ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
Lilo & Stitch Reboot Fanfic : ลิขิตรักข้ามจักรวาล

ลำดับตอนที่ #11 : Mission 10 : ความชั่วร้ายที่อยู่ภายใต้ความเงียบงัน

  • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 62


MISSION 10

ความชั่วร้ายที่อยู่ภายใต้ความเงียบงัน



                    ว่ากันว่า... มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้แพ้รู้ชนะในทุกเรื่องนั้นคือเรื่องจริง

                    ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์บางคนต่างเสาะหาชัยชนะเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี

                    แต่นึกไม่ถึง... ว่าเมอร์เทิลจะอิจฉาลีโล่เรื่องสติทช์จนถลำลึกเชื่อคนง่ายแบบนี้

                    เพราะอคติส่วนตัวของนางแรง... นางจึงตาบอดหูหนวกไปชั่วขณะ  ไม่เห็นว่าจีจี้รู้สึกอึดอัดเพียงใดที่ต้องทนเดินเล่นเป็นเพื่อนกับหมาสตีล  หมาตัวผู้ที่พยายามใกล้ชิดกับเธอจนแทบอยากจะเห่าและงับเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยทีเดียว

                    "ทำแบบนี้  มีแต่จะทำให้การพบกันครั้งแรกเต็มไปด้วยความไม่ประทับใจนะ"  จีจี้ดุเจ้าสตีลที่ยังวอแวไม่เลิก

                    "ฉันไม่ต้องการความประทับใจ  แต่ฉันประหลาดใจมากกว่า"  สตีลพูดจาหูทวนลม

                    "ฉันมีอะไรให้น่าประหลาดใจล่ะ  ฉันก็แค่หมาธรรมดา... ที่ถูกเจ้านายฉันลากไปมาทั่วเกาะก็แค่นั้น  ไม่มีอะไรพิเศษให้คุณสนใจหรอก"  จีจี้ทำท่าจะกลับไปที่คาเฟ่  หวังรบเร้าให้เจสสิก้าพาเมอร์เทิลกลับบ้านโดยเร็ว

                    "ฉันไม่ได้ประหลาดใจที่เธอเป็นหมามีบางอย่างที่มันพิเศษกว่าใคร  แต่ฉันประหลาดใจตรงที่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตทดลองแท้ ๆ  กลับเลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์หน้าโง่แบบนั้น"  สตีลเปิดประเด็นสร้างความอึ้งให้จีจี้เป็นอย่างมาก

                    "คุณพูดเรื่องอะไร!?  สิ่งมีชีวิตทดลองอะไรกัน!?  คุณพูดจาเลอะเทอะใหญ่แล้ว!"  จีจี้ร้อนตัว... นึกไม่ถึงว่าหมาร่างใหญ่จะรู้ความจริง

                    "ไม่ต้องปิดบังหรอก  เพราะฉันเองก็เป็นแบบเธอ  แต่ต่างกันตรงที่เธอเป็นแค่ตัวทดสอบไร้สกิล  ผิดกับฉัน... ที่ถูกสร้างมาเพื่ออารักขาคุณแอนดรูว์โดยเฉพาะ  ถ้าจะถามหาหมายเลขชีวิตทดลองจากฉัน... ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่มีหมายเลข  เพราะผู้สร้างชีวิตทดลองทุกคนในกาแล็คซี่ต่างก็มีวิธีดูแลรักษาเป็นของตัวเอง"  สตีลไม่พูดเปล่า  มันยังเปิดเผยตัวตนให้จีจี้เห็นแล้วต้องกลัวหัวหด  เพราะสตีลไม่ใช่หมาพันธุ์อลาสกันแต่แรก

                    แต่เป็น... สุนัขร่างใหญ่มีกล้ามบริเวณขาหน้ากับหัวไหล่  ขนสีขาวดำตั้งชันประหนึ่งว่ามันมีหนามแหลมกันไม่ให้ศัตรูเข้าถึงตัว  จมูกของมันมีนอแหลมคมเสมือนนอแรดพร้อมทิ่มแทงศัตรูทุกตัวที่ขวางหน้า!

                    "ใครเป็นคนสร้างแกขึ้นมา!?"  จีจี้เอ่ยปากถามน้ำเสียงหวาดหวั่น

                    "เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก  เพราะถึงอย่างไรเสีย... ทั้งเธอและสิ่งมีชีวิตทดลองที่ถูกเรียกว่าพี่น้องจะไม่มีวันได้รู้ว่าคนสร้างคือใคร  หากต้องหมดลมหายใจไปกะทันหัน"  สตีลเดินย่างสามขุมเข้าหาจีจี้ด้วยท่าทีคุกคาม  ทำเอาจีจี้ถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว... หวังว่าจะมีญาติของเธอที่อยู่ละแวกนี้มาช่วยชีวิตเธอบ้าง

                    หรือไม่... เมอร์เทิลอาจจะตาสว่างเปลี่ยนใจช่วยเธอให้หลุดพ้นจากจุดเสี่ยงแบบนี้โดยเร็ว

                    "แกคิดจะทำอะไร!?  จะฆ่าฉันงั้นเหรอ!?"  น้ำเสียงจีจี้สั่น  รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่สตีลแผ่ซ่านออกมา

                    "ฆ่าเธอ!?  ความตายมันเร็วเกินไปสำหรับเธอ!  เธอคิดเหรอ... ว่าฉันจะฆ่าเธอในทันทีที่แรกพบเพราะรู้ว่าฉันเป็นสัตว์ทดลอง!?  ยังมีงานสำคัญต้องทำอยู่อย่างหนึ่ง  ซึ่งนั่นอาจถึงชีวิตของนังเด็กที่คลุกคลีกับสัตว์แบบเธอก็เป็นไปได้"  สตีลพูดจนจีจี้ถึงกับอึ้งไปอีกหลายตลบ  เพราะคนที่สตีลพูดถึงคือลีโล่  เด็กผู้เป็นเพื่อนของสติทช์ที่ช่วยชีวิตเธอให้พ้นจากเงื้อมมือแกนตูเมื่อครั้งประกวดสุนัขระดับเยาวชนตอนปีก่อน

                    "แกจะทำอะไรลีโล่!?"  จีจี้หวั่นใจ... รู้ในทันทีว่าการที่แอนดรูว์กับสตีลอาศัยอยู่บนเกาะนี้  ไม่ได้มาในฐานะนักท่องเที่ยวหรือเป็นเพื่อนกับญาติสาวของเมอร์เทิล

                    มีความเป็นไปได้สูง

                    คุณแอนดรูว์อาจไม่ใช่มนุษย์!

                    "ฉันจะทำอะไรนะเหรอ  ฉันว่า... เธอไม่ต้องสนใจเรื่องของคนอื่นหรอกนะ  ห่วงเธอเองจะดีกว่า... ว่าจะเอาตัวเองให้รอดจากการถูกขุดคุ้ยยังไงไม่ให้สถานะจากเจ้านายกับสัตว์เลี้ยงมาเป็น... คนเดินผ่านไปมากับหมาจรจัดไร้บ้าน  ไม่ใช่สิ  เอเลี่ยนจรจัดไร้บ้านเพียงชั่วข้ามคืน  ถ้าเธอยังจองหองไม่เข้าท่า... ทำทีรังเกียจรังงอนฉันทั้งต่อหน้าและลับหลังแบบนี้"  สตีลไม่พูดเปล่า  จากอสุรกายคืนร่างสู่หมาอลาสกันดังเดิม  ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเข้าหาจีจี้แล้วเลียหน้าเธออย่างนึกย่ามใจในความได้เปรียบที่เกิดขึ้น

                   ด้วยเซ้นส์ของสัตว์ทดลองที่ไม่ต้องการเปิดเผยให้โลกรับรู้ถึงการมีตัวตนของเอเลี่ยน  เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดบาดแผลน้อยที่สุด  หรือถ้าเป็นไปได้... ก็อย่าให้มีแผลจนถึงขั้นเลือดตกยางออก  เพราะเลือดของสัตว์ทดลองมีสีและกลิ่นที่แตกต่างไปจากเลือดของมนุษย์และสัตว์ธรรมดา  และสัตวแพทย์ที่สามารถรักษาอาการป่วยได้ก็มีแค่จัมบ้า  หากมีเรื่องจนได้แผลขึ้นมา... เมอร์เทิลจะรู้ทันทีว่าจีจี้ไม่ใช่หมาชิสุที่มีความน่ารักเหนือกว่าสติทช์

                  หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ... แอนดรูว์กับสตีลพร้อมทำร้ายจีจี้ได้ทุกเมื่อ  หากนางขัดขืน  ความลับที่เก็บงำไว้จะถูกเปิดเผย  และพร้อมจะส่งผลร้ายต่อชีวิตของลีโล่กับสติทช์อย่างรวดเร็ว  จีจี้จึงทำได้แค่... ยอมให้เจ้าสตีลตีสนิทกับเธออย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

                  เธอได้แต่ภาวนา... ว่าเจสสิก้ากับเมอร์เทิลจะไม่หลงคารมคุณแอนดรูว์จนชักศึกเข้าบ้านในภายหลัง


------------------------------------------------------------------------


                  พลบค่ำ  ณ  บ้านเพเลไค

                  เสียงกริ่งประตูดังขึ้น  พรีคลีย์ก้าวเท้าเปิดประตูต้อนรับ  พบว่าเป็นจีจี้ที่ยืนหน้าสลด  สร้างความประหลาดใจให้ลีโล่กับจัมบ้าเป็นอย่างยิ่ง  เพราะปกติจะไม่ออกจากบ้านเมอร์เทิลตอนค่ำ

                  "มีเรื่องอะไรรึเปล่าจีจี้  ถึงได้หน้าเศร้ามาหาเราค่ำ ๆ มืด ๆ"  ลีโล่ถาม

                  "ฉันมีเรื่องจะมาเตือนเธอ  นอกจากพวกเธอแล้วพี่สาวเธอคงไม่มาร่วมฟังด้วยนะ  ไม่อยากให้เจ้าตัวเป็นห่วง"  จีจี้ตอบพลางชะเง้อมองหาพี่นานี่  หวังว่าพี่สาวของลีโล่จะไม่รอฟังข่าวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

                  "ทำไมพี่นานี่จะร่วมฟังไม่ได้"  สติทช์สงสัย

                  "เพราะเรื่องที่จะเตือนลีโล่ให้ระวังตัวไว้  มันเป็นเรื่องร้ายแรงที่อาจต้องเสียเลือดเนื้ออย่างไม่มีวันหลีกเลี่ยงได้นะสิ"  จีจี้ตอบเสียงเครียด

                  "เสียเลือดเนื้อ!?  หมายความว่าไงกัน!?"  พรีคลีย์ตกตะลึง  นึกไม่ถึงว่าน้องหมาของยัยแว่นช่างกระแนะกระแหนจะพูดถึงเรื่องความเป็นความตายออกมา

                  "เมอร์เทิลกำลังจะชักศึกเข้าบ้านไม่รู้ตัว"  จีจี้เปรยถึงเจ้านายของเธอพลางทำหน้ากลัดกลุ้ม  ทำเอาลีโล่ถึงกับงุนงงเป็นอย่างมากกับคำตอบของหมาชิสุที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในญาติของสติทช์  ซึ่งฟังดูเป็นงานเป็นการผิดปกติ  เพราะทุกวันที่ลีโล่กับสติทช์ทำภารกิจค้นหาสัตว์ทดลอง... ไม่มีเหตุร้ายใด ๆ ให้ทั้งคู่มีอันต้องเผชิญหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สักครั้ง

                  จีจี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมอร์เทิลให้พวกลีโล่รับทราบ  ซึ่งสรุปได้ใจความว่า... ตั้งแต่เมอร์เทิลรับเจสสิก้ามาจากนิวยอร์คสู่เกาะคาไวเมื่อตอนปิดเทอมที่ผ่านมา  พฤติกรรมของเมอร์เทิลก็ยิ่งแย่ลง  เพราะเมอร์เทิลระบายเรื่องลีโล่ในทางลบ... เจสสิก้าก็ยุส่งให้ทำตัวเหนือกว่าลีโล่  เมื่อมีข่าวนิทรรศการศิลปะมีชีวิตมาเยือน... และหัวข้อของภาพวาดที่จะถูกจัดแสดงคือสัตว์เลี้ยง  เมอร์เทิลจึงหมายมั่นปั้นมือจะอวดจีจี้เป็นหมาชิสุที่น่ารักที่สุดในเกาะ  หมายเอาชนะสติทช์ของลีโล่ที่มีความแปลกประหลาดชนะทุกอย่างที่เป็นเมอร์เทิล  ซึ่งทำให้เมอร์เทิลเสียเซลฟ์จนเจสสิก้าพาไปทำความรู้จักกับแอนดรูว์และสตีล

                 จุดพีคของเรื่องราวที่ทำให้จัมบ้าตกใจ  คือ... สตีลเป็นสัตว์ทดลองที่ถูก "คนอื่น" สร้างมาและรู้ว่าจีจี้เป็นชีวิตทดลองเช่นกัน!

                 "เธอกำลังจะบอกว่า... ยังมีคนแบบจัมบ้าหลงเหลืออยู่บนดาวดวงนี้นะเหรอ!?"  พรีคลีย์ถามเสียงสั่น  นึกไม่ถึงว่าในกาแล็คซี่นี้จะมีนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่สร้างสัตว์ทดลองอันตรายหลงเหลืออยู่

                 "ก็อาจเป็นไปได้นะคะ  ถ้าจะถามหารายละเอียดล่ะก็... ลืมนึกไปได้เลย  เพราะหนูเพิ่งเผชิญหน้ากับร่างจริงของมันเป็นครั้งแรก  ไม่รู้อะไรมากนัก  รู้แค่ว่านายแอนดรูว์อะไรนั่นพยายามใช้เมอร์เทิลเป็นสะพานเข้าถึงตัวลีโล่ก็เท่านั้น"  จีจี้ตอบรวบรัด

                 "เธอพอจะอธิบายลักษณะของสัตว์ทดลองตัวที่เธอบอกว่าจัมบ้าไม่ได้เป็นผู้สร้างมาสิ"  จัมบ้าพร้อมเก็บรายละเอียดสิ่งที่เจ้าหมาชิสุ 007 พบเจอ  จีจี้จึงอธิบายรายละเอียดของสตีลเฉพาะจุดเด่นและการแปลงกายที่กลมกลืนกับสิ่งมีชีวิตบนดาวโลกให้อัจฉริยะชั่วร้ายได้รับทราบ

                 "แล้วตอนนี้... เจ้าบ้าที่เธอว่านี่มันอยู่ไหนกัน!?  ฉันอยากจะเหวี่ยงร่างมันไปถ่วงมหาสมุทรแปซิฟิกสักตั้ง"  สติทช์ของขึ้นมาในทันทีที่รู้ว่าภัยกำลังมาถึงโอฮาน่าของเขา

                 "ไม่ต้องตามหาให้เสียเวลาหรอก  เพราะพรุ่งนี้จะปรากฎตัวให้ได้เจอกันอีกครั้ง"  จีจี้แจ้งข่าวทิ้งท้ายก่อนที่จะหันกลับไปยังหน้าบ้าน  "ฉันมาแจ้งข่าวเท่านี้แหละ  เดี๋ยวเมอร์เทิลรู้ว่าฉันแอบออกมาแบบนี้แล้วจะเป็นเรื่อง"  เธอพูดจบแล้วเร่งฝีเท้าออกจากบ้านในทันที


งานช้างมาเยือนเสียแล้ว!


                  จัมบ้าออกความเห็นว่าเรื่องของแอนดรูว์กับสตีลที่มาวุ่นวายกับจีจี้... ควรตกเป็นหน้าที่ของคุณค็อบบร้า  โดยให้เหตุผลว่าเมอร์เทิลไม่มีวันเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติเป็นอันแน่แท้  และยังปักใจเชื่อว่าจีจี้เป็นหมาชิสุธรรมดาที่มีความน่ารักไว้ข่มสติทช์  ส่วนลีโล่กับสติทช์ก็สนุกสนานไปกับนิทรรศการศิลปะมีชีวิตเพื่อสร้างโลกใบใหม่ให้คาลี่กับฟลุทรู้สึกว่าน่าอยู่ยิ่งขึ้น  เพราะจัมบ้าไม่ต้องการให้คนที่เขารักเสมือนลูกหลานในไส้ต้องเสี่ยงอันตรายไปกับวายร้ายต่างดาวที่มีพิษสงยิ่งกว่าแฮมสเตอร์วิลล์  ซึ่งลีโล่ได้แต่ตอบตกลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้... เพราะเห็นแก่ฟลุทที่ยังไม่รู้ว่าคาลี่จะปกป้องได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่  ในเมื่อฝั่งฟลุทยังมีคนโฉดชั่วคิดลองของหวังบีบให้เปิดเผยตัวตนเป็นอันแน่แท้

                  จากการประชุมลับที่เกิดขึ้นในเวลาแสนสั้น  ทำให้ลีโล่กับสติทช์ต้องแอบระดมสมองกันตามลำพัง

                  "พี่คิดว่า... ตอนนี้รูเบ็นกับแกนตูยังติดต่อไปมาหาสู่กันรึเปล่า"  ลีโล่เปิดประเด็นวางแผนสืบเรื่องแอนดรูว์อย่างลับ ๆ

                  "บอกตามตรงนะ  ตั้งแต่แกนตูรามือเรื่องญาติพี่... เขาก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย  ที่รูเบ็นบอกว่าแกนตูทำภารกิจลับ  ไม่รู้ว่ามีข้อเท็จจริงยังไงนี่สิ  เธอคิดเหรอว่าแกนตูจะรู้เรื่องวายร้ายที่แฝงตัวมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์"  สติทช์คาดเดาความเป็นไปได้จากการปะทะกับแกนตูเรื่องสัตว์ทดลอง  รู้มาว่าตั้งแต่แกนตูถูกปลดจากการเป็นมือปราบแห่งสหพันธ์กาแลคติก  แกนตูก็วิ่งวุ่นไปกับการค้นหาสัตว์ทดลองตามใบสั่งของแฮมสเตอร์วิลล์มาตลอด

                  "ฉันก็ไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น  จากที่ฉันพบปะกับสหพันธ์กาแลคติกสัก... 2-3 ครั้ง  คนร้ายที่รู้จักก็มีแค่แฮมสเตอร์วิลล์  ไม่เคยได้ยินวายร้ายหน้าไหนที่หลุดรอดมาอาศัยบนโลกเลย  แต่ที่จีจี้บอกว่ามีสัตว์ทดลองอื่นตกอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของคนชื่อแอนดรูว์  ซึ่งมาจากนิวยอร์ค  เป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตทดลองจะร่วงหล่นไปยังอีกฝั่งของอเมริกาได้"  ลีโล่วิเคราะห์จากคืนที่เธอกับแฮมสเตอร์วิลล์ปะทะกันในยานของแกนตูก่อนที่เหล่าชีวิตทดลองจะร่วงหล่นไปทั่วฮาวาย  สติทช์ฟังแล้วพยักหน้าเห็นด้วย

                  ชีวิตทดลองทั้ง 626 ตัวล้วนอาศัยอยู่ในฮาวาย

                  พูดถึงคนที่ชื่อแอนดรูว์  สติทช์ได้วาดรูปใบหน้าของคนที่จีจี้พูดถึงนี่!

                  "ถ้าสมมุติว่าเจ้านี่ไม่ใช่คน  แต่เป็นปีศาจตัวใดตัวนึงจำแลงแปลงกายมา  คิดว่าเป็นปีศาจสายพันธุ์ไหน"  สติทช์ส่งภาพวาดใบหน้าแอนดรูว์ให้ลีโล่คาดเดาจากปีศาจชนิดต่าง ๆ ที่เคยดูมาจากหนังสยองขวัญหรือผจญภัย

                  "ไม่รู้ว่ามาจากดาวดวงไหน  ถ้าดูจากเค้าโครงใบหน้าที่ดูร้าย ๆ ในคราบนักธุรกิจที่น่าเชื่อถือ  ฉันว่าน่าจะเป็นก๊อบลินมากกว่านะ"  ลีโล่คาดเดา

                  "อืม... นายก๊อบลินคางแหลม  ฟังดูเข้าท่าดี"  สติทช์นึกฉายาที่จะตั้งให้แอนดรูว์แล้วนึกขำขันออกมาเบา ๆ

                  "ก็จริง  หน้าเขาดูเป็นก๊อบลินจำแลงแปลงกายมา  ถ้าเป็นก๊อบลินจากดาวดวงอื่น... จะเป็นยังไงนะ"  ลีโล่พลอยขำไปด้วย

                  "พี่ก็จะตีตั๋วให้กลับไปยังดาวดวงที่จากมานะสิ!"  สติทช์ทำท่าคันไม้คันมืออยากซัดศัตรูต่างดาวเต็มแก่ที่บังอาจมาวุ่นวายกับโอฮาน่าของเขา  และทำให้ภารกิจค้นหาสัตว์ทดลองยุ่งยากขึ้น

                  "ฮ่า ๆ  ตีตั๋วด้วยการเหวี่ยงยานให้ลอยออกไปนอกโลกสินะ"  ลีโล่นึกภาพเอเลี่ยนแปลกหน้าถูกสติทช์จับเหวี่ยงลอยไปบนท้องฟ้า  ยิ่งคิดก็ยิ่งขำ

                  "ของมันแน่อยู่แล้ว  ใครหน้าไหนก็ไม่มีทางฝ่าด่านพี่ได้"  สติทช์ทะนงตนในความแข็งแกร่งให้ลีโล่ได้รับรู้  ทำเอาลีโล่หมั่นไส้

                  "ยกเว้นฉันคนนี้ที่พี่ฝ่าไปไม่ได้"  ลีโล่โอบกอดเพื่อนรักตัวสีฟ้าทางข้างหลังแล้วจั๊กจี้เอวด้วยความสนุกสนาน  ทำเอาสติทช์หัวเราะจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้  เด็กหญิงตัวน้อยได้ใจ... เล่นปูไต่เลื่อนมือไปจั๊กจี้ที่หน้าท้องของเขาต่อ  "รู้มั้ย... ว่าพี่ตัวนุ๊มนุ่มอย่างที่ว่าไว้ไม่มีผิด  บางทีฉันก็คิดนะ... ว่าจะมีคืนไหนที่ฉันนึกอยากกอดพี่แทนสครัมป์"

                   สติทช์ฟังแล้วรู้สึกขวยเขินอย่างบอกไม่ถูก  เขารู้สึกดี... อบอุ่นและปลอดภัยทุกครั้งที่มีลีโล่ข้างกาย

                   เมื่อเห็นว่าแก้มซ้ายเธอแนบชิดกับแก้มขวาของเขา  สติทช์แอบยิ้มเจ้าเล่ห์  หันไปหอมแก้มเพื่อนรักของเขาเบา ๆ หนึ่งที

                   "เฮ้... ขี้โกงนี่!"  ลีโล่ก็หน้าแดงไม่แพ้สติทช์  นึกไม่ถึงว่าเพื่อนรักตัวสีฟ้าจะกล้าแกล้งเธอแบบนี้

                   "นี่คือวิธีการสลัดตัวเองให้พ้นจากการถูกสาวน้อยจับตัว  โดยเฉพาะ... สาวน้อยน่ารักน่าทะนุถนอมของพี่ชายไงจ๊ะ"  สติทช์แก้ต่างให้ตัวเองพร้อมมอบรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม  ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ลีโล่รู้สึกได้... ว่าหัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นทุกขณะจิต

                   "พี่เอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานห๊ะ... ว่าฉันเป็นสาวน้อยน่ากอด  คำว่าสาวน้อยน่ารัก... น่าจะไปใช้กับแองเจิ้ลมากกว่านะ"  ลีโล่ดุกลบเกลื่อน  โดยเอาแฟนสาวของเพื่อนรักตัวสีฟ้ามาเป็นตัวเตือนสติ

                   "แหม... พี่ชมในฐานะโอฮาน่าคนสำคัญ  ว่ากันง่าย ๆ ก็คือ... ลีโล่กับแองเจิ้ลมีความน่ารักคนละแบบ  แต่น่ารักยังไงนั้น... พี่ไม่ขอตอบนะ"  สติทช์สรรหาคำพูดที่ฟังดูรักษาความเป็นเพื่อนแล้วรีบปีนขึ้นไปนอนบนเตียงนอนของเขาในทันที  ลีโล่ปิดไฟแล้วพักผ่อนเตรียมตัวสำหรับภารกิจในวันรุ่งขึ้น

                   เธอกับแองเจิ้ลมีความน่ารักคนละแบบงั้นเหรอ!?

                   สติทช์ชมแบบนี้... เขาตั้งใจจะสื่ออะไรให้เธอรู้กัน!?

                   จะเป็นไปได้ยังไงกัน... ที่สติทช์จะจีบลีโล่ทั้งที่เขามีแองเจิ้ลเป็นแฟน!?

                   แม้สติทช์เป็นคนพิเศษที่สุดที่ลีโล่เคยพบมาก็ตาม


------------------------------------------------------------------------


                   วันต่อมา  ณ  ยานของแกนตู

                   สองคู่หูสายลับค้นหาสัตว์ทดลองเลือกที่จะสอบถามข้อมูลเรื่องแฮมสเตอร์วิลล์จากคนที่น่าจะรู้เรื่องวายร้ายตัวนี้ดีที่สุด  ซึ่งหนีไม่พ้นรูเบ็นที่ยังปักหลักอยู่ในยาน... แม้แกนตูตัดขาดจากเจ้าหนูเจอร์บิลโรคจิตแล้วก็ตาม

                   "ทำไมเธอถึงนึกสนใจเรื่องนักวิทยาศาสตร์ที่ผลิตชีวิตทดลองแบบเราขึ้นมา"  รูเบ็นสงสัยในตัวลีโล่ที่จู่ ๆ ก็ถามถึงนักวิทยาศาสตร์แบบจัมบ้าขึ้นมา

                   "ก็... จัมบ้ากับแฮมสเตอร์วิลล์เป็นหุ้นส่วนกัน  และนายเองก็เป็นหนึ่งในชีวิตทดลองที่ทั้งคู่ร่วมกันสร้างทั้งไอเดียและเงินทุน  นายน่าจะรู้ความลับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแฮมสเตอร์วิลล์ก่อนถูกชะล้างคายน้ำคืนสภาพเป็นลูกหินสลักหมายเลข  เผื่อว่าฉันกับพี่สติทช์จะเตรียมหาทางรับมือได้  เท่านี้น่าจะใช้เป็นเหตุผลในการอยากรู้ได้รึเปล่า"  ลีโล่ชี้แจงเหตุผลให้อีกฝ่ายรับทราบ

                   "ถ้าจะถามถึงแฮมสเตอร์วิลล์ในช่วงเวลาก่อนที่จัมบ้าจะถูกยัดเข้าซังเต  บอกไว้ก่อนว่าไม่รู้  รู้เพียงแค่ว่าฉันถูกโปรโมทให้เจ้าหนูเจอร์บิลเข้าใจว่าฉันมีความร้ายกาจยิ่งกว่าชีวิตทดลองทั้ง 624 ตัวที่ผ่านมา  แค่หมอนั่นได้ยินคำว่าร้ายกาจปุ๊บ... ก็เชื่อใจปั๊บจนฉันถูกคายน้ำก่อนที่จะสร้างนายขึ้นมาไงล่ะ"  จอมทำแซนด์วิชพูดติดตลกพลางชำเลืองมองหน้าสติทช์ด้วยแววตาอิจฉาเล็กน้อย

                   "แต่สุดท้ายนายก็อ้วนลงพุงเพราะทำแซนด์วิชเพลินทุกสถานการณ์"  สติทช์เอานิ้วจิ้มพุงรูเบ็นแล้วหัวเราะขำขันจนอีกฝ่ายถึงกับเคือง... เอาแตงกวาดองยัดเข้าปาก  ทำเอาสติทช์คายทิ้งแล้วแจ้นเข้าไปในครัว... เปิดก๊อกน้ำล้างจานเพื่อล้างปากจนกว่ารสชาติแตงกวาดองจะหายไปจากลิ้นที่แสนล้ำค่าโดยเร็ว

                   "แสดงว่าแฮมสเตอร์วิลล์ไม่ได้เก่งจริงอย่างที่อวยไว้  ในสมองคงคิดแค่ว่าพวกนายเป็นอาวุธมีชีวิตที่มีหน้าที่ทำลายล้างก็แค่นั้นสินะ"  ลีโล่ประเมินคนจากเรื่องเล่าของอีกฝ่าย  เธอยิ่งชิงชังแฮมสเตอร์วิลล์มากขึ้น

                   "สำหรับแฮมสเตอร์วิลล์  ไม่ได้คิดแค่เป็นอาวุธมีชีวิตเท่านั้น  เห็นเป็นสินค้าที่ทำเงินได้มหาศาล  ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพความร้ายกาจน่ะนะ  ผิดกับเธอที่ไม่เคยมองเราเป็นสัตว์ประหลาดหรืออาวุธร้าย... แถมชี้นำให้เราต่อต้านโปรแกรมดั้งเดิมอีก  ตอนแรกส่งแองเจิ้ลไปหวังชิงโอฮาน่าของสติทช์คืนมา  แต่ไพ่ใบสุดท้ายดันถูกส่งคืนโอฮาน่าที่แท้จริง  เจ้าหนูนั่นกลัวรายได้จะชวดและเสียเครดิตในหมู่อัจฉริยะด้านการทำลายล้างที่เธอลูบคมมัน... เป็นไปได้ว่าแฮมสเตอร์-วิลล์อาจมีหุ้นส่วนลับที่เคืองแค้นเพราะเสียผลประโยชน์จากข่าวจัมบ้าถูกจับ  ถึงได้ลงขันเตรียมเก็บเธอให้หายไปจากโลกนี้ก็เป็นไปได้  ทางที่ดี... เรื่องบางเรื่องที่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่  เธอควรเลี่ยง ๆ ไว้บ้าง  ไม่ใช่ว่าพี่จะพูดให้เธอกลัวนะ  พี่เห็นว่าเธอยังเด็กนัก... ควรใช้ชีวิตสนุกสนานให้สมวัยเหมือนที่สติทช์อยากเห็นรอยยิ้มของเธอมาตลอด"  รูเบ็นพูดถึงขั้นนี้  เขาก็อดห่วงเธอไม่ได้จนถึงขั้นวางมือทั้งสองข้างลงบนบ่าของเด็กหญิงตัวน้อย  "พี่รู้... ว่าเธอมีเจตนาดีที่พร้อมจะปกป้องโอฮาน่าของเธอกับสติทช์  แต่บางทีเธอควรรู้จักรักตัวเองด้วย  ไม่ได้มีแค่สติทช์เท่านั้นที่เป็นห่วง  เพื่อน ๆ ที่เธอผูกมิตรก็ห่วงเธอด้วยเช่นกัน  สัญญากับพี่ได้มั้ย"

                   "สัญญา... อะไรกัน"  ลีโล่เอ่ยปากถามเมื่อครั้งที่นัยน์ตาเธอสบตารูเบ็น  นึกไม่ถึงว่าจอมทำแซนด์วิชที่มีดีแค่เป็นพ่อครัวประจำยานอดีตมือปราบจะมีโมเม้นต์จริงจังแบบนี้

                   "สัญญากับพี่... ว่าเรื่องที่เธอสงสัยหรืออยากรู้อยากเห็น  ต้องไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ที่อยู่ในกาแล็คซี่  เธอทำให้สติทช์และชีวิตทดลองได้เรียนรู้คำว่าโอฮาน่าและมิตรภาพก็ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว  อย่าทิ้งภารกิจกลางคันเพราะเรื่องที่เธอสงสัยเกินวัย... เธอทำได้มั้ย"  รูเบ็นกำชับด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น  หวังว่าลีโล่จะรับปากเรื่องการระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น

                   "ฉันสัญญาจ้ะพี่  ให้ถือซะว่าฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพี่  ขอโทษด้วยที่สงสัยอะไรไม่เข้าท่า  เป็นเพราะฉันห่วงจีจี้เรื่องมีชีวิตทดลองแปลกหน้าที่ไม่ใช่ผลงานของจัมบ้ามาคุกคาม  ฉันก็เลย..."  ลีโล่พูดถึงจีจี้แล้วสีหน้าของเธอก็สลดลง

                   "ไม่เป็นไร  พี่รู้ว่าเธอมาถามแบบนี้  แสดงว่ามีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้น  ถึงจะไม่เห็นเป็นรูปธรรมโดยตรง  ก็คงมีกลิ่นไอบ้างล่ะนะ"  รูเบ็นกอดคอเด็กน้อยเป็นเชิงปลอบ  จริง ๆ แล้วเขารู้เซ้นส์ดีว่าการที่เธอกับสติทช์มาที่ยานแกนตู  ต้องมีเรื่องที่ใหญ่มากถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นอันแน่แท้

                   แต่แล้ว... จมูกของสติทช์ก็ได้กลิ่นไม่พึงประสงค์

                   "มีอะไรรึเปล่าสติทช์"  ลีโล่ถามเมื่อเห็นเพื่อนรักตัวสีฟ้าทำจมูกฟุดฟิด

                   "พี่ได้กลิ่นคนแปลกหน้า  รออยู่ที่นี่ก่อน  เดี๋ยวมานะ"  สติทช์ตอบแล้ววิ่งตัวปลิวออกไปนอกยานในทันที  ลีโล่มองตาม... ทำท่าจะเดินตามไป  แต่ถูกรั้งตัวไว้ก่อน

                   "ไม่ต้องห่วงหรอก  เขาอึดจะตายไป  ถ้าไม่มีอะไร... เขาก็กลับมาเองแหละ"  รูเบ็นพูดให้ลีโล่เชื่อมั่นในตัวสติทช์  เขาเชื่อ... ว่าสติทช์ต้องรับมือกับคนแปลกหน้าได้  ลีโล่ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง

                   หวังว่าคนแปลกหน้าที่สติทช์พูดถึง... จะไม่ใช่ศัตรูใหม่ที่ร้ายกาจกว่าแฮมสเตอร์วิลล์นะ



                  สติทช์ก้าวเท้าออกจากยานของอดีตมือปราบ  บัดนี้เขายืนอยู่บนโขดหินบริเวณน้ำตก  กวาดตามองหาเจ้าของกลิ่นไม่พึงประสงค์  เพียงแต่กลิ่นที่ว่ามานี้... ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นหรือหอม

                  เขาได้กลิ่นศัตรูที่ไม่ใช่ญาติที่ถูกจัมบ้าสร้างขึ้นมา

                  นักสู้หมายเลข 626 งัดความซุปเปอร์ออกมาเพื่อตามหาคนแอบสะกดรอยตามโดยเฉพาะ  ไม่ว่าจะเป็นใบหูที่รับคลื่นซุปเปอร์โซนิค  นัยน์ตาเอ็กซ์-เรย์และอินฟราเรดตรวจจับความร้อน  เขามั่นใจเต็มร้อย... ว่าคนที่ซุ่มดูเขากับลีโล่เข้าไปในยานแกนตู  จะต้องหลบซ่อนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

                  ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถฝ่าด่านสติทช์ได้

                  ต่อให้ซ่อนตัวเก่งแค่ไหน  ก็ไม่มีทางหนีพ้นจมูกที่สัมผัสกลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์หรือสัตว์ได้หรอก!

                  สมองซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ก็พร้อมที่จะรับมือกับคนแปลกหน้านิสัยชอบติดตามชีวิตผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตอย่างเต็มที่  พวกสตอล์กเกอร์ (stalker) เป็นภัยต่อมวลมนุษยชาติ

                  ไม่ว่าจะเอเลี่ยนหรือมนุษย์บ้าเอเลี่ยน  ต้องเจอยอดนักสู้ตัวสีฟ้าในร่างจริงก่อนเถอะ

                  สี่แขน  หนวดกุ้ง  และหนามที่สันหลังพร้อมทำลายศัตรูทุกตัวที่ขวางหน้า!

                  เขาวิเคราะห์ศัตรูที่เขามั่นใจได้ว่าไม่ใช่ญาติ  ถ้าซ่อนตัวอยู่ในป่า  ถ้ำ  หรือบริเวณยาน... เป็นที่ซ่อนตัวที่โง่พอสมควร

                  เหลือเพียงที่เดียวที่สติทช์มั่นใจว่าศัตรูต้องซ่อนตัวอยู่

                  หลังม่านน้ำตก

                  สติทช์หยิบหินก้อนใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมาแล้วโยนไปยังศัตรูที่คิดว่าต้องซ่อนอยู่หลังม่านน้ำตก  มั่นใจในความแม่นยำของเขา  ด้วยความคิดที่ว่า... อีกฝ่ายต้องปรากฏตัวจากที่ซ่อนเป็นอันแน่แท้

                  แต่ผิดคาด

                  ไม่มีสิ่งใดปรากฏตัวออกมาแม้แต่เงา!

                  "โอเค!  คุณจะไม่ปรากฎตัวก็ได้... ผมไม่ว่า  แต่ขอเตือนไว้อย่าง... การที่คุณสะกดรอยตามคนที่ไม่เคยรู้จักแม้แต่เห็นหน้าค่าตากันมาก่อน  เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย!  เพราะการกระทำเช่นนี้... มันบ่งบอกถึงการเป็นศัตรูกันตั้งแต่แรกเริ่ม  ซึ่งผม... ไม่ชอบเป็นศัตรูกับใคร  ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ  ที่ผมพูดมา... คงเข้าใจนะ  ว่าหมายความว่าอย่างไร!"  สติทช์ส่งเสียงหวังให้ศัตรูที่ซ่อนตัวรับรู้  เพราะไม่รู้ว่าคนที่เป็นเจ้าของกลิ่นไม่พึงประสงค์เป็นมิตร  ศัตรู  หรือไม่เป็นพวกใคร  จึงไม่อยากลงไม้ลงมือกับคนแปลกหน้าให้เปลืองแรงเสียเปล่า

                  ในที่สุด... คนแปลกหน้าก็ยอมปรากฎตัวจากที่ซ่อน

                  คน ๆ นั้นอาจเป็นสัตว์ทดลองที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

                  เพราะสิ่งมีชีวิตที่กระโดดลงมาจากหลังม่านน้ำตก  มีรูปลักษณ์เป็นหมาจิ้งจอกขนสีเทา  แต่มีดวงตาถึง 4 ลูกด้วยกัน  ดวงตาสองลูกแรกทำหน้าที่มองเห็นตามปกติ  ส่วนดวงตาสองลูกหลังจะถูกซ่อนอยู่ใต้ขนสีเทาหนาบริเวณหลังหัวไหล่  และมีหางฟูถึง 3 หาง

                  โอ๊ะโอ... นี่มันสัตว์ทดลองสายพันธุ์ใหม่หรืออะไรกัน!?

                  "รู้จักเจรจากับศัตรูได้ดีนี่  ที่ได้ยินมาว่าเด็กผู้หญิงตัวน้อยทำให้โปรแกรมทำลายล้างของสัตว์ทดลองล้มเหลวนี่ท่าจะเป็นจริง  สุดยอดจอมทำลายล้างหมายเลข 626 ถึงพูดออกมาได้เต็มปาก... ว่าไม่อยากเป็นศัตรูกับฉัน"  หมาจิ้งจอกนิรนามหัวเราะในลำคอ  รู้สึกได้ว่าสติทช์จะเป็นคู่ต่อสู้มีแววปะทะฝีมืออย่างสูสีกันในอีกมิช้านี้

                  "ก็พฤติกรรมของคุณน่าสงสัยนี่  ยิ่งรู้ว่าคุณรู้ข่าวลีโล่กับภารกิจค้นหาสัตว์ทดลอง... มันทำให้ผมสงสัยมากขึ้นว่าคุณเป็นใครมาจากไหน  ในเมื่อคุณไม่ใช่ญาติที่จัมบ้าสร้างขึ้นมา"  สติทช์สบตาเผชิญหน้ากับหมาจิ้งจอกอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัวใด ๆ

                  "ผมเป็นใครมาจากไหนนะเหรอ  อืม... ไว้ผมจะบอกหลังจากที่ผมวัดฝีมือกับคุณแล้ว"  หมาจิ้งจอกนิรนามตะกุยเท้าหลังเตรียมจู่โจมสติทช์หมายจะทดสอบการต่อสู้ของอีกฝ่าย

                  "นี่คือธรรมเนียมของคุณสินะ  ก็ได้... ผมชักจะคันไม้คันมือนานแล้วเหมือนกัน"  สติทช์รับคำท้า  ตั้งท่าออกรบปะทะกับหมาป่าเช่นกัน

                  ศึกวันทรงชัยของสองชีวิตทดลอง... สองผู้สร้างจึงอุบัติขึ้น!



           ç=================è

 


           

  

                                      

      

                        

                       

        

             

        

      

 

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture