฮองเฮาแล้วจับมือของนางขึ้นมากุมแน่น พระหัตถ์อบอุ่นของพระองค์สั่นไหวเล็กน้อย

 "เจ้าถูกใครทำอะไรมาอีกหรือไม่?" พระสุรเสียงหนักแน่นแฝงด้วยความเป็นห่วง "

     ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ได้ป่วยเพราะธรรมดา โคกิ บอกข้ามาเถอะ" ฮองเฮาเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของนางมีร่องรอยลังเล แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยสิ่งใดออกมา นางกำนัลคนหนึ่งก็ทรุดตัวลงคุกเข่าพลางกล่าวเสียงสั่น 

"ฝ่าบาท โปรดอภัยเพคะ... แต่นี่มิใช่ครั้งแรก ฮองเฮาทรงถูกกลั่นแกล้งหลายครั้งแล้วเพคะ" 

     ดวงเนตรของฮ่องเต้หมิงซื่อทอประกายกร้าว พระองค์ค่อย ๆ หันไปมองนางกำนัลด้วยแววตาคมกริบ 

"หมายความว่าอย่างไร?" 

     นางกำนัลตัวสั่นเครือ ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีต— ตั้งแต่วันที่ฮองเฮาได้รับพระราชทานตำหนักเหม่ยลี่ นางก็ถูกกลั่นแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน บางครั้งอาหารที่เสวยมีสิ่งแปลกปลอม บางครั้งเครื่องหอมที่ใช้ในตำหนักกลับทำให้นางวิงเวียน บางคราวฉลองพระองค์มีรอยฉีกขาดอย่างจงใจ

     ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในรั้ววังหลวงโดยไม่มีผู้ใดรับผิด และต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดก็มาจาก ไท่ฮองเฮานาฮา พระนางไม่พอใจที่ฮ่องเต้หมิงซื่อให้ความรักและเทิดทูนฮองเฮาโคกิเป็นพิเศษ 

     การที่พระมเหสีซึ่งเกิดจากตระกูลชนเผ่าเล็กๆ ได้รับการโปรดปรานมากเกินไป นับเป็นภัยต่ออำนาจของพระนาง 

"ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนเป็นคำสั่งของไท่ฮองเฮาเพคะ" 


นางกำนัลกล่าวเสียงสั่น

 "แม้แต่พระโอสถบำรุงพระวรกายของฮองเฮา ก็ทรงสั่งให้ปรุงใหม่... และเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็มีรับสั่งให้นำยาบางอย่างใส่ลงไปเพคะ" 

    ฮ่องเต้หมิงซื่อกัดฟันแน่น พระหัตถ์กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความโกรธที่อัดแน่นในอกทำให้พระองค์แทบพุ่งออกจากตำหนักในทันที แต่พระองค์ก็รู้ดีว่า นี่มิใช่ครั้งแรก... พระองค์เคยตักเตือนไท่ฮองเฮาหลายครั้งแล้ว แต่พระนางกลับเพิกเฉย ความโกรธเคืองของพระองค์มิอาจสั่นคลอนอำนาจของพระนางได้เลย 

"ไท่ฮองเฮา..." 

    ฮ่องเต้หมิงซื่อพึมพำแผ่วเบา พระองค์ทอดถอนใจ ก่อนจะประคองมือของฮองเฮาขึ้นมาแนบแก้ม

"โคกิ ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ร้อยเป็นแน่"

     ณ ตำหนักไท่ฮองเฮา ที่ตำหนักของไท่ฮองเฮานาฮา กลิ่นเครื่องหอมจาง ๆ ลอยคลุ้งในอากาศ สนมและข้าหลวงจำนวนมากต่างก้มหน้าอย่างสงบ ในขณะที่ไท่ฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์สูง ดวงเนตรของพระนางเฉียบคมและเต็มไปด้วยความเย็นชา

 "ฮ่องเต้ทรงพิโรธเช่นนั้นหรือ?" 


นางกำนัลข้างกายรีบค้อมตัวลงตอบ

"เพคะ ฝ่าบาททรงพิโรธมากเพคะ หลังจากทรงทราบว่าฮองเฮาทรงถูกกลั่นแกล้งมานาน" 

ไท่ฮองเฮานาฮาหัวเราะเบา ๆ นางยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบอย่างสงบ "เจ้าคิดว่าข้าจะหวาดกลัวหรือ?" นางกำนัลไม่กล้าตอบ 

"หมิงซื่อเป็นเพียงเด็กน้อยที่ข้าเห็นมาตั้งแต่เด็ก คิดว่าเพียงเพราะความโกรธของเขา จะสามารถลบล้างอำนาจของข้าได้หรือ?"

 ไท่ฮองเฮาวางถ้วยชาลง นางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด 

"หากนางรอดพ้นเงื้อมมือข้ามาได้หลายครั้ง เช่นนั้นข้าก็จะหาแผนการที่รัดกุมยิ่งขึ้น" 

    หัวหน้าเผ่าซูบูไต มูกีสข่าน เมื่อทราบว่าลูกสาวของตนตั้งครรภ์ และไม่มีอำนาจของเผ่าตนอยู่ในวังหลวง จึงเกิดความกังวลถึงความปลอดภัยของฮองเฮาและหลานที่กำลังจะลืมตาดูโลก ด้วยเกรงว่าไท่ฮองเฮาอาจคิดปองร้าย มูกีสข่านจึงเข้าเฝ้าฮ่องเต้หมิงซื่อ กราบทูลขอให้ฮองเฮาเดินทางไปพำนักที่เผ่าทุ่งหญ้า เพื่อให้ทั้งมารดาและทารกในครรภ์ปลอดภัยจากเงามืดแห่งราชสำนัก

 

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×