ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่๑๐ เรื่องนี้ถึงหูคุณหญิงแน่
พอทำงานเสร็จก็เริ่มค่ำ
ทั้งคู่ลงมา กะจะกลับบ้าน โชติกาพูดขึ้นมา
“โชขอตัวก่อนนะคะ
โชกะจะไปเดินเที่ยวห้างแถวนี้บ้าง ตั้งแต่มาอยู่นี่ยังไม่เคยไปเลยค่ะ”
“ฉันพาไปเอง”
“ไม่ต้องรบกวนคุณชายหรอกค่ะ
โชไปเองได้ ใกล้ๆ เอง ปกติโชก็เดินคนเดียวทุกวันอยู่แล้วนี่คะ” โชติกาพูดนิ่งๆ
เธอก็ต้องโดนเขาแกล้งให้เดินไปส่งข้าวส่งน้ำกับจ่ายตลาดอยู่แล้ว
จะเดินไปห้างใกล้เคียงบ้างจะเป็นอะไรไป ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรอยู่แล้วอยู่แล้ว
แต่ทยาทัพก็พูดโดยเฉไฉสายตาไปทางอื่น
“ได้ยังไง
นี่ก็มืดแล้ว เดินไปคนเดียวเดี๋ยวมีคนฉุดเธอฉันจะทำยังไง?”
คำพูดนั้นทำให้ดวงตากลมโตมีประกายวาบ
“ฉันหมายถึงฉุดเธอไปปล้นต่างหาก
ถ้าฉุดไปทำอย่างอื่นคงไม่มีซะหรอก ยกเว้นว่ามันจะเป็นพวกตาถั่วอะนะ
แต่มันก็อาจจะมีอยู่ ไม่งั้นจะมีพวกข่มขืนยายหรือไง” ทยาทัพไม่วายพูดจาร้ายๆ ให้เพราะไม่อยากยอมรับว่าเป็นห่วงกลัวจะเสียหน้า
“ไอ้แก๊ป มาขับรถไปส่งฉันหน่อยสิ”
“ครับ คุณชาย”
แก๊ปเป็นคนขับรถให้เพราะถึงห้างจะอยู่ใกล้แต่ก็ไม่ได้ใกล้ขนาดจะเดินไปสบายๆ
และทยาทัพก็ขี้เกียจหาที่จอดรถเองเลยให้แก๊ปคอยอำนวยความสะดวกให้เหมือนทุกวัน ก็แหงล่ะ
คนรวย มักจะใช้เงินซื้อความสบายให้ตัวเองเสมอ มันเป็นเรื่องปกติ ใครๆ
ก็มักทำกันอย่างนั้น
เป็นครั้งแรกที่โชติกาได้ขึ้นรถหรูขนาดนี้
รถราคาหลายล้าน ทำสีอย่างดี อยู่เหมาะกับหนุ่มไฟแรงอย่างเขา
พอรถนิ่งเงียบชายหนุ่มก็โวยวาย
“เปิดเพลงสิไอ้แก๊ป
แกจะให้ฉันนั่งเงียบๆ หรือไง?”
“ครับๆ”
‘ไอ้พวกลูกหมา ฟังคำกูไว้ให้ดีนะ เห้ โย่ว... กูบอกแล้วไงว่าอย่ามาท้าทายกู เพราะน้ำหน้าอย่ามึงก็ทำได้แค่คอยด่าแล้วก็ชะโงกหน้ายืนดู
ฮ่าๆๆๆๆ ถ้ามึงอยากรู้ว่าทำไมก็เชิญพวกมึงเข้ามา
กูจะคอยตอบคำถามให้ด้วยไอ้สองบาทา จะเอาไปถีบเอาไปตบเอาไปลูบหน้า ถุยน้ำลายแล้วบอกว่ามึงเล่นผิดคนแล้วไอ้สัตว์เอ๊ย...’
เพลงแรปเมามันถูกเปิดขึ้นซึ่งทยาทัพก็โยกหัวเป็นจังหวะ
แก๊ปนั่งหูทวนลมเหมือนเป็นเรื่องปกติ โชติกาอ้าปากค้าง
ไม่เคยฟังเพลงอะไรอย่างนี้มาก่อน
“นี่มันเพลงบ้าอะไรกันคะคุณชาย?”
“เพลงอย่ามาท้าทายกูไง
ไม่เคยฟังเหรอ?”
“ไม่
โชไม่เคยฟังอะไรแบบนี้”
“งั้นก็หัดฟังไว้
ฉันชอบเพลงแบบนี้แหละ นักร้องคนนี้เคยร้องเพลงขอได้ไหมกางเกงในเธอด้วย
ฉันโคตรชอบเลยนะ ฟังกับพี่พีทประจำ” ทยาทัพ “เห้ โย่ว ไอ้แก๊ป
เปิดเพลงขอได้ไหมกางเกงในเธอให้โชติกาฟังสิ เพลงนี้โคตรเพราะเลย ฟังทีไรแล้วจะลุกขึ้นมาเต้น
อยากให้เธอได้ยิน”
“ไม่เอา
โชไม่ฟังนะ”
‘กางเกงในเธอที่มันสีชมพู ฉันใคร่จะขอดูมันใกล้ๆ สักครั้ง อยากจะเอามาดูชัดๆ
ถึงสีของมัน ถ้าได้ดมแบบนั้นฉันคงจะชื่นใจ...’ นักร้องในแผ่นก็ยังร้องเพลงหวานแหววต่อไป แต่มันคงเป็นความหวานในแบบหื่นๆ โชติกาหน้าแดงแปร๊ดทนฟังเพลงบัดสีแบบนี้ไม่ได้ก็โวยวายลั่น
“ปิด! ปิดเดี๋ยวนี้นะ! คุณมันโรคจิต! ลามก!”
“ฟังขำๆ
ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย เธอก็คิดมากไปได้”
ทยาทัพไม่ยอมปิดแล้วยังร้องตามไปด้วย
หญิงสาวเม้มปากแน่น คนบ้านี่เอาแต่ใจชะมัด
......................................................................................................................................................
ห้างเล็กๆ
แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็มีร้านอาหารครบถ้วนคล้ายเปิดมาเพื่อรองรับให้คนแถวนี้แวะมากินมาเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศมากกว่า
“อ๊าย....
ตุ๊กตาตัวนั้นน่ารักจังเลยค่ะ” โชติกามองไปเห็นตุ๊กตาหมาขนปุยสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่งนั่งอยู่ก็ตาวาวเป็นประกาย
อยากได้บ้างจะได้เอามานอนกอดเล่นที่ห้อง แต่ติดที่ราคาของมันนี่สิ ตั้งเกือบพัน ทยาทัพหันมามองแล้วหันเราะจนเธอแหวใส่
“คุณหัวเราะทำไม?”
“เธอนี่ตลกจริงๆ
อยากเล่นตุ๊กตาเหมือนเด็ก”
“ใครเขาก็เล่นกันทั้งนั้นแหละคุณ”
“อยากได้ก็ซื้อสิ”
“มันแพง”
“งั้นฉัน...”
ทยาทัพกำลังจะออกปากซื้อให้แต่สายตาก็ไปเห็นลิลัวเดินควงมากับชยินเดินเล่นกันอยู่ข้างๆ
ท่าทางสนิทสนมเกินเพื่อนก็ควันออกหู กำลังจะเข้าไปต่อยแกหงุดหงิดแต่ก็นึกขึ้นได้จึงแอบฟังก่อนเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน
และนี่ก็คือสิ่งที่เขาได้ยิน
“คุณอย่าโกรธฉันเลย
คุณก็รู้ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ”
“คุณไม่อยู่ที่นี่ได้ไหม
ผมไม่อยากให้คุณอยู่กับไอ้คุณชายนั่น”
“แต่ยาย แม่ น้า
น้องสาว อยากอยู่ที่นี่ ครอบครัวเราไม่พร้อมเดินทางไปไหนมาไหนบ่อยๆ หรอกค่ะ
โดยเฉพาะน้องสาวฉัน รายนั้นกว่าจะยอมเคลื่อนย้ายไปไหนได้ คุณก็รู้” ลิลัวพูดอ้อนๆ
ชยินรวบตัวเธอเข้ามากอดซึ่งเธอก็ดูจะระแวงไม่น้อยว่าจะมีคนเห็น แต่ชยินก็ไม่ยอมแพ้
โอบเธอแน่นไม่อายสายตาใคร
“ก็ย้ายมาอยู่บ้านผมสิ
ผมมีที่เยอะแยะเลยนะ คุณจะเอาใหญ่แค่ไหนก็ได้”
“เรื่องนั้นไว้หลังเราคบกันดีกว่าค่ะ”
“เมื่อไรล่ะคุณ?”
“เอ...
เมื่อไรดี?”
“คุณจะให้ผมเลิกกับสาวๆ
พวกนั้นก็ได้ ผมยอมทุกอย่าง...”
“ยอมทุกอย่าง
งั้นยอมโดนหมัดกูหน่อยเป็นไงไอ้ชยิน!?” ทยาทัพพุ่งเข้าไปต่อยชยินหน้าหงาย
ลิลัวรีบเดินถอยหลังเอาตัวรอดประสาคนไม่เคยรักใครจริง ด้านชยินก็จะสวนกลับ
ลูกชายเฮียอ๋าฝีมือไม่น้อยหน้าใคร
สองคนต่อยกันอย่างไม่ยอมแพ้แต่ดูเหมือนเลือดบ้าในตัวคุณชายจะแรงกว่า
ชายหนุ่มขึ้นคร่อมตัวชยินแล้วอัดหมัดใส่
ระหว่างนั้นเองบอดี้การ์ดสองคนของชยินก็เข้ามา
สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป
คู่มือของทยาทัพเป็นการ์ดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้วยังสูงใหญ่
สองคนเข้ามาปกป้องเจ้านายโดยการทำร้ายทยาทัพที่ถึงแม้จะแข็งแรงแต่ก็เพลี่ยงพล้ำบ้างเหมือนกัน
“พวกมึงรุมกูเหรอ?” ทยาทัพโวยวายเมื่อเจอสองคนรุมเข้ามาแล้วชยินที่เริ่มมีแรงก็ลุกขึ้นมาเหมือนกัน
แต่คนอย่างเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ยังมีฤทธิ์เดชอยู่ก็อัดเข้าไปที่ท้องการ์ดคนหนึ่งจนจุกแล้วกระชากแขนอีกคนมาเหวี่ยงเต็มแรง
ตามด้วยจะเข้าไปต่อยมันอีก แต่คราวนี้การ์ดสองคนรุมกันเข้ามาจับตัวเขาไว้จะให้ชยินต่อย
โชติการีบวิ่งเอาตัวไปกัน
“หยุดนะ!”
“เธอมายุ่งอะไรด้วย?”
“ฉันไม่ยอมให้พวกคุณมาทำร้ายคุณชายของฉัน
ถ้าคุณทำอะไรอีกแม้แต่นิดเดียว เรื่องนี้ถึงหูคุณหญิงแน่ คุณหญิงคำแก้ว
พวกคุณรู้จักไหม?” โชติกาขู่โดยเอาชื่อคำแก้วมาอ้าง
ผู้มีอิทธิพลหญิงระดับประเทศอย่างนั้นเป็นใครก็ต้องรู้จัก ทำเอาการ์ดสองคนเจื่อนไป
ชยินเองก็หวั่นๆ เหมือนกัน
“เอาไงดีครับคุณชยิน?”
“กลับ”
พวกมันพอนึกขึ้นได้ถึงข้อนี้ก็แบกสังขารตัวเองกลับ
เพราะรู้ดีว่ามีเรื่องกับคำแก้วไม่ต่างจากวอนหาที่ตาย
คำแก้วเป็นดั่งนางพญาในวงการที่ถ้าอยากทำอะไรใครหรือจะกล้าขัด
เห็นรักหลานเป็นคุณย่าใจดีแบบนี้ก็เถอะ ลองมีใครมาเหยียบจมูกมีหวังได้เห็นดีกัน
ทยาทัพโวยวาย
“เธอไปห้ามมันทำไม?”
“คุณนี่ยังปากดีอีก
จะโดนต่อยอยู่แล้ว”
“ลองมันต่อยฉันสิ มันได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแน่”
“แล้วดูแผลสิ เลือดออกเยอะเลย
เจ็บไหมคะ?” โชติกาคว้าข้อมือทยาทัพมาดูอย่างเป็นห่วง
ในขณะที่ลิลัวยืนดูเหมือนจะรู้สึกผิดที่เห็นชายหนุ่มเลือดไหล ทยาทัพหันไปหาลิลัวสายตาเว้าวอนต่างจากตอนแรกที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
ซึ่งเธอก็หันหลังกลับทันที แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้
“คุณลิลัว”
ทยาทัพพูดเสียงแผ่วเบา จ้องใบหน้างดงามไว้ “ตกลงคุณจะเอายังไงกับผม? จะให้ผมรออีกกี่ปี? หรือจะไม่ให้ผมรออีกเลย?”
“ไม่ต้องรอฉันหรอกค่ะ
คุณมีคนที่คู่ควรกับคุณแล้ว”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“อีกไม่นานคุณจะเข้าใจความหมายของฉัน
ขอบคุณความรู้สึกดีๆ ที่คุณเคยมีให้ฉันนะคะ และก็ขอโทษด้วยสำหรับทุกอย่าง” ลิลัวพูดแล้วตบบ่าเขา
สายตาเห็นใจเล็กน้อย “คุณทัพ ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ
หวังว่าเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้สักวัน... ฉันหมายถึงเพื่อนจริงๆ”
ลิลัวเดินจากไป
ทิ้งทยาทัพให้ยืนงงด้วยความปวดร้าว
......................................................................................................................................................
โชติกาเรียกแก๊ปให้มารับ
จนถึงบ้าน ทยาทัพก็ยังไม่พูดอะไรกับใคร
สายตานิ่งเงียบราวกับวิญญาณได้ลอยออกจากร่างไปแล้ว
เขาไม่เหลือความหวังอะไรกับลิลัวอีกต่อไป
แต่ทยาทัพไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่ผู้หญิงไม่เอาแล้วต้องไปตามตื้องี่เง่า
บอกว่าไม่เป็นไม่ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะไปคร่ำครวญขอความเห็นใจอะไรจากเธอ
“คุณทัพ...”
โชติกาเรียกอย่างสงสาร
ทยาทัพมีน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้า
ความรักที่เขาเฝ้ารอมาหลายปีได้แตกสลาย
ไม่มีอีกแล้ว ผู้หญิงหน้าสวยที่คอยยิ้มให้เขาหรือมาทำให้เขาใจเต้น
โชติกาไม่รู้จะทำอย่างไรจึงร้องเพลงขึ้นมา
“สงสัยต้องแบบนี้”
หญิงสาวดีดนิ้ว “เห้ โย่ว กางเกงในเธอที่มันสีชมพู ฉันใคร่จะขอดูมันใกล้ๆ สักครั้ง
อยากจะเอามาดูชัดๆ ถึงสีของมัน ถ้าได้ดมแบบนั้นฉันคงจะชื่นใจ...”
“โชติกา...”
ทยาทัพโผเข้าหาร่างเล็กแล้วกอดไว้อย่างนั้น
โชติกาสัมผัสได้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลลงมาอาบเสื้อ เธอลูบหลังเขาไว้อย่างนั้น
อยากให้เขารู้ถึงความหวังดีของเธอบ้างสักวัน
ความคิดเห็น