ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมมารที่รักโปรดกักขังข้าไว้นานๆ #ผู้กล้าภัยสังคม

    ลำดับตอนที่ #11 : ผู้กล้าสำนึกผิด -END-

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 67


     

    บทที่ 12

     

    "ขอโทษ! ข้าขาดสติไป!" ผู้กล้ากล่าวแบบนั้น

    จอมมารส่งสายตามองลงมา ปากเรียวสวยขยับถาม "เจ้าขาดสติ? ที่ทำกับข้านี่คือไม่ตั้งใจ?"

    "แน่นอนว่าข้าตั้งใจสิ!" ผู้กล้าตอบออกมาทันทีแทบไม่คิดไตร่ตรองด้วยซ้ำ

    "อืม ค่อยดีหน่อย" แบบนี้สิถึงจะเป็นผู้กล้าของเขา ผู้ชายของเขาควรกล่าวเช่นนั้น

    ผู้กล้าพลันได้สติ เขาหน้าแดงเรื่อพร้อมกับอ้อมแอ้มตอบมา

    "คือ ที่ข้าหมายถึงคือที่ข้ากระทำรุนแรง ทั้งยังกลั่นแกล้งท่านเกินไป ข้า ข้าโมโหไปหน่อย ความจริงแล้วปกติข้าจะใจเย็นกว่านี้"

    "โห อะไรที่ทำให้ท่านใจร้อนรึ?"

    "คือว่า.."

    ดวงตาของผู้กล้าจับจ้องจอมมารอยู่ไม่ละสายตา เขามองเห็นจอมมารเหยียดกายลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ท่าทางสบายและเกียจค้านราวกับแมวตัวนึง

    เรือนร่างงดงามนั้นเย้ายวนจนชวนให้ลูบลงไปมาก เขาอยากลูบให้หายอยากซะจริง

    "อเล็กซ์?"

    แค้ก สติ!

    ผู้กล้ากลบสายตาและเก็บใจคิดอกุศลกลับมานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

    "ก็ท่าน จะไล่ข้าออกไป ข้าเลย..."

    จอมมารมองตามท่าทางนั้นของผู้กล้า เขาครุ่นคิดเล็กน้อยและถามออกมา

    "เจ้าชอบข้ารึ?"

    "นั่นก็..." ผู้กล้านิ่งค้างไป พอโดนถามจังๆแบบนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบไปตามตรงหรือเล่นตัวดีน่ะสิ

    แต่ถ้าถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าให้พูดถึงใจจริงเขา แน่นอนว่า...

    "ข้า.."ผู้กล้าเงยหน้าขึ้นมอง จอมมารเองก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน

    แสงแดดยามเช้าส่องกระทบเรือนร่างสีแทนเย้ายวนโผล่พื้นเนื้อผ้าออกมาวับวาม ริมฝีปากเรียวสวยอ้าออกเห็นเรียวฟันและเขี้ยวเล็กๆ ออกมา 

    จอมมารยกยิ้ม 

    "ไม่ต้องพูด ข้ารู้แล้ว"

    "ที่รัก" 

    "ขึ้นมาปรนนิบัติจอมมารของเจ้าสิผู้กล้า"

    "อา" หัวใจของผู้กล้าสั่นไหวรุนแรง คำพูดเชิญชวนเหล่านั้นเกินจะต้านจริงๆ

    "อเล็กซ์" จอมมารที่พูดเสียงออดอ้อนเย้ายวนนั้นอยู่เพียงแค่คืบ

    สุดท้ายแล้วเขาก็ทนเก็บใจไว้ไม่ไหว เคลื่อนกายตามใจไปสู่การชักนำอีกครั้ง

    "ที่รัก" ยามที่พวกเขาเคลื่อนกายเข้าหากันอีกครั้ง เขาก็แทบไม่คิดอะไรอีกแล้ว

    กลิ่นอายและความอบอุ่นที่แทรกซึมเข้ามาผ่านการสัมผัสได้ย้ำเตือนบางอย่างต่อเขา

    "เมทิส ข้ารักท่าน รักมานานแล้วตั้งแต่แรกพบท่าน"

    จอมมารหรี่ตาลง ภายในใจเขามีภาพบางอย่าง ภาพห้วงฝันอันเป็นนิรันดร์ที่เคยมีเขากับผู้กล้า

    'อเล็กซ์'

    กับผู้กล้าที่จำตัวเองในฝันไม่ได้ จอมมารรู้สึกเศร้านิดหน่อย

    เขาไม่ได้ตอบอะไรไปเพียงแค่ตอบรับการโอบกอดของผู้กล้าเข้ามาเท่านั้น

    อเล็กซ์ที่ไม่ได้ยินคำตอบของจอมมารกลับมาก็ไม่ใส่ใจ เขายังคงมีเวลาอยู่มาก ยังพอทำให้จอมมารตอบรับเขา

    เขากระซิบ "เมทิส ข้า จูบท่านได้หรือไม่?" ท่าทางออดอ้อนนี้ จะทำให้อีกฝ่ายเผยด้านน่ารักออกมาไหมนะ

    แม้ระบบผู้กล้าจะยังไม่กลับมาตอนนี้แต่อเล็กซ์ก็ชอบให้อีกฝ่ายแสดงท่าทีที่โอนอ่อนและยินยอมให้เขามากกว่า มันเติมเต็มใจที่ปรารถนาของเขา รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่จอมมารมีความเชื่อใจให้เขา

    "อืม" จอมมารจมอยู่ในห้วงรักตอบรับออกไปอย่างยินดี "อยากจูบก็จูบสิ ตรงไหนก็ได้ ข้าให้เจ้าทำอย่างที่เจ้าอยากทำทั้งนั้น"

    ตอนนั้นเขาก็อ้าเรียวขาออกและโอบกอดผู้กล้าเข้ามา

    "เมทิส" ผู้กล้าร้องถามเพราะเรียวขานั้นแยกออกจากกันและเกี่ยวเข้ากับเอวสอบของเขา ท่าทางนี้เหมือนจะมีอะไรเอามากๆ เขาไม่อยากทึกทักเองคนเดียว เพราะแบบนั้น....

    จอมมารแย้มริมฝีปาก

    "อย่าลืมสิ เจ้าต้องเติมเต็มความต้องการของอินคิวบัสนะผู้กล้า"

    "..."

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    คำพูดนี้สร้างแรงกระตุ้นอย่างแรงกล้าให้ผู้กล้า

    เปรี๊ยะ!

    อเล็กซ์น้อยสวัสดี!

    ผู้กล้าน้อยผงาดขึ้นมาอีกแล้ว!

    จอมมารรับรู้ถึงมัน ถึงกับหยอกล้อผู้กล้า

    "เป็นขนาดนี้แล้วยังไม่รีบอีก"

    "หึ หึ หึ"

    ผู้กล้าเองก็หัวเราะออกมาได้ในที่สุด

    "ตามประสงค์ท่าน"

     

    ...

    หลังจากนี้เหล่าผู้คนจะเลื่องลือออกไป

    โลกสามารถกลับมาสงบสุขสดใสภายใต้การเสียสละของผู้กล้า ไพร่ฟ้าประชาชนมากมายต่างสรรเสริญเยินยอให้วีรบุรุษผู้นำความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดิน

    นั่นคงเป็นสูตรสำเร็จของหนังสือทุกเล่มเพราะทุกเรื่องมักจบที่ผู้กล้าสามารถปราบจอมมารร้ายให้ตายลง ไม่ก็ปราบให้จอมมารยอมสยบต่อตนเองได้ในที่สุด

      แต่ใครจะพูดอย่างไร ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับความจริงเลยสักนิด

    เขาเป็นผู้กล้าผู้เติมเต็มความปรารถนาของจอมมารต่างหาก

    ใครจะทนให้คนรักของตนเองอดอยากล่ะว่ามั้ย?

    คนรักของเขายั่วยวนขนาดนี้ เขาพร้อมที่จะป้อนความรักที่มีให้ไม่ขาดอยู่แล้ว!

     

     

     

    -END-

     

     

     

    End Credit

    ...

    ผ่านมาหลายวันแล้วที่จอมมารเริ่มอยู่ร่วมกับผู้กล้า แต่ในปราสาทจอมมารคนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงอัลฟ่องเซ่ที่เป็นพ่อบ้านผู้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อยเท่านั้น

    ผู้คนในปราสาทต่างคาดเดากันไปต่างๆนาๆถึงสาเหตุที่จอมมารเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง พักหลังนี้เลยทำให้ปราสาทจอมมารมีข่าวลือแปลกๆเกิดขึ้นมาหนาหูพวกปีศาจทุกตัว ทิศทางของข่าวลือเป็นไปในทางเดียวกันอย่างเช่นว่า

    ข่าวลือที่ว่าจอมมารหลงเสน่ห์ใครบางคน

    ข่าวว่ามีนางมารปีศาจมาล่อลวงจอมมารให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น

    ข่าวว่าจอมมารเก็บตัวอยู่แต่ในปราสาทเพราะโดนแม่สาวมารนั่นปรนนิบัติจนสุขสม

    อัลฟ่องเซ่กลุ้มใจเล็กๆกับข่าวนี้ เขาบีบนวดขมับทุกครั้งที่ได้ยินพวกปีศาจสาวในปราสาทมาเยี่ยมเยือนจอมมารแต่ไม่ได้พบหน้าจนเอาไปพูดว่า

    "นังมารปีศาจนั่นเป็นใคร ข้าจะจัดการมัน!"

    "ทำเกินไปแล้ว ยึดจอมมารไว้คนเดียวแบบนี้มันขี้โกง!"

    "อย่างน้อยก็ออกมาให้ทำความรู้จักกันบ้างซี่!"

    "ข้าไม่ยอม! เอานางมารนั่นออกมาเดี๋ยวนี้นะ!"

     

    ...

    ..

    .

     

    และอีกมากมายที่บรรยายไม่หมด

    หัวจะปวดจริงๆ

    และพอนึกหน้าใครบางคนขึ้นมาเมื่อได้ยินข่าวแล้ว...

    ผู้กล้า : ดีจ้า (¯ ▽ ¯)

    ไสหัวไป๊!!

    อัลฟ่องเซ่หัวฟัดหัวเหวี่ยง อยากจะจัดการใครบางคนจริงๆ เพราะผู้กล้าภัยสังคมนั่น ชื่อเสียงจอมมารของเขาย่ำแย่หมดแล้ว

    ในตอนที่กำลังคิดแผนอยากโยนผู้กล้าออกไปนอกปราสาทสักวันสองวันอยู่นั่นเอง 

    "ท่านอัลฟ่องเซ่! ท่านอัลฟ่องเซ่! รายงานครับ!"

    อัลฟ่องเซ่มองทหารปีศาจที่มีหน้าที่เฝ้าประตูวิ่งเข้ามารายงานตรงหน้าแล้วจึงก่อนถามขึ้น

    "มีอะไร"

    "ที่หน้าปราสาทเกิดเรื่องแล้วครับ มีทัพปีศาจของเจ้าเมืองเหนือ...มา มาหาจอมมาร เอ่อ คือว่า"

    โทรลล์ผู้เฝ้าปราสาทหรี่ตาลง รับรู้ถึงเรื่องราวที่ทหารปีศาจจะพูดโดนไม่ต้องเอ่ยอะไรต่อ เขาออกคำสั่ง

    "นำทางไป"

     

    ...

    หน้าปราสาทจอมมารมีกองทัพปีศาจอยู่จริงๆด้วย

    อัลฟ่องเซ่กั้นขวางอยู่หน้าประตู โทรลล์ผู้ยิ่งใหญ่เหลือบมองเหล่าผู้นำปีศาจที่ดาหน้ากันเข้ามาอย่างไม่กลัวเกรงเจ้าของปราสาทด้วยสายตาสมเพช

    จะว่าไปพวกนี้ก็แค่ 'อดีต' ผู้นำสินะ

    เจ้าเมืองฝ่ายเหนือ

    "ข้ามาพบจอมมาร ตัวข้าเป็นถึงเจ้าเมืองเหนือมาหลายร้อยปี ที่ตรงนั้นเป็นของข้า! เรื่องบทลงโทษนั่นข้ายอมไม่ได้!"

    อัลฟ่องเซ่ไม่ให้ความสำคัญกับมันเลยสักนิด เขาบอกออกไป

    "จอมมารไม่ว่างพบท่าน"

    เจ้าเมืองเหนือยิ้มเยาะ

    "โทรลล์อย่างเจ้าให้เจ้าเด็กเหลือขอสั่งการได้ตั้งแต่เมื่อไหร่!? ข้าสิมีสิทธิ์สั่งเจ้าได้! เจ้าเด็กที่เพิ่งเป็นจอมมารนั่นมีสิทธิ์อะไร!"

    อัลฟ่องเซ่หรี่ตาลง

    ผู้นำฝ่ายเหนือเป็นปีศาจตัวอวบอ้วนแถมหัวมันล้านเรียบไม่มีเส้นผมสักเส้น เมืองฝั่งเหนือส่งต่อรุ่นสู่รุ่น เสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ พักหลังก็แทบไม่ได้พัฒนาฝึกฝนตนเอง พลังปีศาจแทบขึ้นสนิม รูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่มีแรงกดดัน ที่ขึ้นเป็นผู้นำได้ ก็แค่สายเลือดเจือจางเท่านั้น ไร้ความเป็นผู้นำโดยสิ้นเชิง

    จอมมารของเขายังดีกว่าพวกปีศาจตรงหน้าเขาเป็นล้านเท่า!

    เห็นทีจะพูดดีๆด้วยคงไม่ได้ เขาเองก็เบื่อที่จะทำมันแล้ว โทรลล์ผู้เฝ้าปราสาทเคลื่อนพลังในกายและเตรียมออกแรง

    ตอนนั้นเอง

    "เกิดอะไรขึ้น"

    เสียงคุ้นเคยนั้นดังขึ้นมาด้านหลังพร้อมกับการปรากฎตัวของเจ้าของปราสาท

    "จอมมาร" อัลฟ่องเซ่เคลื่อนพลังกลับมาอยู่ในร่างชายชราดังเดิม เขาหันกลับไปทำความเคารพจอมมารของเขา คุกเข่าลงกับพื้นทันที

    การปรากฎตัวที่ไม่คาดคิดนี้ดึงความสนใจของทุกคนไป สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่..

    "..." นั่นอะไรน่ะ

    จอมมารไม่ได้มาคนเดียวยังมีผู้ติดตามอีกคนมาด้วย บุคคลนั้นยืนเคียงข้างจอมมารแถมยังโอบเอวแนบชิดสนิทสนม จอมมารเองก็ไม่ได้ปัดป้องกลับยืนพิงไหล่คนโอบด้วยซ้ำ นี่มันอะไรกัน!?

    เจ้าเมืองเหนือพลันได้สติ พอคิดว่าเจ้าเด็กจอมมารที่ทำให้ตนเองต้องเดือดร้อนนั้นมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าแถมทำท่าทางเกินงามอย่างไม่เกรงสายตาเขาแล้วก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงขึ้นมา

    "มีเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเจ้าขึ้นเป็นจอมมารมันน่าขายหน้านัก!" 

    จอมมารเหลือบตาไปมองตามเสียงโหวกเหวกด้านหน้าโวยวายเล็กน้อย เขาไม่ค้างสายตาหยุดดูเจ้าเมืองเหนือเลยสักนิด แค่กวาดผ่านไปและกลับมามองดูพ่อบ้านของตนเองที่ยังคุกเข่าอยู่ ริมฝีปากสวยถามออกมา

    "ลุกขึ้น บอกข้ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน"

    อัลฟ่องเซ่ทำทำตามนั้น เขายืนขึ้นและเดินมาอยู่ข้างจอมมาร เขม็งใครบางคนเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมา

    "นั่นเจ้าเมืองเหนือครับ"

    จอมมารคิดไว้อยู่แล้ว

    "คดีของเขาตัดสินชี้ขาดไปแล้วทำไมยังมานี่อีก"

    "ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมรับนะครับ"

    เจ้าเมืองเหนือได้ยินเสียงการสนทนาที่ว่าเริ่มโวยวายอีกครั้ง

    "ใช่สิ! กะอีกแค่ฆ่ามนุษย์ไปไม่กี่คนข้ามีความผิดที่ไหนกัน พวกมนุษย์มันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของปีศาจอยู่แล้ว ใครใช้ให้มันอ่อนแอเองล่ะ!"

    กึก 

    มือที่จับอยู่บนเอวของจอมมารขยับเล็กน้อย 

    จอมมารหรี่ตาลงมอง ฝ่ามือนั้นเรืองแสงสีทองจางๆออกมา

    โฮ่

    เจ้าเมืองเหนือยังไม่รู้ชะตาตัวเอง เขายังพล่ามต่อไปอีก

    "มนุษย์พวกนั้นอ่อนแอให้ข้าสังหารเอง พวกมันนับเป็นอะไรกัน เทียบไม่ได้กับปีศาจชั้นสูงเช่นข้าเลยสักนิด เผ่าพันธ์ที่สืบสายเลือดยิ่งใหญ่เช่นข้ามีสิทธิ์สังหารปกครองพวกมันอยู่แล้ว ทีนี้แล้วยังไม่รีบคืนตำแหน่งให้ข้าอีก!"

    จอมมารมองเหยียดพฤติกรรมนั้น เขาไม่ลืมคดีที่ว่านั่น ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่เจ้าเมืองเหนือทำมันเกินกว่าที่เจ้าตัวพูดมาก ถ้านับตั้งแต่ก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นจอมมาร จำนวนมนุษย์ที่ตายภายใต้นครฝั่งเหนือนั้น...

    "เจ้าเมืองเหนือ มนุษย์ที่เจ้าสังหารไปไม่ใช่แค่คนสองคน เป็นหลักหมื่น"

    เจ้าเมืองเหนือหัวเราะ

    "แล้วยังไงเล่า! มันต่างกันตรงไหน! ปีศาจเข่นฆ่ามนุษย์เป็นปกติอยู่แล้ว"

    ปกติงั้นรึ จอมมารเริ่มมีน้ำโหบ้างแล้ว

    "เมื่อข้าเป็นจอมมารโลกปีศาจเป็นของข้า กฎที่ข้าสร้างขึ้นมาเจ้าเองก็ต้องทำตาม"

    "จอมมารที่เห็นค่ามนุษย์เช่นเจ้ายังนับหน้าว่าเป็นจอมมารอยู่งั้นเหรอ! ข้าว่าตำแหน่งนั้นคงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง ได้!" เจ้าเมืองเหนือส่งสัญญาณไปทางด้านหลัก ทัพปีศาจมากมายก็เคลื่อนเข้ามา

    "เห็นทีวันนี้ข้าจะแย่งมันมาจากเจ้า!"

    เฮ้!!!!!!

    จอมมารมองกองทัพปีศาจที่ว่า นั่นคงเป็นลูกน้องที่ร่วมกระทำผิดร่วมกันกับเจ้าเมืองเหนือ มีความผิดฐานเข่นฆ่ามนุษย์มากมาย

     "หึ ตอนนี้ข้าตระหนักแล้วว่าสิ่งที่เจ้ากระทำมันไม่สามารถชดใช้ได้ด้วยการไล่เจ้าออกไป" สาสมที่จะกำจัดทิ้งให้หมด

    เจ้าเมืองเหนือได้ยินคำตัดสินของจอมารไม่เกรงกลัวเลยสักนิด

    "เด็กอย่างเจ้าจะทำอะไรได้! ปีศาจของได้ลิ้มรสเลือดมนุษย์มามากมาย พละกำลังเกินกว่าปีศาจที่วันๆเอาแต่มุดหัวอยู่ในรูเช่นเจ้า!"

    จอมมารเอียงคอคิด

    "นั่นคือการสารภาพสินะ เจ้าเมืองเหนือ ข้าเคยให้โอกาสเจ้ากลับตัวแต่เจ้าก็ไม่รับมัน สาสมให้บทลงโทษต่อคดีของเจ้าได้ถูกข้านำไปใช้เป็นเยี่ยงอย่างให้ปีศาจผู้กระทำผิดต่อไปนัก"

    ประโยคนั้นทำให้เจ้าเมืองเหนือโมโหอย่างมาก

    "เจ้ายังคิดว่าทั้งหมดนี้เจ้ามีสิทธิ์ตัดสินข้าอยู่งั้นเหรอ ตายซะเถอะ!" ร่างอ้วนท้วมนั้นปรี่เข้ามาพร้อมกับเงื้อมฝ่ามือเข้ามาโจมตีจอมมาร

    "หึ" จอมมารมองประกายดาบที่โผล่พ้นสายตาของเขาไป แสงสีทองนั้นเปล่งประกายอยู่ข้างตัวเขา จอมมารไม่ต้องออกแรงเองด้วยซ้ำ ริมฝีปากสวยยกยิ้มเย็น

    "เจ้าลองคุยกับมนุษย์ที่ดูถูกว่าอ่อนแอเองดีหรือไม่"

    "ว่าไงนะ?"

    เคร้ง!

    "เอื้อก!"

    ประกายดาบนั้นเคลื่อนผ่านอากาศอย่างรวดเร็วและพาดลงบนลำคอของเจ้าเมืองเหนือราวกับจับวาง

    ไม่มีใครรู้สึกถึงเจ้าของดาบเล่มนี้เลยสักนิด แถมมันยังกรีดผ่านผิวราวเหล็กหนาของปีศาจได้

    "น...นี่มัน ศาสตราวุธเวท! อัก!" นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่ดาบนั้นจะบั่นคอเจ้าเมืองเหนือให้ขาดออกจากกัน

    เคร้ง!

    ผู้กล้าสะบัดดาบลง สาดคราบเลือดลงกับพื้นอย่างเลือดเย็นและถีบร่างของเจ้าเมืองเหนือลงไป

    ตุบ

    เสียงนั้นไม่เบาและไม่ดังจนเกินไป แต่กลับเหมือนดังกึกก้องในใจทุกคน

     ศาสตราวุธเวทมีพลังทำลายล้างมหาศาล แข็งแกร่งขนาดที่ต่อกรกับปีศาจเลือดบริสุทธิ์ได้

    ดาบของผู้กล้าคือหนึ่งในสามศาตราวุทธเวทโบราณที่ทรงอานุภาพที่สุด มันจะเกิดมาพร้อมกับผู้กล้าและสำแดงเดชออกมาในยามที่เจ้าของเรียกหา อเล็กซ์สามารถใช้มันได้ทุกเมื่อถ้าเขาต้องการ

    จอมมารมองตามดาบเล่มนั้น

    ตอนมันปรากฎขึ้นเขาเองก็รับรู้ถึงมันได้เร็วกว่าใคร มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นภัยต่อเขา ศาสตราวุธเวทของผู้กล้าเกิดมาเพื่อใช้มันสู้กับจอมมาร

    แต่อเล็กซ์ไม่เคยใช้มันต่อกรกับเขาเลย

    จอมมารยิ้มมุมปาก ทำไมเขาไม่เคยเอะใจเลยนะ ที่แล้วมาผู้กล้าเพียงแค่รับมือกับการโจมตีของเขาไปเรื่อยๆจนแพ้ไปในทุกวัน ไม่ได้มีใจจะกำจัดเขาทิ้งจริงๆเลยสักครั้ง

    แม้เขาจะเก่งกว่า แต่ถ้าผู้กล้าใช้ดาบนั้นล่ะก็

    ไม่สินะ ผู้ชายของเขาไม่ทำแบบนั้น

    ดาบนี่ จอมมารเคยเห็นผู้กล้าถือมันมาที่ปราสาทครั้งแรกเท่านั้น เมื่อหลังจากเห็นสบตากัน ผู้กล้าก็ทำให้มันก็หายไปในแสงสีทอง ไม่ปรากฎอีกจนถึง...ตอนนี้

    ตอนที่แผ่นหลังของผู้กล้ายืนปกป้องจอมมาร และเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจที่เหลือ

    ผู้กล้ากดเท้าลงบนศพของเจ้าเมืองเหนือก่อนหันมาถามจอมมาร

    "มันสินะที่ทำให้ท่านหนักใจ"

    "ใช่" เจ้าเมืองเหนือทำให้เขาหนักใจจริงๆ แต่ตอนนี้...

    "ที่รัก ข้าทำให้ไม่สามารถทำให้ท่านหนักใจอีกแล้ว" 

    "..." จอมมารหวนนึกถึงวันนั้นในปราสาท ผู้กล้ายังคงจำได้ จำได้ว่าตอนนั้นเขาพูดอะไร

    ตอนที่เจอกันในห้อง ผู้กล้าถามว่ามีใครทำให้เขาหนักใจ

    และผู้กล้าจำมันได้ทั้งหมด

    อา

    เมทิสรับรู้ถึงพลังแปลกประหลาดสายหนึ่งวนเวียนอยู่ในหัวใจ มันที่ทำให้เขาอบอุ่นและผ่อนคลาย ให้ความรู้สึกคลุมเครือบางอย่างออกมาจนเหม่อลอย 

    "อเล็กซ์" เขาเอ่ยเรียกชื่อของผู้กล้าออกมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียกเพราะอะไร เขาแค่ อยากเรียกมัน

    เมื่อได้ยินคำเรียกขาน เขาคนนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบรับเขาเช่นกัน มันมองดูคล้ายกับการรอมาเนิ่นนาน

    "เมทิส ข้าจัดการเจ้าพวกนั้นได้ใช่มั้ย พวกมันทำให้ท่านหนักใจเช่นกันใช่หรือไม่" ผู้กล้าชี้ไปทางกองทัพปีศาจด้านหลัง

    พวกมันเริ่มหวาดระแวงจนชะงักไปแต่ก็ไม่ได้ลดท่าทีดุร้ายลงเลย เหมือนว่าเจ้าเมืองเหนือจะเป็นแค่ตัวล่อแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด พวกมันทุกตัวล้วนมีความคิดอยากยึดปราสาทจอมมารกันทั้งนั้น

    จอมมารมองแล้วตอบออกไป

    "ใช่"

    ปีศาจพวกนี้ก็มีความผิดเช่นเดียวกัน สมควรโดนโทษประหารเฉกเช่นเดียวกับเจ้าเมืองเหนือ

     ผู้กล้าแย้มยิ้ม

    "ข้าจะจัดการทั้งหมดนี้เอง"

    "..." ไม่รู้ว่าทำไมจอมมารถึงไม่กังขาในคำพูดนั้นเลย มันมีความคิดหนึ่งในหัวเขา

    เขาเชื่อว่าผู้ชายของเขาจะชนะ

     

    ...

    และภาพด้านหน้าก็กลายเป็นการต่อสู้ที่ระทึกตา

    ความแข็งแกร่งของผู้กล้านั้นไม่มีที่ติ พวกปีศาจกบฏพวกนั้นสร้างบาดแผลบนผิวของผู้กล้าไม่ได้ กระทั่งเส้นผมสักเส้นก็ยังไม่เฉียดโดน

    ฉัวะ!!

    ผู้กล้าฟาดพันร่างของปีศาจที่บุกปราสาทจอมมารออกเป็นชิ้นๆและเปลี่ยนเป้าหมายไปทีละตัว

    จอมมารมองตามเงาร่างและการเคลื่อนไหวของผู้กล้าอย่างจดจ่อ เขามองเห็นเส้นไหมสีทองอ่อนดุจข้าวสาลีปลิวไหวไปมาให้ยามผู้กล้ากวัดแกว่งดาบ

     เมทิสคิดว่าผมสีนี้เหมาะกับผู้กล้าจริงๆ มันราวกับขับเน้นให้ทั่วทั้งร่างส่องรัศมีออกมา

    เขาเห็นทุกการเคลื่อนไหวและท่วงท่าสง่าและแข็งแกร่งของผู้กล้า ปีศาจตัวยักษ์ล้มตายไปทีละตัวอย่างยากที่จะต้านทาน สุดท้ายแล้วการต่อสู้พวกนั้นก็กลายเป็น 'การสังหารเดี่ยว'

    และผู้ชายของเขาก็ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน

     

     

     

     

     

     

     

    Talk : ฉันล่ะอย่างชอบคำว่าผู้ชายของฉันจริงๆ วะ ฮะ ฮะ ฮ่าาาา จอมมารคืออวดจริงอวดจัง อวดจนอัลฟ่องเซ่กลุ้มใจ 555 

    ที่จริงตอนนี้น่าจะเป็นตอนสุดท้ายที่ลงในรายตอน แต่พอเขียนดูแล้วเรื่องมันยังไม่จบเลยต่ออีกหน่อยค่ะ 

    จะมีอีกนิดนึงเคลียร์ว่าผู้กล้ามันจำจอมมารในฝันไม่ได้จริงๆเหรอ ว่าจะไปต่อในebookอีกสักนิดตอนรวมตอนพิเศษ (อย่างฝั่งกลุ่มผู้กล้าที่โดนเด้งออกไปเป็นไงกันบ้าง555) หรือตอนที่คุณปู่อัลมีหลานมาดามใจ  //ปู่บอกเอาหลานไม่เอาพ่อมันได้มั้ย555

    อะ ยังมีคุณระบบผู้กล้าที่หายไปด้วยนะ 555

     

    ยังมีตอนพิเศษ AU ต่างๆด้วยนะคะ!

    1.ผู้กล้ากับจอมมารเวอร์ชั่นรักมหาลัย //ผู้กล้ากับการไล่ตามจีบจอมมาร ส่วนจอมมารคือคุณชายหยิ่งๆ เมินเฉย เย็นชาใส่ผู้กล้า แต่ภายในใจแอบปลื้มเขา (อารมณ์มันจะคล้ายเรื่องหลักแต่เป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน5555)

    2. มาเฟียจอมมารและลูกหนี้ผู้กล้าที่โดนเอาชื่อไปค้ำแทนเพื่อน พอเป็นหนี้แล้วตอนแรกขัดขืนจะทำงานใช้หนี้แต่พอเห็นคนสวยขาคือ เอาตัวแลกหนี้ทันที---

    ผู้กล้า : ใช้ตัวแลกหนี้รอบหนึ่งได้เท่าไหร่? ผมลดให้ดีมั้ย? หนี้คุณก็เพิ่มดอกอีกสักหน่อยเถอะจะได้อยู่ด้วนกันนานๆ

    จอมมารที่ถูกใจแต่แรกแต่ยังไม่ทันบอกอะไรเลยเจ้านี่ก็ประเคนตัวเองซะแล้ว : ???

    (สมกับเป็นผู้กล้าภัยสังคมจริงๆ)

    3. ผู้กล้ากับจอมมารในเรื่องหลักกับการมีเจ้าก้อนตัวน้อยมาให้เลี้ยง //คุณตาอัลฟองเซ่มีหลานแน้ววว
     

    (*) ตอนพิเศษจะมีเฉพาะebookนะคะ (เนื้อหานี่แทบจะครึ่งเรื่องจากที่ลงเลยค่ะ555)

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×