คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตบฟันร่วง
ตอนที่ 11 ตบฟันร่วง
ทันทีที่อาเยี่ยนน้อยเห็นรถม้า เขาก็ส่งเสียงอุทานออกมาเสียงดัง เรียกเสียงหัวเราะจากพี่ ๆ ทหาร เด็กชายตัวเล็กตกหัวใจทุกคนได้โดยไม่ทันตั้งตัว
"โอ้โห..พี่ใหญ่..ม้าตัวใหญ่มากขอรับ ใหญ่กว่าวัวลุงหวังอีก..มันมีผมตรงก้นด้วยแปลกจัง"
มนตราปลีกตัวออกมาจากฝูงชนได้ก็ลูบหัวเด็กน้อยเบา ๆ เห็นเขามีความสุขเธอก็มีความสุขตามไปด้วย
"ใต้เท้าฉู่ให้ข้าสองพี่น้องนั่งรถม้าราคาแพงเช่นนี้จะดีหรือ ข้ากลัวจะทำให้รถม้ามันสกปรก"
หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว เธอขอให้ทหารหญิงซื้อชุดใหม่มาให้ก่อนจะเช่าโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้ ๆ จัดการอาบน้ำชำระร่างกาย
ใต้เท้าฉู่เห็นหญิงสาวใส่ชุดใหม่แล้วงดงามมาก ถึงแม้ใบหน้าจะมีรอยเขียวช้ำอยู่บ้างก็ตาม
เด็กสาวร่างเล็กใช้เพียงผ้าปักลายมัดผมขึ้นเป็นหางม้าเท่านั้น ทว่ากลับงดงามเทียบเท่ากับเหล่าคุณหนูที่ปักปิ่นเงินปิ่นทองอันมีค่า เพื่อหวังจะให้ตนงดงามมากยิ่งขึ้น
อี้เทียนยืนข้างบุตรสาวมีหรือจะอ่านสายตาบุรุษด้วยกันไม่ออก ใต้เท้าฉู่อายุยังน้อยแต่มียศสูงเช่นนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดา เขานั้นแต่งงานแล้วคงไม่คิดจะส่งแม่สื่อมาสู่ขอบุตรสาวข้าไปเป็นอนุของตนใช่หรือไม่
"ใต้เท้าฉู่ให้บุตรสาวข้าเข้าไปนั่งรอในรถม้าก่อนดีกว่า ปล่อยให้นางยืนตากแดดนาน ๆ เช่นนี้ข้าเกรงว่าอาจจะจับไข้เอาได้"
มนตราเองสัมผัสได้ว่าชายตรงหน้าดูแปลกไป เขาเข้าหานางจนเกินงาม พินิจดูแล้วรูปร่างของตนในตอนนี้ราวกับไส้เดือนตากแห้ง เขายังชอบเธอลงหรือแปลกคนเสียจริง
ใต้เท้าฉู่ได้สติรีบเชิญหญิงสาวเข้าไปนั่งรอพี่ชายที่ขอตัวไปปิดประตูร้านบะหมี่ของครอบครัวให้เรียบร้อย
ร่างเล็กพยักหน้าขอบคุณก่อนจะนั่งยอง ๆ ชวนน้องชายขึ้นไปนั่งบนรถม้าด้วยอีกคน
"อาเยี่ยนไปนั่งในรถม้าคันใหญ่กับพี่สาวดีกว่า หากเจ้าไปยืนด้านหลังม้ามันจะถีบเจ้ากระเด็นเอาได้..มันเจ็บมาก ๆ เลยนะ"
อาเยี่ยนยกนิ้วจิ้มคางทำท่าทางสงสัย มันดูน่ารักมากจนผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยากจะลักพาตัวเด็กน้อยไปกินขนมที่จวนสักวัน
"อืม..เจ็บเหมือนถูกปีศาจตีหรือไม่พี่ใหญ่"
ปีศาจที่ว่าคงเป็นนางเฉียน เพราะหญิงสาวเป็นคนสอนให้น้องชายเรียกนางอย่างนั้นเอง คนเช่นนั้นไม่ควรนับญาติดี ๆ เสียด้วยซ้ำ
"เจ็บกว่ามาก เจ็บจนลุกไปวิ่งเล่นไม่ได้เลย กินได้แค่น้ำข้าวเท่านั้น"
"ขนมก็ไม่ได้หรือ"
ร่างบางในชุดสะอาดสะอ้านอุ้มน้องชายขึ้นมา จนชายทั้งสองคนที่ยืนมองกลัวนางบาดเจ็บอยากจะเข้าไปช่วยอุ้มแทน
"ใช่แล้ว..อาเยี่ยนของพี่จะเป็นเด็กดีใช่หรือไม่"
"ขอรับ อาเยี่ยนเป็นเด็กดีนั่งในรถม้ากับพี่ใหญ่"
หญิงสาววางน้องชายลงให้บิดาบุญธรรมเป็นคนขึ้นไปก่อน อี้เทียนปฏิเสธเขาจะนั่งข้างคนขับรถม้าแทน
ทว่าเธอไม่ยินยอม แม้จะรู้ว่าเขาคงกลัวว่าเธอจะลำบากใจหากนั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน
"ท่านพ่อขึ้นไปก่อนเถิด ท่านเป็นบิดาของพวกข้าแล้วจะแยกชายหญิงได้อย่างไร หากท่านไม่ขึ้นข้าสองพี่น้องจะเดินเท้าไปเอง"
"นางหนูนี่ไม่เห็นต้องขู่ข้าเลย เอ้า...ขึ้นก็ขึ้น อาเยี่ยนมาพ่อจะอุ้มเจ้าขึ้นนั่งเอง"
อี้เทียนอุ้มบุตรชายบุญธรรมคนเล็กขึ้นรถม้าเป็นคนแรก ก่อนที่เขาจะตามขึ้นไป ตามมาด้วยร่างเล็ก ๆ ของฉินฉินที่กำลังก้าวขึ้นรถม้าไปด้วยอีกคน จังหวะนั้นจู่ ๆ ใต้เท้าฉู่ก็ส่งมือมาให้
"จับมือข้าสิ"
เด็กสาวชะงักค้างอยู่กับที่ หากนางปฏิเสธจะเป็นการเสียมารยาทเกินไปหรือเปล่า..
เป็นต้าลู่ที่โผล่มาจากทางไหนก็ไม่ทราบ เขาเบียดตัวใต้เท้าฉู่จนเซแล้วมายืนแทนที่ประคองน้องสาวขึ้นรถม้าแทน
อี้เทียนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแอบสะใจเล็กน้อย เขายกนิ้วให้บุตรชายอย่างรู้กัน..ใต้เท้าฉู่ท่านอย่าหวังว่าจะได้ตัวบุตรสาวข้าไปง่าย ๆ หากไม่ได้รับความยินยอมจากชายชราผู้นี้ หึหึหึ
คนมาครบแล้วรถม้าก็ออกเดินทางต่อได้ การเดินทางครั้งนี้มีทหารหลายนายขี่ม้าตามประกบ ขบวนเดินทางดูยิ่งใหญ่ยิ่งนัก
ตอนกลับใช้ระยะเวลาไม่นานเหมือนตอนเข้าเมือง อาจจะเป็นเพราะม้าวิ่งเร็วไม่เดินช้าเหมือนวัว ประหยัดเวลาไปได้เยอะ
รถม้าวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านมาหยุดอยู่ที่บ้านเดิมของฉินฉิน ชาวบ้านพากันมุงดู หลายปีมาแล้วที่มีรถม้าวิ่งผ่านมาทางหมู่บ้านให้ได้เห็น
"นางเด็กนั่นสร้างเรื่องอีกแล้ว ดูสินางนั่งรถม้าของทางการมา แสดงว่านางสร้างเรื่องในเมืองมาละสิ ข้าละสุดจะทนจริง ๆ เป็นเพราะนางที่ทำให้หมู่บ้านของเราเสียชื่อเสียง"
"ไป ๆ เจ้าไปตามผู้ใหญ่บ้านมา"
ใต้เท้าฉู่ที่ขี่ม้าตามประกบได้ยินที่ชาวบ้านพูดทุกประโยค เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าชีวิตความเป็นอยู่ของหญิงสาวผู้นี้ลำบากมากจริง ๆ
อี้เทียนที่นั่งอยู่ในรถม้าได้ยินเช่นกัน เขาปล่อยให้บุตรชายบุตรสาวลงจากรถม้า ส่วนตนแหวกผ้าม่านปะทะฝีปากกับชาวบ้านแทน
"หุบปากให้หมด! พวกเจ้ายังไม่รู้ความจริงก็พูดไม่ดีใส่ร้ายบุตรสาวบุญธรรมข้าต่าง ๆ นานา ยังอยากจะมีชีวิตอยู่หรือไม่"
ชาวบ้านจอมสอดรู้อย่างนางม่านหลัวได้ยินแล้วรีบเถียงกลับทันควัน
"เหอะ! เจ้าคิดผิดแล้วที่รับสองพี่น้องนั่นเป็นบุตรบุญธรรม หรือว่าแท้จริงแล้วเจ้ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง คิดจะเลี้ยงให้นางเป็นอนุใช่หรือไม่"
"นางแก่..ในหัวของเจ้ามีแต่ขี้ไส้เดือนหรือ ถึงคิดเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ บุตรสาวข้าสูงส่งกว่าชาวบ้านตาดำ ๆ เช่นเจ้า เจ้ามีบารมีพูดถึงนางได้หรือ"
"นางเป็นองค์หญิงมาเกิดหรือ..ถุย..สูงส่งกับผีสิ ต่อให้นางแก้ผ้ายั่วยวนบุรุษก็ยังไม่มีใครเอาหรอก!"
อี้เทียนฟังคำนั้นแล้วโกรธมาก เขาปีนหน้าต่างรถม้ากระโดดลงมาด้วยความคล่องแคล่ว มายืนเท้าสะเอวเถียงกับนางม่านหลัวอย่างไม่มีใครยอมใคร
หญิงสาวกลัวบิดาบุญธรรมของตนจะเจ็บคอ จึงเดินไปลากเขากลับเข้ามาในเรือนของตน โดยไม่ลืมส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าฉู่
ใต้เท้าฉู่โบกมือเพียงครั้งเดียว ทหารนายหนึ่งก็ปรี่เข้าไปตบหน้านางม่านหลัวหลายที
เพียะ ๆ ๆ
มือสากตบอยู่นานจนนางม่านหลัวล้มฟุบกับพื้น นางยกมือกุมปากมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด ซ้ำร้ายฟันของนางยังหลุดออกมาอีกด้วย
ชาวบ้านที่ร่วมขบวนการกับนางเฉียนถูกลากลงมาจากรถม้า เหล่าบุรุษที่เห็นคนในครอบครัวของตนถูกทหารพาตัวมา พวกเขารีบส่งคนไปตามหัวหน้าตระกูลตนเองมารับหน้าทันที
เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ชาวบ้านพากันมุงดูแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร กลัวจะเป็นแบบนางม่านหลัว มนตราเดินลงมาจากรถม้าเข้าไปในเรือนของเจ้าของร่างเดิม พลางเอ่ยชวนบิดาและพี่ชายบุญธรรมไปดูห้องเก็บฟืนที่จำได้ว่าร่างนี้เคยใช้หลับนอน โดยมีใต้เท้าฉู่เดินตามมาด้วยอีกคน
เมื่อทุกคนได้เห็นถึงกับอุทานออกมาเสียงดัง นี่มันไม่ใช่ที่ที่คนจะสามารถนอนได้ อย่าว่าแต่นอนเลยแม้จะมานั่งพักในนี้ยังต้องคิดแล้วคิดอีก
โรงเก็บฟืนไม่มีพื้นไม้ หญิงสาวต้องนอนบนพื้นดินเปล่าเปลือยโดยอาศัยผ้าผืนเก่า ๆ ที่ขาดแล้วเพียงผืนเดียวให้น้องชายได้ห่มคลายหนาว
ภายในห้องเก็บฟืนมีแต่เศษซากของไม้ที่ไม่ใช้แล้ว ตามมุมเพดานมีแมงมุมนับร้อยทำรังอยู่ด้านบน เรือนร้างในเมืองยังมีสภาพที่น่าอาศัยกว่าสถานที่ตรงหน้าพวกเขาเสียอีก
ใต้เท้าฉู่สงสารหญิงสาวยิ่งนัก เขาถามสิ่งที่ค้างคาในใจออกมา
"แม้แต่ในช่วงฤดูหนาว พวกเจ้าสองคนต้องนอนเช่นนี้หรือ"
"เจ้าค่ะ..อย่างที่พวกท่านเห็น หากข้าจะเข้าบ้านใหญ่ก็ต่อเมื่อต้องทำความสะอาดรับใช้สองแม่ลูกเท่านั้น น้องชายของข้าจะถูกพวกนางขังเอาไว้ในห้องเก็บฟืนลำพัง"
"หากข้าเจอนาง สัญญาเลยว่าจะฆ่านางมารคนนั้นให้ตายคามือ นางย่อมไม่ใช่คนแล้ว จิตใจนางเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก"
อี้เทียนชกผนังห้องเก็บฟืนจนไม้กระดานสั่นสะเทือน ครอบครัวหนูที่ทำรังอยู่บนขื่อตกใจร่วงลงมานับสิบ
สภาพอดีตความเป็นอยู่ของสองพี่น้องในความคิดของชายทั้งสาม ดูดีกว่าความเป็นจริงที่ปรากฏต่อหน้าเสียอีก
ผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งว่ามีคนจากทางการมาเยือน ไม่รอช้ารีบวิ่งมายังบ้านของฉินฉินทันที เขาเห็นชาวบ้านมุงดูอยู่ด้านนอกกำแพงรีบสั่งให้ทุกคนหลีกทางให้
"หลบไปข้ามาแล้ว..คนบ้านนี้สร้างเรื่องอีกแล้วรึ"
ทหารที่เฝ้าประตูได้ฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านพูดก็รู้สึกไม่พอใจ แม้แต่คนใหญ่คนโตในหมู่บ้านยังรังแกสองพี่น้องหรือนี่
ทหารได้แอบสกัดขาผู้ใหญ่บ้านจนล้มหน้าทิ่มดินต่อหน้าผู้คนมากมาย
เติ้งหลุนคุนลุกขึ้นได้ก็ชี้นิ้วขึ้นเสียงใส่ชาวบ้าน รีบหาตัวคนผิดทันที
"ใครมันกล้าเอาเท้ามาขวางทางข้า ไม่กลัวตายใช่หรือไม่!"
ใต้เท้าฉู่ได้ยินเสียงคนโวยวายจึงออกมาดู ผู้ใหญ่บ้านหันหลังให้ไม่ทันเห็นผู้ใดจึงวางท่าอวดอำนาจบารมีของตนต่อไป
"ใครหน้าไหนมันกล้าทำร้ายข้าบอกมาสิ..หากข้าจับได้ พวกเจ้าทั้งครอบครัวเตรียมตัวย้ายออกไปหาหมู่บ้านอื่นอยู่ได้เลย ที่นี่ข้าใหญ่สุดทุกคนต้องฟังคำสั่งข้า!"
"อย่างนั้นรึ...เจ้ากล้าอวดอำนาจตนต่อหน้าข้าเชียวหรือ ได้! ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าถูกปลดออกจากตำแหน่ง ข้าขอลงโทษเจ้า! ทั้งตระกูลของเจ้าห้ามเข้ารับราชการอีกชั่วชีวิต"
หัวหน้าหมู่บ้านหันมาส่งยิ้มให้ใต้เท้าหนุ่ม พลางส่งเสียงหัวเราะแห้ง ๆ อวดฟันเหลืองที่มีเศษพริกติดฟันด้วยความภาคภูมิใจ
"ข้าน้อยเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้นขอรับ ท่านอย่าเอาจริงเอาจังนักเลย ใต้เท้ามาเยือนที่หมู่บ้านของข้าน้อยมีเรื่องอะไรหรือขอรับ"
ชาวบ้านที่ไปสร้างเรื่องในเมืองถูกนำตัวมานั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือนของฉินฉิน หญิงสาวกำลังยืนอยู่ด้านหลังคนใหญ่คนโตอย่างไม่เกรงกลัวใคร
เธอกวาดสายตามองชาวบ้านที่เคยดูถูกเจ้าของร่างเดิม แต่ไม่มีใครกล้าสบตาด้วย กลับพากันหันหน้าหนีทำเป็นชมนกชมไส้เดือนต่อไป
พวกเจ้ารักตัวกลัวตายเป็นเหมือนกันรึ
เอาเถิด ฉันไม่อยากเป็นนางร้าย อะไรที่ปล่อยวางได้ก็จะลืม ๆ ไปเสีย
ทุกคนน่ะโชคดีแล้วที่ตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ดีอยู่
ความคิดเห็น