ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ไออุ่นของคิว : Chapter 9
น้องคิวกำลังคร่อมฉัน...
สายตาที่ประสานกับทำเอาฉันร้อนวูบวาบไปหมด
จะหลุบมองต่ำก็กลัวว่าจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า สิ่งที่ควรจะทำคือการผลักคนตรงหน้าให้ห่างออกไปแต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คือการนอนแน่นิ่งให้คนบนร่างจ้องมองอยู่แบบนี้
ทำไมร่างกายมันถึงไม่ขยับกันเนี้ย
ตึกตัก ตึกตัก
ภายในอกมันเต้นแรงและดังจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินและเป็นหนักขึ้นมาอีกเมื่อน้องคิวโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
ตอนนี้ตัวฉันแข็งทื่อไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยแม้กระทั่งหยดน้ำจากปลายผมที่ไหลลงมา
แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์หลังจากนี้กลับรับรู้มันได้ชัดเจน
จุ๊บ!
ดวงตาฉันเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากนุ่มนั้นประทับลงบนหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยนก่อนจะผละออกไปพร้อมกับคลี่ยิ้มน่ารักออกมา
“ถึงแม้ตัวพี่จะหอมอยู่แล้วแต่ก็อย่าลืมอาบน้ำนะครับ”
“...” น้องคิวลุกออกจากตัวฉันทิ้งให้ฉันนอนแน่นิ่งอยู่กับที่เพราะยังคงช็อคกับสิ่งที่เขาทำเมื่อครู่อยู่ แต่ยังโชคดีที่สามารถพลิกตัวนอนตะแคงข้างไปอีกฝั่งได้เพราะน้องคิวเอื้อมมือไปคว้าเสื้อผ้าของตัวเองไว้แล้วถอดผ้าขนหนูแต่งตัวตรงนี้เลยราวกับว่าฉันไม่ได้อยู่ในห้องกับเขาด้วย
ฉันรู้สึกว่าน้องเขาเหมือนกำลังแกล้งฉันอยู่เลย...
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” ฉันค่อยๆเหลือบไปมองข้างหลังและเมื่อเห็นว่าน้องคิวใส่ชุดเรียบร้อยแล้วฉันจึงลุกขึ้นนั่ง...ทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงฉาน
“อ...อืม” พยักหน้าด้วยความเลื่อนลอย
น้องคิวดูเหมือนจะชอบใจกับปฏิกิริยาของฉัน
เขาหัวเราะออกมาก่อนจะโบกมือลา
“ราตรีสวัสดิ์นะครับพี่ไออุ่นของผม” จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป
ฉันเอื้อมมือมาแตะบริเวณหน้าผากที่ถูกเขาจูบไปเมื่อกี้ก่อนที่มุมปากทั้งสองจะค่อยๆยกขึ้นอย่างเก็บไม่หยุด
“กรี๊ด น่ารักกระชากใจเกินไปแล้ว!”
วันต่อมา 22.47 น.
นอนไม่หลับ...
นั่นคือสิ่งที่ผุดขึ้นมาหลังจากวันนี้นั่งเคลียร์กับงานทั้งวันเพิ่งจะมาเสร็จเมื่อชั่วโมงก่อน
ระหว่างทำคือเหนื่อยและง่วงสุดๆแต่พอไปอาบน้ำแล้วปิดไฟล้มตัวลงนอนกับตาสว่างจ้าราวกับวันนี้ฉันนอนมาทั้งวันแล้วอย่างไรอย่างนั้นอะ
พรึบ!
เพราะฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจลุกขึ้นเปิดโคมไฟหัวนอนพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาไถหน้าจอเล่นเผื่อจะทำให้ง่วงได้บ้างแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ง่วงสักทีทั้งๆที่ผ่านไปเป็นครึ่งชั่วโมงแล้วเนี้ย
พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วยสิให้ตาย
ฉันแชร์เพลง ‘Sweet
Dream’ ลงในสตอรี่ไอจีก่อนจะเลื่อนดูอะไรเรื่อยเปื่อยอย่างเคยแต่ไม่ถึงสองนาทีก็มีคนตอบสตอรี่มา
‘kiw2000s ได้ตอบกลับเรื่องราวของคุณ’
ฉันรีบคลิกเข้าไปดูทันที
‘kiw2000s : ยังไม่นอนอีกเหรอครับ?’
เอาล่ะจากที่ตาสว่างอยู่แล้วตอนนี้คือตาแป๋วเลยจ้า
‘ai_ounisme : นอนไม่หลับ’
‘kiw2000s : นอนดึก’
โห้ ตอบไวเวอร์... ฉันอมยิ้ม
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การได้คุยกับเขามันทำให้ฉันมีความสุขได้ขนาดนี้
‘ai_ounisme : ว่าแต่คนอื่น’
‘ai_ounisme : ทีตัวเองล่ะ’
‘kiw2000s : ผมเครียดๆน่ะครับ’
‘kiw2000s : เหนื่อยจังอยากได้กำลังใจ’
kiw2000s : แซงเกรียก็ไม่สนใจ
เศร้า’
ฉันขมวดคิ้วให้กับสิ่งที่น้องคิวตอบกลับมา
ไม่รอช้าจึงถามถึงสาเหตุไปทำให้รู้ว่าน้องเขากำลังเครียดเรื่องไฟนอล คือน้องเขาต้องทำชุดส่งอาจารย์ชุดหนึ่งน่ะ
ฉันจ้องมองช่องแชทนั้นก่อนจะละเลงนิ้วมือลงไปบนแป้นพิมพ์
‘ai_ounisme : มีอะไรให้พี่ช่วยไหม?’
Rrrr Rrrr
“ว๊ายแม่!” ฉันสะดุ้งขึ้นเมื่ออยู่ดีๆก็มีเบอร์แปลกสิบตัวโทรเข้ามา
ในตอนแรกฉันชั่งใจว่าจะรับดีไม่รับดีแต่ในที่สุดก็เลื่อนรับจนได้ “ฮัลโหล...”
[พี่ไออุ่น]
หือ...เสียงน้องคิว?
“คิว?” ฉันกรอกเสียงลงไปซึ่งได้รับการยืนยันในเวลาต่อมา
[ครับผมเอง] แสดงว่านี่คงเป็นเบอร์เขาสินะ [พี่ไออุ่นจะช่วยผมจริงๆเหรอ]
“ถ้ามีอะไรที่พี่ช่วยได้อะนะ” จะว่าไงดีล่ะ วาดรูปฉันก็ไม่เก่ง ออกแบบก็ไม่ได้
ทำเสื้อผ้านี่แล้วใหญ่แต่ดันไปออกปากว่าจะช่วยแล้วซะงั้น
[ช่วยได้สิครับ พี่ไออุ่นช่วยได้เยอะเลย] น้ำเสียงนั้นยังคงสดใสไม่ว่าจะเป็นต่อหน้าหรือในสาย [รอบไฟนอลมันจะมีการเดินโฟชั่นโชว์ด้วยครับซึ่งกลุ่มผมยังไม่ได้นางแบบเลย]
อย่าบอกนะว่า...
[พี่ช่วยมาเป็นนางแบบให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?]
Kiw’s Talk
อารมณ์ดี...
นั่นคือคำที่สามารถเรียกอาการที่เป็นอยู่ของผมตั้งแต่เมื่อคืนจวบจนตอนนี้ได้ จะไม่อารมณ์ดีได้ยังไงล่ะก็พี่ไออุ่นรับปากแล้วว่าจะเป็นนางแบบให้กลุ่มผมในงานไฟนอลซึ่งจะทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นบวกกับเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผมแกล้งเธอและจูบหน้าผากมนนั่นไปด้วย พอคิดแล้วใบหน้าแดงก่ำพร้อมเบิกตากว้างของพี่ไออุ่นก็แล่นเข้ามา
คนอะไรน่ารัก
“มึงยิ้มเหมือนคนบ้า” แก้วโพล่งขึ้นมาพร้อมทำท่าทำทางว่าขนลุกเสียเต็มประดา
วันนี้ผมมีเรียนแปดโมงครึ่งแต่กลุ่มผมนัดมาพูดคุยเรื่องงานไฟนอลก่อนหน้านั้นเพราะช่วงเย็นผมไม่ว่างเพราะไปทำงานที่ร้าน
“ก็กูมีความสุข” จะว่าไปแล้ววันนี้พี่ไออุ่นก็เรียนเช้านี่นา น่าจะสักประมาณเก้าโมงมั้ง
พอดีผมไปหาตารางเรียนเธอมาน่ะ
มันไม่ได้ยากอะไรโดยเฉพาะการยืมมือเฮียเพทายด้วยแล้วเนี้ย
“ยักษ์แม่งไปนานจังวะ” แก้วเลิกสนใจผมแล้วหันไปชะเง้อมองเพื่อนอีกคนที่ออกไปซื้อขนมเมื่อสี่สิบนาทีที่แล้ว
“ไปช่วยแม่ค้าแพ็คถุงขนมอยู่มั้ง” คราวนี้ทัชเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้างแต่ในสมองผมไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกมันพูดเท่าไหร่
ตอนนี้ในหัวผมมันกลับนึกถึงแต่เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง
เมื่อคืนพี่ไออุ่นนอนดึกมาก
ให้ผมเดาเธอคงตื่นไม่ทันแน่แต่ถึงทันก็คงทันแบบไม่มีเวลากินข้าวเช้าหรือหาอะไรรองท้อง
เป็นห่วงจัง...
“อ้าว ไอ้คิวมึงคิดจะไปไหน?” ทัชถามขึ้นมาในทันทีที่จู่ๆผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์
โทรศัพท์และกุญแจรถไปถือไว้ในมือคล้ายจะไปที่ไหนสักแห่ง
“เดี๋ยวมา”
พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังทางไปโรงอาหารของทางคณะ เพราะเวลาที่เช้าเกินไปทำให้ผู้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นักและร้านค้าบางร้านก็ยังไม่เปิดด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่ร้านที่ผมเล็งไว้เปิดเรียบร้อยแล้ว
ไม่รอช้าก็สาวเท้าเข้าไปทันที
มันเป็นร้านขายขนมปังและเบเกอรี่
ผมปรายตามองขนมต่างๆที่ถูกจัดเรียงภายในร้านก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบคุกกี้ช็อคโกแลตมาไว้ในมือแล้วนำไปจ่ายเงิน
ผมแค่อยากจะ Made her day พี่เขาเท่านั้นเอง
Kiw End Talk
9.04 น.
สายแล้วไออุ่น แกสายแล้วเว้ย!
ฉันกุลีกุจอรวบเครื่องเขียนทุกอย่างลงในกระเป๋าในระหว่างที่มืออีกข้างก็ตบแป้งไปด้วย ถ้าถามว่าทำไมน่ะเหรอ...ก็อย่างที่บอกไปไงล่ะว่าฉันสายแล้ว! มีเรียนตอนเก้าโมงแต่ดูสิว่านี่กี่โมง
วิชานี้หากสายเกินสามสิบนาทีก็โดนเช็คชื่อขาดอีก
ฉันใส่กระดุมห่วงอย่างทุลักทุเล ทำไมพอรีบแล้วมันยิ่งช้าลงวะ
ลำพังปกติกระดุมบ้านี่ก็ติดยากอยู่แล้ว ไม่รู้จะออกแบบแบบนี้มาทำไม เป็นสิ่งที่เกลียดที่สุดในชุดนักศึกษาเลยให้ตาย
“โอ๊ยไม่ติดแม่งแล้ว!” ฉันล้มเลิกความพยายามทั้งๆที่เพิ่งติดกระดุมไปได้เพียงสองเม็ดก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาใส่ในกระเป๋าเสร็จจึงรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปจากบ้าน
เอ๊ะ... ฉันขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นถุงกระดาษใบหนึ่งแขวนไว้ตรงรั้วพร้อมกับกระดาษแผ่นที่แปะบนถุงนั้นไว้ ฉันหยิบถุงนั้นมาก่อนจะดึงกระดาษมาอ่านระหว่างที่เดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อขึ้นพี่วินไปด้วย
‘พี่ไออุ่นมีเรียนเช้าใช่ไหมครับ พี่คงตื่นสายและไม่ยอมหาข้าวกินแน่นอนงั้นพี่ทานนี่รองท้องไปก่อนนะ
ขอบคุณที่ช่วยเป็นนางแบบให้ครับ ผมดีใจมากจริงๆ ไว้เจอกันนะครับพี่ไออุ่นของคิว’
ฉับพลันมุมปากฉันก็ยกขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่
ข้อความในกระดาษนั้นทำเอาฉันนึกใบหน้าเจ้าของมันออก แสดงว่าในถุงนี้คงจะเป็นพวกขนมสินะ... ฉันพับกระดาษแล้วใส่ลงไปในกระเป๋าก่อนจะสับเท้าเร็วยิ่งขึ้นเมื่อมองเห็นพี่วินมอเตอร์ไซค์ลางๆ
พอพูดถึงน้องคิวก็นึกเหตุการณ์เมื่อคืนที่เจ้าตัวจูบหน้าผากฉัน ไหนจะเมื่อประมาณเที่ยงคืนกว่าๆที่อีกฝ่ายโพสต์รูปตั๋วคอนเสิร์ตสองใบพร้อมกับแท็กฉันในอินสตาแกรม
ฉันก็หัวใจเต้นโครมครามอยู่นั่นแหละถ้าไม่ติดที่ว่าเลื่อนไปเจอคอมเมนต์หนึ่งเข้า
‘Fahsaii : หึ’
นั่นคือไอจีฟ้า
“หึ...ไหนบอกว่าไม่สนิทกันแล้วจะรับฟอลทำไมล่ะ” ฉันโพล่งออกมาประจวบเหมาะกับเดินมาถึงวินมอเตอร์ไซค์พอดี “ไปมหา’ลัย...ค่ะ” หลังจากบอกสถานที่ไปเรียบร้อยฉันก็กระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์
นั่งคร่อมไม่ได้เพราะวันนี้ใส่ทรงเอไม่ใช่พลีท
ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาก่อนจะชะโงกหน้าไปมองทาง
รู้สึกกระวนกระวายกลัวจะไปไม่ทันแต่ดูจากสกิลการขับรถแล้วเนี้ยคงจะทันอยู่
“เชี่ย” จู่ๆพี่วินก็ขับแทรกไปยังช่องว่างที่แสนเล็กระหว่างรถยนต์สองคันส่งผลให้กระจกมองข้างของรถฝั่งซ้ายเกี่ยวถุงกระดาษที่น้องคิวให้มาตกกลิ้มลงไปกับพื้นถนน
ไม่นะขนมของฉัน...
ฉันมองถุงขนมนั้นที่เริ่มลับสายตาด้วยตาละห้อย ใจบอกให้พี่วินจอดรถแล้วลงไปเก็บแต่ระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงสิบนาทีทำให้ได้แต่ข่มใจไม่ให้ทำแบบนั้นจนในที่สุดฉันก็มาถึงห้องเรียนได้อย่างหวุดหวิด
“ไม่มาพรุ่งนี้ซะเลยล่ะ” ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆอย่างเรย์ก็หันมาแขวะ
“แต่พรุ่งนี้อรวรรณไม่สอนนะ” ฉันพูดชื่ออาจารย์ที่กำลังเปิดสไลด์อยู่หน้าห้อง
หลังจากได้ยินเรย์ก็แยกเขี้ยวใส่
“กูประชด!”
“พวกผู้ชายนี่ไม่คิดจะมาเรียนเลยรึไง” กราฟบ่นออกมาหลังจากเราเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จและตลอดทั้งวันก็ไม่เห็นหน้าผู้ชายในกลุ่มเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อคืนคงจะไปเมาโดยไม่ชวนพวกกูอีกนั่นแหละ” เรย์ย่นจมูก
เราสามคนเดินคุยกันไปเรื่อยก่อนที่หางตาฉันจะเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังส่งยิ้มน่ารักมาให้
“เอ่อพวกมึง กูไปก่อนนะ” ฉันหันไปบอกเพื่อนทั้งสองแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนเสียงเรย์ก็ขัดขึ้นมาซะก่อน
“ช่วงนี้กับเพื่อนกับฝูงไม่ค่อยจะอยู่”
“มึงก็เหมือนกันนั่นแหละ” ฉันหันไปเบ้ปากใส่เพื่อนทั้งสองเสร็จจึงแยกตัวออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นที่กำลังเดินมาหาฉันเช่นกัน
“พี่ไออุ่น” น้องคิวยิ้มเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันเรียบร้อย “คุกกี้อร่อยไหมครับ?”
“คุกกี้...” ไอ้ถุงกระดาษนั่นน่ะเหรอ? ซวยแล้วไง
ได้มาไม่ถึงสิบห้านาทีดันตกถนนไปแล้ว “อ...อร่อยสิ
ชอบมากๆเลย” แต่เรื่องอะไรจะบอกล่ะ
“ดีใจจังที่พี่ไออุ่นชอบ” ผู้ชายตรงหน้ายิ้มจนตาหยี
โอโห้ รู้สึกผิดที่ทำตกเลยแฮะ...
“ว่าแต่พรุ่งนี้พี่ไออุ่นเลิกเรียนกี่โมงครับ?”
“ยังต้องถามเหรอ ไม่ใช่ว่าไปดูตารางเรียนของพี่มาแล้วรึไง?” ฉันพูดทีเล่นทีจริง
มันก็ฉุกคิดได้ตั้งแต่ที่เขามักจะมาโผล่หลังฉันเลิกเรียนนั่นแหละจนกระทั่งเมื่อเช้าที่มั่นใจ
ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก กลับกันมันดันรู้สึกอยากจะระบายยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น
“หวา...รู้แล้วเหรอ แย่จัง” เขาคว่ำปากแสร้งทำเป็นเศร้า
“บ่ายสามครึ่งค่ะคุณน้อง” ฉันทำเป็นไม่สนใจใบหน้าแกล้งทำนั้นของเขาจนอีกฝ่ายอมลมไว้ในปาก
บ้าจริงน่ารักชะมัด
“พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อผ้ามาตัดชุดครับ” เขาทำตาวิ้งๆ “พี่ไออุ่นไปกับผมหน่อย ผมจะได้เปรียบเทียบสีกับผิวพี่ด้วย...นะนะ ผมลาเฮียทายเรียบร้อยแล้วด้วย
ไปด้วยกันนะ นะครับ”
อยากจะบอกว่าไปตั้งแต่ชวนคำแรกแล้ว!
“ก็บอกไปแล้วหนิว่าจะช่วยเต็มที่” ฉันกระแอมเล็กน้อย “เจอกันพรุ่งนี้ล่ะกัน”
“เย้ พี่ไออุ่นใจดีที่สุด” ฉันเบิกตากว้างในตอนที่น้องคิวยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มฉันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว รับรู้ได้ถึงการสูบฉีดของเลือดที่มากองไว้ตรงหน้า
เมื่อคืนจูบหน้าผากวันนี้ก็หอมแก้ม เขาคงไม่ได้หวังจะเคลมฉันอยู่หรอกใช่ไหม!?
วันต่อมา
ตอนนี้ฉันกับน้องคิวกำลังเดินอยู่ในตลาดผ้า
ที่นี่มีผ้าเต็มไปหมด...หมายถึงผ้าที่ยังไม่ได้ตัดน่ะ บางร้านก็มีเฉพาะผ้าสีพื้น
บางร้านก็มีผ้าลูกไม้บางร้านก็มีทุกอย่างปนกันไปหมดเลย ถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับฉันเอามากๆ
“พี่ไออุ่นเมื่อยไหมครับ?” คนข้างๆหันมาถามหลังจากที่เราเดินในนี้ได้เป็นชั่วโมงแล้ว
ในมือเขาถือพวกอุปกรณ์ตกแต่งจิปาถะกับพวกผ้าที่ซื้อมา
“ยังหรอก” หน้าที่ฉันคือยืนนิ่งๆให้อีกฝ่ายเอาผ้ามาทาบแค่นั้นจะไปเมื่อยอะไรล่ะ
“เดี๋ยวหาอีกสักสองสามชิ้นก็กลับแล้วครับ” น้องคิวส่งยิ้มให้จากนั้นเราทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในร้านเพื่อเลือกผ้ากันต่อ
จนเวลาล่วงเลยมาถึงทุ่มกว่าๆเราถึงจะได้ของครบและตอนนี้ก็กำลังจะกลับบ้านกันหลังจากที่น้องคิวเพิ่งพาไปกินข้าวเย็น เป็นอีกวันที่น่าจดจำเพราะฉันเพิ่งเคยไปตลาดผ้าครั้งแรกแถมยังได้รับความรู้ใหม่ๆจากน้องคิวอีกด้วย
ไม่รู้ว่าที่ฉันไม่เหนื่อยเพราะตื่นตาตื่นใจหรือเพราะมากับน้องคิวกันแน่
“พี่ไออุ่นรีบกลับบ้านไหมครับ?” คนหลังพวงมาลัยปริปากถาม
“ก็ไม่เท่าไหร่นะ ทำไมเหรอ?” พรุ่งนี้ฉันมีเรียนบ่ายน่ะ
“งั้นพี่ไออุ่นอยู่ให้ผมวัดไซส์หน่อยได้ไหมครับ” เขาถามอีกรอบ “พอดีพวกนี้มันกะจะนัดให้พี่มาวัดตัวพรุ่งนี้นะครับแต่ผมไม่อยากให้พวกมันมาแตะต้องตัวพี่”
“…”
“ผมอยากแตะต้องแค่คนเดียว”
หัวใจฉันเต้นรัวหลังจากได้ฟังสิ่งที่น้องคิวบอก ส่งผลให้ฉันเบนหน้าไปมองข้างทางก่อนจะเท้าคางลงกับกระจกเพื่อหลีกเลี่ยงการมองหน้าอีกฝ่าย “อืม”
ใช้เวลาไม่นานน้องคิวก็พาฉันมายังบ้านของเขา ฉันช่วยเขานำสิ่งที่ซื้อมาเข้าไปไว้ข้างใน
บ้านเขาไม่ค่อยต่างจากบ้านฉันสักเท่าไหร่เพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ติดที่ว่าบ้านของเขาใหญ่กว่าหลังของฉันนิดหน่อย
“แล้วไหนล่ะงู” ฉันชะโงกมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเจ้างูสีดำนั่น ในรูปมันมันวาวดูสวยเอามากๆฉันจึงคิดว่าของจริงน่าจะสวยแบบสวยตาแตก
น้องคิวหิ้วถุงเต็มมือเดินเข้ามา “หมายถึงอะไรครับ...งูจริงๆหรืองูอย่างอื่น?”
ฉันจะไม่อะเลยถ้าคำว่างูประโยคหลังอีกฝ่ายจะไม่ก้มลงไปมองบริเวณแถวหน้าขาของตัวเอง
“ทะลึ่ง” ฉันถลึงตาใส่จนผู้ชายตรงหน้ากลั้วหัวเราะ
“หยอกนะครับ” พูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปยังห้องๆหนึ่ง “อยู่ในห้องนอนน่ะครับ
พี่ไออุ่นจะไปดูก็ได้นะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกๆ มาเดี๋ยวพี่ช่วย” ฉันรีบปฏิเสธพลางอาสาช่วยอีกฝ่ายถือของ
จะให้จู่ๆเข้าไปห้องนอนของผู้ชายในขณะที่เราอยู่บ้านกันสองต่อสองได้ยังไงล่ะ
แค่คิดก็อันตรายมากแล้ว
หลังจากขนของเสร็จเรียบร้อยแล้วน้องคิวก็ให้ฉันมายืนเพื่อวัดไซส์อย่างที่เจ้าตัวบอก
ร่างสูงเดินเข้ามาประชิด
สองแขนคว้าหมับเข้าที่เอวของฉันพร้อมกับออกแรงรั้งให้เข้าไปใกล้โดยที่ฉันยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร
ฉันเสียหลังเซไปซบเข้ากับอกแกร่งของคนตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากในตอนที่มือหนาค่อยๆสวมกอดไปข้างหลังแล้วใช้สายวัดวัดรอบเอวของฉัน
“อืม เอวขนาด...” ตอนนี้ฉันหูดับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นในขนาดที่ผู้ชายตรงหน้ายังคงวัดไซส์ทั่วร่างกายฉันต่อไป
มือหน้าที่โอบรอบพร้อมกับค่อยๆลากไปตามไหล่ทำเอาฉันขนลุกซู่
“อ๊ะ” ฉันสะดุ้งเมื่อฝ่ามือของเขาลากผ่านบริเวณหน้าอกและมันสัมผัสกับหน้าอกฉันอย่างเฉียดฉิวพอดิบพอดี ส่งผลให้เกร็งขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ
“พี่ไออุ่นซ่อนรูปนะเนี้ย” น้องคิวอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับหัวเราะในลำคอ ฉันถลึงตาใส่เขาแล้วดันไหล่อีกฝ่าย
“ทะลึ่ง!”
“ฮ่าๆ”
หลังจากนั้นเขาก็จดอะไรยุกยิกๆก็ไม่รู้ฉันดูไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่หรอกเลยทำได้เพียงแต่เดินวนไปวนมา
บนโต๊ะเขามีกระดาษออกแบบชุดหลายใบจนฉันหยิบขึ้นมาดู แต่ละชุดก็มีสไตล์แตกต่างกันออกไปแต่ยอมรับว่าสวยสะดุดตาทุกชุด
ไม่ยักรู้ว่าเขาจะมีหัวศิลป์ขนาดนี้และที่น่าแปลกใจกว่าคือเขาไปหาเวลาที่ไหนมาทำเนื่องจากเวลาเช้าเข้าเรียนพอตกเย็นก็ต้องไปทำงานที่บาร์กลับมาดึกดื่นอีก
ได้พักบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้เดี๋ยวก็ไม่สบายขึ้นมาหรอก
ว่าแต่นี่ฉันเพิ่งเป็นห่วงเขางั้นเหรอ?
หวา...แย่จัง
“เอ่อ งั้นพี่กลับบ้านก่อนแล้วกัน” เหลือบไปเห็นเข็มสั้นบนนาฬิกาข้อมือที่ใกล้เลขเก้าเข้าให้แล้ว
ในระหว่างที่กำลังเดินผ่านร่างสูงที่นั่งอยู่ข้อมือฉันก็ถูกคว้าเอาไว้
ฉันหันไปมองเจ้าของมือด้วยนัยน์ตามีคำถามประมาณว่า ‘มีอะไรเหรอ?’
“ผมคิดว่าหากหาข้ออ้างไปประมาณว่าพี่ยังไม่ได้ดูแซงเกรียเลยแถมมันก็มืดแล้ว
รถเสียหรือไม่อยากให้พี่กลับคนเดี๋ยวแต่ผมไม่ว่างไปส่งพี่ไออุ่นคงจะไม่เชื่อ
แต่ว่า...”
“…”
“คืนนี้พี่ไออุ่นนอนที่นี่ได้ไหมครับ?”

ความคิดเห็น